Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
ในคลิปช่วงต้นจะเป็นการเทียบกับรถเก่าที่กินน้ำมันถ้าใครต้องการจะดูเทียบกับรถไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันมากกว่าสามารถดูได้ตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 20 นะครับและในไฟล์เต็มของชีต เราได้จำลองสถานการณ์ให้หลายแบบ รวมถึงเปลี่ยนเป็นรถที่มีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าในคลิปด้วย ลองไปดูละเอียดๆเพิ่มเติมได้ว่าใครซื้อแล้วคุ้ม ใครไม่คุ้ม หรือปรับตัวเลขตามลักษณะการใช้งานจริงตัวเองได้ด้วย อัตราสิ้นเปลืองคันที่ขับอยู่เท่าไหร่ ก็ไปปรับเปลี่ยนได้เลย ไปโหลดไฟล์ได้ที่droidsans.com/the-reason-why-you-should-switch-to-an-ev-car/กระโดดไปดูเนื้อหาเฉพาะส่วนที่อยากรู้ได้เลยเช่นกันนะ00:00 เปลี่ยนเป็นรถ EV คุ้มจริงมั้ย01:43 ข้อมูลที่ต้องเตรียมก่อนคำนวณ02:24 เตรียมข้อมูลการใช้รถ03:10 ข้อมูลรถคันปัจจุบัน05:36 ข้อมูลรถ EV คันที่เล็งไว้06:44 เรตค่าไฟบ้าน (หรือที่ติดตั้งเครื่อง)08:22 เปรียบเทียบส่วนต่างอัตราสิ้นเปลืองพลังงาน08:56 การใช้งานระยะยาว (จนครบกำหนดการคุ้มครอง)09:51 ถ้าแบตเสื่อมทิ้งเลยมั้ย11:09 ส่วนต่างเอาไปซื้อรถได้อีกคัน11:46 ประหยัดน้ำมัน แต่ยังต้องผ่อนรถ EV คุ้มมั้ย?13:38 รถเก่า รถใหม่ และ รถยนต์ไฟฟ้า14:32 ค่าใช้จ่ายแฝง15:03 ค่าประกัน16:32 ค่าบำรุงรักษาส่วนอื่นๆ18:54 รถยนต์ไฟฟ้าเหมาะกับใคร20:03 ถ้าใช้รถที่ประหยัดน้ำมัน เปลี่ยนคุ้มมั้ย?21:47 ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่เข้ามาในปัจจุบัน24:02 แบตเตอรี่-สถานีชาร์จ26:22 ถ้าซื้อรถแพงๆ ยังคุ้มอยู่มั้ย29:22 ซื้อแบบไหนให้คุ้ม
เพิ่มเติมให้อีกนิด คันที่ผมเอามาคิด 7 โลลิตรคือ Suzuki ของคนรู้จักอายุ 20ปี+ ซึ่งปกติสำหรับรถเก่ามากๆ และบางรุ่นที่ยังไม่เก่ามาก ก็กินแบบนี้แหละครับ ถ้าใครที่ขับรถอีโคคาร์ หรือประหยัดน้ำมันอยู่แล้ว วิ่งได้เกิน 10-20 กิโลลิตร ไม่อยากเปลี่ยนก็ตามสะดวกครับ อย่าซีเรียสเนอะ
@@longhai.review Suzuki รุ่นอะไรครับ ถ้า Suzuki สวิฟนี้ ประหยัดมากนะครับ 7 กิโลลิตร นี้รถอะไรครับ รถน้ำมัน ไม่ไฮปริด ยังแค่ 10 กิโลลิตรเองนะครับ ที่เปลืองๆ
ขอบคุณครับ ชอบๆ ครับ ละเอียดดี ผมก็อยากเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า กำลังหาแนวทางการคำนวณอยู่เลยครับ แต่เท่าที่ดูคลิปนี้ขออนุญาตสังเกตเห็นว่าจะใช้ราคาค่าน้ำมันกับราคาค่าไฟฟ้าแบบคงที่ตลอดการคำนวณ ซึ่งก็แอบกลัวว่าค่าไฟฟ้าหรือค่าน้ำมันน่าจะเพิ่มราคาต่อหน่วยขึ้นในอนาคต ส่วนข้อมูลอีกอย่างที่น่าจะนำมาคำนวณด้วยสำหรับคนมีรถเก่าอยู่แล้วแต่อยากเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าคือ ราคาขายต่อหรือเทริน ถ้านำมาคำนวณด้วยคิดว่าจะลดเวลาคืนทุนเร็วขึ้นนิดนึงหรือกำหนดงบซื้อรถใหม่ได้สูงขึ้นนิดนึงครับ **ผมลองคำนวณดูแล้วข้อมูลรถเก่าของผมหากเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าจะคืนทุนในอีก 15ปี+ อาจเพราะรถเดิมประหยัดน้ำมันและใช้น้อยมากๆต่อวันครับ ถ้าหาเงินได้มากๆ ก็น่าซื้อใช้ครับเพราะได้เทคโนโลยีความปลอดภัยและตามความสุขใจของแต่ละคนครับ
ผมเอาแคมรี่14ปีไปเทิร์นเป็น MG EP มาได้6เดือนแล้ว โดยขายได้เท่าไหร่ก็ดาวน์หมดเลยและหักไว้2หมื่นกว่ามาทำระบบไฟฟ้าและมิเตอร์TOUด้วยโดยผมนับให้การวางระบบไฟฟ้าที่บ้านเพื่อรถยนต์ก็จัดเป็นส่วนหนึ่งของค่ารถตอนวางดาวน์ ตอนที่ไปเทิร์นรถผมได้คิดคำนวณแบบนี้1.ค่าน้ำมันเดิมเดือนละ10,000 บาทตก กม.ละ5.5-6บาทต่อกม.เพราะวิ่งผ่านเส้นทางทำรถไฟฟ้าทั้งเส้นเช้าและเย็นเลยเปลืองค่าน้ำมันมาก พอเป็นรถ EP เสียค่าไฟเดือนละ 1,500 มิเตอร์ปกติเดือนต่อมาเปลี่ยนเป็นTOU เหลือค่าไฟไม่เกินเดือนละ 1,200 สรุปประหยัดค่าน้ำมันได้เดือนละ 8,800 บาท2.รถแคมรี่เดิมเก่าแล้วมีค่าซ่อมรถเฉลี่ยตกปีละ20,000บาท และบวกค่าซ่อมบำรุงเข้าศูนย์เช็คระยะปีละ2ครั้งประมาณ10,000บาท รวมเป็น 30,000 บาทต่อปีหรือเฉลี่ยตกเดือนละ 2,500 บาท ส่วนรถ EP ค่าซ่อมบำรุงต่อแสนกม.หลังหักช่วงประกันแล้วแค่ ประมาณ12,000 บาทคิดขับเทียบเท่าแคมรี่ปีละ2หมื่นกม.แสนกม.จึงได้5ปี จึงได้ค่าซ่อมบำรุงรถ EP 12,000/5 = 2,400 บาทต่อปีหรือเดือนละ 200 บาท ส่วนค่าซ่อมรถไม่คิดเลยเพราะรถยังใหม่อยู่ แล้วพอมาเทียบส่วนต่างจากรถน้ำมันคันเดิมจะประหยัดส่วนนี้ได้เดือนละ 2,500-200=2,300 บาท3.ส่วนยางรถไม่ต้องคิดเลยเพราะรถไฟฟ้าใช้งานได้นานกว่ารถน้ำมันไปเกือบเท่าตัวเพราะมันมีระบบรีเจนเนอเรทีฟเบรคจึงทำให้รถไม่ค่อยเยียบเบรค ยางรถจึงจะเสื่อมน้อยกว่ารถน้ำมัน รถไฟฟ้าหลายคันวิ่งจนเปลี่ยนยางที่8หมื่นถึงแสนกม. ในขณะที่รถน้ำมันเดิมๆแค่5หมื่นกม.ก็ต้องเปลี่ยนแล้วเมื่อเอาข้อ1.ค่าน้ำมันที่ประหยัดได้ต่อเดือนมารวมกับข้อ2.ค่าซ่อมบำรุงเฉลี่ยที่ประหยัดได้ต่อเดือนรวมกันและไม่ต้องคิดข้อ3ก็จะได้ = 8,800+2,300 = 11,100 บาทต่อเดือนแล้วผมก็เลยเลือกซื้อแบบผ่อน84งวด เพราะหลังหักดาวน์แสนกว่าบาทที่ได้จากค่าเทิร์นแคมรี่แล้วจะเหลือผ่อนเดือนละ 10,630 บาท เพื่อไม่ให้เกินจำนวนเงินที่ประหยัดได้ที่ 11,100 บาท แม้ต้องเสียดอกเบี้ยมากกว่าแต่คอนเซ็ปผมคือ จะเปลี่ยนรถฟรีโดยไม่เสียเงินเพิ่มเลยสักบาททั้งเงินดาวน์รถและค่าผ่อนรายเดือนอีกด้วย แต่กลับกันผมเหลือเงินเพิ่มอีกเดือนละ 470 บาท หรือปีละ 5พันกว่าบาท ซึ่งก็เอาจำนวนนี้ไปโป๊วกับค่าประกันส่วนต่างถ้าต้องจ่ายแพงขึ้น ซึ่งตอนซื้อรถจริงๆก็ไม่รู้ว่าค่าประกันรถปีต่อไปจะเป็นเท่าไหร่กันแน่เห็นพูดๆกันว่ารถไฟฟ้าแพงกว่าแต่ก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่เลยกะไว้ว่าน่าจะสัก5,000บาทสรุปแล้วผมได้เปลี่ยนรถไฟฟ้ามาแบบฟรีๆหลังคำนวณแล้ว เลยซื้อรถไฟฟ้ามาใช้ครับ
เหมิอนกันเลยครับ ผมคิดเหมือนกันแบบนี้เลย
ใช้ตัวเลขนี้ไปคิดได้เลย ดีๆ
@@hsubasa 😀
@@bunyaritmarasri2385 😀
สำหรับผมที่บ้านมีรถน้ำมัน และรถ Hybrid อย่างละ 1 คัน คันต่อไปยังไงก็รถไฟฟ้าเพราะจากที่ลองเช่ามาขับอัตราเร่ง และความสนุกในการขับมันกินขาด มันขับสนุกกว่ามาก และภายใต้ความสนุกนั้นมันยังประหยัดอีกด้วย ในขณะที่รถ hybrid มันอืดกว่า EV เยอะ ยิ่งถ้าจะขับให้ประหยัดมากที่สุดจะยิ่งอืดมากกว่าเดิมเยอะ คันต่อไปยังไงก็ EV
แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละท่าน สำหรับผม ผมเบื่อกับการขึ้นเอาๆของราคาน้ำมันในประเทศนี้มากๆ และต้องเดินทางวันละร้อยโล เลยหันมาใช้รถไฟฟ้ามาสักพักใหญ่ๆแล้ว โดยรวมพอใจมาก ในหลายๆด้าน ยังไม่ต้องรับบทนักสู้ เพราะอยู่ต่างจังหวัด และติดตั้งที่ชาร์จที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถน้ำมันจอดไว้เฉยๆเลย นานๆใช้ที
แนะนำยี่ห้อกับรุ่นรถไฟฟ้าให้หน่อยค่ะพี่
คนคุ้มคือคนขับรถทุกวันครับ สำหรับผมและครอบครัว ทุกอย่างทั้งบ้าน โรงงาน กิจการอื่นๆ ทั้ง 2-3 อย่าง อยู่ในระแวกเดียวกันหมด เพราะจังหวัดภูธรด้วยครับ ขนาดรถสันดาบแทบไม่คุ้มเลยครับ Benz ซื่อมา 12 ปี วิ่งไม่ถึงแสน Mini หมด MSI 3 ปีวิ่งไม่ถึง 30000 เรื่องรถไฟฟ้าเลยไม่อยู่ในหัวเลย แต่ชอบนะครับ ทันสมัยดี ทรงสวย กลัวว่า ซื้อมา ก็มาจอดอย่างเดียวครับ แต่ที่ลงทุนแบบไม่คิดเลยคือ Solar Cell ครับ
3 ปีผม 15000 เอง เลยเหนด้วยเลย รถราคามันเสื่อมไว ไม่คุ้ม โซล่าคุ้มกว่า ผมก็ติดโซล่าครับ ถ้าจะซิ้อรถไฟฟ้ามันต้องมีไรที่มากกว่านี้ เช่นโดนบังคับ หรืออะไหล่ น้ำมันมันไม่มีแล้วไรงี้
ก็ถึงบอกไง ว่า รถไฟฟ้าไม่ได้เหมาะกับทุกคน ถึงได้มีการคำนวนแบบนี้ขึ้นมา ช่วยในการตัดสินใจ
จาก status ที่บอกยี่ห้อรถแล้วผมแนะนำว่า bezn 12 ปีปลดระวางได้แล้วครับ วิ่งน้อยประมาณนี้ออกรถไฟฟ้าก็คุ้มนะครับ แปลว่าไม่ได้วิ่งทางไกลสักเท่าไร เหมาะกับรถไฟฟ้าที่ไม่ต้องเสียค่า maintainance เยอะไม่มีน้ำมันเครื่องหรือสารเหลวอะไรให้ต้องเปลี่ยน+ได้ลดโลกร้อนไปในตัว ลองใช้แล้วจะชอบครับ
@@pongwitv คือถ้าไม่ซื้อใหม่ มันก็ไม่เสียเป็นล้าน แช้วใช้ของเดิมไป เสียน้ำมันค่าซ่อมก็ไม่ถึงแสน เภราะวิ่งน้อย เงินเก้าแสนที่เหลือจากไม่ออกไฟฟ้าทำไรได้เยอะมาก ยิ่งเวลาปแดปีผ่านไปมันจะทวีคูนถ้าลงทุนเซฟๆ ไม่เสื้อมแบบแบตอีก
อยู่ที่ความพร้อมเลยคับ ผมเป็นที่ใข้รถ 8km/l อยู่ รถเก่า 17 ปี รถที่กินขนาดนี้ ต้อง lpg แล้วคับ ค่าเชิ้อเพลิง 4 ปีที่ผ่านมา 2.6 บาท ผมบวกค่าซ่อมบำรุง 25000 ต่อปี ตก 3.6 บาท แต่ราคาน้ำมันตอนนี้ น่าจะตกไป 3.8 บาท ผมใช้ปีละ 25000 * 3.8 = 95000 บาท ถ้าเปลี่ยน ev ขายคันเก่า + ดาว 15% 60 เดือน เอารถที่ไกล้เคียงกัน กับที่ใช้ คือ aion y ต้องผ่อน 14000/เดือน + ค่าไฟฟ้า ไป 1600 ผมต้องจ่าย 15600/เดือน ใช้คันเดิมจ่าย 8000 ต่อเดือน ใช้ไป 5 ปี คันเก่า = 400000 บาท รถตีซากไม่ทีราคา ev น่าขายได้ซัก 350000 เอาเงินผ่อน 840000-350000 = 490000 ดูแล้วเปลี่ยนน่าจะคุ้ม แต่ๆๆ ต้องมาดูสิ่งที่ขาดหายไป และเพิ่มเข้ามาในแต่ละเดือน 1.ต้องจ่ายเพิ่ม 7600 บาทต่อเดือน2.คิดว่าต้องวิ่งเที่ยวมากกว่าเดิม พวก ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นน่าจะเพิ่มแต่ได้เที่ยวมากขึ้น3.สิ่งที่ ev ยังให้ไม่ได้ในราคา นี้ คือ รูปแบบของรถ ผมใช้ space wagon รถค่อนข้างเอนกประสงค์ เดินทางไกลได้เกิน 5 คนสบายๆ สรุปเลยว่า ถ้าเป็นรถเล็กๆ ที่กินน้ำมัน 12-13 ลิตร ก็จะตก 3 บาท + ค่าดูแล 0.5 บาท ก็จะไกล้เคียงกับรถที่ผมใช้อยู่ และไม่ต้อง 7 ที่นั่ง + สามารถเพิ่มเงินผ่อน 5000-7000 บาทต่อเดือน ในระยะการใช้งาน 2000km ต่อเดือน ไป ev ได้เลย ถ้าวิ่ง เดือนนึง 4000km + ไป ev ได้เลย ค่าใช้จ่ายไม่ต้องเพิ่ม ด้วย คนที่จะออกรถใหม่ ไป ev ได้เลย ถ้าเน้นประหยัดเงิน ในชีวิตประจำวัน เรื่องความเสี่ยงก็วัดดวงเอา ราคาแบต ยังไงก็ลด อีก 8 ปี ค่อยว่ากัน รถ 8 ปี ยังไงก็ เหลือ 15-20% ผมว่ารถไฟฟ้า ชั่งโลขายถอดแบตมาทำสำรองโซ่ล่าเซล แล้วถอยคันใหม่ พร้อมใช้โซล่าเซลเติมไฟฟรี ในอนาคต
ถ้าเงินพร้อม ผมก็มอง mg4 ตัว d ไว้ใช้ 80% ของการใช้งาน เก็บคันเก่าไว้วิ่งท่องเที่ยวไกล ๆ 20% ซื้อรถอยู่ที่ความพร้อม คับ ถ้าไม่พร้อม ต่อให้เติมไฟฟรี ก็เป็นภาระ
ใครสะดวกหรือเหมาะหรือชอบก็ใช้ใครไม่สะดวกไม่เหมาะไม่ชอบก็อย่าใช้ ขอบคุณที่ทำคอนเท้นนี้ ส่วนตัวยังไม่สะดวกตอนนี้อนาคตไม่แน่😅
คุ้ม ... ถ้าคุณใช้รถเยอะจริงๆ จังๆ และ ต้องใช้แบบสั้นๆ หยุดๆ จอดๆ มีเวลาชาร์จครับแต่ถ้าจะวิ่งยาว มันใช้ไม่ได้แน่ๆ เพราะมันจะเสียเวลาชาร์จ ส่วนคนที่ใช้รถน้อย มันก็ไม่รู้จะคุ้มเมื่อไหร่ เพราะ กว่าส่วนต่างจะชนะ มันเมื่อไหร่ไม่รู้
ยอดเยี่ยมครับ ละเอียดถี่ถ้วน.. ไม่มีช่องไหนทำได้ขนาดนี้ ผมกำลังตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้า อยุ่เลย❤❤
ปัจจัยทางการตัดสินใจของผมคือ ผมชอบ อยากได้ อยากทดลองอะไรใหม่ๆ ใช้น้อย ใช้มาก ไม่สน ทุกอย่างมีดี มีด้อย อย่าคิดมาก จัดไปเลย..
คือก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนไทยมันเป็นอะไรนักหนากับคำว่าแบตเสื่อม ต้องเข้าใจก่อนว่าการที่แบตเสื่อมไม่ได้หมายความว่ามันจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะมันก็แค่เสื่อมไม่ได้เสียดังนั้นรถก็ยังขับต่อได้ยิ่งคนใช้รถเป็นยิ่งอยู่ได้นาน ไม่แปลกใจที่เค้าขับกันไปเป็นล้านกิโลได้โดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยน แต่พอพูดถึงรถไฟฟ้าอะไรนิดๆหน่อยก็มีแต่แบตเสื่อมๆๆ คือคิดได้แค่ว่าซื้อรถเพื่อที่จะมาเปลี่ยนแบต ไม่ได้ซื้อมาขับใช้งานว่างั้นหรือคิดว่าถ้าใช้แล้วกลัวมันเกิดอุบัติเหตุก็ไม่ต้องมาใช้หรอก เพราะมัวแต่คิดว่าเราขับไปจะต้องชนต้องโดนชน คือความคิดของคนที่ไม่เคยได้อยู่กับรถจริงมีแต่ฟังคนอื่นเค้าพูดมา กับคนที่ได้ใช้งานรถจริงๆมันต่างกันมากนะ
คือแบตเสื่อมก็ปกติแหละ แต่ระยะเวลามันยังไม่ได้พิสูจน์แบตเจ๊งน่ะสิ คือคนทั่วไปอาจเคยเจอมือถือวูบ รีสตาร์ทเอง แบตยังไม่หมดเครื่องดับ อันนี้คงต้องรอให้ระยะเวลาพิสูจน์ต่อไป แล้วถ้าแบตวูบ เครื่องดับกลางอากาศ ระบบเบรคยังทำงานได้ไหม กังวลใจสุดละ ตัวอย่างใกล้ตัวคือถ้าเครื่องดับขณะลงอาคารจอดรถ ถ้าเบรคใช้ไม่ได้ก็แย่ เขาน่าจะคิดไว้เผื่ออยู่ ก็หวังแบบนั้น
คุณกิมครับ ทำไมคุณกิมเทียบค่าน้ำมันตอนเติมจากหัวจ่ายน้ำมันในปั๊มน้ำมันกับค่าไฟของรถไฟฟ้าตอนที่รถใช้ไปละครับ น่าจะคิดค่าไฟจากเครื่องชาร์จซิครับ เทียบที่หัวจ่าย(น้ำมัน)กับหัวจ่าย(ไฟฟ้า)น่าจะตรงกว่านะครับ เพราะเท่าที่เคยใช้เครื่องชาร์จไฟจะมีอัตตราสินเปลืองในการจัดการไฟฟ้าเพื่อชาร์จเข้ารถด้วยนะครับ(รถแต่ละรุ่นจะกินค่าการจัดการไม่เท่ากันแต่ใกล้เคียงกันมากถ้าชาร์จด้วยกำลังไฟฟ้าเท่าๆ กัน เท่าที่เคยลองมาถ้าชาร์จช้าจะกินค่าการจัดการน้อยกว่าชาร์จเร็วด้วย)ถ้าจะเทียบแบบสถานี(น้ำมัน)ต่อสถานี(ไฟฟ้า)น่าจะประหยัดน้อยกว่านี้นิดนึงนะครับ
จริงจ้า บวกอีก 10% เช่น จะชาร์จแบต kia ev5 ตัวใหม่นั้น 88.1 kwh จะต้องใช้ประมาณ 88.1*1.1=97kwh (และแถมใช้ไฟได้แค่ 85kwh ด้วย) ที่มาคลิปของนายคนนี้ ที่เลิกใช้EV กลับมาดีเซล ua-cam.com/video/nZysvgm2_Aw/v-deo.html แต่จำไม่ได้ว่าคลิปตัวไหนนะ แต่ของนายคนนี้แหละ
คลิปนี้ ได้รับข้อมูลดีมากเลยครับ ขอบคุณครับ หาคลิปแบบนี้มา...นาน และ อนาคต ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ทำ เปรียบเทียบ ค่าซ่อม เช่น เปลี่ยนกันชน หน้า-หลัง เปลี่ยนแบต+ อื่นๆ ของแบรนด์ยอดนิยมในไทย ว่าแบรนด์ไหน ถูก-แพง กว่ากัน เท่าที่หาข้อมูลได้ (อ้างอิง ค่าซ่อมในจีนก็ได้)
ไฮบริดน่าจะมีค่าบำรุงรักษาเยอะกว่านะ เพราะใช้ทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ ต้องซ่อมบำรุงทั้ง 2 อย่างเลย แต่ได้เรื่องความประหยัดน้ำมันกว่ารถน้ำมันล้วนๆ แต่ตอนนี้ค่าน้ำมันแพงเหลือเกินครับ
ถ้าเป็น e-power ของ Nissan
@@annagli5710ระยะยาว ค่าดูแลน่าจะน้อยกว่าไฮบริดนะผมว่า ได้แรงกว่า แต่ประหยัดได้น้อยกว่า ทั้งในเมืองนอกเมือง และราคาแบตแพงกว่า ดีว่าประกัน10ปีไม่จำกัดระยะทาง ดีคนละแบบคับ
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำมันเกียร์ หล่อเย็น หมดเงินเป็นหมื่น
ตอนนี้น้ำมัน40กว่าบาทแล้ว 20โลลิตรที่ทำได้ยังดูไม่ประหยัดเลย
@@annagli5710ผมใช้อยู่ครับ ถามว่าประหยัดมั้ย นํ้ามัน 1 ถังจากชลบุรี (สัตหีบ) ไป สุราษ (อ.เมือง) นํ้ามันหนึ่งถังยังเหลือครับ แถมขับวนรอบเมืองได้อีก ผมขับความเร็ว 110 (มีเกินบ้างเวลาเร่งแซง)ถามว่ามีค่าใช้จ่ายค่าของเหลวมั้ย (นํ้าเครื่อง-เบรค ฯลฯ) ทางโปรของนิสสันฟรีส่วนนี้ให้ 7 ปี หรือ 150,000 โลครับ (รวมถึง กรองแอร์+อากาศด้วยครับ)แถมครับ เพื่อนผมใช้รถไฟฟ้าซื้อมาล้านกว่าบาท ใช้ไป 4 ปีขาย ได้เงินกลับมาไม่ถึงห้าแสน 😅อีกอย่างที่สงสัยคือ รถไฟฟ้าไม่ต้องเปลี่ยนกรองแอร์, ล้างแอร์, ยางเบ้าโช๊ค, ปีกนก เลยหรอครับ ถึงได้บอกกันว่ารถไฟฟ้าไม่เสียกัน ???
ทำไมไม่เทียบกับรถที่ประหยัดน้ำมันล่ะครับ เช่น ไฮบริด หรือ รถผมสันดาปล้วน 15km/L ส่วนทางไฟฟ้า ก็ไม่ได้ประหยัดด้วย TOU ทุกครั้ง อย่าเทียบแบบแย่สุดไปดีสุดเพื่อให้ range ความต่างมันมากเกินไปสิครับ ถ้าขับรถ 7.5km/L ได้ แสดงว่าคุณก็เท้าหนัก ใช้รถไฟฟ้าก็ต้องกินแบต/ระยะทางมากกว่านี้
เค้ามีให้โหลดเทียบนะคับไปลองเทียบเองดูตามความต้องการเราผมว่าอันนี้ดูไปก็แค่ฟังคร่าวๆแต่ละคนมันคนละกรณีคับ
ตัวอย่างการเทียบค่อนข้าง bias ตามนั้นเลยครับ
คำนวนเองได้เลยนะครับ เค้าทิ้งไฟล์ให้โหลดแล้ว
ลิ้งใต้คลิปเลยครับ
7.5อันนี้เค้าเอาไปเทียบรถบรรทุก😂😂
ผมคิดคล้ายๆแบบนี้เลยครับ แต่ใช้รถน้อย (ไม่ถึง 30km/วัน และ ไม่ทุกวัน) ออก ตจว บ้าง เดือนละ 1-2 ครั้ง ตีเป็นเงินทั้งหมดแล้วไม่คุ้มที่จะต้องไปเสียค่างวด
สรุปสั้นๆ จะซื้อรถไฟฟ้าเพื่อประหยัดน้ำมัน ควรจะ 1.ซื้อรถต่ำล้าน 2.ต้องขับสม่ำเสมอทุกวันระยะเกิน100-200 กม. กำลังดี perfect ซื้อเลยโคตรคุ้ม
รถผม 4 ปี ผมยังอยากเปลี่ยนเลย แต่ผมใช้รถน้อยมาก วันละ 4-5 โลเป็นหลัก ไม่เกิน 10โล (ทุกวันนี้ที่ผมคำนวนออกมา 5 บาท/โล ) ถ้าจะเอารถไปเทิร์นมาเป็นรถไฟฟ้า มันไม่คุ้มครับ
👍.....ขอบคุณที่ทำคลิป...ไปงานมอเตอร์โชว์มา...สนใจ รถเล็กอยู่ 2คัน...BYD โลมา กับ BYD แมวน้ำ................จะเอาไว้ ใช้ในเมือง แทนรถ Jazz 2009 ที่ใช้มา 15ปี (จะติดมิเตอร์TOU ที่บ้านเพิ่ม)................รถ Honda HR-V gen1 อีกคัน เอาไว้ใช้ ขับทางไกล เพราะประหยัดอยู่ ( 19km/L)...........รอดู Oบริการ คลังอะไหล่ อีกสัก 2ปี...ให้ชัวร์ก่อน...เพราะโรงงานยังสร้างไม่เสร็จ................และที่ติดตามข่าวมา...เห็นว่ายังรออะไหล่ นานอยู่.....🌹
ขับไกล HRV ประหยัดจริง 👍🏻 ใช้อยู่เหมือนกันครับ จนรู้สึกว่าถ้าจะเอาคุ้มไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลย😁
ขอบคุณคลิปดีๆ กำลังตัดสินใจระหว่างไฟฟ้ากับไฮบริด อยู่คอนโดต้องชาร์จนอกตลอด ประหยัดไม่ต่างไฮบริดเท่าไหร่ คลิปนี้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้ดีครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ😍
ขอบคุณสำหรับข้อมูล ส่วนใหญ่รถไฟฟ้าจะแถมประกันเดี๋ยวนี้แถม 2 ปีด้วย แล้วเคยเห็นโฆษณาประกันต่ำสุดอยู่ที่ 18,000 กว่าบาท แต่อันนี้อาจจะเป็นรถเล็ก ผมไม่แน่ใจ สำหรับผมยังไงก็คุ้มเพราะผมกลับเกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน โคตรโล่งใจโคตรสบายใจ แต่เงินที่เรา ประหยัดได้ ไม่ใช่เอาไปใช้ก็เก็บๆไว้สำรองค่าแบตค่าอะไรที่ มันอาจจะมีการใช้เงินฉุกเฉินในจำนวนเงินเยอะ ถ้าไม่ได้ใช้ก็ดีไป
ลองเทียบ ev กับเอารถไปติด lpg ดูครับผมติดแล้วค่า lpg ตก กิโลละ 1-1.2 บาท ขึ้นกับเหยียบหนักแค่ไหน เลือกร้านติด lpg ที่มีชื่อเสียง ไว้ใจได้ ค่าติดอาจแพงกว่าเจ้าอื่นหน่อย แต่ปัญหาน้อยครับ
เดี๋ยวเพิ่มในตารางให้ครับ
ทุกอย่างคือการคาดการณ์ ตอนคนซื้อเชฟโรเล็ต ไครสเลอร์ โฮลเด้น สโกด้า saab โอเปิล ทาทา วันที่ซื้อก็ดีใจ เปรียบเทียบกับค่ายอื่นเเล้วของที่ตัวเองตัดสินใจดีที่สุดเเล้วจริงมั๊ย ใครจะไปรู้จะเป็นแบบนี้
ตอนนี้ว่าจะเอาคันเก่าไปติดแก็สlpg คงเป็นอีกทางเลือกที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อรถไฟฟ้า ไม่ต้องห่วงค่ายางและประกันที่สูงขึ้น ไม่ต้องคอยนั่งชาร์จนานๆครับ ใช้สัก5 ปี รถไฟฟ้าหรือพลังงานอื่นคงมีอนาคตชัดเจนกว่านี้ ราคาถูกลงกว่านี้ครับ
รถน้ำมัน กับ รถไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละบุคคลเลย- ถ้าคุณจะเอาความประหยัด เอาตัวเลขมากาง ยังไงไฟฟ้าก็คุ้มกว่า ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุตลอดช่วงเวลาที่ขับอ่ะนะ- ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ไฟฟ้าอาจจะด้อยกง่าในเรื่องการรออะไหล่ หรืออะไรก็ตามแต่ แต่น้ำมันบางที่ก็ใช่ว่าจะดีขนาดนั้น - ถ้าเกิดอุบัติเหตุหนัก รถน้ำมันหรือรถไฟฟ้าก็ไม่คุ้มทั้งนั้นแหละ- ถ้าคุณอยู่ในเมือง ทำงานในเมือง มีบ้าน มีครอบครัวในเมือง ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย- ถ้าบ้านคุณอยู่ต่างจังหวัดต้องมาทำงานในเมืองหลวง หรือที่ไกลๆ 4-5 ร้อยโลไรงี้ แล้วมีความจำเป็นต้องกลับบ้านต่างจังหวัดในช่วงเทศกาล ยังไงน้ำมันก็สะดวกกว่า- สถานการณ์ ความพร้อมของเราไม่เหมือนกัน เลือกสิ่งที่คิดว่าเหมาะสมเถอะ ไม่ต้องสนใจคนอื่น
เห็นด้วยครับ ยิ่งตอนนี้ ข่าว เรื่อง ซ่อมแพง บริษัทประกันภัย คืนทุน มีมาให้เห็น ครับ
ลืมคิดค่าเสื่อม รถลูกชาย ซื้อมาล้านนิด ๆ 3 ปี เต๊นท์ขาย 6 แสนกว่า แสดงว่ารับซื้อ 5 แสนกว่า หายไป 50% 6-10 ปีแทบไม่มีราคา เหมือนซื้อแล้วทิ้งเลย ความคิดเห็นส่วนตัวจากประสบการณ์จริงครับ
รถไฟฟ้ามัน้้พิ่งมีมันพัฒนาเร็วมากของเก่าตกรุ่นเร็ว รถน้ำมันมีมาเป็นร้อยปี มันตันแล้วครับราคาเลยไม่ตกหนักเท่า ถ้าจะคิดเรื่องนี้ต้องรออีกสักพักให้ราคานิ่งกว่านี้
ยังไงผมก็สนับสนุนรถไฟฟ้านะครับแต่มันไม่ได้เหมาะกับทุกคน ผมเชื่อแบบนั้นลองคิดถึงค่าประกันดูครับ คิดถึงถ้าเกิดอุบัติเหตุดูครับ คนที่มีรถคันเดียว อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่คนที่วางแผนไม่เก่ง อยากไปเที่ยวไหนแบบฉุกเฉินแบบผม ก็คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ทั้งที่จริงแล้วการใช้รถไฟฟ้า จะให้คุ้ม ต้องวิ่งให้เยอะ ถ้าวิ่งเยอะจะยิ่งประหยัดการวิ่งเยอะก็ทำให้รถไมล์เยอะ แบตเสื่อมเร็ว ไปเที่ยวก็ต้องใช้เงินเพิ่มเข้าไปอีกเอาเป็นว่า แล้วแต่เลยนะครับ มันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องหรอกยกเว้นว่าเราหาจุดที่เหมาะสมกับเราแล้วลองตัดสินใจ แล้วรับผิดชอบกับการตัดสินใจนั้นดูครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ .... ตัดสินใจมาทาง hybridก่อนและกัน ยังไม่พร้อม ev !!!❤❤❤
ขับรถวันละ 50 กม 5 วันต่อสัปดาห์คำนวณแล้ว ใช้🚗CEFIRO A31 RB257 โล/ลิตร ต่อไป 🤣🤣🚗
ส่วนใหญ่ผมใช้รถใน กทม. ปริมณฑล ... ไป สวนที่ ตจว.ใกล้ ๆ เดือนละ 2 ครั้ง (ระยะทางไป-กลับประมาณ 200 กม.) บ้าง ... ขับไปเชงเม้งที่ภูเก็ตปีละครั้ง ... โดยเฉลี่ยแล้ว ผมใช้รถเดือนหนึ่งไม่เกิน 1,000 กม. เลยยังไม่ใช้รถไฟฟ้า ใช้ Eco car
ต้องขอบคุณคนที่ แห่กันไปซื้อก่อน ทำให้คนซื้อทีหลัง ได้ของที่คุ้มค่าขึ้นกว่าเก่าเยอะเลย
ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าหัวข้อที่การเอารถที่เราใช้งานปัจจุบันมาคำนวณส่วนนี้ไม่ได้มีประโยชน์ครับ จริงๆมันควรเปรียบเทียบตัวเลือกรถที่เราจะซื้อว่ารุ่นใดกินน้ำมันและค่าใช้จ่ายโดยรวมถูกกว่ากันเปรียบเทียบระหว่างรถEVกับรถน้ำมันในSegment ต่างๆในตลาดที่เราพอจะซื้อได้ ไม่ใช่เทียบกับรถที่เรามีครับ
พวกรถน้ำมันที่ sensitive กับ content EV นี่เยอะนะครับ ดูไม่จบแล้วรีบ comment เยอะจัง เค้าเทียบให้ดูทุกแง่มุมแล้ว ตั้งแต่ 7,16,22 กิโล / ลิตร ลองอดทนดูให้จบสักนิดก่อนเพื่อความรู้ที่เพิ่มขึ้น
อยากได้ไฟฟ้า หรือ ไฮบริด แต่ตังยังไม่มี เลยยังคิดได้อีกนาน รอใช้หนี้โควิทหมดจะได้เริ่มเก็บตัง อีกสัก3ปี คงได้รถดีๆ🎉🎉 ทนๆๆๆๆๆเอา
อยากให้ทำคลิปสำหรับผู้มีรายได้น้อยคือไม่มีเงินซื้อรถใหม่ป้ายแดง ก็ต้องซื้อรถมือ2 ส่วนใหญ่จะใช้ไปแล้วประมาณ 1-3 แสนกิโล เราจะเลือกอย่างไหนดีครับ
สบายใจอันไหนก็ใช้อันนั้น ส่วนตอนนี้ใช้สันดาป สบายใจเติมน้ำมันไม่ต้องกังวลปั้มชาร์จ แค่นั้นส่วนคนอื่นสบายใจอันไหนก็ใช้อันนั้น
แบต lithium ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ น่าจะพูดถึงเรื่องมอเตอร์ด้วย
จริงๆอยากให้เทียบกับ รถLPG ด้วย และก็ราคาขายต่อ ด้วยครับ เพราะราคาขายต่อ นี่ก็เป็นปัจจัยหลักเลย
ที่บ้านใช้ chr เฉลี่ย 20 โลลิตรในคลิป 7.5 โลลิตร ไม่เป็นกลางเท่าไหร่อีกคัน accord14 ในเมือง 11 นอก 16 โลลิตรกลางๆสัก 13-14 กำลังดีถ้าจะให้แฟร์
จริง งงมาก ทำไมเอา 7 โลลิตรมาเทียบ กับ รถไฟฟ้า มีการต่อให้ไฟฟ้าเพิ่มอีกนิดหน่อยถ้าขับดี นี่ยิ่ง อะไรวะเข้าไปอีกผมว่ารถปัจจุบันใน ราคา เกือบล้านจนถึงสองล้าน รถน้ำมันที่วิ่งได้ 16 -24 โลลิตรมีตัวเลือกเยอะมากๆ ไหงเอา 7 โลลิตรมาเทียบคือผมเข้าใจว่ายังไง ไฟฟ้าประหยัดกว่าอยู่ดีถ้าเทียบ แต่การเอารถเก่าวิ่ง 7 โลลิตรมาเทียบ กับรถไฟฟ้าปัจจุบัน ผมว่าทำคลิปได้โคตร BIAS
ถ้าเทียบรายจ่ายแบบ ซื้อใหม่ 2 คันมาเปรียบเทียบกัน อันนี้ ยังดูสมเหตุผลกว่า ว่าไม่มีรถเลย ไปทางไหนดี แต่เอารถเก่าแบบที่คนทั่วไปไม่ใช้งานในเมืองกัน มาเปรียบเทียบ อวยรถไฟฟ้าเกินไปมากๆ
@@LittleRomi ใช่ครับเห็นด้วย ต้องเอารถใหม่ทั้งคู่มาเทียบกัน
ใช้ mazda 2 sky อยู่ ถ้าขับในเมืองรถติดไม่ขยับ ก็ประมาณนี้ละจ้า 7-10 โลลิตร
ง่ายๆเลย ผมใช้อยู่ทั้ง2อย่างรถไฟฟ้าขับเยอะคุ้มแน่นอน ขับน้อยวันละไม่กี่สิบกิโลเมตรใช้ไฮบริดก็โอเค
ขับแลนครุยเซอร์หรอครับ 7.5โลลิตร
แบตเตอรี่ ใช้แล้วต้องเปลี่ยน ไหม แล้วครบอายุแบตเตอรี่ กี่ปี ต้องให้ใครจ่าย ค่าแบต
ถ้ารถเก่าแล้ว ประกันไม่รับต่อ หรือประกันให้ซ่อมแต่อู่นอก ซึ่งอู่นอก รถไฟฟ้ามันน้อยมากกก ยังงี้ทำไง
จริงๆ หลักๆที่เค้าอยากหันมาใช้รถไฟฟ้ากันบ้าง เพราะมันช่วยเรื่องมลภาวะทางเสียง ไอเสีย ความร้อน มากกว่าครับ พวกจ่ายค่าเชื้อเพลิงถูกกว่านี่มันเรื่องรอง.(แต่เห็นผลก่อน.) ถ้าคนที่อยู่ใน กทม. รอบๆ กทม. เป็นรถไฟฟ้ากันหมด อากาศ+ความร้อนโดยรวมน่าจะดีขึ้น เสียงปรื๊นๆก็น่าจะเบาลง.
สำหรับคนที่เสียค่าน้ำมันเดือนละ 8000 ขึ้นไปยังไงก็คุ้มครับ แต่ผมเสียเดือน 7000 เลยต้องหาค่าใช้จ่ายอื่นมาคิดเพิ่ม
รถไฟฟ้าประหยัดเรื่องพลังกว่าแน่นอน....แต่ส่วนตัวมั่นใจในรถน้ำมัน...
ราคาน้ำมันตอนนี้โหดมาก 95 ลิตรละ 40 บาทไปแล้ว
สุดท้ายแล้ว เราก็หนีความจริงจากคณิตศาสตร์ไม่ได้ 😊
ส่วนตัวยังเชื่อถือรถยนต์น้ำมัน หรือ ไฮบริดอยู่ แต่ถ้าขับแถวต่างจังหวัด ไปกลับที่ทำงาน 20 -30 ก.ม./วัน ผมก็อยากลองนะ แต่ไม่ค่อยมั่นใจแบรนด์
FYIจริงๆแล้วการชาร์จไฟมันก็ charging loss ด้วย และการที่รถขับเคลื่อนไปมันก็มี discharge loss ด้วย เพราะแบตทุกวันนี้ให้ตายยังไงมันก็ยังมี internal resistance อยู่เข้าใจว่า consumtion ที่รถมันโชว์คือ sum จาก power flow ณ ช่วงเวลานึงที่ตั้งไว้ ส่วน power flow เขาจะนับจากจุดไหนของวงจร อันนี้ก็แล้วแต่ค่าย แล้วแต่ modelดังนั้นหากจะวัดกันที่ต้นทางมิเตอร์จ่ายไฟจริงๆ 1kwh อาจวิ่งได้แค่ 4-5 หรือจะดีที่สุดเลยคือ 6 กม. เท่านั้นซึ่งหากเทียบเป็นค่าใช้จ่ายต่อกม. แล้วอาจสูสีกับรถ 1.5+lpgแต่ยังไงส่วนตัวก็แผลนจะซื้อรถไฟฟ้าไว้เนื่องจากจอดรถเปิดแอร์โดยไม่สร้างมลพิษได้
ไฮบริดคันเก่า7ปี ตราดาว ค่าซ่อมตามสลิปที่เก็บได้รวมๆเกือบล้านแล้วครับ ไม่รวมกับที่เสียอารมณ์กับเวลารถไปนอนรอซ่อมที่ศูนย์อีก
โหดแท้
evก็เสี้ยวนึงของไฮบริด
ถ้าซื้อมาใช้5-10ปี รถไฟฟ้าคุ้มแน่นอนถ้าไม่เสียไม่ขายแต่หลังจากนั้นระยะยาวรถน้ำมันคุ้มกว่า ไม่ว่าจะขายมือ2ตอนนี้ยังได้ราคา
เกิน 10ปี รถน้ำมันยังได้ราคาหรอครับ มันจะต่างกันซักเท่าไรเชียว
ผมว่าเเล้วแต่หน้างานครับ เพราะการใช้งานแต่ล่ะคนต่างการมากรถมันออกแบบให้ใช้งานคนล่ะอย่างครับ
รถไฮบริดเหมือนจะดีนะครับ ตอนปีท้ายๆอย่างหนักเลยครับ บำรุงทั้งระบบแบตและน้ำมันแม้มันจะแบตดีขึ้นแล้วก็ตามนิดนึง
เปลี่ยนรถอะไรก็ไม่คุ้มทั้งนั้นครับ ถ้ารถปัจจุบันมันยังวิ่งยังใช้งานได้อยู่
ไฮบริดติดแก๊สเวิร์คมั้ยค่ะ
ถ้าจะซื้อเพื่อความประหยัดก็ต้องซื้อตัวราคาไม่แพง เดินทางได้ดี แต่ถ้าเรามองว่าเราซื้อรถ มันก็คือรถแต่แค่ คนละเทคโนโลยีรถยนต์ก็แค่นั้น เหมือนเราซื้อนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ หรือ นาฬิกาปกติ มันก็คนละแบบคนละเทคโนโลยี
รถผมจ่ายค่าน้ำมัน8,000ต่อเดือนปีหน้ารอรถประกอบไทยหลายๆรุ่นก่อนราคาดีกว่านี้ดู ดอฟิน mg4 เนต้าครับ
เลขที่บ้านหลังหนึ่ง ใช้ไฟ2หม้อได้มั้ยคับ หม้อไฟธรรมดากับหม้อไฟTou
ถ้าอยู่ กทม และ ปริมณฑล (กฟน) ใช้ 2 หม้อไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในเขต กฟภ ใช้ 2 หม้อ ได้
คิดตอนเปลี่ยนแบตยัง เปลี่ยนมอเตอร์ หรือยูนิตอื่นๆ และทุนประกันที่ลดลงทุกปี ถ้าปีที่3 เกิดอุบัติเหตแล้วต้องเปลี่ยนแบตจะสามารถซื้อได้ไหม เพราะทุนประกัน ลด แต่แบตใหม่ไม่ลดหรือเปล่า
ผมขับวันละ200กิโล น้ำมันวันละ500 mazda2 2019 เปลี่ยนมาใช้ ora 500 china 2022 ก่อนเปลี่ยน TOU ค่าไฟรวมใช้ในบ้าน 9 พันกว่าบาท พอเปลี่ยน TOU เหลือเดือนละ 4000 5000 ประหยัดไหมครับ
ค่าน้ำมันเดือนเท่าไหร่ครับเนี่ย 😅
ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกเยอะนะครับเช่นอะไหล่สิ้นเปลือง ค่าช่าง ค่าประกันรถยนต์ ฯลฯ ความทนทานและราคาขายต่อ ต้องมาคำนวนอีก
โคมไฟซื้อไหนครับ
ที่ซื้อรถEV เพราะ1.ใช้รถอายุ 8 ปี ค่าซ่อมเพิ่มมากขึ้น2.ค่าน้ำมันประมาณ 12,000บาทต่อเดือน3.ตอนนี้ผ่อนรถบวกค่าไฟฟ้าที่บ้าน ประมาณ 12,000 บาท
7.5 กม/ลิตร ขับ ferrari ไปทำงานเหรอครับบ้านผมใช้รถน้ำมัน 2 คัน1.city อายุ 13 ปี กินน้ำมัน 14 กม./ลิตร2.520d อายุ 7 ปี กินน้ำมัน 18 กม./ลิตรรถน้ำมันตีกลมๆ กม.ละ 3 บาท รถไฟฟ้า ตีกลมๆ กม.ละ 1 บาท ประหยัด กม.ละ 2 บาทค่าบำรุงรักษาถ่ายของเหลวรถน้ำมันไม่เอามาคิดเพราะหักล้างกับค่าประกันภัยที่ไฟฟ้าแพงกว่ามากราคาขายต่อไม่เอามาพูดเพราะยังมาไม่ถึงไม่รู้อนาคตจะดีหรือแย่ถ้าไฟฟ้าวิ่งได้เกิน 4 แสน กม. แล้วแบตยังรอด ถือว่าไฟฟ้าคุ้มกว่าครับ
มันก็มีนะ ผมใช้ 320i เก่าแล้ว 6-7 km/L ต้องขับทางไกลถึงจะได้ 12km/L
1.5turbo วิ่งเส้นลาดพร้าวประจำผมลงไปถึง8โลลิตรเลยครับ 1.3 ผมก็ได้แค่10-11โลลิตร น่าจะอยู่ที่วิ่งแถวไหนด้วยครับ
ผมใช้crv g4 ขับในเมือง8โลลิตรครับ 😢
ผม xpander ขับในเมือง 8-9โลลิตร
ผมขับเบนซ์ตาถั่ว ในเมืองติด ๆ 7-8 กิโล/ลิตร นอกเมืองล๊อคความเร็วไว้ที่ 100 ทำได้แค่ 14km/l ผมว่าทางช่องเค้าเอาแฟคเตอร์จริง ๆ ไม่มีไบแอสมาคำนวณให้นะครับ ผมคิดว่าผู้ฟังนั่นแหละที่มีไบแอสในใจแล้วคิดว่าช่องนำเสนอเอนเอียงไปทางรถไฟฟ้าเพียงเพราะว่าเห็นเค้าใช้เทสล่า
ปกติตัวเองจะขับประมาณนี้ครับ ค่าน้ำมัน 1 บาท ขับปีละ 30,000 ค่าน้ำมัน 2 บาท ขับปีละ 15,000ค่าน้ำมัน 3 บาท ขับปีละ 10,000ระยะทางที่ใช้จะเปลี่ยนแปลงตามค่าน้ำมันครับ
ระยะยาวละครับอันไหนคุ้มกว่า
ถ้าคำนวนนแง่ของพลังงานอย่างเดียวยังไง EV ก็ประหยัดกว่า แต่ถ้าเอาเรื่องประกัน ค่าบำรุงรักษารวมถึงค่าแบตเตอรี่ มาเฉลี่ยคิดกันน่าจะถูกต้องกว่า
กดทำสำเนาไปแก้ไขไฟล์ยังไงครับ
ยังไงการคำนวณถ้าคำนวณการบพรุงรักษาของรถสันดาปก็ควรนำค่าแบตเตอรี่ ราคาในวันนี้ที่เราเห็น มารวมด้วย ไม่ใช่แค่นั้นยังมีค่าอนวอเตอร์และค่ามอเตอร์ มาคิดด้วยสามารถอ้างอิงจากคนที่ขับเทสล่ามากที่สุดในโลกมาลองใช้เป็นค่าเฉลี่ยก็ได้ครับเพราะเขาเปลี่ยนแบตเตอรี่และมอเตอร์ไปหลายครั้งมากถ้าผมจำไม่ผิดค่าเฉลี่ยนที่เปลี่ยนอยู่ในช่วงสามแสนกิโลจะเริ่มโดนแล้ว
ถ้าขับวันละ ประมาณ30กิโล คุ้มค่ามั้ยครับถ้าจะเอาเป็นรถสำรอง
การคำนวณค่าไฟตอนชาร์จอยากให้เพิ่ม lossไปอีก10% แบต100หน่วยต้องใช้ไฟจริงประมาณ 110หน่วย
ถ้าเทียบกับติดแก๊สละครับ สงสัยเกี่ยวกับค่าเสื่อมและอัตราสิ้นเปลือง
ผมซื้อรถxtrail t31 2.0 ปี2011 ได้มาราคา135k เก็บงานช่วงล่าง1หมื่น ยาง%3500 ติดแก๊สหัวฉีดHana 22000วิ่งใช้งานไม่เกินกิโลละไม่เกิน2บาท จากปกติเติมน้ำมันกิโลละ4บาท เงินเหลือจากการไม่ต้องผ่อนรถ
6-7 km/l นี่กินเกินไปไหมครับผมมีรถน้ำมัน 2 คัน -คันแรกเก๋ง เบนซิน รถ 12 ปี ขับรถติดเส้นวิ่งประจำ ติดมากยังกินแค่ 10 km/l-อีกคัน รถเพิ่ง 1 ปี PPV ดีเซล เส้นเดียวกัน 8-9 km/lเฉพาะเส้นที่รถติดนะครับ เส้นอื่น เกินนี้ตลอดแต่ทั้งนี้ผมว่าเลือกที่เหมาะสมกับเราดีที่สุดครับ เหมาะกับเราอาจจะไม่เหมาะกับคนอื่น เหมาะกับคืนอื่นหรือดีกับคนอื่น อาจจะไม่เหมาะกับเราครับแต่ถ้าซื้ออีกคัน ไว้ขับในเส้นรถติด หรือเส้นในเมือง ผมก็จะซื้อรถ EV เหมือนกันครับ
ตื่นลุกลงจากบ้าน ข้างล่างก็เป็นกิจการผมว่าผมประหยัดกว่า ไม่ต้องซื้อรถอะไรเลย ปีหนึ่งออกจากบ้านเดือนละครั้งขนของเข้าร้าน ใช้รถกะบะปีละ 12-15 ครั้ง
รถน้ำมันผมจอดนิ่งเลยครับคอยสตาร์ททุกอาทิตย์ hybrid จริงๆมันไม่ได้ประหยัดนะครับถ้าวิ่งทางไกลมันประหยัดเวลาความเร็วต่ำ
วิ่งในเมืองไม่น่าประหยัด ไม่ต่างกับใช้รถน้ำมัน ระบบไฮบริดจะทำงานที่วิ่งระยะไกล
@@sutheeinkaew9212ไฮบริด ในเมืองดีครับ ในกรณีรถติดเหมือนๆกันวิ่งยาวๆ ตจว. แค่ 17โลลิตร(Chr)สรุป รถเก่าอยากเปลี่ยนใหม่ ev
@@tanakittana5635 ระบบไฮบริทจะไม่ทำงานในเมือง 🤣🤣🤣🤣 พวกโง่บอกระบบไฮบริดดีเพราะโง่ไม่รุ้เรื่องนี้ ระบบไฮบริทจะทำงานในการขับขี่ระยะไกลเท่านั้น ขับขี่แบบไม่แตะเบรคที่ความเร็วสม่ำเสมอ พวกโง่คงไม่รุ้ หากขับขี่ในเมองจะใช้ระบบน้ำมันสันดาปไม่ต่างจากรถสันดาปทั่วไป
รออีก5ปีค่อยซื้อ ตอนนี้ยังไม่ปล่อยของกันซักเท่าไหร่ เหมือนกั๊กเทคโนโลยีไว้ออกรุ่นใหม่
อย่าลืมค่าเสียเวลาตัวเองในการ charge หากเดินทางไกลตลอดหรือไม่มีที่ charge ที่บ้านครับ
bevมันไม่ได้ดีแค่ประหยัด ความเงียบ ความแรง ความร้อนรอบรถ การสั่น การบำรุง หรือหลายๆเรื่อง ยากที่รถiceจะทำได้ดีเท่าส่วนข้อเสียก็เรื่องการเดินทางไกลในช่วงเทศกาล ค่าประกัน ราคาที่ผันผวนถ้าข้อเสียแก้ไขได้น่าพอใจกว่านี้ รถiceก็จะเริ่มขายได้น้อยลงส่วนเทสล่าราคาบ้านเรามันก็ถือว่าแพง รถแตะ2ล้าน วิ่งให้คุ้มยาก รถbevจริงๆมันไม่แพงขนาดนั้น
จุดตัดสินว่าควรเปลี่ยนไปใช้ EV หรือไม่ ผมว่าอยู่ที่การใช้รถต่อวันนี่แหละ เท่าที่เคยคิดไว้ กรณีรถน้ำมัน 12-14 km/L ถ้าใช้รถเกิน60กิโลต่อวันหรือ 400กิโลต่อสัปดาห์ ควรไปใช้ EV แต่ถ้าใช้รถน้อยกว่า 50กิโลต่อวัน ก็ยังไม่ได้จำเป็นต้องใช้ EV เพื่อประหยัดค่าเชื้อเพลิงหรอก
วิ่งในเมืองผมไม่เคยเกิน 11 Km/l เลยส่วนใหญ่จะ 8-9 KM/L
สอบถามคับไม่ได้ดูละเอียดที่อยากรู้หลักๆตอนนี้คือ แบตเตอรี่ไม่ได้เป็น อมตะ ง่ายๆเลยมันจะเหมือนการประหยัดน้ำมัน 10 ปี เก็บสะสมเงินไว้จ่ายค่าแบตตูมเดียวเวลาแบตเสื่อมหรือเปล่า
จำลองสถานณ์การณ์ เอนไปทางไฟฟ้า
รถเก่ากินน้ำมันรถอีวีเก่าชาร์จบ่อยกินค่าไฟ
เสริมให้อีกนิดคือ ชาจที่บ้านจะมี loss อีกประมาณ 20% ด้วยครับ ต่อให้บวกแล้ว ก็ยังประหยัดกว่าอยู่ดี
เอาค่าเฉลี่ย แบตEVที่6ปีเสีย แล้วยังไงต่อครับ ประกันจ่ายเท่าไหร่ เราจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ เปลี่ยนแบตหรือซื้อคันใหม่ มันก็ต้องมีส่วนต่างเพิ่มไปอีก
เค้ามีให้โหลดไปเทียบตามความต้องการเลยครับอย่าไปเชื่อคลิปมากโหลดไปเทียบเองเลยดีกว่า ว่าถ้าเราจะเทียบทันไหนเทียบคันไหนราคาต่างเท่าไหร่รวมๆอะไรประหยัดกว่า เงินเราเทียบเองดีกว่าครับอย่าไปฟังคนอื่นมาก
บวกมูลค่ารถยนต์ที่หายไปปีละ 80000 บาท อาจจะเสมอตัว ก็ดีกว่าใช้รถนํ้ามัน
ละเอียกมากครับ จากที่ผมดูหลายๆที่ ผมยกให้ช่องนี้เลย
ระยะทางการวิ่ง 250 โลต่อวัน แค่ตัวเลขนี้ก็ไม่ใช่แล้ว ปกติโดยทั่วไป ถ้าใช้แค่ไปกลับที่ทำงานใน กทม. ไปกลับมักใช้ (เฉลี่ย) แค่ 60-80 กิโลต่อวันครับ ดูตัวเลขความเป็นจริงด้วยครับ เอา 250 กิโลมาคิดนี่ตัวเลขวิ่งข้ามจังหวัดเลยนะครับ ฉะนั้นการคิดแบบนี้ เหมือนไปเข้าข้างรถไฟฟ้า
คุ้มหรือไม่คุ้ม แต่ละคนไม่เท่ากัน แน่นอน เพราะ รถแต่ละรุ่น ความถี่ในการใช้รถ นิสัยการขับรถ อายุรถ ฯลฯ ของแต่ละบ้าน ไม่เหมือนกันเลย😊บางคนแค่อยากได้รถใหม่ มาเสริมหน้าตา ก็บอกว่าคุ้มแล้ว 😅สำหรับผมคิดว่า ถ้าใช้รถปีนึง เกิน 50,000 กม. ซื้อรถไฟฟ้าเถอะครับ 😊
รถไฟฟ้า กับ Hybrid ถ้าใครชั่งใจ กะใช้งานระยะยาวความประหยัดจะไม่ต่างกันเลยครับ แบตรถ hybrid รับประกัน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทางด้วย ส่วนใหญ่อัตราการสิ้นเปลืองจะอยู่ประมาณ 18-20 กิโลเมตรต่อลิตรอยู่แล้วครับ ถ้ารุ่นเล็กๆบางรุ่นอาจได้ถึง 25ได้เลย
แบตไฮบริจจะเสื่อมไวกว่าแบตรถ BEV มากครับ เพราะวัน ๆ นึงแบตไฮบริจใช้ไปหลาย cycle ละครับ
@@KanitakroN ใช่ครับ แต่การวารันตีให้ถึง 10 ปีไม่จำกัดระนะทางก็อุ่นใจได้สุดๆแล้ว จากที่เคยใช้ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ HEV ก็ประมาณ 6-8ปีครับ
ยังไม่ใช้จนกว่าช่างที่ซ่อมEV ได้จะเยอะเหมือนช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งอนาคตมันเยอะแน่ อาจจะต้องรอการถ่ายทอดและกระจายองค์ความรู้ก่อนอีกซัก 5-10ปี
ใช่ครับ ตอนนี้ยังไม่เห็นอยู่ซ่อมจริงๆ เห็นบางคลิปก็เป็นอู่ดัดแปลง อู่ซ่อมสีตัวถังกับเปลี่ยน ไม่ได้ซ่อมมีเจ้านึงพยายามทำ บอกชัดว่ามอเตอร์กับแบตเตอรี่ตอนรื้อซ่อมไม่ยาก แต่ตอนประกอบกับแบ้วตั้งการให้มันกันน้ำได้เหมือนเดิมมันยาก และต้องลงทุนเครื่องอุปกรณ์แพงน้องๆโรงงานประกอบรถเลยใครที่บอกว่าแบตเตอรี่ซ่อมเปลี่ยนที่โมดูลได้ ผมยังไม่เห็นจริงเห็นต่อซ่อมแบตเตอรี่ hybrid เพราะมันแกะง่ายใส่ง่าย แล้วเข้าก็เปลี่ยนทุกโมดูลอยู่ดีครับเพราะแกะมาแล้วก็ทีเดียว เพราะถ้าเปลี่ยนเฉพาะโมดูลที่เสีย ใช้ไปโมดูลอื่นก็จะเสียนตาม
เป็นความคิดที่ดีครับแต่ไม่อยากให้ทุกคนคิดแบบนั้นครับเพราะถ้าทุกคนคิดแบบนั้นไม่มีทางเจริญครับ ดูตัวอย่างคนญี่ปุ่นครับถ้าคนญี่ปุ่นคิดแบบนี้โตโยต้าฮอนด้ามาสด้าไม่ได้เกิดครับ เพราะเริ่มแรกที่ผลิตรถญี่ปุ่นห่วยกว่ารถยุโรปแต่คนญี่ปุ่นก็ช่วยกันซื้อใช้เพื่อให้บริษัทได้มีเงินพัฒนาต่อไปครับ ถ้าคนไทยไม่ซื้อรถไฟฟ้าจะมีช่างคนไหนไปเรียนหรอครับ ถ้าคนไทยไม่ซื้อรถรถไฟฟ้าจะมีใครตั้งสถานีชาร์จละครับ
ในช่วง นาที ที่ 16 ทำไม ท่าน ถึง เอา ค่าซ่อมบำรุง ไปเทียบ กับ รถยนต์เก่าๆ ทำไม ท่านไม่เอา รถไฟฟ้าใหม่ (atto3) เทียบกับ ไฮบริด เช่น ยาริสครอส ฯลฯ , และ อย่าลืม ราคาขายต่อ ครับ
วิเคราะห์ดีครับแต่จะเชียร์อีวีมากไปหน่อย ปกติรถสันดาปทั่วไปวิ่งเกิน10กม/ลิตร ครับยิ่งไฮบริดเกิน20กม/ลิตร
สอบถามหน่อยครับ อัตรา 12-14km/L นี่ถือว่าประหยัดไหม สำหรับรถยนต์สันดาปธรรมดาครับ(มี2คัน อัตรานี้ทั้งคู่ กระบะกับPPV) อยากรู้ว่าโดยทั่วไปเขาอัตราเท่าไร พิจารณาไม่ถูกว่าของตัวเองถือว่าเปลืองไหม
เอาราคาน้ำมันตั้ง หารด้วยอัตราสิ้นเปลือง เช่น39.95÷12=ราคา3.329บาทต่อ1กิโลเมตรครับ
ถ้าเครื่องยนต์ประมาน 2000cc+ ถือว่าปกติครับ
รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี แต่ 160000กม. นะครับ
ราคาขายต่อละ่ครับ
ขอเปรียบเทียบในกรณีที่บ้านติดแผง solar cell (บ้านผมติดได้ประมาณ 2 ปีแล้ว) ให้หน่อยครับ ตอนนี้ใช้ city hatchback เหลือผ่อนอีก 2 ปี อยากเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าครับ ขับวันละประมาณ 20 km
ขับ 20km ไม่มีเหตุผลต้องเปลี่ยนไฟฟ้าเลยครับ นอกจากอยากได้กับชอบรถแรง
@@Danurut1991 ที่บ้านติด Solar cell อยู่แล้วก็ยังไม่คุ้มกับการเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าหรอครับ
ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอ เจอค่าเปลี่ยนแบตไม่คุ้มหรอกครับ ขับเอาเท่ มากกว่า
ยางรถ ora ศูนย์เส้นละ5ถึง6 พันบาท ประกัน ประมาณ24000 TOU 6000กว่าบาท ผมผ่อนเดือนละ 12120 6ปี ORA2022 ขับมา114586
ขอบคุณครับ อยากได้ของหลายๆคัน อยู่เลยเดี๋ยวเอาไปเติมในตารางครับ
จุดชาร์จต้องลงจองเวลา ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างชาร์จเสร็จไม่เอาออกจากช่องจอด ยังเป็นปัญหาอยู่ ผมอยากให้แวะปั๊มไหนได้มีช่องก็ชาร์จได้เลย 10-20-30นาทีก็ว่ากันไป
ข้อดีที่สุดคือ สามารถจอดรถติดแอร์ไม่รบกวนไม่ปล่อยมลพิษ ผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลได้บริการต่อไปรถเติมไฟฟ้าเคลื่อนที่ต่อไปรถไฟฟ้าเยอะขึ้นแบตจะถูกลงอีก
ลืมคิดค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมของแบต ราคาขายต่อ และค่าเบี้ยประกันภัยด้วยนะครับ
ในคลิปช่วงต้นจะเป็นการเทียบกับรถเก่าที่กินน้ำมันถ้าใครต้องการจะดูเทียบกับรถไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันมากกว่าสามารถดูได้ตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 20 นะครับ
และในไฟล์เต็มของชีต เราได้จำลองสถานการณ์ให้หลายแบบ รวมถึงเปลี่ยนเป็นรถที่มีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าในคลิปด้วย ลองไปดูละเอียดๆเพิ่มเติมได้ว่าใครซื้อแล้วคุ้ม ใครไม่คุ้ม หรือปรับตัวเลขตามลักษณะการใช้งานจริงตัวเองได้ด้วย อัตราสิ้นเปลืองคันที่ขับอยู่เท่าไหร่ ก็ไปปรับเปลี่ยนได้เลย ไปโหลดไฟล์ได้ที่
droidsans.com/the-reason-why-you-should-switch-to-an-ev-car/
กระโดดไปดูเนื้อหาเฉพาะส่วนที่อยากรู้ได้เลยเช่นกันนะ
00:00 เปลี่ยนเป็นรถ EV คุ้มจริงมั้ย
01:43 ข้อมูลที่ต้องเตรียมก่อนคำนวณ
02:24 เตรียมข้อมูลการใช้รถ
03:10 ข้อมูลรถคันปัจจุบัน
05:36 ข้อมูลรถ EV คันที่เล็งไว้
06:44 เรตค่าไฟบ้าน (หรือที่ติดตั้งเครื่อง)
08:22 เปรียบเทียบส่วนต่างอัตราสิ้นเปลืองพลังงาน
08:56 การใช้งานระยะยาว (จนครบกำหนดการคุ้มครอง)
09:51 ถ้าแบตเสื่อมทิ้งเลยมั้ย
11:09 ส่วนต่างเอาไปซื้อรถได้อีกคัน
11:46 ประหยัดน้ำมัน แต่ยังต้องผ่อนรถ EV คุ้มมั้ย?
13:38 รถเก่า รถใหม่ และ รถยนต์ไฟฟ้า
14:32 ค่าใช้จ่ายแฝง
15:03 ค่าประกัน
16:32 ค่าบำรุงรักษาส่วนอื่นๆ
18:54 รถยนต์ไฟฟ้าเหมาะกับใคร
20:03 ถ้าใช้รถที่ประหยัดน้ำมัน เปลี่ยนคุ้มมั้ย?
21:47 ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่เข้ามาในปัจจุบัน
24:02 แบตเตอรี่-สถานีชาร์จ
26:22 ถ้าซื้อรถแพงๆ ยังคุ้มอยู่มั้ย
29:22 ซื้อแบบไหนให้คุ้ม
เพิ่มเติมให้อีกนิด คันที่ผมเอามาคิด 7 โลลิตรคือ Suzuki ของคนรู้จักอายุ 20ปี+ ซึ่งปกติสำหรับรถเก่ามากๆ และบางรุ่นที่ยังไม่เก่ามาก ก็กินแบบนี้แหละครับ ถ้าใครที่ขับรถอีโคคาร์ หรือประหยัดน้ำมันอยู่แล้ว วิ่งได้เกิน 10-20 กิโลลิตร ไม่อยากเปลี่ยนก็ตามสะดวกครับ อย่าซีเรียสเนอะ
@@longhai.review Suzuki รุ่นอะไรครับ ถ้า Suzuki สวิฟนี้ ประหยัดมากนะครับ 7 กิโลลิตร นี้รถอะไรครับ รถน้ำมัน ไม่ไฮปริด ยังแค่ 10 กิโลลิตรเองนะครับ ที่เปลืองๆ
ขอบคุณครับ ชอบๆ ครับ ละเอียดดี ผมก็อยากเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า กำลังหาแนวทางการคำนวณอยู่เลยครับ แต่เท่าที่ดูคลิปนี้ขออนุญาตสังเกตเห็นว่าจะใช้ราคาค่าน้ำมันกับราคาค่าไฟฟ้าแบบคงที่ตลอดการคำนวณ ซึ่งก็แอบกลัวว่าค่าไฟฟ้าหรือค่าน้ำมันน่าจะเพิ่มราคาต่อหน่วยขึ้นในอนาคต ส่วนข้อมูลอีกอย่างที่น่าจะนำมาคำนวณด้วยสำหรับคนมีรถเก่าอยู่แล้วแต่อยากเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าคือ ราคาขายต่อหรือเทริน ถ้านำมาคำนวณด้วยคิดว่าจะลดเวลาคืนทุนเร็วขึ้นนิดนึงหรือกำหนดงบซื้อรถใหม่ได้สูงขึ้นนิดนึงครับ **ผมลองคำนวณดูแล้วข้อมูลรถเก่าของผมหากเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าจะคืนทุนในอีก 15ปี+ อาจเพราะรถเดิมประหยัดน้ำมันและใช้น้อยมากๆต่อวันครับ ถ้าหาเงินได้มากๆ ก็น่าซื้อใช้ครับเพราะได้เทคโนโลยีความปลอดภัยและตามความสุขใจของแต่ละคนครับ
ผมเอาแคมรี่14ปีไปเทิร์นเป็น MG EP มาได้6เดือนแล้ว โดยขายได้เท่าไหร่ก็ดาวน์หมดเลยและหักไว้2หมื่นกว่ามาทำระบบไฟฟ้าและมิเตอร์TOUด้วยโดยผมนับให้การวางระบบไฟฟ้าที่บ้านเพื่อรถยนต์ก็จัดเป็นส่วนหนึ่งของค่ารถตอนวางดาวน์ ตอนที่ไปเทิร์นรถผมได้คิดคำนวณแบบนี้
1.ค่าน้ำมันเดิมเดือนละ10,000 บาทตก กม.ละ5.5-6บาทต่อกม.เพราะวิ่งผ่านเส้นทางทำรถไฟฟ้าทั้งเส้นเช้าและเย็นเลยเปลืองค่าน้ำมันมาก พอเป็นรถ EP เสียค่าไฟเดือนละ 1,500 มิเตอร์ปกติเดือนต่อมาเปลี่ยนเป็นTOU เหลือค่าไฟไม่เกินเดือนละ 1,200 สรุปประหยัดค่าน้ำมันได้เดือนละ 8,800 บาท
2.รถแคมรี่เดิมเก่าแล้วมีค่าซ่อมรถเฉลี่ยตกปีละ20,000บาท และบวกค่าซ่อมบำรุงเข้าศูนย์เช็คระยะปีละ2ครั้งประมาณ10,000บาท รวมเป็น 30,000 บาทต่อปีหรือเฉลี่ยตกเดือนละ 2,500 บาท ส่วนรถ EP ค่าซ่อมบำรุงต่อแสนกม.หลังหักช่วงประกันแล้วแค่ ประมาณ12,000 บาทคิดขับเทียบเท่าแคมรี่ปีละ2หมื่นกม.แสนกม.จึงได้5ปี จึงได้ค่าซ่อมบำรุงรถ EP 12,000/5 = 2,400 บาทต่อปีหรือเดือนละ 200 บาท ส่วนค่าซ่อมรถไม่คิดเลยเพราะรถยังใหม่อยู่ แล้วพอมาเทียบส่วนต่างจากรถน้ำมันคันเดิมจะประหยัดส่วนนี้ได้เดือนละ 2,500-200=2,300 บาท
3.ส่วนยางรถไม่ต้องคิดเลยเพราะรถไฟฟ้าใช้งานได้นานกว่ารถน้ำมันไปเกือบเท่าตัวเพราะมันมีระบบรีเจนเนอเรทีฟเบรคจึงทำให้รถไม่ค่อยเยียบเบรค ยางรถจึงจะเสื่อมน้อยกว่ารถน้ำมัน รถไฟฟ้าหลายคันวิ่งจนเปลี่ยนยางที่8หมื่นถึงแสนกม. ในขณะที่รถน้ำมันเดิมๆแค่5หมื่นกม.ก็ต้องเปลี่ยนแล้ว
เมื่อเอาข้อ1.ค่าน้ำมันที่ประหยัดได้ต่อเดือนมารวมกับข้อ2.ค่าซ่อมบำรุงเฉลี่ยที่ประหยัดได้ต่อเดือนรวมกันและไม่ต้องคิดข้อ3ก็จะได้ = 8,800+2,300 = 11,100 บาทต่อเดือน
แล้วผมก็เลยเลือกซื้อแบบผ่อน84งวด เพราะหลังหักดาวน์แสนกว่าบาทที่ได้จากค่าเทิร์นแคมรี่แล้วจะเหลือผ่อนเดือนละ 10,630 บาท เพื่อไม่ให้เกินจำนวนเงินที่ประหยัดได้ที่ 11,100 บาท แม้ต้องเสียดอกเบี้ยมากกว่าแต่คอนเซ็ปผมคือ จะเปลี่ยนรถฟรีโดยไม่เสียเงินเพิ่มเลยสักบาททั้งเงินดาวน์รถและค่าผ่อนรายเดือนอีกด้วย แต่กลับกันผมเหลือเงินเพิ่มอีกเดือนละ 470 บาท หรือปีละ 5พันกว่าบาท ซึ่งก็เอาจำนวนนี้ไปโป๊วกับค่าประกันส่วนต่างถ้าต้องจ่ายแพงขึ้น ซึ่งตอนซื้อรถจริงๆก็ไม่รู้ว่าค่าประกันรถปีต่อไปจะเป็นเท่าไหร่กันแน่เห็นพูดๆกันว่ารถไฟฟ้าแพงกว่าแต่ก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่เลยกะไว้ว่าน่าจะสัก5,000บาท
สรุปแล้วผมได้เปลี่ยนรถไฟฟ้ามาแบบฟรีๆหลังคำนวณแล้ว เลยซื้อรถไฟฟ้ามาใช้ครับ
เหมิอนกันเลยครับ ผมคิดเหมือนกันแบบนี้เลย
ใช้ตัวเลขนี้ไปคิดได้เลย ดีๆ
@@hsubasa 😀
@@bunyaritmarasri2385 😀
@@bunyaritmarasri2385 😀
สำหรับผมที่บ้านมีรถน้ำมัน และรถ Hybrid อย่างละ 1 คัน คันต่อไปยังไงก็รถไฟฟ้าเพราะจากที่ลองเช่ามาขับอัตราเร่ง และความสนุกในการขับมันกินขาด มันขับสนุกกว่ามาก และภายใต้ความสนุกนั้นมันยังประหยัดอีกด้วย ในขณะที่รถ hybrid มันอืดกว่า EV เยอะ ยิ่งถ้าจะขับให้ประหยัดมากที่สุดจะยิ่งอืดมากกว่าเดิมเยอะ คันต่อไปยังไงก็ EV
แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละท่าน สำหรับผม ผมเบื่อกับการขึ้นเอาๆของราคาน้ำมันในประเทศนี้มากๆ และต้องเดินทางวันละร้อยโล เลยหันมาใช้รถไฟฟ้ามาสักพักใหญ่ๆแล้ว โดยรวมพอใจมาก ในหลายๆด้าน ยังไม่ต้องรับบทนักสู้ เพราะอยู่ต่างจังหวัด และติดตั้งที่ชาร์จที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถน้ำมันจอดไว้เฉยๆเลย นานๆใช้ที
แนะนำยี่ห้อกับรุ่นรถไฟฟ้าให้หน่อยค่ะพี่
คนคุ้มคือคนขับรถทุกวันครับ สำหรับผมและครอบครัว ทุกอย่างทั้งบ้าน โรงงาน กิจการอื่นๆ ทั้ง 2-3 อย่าง อยู่ในระแวกเดียวกันหมด เพราะจังหวัดภูธรด้วยครับ ขนาดรถสันดาบแทบไม่คุ้มเลยครับ Benz ซื่อมา 12 ปี วิ่งไม่ถึงแสน Mini หมด MSI 3 ปีวิ่งไม่ถึง 30000 เรื่องรถไฟฟ้าเลยไม่อยู่ในหัวเลย แต่ชอบนะครับ ทันสมัยดี ทรงสวย กลัวว่า ซื้อมา ก็มาจอดอย่างเดียวครับ แต่ที่ลงทุนแบบไม่คิดเลยคือ Solar Cell ครับ
3 ปีผม 15000 เอง เลยเหนด้วยเลย รถราคามันเสื่อมไว ไม่คุ้ม โซล่าคุ้มกว่า ผมก็ติดโซล่าครับ ถ้าจะซิ้อรถไฟฟ้ามันต้องมีไรที่มากกว่านี้ เช่นโดนบังคับ หรืออะไหล่ น้ำมันมันไม่มีแล้วไรงี้
ก็ถึงบอกไง ว่า รถไฟฟ้าไม่ได้เหมาะกับทุกคน ถึงได้มีการคำนวนแบบนี้ขึ้นมา ช่วยในการตัดสินใจ
จาก status ที่บอกยี่ห้อรถแล้วผมแนะนำว่า bezn 12 ปีปลดระวางได้แล้วครับ วิ่งน้อยประมาณนี้ออกรถไฟฟ้าก็คุ้มนะครับ แปลว่าไม่ได้วิ่งทางไกลสักเท่าไร เหมาะกับรถไฟฟ้าที่ไม่ต้องเสียค่า maintainance เยอะไม่มีน้ำมันเครื่องหรือสารเหลวอะไรให้ต้องเปลี่ยน+ได้ลดโลกร้อนไปในตัว ลองใช้แล้วจะชอบครับ
@@pongwitv คือถ้าไม่ซื้อใหม่ มันก็ไม่เสียเป็นล้าน แช้วใช้ของเดิมไป เสียน้ำมันค่าซ่อมก็ไม่ถึงแสน เภราะวิ่งน้อย เงินเก้าแสนที่เหลือจากไม่ออกไฟฟ้าทำไรได้เยอะมาก ยิ่งเวลาปแดปีผ่านไปมันจะทวีคูนถ้าลงทุนเซฟๆ ไม่เสื้อมแบบแบตอีก
อยู่ที่ความพร้อมเลยคับ ผมเป็นที่ใข้รถ 8km/l อยู่ รถเก่า 17 ปี รถที่กินขนาดนี้ ต้อง lpg แล้วคับ ค่าเชิ้อเพลิง 4 ปีที่ผ่านมา 2.6 บาท ผมบวกค่าซ่อมบำรุง 25000 ต่อปี ตก 3.6 บาท แต่ราคาน้ำมันตอนนี้ น่าจะตกไป 3.8 บาท ผมใช้ปีละ 25000 * 3.8 = 95000 บาท ถ้าเปลี่ยน ev ขายคันเก่า + ดาว 15% 60 เดือน เอารถที่ไกล้เคียงกัน กับที่ใช้ คือ aion y ต้องผ่อน 14000/เดือน + ค่าไฟฟ้า ไป 1600 ผมต้องจ่าย 15600/เดือน ใช้คันเดิมจ่าย 8000 ต่อเดือน ใช้ไป 5 ปี คันเก่า = 400000 บาท รถตีซากไม่ทีราคา ev น่าขายได้ซัก 350000 เอาเงินผ่อน 840000-350000 = 490000 ดูแล้วเปลี่ยนน่าจะคุ้ม แต่ๆๆ ต้องมาดูสิ่งที่ขาดหายไป และเพิ่มเข้ามาในแต่ละเดือน 1.ต้องจ่ายเพิ่ม 7600 บาทต่อเดือน
2.คิดว่าต้องวิ่งเที่ยวมากกว่าเดิม พวก ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นน่าจะเพิ่มแต่ได้เที่ยวมากขึ้น
3.สิ่งที่ ev ยังให้ไม่ได้ในราคา นี้ คือ รูปแบบของรถ ผมใช้ space wagon รถค่อนข้างเอนกประสงค์ เดินทางไกลได้เกิน 5 คนสบายๆ
สรุปเลยว่า ถ้าเป็นรถเล็กๆ ที่กินน้ำมัน 12-13 ลิตร ก็จะตก 3 บาท + ค่าดูแล 0.5 บาท ก็จะไกล้เคียงกับรถที่ผมใช้อยู่ และไม่ต้อง 7 ที่นั่ง + สามารถเพิ่มเงินผ่อน 5000-7000 บาทต่อเดือน ในระยะการใช้งาน 2000km ต่อเดือน ไป ev ได้เลย
ถ้าวิ่ง เดือนนึง 4000km + ไป ev ได้เลย ค่าใช้จ่ายไม่ต้องเพิ่ม ด้วย
คนที่จะออกรถใหม่ ไป ev ได้เลย ถ้าเน้นประหยัดเงิน ในชีวิตประจำวัน เรื่องความเสี่ยงก็วัดดวงเอา ราคาแบต ยังไงก็ลด อีก 8 ปี ค่อยว่ากัน รถ 8 ปี ยังไงก็ เหลือ 15-20% ผมว่ารถไฟฟ้า ชั่งโลขายถอดแบตมาทำสำรองโซ่ล่าเซล แล้วถอยคันใหม่ พร้อมใช้โซล่าเซลเติมไฟฟรี ในอนาคต
ถ้าเงินพร้อม ผมก็มอง mg4 ตัว d ไว้ใช้ 80% ของการใช้งาน เก็บคันเก่าไว้วิ่งท่องเที่ยวไกล ๆ 20% ซื้อรถอยู่ที่ความพร้อม คับ ถ้าไม่พร้อม ต่อให้เติมไฟฟรี ก็เป็นภาระ
ใครสะดวกหรือเหมาะหรือชอบก็ใช้ใครไม่สะดวกไม่เหมาะไม่ชอบก็อย่าใช้ ขอบคุณที่ทำคอนเท้นนี้ ส่วนตัวยังไม่สะดวกตอนนี้อนาคตไม่แน่😅
คุ้ม ... ถ้าคุณใช้รถเยอะจริงๆ จังๆ และ ต้องใช้แบบสั้นๆ หยุดๆ จอดๆ มีเวลาชาร์จครับ
แต่ถ้าจะวิ่งยาว มันใช้ไม่ได้แน่ๆ เพราะมันจะเสียเวลาชาร์จ ส่วนคนที่ใช้รถน้อย มันก็ไม่รู้จะคุ้มเมื่อไหร่ เพราะ กว่าส่วนต่างจะชนะ มันเมื่อไหร่ไม่รู้
ยอดเยี่ยมครับ ละเอียดถี่ถ้วน.. ไม่มีช่องไหนทำได้ขนาดนี้ ผมกำลังตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้า อยุ่เลย❤❤
ปัจจัยทางการตัดสินใจของผมคือ ผมชอบ อยากได้ อยากทดลองอะไรใหม่ๆ ใช้น้อย ใช้มาก ไม่สน ทุกอย่างมีดี มีด้อย อย่าคิดมาก จัดไปเลย..
คือก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนไทยมันเป็นอะไรนักหนากับคำว่าแบตเสื่อม ต้องเข้าใจก่อนว่าการที่แบตเสื่อมไม่ได้หมายความว่ามันจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะมันก็แค่เสื่อมไม่ได้เสียดังนั้นรถก็ยังขับต่อได้
ยิ่งคนใช้รถเป็นยิ่งอยู่ได้นาน ไม่แปลกใจที่เค้าขับกันไปเป็นล้านกิโลได้โดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยน แต่พอพูดถึงรถไฟฟ้าอะไรนิดๆหน่อยก็มีแต่แบตเสื่อมๆๆ คือคิดได้แค่ว่าซื้อรถเพื่อที่จะมาเปลี่ยนแบต ไม่ได้ซื้อมาขับใช้งานว่างั้น
หรือคิดว่าถ้าใช้แล้วกลัวมันเกิดอุบัติเหตุก็ไม่ต้องมาใช้หรอก เพราะมัวแต่คิดว่าเราขับไปจะต้องชนต้องโดนชน คือความคิดของคนที่ไม่เคยได้อยู่กับรถจริงมีแต่ฟังคนอื่นเค้าพูดมา กับคนที่ได้ใช้งานรถจริงๆมันต่างกันมากนะ
คือแบตเสื่อมก็ปกติแหละ แต่ระยะเวลามันยังไม่ได้พิสูจน์แบตเจ๊งน่ะสิ คือคนทั่วไปอาจเคยเจอมือถือวูบ รีสตาร์ทเอง แบตยังไม่หมดเครื่องดับ อันนี้คงต้องรอให้ระยะเวลาพิสูจน์ต่อไป แล้วถ้าแบตวูบ เครื่องดับกลางอากาศ ระบบเบรคยังทำงานได้ไหม กังวลใจสุดละ ตัวอย่างใกล้ตัวคือถ้าเครื่องดับขณะลงอาคารจอดรถ ถ้าเบรคใช้ไม่ได้ก็แย่ เขาน่าจะคิดไว้เผื่ออยู่ ก็หวังแบบนั้น
คุณกิมครับ ทำไมคุณกิมเทียบค่าน้ำมันตอนเติมจากหัวจ่ายน้ำมันในปั๊มน้ำมันกับค่าไฟของรถไฟฟ้าตอนที่รถใช้ไปละครับ น่าจะคิดค่าไฟจากเครื่องชาร์จซิครับ เทียบที่หัวจ่าย(น้ำมัน)กับหัวจ่าย(ไฟฟ้า)น่าจะตรงกว่านะครับ เพราะเท่าที่เคยใช้เครื่องชาร์จไฟจะมีอัตตราสินเปลืองในการจัดการไฟฟ้าเพื่อชาร์จเข้ารถด้วยนะครับ(รถแต่ละรุ่นจะกินค่าการจัดการไม่เท่ากันแต่ใกล้เคียงกันมากถ้าชาร์จด้วยกำลังไฟฟ้าเท่าๆ กัน เท่าที่เคยลองมาถ้าชาร์จช้าจะกินค่าการจัดการน้อยกว่าชาร์จเร็วด้วย)
ถ้าจะเทียบแบบสถานี(น้ำมัน)ต่อสถานี(ไฟฟ้า)น่าจะประหยัดน้อยกว่านี้นิดนึงนะครับ
จริงจ้า บวกอีก 10% เช่น จะชาร์จแบต kia ev5 ตัวใหม่นั้น 88.1 kwh จะต้องใช้ประมาณ 88.1*1.1=97kwh (และแถมใช้ไฟได้แค่ 85kwh ด้วย) ที่มาคลิปของนายคนนี้ ที่เลิกใช้EV กลับมาดีเซล ua-cam.com/video/nZysvgm2_Aw/v-deo.html แต่จำไม่ได้ว่าคลิปตัวไหนนะ แต่ของนายคนนี้แหละ
คลิปนี้ ได้รับข้อมูลดีมากเลยครับ ขอบคุณครับ หาคลิปแบบนี้มา...นาน และ อนาคต ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ทำ เปรียบเทียบ ค่าซ่อม เช่น เปลี่ยนกันชน หน้า-หลัง เปลี่ยนแบต+ อื่นๆ ของแบรนด์ยอดนิยมในไทย ว่าแบรนด์ไหน ถูก-แพง กว่ากัน เท่าที่หาข้อมูลได้ (อ้างอิง ค่าซ่อมในจีนก็ได้)
ไฮบริดน่าจะมีค่าบำรุงรักษาเยอะกว่านะ เพราะใช้ทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ ต้องซ่อมบำรุงทั้ง 2 อย่างเลย แต่ได้เรื่องความประหยัดน้ำมันกว่ารถน้ำมันล้วนๆ แต่ตอนนี้ค่าน้ำมันแพงเหลือเกินครับ
ถ้าเป็น e-power ของ Nissan
@@annagli5710ระยะยาว ค่าดูแลน่าจะน้อยกว่าไฮบริดนะผมว่า ได้แรงกว่า แต่ประหยัดได้น้อยกว่า ทั้งในเมืองนอกเมือง และราคาแบตแพงกว่า ดีว่าประกัน10ปีไม่จำกัดระยะทาง ดีคนละแบบคับ
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำมันเกียร์ หล่อเย็น หมดเงินเป็นหมื่น
ตอนนี้น้ำมัน40กว่าบาทแล้ว 20โลลิตรที่ทำได้ยังดูไม่ประหยัดเลย
@@annagli5710ผมใช้อยู่ครับ ถามว่าประหยัดมั้ย นํ้ามัน 1 ถังจากชลบุรี (สัตหีบ) ไป สุราษ (อ.เมือง) นํ้ามันหนึ่งถังยังเหลือครับ แถมขับวนรอบเมืองได้อีก ผมขับความเร็ว 110 (มีเกินบ้างเวลาเร่งแซง)
ถามว่ามีค่าใช้จ่ายค่าของเหลวมั้ย (นํ้าเครื่อง-เบรค ฯลฯ) ทางโปรของนิสสันฟรีส่วนนี้ให้ 7 ปี หรือ 150,000 โลครับ (รวมถึง กรองแอร์+อากาศด้วยครับ)
แถมครับ เพื่อนผมใช้รถไฟฟ้าซื้อมาล้านกว่าบาท ใช้ไป 4 ปีขาย ได้เงินกลับมาไม่ถึงห้าแสน 😅
อีกอย่างที่สงสัยคือ รถไฟฟ้าไม่ต้องเปลี่ยนกรองแอร์, ล้างแอร์, ยางเบ้าโช๊ค, ปีกนก เลยหรอครับ ถึงได้บอกกันว่ารถไฟฟ้าไม่เสียกัน ???
ทำไมไม่เทียบกับรถที่ประหยัดน้ำมันล่ะครับ เช่น ไฮบริด หรือ รถผมสันดาปล้วน 15km/L ส่วนทางไฟฟ้า ก็ไม่ได้ประหยัดด้วย TOU ทุกครั้ง อย่าเทียบแบบแย่สุดไปดีสุดเพื่อให้ range ความต่างมันมากเกินไปสิครับ ถ้าขับรถ 7.5km/L ได้ แสดงว่าคุณก็เท้าหนัก ใช้รถไฟฟ้าก็ต้องกินแบต/ระยะทางมากกว่านี้
เค้ามีให้โหลดเทียบนะคับไปลองเทียบเองดูตามความต้องการเราผมว่าอันนี้ดูไปก็แค่ฟังคร่าวๆแต่ละคนมันคนละกรณีคับ
ตัวอย่างการเทียบค่อนข้าง bias ตามนั้นเลยครับ
คำนวนเองได้เลยนะครับ เค้าทิ้งไฟล์ให้โหลดแล้ว
ลิ้งใต้คลิปเลยครับ
7.5อันนี้เค้าเอาไปเทียบรถบรรทุก😂😂
ผมคิดคล้ายๆแบบนี้เลยครับ แต่ใช้รถน้อย (ไม่ถึง 30km/วัน และ ไม่ทุกวัน) ออก ตจว บ้าง เดือนละ 1-2 ครั้ง
ตีเป็นเงินทั้งหมดแล้วไม่คุ้มที่จะต้องไปเสียค่างวด
สรุปสั้นๆ จะซื้อรถไฟฟ้าเพื่อประหยัดน้ำมัน ควรจะ 1.ซื้อรถต่ำล้าน 2.ต้องขับสม่ำเสมอทุกวันระยะเกิน100-200 กม. กำลังดี perfect ซื้อเลยโคตรคุ้ม
รถผม 4 ปี ผมยังอยากเปลี่ยนเลย แต่ผมใช้รถน้อยมาก วันละ 4-5 โลเป็นหลัก ไม่เกิน 10โล (ทุกวันนี้ที่ผมคำนวนออกมา 5 บาท/โล ) ถ้าจะเอารถไปเทิร์นมาเป็นรถไฟฟ้า มันไม่คุ้มครับ
👍.....ขอบคุณที่ทำคลิป...ไปงานมอเตอร์โชว์มา...สนใจ รถเล็กอยู่ 2คัน...BYD โลมา กับ BYD แมวน้ำ.....
...........จะเอาไว้ ใช้ในเมือง แทนรถ Jazz 2009 ที่ใช้มา 15ปี (จะติดมิเตอร์TOU ที่บ้านเพิ่ม).....
...........รถ Honda HR-V gen1 อีกคัน เอาไว้ใช้ ขับทางไกล เพราะประหยัดอยู่ ( 19km/L)
...........รอดู Oบริการ คลังอะไหล่ อีกสัก 2ปี...ให้ชัวร์ก่อน...เพราะโรงงานยังสร้างไม่เสร็จ.....
...........และที่ติดตามข่าวมา...เห็นว่ายังรออะไหล่ นานอยู่.....🌹
ขับไกล HRV ประหยัดจริง 👍🏻 ใช้อยู่เหมือนกันครับ จนรู้สึกว่าถ้าจะเอาคุ้มไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลย😁
ขอบคุณคลิปดีๆ กำลังตัดสินใจระหว่างไฟฟ้ากับไฮบริด อยู่คอนโดต้องชาร์จนอกตลอด ประหยัดไม่ต่างไฮบริดเท่าไหร่ คลิปนี้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้ดีครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ😍
ขอบคุณสำหรับข้อมูล ส่วนใหญ่รถไฟฟ้าจะแถมประกันเดี๋ยวนี้แถม 2 ปีด้วย แล้วเคยเห็นโฆษณาประกันต่ำสุดอยู่ที่ 18,000 กว่าบาท แต่อันนี้อาจจะเป็นรถเล็ก ผมไม่แน่ใจ สำหรับผมยังไงก็คุ้มเพราะผมกลับเกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน โคตรโล่งใจโคตรสบายใจ แต่เงินที่เรา ประหยัดได้ ไม่ใช่เอาไปใช้ก็เก็บๆไว้สำรองค่าแบตค่าอะไรที่ มันอาจจะมีการใช้เงินฉุกเฉินในจำนวนเงินเยอะ ถ้าไม่ได้ใช้ก็ดีไป
ลองเทียบ ev กับเอารถไปติด lpg ดูครับ
ผมติดแล้วค่า lpg ตก กิโลละ 1-1.2 บาท ขึ้นกับเหยียบหนักแค่ไหน
เลือกร้านติด lpg ที่มีชื่อเสียง ไว้ใจได้ ค่าติดอาจแพงกว่าเจ้าอื่นหน่อย แต่ปัญหาน้อยครับ
เดี๋ยวเพิ่มในตารางให้ครับ
ทุกอย่างคือการคาดการณ์ ตอนคนซื้อเชฟโรเล็ต ไครสเลอร์ โฮลเด้น สโกด้า saab โอเปิล ทาทา วันที่ซื้อก็ดีใจ เปรียบเทียบกับค่ายอื่นเเล้วของที่ตัวเองตัดสินใจดีที่สุดเเล้วจริงมั๊ย ใครจะไปรู้จะเป็นแบบนี้
ตอนนี้ว่าจะเอาคันเก่าไปติดแก็สlpg คงเป็นอีกทางเลือกที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อรถไฟฟ้า ไม่ต้องห่วงค่ายางและประกันที่สูงขึ้น ไม่ต้องคอยนั่งชาร์จนานๆครับ ใช้สัก5 ปี รถไฟฟ้าหรือพลังงานอื่นคงมีอนาคตชัดเจนกว่านี้ ราคาถูกลงกว่านี้ครับ
รถน้ำมัน กับ รถไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละบุคคลเลย
- ถ้าคุณจะเอาความประหยัด เอาตัวเลขมากาง ยังไงไฟฟ้าก็คุ้มกว่า ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุตลอดช่วงเวลาที่ขับอ่ะนะ
- ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ไฟฟ้าอาจจะด้อยกง่าในเรื่องการรออะไหล่ หรืออะไรก็ตามแต่ แต่น้ำมันบางที่ก็ใช่ว่าจะดีขนาดนั้น
- ถ้าเกิดอุบัติเหตุหนัก รถน้ำมันหรือรถไฟฟ้าก็ไม่คุ้มทั้งนั้นแหละ
- ถ้าคุณอยู่ในเมือง ทำงานในเมือง มีบ้าน มีครอบครัวในเมือง ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย
- ถ้าบ้านคุณอยู่ต่างจังหวัดต้องมาทำงานในเมืองหลวง หรือที่ไกลๆ 4-5 ร้อยโลไรงี้ แล้วมีความจำเป็นต้องกลับบ้านต่างจังหวัดในช่วงเทศกาล ยังไงน้ำมันก็สะดวกกว่า
- สถานการณ์ ความพร้อมของเราไม่เหมือนกัน เลือกสิ่งที่คิดว่าเหมาะสมเถอะ ไม่ต้องสนใจคนอื่น
เห็นด้วยครับ ยิ่งตอนนี้ ข่าว เรื่อง ซ่อมแพง บริษัทประกันภัย คืนทุน มีมาให้เห็น ครับ
ลืมคิดค่าเสื่อม รถลูกชาย ซื้อมาล้านนิด ๆ 3 ปี เต๊นท์ขาย 6 แสนกว่า แสดงว่ารับซื้อ 5 แสนกว่า หายไป 50% 6-10 ปีแทบไม่มีราคา เหมือนซื้อแล้วทิ้งเลย ความคิดเห็นส่วนตัวจากประสบการณ์จริงครับ
รถไฟฟ้ามัน้้พิ่งมีมันพัฒนาเร็วมากของเก่าตกรุ่นเร็ว รถน้ำมันมีมาเป็นร้อยปี มันตันแล้วครับราคาเลยไม่ตกหนักเท่า
ถ้าจะคิดเรื่องนี้ต้องรออีกสักพักให้ราคานิ่งกว่านี้
ยังไงผมก็สนับสนุนรถไฟฟ้านะครับ
แต่มันไม่ได้เหมาะกับทุกคน ผมเชื่อแบบนั้น
ลองคิดถึงค่าประกันดูครับ คิดถึงถ้าเกิดอุบัติเหตุดูครับ คนที่มีรถคันเดียว อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่
คนที่วางแผนไม่เก่ง อยากไปเที่ยวไหนแบบฉุกเฉินแบบผม ก็คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ทั้งที่จริงแล้ว
การใช้รถไฟฟ้า จะให้คุ้ม ต้องวิ่งให้เยอะ ถ้าวิ่งเยอะจะยิ่งประหยัด
การวิ่งเยอะก็ทำให้รถไมล์เยอะ แบตเสื่อมเร็ว ไปเที่ยวก็ต้องใช้เงินเพิ่มเข้าไปอีก
เอาเป็นว่า แล้วแต่เลยนะครับ มันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องหรอก
ยกเว้นว่าเราหาจุดที่เหมาะสมกับเราแล้วลองตัดสินใจ แล้วรับผิดชอบกับการตัดสินใจนั้นดูครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ .... ตัดสินใจมาทาง hybridก่อนและกัน ยังไม่พร้อม ev !!!❤❤❤
ขับรถวันละ 50 กม 5 วันต่อสัปดาห์
คำนวณแล้ว
ใช้🚗CEFIRO A31 RB25
7 โล/ลิตร ต่อไป 🤣🤣🚗
ส่วนใหญ่ผมใช้รถใน กทม. ปริมณฑล ... ไป สวนที่ ตจว.ใกล้ ๆ เดือนละ 2 ครั้ง (ระยะทางไป-กลับประมาณ 200 กม.) บ้าง ... ขับไปเชงเม้งที่ภูเก็ตปีละครั้ง ...
โดยเฉลี่ยแล้ว ผมใช้รถเดือนหนึ่งไม่เกิน 1,000 กม. เลยยังไม่ใช้รถไฟฟ้า ใช้ Eco car
ต้องขอบคุณคนที่ แห่กันไปซื้อก่อน ทำให้คนซื้อทีหลัง ได้ของที่คุ้มค่าขึ้นกว่าเก่าเยอะเลย
ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าหัวข้อที่การเอารถที่เราใช้งานปัจจุบันมาคำนวณส่วนนี้ไม่ได้มีประโยชน์ครับ จริงๆมันควรเปรียบเทียบตัวเลือกรถที่เราจะซื้อว่ารุ่นใดกินน้ำมันและค่าใช้จ่ายโดยรวมถูกกว่ากันเปรียบเทียบระหว่างรถEVกับรถน้ำมันในSegment ต่างๆในตลาดที่เราพอจะซื้อได้ ไม่ใช่เทียบกับรถที่เรามีครับ
พวกรถน้ำมันที่ sensitive กับ content EV นี่เยอะนะครับ ดูไม่จบแล้วรีบ comment เยอะจัง เค้าเทียบให้ดูทุกแง่มุมแล้ว ตั้งแต่ 7,16,22 กิโล / ลิตร ลองอดทนดูให้จบสักนิดก่อนเพื่อความรู้ที่เพิ่มขึ้น
อยากได้ไฟฟ้า หรือ ไฮบริด แต่ตังยังไม่มี เลยยังคิดได้อีกนาน รอใช้หนี้โควิทหมดจะได้เริ่มเก็บตัง อีกสัก3ปี คงได้รถดีๆ🎉🎉 ทนๆๆๆๆๆเอา
อยากให้ทำคลิปสำหรับผู้มีรายได้น้อยคือไม่มีเงินซื้อรถใหม่ป้ายแดง ก็ต้องซื้อรถมือ2 ส่วนใหญ่จะใช้ไปแล้วประมาณ 1-3 แสนกิโล เราจะเลือกอย่างไหนดีครับ
สบายใจอันไหนก็ใช้อันนั้น ส่วนตอนนี้ใช้สันดาป
สบายใจเติมน้ำมันไม่ต้องกังวลปั้มชาร์จ แค่นั้น
ส่วนคนอื่นสบายใจอันไหนก็ใช้อันนั้น
แบต lithium ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ น่าจะพูดถึงเรื่องมอเตอร์ด้วย
จริงๆอยากให้เทียบกับ รถLPG ด้วย และก็ราคาขายต่อ ด้วยครับ เพราะราคาขายต่อ นี่ก็เป็นปัจจัยหลักเลย
ที่บ้านใช้ chr เฉลี่ย 20 โลลิตร
ในคลิป 7.5 โลลิตร ไม่เป็นกลางเท่าไหร่
อีกคัน accord14 ในเมือง 11 นอก 16 โลลิตร
กลางๆสัก 13-14 กำลังดีถ้าจะให้แฟร์
จริง งงมาก ทำไมเอา 7 โลลิตรมาเทียบ กับ รถไฟฟ้า มีการต่อให้ไฟฟ้าเพิ่มอีกนิดหน่อยถ้าขับดี นี่ยิ่ง อะไรวะเข้าไปอีก
ผมว่ารถปัจจุบันใน ราคา เกือบล้านจนถึงสองล้าน รถน้ำมันที่วิ่งได้ 16 -24 โลลิตรมีตัวเลือกเยอะมากๆ ไหงเอา 7 โลลิตรมาเทียบ
คือผมเข้าใจว่ายังไง ไฟฟ้าประหยัดกว่าอยู่ดีถ้าเทียบ แต่การเอารถเก่าวิ่ง 7 โลลิตรมาเทียบ กับรถไฟฟ้าปัจจุบัน ผมว่าทำคลิปได้โคตร BIAS
ถ้าเทียบรายจ่ายแบบ ซื้อใหม่ 2 คันมาเปรียบเทียบกัน อันนี้ ยังดูสมเหตุผลกว่า ว่าไม่มีรถเลย ไปทางไหนดี แต่เอารถเก่าแบบที่คนทั่วไปไม่ใช้งานในเมืองกัน มาเปรียบเทียบ อวยรถไฟฟ้าเกินไปมากๆ
@@LittleRomi ใช่ครับเห็นด้วย ต้องเอารถใหม่ทั้งคู่มาเทียบกัน
ใช้ mazda 2 sky อยู่ ถ้าขับในเมืองรถติดไม่ขยับ ก็ประมาณนี้ละจ้า 7-10 โลลิตร
ง่ายๆเลย ผมใช้อยู่ทั้ง2อย่างรถไฟฟ้าขับเยอะคุ้มแน่นอน ขับน้อยวันละไม่กี่สิบกิโลเมตรใช้ไฮบริดก็โอเค
ขับแลนครุยเซอร์หรอครับ 7.5โลลิตร
แบตเตอรี่ ใช้แล้วต้องเปลี่ยน ไหม แล้วครบอายุแบตเตอรี่ กี่ปี ต้องให้ใครจ่าย ค่าแบต
ถ้ารถเก่าแล้ว ประกันไม่รับต่อ หรือประกันให้ซ่อมแต่อู่นอก ซึ่งอู่นอก รถไฟฟ้ามันน้อยมากกก ยังงี้ทำไง
จริงๆ หลักๆที่เค้าอยากหันมาใช้รถไฟฟ้ากันบ้าง เพราะมันช่วยเรื่องมลภาวะทางเสียง ไอเสีย ความร้อน มากกว่าครับ พวกจ่ายค่าเชื้อเพลิงถูกกว่านี่มันเรื่องรอง.(แต่เห็นผลก่อน.)
ถ้าคนที่อยู่ใน กทม. รอบๆ กทม. เป็นรถไฟฟ้ากันหมด อากาศ+ความร้อนโดยรวมน่าจะดีขึ้น เสียงปรื๊นๆก็น่าจะเบาลง.
สำหรับคนที่เสียค่าน้ำมันเดือนละ 8000 ขึ้นไปยังไงก็คุ้มครับ แต่ผมเสียเดือน 7000 เลยต้องหาค่าใช้จ่ายอื่นมาคิดเพิ่ม
รถไฟฟ้าประหยัดเรื่องพลังกว่าแน่นอน....
แต่ส่วนตัวมั่นใจในรถน้ำมัน...
ราคาน้ำมันตอนนี้โหดมาก 95 ลิตรละ 40 บาทไปแล้ว
สุดท้ายแล้ว เราก็หนีความจริงจากคณิตศาสตร์ไม่ได้ 😊
ส่วนตัวยังเชื่อถือรถยนต์น้ำมัน หรือ ไฮบริดอยู่ แต่ถ้าขับแถวต่างจังหวัด ไปกลับที่ทำงาน 20 -30 ก.ม./วัน ผมก็อยากลองนะ แต่ไม่ค่อยมั่นใจแบรนด์
FYI
จริงๆแล้วการชาร์จไฟมันก็ charging loss ด้วย และการที่รถขับเคลื่อนไปมันก็มี discharge loss ด้วย เพราะแบตทุกวันนี้ให้ตายยังไงมันก็ยังมี internal resistance อยู่
เข้าใจว่า consumtion ที่รถมันโชว์คือ sum จาก power flow ณ ช่วงเวลานึงที่ตั้งไว้ ส่วน power flow เขาจะนับจากจุดไหนของวงจร อันนี้ก็แล้วแต่ค่าย แล้วแต่ model
ดังนั้นหากจะวัดกันที่ต้นทางมิเตอร์จ่ายไฟจริงๆ 1kwh อาจวิ่งได้แค่ 4-5 หรือจะดีที่สุดเลยคือ 6 กม. เท่านั้น
ซึ่งหากเทียบเป็นค่าใช้จ่ายต่อกม. แล้วอาจสูสีกับรถ 1.5+lpg
แต่ยังไงส่วนตัวก็แผลนจะซื้อรถไฟฟ้าไว้เนื่องจากจอดรถเปิดแอร์โดยไม่สร้างมลพิษได้
ไฮบริดคันเก่า7ปี ตราดาว ค่าซ่อมตามสลิปที่เก็บได้รวมๆเกือบล้านแล้วครับ ไม่รวมกับที่เสียอารมณ์กับเวลารถไปนอนรอซ่อมที่ศูนย์อีก
โหดแท้
evก็เสี้ยวนึงของไฮบริด
ถ้าซื้อมาใช้5-10ปี รถไฟฟ้าคุ้มแน่นอนถ้าไม่เสียไม่ขายแต่หลังจากนั้นระยะยาวรถน้ำมันคุ้มกว่า ไม่ว่าจะขายมือ2ตอนนี้ยังได้ราคา
เกิน 10ปี รถน้ำมันยังได้ราคาหรอครับ มันจะต่างกันซักเท่าไรเชียว
ผมว่าเเล้วแต่หน้างานครับ เพราะการใช้งานแต่ล่ะคนต่างการมาก
รถมันออกแบบให้ใช้งานคนล่ะอย่างครับ
รถไฮบริดเหมือนจะดีนะครับ ตอนปีท้ายๆอย่างหนักเลยครับ บำรุงทั้งระบบแบตและน้ำมันแม้มันจะแบตดีขึ้นแล้วก็ตามนิดนึง
เปลี่ยนรถอะไรก็ไม่คุ้มทั้งนั้นครับ ถ้ารถปัจจุบันมันยังวิ่งยังใช้งานได้อยู่
ไฮบริดติดแก๊สเวิร์คมั้ยค่ะ
ถ้าจะซื้อเพื่อความประหยัดก็ต้องซื้อตัวราคาไม่แพง เดินทางได้ดี แต่ถ้าเรามองว่าเราซื้อรถ มันก็คือรถแต่แค่ คนละเทคโนโลยีรถยนต์ก็แค่นั้น เหมือนเราซื้อนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ หรือ นาฬิกาปกติ มันก็คนละแบบคนละเทคโนโลยี
รถผมจ่ายค่าน้ำมัน8,000ต่อเดือนปีหน้ารอรถประกอบไทยหลายๆรุ่นก่อนราคาดีกว่านี้ดู ดอฟิน mg4 เนต้าครับ
เลขที่บ้านหลังหนึ่ง ใช้ไฟ2หม้อได้มั้ยคับ หม้อไฟธรรมดากับหม้อไฟTou
ถ้าอยู่ กทม และ ปริมณฑล (กฟน) ใช้ 2 หม้อไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในเขต กฟภ ใช้ 2 หม้อ ได้
คิดตอนเปลี่ยนแบตยัง เปลี่ยนมอเตอร์ หรือยูนิตอื่นๆ และทุนประกันที่ลดลงทุกปี ถ้าปีที่3 เกิดอุบัติเหตแล้วต้องเปลี่ยนแบตจะสามารถซื้อได้ไหม เพราะทุนประกัน ลด แต่แบตใหม่ไม่ลดหรือเปล่า
ผมขับวันละ200กิโล น้ำมันวันละ500 mazda2 2019 เปลี่ยนมาใช้ ora 500 china 2022 ก่อนเปลี่ยน TOU ค่าไฟรวมใช้ในบ้าน 9 พันกว่าบาท พอเปลี่ยน TOU เหลือเดือนละ 4000 5000 ประหยัดไหมครับ
ค่าน้ำมันเดือนเท่าไหร่ครับเนี่ย 😅
ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกเยอะนะครับเช่นอะไหล่สิ้นเปลือง ค่าช่าง ค่าประกันรถยนต์ ฯลฯ ความทนทานและราคาขายต่อ ต้องมาคำนวนอีก
โคมไฟซื้อไหนครับ
ที่ซื้อรถEV เพราะ
1.ใช้รถอายุ 8 ปี ค่าซ่อมเพิ่มมากขึ้น
2.ค่าน้ำมันประมาณ 12,000บาทต่อเดือน
3.ตอนนี้ผ่อนรถบวกค่าไฟฟ้าที่บ้าน ประมาณ 12,000 บาท
7.5 กม/ลิตร ขับ ferrari ไปทำงานเหรอครับ
บ้านผมใช้รถน้ำมัน 2 คัน
1.city อายุ 13 ปี กินน้ำมัน 14 กม./ลิตร
2.520d อายุ 7 ปี กินน้ำมัน 18 กม./ลิตร
รถน้ำมันตีกลมๆ กม.ละ 3 บาท รถไฟฟ้า ตีกลมๆ กม.ละ 1 บาท ประหยัด กม.ละ 2 บาท
ค่าบำรุงรักษาถ่ายของเหลวรถน้ำมันไม่เอามาคิดเพราะหักล้างกับค่าประกันภัยที่ไฟฟ้าแพงกว่ามาก
ราคาขายต่อไม่เอามาพูดเพราะยังมาไม่ถึงไม่รู้อนาคตจะดีหรือแย่
ถ้าไฟฟ้าวิ่งได้เกิน 4 แสน กม. แล้วแบตยังรอด ถือว่าไฟฟ้าคุ้มกว่าครับ
มันก็มีนะ ผมใช้ 320i เก่าแล้ว 6-7 km/L ต้องขับทางไกลถึงจะได้ 12km/L
1.5turbo วิ่งเส้นลาดพร้าวประจำผมลงไปถึง8โลลิตรเลยครับ 1.3 ผมก็ได้แค่10-11โลลิตร น่าจะอยู่ที่วิ่งแถวไหนด้วยครับ
ผมใช้crv g4 ขับในเมือง8โลลิตรครับ 😢
ผม xpander ขับในเมือง 8-9โลลิตร
ผมขับเบนซ์ตาถั่ว ในเมืองติด ๆ 7-8 กิโล/ลิตร นอกเมืองล๊อคความเร็วไว้ที่ 100 ทำได้แค่ 14km/l ผมว่าทางช่องเค้าเอาแฟคเตอร์จริง ๆ ไม่มีไบแอสมาคำนวณให้นะครับ ผมคิดว่าผู้ฟังนั่นแหละที่มีไบแอสในใจแล้วคิดว่าช่องนำเสนอเอนเอียงไปทางรถไฟฟ้าเพียงเพราะว่าเห็นเค้าใช้เทสล่า
ปกติตัวเองจะขับประมาณนี้ครับ
ค่าน้ำมัน 1 บาท ขับปีละ 30,000
ค่าน้ำมัน 2 บาท ขับปีละ 15,000
ค่าน้ำมัน 3 บาท ขับปีละ 10,000
ระยะทางที่ใช้จะเปลี่ยนแปลงตามค่าน้ำมันครับ
ระยะยาวละครับอันไหนคุ้มกว่า
ถ้าคำนวนนแง่ของพลังงานอย่างเดียวยังไง EV ก็ประหยัดกว่า แต่ถ้าเอาเรื่องประกัน ค่าบำรุงรักษารวมถึงค่าแบตเตอรี่ มาเฉลี่ยคิดกันน่าจะถูกต้องกว่า
กดทำสำเนาไปแก้ไขไฟล์ยังไงครับ
ยังไงการคำนวณถ้าคำนวณการบพรุงรักษาของรถสันดาปก็ควรนำค่าแบตเตอรี่ ราคาในวันนี้ที่เราเห็น มารวมด้วย ไม่ใช่แค่นั้นยังมีค่าอนวอเตอร์และค่ามอเตอร์ มาคิดด้วยสามารถอ้างอิงจากคนที่ขับเทสล่ามากที่สุดในโลกมาลองใช้เป็นค่าเฉลี่ยก็ได้ครับเพราะเขาเปลี่ยนแบตเตอรี่และมอเตอร์ไปหลายครั้งมากถ้าผมจำไม่ผิดค่าเฉลี่ยนที่เปลี่ยนอยู่ในช่วงสามแสนกิโลจะเริ่มโดนแล้ว
ถ้าขับวันละ ประมาณ30กิโล คุ้มค่ามั้ยครับถ้าจะเอาเป็นรถสำรอง
การคำนวณค่าไฟตอนชาร์จอยากให้เพิ่ม lossไปอีก10% แบต100หน่วยต้องใช้ไฟจริงประมาณ 110หน่วย
ถ้าเทียบกับติดแก๊สละครับ สงสัยเกี่ยวกับค่าเสื่อมและอัตราสิ้นเปลือง
ผมซื้อรถxtrail t31 2.0 ปี2011 ได้มาราคา135k เก็บงานช่วงล่าง1หมื่น ยาง%3500 ติดแก๊สหัวฉีดHana 22000
วิ่งใช้งานไม่เกินกิโลละไม่เกิน2บาท จากปกติเติมน้ำมันกิโลละ4บาท
เงินเหลือจากการไม่ต้องผ่อนรถ
6-7 km/l นี่กินเกินไปไหมครับ
ผมมีรถน้ำมัน 2 คัน
-คันแรกเก๋ง เบนซิน รถ 12 ปี ขับรถติดเส้นวิ่งประจำ ติดมากยังกินแค่ 10 km/l
-อีกคัน รถเพิ่ง 1 ปี PPV ดีเซล เส้นเดียวกัน 8-9 km/l
เฉพาะเส้นที่รถติดนะครับ เส้นอื่น เกินนี้ตลอด
แต่ทั้งนี้ผมว่าเลือกที่เหมาะสมกับเราดีที่สุดครับ เหมาะกับเราอาจจะไม่เหมาะกับคนอื่น เหมาะกับคืนอื่นหรือดีกับคนอื่น อาจจะไม่เหมาะกับเราครับ
แต่ถ้าซื้ออีกคัน ไว้ขับในเส้นรถติด หรือเส้นในเมือง ผมก็จะซื้อรถ EV เหมือนกันครับ
ตื่นลุกลงจากบ้าน ข้างล่างก็เป็นกิจการผมว่าผมประหยัดกว่า ไม่ต้องซื้อรถอะไรเลย ปีหนึ่งออกจากบ้านเดือนละครั้งขนของเข้าร้าน ใช้รถกะบะปีละ 12-15 ครั้ง
รถน้ำมันผมจอดนิ่งเลยครับคอยสตาร์ททุกอาทิตย์
hybrid จริงๆมันไม่ได้ประหยัดนะครับถ้าวิ่งทางไกลมันประหยัดเวลาความเร็วต่ำ
วิ่งในเมืองไม่น่าประหยัด ไม่ต่างกับใช้รถน้ำมัน ระบบไฮบริดจะทำงานที่วิ่งระยะไกล
@@sutheeinkaew9212ไฮบริด ในเมืองดีครับ ในกรณีรถติดเหมือนๆกัน
วิ่งยาวๆ ตจว. แค่ 17โลลิตร(Chr)
สรุป รถเก่าอยากเปลี่ยนใหม่ ev
@@tanakittana5635 ระบบไฮบริทจะไม่ทำงานในเมือง 🤣🤣🤣🤣 พวกโง่บอกระบบไฮบริดดีเพราะโง่ไม่รุ้เรื่องนี้ ระบบไฮบริทจะทำงานในการขับขี่ระยะไกลเท่านั้น ขับขี่แบบไม่แตะเบรคที่ความเร็วสม่ำเสมอ พวกโง่คงไม่รุ้ หากขับขี่ในเมองจะใช้ระบบน้ำมันสันดาปไม่ต่างจากรถสันดาปทั่วไป
รออีก5ปีค่อยซื้อ ตอนนี้ยังไม่ปล่อยของกันซักเท่าไหร่ เหมือนกั๊กเทคโนโลยีไว้ออกรุ่นใหม่
อย่าลืมค่าเสียเวลาตัวเองในการ charge หากเดินทางไกลตลอดหรือไม่มีที่ charge ที่บ้านครับ
bevมันไม่ได้ดีแค่ประหยัด
ความเงียบ ความแรง ความร้อนรอบรถ การสั่น การบำรุง หรือหลายๆเรื่อง ยากที่รถiceจะทำได้ดีเท่า
ส่วนข้อเสียก็เรื่องการเดินทางไกลในช่วงเทศกาล ค่าประกัน ราคาที่ผันผวน
ถ้าข้อเสียแก้ไขได้น่าพอใจกว่านี้ รถiceก็จะเริ่มขายได้น้อยลง
ส่วนเทสล่าราคาบ้านเรามันก็ถือว่าแพง รถแตะ2ล้าน วิ่งให้คุ้มยาก รถbevจริงๆมันไม่แพงขนาดนั้น
จุดตัดสินว่าควรเปลี่ยนไปใช้ EV หรือไม่ ผมว่าอยู่ที่การใช้รถต่อวันนี่แหละ เท่าที่เคยคิดไว้ กรณีรถน้ำมัน 12-14 km/L ถ้าใช้รถเกิน60กิโลต่อวันหรือ 400กิโลต่อสัปดาห์ ควรไปใช้ EV แต่ถ้าใช้รถน้อยกว่า 50กิโลต่อวัน ก็ยังไม่ได้จำเป็นต้องใช้ EV เพื่อประหยัดค่าเชื้อเพลิงหรอก
วิ่งในเมืองผมไม่เคยเกิน 11 Km/l เลยส่วนใหญ่จะ 8-9 KM/L
สอบถามคับไม่ได้ดูละเอียดที่อยากรู้หลักๆตอนนี้คือ แบตเตอรี่ไม่ได้เป็น อมตะ ง่ายๆเลยมันจะเหมือนการประหยัดน้ำมัน 10 ปี เก็บสะสมเงินไว้จ่ายค่าแบตตูมเดียวเวลาแบตเสื่อมหรือเปล่า
จำลองสถานณ์การณ์ เอนไปทางไฟฟ้า
รถเก่ากินน้ำมันรถอีวีเก่าชาร์จบ่อยกินค่าไฟ
เสริมให้อีกนิดคือ ชาจที่บ้านจะมี loss อีกประมาณ 20% ด้วยครับ ต่อให้บวกแล้ว ก็ยังประหยัดกว่าอยู่ดี
เอาค่าเฉลี่ย แบตEVที่6ปีเสีย แล้วยังไงต่อครับ ประกันจ่ายเท่าไหร่ เราจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ เปลี่ยนแบตหรือซื้อคันใหม่ มันก็ต้องมีส่วนต่างเพิ่มไปอีก
เค้ามีให้โหลดไปเทียบตามความต้องการเลยครับอย่าไปเชื่อคลิปมากโหลดไปเทียบเองเลยดีกว่า ว่าถ้าเราจะเทียบทันไหนเทียบคันไหนราคาต่างเท่าไหร่รวมๆอะไรประหยัดกว่า เงินเราเทียบเองดีกว่าครับอย่าไปฟังคนอื่นมาก
บวกมูลค่ารถยนต์ที่หายไปปีละ 80000 บาท อาจจะเสมอตัว ก็ดีกว่าใช้รถนํ้ามัน
ละเอียกมากครับ จากที่ผมดูหลายๆที่ ผมยกให้ช่องนี้เลย
ระยะทางการวิ่ง 250 โลต่อวัน แค่ตัวเลขนี้ก็ไม่ใช่แล้ว ปกติโดยทั่วไป ถ้าใช้แค่ไปกลับที่ทำงานใน กทม. ไปกลับมักใช้ (เฉลี่ย) แค่ 60-80 กิโลต่อวันครับ
ดูตัวเลขความเป็นจริงด้วยครับ เอา 250 กิโลมาคิดนี่ตัวเลขวิ่งข้ามจังหวัดเลยนะครับ ฉะนั้นการคิดแบบนี้ เหมือนไปเข้าข้างรถไฟฟ้า
คุ้มหรือไม่คุ้ม แต่ละคนไม่เท่ากัน แน่นอน เพราะ รถแต่ละรุ่น ความถี่ในการใช้รถ นิสัยการขับรถ อายุรถ ฯลฯ ของแต่ละบ้าน ไม่เหมือนกันเลย😊
บางคนแค่อยากได้รถใหม่ มาเสริมหน้าตา ก็บอกว่าคุ้มแล้ว 😅
สำหรับผมคิดว่า ถ้าใช้รถปีนึง เกิน 50,000 กม. ซื้อรถไฟฟ้าเถอะครับ 😊
รถไฟฟ้า กับ Hybrid ถ้าใครชั่งใจ กะใช้งานระยะยาวความประหยัดจะไม่ต่างกันเลยครับ แบตรถ hybrid รับประกัน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทางด้วย ส่วนใหญ่อัตราการสิ้นเปลืองจะอยู่ประมาณ 18-20 กิโลเมตรต่อลิตรอยู่แล้วครับ ถ้ารุ่นเล็กๆบางรุ่นอาจได้ถึง 25ได้เลย
แบตไฮบริจจะเสื่อมไวกว่าแบตรถ BEV มากครับ เพราะวัน ๆ นึงแบตไฮบริจใช้ไปหลาย cycle ละครับ
@@KanitakroN ใช่ครับ แต่การวารันตีให้ถึง 10 ปีไม่จำกัดระนะทางก็อุ่นใจได้สุดๆแล้ว จากที่เคยใช้ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ HEV ก็ประมาณ 6-8ปีครับ
ยังไม่ใช้จนกว่าช่างที่ซ่อมEV ได้จะเยอะเหมือนช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งอนาคตมันเยอะแน่ อาจจะต้องรอการถ่ายทอดและกระจายองค์ความรู้ก่อนอีกซัก 5-10ปี
ใช่ครับ ตอนนี้ยังไม่เห็นอยู่ซ่อมจริงๆ เห็นบางคลิปก็เป็นอู่ดัดแปลง อู่ซ่อมสีตัวถังกับเปลี่ยน ไม่ได้ซ่อม
มีเจ้านึงพยายามทำ บอกชัดว่ามอเตอร์กับแบตเตอรี่ตอนรื้อซ่อมไม่ยาก แต่ตอนประกอบกับแบ้วตั้งการให้มันกันน้ำได้เหมือนเดิมมันยาก และต้องลงทุนเครื่องอุปกรณ์แพงน้องๆโรงงานประกอบรถเลย
ใครที่บอกว่าแบตเตอรี่ซ่อมเปลี่ยนที่โมดูลได้ ผมยังไม่เห็นจริงเห็นต่อซ่อมแบตเตอรี่ hybrid เพราะมันแกะง่ายใส่ง่าย แล้วเข้าก็เปลี่ยนทุกโมดูลอยู่ดีครับเพราะแกะมาแล้วก็ทีเดียว เพราะถ้าเปลี่ยนเฉพาะโมดูลที่เสีย ใช้ไปโมดูลอื่นก็จะเสียนตาม
เป็นความคิดที่ดีครับแต่ไม่อยากให้ทุกคนคิดแบบนั้นครับเพราะถ้าทุกคนคิดแบบนั้นไม่มีทางเจริญครับ ดูตัวอย่างคนญี่ปุ่นครับถ้าคนญี่ปุ่นคิดแบบนี้โตโยต้าฮอนด้ามาสด้าไม่ได้เกิดครับ เพราะเริ่มแรกที่ผลิตรถญี่ปุ่นห่วยกว่ารถยุโรปแต่คนญี่ปุ่นก็ช่วยกันซื้อใช้เพื่อให้บริษัทได้มีเงินพัฒนาต่อไปครับ ถ้าคนไทยไม่ซื้อรถไฟฟ้าจะมีช่างคนไหนไปเรียนหรอครับ ถ้าคนไทยไม่ซื้อรถรถไฟฟ้าจะมีใครตั้งสถานีชาร์จละครับ
ในช่วง นาที ที่ 16 ทำไม ท่าน ถึง เอา ค่าซ่อมบำรุง ไปเทียบ กับ รถยนต์เก่าๆ ทำไม ท่านไม่เอา รถไฟฟ้าใหม่ (atto3) เทียบกับ ไฮบริด เช่น ยาริสครอส ฯลฯ , และ อย่าลืม ราคาขายต่อ ครับ
วิเคราะห์ดีครับแต่จะเชียร์อีวีมากไปหน่อย ปกติรถสันดาปทั่วไปวิ่งเกิน10กม/ลิตร ครับยิ่งไฮบริดเกิน20กม/ลิตร
สอบถามหน่อยครับ อัตรา 12-14km/L นี่ถือว่าประหยัดไหม สำหรับรถยนต์สันดาปธรรมดาครับ(มี2คัน อัตรานี้ทั้งคู่ กระบะกับPPV) อยากรู้ว่าโดยทั่วไปเขาอัตราเท่าไร พิจารณาไม่ถูกว่าของตัวเองถือว่าเปลืองไหม
เอาราคาน้ำมันตั้ง หารด้วยอัตราสิ้นเปลือง เช่น39.95÷12=ราคา3.329บาทต่อ1กิโลเมตรครับ
ถ้าเครื่องยนต์ประมาน 2000cc+ ถือว่าปกติครับ
รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี แต่ 160000กม. นะครับ
ราคาขายต่อละ่ครับ
ขอเปรียบเทียบในกรณีที่บ้านติดแผง solar cell (บ้านผมติดได้ประมาณ 2 ปีแล้ว) ให้หน่อยครับ ตอนนี้ใช้ city hatchback เหลือผ่อนอีก 2 ปี อยากเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าครับ ขับวันละประมาณ 20 km
ขับ 20km ไม่มีเหตุผลต้องเปลี่ยนไฟฟ้าเลยครับ นอกจากอยากได้กับชอบรถแรง
@@Danurut1991 ที่บ้านติด Solar cell อยู่แล้วก็ยังไม่คุ้มกับการเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าหรอครับ
ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอ เจอค่าเปลี่ยนแบตไม่คุ้มหรอกครับ ขับเอาเท่ มากกว่า
ยางรถ ora ศูนย์เส้นละ5ถึง6 พันบาท ประกัน ประมาณ24000 TOU 6000กว่าบาท ผมผ่อนเดือนละ 12120 6ปี ORA2022 ขับมา114586
ขอบคุณครับ อยากได้ของหลายๆคัน อยู่เลยเดี๋ยวเอาไปเติมในตารางครับ
จุดชาร์จต้องลงจองเวลา ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างชาร์จเสร็จไม่เอาออกจากช่องจอด ยังเป็นปัญหาอยู่ ผมอยากให้แวะปั๊มไหนได้มีช่องก็ชาร์จได้เลย 10-20-30นาทีก็ว่ากันไป
ข้อดีที่สุดคือ สามารถจอดรถติดแอร์ไม่รบกวนไม่ปล่อยมลพิษ ผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลได้บริการต่อไปรถเติมไฟฟ้าเคลื่อนที่ต่อไปรถไฟฟ้าเยอะขึ้นแบตจะถูกลงอีก
ลืมคิดค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมของแบต ราคาขายต่อ และค่าเบี้ยประกันภัยด้วยนะครับ