หมดยุค Work-Life Balance วิธีเต้นรำไปกับชีวิตและงานแบบ Work-Life Flow | The Secret Sauce EP.164
Вставка
- Опубліковано 30 жов 2019
- Work-Life Balance คีย์เวิร์ดสำคัญที่คนทำงานในยุคปัจจุบันพยายามมุ่งแสวงหา
หลายคนพยายามบริหารเวลาให้เรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากการทำงาน แต่ทันทีที่กลับบ้านก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องสะสางงานให้เสร็จ ยาวไปถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ชีวิตก็ยังมีแต่เรื่องงานจนขาดสมดุล ถึงขั้นเกิดภาวะ Burnout Syndrome ในที่สุด
The Secret Sauce เอพิโสดนี้ เคน นครินทร์ เล่าถึงอีกหนึ่งแนวคิดในการบาลานซ์งานและชีวิตที่เรียกว่า Work-Life Flow
---------------
THE STANDARD PODCAST : EYE-OPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: / thestandardpodcast
Spotify : open.spotify.com/show/6uJmks8...
Twitter : / thestandardpod
Facebook : / thestandardth
#WorkLifeFlow #WorkLifeBalance #TheSecretSauce #TheStandardPodcast #TheStandardCo #TheStandardTH - Навчання та стиль
สำหรับปีหน้าคลิป The Secret Sauce จะย้ายไปลงที่ช่อง THE SECRET SAUCE ที่ bit.ly/tsschannel สามารถกดติดตามไว้ก่อน เพื่อไม่ให้พลาดเอพิโสดใหม่นะครับ
ผมว่าท่านอาจจะinterpret ความหมายของ Work-Life Balance แคบไปหน่อยนะครับ เพราะ
1 Work-Life Balance ไม่ได้ หมายถึงอัตราส่วนของการทำงาน:การใช้ชีวิต =50:50 เป๊ะๆนะครับ แต่หมายถึงสร้างความสมดุลย์ในงานและชีวิต ซึ่งสัดส่วนของแต่ละคนย่อมจะแตกต่างกันไปอยู่แล้ว
2 Work-Life Flow ที่คุณพูดถึง จริงๆมันก็คือ การ balance Work-Life นั่นแหละครับ เป็นการสอนให้จัดความสมดุลย์ระหว่างงานกับชีวิต ไม่มีใครบอกว่า Work-Life Balance คือการแยกงานออกจากชีวิตโดยเด็ดขาด เพียงแต่ต้องจัดสรรให้ work กับ life ประสานกลมกลืนกัน ไม่ต้องคิดหาคำใหม่ครับ เพราะสิ่งที่ท่านพูดมันก็อยู่ในความหมายของ
Work-Life Balance อยู่แล้ว
ปล.ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบคิดคำใหม่ๆเท่ห์ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง ทั้งที่สิ่งที่เขาพูดไว้มันสมบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่เราอาจเข้าใจยังไม่ลึกซึ้งพอเท่านั้นเอง
ชอบตรง ปล.มากครับ.
คิดเหมือนกันครับ แค่เล่นคำแต่จริงๆก็คือ work life balance นั่นแหละแค่มีการยืดหยุ่นและการจัดระเบียบตนเอง และไม่มีทางที่จะบอกว่า เวลาไม่สำคัญ ไมมีทาง เวลาสำคัญเสมอ
เห็นด้วย
เห็นด้วยทุกประการครับ
Work life flow คือเต้นรำไปกับงาน
คืองานคือชีวิต
คือการทำงานคือการใช้ชีวิตแบบนึง คนจะคิดแบบนี้ได้ คือความสุขในชีวิตของเค้าคือการทำงาน
การทำงาน คือความรื่นเริงของชีวิต
ส่วนตัวคิดว่า ชอบคำใหม่ เพราะตอนนี้สนุกกับงานที่ทำ ไม่ได้ต้องการเวลาว่างนั่งรีแลกซ์ ทำงานคือการใช้ชีวิต คือการ flow ไปด้วยกัน
คำว่า Work life balance ก็ดี แต่ตีความยาก ต้องมาอธิบายเพิ่มเติมอีก
พอไปบอกว่า ทำงานเจ็ดวันต่อสัปดาห์ คนส่วนใหญ่จะเข้าใจมั้ยว่ามันเป็น Work life balance ส่วนมากคิดว่าน่าสงสารจังไม่มีเวลาพักผ่อน
Work life flow คือ work 100% life 100%
ตอนนี้ทำงานแบบอิสระ ต่างจากทำงานประจำมาก
เมื่อก่อนทำงานประจำ: ต้องเข้า-ออกงานตามเวลา มีวันหยุด รับคำสั่งเจ้านาย เข้าประชุม เจอลูกค้า ถ้าช่วงไหนว่างจากงานก็ต้องพยายามเปิดคอม(ทำตัวเหมือนยุ่งๆอยู่ ไม่อย่างนั้นจะดูว่าว่างงาน เพื่อนร่วมงาน จะแซวเอาได้^^) เคยไปประชุมกับฝ่ายอื่น แล้วงานส่วนที่ตัวเราต้องทำจริงๆใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงก็เสร็จ ก็เลยบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ส่งให้ได้เลย แต่เพื่อนในทีมที่ไปด้วยกันสะกิดบอกว่าขอส่งสัปดาห์หน้า (แล้วก็บอกทีหลังว่าให้ขอเวลาทำนานๆ แม้ว่าจะทำเสร็จในในไม่กี่ชั่วโมง ไม่ต้องรีบส่ง เดี๋ยวจะโดนใช้งานเพิ่มอีก) ส่วนตอนเย็นเวลาใกล้เลิกงานบางทีเคลียงานเสร็จก็ต้องนั่งรอเวลาเลิกงาน คือเบื่อมาก
ตอนนี้ออกมาทำงานอิสระ: เป็นงานดูแลลูกค้าให้คำแนะนำการลงทุน ตอนนี้ทำงานทุกวัน ไม่เป็นเวลา แต่เฉลี่ยทำงานจริงๆ ประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน เช่น ตื่นเช้ามาหยิบโทรศัพท์เห็นลูกค้าทักถามคำถามมาปุ๊บ ก็จะสรุปข้อมูลตอบลูกค้าภายใน 30นาที-1ชั่วโมง จากนั้นก็ว่างแล้วทำกิจวัตรประจำวัน กินข้าว ออกกำลังกาย ระหว่างนั้นถ้ามีใครถามอะไรเข้ามาก็เปิดคอม ทำสรุป powerpoint 1-2 แผ่นสรุปให้ลูกค้าแล้วก็จบ ว่างต่อก็ไปออกกำลังกาย ไปช็อปปิ้ง จากนั้นก็หาเวลานัดไปเจอไปกินข้าวดื่มกาแฟคุยสัพเพเหระกับลูกค้า หรือ บางช่วงมีข้อมูลการลงทุนที่น่าสนใจก็ทำสรุปแบบ 1 แผ่นให้ดูง่ายๆ ส่งให้ลูกค้า // อย่างนี้ไม่รู้ว่า Work Life balance หรือเปล่า เหมือนจะ Life มากกว่า Work ลูกค้าก็น่าจะชอบด้วยเพราะเขาถามมาปุ๊บ ผมก็ตอบภายในวันนั้นๆ ตลอดไม่เคยทิ้งคำถามข้ามวัน ซึ่งก็สบายใจดีไม่มีกังวลข้ามวันข้ามสัปดาห์^^
งานอะไรหรือครับ ยินดีด้วยครับ ได้ใช้เวลาชีวิต
@@enjoyblestlifeyoueverhave สมัยก่อนทำงานธนาคารเป็น RM อยู่ฝ่ายสินเชื่อธุรกิจ และ ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจต่างประเทศ แต่ตอนนี้ออกมา 6 ปีแล้ว มาเป็นนักวางแผนการเงินอิสระครับ
กำลังจะเข้าโปรแกรม FA ของประกันค่ายแดงตั้งใจว่าจบโปรแกรม ทำซัก2-3ปี จะออกมาทำอิสระ ข้อคำแนะนำหน่อยครับ
คำแนะนำคือ
1.ทำงานยึดหลัก ความถูกต้อง ถูกกฎหมาย ความถูกต้องจะคุ้มครองเรา
2. เป็นธรรมกับลูกค้า และ กับบริษัทที่เราไปสังกัดด้วย อย่าโกงบริษัทเพื่อช่วยลูกค้า ถ้าลูกค้ามาขอให้ซิกแซกก็ปฎิเสธไป เราเลือกลูกค้าได้ เลือกลูกค้าที่ดีจะสบายใจในระยะยาว
3. เอาผลประโยชน์ลูกค้าเป็นหลัก เหนือประโยชน์ของตัวเรา
4. เป็นเพื่อนที่ปรึกษาให้ลูกค้า ไปหาลูกค้าบอกว่าเราทำอะไรได้ช่วยอะไรได้ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
@@porn1chai ผมว่าตรงนั้นผมน่าจะมีครบถ้วนปัญหาคือผมจะาลูกค้าจากไหนนี่นะสิครับ เพราะตอนเข้าไปเทรนเขาให้เริ่มจากลูกค้าธรรมชาติ แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ 555555
1-Flow ของงานสำคัญกว่าเวลาและสำคัญกว่าสถานที่ performance base
2-บริษัทหรือนาย (หรือกระทั่งเราเอง)ที่เราทำด้วยต้องตอบโจกน์น้ำเราไปสู่เป้าหมายยอวเราด้วย
3-ชั่วโมงแรกสำคัญ ออกแบบที่เราชอบ สร้างกิจวัตรเล็กๆน้อยให้ตัวเอง
4-b selfish ทำที่เรารู้สึกเหมาะกับเรา tailor made ออกแบบ ให้ตัวเอง ลองแบ่งเวลา ให้second work งานอดิเรก ให้ชีวิตลื่นไหลต่อไป
5-บางอย่างในขีวิตไม่เป็นไปตามแผน เราต้องเข้าใจและปรับชีวิตเปลี่ยนไปตามสถานะการณ์
6- หาตัวแทนในการทำงานให้มีคน stand by แบบสลับกันวางตัวให้ขัดๆ แต่งานของการเป็นครอบครัว ความรัก เพื่อน ต้องเรียงลำดับความสำคัญ ของ flow เข่นลูกรับปริญญา เพื่อนแต่งงาน _ต้องไป_ไม่มีตัวแทนไม่มีแระนีประนอม
7-หางานที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เหมือนหาเนื้อคู่ที่เราจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต
ไม่ควรเป็น aerobic ที่มีคนมายบอกให้เต้นแบบไหนๆ
แต่ควรเต้นรำเอวออกแบบเอง เลือกจังหวะเอง คู่ที่เหมาะไม่ว่าเพลงอะไรก็เต้นได้ flow ที่สุด
เพื่อพบความงดงามของชีวิต
เพิ่งรู้ว่าตัวเองทำงานแบบนี้อยู่เลย ตื่นมาก็ทำงานแล้ว 2-3 ช.ม. กินข้าวเช้า ไปทำงานต่อ เบื่อก็ไปเล่นกะแมว ปลูกต้นไม้ ทำงานต่อเบื่อๆ ก็ลุกมาทำงานบ้าน เบื่อหนักกว่าค่อยออกไปเที่ยว ไปซื้อของ แต่ไลฟ์สไตล์แบบนี้คนทำงานประจำทำยากมากเลย นี่ทำฟรีแลนซ์ไงเลยออกแบบงานของตัวเองง่ายหน่อย ผลคือทำงานทุกวันเลย บางช่วงไหวก็ทำหนักมาก บางช่วงคือเบื่อไม่อยากทำก็เทเลย แม้จะห่วงอยู่ก็ตาม เพื่อไล่ความรู้สึก Burn out ออกให้หมด งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริงๆ ค่ะ
จริง work life balance มันก็คือการรักษาสมดุล เมื่อเกิดสมดุล ชีวิตและงานมันก็ไหลลื่น การรักษาสมดุลไม่ใช่การทำให้เท่ากัน แต่คือการรักษาไม่ให้มันล้ม ถ้าจะสรุปตามความเข้าใจ Work Life Balance คือ Action ส่วน Work Life Flow คือ Result มีอยู่จริงทั้งสองคำ และเกี่ยวข้องกันโดยตรง
ขอบคุณมากค่ะ ตรงใจมากๆ ตอนนี้ออกจากงานประจำมา1ปี โดนlayoff .. หลังจากนั้นเป็นแม่บ้าน ดูแลลูกๆ ได้มีเวลาอยู่กับแม่ บริการท่าน แรกลองหัดหางานอดิเรกโดยปลูกผักทานเอง จนทำได้ และต่อมา3เดือนก่อนรับทำบัญชีที่บ้าน.. Flowมากคะ เวลาเดินทางไปต่างจังหวัดแบกโน๊ตบุ้คไปด้วย เที่ยวด้วย ช่วยจ้อบพิเศษสามีด้วย และตอนนี้จะไปไหนก็ได้ไปแต่งานต้องเครียร์เวลาไหนก็ได้ มันดีมากๆคะ มีความสุขในการใช้ชีวิตที่สุดคะ
เป็นบทความที่ดีนะครับ ส่วนตัวผมจากประสบการณ์ตัวเอง สรุปได้ว่าการดำเนินชีวิตควรต้องมี flexibility ในเรื่องของ work & life และบางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องเสียสมดุลย์บ้าง (ชั่วคราว ระยะสั้น) ในช่วงที่เราจะ focus อะไรบางอย่าง หรือ seek for excellence แต่สุดท้ายพอมีเร่ง ก็ต้องมีผ่อน ครับ ในระยะยาวชีวิตควรมีส่วนผสมที่เหมาะสม ถึงเรียกได้ว่า Balance (สัดส่วนที่เหมาะแล้วแต่บุคคล ไม่มีอะไรเป๊ะๆ เหมือนอาหารแต่ละชนิด (แต่ละคนไม่เหมื่อนกัน) มันจะมีส่วนผสมที่เหมาะสมเฉพาะตัว)
แต่ก่อนพยามหา Work life Balance มาตลอด เพราะเราไม่อยากโฟกัสเเค่งานเเต่อยากให้ความสำคัญกับคนรอบข้างด้วย เเต่พอได้ฟังPodcast ตัวนี้ ต้องเปลี่ยนเเปลงความคิดใหม่เลย เราสามารถเปนคนที่เก่งในด้านการงานเเละเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตได้เเค่เราต้องหาจุดที่เหมาะสมของเราให้เจอ ขอบคุณ Podcast ดีๆนะคะ ^_^
1.ต้องเลิกคิดว่าวันนี้ทำงานไปแล้วกี่ ชม.-แต่ให้ focusว่า flow งานวันนี้จะเป็นไปอย่างไร
2.คุณต้องหาบริษัทที่คุณอยากจะพัฒนาตัวเอง และตอบโจทย์เป้าหมายในชีวิต
3.สร้างกิจวัตรประจำวันในตอนเช้า ที่ช่วยให้การทำงานหรือกิจกรรมนั้นเกิดการ flow มากขึ้น
4. Be selfish-พยายามออกแบบอะไรบางอย่างที่ขึ้นอยู่กับตัวเองมากกว่าที่สังคมคาดหวัง หรือพยายามเป็นตัวเอง หรือออกแบบสิ่งที่เป็นตัวเอง
5.พยายามเข้าใจว่า ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ได้100% ให้ทำใจ ปล่อยวาง และสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
6.พยายามหาตัวแทนในการทำงานแทนคุณ เช่น หาเพื่อนร่วมงานที่ stand by สลับกัน
7.หางานที่คุณรู้สึกว่า เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว ผู้เฒ่าท่านหนึ่งที่ผมและลูกศิษย์จำนวนหลายพัน หลายหมื่นในธุรกิจประกันชีวิตนับถือ อีกทั้งยังเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ได้พร่ำสอนเรื่องงานและชีวิตให้ฟังว่า Work Life Balance มันไม่มีอยู่จริงๆ เพราะว่า “ชีวิตและงาน มันคือเรื่องเดียวกัน”
ชอบข้อที่คุณเคนให้ customise ตารางตามใจตัวเองค่ะ กำลังติด 55
จริงๆคนที่อยากได้ work life เป๊ะๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากคนที่ทำในงานที่ไม่ชอบนะคะ เคยเป็นหนึ่งในนั้น
ทุกวันนี้ ล่ามที 12 ชม. ไหวและสนถกไปกับมันค่ะ
Dance with your work & your life, with the rhythm that is right for you.
ขอบคุณค่ะที่แบ่งปัน :)
ปล่อยใจไปงาน ชีวิต ความสุข และอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา เพราะชีวิตคือการเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มีคุณค่า :
จริงๆ Work Life Balance มันคือการสมดุล งานและชีวิตให้เรามีความสุขในการใช้ชีวิต ไม่ใช่การแบ่งแบบครึ่งๆ
หรือการกำหนดเวลาว่า ตอนนี้ทำงาน ตอนนี้ไม่ทำงานอ่ะ มันอยู่ที่การตีโจทย์ Work Life Balance อย่างไรมากกว่า
ไม่ต้องสรรหาคำใหม่ๆ หรอก แค่ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุขและรู้สึกสมดุลในงานและชีวิตก็พอแล้ว
นี่คือความหมายของ Work Life Balance สำหรับตัวผมเอง, และ Balance ไม่ใช่การ Balance งานหรือชีวิต
แต่มันคือการ Balance ความสุขต่างหาก !!! คำศัพท์เก๋ๆ ก็ไม่ช่วยอะไรนะ ถ้าตีความผิดและคิดไม่ได้ !!!
เห็นด้วยครับ เหมือนการกินอาหาร ความอร่อยทุกคนไม่เท่ากัน จะบอกว่าเมนูนี้ต้องใส่น้ำตาลกับเกลืออย่างละครึ่งแล้วจะอร่อยกับทุกคน มันก็ไม่ใช่
ขอบคุณนะคะแบบบังเอิญอยู่ในช่วงที่เหนื่อยมากๆ จากทั้งงานและชีวิต เพราะเราแยกมันออกจากกัน มันรู้สึกเหนื่อยมากก พอมาฟังแล้ว เออวะ มันคือส่วนหนึ่งของกันและกัน เราแค่ต้องจัดการมันไปพร้อมๆกัน ตามความสำคัญในช่วงเวลา ขอบคุณนะคะ
มีสาระมากๆครับ 😊😊😊 (ขอบคุณที่สอนครับ)
พอดแคชนี้โดนใจสุดๆเลยครับ ขอบคุณมากๆ
ดีค่ะ เป็นอีกมุมมองใหม่ ที่ดี
Episode นี้โดนใจมากครับ ตรงกับชีวิตผมมาก ขอบคุณมากครับ😊
ขอบคุณมากๆค่ะ ฟังคลิปนี้แล้ว พอลองเปลี่ยนความคิด พอลองเอาไปใช้ ทำให้มีความสุขกับการทำงานเพิ่มมากขึ้น ทำงานได้ดีขึ้นด้วยค่ะ ชีวิตก็ดีขึ้น ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ🧡
ดีมากๆๆๆๆ
ชอบ คลิปนี้
ดีมากๆครับ
งานจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ your Passion, wage, benefits, boss และที่อเมริกา working remotely หรือ work from home เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับบริษัทส่วนมากซึ่งส่วนตัวแล้วเป็น perk ที่ขาดไม่ได้ อีกอย่างถ้าเมื่อไรคิดว่าตัวเองได้ค่าจ้างน้อยกว่าความสามารถตัวเอง ยิ่งทำให้ burnout ไปมากอีก ชอบ Clipนี้มากคะ
ผมคิดไปไกลกว่านั้นนะคับ ไกลกว่าคำว่า Introvert กับ Extrovert ด้วยนะ คนเราสามารถมีหลายบุคลิกได้ เพราะผมเป็นทั้งคู่ แต่ตัวหลักคือ Introvert แต่ในขณะที่เป็น Introvert ผมพบว่าบางครั้ง เวลาผมได้อยู่ในสังคมที่เราชอบและยินดี กลับพบว่าข้อดีแบบ Extrovert ผมก็ได้รับ ผมได้รับพลังที่หายไปจากการเข้าสังคม และมีความสุขกับมัน และก็มีความต้องการความรู้สึกแบบนั้นด้วยในหลายๆ ครั้ง นั่นแปลว่าแท้จริงแล้ว มนุษย์ทุกคนมี "ทุกด้าน" อยู่ในตัวพวกเรา แต่ "สังคม" บ่มเพาะสิ่งที่ผิดมาตลอดชีวิตคุณ อยู่ที่ว่าใครบ้าง รู้ก่อนว่ามันผิดแล้วเริ่มหาคำตอบ
ผมว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจนะครับ ว่ามีทั้ง 2 แบบในตัวคน เพียงแต่ว่า ส่วนไหน มันเด่นชัดกว่ากันมาก แค่ไหนเอง 70/30 60/40 20/80 50/50 แล้วแต่คน
ตามนั้นเลยนะคับ มนุษย์เราเคยพบว่าเรามีบุคลิกภาพแบบต่างๆ เปรียบเทียบแล้วก็เหมือนสมัยที่มนุษย์พบว่าเรารับรู้ว่าเรามีเผ่าพันธุ์ต่างๆ กันไป พอผ่านไปซักพัก เราเริ่มได้ความรู้ใหม่ ถึงได้เข้าใจว่าแท้จริงเรามีบรรพบุรุษร่วมกัน ไกลไปถึงปลาโน่น ก็เปรียบได้กับความรู้ที่ว่า จริงๆ ต้นกำเนิดนิสัยของเราก็มีมาร่วมกันเช่นเดียวกัน แค่แตกแขนงออกไปตามความเป็นอยู่ที่ต่างกัน ฉะนั้นบางคนจึงมีบุคลิกที่หลากหลายได้ อยู่ที่อะไรจะมากจะน้อย จึงไม่ควรตัดสินบนพื้นฐานที่คนเรา "ต้อง" เป็นแบบใดเสมอไป 😉
ฟัง The Secret Sauce มาเยอะคับ เพิ่งรู้ว่าดนตรี ติดหูมาก คับ เยี่ยมๆๆๆ
ดีมากๆเลยค่ะ ติดตามเป็นประจำ *****อยากให้มี Subtitle English ด้วยค่ะ *****
จริงค่ะ มันไม่ใช่การจัดการเวลาอย่างเดียว แต่เป็นพลังงานเราเลยหลักๆ แล้วยิ่งเราทำงานกับทีมที่มี timezone ต่างกัน 6-7 ชม. มันยากมากที่จะไม่ตอบงานตอนที่เราเลิกงานแล้ว เพราะเราก็อยากจะช่วยดูงานให้ ซึ่งมันก็กินเวลาเราไปอีก 1-2 ชม ตอนดึกๆ 5555
Flow รวมงานและชีวิต เคลื่อไหล คล้ายเต้นรำ
Balance แยกงานและชีวิต แบกภาระ หาสมดุล
ต่างกันที่ทัศนะคติมุมมอง และความสุขครับ
ขอคำแนะนำค่ะ หลังจากฟังแล้วเริ่มรับกับการทำงานที่นอกเหนือเวลางานได้ แต่ถ้าเราเจอหัวหน้าที่ตามงานตลอด สั่งงานตลอดเวลา ไม่ได้มาเป็นแค่ช่วงๆ เราควรปรับตัว ปรับความคิดมั๊ยคะ หรือ ควรบอกหัวหน้าตรงๆคะ ว่าเราอยากมีความส่วนตัวบ้างหรืออยากพักผ่อนบ้างคะ ขอคำแนะนำค่ะ
ขอบคุณครับ ทำให้ได้รู้ว่าคนโดยมากเข้าใจคำว่า balance ที่แปลว่าสมดุลย์เป็นความหมาย คือการแยกออกแบ่งสันปันส่วนให้เท่าๆกันโดยอาศัยเครื่องมือชี้วัด คือเวลาเป็นตัวตั้ง แล้วทำตามกรอบเวลานั้นๆที่วางไว้
- นิยามส่วนตัวของผมคือสิ่งที่พี่เรียกมันว่า work life flow นั่นเลยครับ balance สำหรับผม คือ สมดุลย์ของชีวิต ไม่ใช่ แค่สมดุลย์ของงาน กับชีวิตครับ คือนัวๆกันในนั้นแล้วจัดสรรให้มันลงตัว ^^
เชื่อเรื่องโฟลว์ชีวิตเหมือนกันค่ะ
อืมฟังแล้วดีครับ แต่ดูแล้ว มันก็ทำยากเช่นกัน งานที่เป็นวงเดียวกับชีวิตเนี่ยครับ
จริงค่ะ .. ยิ่งพยายาม work life balance ยิ่งเครียด .. คนเราต่างกัน
ช่ายๆๆๆๆๆๆ ถูกๆๆๆๆ
ต่อไปจะสร้างคำอะไรมาอีกล่ะครับเนี่ย .. 🤣🤣
งานอดิเรกหรืองานสำรองที่ทำเพื่อคนอื่นก็จะทำให้ชีวิตมีความหมายขึ้นด้วยคะ
Work-Life Balance is Employee mindset.
Work-Life Flow is Employer & Self Employ mindset.
Many of employee mindset people is Bionic Machine not even robot.
ขอแชร์ความเห็นนะครัย ผมว่าการมองภาพการทำงานแคบไปครับ เรามีงานที่แตกต่างหลากหลาย มีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันมาก คนทำงานในกทม. กับในต่างจังหวัด มีกาดำเนินชีวิตต่างกันมาก งานเอกชน รัฐ ฟรีแลนซ์ ธุรกิจส่วนตัว มีการทำงาน มีจังหวะชีวิต ที่แตกต่างกันครับ จากคนที่ติดตามฟังตลอดครับ^^
@@ballcr6477 ขอบคุณที่ร่วม เปิดมุมมองที่แตกต่งครับ
ฟังอันนี้แล้วสบายใจว่า อ่อ ที่เราทำอยู่ก็ไม่ได้แย่นะ มีอีกแนวทางนึงอยู่นี่เอง
ก็แค่อีกหนึ่งวิธีคิด ที่ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยก็ได้....
ชั่วโมงแรก นั่งสมาธิ ทำใจนิ่งๆว่างๆ
อยากจะหากิจวัตรประจำวันในตอนเช้า แต่พอตื่นมาจะต้องรีบขับรถไปทำงานในตอนเช้าก่อนเจอรถติดก็เซ็งเเล้ว
คนจบมาใหม่ต้องทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ.ให้มาที่สุด.จบใหม่ควร
ทำงานประจำ.และหางานอดเริกเพิ่ม
พออิ่มตัว.ควรหางานเองตนเองทำ.
ปล.ทำงานประจำ.แตมิได้กำหนดเวลา
งานอิสระ.แตย้องเสนอให้เจ้านายเห็น
หยุดหรือมีเวลาว่างจะมีงานนอกทำเพื่อเพิ่ม.แต่พอถึงเวลาแบะเติบโตควรถอย
และทำงานให้สนุก.จร้า.ฮะเฮฮ่าจร้า
ทำไม่ได้ในบริบทของ ราชการ แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่ ระบบราชการ Fixed กับ เวลาราชการ ผมว่า ถ้ามองแค่ Work life Flow แบบนี้ น่าจะเหมาะกับ งานอิสระ มากกว่า งานในบริษัท หรือระบบราชการมากกว่านะครับ
เห็นด้วยกับการออกแบบในชั่วโมงแรก มากกว่า การที่จะเลือก บริษัท หรือ ลืม Work life Balance นะครับ
ฟังถึงเรื่ิองชั่วโมงทำงานไม่มีผล ถ้าทำสายครีเอทีฟเราเห็นด้วยค่ะ แต่ถ้าทำงานที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ค่อนข้างมีผลค่ะ
พวกบ้างานน่ะสิ ถึงคิดแบบนี้ได้ เหอๆ
Work Life Balance เป็นคำของคนชั้นนำเอาไว้พูดให้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ให้ทำตามคำสั่ง เพื่อผลประโยชน์
อย่าไปหลงเชื่อน้ำมนต์คำพูดแบบนี้ เพราะมันไม่จริงเต็ม 100 % มันก็แค่คำพูดควบคุมคน
เรื่องเดียวกัน แต่เปลี่ยนชื่อ
Flow รวมงานและชีวิต เคลื่อไหล คล้ายเต้นรำ
Balance แยกงานและชีวิต แบกภาระ หาสมดุล
ต่างกันที่ทัศนะคติมุมมอง และความสุขครับ
เพราะมันต้อง flow จืง balance และมันต้อง blalance จึง flow ตั้งแต่ต้น ผมจึงว่า เรื่องเดียวกัน แต่เปลี่ยนชื่อ
ผมตีความหมายได้ว่า flow มี intersect ของ subset เช่น เซตงาน,พัก,ครอบครัวและอื่นๆใน u ชีวิต ส่วน balance คือ subset ไม่มี intersect ในเซตครับ
เขาไม่เคยสนใจเป้าหมายในชีวิตของเราค่ะ T--T
รบกวนเอาโฆษณา เริ่มก่อน ให้จบก่อนเข้าเรื่องจะได้มั้ยน้อ แบบว่าฟังแล้วไม่ต่อเนื่อง แล้วจะทำให้ ไม่น่าฟังไปเลยครับ