Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่าประมาทบุญแม้เพียงเล็กน้อย อะไรที่ทำแล้วสบายใจ,มีความสุขก็ทำไปเถอะ จะบรรลุธรรมได้ก็อาศัยบุญ ดังนั้นอย่าประมาทบุญแม้เพียงเล็กน้อย สาธุ ❤
น้ำถวายพระพุทธรูป..เป็นพุทธานุสติ ✨ระลึกถึง พระพุทธคุณ ✨พระวิสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ...✨เป็นบุญ...อยู่ที่จิตผู้ปฏิบัตนั้น...👉อย่าด้อยค่าปัญญาผู้ถวายน้ำพระพุทธรูป....ตราบใดผู้สอนผิด..เป็นโทษมหันต์...ยิ่งเกี่ยวกับพระไตรปิฎก..ข้อหา🤼ทำให้สงฆ์แตกแยก..ทางความคิดเห็นขัดแย้งความรู้ในพระไตรปิฎก..นั่นเอง.
😂😂ไปถามคนตื่นธรรม ได้ไหมครับ😂😂
สมณะต้นท่านนี้ ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว. จงเดินไปให้ถึงการดับทุกข์โดยสิ้นเชิงเถิด
ผมไม่เคยเชื่อพวกที่สุดโต่ง. ผมไหว้พระสวดมนต์ ถวายน้ำพระ บนหิ้งบูชา ยึดมั่นในคำสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ทำแล้วมีความสุข .. ครับ. สาธุ
ได้บุญ เพราะเป็นพุทธานุสติ ทำให้ใจ ใส ใจเอิบอิ่มมีความสุข”อนุสติ ๑๐”
ก็คุณคือคนล่ะศาสนากับพวกเราชาวพุทธ คุณนับถือศาสนาผีก็เรื่องของคุณไปก็ทำไปตามหลักศาสนาคุณ ผมชาวพุทธก็ปฏิบัติไปตามหลักศาสนาพุทธ สาธุ
พวกอวดอ้างคำสอนจากพระโอษฐ์พุทธวจนคึกฤทธิ์อีกคน
@@themaximoff2949 👍👍👍
@@themaximoff2949 โอ้พุทธแท้ๆ เท่จัง ไปศึกษาเลือกพระแท้นะ
พอจ ต้น สื่อสารเข้าใจง่าย เข้าใจหลักธรรมคำสอน ของพระพุทธศาสนา จากการฟัง พอจ ต้น //เข้าใจง่าย และเข้าถึงคำสอนอย่างง่ายๆ ธรรมะคือธรรมชาติ เบาๆ สบายๆ ไม่ยึดติด ไม่เน้นพิธีกรรม// การที่พระรูปหนึ่ง ไม่รับยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่รับเงิน แค่นี้ก็เพียงพอให้เรากราบไหว้แล้ว // สำหรับเรา ตรงจริตแบบนี้ //และจะไม่ก้าวล่วง และตัดสิน ผู้อื่นที่คิดเห็นไม่ตรงกัน //ขอให้ทุกท่านมีความสุขตามแนวทางของแต่ละคน สาธุ
แอดมินขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยค่ะ ขอให้บุญกุศลที่ท่านได้ทำนั้นจักส่งผลให้ จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สุขสรรเสริญ สติปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ท่านพบแสงสว่างทั้งทางโลกธรรม ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ..🙏🙏😇😇🥰🥰🥰😌😌#ให้พบแต่ความดีไม่มีความทุกข์
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์มหาวัฒนา ที่ช่วยชี้แจงครับ
ผู้ใดยังยินดีในกาม ผู้นั้นก็ยังยินดีในทุกข์ ผู้ใดแสวงหาทางออกจากทุกข์ ผู้นั้นก็ย่อมได้รับความสงบ
พระอาจารย์ ต้น สอนตามความเป็นจริง
ยุคนี้ ลูกศิษ์ของ หลวงพี่เทวทัต มาเกิดเยอะน้ะ พระท่านควรจะปฏิบัติทางสมาธิ และวิปัสสนา ให้มากๆ จะดีครับ
เห็นควรด้วย อย่างหนักครับ 😂😂😂
@@ฐานันดอน😂😂คนต่างเห็นคนตื่นทำเป็นพ่อหมดครับ
ควรจัดการกับพระที่หากินกับพระดีกว่า
ดูเจตนาเป็นหลักอยากให้พุทธศาสนิกชนมีดวงตาเห็นธรรมเป็นผู้พ้นทุกข์คนทั่วไปชาวบ้านตาสีตาสาเข้าถึงได้ ขออนุโมทนาสาธุครับ
คนห่มเหลืองกล่าวตู่ธรรมบาปหนักอเวจีอย่างเดียวนะ
เรื่องถวายนำ้บนหิ้งพระ ส่วนตัวคิดว่าความหมายของท่านคงหมายถึง พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว เอาน้ำไปถวายพระพุทธรูปก็เปล่าประโยชน์ คือไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว ทำดีกับผู้อื่นจะเป็นประโยชน์มากกว่าเมื่อก่อนก็เคยถวายค่ะ แต่พอคิดๆ เอาน้ำไปวางให้ใครกัน พระพุทธเจ้าดับขันธ์แล้ว ถ้าจะระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็บูชาด้วยการประพฤติดี ฟังธรรม ทำดีกับผู้อื่น สัตว์อื่นดีกว่า พระพุทธเจ้าคงไม่ได้ต้องการน้ำดื่ม
คิดยังงี้ดีกว่าคนที่เถียงว่าอยากให้น้ำหิงพระให้แล้วมีความสุข เพราะถ้าคิดแค่นั้นจะไม่ขวนขวาย ปฏิบัติบูชา แค่เอาน้ำให้และพอใจแค่ใจมีความสุข ไม่ได้ทำตามพุทธดำรัสและประมาท ขนาดพระอริยเจ้าที่บรรลุโสดา สกทา ยังมีพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสเตือนอย่าประมาทเลยถวายน้ำได้ ดี แต่มีดีกว่า พวกเราควรศึกษาพระธรมและปฏิบัติธรรมตามที่เหมาะแก่เรา ณ เวลานั้นๆ
อะไรที่ทำแล้วไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตนเอง เป็นบุญทั้งนั้น อยู่ที่ว่ามีสติดำรงอยู่ในปัจจุบันถือว่าได้ปฏิบัติธรรมเหมือนกัน.....(กายานุปัสสนา)วางแก้วน้ำทับมดหรือบังคับให้คนอื่นเอาแก้วมาให้ คนๆนั้นไม่เต็มใจทำ ทำให้ผู้นั้นเกิดความขุ่นเคืองใจ เป็นต้น แบบนี้ชื่อว่าเบียดเบียนผู้อื่น หรือ เอาแก้วน้ำตั้งไว้บูชา แล้วจิตคิดแต่ว่า ด้วยการบูชานี้ขอให้ข้าพเจ้ามีอย่างนั้นมีอย่างนี้เป็นต้น อันนี้คือเบียดเบียนตน เพราะเอาความอยากคือโลภ มาบังเบียดใจของตน ........แม้การนั่งขี้ก็ได้บุญ ถ้ามีสติอยู่กับกายานุปัสสนา.......เจริญธรรม
เป็นความคิดที่ถูกต้องครับ แต่ผมว่าการถวายน้ำหิ้งพระเหมาะสำหรับผู้ที่อาจกำลังเริ่มปฏิบัติให้เป็นพุทธานุสสติ กรณีที่ยังระลึกเองไม่ได้ แต่ต้องระวังไม่ให้ติดว่าต้องทำๆๆ ถ้าไม่ทำจะร้อนใจหรือใครขวางก็ไปโกรธเขา เพราะมันคือการยึดติดไม่ปล่อยวาง กรณีที่เราระลึกคุณพระพุทธเจ้าได้เองแล้วในใจ โดยนึกถึงเป็นระยะๆ ภาวนาให้สติต่อเนื่อง การถวายน้ำหิ้งพระก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เหมือนแค่เป็นตกเหยื่อล่อปลาช่วงแรกพอได้ปลาก็ตัดเอ็นออกไปเอาแต่ปลา แต่ถ้าคนที่ชำนาญแล้วก็จับมือเปล่าได้เองเลยไม่ต้องใช้เหยื่อล่อ ถ้ามองแค่ว่าถวายน้ำหิ้งพระคือทำส่งๆไปก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่ถ้ามองกุศโลบายที่ซ่อนอยู่จะเห็นว่ามันมีเรื่องของฐานจิตอยู่
ผมถือศีลห้าตลอดชีวิตถือศีลอุโบสถทุกวันพระและถวายน้ำและพวงมาลัยทุกวันพระนั่งสมาธิทุกวันไม่เว้นแม้แต่วันเดียวทั้งสมถะและพิจารณาวิปัสนาบ้างกรณีจิตสงบถึงขั้น อย่าว่าใครปฏิบัติขั้นใด แล้วแต่ความศรัทธาละเอียดขึ้นเป็นขั้นๆไป
ประโยชน์ หรือไม่เกิดประโยชน์ อยู่ที่เจตนาของผู้ทำ อย่าตีความว่า ถ้าไม่มีผู้รับ ไม่เป็นบุญ ถ้าพูดแบบนี้ จะตีพาล ไปถึงดอกไม้ที่นำไปไหว้พระเจดีย์ เป็นต้น ก็จะไม่เป็นบุญ การบูชามี 2 อย่าง อามิสบูชา บูชาด้วยสิ่งของ และปฏิบัติบูชา ไม่ใช่หมวดทาน ๆ ต้องมีผู้รับ แสดงว่ายังไม่กว้างและละเอียดพอในข้อธรรม😊
ใครจะว่าไม่ได้บุญช่างเขา เราทำของเรา ทุกการกระทำมีผลทั้งสิ้น กรรม คือการกระทำ ถวายข้าวถวายน้ำพระพุทธรูป เป็นพุทธบูชา ก็เมื่อจิตนึดถึงพระพุทธ ก็เป็นพุทธานุสติกรรมฐาน มีจิตอยากถวายข้าวน้ำ ก็เป็นพุทธบูชา นี่เป็นสิ่งดีครับ😊
@@mamanee2824 🙏🙏🙏
@@mamanee2824😂😂ไป หาคนตื่นทำ สิครับแอ๊ดมิน ลูกศิษย์เทวทัตเต็มไปหมดเลยครับ
ทำไมจะไม่ได้ เมื่อเจตนาดีเป็นกรรม ก็มีประวัติอุบาสิกาครั้งพุทธกาลที่เอาดอกไม้ไปบูชาพระเจดีย์หลังจากนั้นนางก็ได้สิ้นชีวิตลงก็ยังได้ไปอุบัติในเทวโลก นั่นก็คือผลของบุญสำเร็จแล้ว การเอาน้ำดื่มขึ้นหิ้งก็เป็นการบูชาพระรัตนตรัย เป็นพุทธา ธัมมา สังฆานุสติในเบื้องต้น เป็นเจตนาดีหรือกรรมดีก็ย่อมเป็นบุญอยู่แล้ว แม้บุคคลไม่เคยทำบุญทานตลอดชีวิต แต่ตอนจะสิ้นใจ เขาระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมบางบทบางสูตรที่เคยได้ยินได้ฟัง หรือระลึกนึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์บางรูปที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบศัทธา สิ้นใจในขณะนั้น สุคติเป็นที่หวังได้ เจตนาหรือมโนกรรมนี่แหละสำคัญที่สุด จะไปต่ำหรือสูงย่อมขึ้นอยู่ที่เจตนาไม่ว่าจะสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฎฐิ จะเอามาเปรียบให้ของกินกับหมาว่าได้บุญกว่าถวายน้ำบนหิ้งพระนี้ มันเป็นคำกล่าวที่สบถสามานย์มากเกินไปของพวกมิจฉาทิฏฐิที่มิได้โยนิโสมนสิการในพระธรรมให้รอบครอบทั่วและมิได้น้อมนำเข้ามาสู่ความจริงแห่งพุทธะ และผลปรากฏแห่งลักษณะที่มีพุทธะนั้นเป็นผู้รู้เท่าทัน คัดกรองและส่งผลขับเคลื่อนออกมาในด้านการปฏิสัมพันธ์รอบนอกกับบุคคลอื่นสรรพสัตว์อื่นทั้งทางวจีกรรม กายกรรม หากแม้นพุทธะคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน คำพูดคำจาและการกระทำที่แสดงออกมาย่อมน้อมนำสู่ความเป็นประโยชน์และถูกต้องตามอรรถตามธรรมเสมอโดยมิได้ขาดตกบกพร่องและไม่ทำลายวิสุทธิธรรมนั้นแต่ประการใด
ยกตัวอย่างได้ดีมากครับ ถูกต้องเลยครับ
สาธุสาธุสาธุ ขอคำอวยพรนี้จงย้อนกลับไปถึงท่านด้วยครับ สิ่งใดที่ดีๆที่ท่านให้ ขอให้ท่านจงได้รับสิ่งดีๆนั้นด้วยครับ
ลองไตร่ตรองตามหลักของพระอภิธรรมดูสิครับ...ว่าขณะที่จิตคิดจะเอาน้ำถวายบนหิ้งพระ จิตเกิดที่ดวงไหน??? ฝั่งอกุศลจิต12 ดวงหรือไม่?? ถ้าไม่ใช่แล้วไปจิตไปเกิดในฝั่ง มหากุศลจิต8 ดวงหรือไม่? ถ้าใช่ชื่อของจิตกลุ่มนี้ก็บอกอยู่แล้ว มหากุศลจิต8...บุญก็เกิดขึ้นแล้วที่จิตขณะนั้น
อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุสาธุสาธุ🙏🙏🙏
พระอาจารย์ต้นสอนธรรมอย่างมีเหตุผล ขอนอบน้อม สาธุ
สาธุ
กราบสาธุเจ้าค่ะ พระองค์ท่านสังฆราช🙏🙏🙏
ฉันถวายน้ำพระพุทธรูปเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา บูชาในพระพุทธศาสนาถ้าไม่ได้บุญก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ฉันได้ความสบายใจที่ได้ทำแล้วท่านที่สอนมีความเคารพในพระรัตนตรัยมากแค่ไหนน้ำที่ถวายกลั่นมาจากดวงจิตดวงใจที่ศรัทธาและเคารพในพระรัตนตรัยอย่างสุดหัวใจ
ถวายน้ำบนหิ้งพระคือการระลึกพุทธานุสสติอันนี้สำหรับคนมีกำลังใจปกติธรรมดาคือให้ทานถวายน้ำหิ้งพระถวายเงิน1บาท.ที่หิ้งพระครบจำนวนก็เอาไปบริจาก ส่วนคนมีกำลังใจปานกลางจะชอบรักษาศีลฟังเทศฟังธรรมนั่งสมาธิทำสมถะกรรมัฐฐานส่วนคนมีกำลังใจเข้มเเข็งเด็ดเดี่ยวจะนับถือพระรัตนะไตยอย่างเดียวเเละชอบทำวิปัสสนาใช้ปัญญาพิจจารณาอยู่กับปัจจุบันอยู่กับลมอย่างเดียวมีสติทุกวินาที นี่คือคนมีกำลังใจเข้มข้นเข้มเเข็ง
ถึงอย่างไรอย่ากล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีความโกรธเลยครับ พระองค์ทรงบริสุทธิ์ บริบูรณ์ที่สุดแม้ความขัดเคืองขุ่นใจก็สิ้นไปตั้งแต่ประทับอยู่ต้นโพธิ์แล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงความโกรธที่พระองค์ทรงขับไล่ภิกขุเสียงดัง เพราะว่า ทำเหตุเพื่อแสดงธรรม(เช่นเรื่องเห็นตามเป็นจริงว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา.(ละอัตตา)แต่เวลาตรัสกับสาวกพระองค์ทรงสมมุติบัญญัติว่าเราเราจักแสดงธรรมเฉยๆ เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจคำศัพท์
ความไม่ชอบใจที่พระพุทธเจ้าตรัสออกมาจากพระโอษฐ์นั้นมิได้มีกิเลสเจือปนหากแต่เป็นเพียงกิริยาจิตของพระอรหันตทุกๆองค์ต้องมีและยิ่งเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยแล้วยิ่งมีแต่พระบริสุทธิคุณ พระเมตตาคุณและพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่กว้างใหญ่ไพศาลหาประมาณมิได้
ประเด็นที่ 4 เราเห็นด้วย ตักน้ำขึ้นหิ่งพระ ไม่ได้ก่อประโยชน์ต่อสิ่งไดๆ แต่ เป็นความเชื่อและศัทธาว่าได้ทำการบูชาพระพุทธเของคนทำ ทำแล้วมีความสุข สบายใจ ก็ไม่เสียหายอะไรและก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร
@lekdiamondgreen3720 --> ปากบอกไม่ได้เบียดเบียนใคร แต่ทำร้ายจิตใจคนที่มีศรัทธาอีกสาย นี่นะคนปฏิบัติ แขวะนิดๆก็เอา เขาถวายน้ำมันหนักหัวคุณเหรอ เช่น ศาสนาอื่นเขาทำพิธีของเขา มึงลองไปพูดดูสิ ว่าสิ่งที่เขาทำ มันไม่ได้ก่อประโยชน์ต่อสิ่งไดๆ มึงกล้าไปพูดมั้ย
บุญสำเร็จได้ที่ใจ ใจเป็นใหญ่ใจเป็นประธานสำเร็จได้ด้วยใจ ใจนึกถึงอะไรเมื่อถวายน้ำบนหิ้งพระก็อันนั้นแหละที่ได้ จะเป็นบุญหรือไม่เป็นบุญอยู่ที่จิตใจของผู้นั้นว่าขณะนั้นจิตเป็นกุศลหรือไม่?ถ้าจิตเป็นกุศลก็เป็นบุญ ถ้าไม่เป็นก็ไม่เป็นบุญ บุญหรือบาปอยู่ที่เจตนาของจิตที่กระทำสิ่งนั้นๆเรียกว่า..กรรม...คือการกระทำทาง กาย วาจา ใจ
อนุโมทนาสาธุๆๆๆ
จริงครับบุญสำเร็จที่ใจ....ลองไตร่ตรองตามหลักของพระอภิธรรมดูสิครับ...ว่าขณะที่จิตคิดจะเอาน้ำถวายบนหิ้งพระ จิตเกิดที่ดวงไหน??? ฝั่งอกุศลจิต12 ดวงหรือไม่?? ถ้าไม่ใช่แล้วไปจิตไปเกิดในฝั่ง มหากุศลจิต8 ดวงหรือไม่? ถ้าใช่ชื่อของจิตกลุ่มนี้ก็บอกอยู่แล้ว มหากุศลจิต8...บุญก็เกิดขึ้นแล้วที่จิตขณะนั้น(ส่วนจะได้บุญมากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องนึงครับ) พระพุทธองค์ตรัสว่า "เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ" ....ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม.... ถ้ากระทำด้วยจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย...ได้บุญครับ ดูแค่ตอนกระทำใจมีความสุขหรือเปล่า? แค่นี้จบ.... พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน "ปุญญวิปากสูตร" ว่าด้วยเรื่องบุญ ดังนี้ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้ เป็นชื่อของความสุข" สาธุๆๆๆ
ความโกรธอาจเป็นกิเลส แต่พุทธองค์ทรงถามพระอานนท์จริงท่านอาจไม่ได้โกรธ แต่ต้องการให้รู้ว่ากิริยาเสียดังเช่นนั้นไม่บังควรทำตองการเตือนให้ปรับแก้ไข ไม่จำเป็นต้องโกรธ😊😊😊😊😊😊😊
ท่านพุทธาตุไม่หนักกว่าเหรอครับ บอกพระไตรปิฎกเชื่อได้แค่ 60 %
@@suwanngamsiriwong3946พุทธ คริสต์ อิสลาม ศาสดาคือ องค์เดียวกัน ต่างกันที่ปฏิบัติ ก็คิดเองละกัน - ปัจจุบันนี้ก็ยังมีสาวกที่ศรัทธาอยู่
พระอรหันต์ ถ้ายังมีรูป-นาม อยู่ ก็ยังมี / อายตนะ / ผัสสะ / เวทนา / ตัณหา แต่เป็น อสังขตธรรม
ผู้กล่าววาจาเช่นนี้บาปมากเข้าลักษณะกล่าวตู่พระพุทธเจ้าว่ายังมีอารมณ์โกรธไปตามสิ่งกระทบแล้วก็แสดงออกทางวาจา อันนี้ไม่ควรอย่างยิ่งเพราะมันเกิดขึ้นเมื่อ2600ปีมาแล้ว เราจะไปรู้รายละเอียดเหตุการณ์ได้อย่างไร อาจเป็นการปรามหมู่ภิกษุเหล่านั้นให้หยุดคะนองกายแล้วเกิดการกระทบจิตอย่างแรงจนอารมณ์เปลี่ยนตกใจ(จากเดิมกำลังดีใจจะได้เข้าเฝ้ามาเป็นถูกไล่) แต่เมื่อพากันกราบลาไปนอกสำนักพระพุทธเจ้าแล้วพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะก็ไปตามกลับมาฟังธรรมและก็สำเร็จอรหัตทั้งหมด(อันนี้อาจเป็นญาณหยั่งรู้ของพระพุทธองค์ว่าหมู่ภิกษุกลุ่มนี้มีบารมีจะบรรลุอรหัตด้วยวิธีนี้ก็เป็นได้) ในคัมภีร์พระอรหันต์ทั้งหลายท่านละกิเลสสังโยชได้หมดทั้ง10อย่าง(มีปฏิฆะคือความโกรธ)แล้วจะโกรธได้อย่างไร
เอาน้ำขึ้นหิ้งพระก็ได้บุญครับ เป็นพุทธศรัทธา พุทธคุณ การระลึกถึงบุญคุณพระพุทธเจ้า
พระไตรปิฎก ดี เชื่อถือได้ 💯% ผมเชื่อด้วยสติปัญญาพิจารณาของผมเอง
พระดีอยู่ยากนะครับทุกวันนี้ นี่แหละเกิดขึ้นแล้วที่ว่า พระสงฆ์จะทำลายกัน พระอาจารย์ต้น ไม่ได้ทำอะไรผิด
พูดบิดขนาดนี้ยังไม่ผิดอยู่หรอ ถ้างั้นพระสังฆราชจะออกมาเตือนทำไม
ผิดมหันต์ ที่บิดเบือนคำสอน สอนแม้กระทั่งพระพุทธเจ้าตรัส เราไม่ชอบใจสิ่งนั้น ท่านบอกพระพุทธองค์ยังมีกิเลส พระอริยเจ้ายังมีกิเลส บรรลัยละคุณ 😅
สมัยนี้ คิดต่างคือผิดครับ
ก็คือจะบอกว่าสมเด็จพระสังฆราชผิด?
ไม่ควรเอาเรื่องที่พระพุทธองค์ยังมีความโกรธหรือไม่มาวิเคราะห์กัน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ยังประโยชน์ให้สู่การพ้นทุกข์ เราต้องศรัทธาว่าพระพุทธองค์ทรงสิ้นอาสวะกิเลสแล้ว ความโกรธจะไม่มี มีสติที่ทันความโกรธแน่ ที่ทรงตรัสไปเช่นนั้นเป็นกิริยาพระอรหันต์ ไม่ได้เป็นอารมณ์แบบปุถุชน ผมเข้าใจเช่นนี้ครับ
ควรนิมนต์มาถกประเด็นที่เป็นปัญหา ส่วนที่ท่านนำพาสอนที่ถูกกับปชช.โดยเฉพาะวัยรุ่นเข้าหาได้ดีมาก แล้ววัดทั่วไปที่สอนเน้นแต่ทำทานมีไสยศาสตร์อีก ทำอย่างไรครับ ด้วยความเคารพพระสังฆราชและคณะสงฆ์ครับ
ส่วนผิดก็ว่าผิด ส่วนถูกก็ว่าถูก (ซึ่งดีแล้ว) แต่อย่ายกเอาคนอื่นที่ทำผิดมาเพื่อแก้ว่าคนทำผิดเหมือนกัน จึงไม่ผิด
เห็นด้วยค่ะ
มีพระสงฆ์ไม่กี่รูปที่เราฟังท่านแล้วเราเข้าใจในธรรมของท่านโดยไม่มีข้อที่เราสงสัยในการเทศน์ธรรมของท่าน สมเด็จพุฒธโฆษาจารย์ หลวงปู่พุทธทาส หลวงปู่ชา นั่นละคือธรรมแท้สำหรับกระผมที่ได้ฟัง
เป็นกำลังใจให้พระอาจารย์ต้นครับ ยึดพระธรรมคำสอนครับ ไม่ยึดบุคคลครับ
เหยียบย่ำการบูชาพระพุทธรูป หิ้งพระ เป็นบาปกรรมหนัก ทำพระสงฆ์ที่ศรัทธาแตกแยก เป็นสังฆเภท แบบพระเทวทัต ถูกแผ่นดินสูบลง นรก
ถึงอย่างไร ผมก็นับถือ อ.ต้นครับ ถ้าบอกว่าท่านสอนไม่ตรงพระไตรปิฎกก็ตาม แต่คำสอนท่าน ต้น ทำให้ผมพ้นทุกข์ คำถามทั้งปวงยิ่งจะเป็นการพิสูจน์ความจริงของท่านให้ดีขึ้นครับ ท่านพูดถูก ถ้าใครอยากรู้ผมว่าปฏิบัติครับ จะหมดสงสัย
การทำความดีนั้นมีสามอย่างคือทำเพื่อตน-ทำเพื่อท่าน(ญาติสนิทมิตรสหาย)และเพื่อมหาชน(ส่วนรวม)ครับ-จริตการรับฟังธรรมและเข้าใจในธรรมของแต่ท่านมันไม่เหมือนกัน-ก็ค่อยแบ่งใจให้ผู้อื่นด้วย-ขอโมทนา
@@ลัดเมฆา โอ้พระเจ้าจอร์ด พ้นทุกข์ได้เลยหรือท่าน ผมล่ะทึ่งเลย
ตอแหลเก่งพอๆกับอาจารย์
เจริญอเวจีสาธุ
ส่วนที่ถูกก็มีส่วนที่ผิดเพี้ยนก็เยอะ ซึ่งไม่ควรจะนำมาสอนแบบผิดๆ พระธรรมคำสอนนั้นควรอิงจากพระไตรปิฎกมิใช่จะมาด้อยค่าพระไตรปิฎกว่าเชื่อถือไม่ได้แล้วออกมาสอนมาแนะนำกันแบบผิดๆทำให้คนหลงผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิสร้างความแตกแยกเป็นการทำลายพระศาสนาอย่างแท้จริงซึ่งสมัยนี้มีเยอะทั้งนักบวชและฆารวาสที่สอนแบบผิดเพี้ยน สิ่งเหล่านี้ท่านต้องพิจารณาให้หนักและศึกษาปฏิปทาพระเทวทัตเป็นตัวอย่างครับ
ทำในสิ่งที่ควรเคารพ บูชาและกราบไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วจิตใจผ่องใส สบายใจก็ทำไปเถิด ขอให้ถูกต้องอย่าละเมิดหรือผิดในศิล 5 ก็แล้วกัน เพราะความรู้ในธรรมวินัยเราน้อยค่อยๆศึกษาไป ผลดีคือผลของบุญที่จะได้รับเชื่อเถอะมีแต่ดีและเป็นสุข
พระไตรปิฎก ถูกสังคายนาขึ้นมาภายหลังพุทธปรินิพพาน มาถึงยุคนี้ก็มีอรรถกถาจารย์นำมาแปลบ้าง แต่งเติมรจนาขึ้นเองบ้าง ตั้งแต่อรรถกถาจารย์เข้าใจ บางท่านก็แปลถูก บางท่านก็แปลเพี้ยน ทำให้พระไตรปิฎก ก็มีส่วนเนื้อหาของอรรถกถาจารย์ที่แปลและเรียบเรียงเข้าไปในเนื้อความนั้น ในพระไตรปิฎกก็มีคำพระพุทธเจ้าเยอะ และก็มีแฝงด้วยคำของอรรถกถาจารย์เข้ามาแต่งเติม ทำให้พระไตรปิฎกผิดเพี้ยนไปจากตอนสังคายนายุคต้น สาวกคือผู้เดินตาม ไม่ใช่ผู้บัญญัติพระสูตรเพิ่ม ผู้ที่บัญญัติมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นคือพระพุทธเจ้า ยุคนี้มีแต่ครูอาจารย์ของฉัน ไม่ยกพระพุทธเจ้าว่าท่านสอนอะไรบ้าง มันก็เลยทำให้คำของพระพุทธเจ้าด้อยค่าลง จนทำให้อุบาสกอุบาสิกาหลายๆท่าน เข้าใจผิด ถ้าจะเอากันจริงๆ กลุ่มพระอลัชชี ที่นั่งปลุกเสกเลขยันต์ทั้งหลายนี้ มหาเถรสมาคมควรจะกำจัดก่อนเรื่องใด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ถึง 13 พระสูตร ห้ามภิกษุในธรรมวินัยนี้ รดน้ำมนต์อาบน้ำมนต์ ปลุกเสก สิ่งที่ควรแก้ไม่แก้ หรือถ้าแก้แล้วมันกระทบต่อผลประโยชน์ของตัวท่านเอง ผมไม่ได้เอาคำใครมาพูดหรอก ที่พูดมาคือคำของพระศาสดาล้วนๆ
เห็นด้วยที่สุดคับ
เองเกิดทีนหรือไง อันไหนว่าผิดเพี้ยน อันไหน แต่งใหม่ อันไหนคือ อันเก่า ยกตัวอย่างให้ดู หน่อยดิ....... ย่ำ อีกที จารึกพระไตรปิฏก ครั้งแรก เป็น ภาษาอะไร ..// จะบวชไหม ตรูจะเป็นเจ้าภาพให้ /ไป ศึกษาพระบาลีไหม ตรูจะส่งไปเรียน จะศึกษาพระไตรปิฏกไหม ฉบับ บาลี ตรูจะส่งไปเรียน
"น้ำมนต์ " กับเดรัจฉานวิชา... (Part 1 )เรื่องของ “น้ำมนต์ในพระพุทธศาสนา” ที่เห็นพระแทบทุกวัดได้รดได้ประพรมให้แก่พุทธบริษัท กลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่ จบว่า ตกลงมีอยู่จริงหรือไม่เพราะในพระสูตร จากพระไตรปิฎก มากถึง 13 พระสูตร กล่าวว่า ‘การพ่นน้ำมนต์ การรดน้ำมนต์’ เป็นเดรัจฉานวิชา อีกทั้งกลุ่มที่คัดค้านเรื่องการทำน้ำมนต์ก็ยังพากันให้ชวนสงสัยอีกว่า ‘ถ้าน้ำมนต์มีผลจริง ก็ย่อมเป็นการขัดแย้งกฎแห่งกรรม!!’ดังนั้นจึงต้องชวนกันไปดูให้รู้ชัดจากพระไตรปิฎกในภาษาบาลี อันเป็นต้นฉบับ เป็นของดั้งเดิมจริงๆ ว่า ในบาลีมีระบุเอาไว้ว่าอย่างไร…ในบาลีทุกพระสูตรที่กล่าวถึงความเป็นเดรัจฉานวิชา เช่น พรหมชาลสูตร สามัญผลสูตร ชาลิยสูตร ในภาษาบาลีใช้คำว่า “อาจมนํ” และ “นหาปนํ” ซึ่งแปลมาในพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยว่า “พ่นน้ำมนต์ และ รดน้ำมนต์แต่จริงๆ แล้ว "อาจมนํ กับ นหาปนํ" จากภาษาบาลีไม่ใช่ การพ่นน้ำมนต์ และรดน้ำมนต์ ตามแบบวัฒนธรรมที่คนไทยเราคุ้นเคย หากแต่เป็นพิธีกรรมนอกศาสนาเป็นการทำน้ำมนต์ของพราหมณ์ โดย "อาจมนะ" คือ การเอาน้ำที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ เช่น แม่น้ำคงคา มาประกอบพิธีกรรม แล้วจึงนำมาล้างหน้าโดยหมายให้เป็นการชำระล้างบาปแต่ตัวเอง และนำน้ำนั้นมาอมไว้ในปากก่อนจะบ้วนออกไป โดยเชื่อว่าจะทำให้ปากเป็นสิริมงคล!ส่วน "นหาปนะ" คือ การนำน้ำที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์จากในแม่น้ำ มาประกอบพิธีอาบให้แก่ผู้อื่น เพื่อชำระล้างบาปให้... ซึ่งพิธีกรรมเหล่านี้ ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน สามารถหาดูได้แถวริมฝั่งแม่น้ำคงคาในเมืองพาราณสีทั้ง 13 พระสูตร จากในพระไตรปิฎกภาษาบาลี ล้วนแต่ใช้คำว่า อาจมนะ และ นหาปนะ ทั้งสิ้น แต่พอแปลมาเป็นภาษาไทย กลับกลายเป็น พ่นน้ำมนต์ และ รดน้ำมนต์ จึงกลายเป็น “ไม่ตรงกับความเป็นจริง!” แต่ก็ยังพอสืบเค้าได้ว่า ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นเดรัจฉานวิชา คือ พ่นน้ำมนต์ กับรดน้ำมนต์ แต่พระองค์กลับไม่ได้ตรัสว่า “ทำน้ำมนต์” เพียงตรัสแค่ พ่นน้ำมนต์ กับรดน้ำมนต์ เท่านั้น! จึงเป็นอันว่าการทำน้ำมนต์ ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในหมวดของเดรัจฉานวิชา... บางคนอาจคิดว่าเป็นการหาช่องว่าง หาเหลี่ยมมุม แต่ต้องไม่ลืมว่า พระพุทธเจ้า เป็นสัพพัญญูผู้รู้แจ้งอย่างรอบด้าน พระองค์ย่อมไม่พลาดพลั้งเปิดช่องว่างนี้เอาไว้เป็นแน่ เพราะมิใช่ตรัสเพียงแค่คราวเดียว แต่ตรัสเอาไว้มากมายในหลายพระสูตร แต่ก็ไม่มีการกล่าวว่า “ทำน้ำมนต์” เป็นเดรัจฉานวิชาเอาไว้แม้แต่พระสูตรเดียว อีกทั้ง เมื่อไปตรวจสอบดูในพระวินัยปิฎก ซึ่งเป็นสิกขาบทบัญญัติที่พระพุทธเจ้าห้ามไว้ ก็กลับไม่พบว่ามีการบัญญัติห้ามพระภิกษุ ทำน้ำมนต์เอาไว้แม้แต่ข้อเดียว! มีการระบุไว้เพียงว่า ถ้าทำน้ำมนต์ โดยตั้งตนเป็นหมอผี หรือมีกำหนัดแล้วดีดน้ำมนต์ใส่สตรี หรือทำน้ำมนต์เพียงเพราะต้องการประจบชาวบ้าน เหล่านี้เป็น อาบัติทุกกฎ!
สาธุครับ พุทธศาสนาเป็นคำสอนของพระศาสดา พุทธบริษัทจึงควรช่วยกันปกปักษ์รักษาไว้แต่คำสอนแท้ๆ(พุทธวจน) ไม่ควรเอาคำสอนคนอื่นมาปลอมปนไว้ในพระไตรปิฏก ที่จะนำพากันหลงทาง!
@@TonboonBoonraksa9283:ผมมีคำถามคุณครับ 1.การทำน้ำมนต์ เพื่อประสงค์อะไร? 2.การทำน้ำมนต์มีวิธีการอย่างไร? 3.มีพระสูตรใดบ้างในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าทำน้ำมนนต์? ...ช่วยตอบให้หายสงสัยหน่อยนะครับ. ขอบคุณครับ
คิดดี พูดดี ทำดี เจตนาดี ปราถนาดี .... ฟังง่าย เข้าใจง่าย ทำตามง่ายใจเย็นๆนะตั้งสตินะคิดดีๆนะภาษาไทย ใช้คำง่าย เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย ทำตามง่ายทำไปๆ ปู่ชอบบอก ทำดี ทำไปเรื่อยๆ อย่าไปคิดเยอะ อย่าไปอ่านเยอะ ทำไปๆ...สาธุ😊
บริสุทธิ์ หมด จด จาก กิเลดโดยสิ้นเชิง ไม่มีหลงเหลือเลย คือพรักอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และพระปัจเจพระพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวก และ พระอนาคามีท่านเหล่านี้ พระท่านนี้จะไปคิดเองได้อย่างไรว่าท่านยังมีโกธ อยู่บาปมากๆนะกล่าวตู่
ความงามแห่งพระพุทธศาสนามีอยู่จริง.เฉกเช่นพระวินัยที่ทำให้พระดำรงความงามนั้นตลอดไป.
ครูอาจารย์ต้องรู้จริงรู้รอบ ต้องมีญาณฯรู้ภพภูมิอื่นได้ด้วย ถึงจะสอนได้ถูกต้องแม่นยำ เพราะอาจารย์ผิดคนเดียวพาผู้อื่นผิดได้เป็นจำนวนมาก
กระผมมองว่า หลวงพ่อชา หลวงปู่มั่น หลวงพ่อคูณ หรือแม้กระทั่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯประยุทธิ์ ท่านเก่งมาก แต่ท่านก็ไม่ได้ออกมาแนวนี้นะครับ ดูท่านจะงดงาม เป็นที่ยอมรับ
ผมคิดว่า 20 % ที่พระอาจารย์ต้นกล่าวถึง ก็คงเหมือน กับที่ ท่านพุทธทาส และ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ พุทธวจน ที่ศึกษาเฉพาะคำพระศาสดา ก็บอกว่า พระอภิธรรมเป็นของแต่งขึ้ันใหม่ มีผู้สันนิษฐานว่าพระอภิธรรมปิฎกนี้เป็นของแต่งขึ้นใหม่ โดยมีเหตุผล ได้แก่ 1. สำนวนในการเขียนพระอภิธรรมปิฎกเป็น ภาษาหนังสือ แตกต่างจากสำนวนภาษาในพระวินัยปิฎกและพระสุตตันตปิฎก2. หลักมหาปเทสให้สาวกเทียบเคียงความถูกต้องกับพระสูตรและพระวินัย ไม่ปรากฏว่าให้เทียบเคียงกับพระอภิธรรมปิฎกเลย3. ข้ออ้างเรื่องพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปเทศนาโปรดพระพุทธมารดาที่ดาวดึงส์ ไม่ปรากฏในพระสูตรและพระวินัย4. คำว่า อภิธมฺเม ที่ปรากฏในพระสูตรบางแห่งหมายถึง โพธิปักขิยธรรม5 .พระพุทธเจ้าตรัสกับสาวกว่า ธมฺโม จ วินโย จ หมายถึงพระธรรมกับพระวินัยเท่านั้น (ที่ให้เป็นศาสดาแทนต่อไป)6. ยญฺจ โข ภควตา ชานตา ปสฺสตา ซึ่งแปลว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้ารู้อยู่ เห็นอยู่" และ วุตฺตญฺเจตํ ภควตา ซึ่งแปลว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ดังนี้ เป็นสำนวนของพระสังคีติกาจารย์7. นิกายสรวาสติวาทิน (นิกายอภิธรรม) ถือว่าพระอภิธรรมปิฎกเป็นสาวกภาษิตท่าน พุทธทาสภิกขุ ( อภิธรรมทั้งหมด ทั้งกระบิทั้งระบบนั้นเอาไปทิ้งทะเลเสียก็ได้ โลกนี้จะไม่ขาดความรู้ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติเรื่องดับทุกข์โดยสิ้นเชิง )พระพุทธวจนะต้องเป็นเรื่องแสดงความดับทุกข์เสมอ แล้วก็ไม่เฟ้อ อภิธรรมมิได้อยู่ในรูปพุทธวจนะ โดยยืมเอาพุทธวจนะในสุตตันตปิฎกบางคำไปอธิบายให้มันเฟ้อ คำอธิบายในอภิธรรมปิฎกทุกคนจะติดตามมาพบต้นตอเดิมในสุตตันตปิฎกเสมอ ทีนี้เอาไปอธิบายจนเฟ้ออาตมาก็ถือว่ามิได้อยู่ในรูปของพุทธวจนะ หรือไม่ได้เป็นพุทธวจนะดั้งเดิม ระเบียบอักษรแห่งอภิธรรมปิฎกนั้นไม่ได้เป็นรูปพระพุทธดำรัสดังระเบียบอักษรในสุตตันตและวินัยปิฎก แต่เป็นความเรียงแบบภาษาตรรกะหรือจิตวิทยาซึ่งใครลองเปิดมาเปรียบกันดูก็เห็นได้เอง ข้อเท็จจริง คือ เอาเนื้อหาสักคำหนึ่งแล้วก็ไปพอกคำอธิบายที่เพ้อเจ้อมากมายเกินจำเป็นสำหรับการดับทุกข์ ทั้งหมดนี้เรียกว่า เอาไปทิ้งทะเลเสียให้หมดก็ได้โลกนี้ก็จะไม่ขาดอะไรไปสำหรับคำสอนที่จะดับทุกข์ได้สิ้นเชิงพระอาจารย์คึกฤทธิ ์ พุทธวจน อธิบาย พระอภิธรรม คือ แต่งขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่คำพระศาสดาหลักฐาน ยืนยันว่า "อภิธรรม"(ธรรมอันยิ่ง) ตามที่พระศาสดาบัญญัติไว้ คือโพธิปักขิยธรรม ๓๗(ธรรมเครื่องตรัสรู้ ๓๗) ประกอบหมวดธรรม ๗ หมวดธรรม ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘จะเห็นได้ชัดว่า อธิธรรมในความหมายของพระศาสดา ไม่ใช่อภิธรรมใน ๑๒ เล่มท้ายของพระไตรปิฎก(ซึ่งเป็นการแต่งใหม่ของสาวกในภายหลัง)แต่อย่างใด
สาวกที่เเต่งก็ จัดว่าเป็น อรหันต์ เเต่งคัมภี วิสุทธิมรรค ไม่ใช่ คนเราๆท่านๆมานั่งเทียนเเต่ง ส่วนที่ท่าน พุทธทาส ท่าน บอกให้อภิธรรมไปทิ้ง คือไม่จำเป็นต้องรุ้ก็ได้ อันนี้จริง เพราะ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า จิตมีกี่ดวง เจตสิกมีกี่ อย่าง อันนี้ถุกต้อง ในการปฏิบัติ เเต่ ไม่ได้หมายความว่า เป็นของไร้สาระ โกหก เลอะเทอะ เเต่อย่างใด ก็ใช้สำหรับ อ้างอิง ศึกษา ได้อยู่ เหมือน จะขับรถ ไม่ต้องรู้หรอกว่า ฟันเฟืองรถ ที่ขับมันมีกี่ซี่ ขัวเทียน จุดระเบิดด้วยความร้อนกี่องศา เปรียนเทียบเเบบนี้ เนอะ
พระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสไว้แล้ว ไม่ใช่หรือว่า ***ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ยังไม่ได้บัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติแล้ว จักประพฤติมั่นในสิกขาบทตามที่บัญญัติไว้แล้ว เพียงใด พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น*** ถึงจะเป็นคัมภีร์ที่ได้รับการยกย่องจากนักวิชาการก็ตาม อย่างนี้ถือว่าขัดคำสั่งสอนของพระศาสดาหรือไม่ วิสุทธิมรรค (บาลี: Visuddhimagga, วิสุทฺธิมคฺค) เป็นคัมภีร์สำคัญคัมภีร์หนึ่ง ในพุทธศาสนานิกายเถรวาท ซึ่งได้รับการจัดลำดับความสำคัญเทียบเท่าชั้นอรรถกถา โดยมี พระพุทธโฆสะ ชาวอินเดีย เป็นผู้เรียบเรียงขึ้นในภาษาบาลี เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 10 มีเนื้อหาที่อธิบายเกี่ยวกับ ศีล สมาธิ และปัญญา ตามแนววิสุทธิ 7)
ระวังด้วยถ้าหากบอกว่า พระอภิธรรมไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าหากมันใช่ขื้นมาละก็ คุณกล่าวตู่ว่าไม่ใช่ คุณจะได้ไปนรกไม่รุ้กี่ชาติ อย่าตัดสินใจเองว่าใช่หรือไม่ใช่ เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมา 2000กว่าปี เราเพิ่งเกิดอย่าสรุปเอง (รู้ความหมายของ พระไตรปิฎก หรือยัง)
พากันคิดไปเองถึงลงเหว
เทวทัต ก่อนที่ท่านถูกแผ่นดินสูบหมด เหลือส่วนหัว ที่ยังไม่สูบลงดิน ตอนนั้นใจของเทวทัต ขอถวายหัวนี้ของตน แก่พระพุทธเจ้าถามว่าหัวนั้น มีประโยชน์กับพระพุทธเจ้าไหม? พระพุทธเจ้าเอาหัวมาใช้ประโยชน์ได้ไหม?ไม่ได้!! ดังนั้นกุศลที่เกิดตรงนี้ เกิดจากใจคนที่ต้องการให้.การบูชาด้วยสิ่งใดๆ ที่ตนมีในเวลานั้น ไม่ได้เกิดจาก การใช้ประโยชน์หรือไม่ จากสิ่งนั้น!!เกิดที่ใจ นามธรรม!!
น้ำหรือ สิ่งสักการะถ้าทำเพื่อน้อมระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ล้วนได้บุญ ขึ้นกับจิตพระไตรปิฏก เชื่อได้ 100% แต่เครื่องมือคือตัวท่านยังไม่บรรลุธรรมคิดแบบปถุชน บุญกิริยาวัตถุ10 การน้อบน้อมถึงพระพุทธเจ้า ย่อมได้บุญ. เสมอ
จะไปวิภาควิจารณ์พระอรหันต์พระพุทธเจ้าแสดงว่าท่านเป็นพระอรหันต์ล้วนสิอันนี้ไม่เห็นด้วยที่ฟังพระอาจารย์ต้นพุดมานี่คือคนฉลาดคิดฉลาดพุดแต่ไม่ไช่ท่านบรรลุแล้วบอกตรงอยุ่สายพระป่าสายหลวงปู่มั่นเนี่ยสบายใจมากสายนี้ไห้ความเคารพในพระไตรปิฎกมากไม่เตะไม่ต้องไม่ก้าวร้าวกับคณะสงฆ์ไม่ยกตนว่าฉลาดลำ้เลิสกว่าคนอื่นมันสวยงามมันไม่ก่อไห้เกิดความแตกแยกด้วย
ความเชื่อเป็นไปตาม ชนิดของ"เหล่าบัว" จะให้ทุกคน"บรรลุธรรม" หมดไม่ได้ เพราะเมื่อคนบรรลุธรรมหมดก็จะไม่มีคนยุคต่อๆไป เพราะจะเป็นพระอรหันต์หมด ไม่เกี่ยวข้องทางกาม อันเป็นที่เกิดของคนอีกต่อไป คนก็จะหมดไปจากโลก นั่นเอง อมิตตาพุทธ
สาธุค่ะ 🙏🏼 ถวายน้ำหิ้งพระ ด้วยค่ะ บูชาแล้วมีความสุข
น้อมกราบสาธูๆคะ
ประเพณีไม่ใช่สิ่งที่บอกถูกต้องเสมอไป พระพุทธเจ้าแสดงเรื่องจริงไม่ได้มาแสดงเรื่องประเพณี เรื่องการถวายน้ำบนหิ้งพระ หลักการคิดง่ายง่าย พระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานแล้วยังจะกลับมาฉันน้ำอีกหรือ ใช้ปัญญาพื้นฐานคิดก็น่าจะตอบได้ บางท่านบอกสบายใจสบายใจแล้วไม่เกิดประโยชน์ทำเพื่ออะไร เสียเวลาเปล่า เอาเวลาไปทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วเกิดประโยชน์เป็นบุญเป็นกุศลน่าจะดีกว่า
ถือเป็นการบูชา เป็นอามิสบูชา
ในฐานะเป็นพุทธศาสนาสิกชนก็รู้สึกได้ อยากรู้หลักคำสอนที่เริ่มจากบทสวดมนต์ จะมีบทบาทแห่งการปฎิบัติตน พระธรรมจักรและมงคลสูตร การปฎิบัติตนให้เกิดมงคลแก่ชีวิต ทางพระศาสนาพระทรงสอนก็ควรมีที่มาจากภาษาบาลีบทสวดซึ่งเป็นเรื่องที่น่านับถือการสวดมนต์คือเครื่องแสดงออกแห่งดำรงศาสนาอันเป็นหลักแห่งสติปัญญาการเรียนรู้โดยการน้อมจิตจากพระธรรม! สาธุหากคำสอนมีมาแต่การใช้วาจาทางโลกเพียงอย่างเดียวก็จะกลายเป็นแค่นักพูดซึ่งบุคคลที่ไม่บวชเป็นพระก็ย่อมทำได้ พระปากโลก โศกแข่ง เครื่องแสดงต้อยต่ำ คำกล่าว ขาดปัญญาแห่งตน เหน็บหนาว พระธรรมก้าวเส้นทาง ต่างๆคน สาธุ
กุศลกับอกุศล วิชชากับอวิชชา...รู้สิ่งนี้จะเข้าใจธรรม
ทำอะไรแล้วมีกิเลสเจือปน เป็นอกุศลอวิชชา เป็นความไม่เข้าใจในความจริงใช่ไหมครับ
ถูกต้องครับ@@Somporn202
@@Somporn202คำว่าขอกุศล คือการกระทำในเรื่องที่ผิดศีล การกระทำในสิ่งทีชั่ว...เป็นบาปหรือการ กระทำในสิ่งที่ไม่ดีนั้นเอง...
วิชชาคือรู้ในความเป็นจริง...อวิชชารู้ผิดเป็นถูกไม่ได้รู้ตามความเป็นจริง
การถวายข้าวถวายน้ำพระพุทธรูป อยู่ในพระไตรปิฏกหน้าไหนช่วยบอกหน่อย
ทักขิณาวิภังคสูตร 😊 อามิสบูชา 🙏
ไม่อยู่ ก็จะถวาย หนักหัวพระต้นหรือ เรื่องมาก อ้างพระไตรปิฎกไปเรื่อย เท่นะพุทธแท้
ทักขิณาวิภังคสูตร : พระนางมหาปชาบดีโคตมีประสงค์จะถวายจีวรผืนใหม่แก่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคทรงปฏิเสธถึงสามครั้งและทรงบอกพระนางให้ถวายแก่สงฆ์ เพราะเมื่อพระนางถวายสงฆ์แล้ว พระนางจักได้บูชาทั้งพระผู้มีพระภาคและสงฆ์ อ่านแล้วก็ไม่เกี่ยวกับถวายพระพุทธรูปอยู่ดีครับ
@@boysantaratbanjai1045 อ่านให้หมด อ่านอรรถาธิบายด้วยครับ 😊
สรุปเป็นอรรถกถาหรือครับ
เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรไปแตะต้อง...มันอันตราย..
😂😂ใครอยากหลุดโลก ไปฟังคนตื่นทำ อาจารย์เบียร์เอาครับ หลุดโลกแน่นอนครับ😂😂
ความเป็นจริงแล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงรู้แล้วว่า ศาสนาของพระองค์จะมีการปรับคำสอนของพระองค์ไปตาม"จริตของชน"ในกลุ่มนั้นๆ และในศาสนาจะมีการแบ่งเป็นฝักฝ่าย เช่นนิกายต่างๆ ในประเทศไทยเป็น"นิกายเถรวาท" ดังนั้นการสืบต่อศาสนาจึงต้องอาศัยการเผยแพร่แบบนี้ เพราะหากเอาแต่"แก่นธรรม" ที่คนทั่วไปไม่อาจเข้าใจได้ ทรงเปรียบเทียบกับ"ต้นไม้ต้องมีกิ่งใบดอกผล เพื่อเป็นการสืบพันธุ์ฉันใด ศาสนาพุทธก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีใครถูกใครผิด ตามแนวที่ทรงแบ่งชนไว้ดั่ง"บัวสี่เหล่า"นั่นเอง........เอวัง
อย่างน้อย ก็ดีกว่าคนตื่นธรรมคนนั้นนอกรีตของแท้ครับ
@@ทัยใครไม่ต้องการ อธิบายหน่อย ครับ นอกรีต อย่างไร...
8:34 พระบางองค์บวชตอนแรกก็ปฎิบัติดีอยู่แต่พอเมื่อบวชไปนานๆก็จะมีญาติโยมทั้งหลายศรัทธาในคำสอนเทศสนาธรรมเมื่อมีคนและญาติโยมศรัทธามากขึ้นแล้วญาติโยมก็จะนำนั่นนำนี่หมายถึงปัดจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองร้วนแล้วแต่ของมีค่านำมาถวายให้ความคิดที่จะปฎิบัติตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ค่อยๆเปลี่ยนไปความคิดที่เคยปฎิบัติมาก็จะเปลี่ยนตามไป..เพราะปัดจัยต่างๆที่ฆราวาสที่นำมาถวายนั้นก็จะทำให้ความคิดของพระบางองค์ก่อเกิดเป็นกิเลส..กิเลสก็คือความเห็นดีเห็นชอบในสิงของที่ฆราวาสนำมาถวายไม่ว่าจะเป็นรถหรูหรือเก้าอี้นั่งแบบหรูๆหรือเงินทองของมีค่าทั้งหลายรวมไปถึงการสร้างศาลาสร้างกุฏติหลังใหญ่โตมโหราณและรวมไปถึงการรับกิจนิมนต์ไปในพิธีกรรมต่างๆและจะต้องได้รับการถวายซองปัดจัยแบบหนักๆและหนาๆความเป็นกิเลสก็จะบังเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ..ฉะนั้นพระบางองค์หลายๆรูปก็จะเข้ากับตำราที่บอกว่าบวชเข้าไปแล้วไม่ได้เจริญรอยตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแต่เจริญรอยตามคำว่าพุทธพาณิชย์เป็นที่ตั้ง..มันก็เลยทำให้พระละกิเลสไม่ได้แล้วก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ..เพราะไปบิดเบือนกับคำสอนขององค์สัมมาสัมพัทธเจ้านั้นเอง..จากคนที่ยังไม่เคยบวช.ขอบคุณครับ
ขอโอกาศด้วยเด้อท่านผู้ยิรภัยทุกรูปทุกนาม สัพเพธัมมาอนัตตา นั้นคือจบ ทร่ไม่จบคือสมมุติ สาธุๆ
สอนตามความเข้าใจของตนเองที่ผิดๆ อันตรายมากสำหรับชาวพุทธ แสดงว่า ท่านสอนตามเข้าใจของตนเอง ไม่ได้ปฏิบัติให้รู้แจ้ง มันเป็นผลให้คนฟังรัยความรู้แบบผิดๆ
@@พี่หนึ่งทองดี คุณเคยปฏิบัติตามแนวทางของท่านแล้วหรือค่ะ
อยากดัง อยากสอนโยมจากความรู้สึกของตัวเอง ไม่ใช่มีแค่พระต้น ตอนนี้มีหลายรูปมากๆขนาดตัวเองยังรักษาองค์ของศีลข้อที่4ไม่ได้แต่ยังกล้าสอนคนอื่น
สาทุครับ การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง มองตัวตนพิจารณาตัวตน
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยติดตามท่านในแพลทฟอร์มหนี่ง เพราะเห็นคลิบเลยเข้าไปดูไลฟ์ ตัดสินใจติดตามในไลฟ์ แต่ดูสามครั้งเริ่มเอะใจในข้อปฏิบัติเพราะแย้งในสิ่งที่ผมพิสูจน์เอง จากนั้นดูแค่สองสามครั้งเลยเลิกติดตาม
1. พระไตรปิฎกเชื่อถือได้2. พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าสิ้นกิเลสทั้งมวล ไม่มีความโกรธ แม้พระอนาคามีก็ปหารความโกรธได้หมดสิ้น3. พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานแล้ว ไม่ได้ฉันน้ำที่ผู้เลื่อมใสนำมาวาง แต่แม้กระนั้นการกระทำด้วยจิตที่เลื่อมใสย่อมเป็นบุญ
ธรรมคือธรรมดา ไม่เกิดจากการปรุงแต่งตามความเข้าใจของตนเอง....
พระสัพพัญญูทรงตรัสรู้ทุกประการ เธอเป็นใครมาสามารถวิจัยวิจารณ์ได้ เธอเข้าไม่ถึงพระธรรมมากกว่า จึงเป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ
ร่างกายตัวตนพระพุทธเจ้าไม่มีแล้ว นะครับ กินไม่ด้วย ตามความเห็นที่ถูกต้อง นั่น ไม่สมควร เอานํ้าไปถวาย หรือคุณขาดสมอง และปัญญากันแน่ครับ
ครับ
แล้วคุณล่ะเป็นใคร รู้ธรรมแค่ไหน คุณก็ไม่ควรมายุ่งในสิ่งที่คุณก็ไม่รู้
ต้องขอชื่นชม การทำงานของมหาเถระสมาคมว่า ได้มีการประชุม และ อธิบายโดยพระผู้มีคุณวุฒิ ได้กระจ่างแจ้งดี การแย้งกัน เป็นเรื่องปกติ เพราะ คำสอน หรือ ธรรมทั้งหลาย สามารถพูดคุยได้ ตามแต่สติปัญญา ของผู้ศึกษา ผู้ปฏิบัติ แต่ข้อควรพิจารณา คือ การยึดเอาคำในพระไตรปิฏก อย่างเดียว แล้วบอกว่า อย่างอื่น ไม่ใช่ เช่น การถวายน้ำพระพุทธรูป ไม่ได้บุญ ก็ถูกส่วนหนึ่ง คือ ได้บุญน้อย แต่ถ้าผู้ถวาย มีใจเบิกบาน ทำใจระลึกถึงว่า ได้ถวายกับพระพุทธเจ้า ก็เป็นบุญมาก ก็ใจของผู้ถวาย คนอื่นไม่ได้รับรู้ด้วย เป็นเรื่องเฉพาะตน พูดสั้น ๆ พอสังเขป
การระลึกถึงก็เป็นบุญแล้วครับ การเอาน้ำขึ้น ถ้าไม่มีมดหรือแมลงต่างๆตกตาย เราบาปนะครับ.ระลึกแล้วปฏิบัตนั่นละครับสุดยอด.
มดหรือแมลงมันตกมาตายเพราะวิบากกรรมของมันเองเพราะเจตนาที่เราบูชาพระด้วยน้ำคือการระลึกถึงเป็นมหากุศลแล้ว เพราะเจตนาที่ทำไม่ได้ต้องการให้สัตว์มาตาย
คนมีสติปัญญาเขาคงไม่ต้องมาคิดใช่ไหม เขาต้องรู้จัก บาป บุญให้ได้ก่อน แล้วจึงจะมาคิดถึงบุญ บาปมาใช้ประโยชน์
ทางดับทุกข์ที่แท้จริง เราได้กล่าวไว้แล้ว ไม่มีทางอื่น...จงเชื่อในการชี้ทางของเราเถิด พวกท่านจะพ้นจากทุกข์ ยึดมั่นในวัฏปฏบัติของตนให้บริสุทธิ์เถิด
พระพุทธองค์ไม่ได้ตรัส ว่าไม่ชอบเสียงนั้น พูดเองเออเอง บาปมากเลย พระองค์ทรงประนามภิกษุกลุ่มที่ทำเสียงดังเอะอะ เพราะเป็นผู้ไม่สำรวม ไม่เกี่ยวว่าพระองค์มีความไม่ชอบใจ
การเป็นผู้ยังศึกษาอยู่..ควรถือนิสัยในเถระให้มาก..
ผมมืความรู้เท่าหางอึ่ง..เคยรู้ว่า..พระองค์ตรัสว่าอย่ายืดตัวบุุคคล..ใครเหฟ็นธรรมผู้นั้นเหผ้นเรา
พระใบลานเป่า เคียฟังไมคะ
เราต้องไม่พูดในเรื่องที่ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน เช่นความเชื่อความศรัทธา การเมือง
เรื่องโจมตีพระไตรปิฎก แรม เริ่มมาจาสวนโมกข์ โดย พุทาสภิขุผู้ท้าทาย ฉีก พระอภิธรรมปิฎก หักล้างครุบาอาจารย์อย่างหนัก
มีครูบาอาจารย์ที่ท่านบรรลุอภิญญาหลายองค์บอกว่าพุทธทาสไปตกนรกครับ เพราะการปรามาสคำสอนพระพุทธเจ้า จริงไม่จริงแต่ก็มีพระสุปฎิปันโนหลายๆองค์ที่พูดแบบนี้.
องค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัเจพระพุทธเจ้าพระอรหันต์สาวกเป็นที่สุดของที่สุดไปแล้วทุกๆเรื่องไม่มีเว้นเลย และท่านก็บริสุทธิ์หมดจด จาก กิเลิด โดยสิ้นเชิง แล้ว พระองค์ท่านจะมีโทษะ อีกหรือ พูดผิดพระอนาคาก็ละโทษะได้แล้ว มีแต่พระสัก กะทาคสมี กับพระโสดบันยังละโทษะไม่ได้ แต่โทษ ท่านไม่มีกําลังให้ท่านทําผิดศีลแม้แต่นิดเดียว
น่าเป็นห่วงครับท่านไม่ใช่พระปฏิบัติ ก็เลยยังสงสัยในพระไตรปิฎกอยู่ กล่าวตู่พระอรหันต์เป็นเรื่องธรรมดาครับ แต่ที่สำคัญการเผยแพร่ที่ไม่เหมาะสมเป็นอันตรายกับศาสนามาก ยังมีพระอีกหลายรูปครับ
เรื่องถวายน้ำหิ้งพระ ผมว่าพระต้นเขาพยายามสื่อว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วเอาน้ำไปถวายท่านก็ฉันไม่ได้ ท่านไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมารับของแบบนี้ เออแต่ถ้าเอาดอกไม้ไปบูชายัง make sense ซะกว่า เวลาไปกราบไหว้สถูปเจดีย์เคยเห็นใครเอาอาหารและน้ำไปบูชาบ้างเหรอ เห็นมีแต่ดอกไม้แล้วพุทธพจน์ในพระไตรปิฎกไม่เห็นมีบอกเลยว่าการถวายน้ำแด่สถูปเจดีย์เป็นอามิสบูชา มีแต่อรรถกถาจารย์เท่านั้นที่มาตีความว่าน้ำเป็นปัจจัย 4 ซึ่งปัจจัย 4 นี้ถวายตอนพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ คนที่เขาบูชาสถูปเจดีย์เห็นมีบูชาแต่ดอกไม้ทั้งนั้น
การเชื่อไม่ได้ ท่านรู้ได้อย่างไร ยุคสมัยในการสร้างพระไตรปิฎกท่านอยู่ในสมัยนั้นหรือ...แล้วที่ว่าไม่ถูกต้องคือเรื่องใดท่านต้องชี้ให้เห็น การบอกแบบไม่ชี้ให้เห็น เหมือนการตำหนิผลไม้นั้นเน่าบางส่วน
สาธาๆๆครับ
ปุถุชนไปพยากรณ์จิตพระอรหันต์ ว่ามีความโกรธอยู่ โอ้ย อย่าสร้างกรรมเลยท่านต้น
นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตาถวายน้ำ ไม่มีประโยชน์ เพราะพระพุทธรูปฉันไม่ได้ แต่เป็นเครื่องหมายแสดงออกของคนเคารพศรัทธา รู้คุณในพระธรรมคำสอน
อิมัง สูปะพยัญชนะสัมปันนังสาลีนัง โภชะนัง อุทะกังวะรัง พุทธธัสสะ ปูเชมิ ถวายข้าวพระพุทธรูป เหมือนกับการถวายดอกไม้ บูชาคุณพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงค์สาวกที่ปฏิบัติดีแล้ว พุทธานุสติ
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติท่านพระพุทธเจ้ากล่าวตำหนิเพราะท่านเป็นครู เป็นผู้ฝึกสอน ท่านจะต้องติเตียนลูกศิษย์ที่มาบวช ว่าสิ่งใดควรไม่ควร แต่นั่นมิใช่ความโกรธที่เป็นกิเลส แต่เป็น"ความกรุณา"ของพระพุทธเจ้า โปรดระมัดระวังการกล่าวตู่ต่อพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายผู้บริสุทธิ์แล้ว
น้อมกราบำระอาจารย์ต้นไม่พางมงาย
ไปวิปัสสนากันดีกว่า อย่าส่งจิตออกนอกกันเลย 😊😊❤❤❤❤❤
อยากทราบข้อต่อไปที่ มหาเถระสมาคม พิจารณา ข้อ 2-4
รอติดตามนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ศึกษาธรรมะเพื่อให้เป็นผู้มีความเห็นถูกเห็นตรงธรรมชาติตามเป็นจริง(สัมมาทิฏฐิ)การบูชาด้วยการประพฤติตามธรรม คือการบูชาอันยิ่ง
อย่าสนใจคำคน ใครได้แล้วเขานิ่งๆ สบาย.
พระบางรูปเอาพระพุทธวจนะมากล่าวอ้างว่าตนเองลึกซึ้งในธรรมะของพุทธศาสนา ระวังนะครับตนเองยังปฏิบัติไม่ถึงธรรมะแท้จะเป็นกรรมกับตนเองทำให้ธรรมะจริงแท้ต้องผิดเพี้ยนไป อย่าคิดว่ามีคนดังบางคนมาช่วยโปรโมทแล้วจะคิดว่าตนเองดีเลิศเลย ระวัง!
น่าจะมีการเปิดเผยการสอบสวนว่า ความเข้าใจผิดเกิดจากอะไร อธิบายหรือแย้งว่าอย่างไร และที่สุดท่านยอมรับว่าผิดจริงโดยดุษฎีหรือไม่อย่างไร เพราะหากไม่ยอมรับแท้จริง ก็จะยังให้การสอบสวนไม่เป็นผลตามที่ตั้งใจไว้เพื่อธำรงธรรมของพระศาสดา
อยากให้หาผู้ที่อธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง. ถ้าปัจจุบัน หลวงพ่อพระพุทธโฆษาจารย์. หลวงพ่อประยุทธ. น่าจะดีที่สุด. พระอาจารย์รู้ดีเข้าใจ แต่วิธีอธิบายและความเชื่อถือ. ยังสู้หลวงพ่อประยุทธไม่ได้. ขอนิมนต์หลวงพ่อประยุทธมาอธิบาย
พระพุทธรูป กินน้ำไม่ได้ ก็จริง การจุดธูป เทียน พระพุทธรูป ก็เอาไปใช้ไม่ได้ แต่เป็นเสมือนคล้ายเป็นอามิสบูชา แบบหนึ่ง บูชาอะไรก็ได้ ที่ไม่ผิดที่ดี แต่การบูชานั้น เป็นสื่อ แสดงในใจ ว่า เคารพ รัก ให้ ในพระพุทธเจ้า ได้บุญไหม? ใจที่มีความเคารพ บูชาในสิ่งใดๆ เพื่อการ เคารพกุศลมันก็เกิดแล้ว ที่ใจ จากการให้การบูชา ในสิ่งนั้น ในลักษณะนี้ กุศลเกิดที่ใจแล้ว จากคนที่ให้คนที่บูชา ไม่ได้เกิดในลักษณะ คนถูกบูชา จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ได้
ขอร้อง พระสงฆ์ทั้งหลายหยุดทำลายพระพุทธศาสนาเถอะ หยุดบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีมาเป็นพันๆปีแล้ว แต่พวกท่านเพิ่งเกิดได้ไม่กี่ปีเอง
ความง่วงเหงาหาวนอน เป็นกิเลส นิวรณ์ 1ใน5ใช่ไหมครับ
ถามตัวคุณมาบวชเพื่ออะไร คุณมาบวชเพราะคุณเห็นภัยในวัฏฏสงสาร หรือเปล่า คุณศึกษา ปริญัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ หรือยัง คุณได้ ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง โดยปริวัตติญาณ ด้วย อาการ 3 ไหม สัมมาทิฏธิที่เป็นโลกีย์ ที่เป็นโลกุตระ เป็นอย่างไร อะไรคือแก่น กระพี้ เปลือก กิ่ง ใบ ในศาสนา นี้ จิตแต่ละดวงประกอบด้วยองค์ธรรมอะไรบ้าง จิตที่ประกอบด้วฌาน มีอาการอย่างไรและประกอบไปด้วยองค์ธรรม อะไรบ้าง จิตปัจจุบันของคุณปัจจุบันเป็นจิตแบบไหน คุณเห็น สัคตานังและปฎิกูลหรือเปล่า อันนี้คือเบื้องต้นที่ผู้ศึกษาควรรู้ เมื่อได้ศึกษาพระไตรปฏก หรือคุณ ต้องการมีชื่อเสียง
ไหว้พระสวดมนต์,ถวายน้ำ1แก้วทุกครั้งที่มีโอกาศแต่ก็พยายามหาโอกาสทุกวันเจ้าค่ะทำด้วยใจหวังได้บุญกุศลช่วยให้ชีวิตดีขึ้น,เกิดมามือเปล่าตัวเปล่าไม่มีอะไร
ในการละสังโยชน์ 3 ข้อแรก การเรียงลำดับในพระไตรปิฏก (ที่ผิดวิสัย) คือ ละสักกายทิฐิ วิจิกิจฉา สีลพัตปรามาส ถ้าลองพิจารณาด้วยเหตุและผลแล้ว ระหว่าง หายความลังเลสงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อนเหรอ ถึงจะไปละสีลพัตปรามาส เพราะในการปฏิบัติ เมื่อเปิดใจรับฟังแล้ว เกิดศรัทธาเชื่อต่อคำชี้แนะของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ต้องละสิ่งที่ประพฤติปฏิบัติผิดๆ มาก่อนหน้านี้ ความลังเลในคำสอนของพระองค์ท่านก็ย่อมหายไป เพราะผู้ปฏิบัติได้เชื่อใน การกระทำ และผลของการกระทำ แล้ว - แต่ทุกวันนี้ภิกษุที่เข้าไปบวชไปศึกษาธรรมะ ก็ยังนำกายและจิตเข้าไปแสวงหา เข้าไปเจือปนสิ่งเหล่านี้อยู่ โดยอาศัยพุทธศาสนาเพื่อแสวงหาประโยชน์เพื่อต้น เพื่อได้มาแห่งโลกธรรม 8 ( โดยทั้งเสพ ทั้งฉีด จากผู้มีอำนาจ )
กราบนมัสการเจ้าค่ะโยมใส่น้ำแก้วถวายพระพุทธ_พระธรรม_พระสงฆ์_เทพ_ครูบาอาจราย์ทุกวันไม่ขาดค่ะ(สมัยปู่ย่าตายายก็ทำตลอด)เวลาหุงข้าวนึ่งข้าวก็จะแยกมาใส่ถ้วยเล็กๆๆ3ก้อนหรือกองเล็กๆๆคือระลึกถึงคุณพระพุทธ_พระธรรม_พระสงฆ์ทุกวัน)เพราะโยมคิดว่าพระพุทธรูปก็คือตัวแทนพระพุทธเจ้าเหมือนเราได้เข้าเฝ้าถวายข้าวน้ำท่านเจ้าค่ะถึงใครจะว่าไม่ได้บุญก็ตามแล้วแต่จริตและศัทธาของแต่ละคนส่วนโยมคือคนหนึ่งละที่เคารพพระพุทธเจ้า_พระธรรมเจ้า_พระสงฆ์เจ้าที่ปฏิบัติดีปฏิบัติขอบไว้เหนือหัวเจ้าค่ะ
ใช่ค่ะหลวงพ่อฤษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน)ท่านบอกว่าถ้าเราไม่สามารถใส่บาตรได้ทุกวันก็ให้ถวายพระพุทธเจ้าแทนได้
ต้องถามให้รู้แจ้งก่อนว่า บุญ คืออะไร ในคำนิยามของศาสนาพุทธ คืออะไร เพราะตั้งแต่เล็กจนปัจจุบัน ได้ยินคำว่าทำบุญ กับได้บุญ ส่วนตัวไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัย พระไตรปิฏก และพระธรรมขรรค์ รู้แต่เพียงว่าอะไรที่ทำแล้วไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน ทำแล้วรู้สึกมีแต่ความสุขสบายใจ เรียกว่าทำบุญ และได้บุญ ทันทีที่การกระทำนั้นสิ้นสุดลง ไม่มีเวลาคั่นนระหว่างมรรคกับผล
ถ้าพ้นธรรมโลกีย์แล้ว (สีลัพพตปรามาส) ก็ไม่ต้องทำ ถ้ามีศรัทธา ยังต้องการบุญแบบโลกๆ ก็ทำไปเถอะครับ
พระต้นบอกให้คนอื่นอย่าด้อยค่าพระไตรปิฏก แต่ตนเองด้อยค่าพระไตรปิฏกให้เหลือ80%จาก100%พระต้นเอ้ยยย
ต้องมีบทลงโทษให้สึกออกไปค่ะ พระที่อุตริสอนผิดในพระธรรมคําสอนของพระพุทธองค์ เป็นพระถ้าเทศสอนเอาใจใครก็ไม่ใช่แล้ว
ความเห็นต่างย่อมนำไปสู่การพิสูจน์ยิ่งทำให้ชาวพุทธหันมาสนใจธรรมะหรือพระไตรปิฏกมากขึ้น เหมือนหนังสือมีไว้ถ้าไม่แตะหรือเปิดอ่านสักวันก็ลืม
พระอาจารย์ต้นพลาดแล้วล่ะครับ การกล่าวอ้างว่าพระพุทธองค์ยังมีความโกรธอยู่ = บอกว่าพระพุทธองค์ยังไม่หมดกิเลส กรรมหนักแล้วครับเท่าที่เคยฟังพระอาจารย์ต้นเทศ ก็ว่าท่านสอนดีนะ โดยเฉพาะกรรมฐาน แต่ตรงไหนไม่ดี ก็ต้องบอกว่าไม่ดี.
ผมเอาน้ำขึ้นหิ้งพระทุกวันบูชาข้าวสามก้อนคัรบทำทุกวันได้บุญไม่ได้ไม่สนแต่ผมมีความสุขคัรบ
😊🙏❤❤
ตักน้ำใส่แก้วขึ้นหิ้งพระได้บุญค่ะ เพราะใจเราระลึกถึงพระพุทธเจ้า เราบูชา นึกถึง ถวายพุทธบูชา ทำแล้วมีความสุข ทำต่อไปค่ะ
ทำด้วยความเลื่อมใสเป็นไปเพื่อสุขคติโลกสวรรค์ แต่สิ่งที่คุณไม่ได้คือการเข้าถึงความจริงอันประเสริฐ เป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพาน
เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ ....ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม.... ถ้ากระทำด้วยจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย...ได้บุญครับ ดูแค่ตอนกระทำใจมีความสุขไหม แค่นี้จบ....พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน "ปุญญวิปากสูตร" ว่าด้วยเรื่องบุญ ดังนี้"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข"สาธุๆๆๆ
ได้บุญ เพราะบุญคือความสุข
ข้อ 1 ,2 ,3 เห็นด้วยกับ มหาเถรสมาคมข้อ 4 เห็นด้วยกับ พระต้น เพราะไม่เคยเจอเรื่องถวายน้ำใน พระไตรปิฎก / อรรถคาถาเจอแต่พระอานนท์ ร้องให้คิดถึงพระพุทธเจ้าตอนปรินิพาน จึงเอาไม้สีฟันและขันน้ำไปว่งไว้ที่เดิมประนึงพระพุทธเจ้าทรงยังมีชีวิตอยู่ แต่อาจมีในฎีกาและคำสอนอาจารย์หลังๆ
พระไตรปิฎกผ่านการสังคายนามาหลายครั้งแล้ว ย่อมมีความคลาดเคลื่อนเป็นธรรมดา ความจริงคือความจริง
ก็แค่คลาดเคลื่อนแค่การออกเสียงของแต่ชาติเท่านั้น สาระอยู่ครบ
พระอาจารย์ต้นสอนธรรมแล้วเข้าใจได้ง่าย และ ปฏิบัติแล้ว พ้นทุกข์
สาธุครับ
พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่าประมาทบุญแม้เพียงเล็กน้อย อะไรที่ทำแล้วสบายใจ,มีความสุขก็ทำไปเถอะ จะบรรลุธรรมได้ก็อาศัยบุญ ดังนั้นอย่าประมาทบุญแม้เพียงเล็กน้อย สาธุ ❤
น้ำถวายพระพุทธรูป..เป็นพุทธานุสติ ✨ระลึกถึง พระพุทธคุณ ✨พระวิสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ...✨เป็นบุญ...อยู่ที่จิตผู้ปฏิบัตนั้น...👉อย่าด้อยค่าปัญญาผู้ถวายน้ำพระพุทธรูป....ตราบใดผู้สอนผิด..เป็นโทษมหันต์...ยิ่งเกี่ยวกับพระไตรปิฎก..ข้อหา🤼ทำให้สงฆ์แตกแยก..ทางความคิดเห็นขัดแย้งความรู้ในพระไตรปิฎก..นั่นเอง.
😂😂ไปถามคนตื่นธรรม ได้ไหมครับ😂😂
สมณะต้นท่านนี้ ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว. จงเดินไปให้ถึงการดับทุกข์โดยสิ้นเชิงเถิด
ผมไม่เคยเชื่อพวกที่สุดโต่ง. ผมไหว้พระสวดมนต์ ถวายน้ำพระ บนหิ้งบูชา ยึดมั่นในคำสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ทำแล้วมีความสุข .. ครับ. สาธุ
ได้บุญ เพราะเป็นพุทธานุสติ ทำให้ใจ ใส ใจเอิบอิ่มมีความสุข”อนุสติ ๑๐”
ก็คุณคือคนล่ะศาสนากับพวกเราชาวพุทธ คุณนับถือศาสนาผีก็เรื่องของคุณไปก็ทำไปตามหลักศาสนาคุณ ผมชาวพุทธก็ปฏิบัติไปตามหลักศาสนาพุทธ สาธุ
พวกอวดอ้างคำสอนจากพระโอษฐ์พุทธวจนคึกฤทธิ์อีกคน
@@themaximoff2949 👍👍👍
@@themaximoff2949 โอ้พุทธแท้ๆ เท่จัง ไปศึกษาเลือกพระแท้นะ
พอจ ต้น สื่อสารเข้าใจง่าย เข้าใจหลักธรรมคำสอน ของพระพุทธศาสนา จากการฟัง พอจ ต้น //เข้าใจง่าย และเข้าถึงคำสอนอย่างง่ายๆ ธรรมะคือธรรมชาติ เบาๆ สบายๆ ไม่ยึดติด ไม่เน้นพิธีกรรม// การที่พระรูปหนึ่ง ไม่รับยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่รับเงิน แค่นี้ก็เพียงพอให้เรากราบไหว้แล้ว // สำหรับเรา ตรงจริตแบบนี้ //และจะไม่ก้าวล่วง และตัดสิน ผู้อื่นที่คิดเห็นไม่ตรงกัน //ขอให้ทุกท่านมีความสุขตามแนวทางของแต่ละคน สาธุ
แอดมินขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยค่ะ ขอให้บุญกุศลที่ท่านได้ทำนั้นจักส่งผลให้ จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สุขสรรเสริญ สติปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ท่านพบแสงสว่างทั้งทางโลกธรรม ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ..🙏🙏😇😇🥰🥰🥰😌😌
#ให้พบแต่ความดีไม่มีความทุกข์
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์มหาวัฒนา ที่ช่วยชี้แจงครับ
ผู้ใดยังยินดีในกาม ผู้นั้นก็ยังยินดีในทุกข์ ผู้ใดแสวงหาทางออกจากทุกข์ ผู้นั้นก็ย่อมได้รับความสงบ
พระอาจารย์ ต้น สอนตามความเป็นจริง
ยุคนี้ ลูกศิษ์ของ หลวงพี่เทวทัต มาเกิดเยอะน้ะ พระท่านควรจะปฏิบัติทางสมาธิ และวิปัสสนา ให้มากๆ จะดีครับ
เห็นควรด้วย อย่างหนักครับ 😂😂😂
@@ฐานันดอน😂😂คนต่างเห็นคนตื่นทำเป็นพ่อหมดครับ
ควรจัดการกับพระที่หากินกับพระดีกว่า
ดูเจตนาเป็นหลักอยากให้พุทธศาสนิกชนมีดวงตาเห็นธรรมเป็นผู้พ้นทุกข์คนทั่วไปชาวบ้านตาสีตาสาเข้าถึงได้ ขออนุโมทนาสาธุครับ
คนห่มเหลืองกล่าวตู่ธรรมบาปหนักอเวจีอย่างเดียวนะ
เรื่องถวายนำ้บนหิ้งพระ ส่วนตัวคิดว่าความหมายของท่านคงหมายถึง พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว เอาน้ำไปถวายพระพุทธรูปก็เปล่าประโยชน์ คือไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว ทำดีกับผู้อื่นจะเป็นประโยชน์มากกว่า
เมื่อก่อนก็เคยถวายค่ะ แต่พอคิดๆ เอาน้ำไปวางให้ใครกัน พระพุทธเจ้าดับขันธ์แล้ว ถ้าจะระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็บูชาด้วยการประพฤติดี ฟังธรรม ทำดีกับผู้อื่น สัตว์อื่นดีกว่า พระพุทธเจ้าคงไม่ได้ต้องการน้ำดื่ม
คิดยังงี้ดีกว่าคนที่เถียงว่าอยากให้น้ำหิงพระให้แล้วมีความสุข เพราะถ้าคิดแค่นั้นจะไม่ขวนขวาย ปฏิบัติบูชา แค่เอาน้ำให้และพอใจแค่ใจมีความสุข ไม่ได้ทำตามพุทธดำรัสและประมาท ขนาดพระอริยเจ้าที่บรรลุโสดา สกทา ยังมีพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสเตือนอย่าประมาทเลย
ถวายน้ำได้ ดี แต่มีดีกว่า
พวกเราควรศึกษาพระธรมและปฏิบัติธรรมตามที่เหมาะแก่เรา ณ เวลานั้นๆ
อะไรที่ทำแล้วไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตนเอง เป็นบุญทั้งนั้น อยู่ที่ว่ามีสติดำรงอยู่ในปัจจุบันถือว่าได้ปฏิบัติธรรมเหมือนกัน.....(กายานุปัสสนา)
วางแก้วน้ำทับมดหรือบังคับให้คนอื่นเอาแก้วมาให้ คนๆนั้นไม่เต็มใจทำ ทำให้ผู้นั้นเกิดความขุ่นเคืองใจ เป็นต้น แบบนี้ชื่อว่าเบียดเบียนผู้อื่น หรือ เอาแก้วน้ำตั้งไว้บูชา แล้วจิตคิดแต่ว่า ด้วยการบูชานี้ขอให้ข้าพเจ้ามีอย่างนั้นมีอย่างนี้
เป็นต้น อันนี้คือเบียดเบียนตน เพราะเอาความอยากคือโลภ มาบังเบียดใจของตน .....
...แม้การนั่งขี้ก็ได้บุญ ถ้ามีสติอยู่กับกายานุปัสสนา.......เจริญธรรม
เป็นความคิดที่ถูกต้องครับ แต่ผมว่าการถวายน้ำหิ้งพระเหมาะสำหรับผู้ที่อาจกำลังเริ่มปฏิบัติให้เป็นพุทธานุสสติ กรณีที่ยังระลึกเองไม่ได้ แต่ต้องระวังไม่ให้ติดว่าต้องทำๆๆ ถ้าไม่ทำจะร้อนใจหรือใครขวางก็ไปโกรธเขา เพราะมันคือการยึดติดไม่ปล่อยวาง กรณีที่เราระลึกคุณพระพุทธเจ้าได้เองแล้วในใจ โดยนึกถึงเป็นระยะๆ ภาวนาให้สติต่อเนื่อง การถวายน้ำหิ้งพระก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เหมือนแค่เป็นตกเหยื่อล่อปลาช่วงแรกพอได้ปลาก็ตัดเอ็นออกไปเอาแต่ปลา แต่ถ้าคนที่ชำนาญแล้วก็จับมือเปล่าได้เองเลยไม่ต้องใช้เหยื่อล่อ ถ้ามองแค่ว่าถวายน้ำหิ้งพระคือทำส่งๆไปก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่ถ้ามองกุศโลบายที่ซ่อนอยู่จะเห็นว่ามันมีเรื่องของฐานจิตอยู่
ผมถือศีลห้าตลอดชีวิตถือศีลอุโบสถทุกวันพระและถวายน้ำและพวงมาลัยทุกวันพระนั่งสมาธิทุกวันไม่เว้นแม้แต่วันเดียวทั้งสมถะและพิจารณาวิปัสนาบ้างกรณีจิตสงบถึงขั้น อย่าว่าใครปฏิบัติขั้นใด แล้วแต่ความศรัทธาละเอียดขึ้นเป็นขั้นๆไป
ประโยชน์ หรือไม่เกิดประโยชน์ อยู่ที่เจตนาของผู้ทำ อย่าตีความว่า ถ้าไม่มีผู้รับ ไม่เป็นบุญ ถ้าพูดแบบนี้ จะตีพาล ไปถึงดอกไม้ที่นำไปไหว้พระเจดีย์ เป็นต้น ก็จะไม่เป็นบุญ
การบูชามี 2 อย่าง อามิสบูชา บูชาด้วยสิ่งของ และปฏิบัติบูชา ไม่ใช่หมวดทาน ๆ ต้องมีผู้รับ แสดงว่ายังไม่กว้างและละเอียดพอในข้อธรรม😊
ใครจะว่าไม่ได้บุญช่างเขา เราทำของเรา ทุกการกระทำมีผลทั้งสิ้น กรรม คือการกระทำ ถวายข้าวถวายน้ำพระพุทธรูป เป็นพุทธบูชา ก็เมื่อจิตนึดถึงพระพุทธ ก็เป็นพุทธานุสติกรรมฐาน มีจิตอยากถวายข้าวน้ำ ก็เป็นพุทธบูชา นี่เป็นสิ่งดีครับ😊
แอดมินขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยค่ะ ขอให้บุญกุศลที่ท่านได้ทำนั้นจักส่งผลให้ จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สุขสรรเสริญ สติปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ท่านพบแสงสว่างทั้งทางโลกธรรม ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ..🙏🙏😇😇🥰🥰🥰😌😌
#ให้พบแต่ความดีไม่มีความทุกข์
@@mamanee2824 🙏🙏🙏
@@mamanee2824😂😂ไป หาคนตื่นทำ สิครับแอ๊ดมิน ลูกศิษย์เทวทัตเต็มไปหมดเลยครับ
ทำไมจะไม่ได้ เมื่อเจตนาดีเป็นกรรม ก็มีประวัติอุบาสิกาครั้งพุทธกาลที่เอาดอกไม้ไปบูชาพระเจดีย์หลังจากนั้นนางก็ได้สิ้นชีวิตลงก็ยังได้ไปอุบัติในเทวโลก นั่นก็คือผลของบุญสำเร็จแล้ว การเอาน้ำดื่มขึ้นหิ้งก็เป็นการบูชาพระรัตนตรัย เป็นพุทธา ธัมมา สังฆานุสติในเบื้องต้น เป็นเจตนาดีหรือกรรมดีก็ย่อมเป็นบุญอยู่แล้ว แม้บุคคลไม่เคยทำบุญทานตลอดชีวิต แต่ตอนจะสิ้นใจ เขาระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมบางบทบางสูตรที่เคยได้ยินได้ฟัง หรือระลึกนึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์บางรูปที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบศัทธา สิ้นใจในขณะนั้น สุคติเป็นที่หวังได้ เจตนาหรือมโนกรรมนี่แหละสำคัญที่สุด จะไปต่ำหรือสูงย่อมขึ้นอยู่ที่เจตนาไม่ว่าจะสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฎฐิ จะเอามาเปรียบให้ของกินกับหมาว่าได้บุญกว่าถวายน้ำบนหิ้งพระนี้ มันเป็นคำกล่าวที่สบถสามานย์มากเกินไปของพวกมิจฉาทิฏฐิที่มิได้โยนิโสมนสิการในพระธรรมให้รอบครอบทั่วและมิได้น้อมนำเข้ามาสู่ความจริงแห่งพุทธะ และผลปรากฏแห่งลักษณะที่มีพุทธะนั้นเป็นผู้รู้เท่าทัน คัดกรองและส่งผลขับเคลื่อนออกมาในด้านการปฏิสัมพันธ์รอบนอกกับบุคคลอื่นสรรพสัตว์อื่นทั้งทางวจีกรรม กายกรรม หากแม้นพุทธะคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน คำพูดคำจาและการกระทำที่แสดงออกมาย่อมน้อมนำสู่ความเป็นประโยชน์และถูกต้องตามอรรถตามธรรมเสมอโดยมิได้ขาดตกบกพร่องและไม่ทำลายวิสุทธิธรรมนั้นแต่ประการใด
ยกตัวอย่างได้ดีมากครับ ถูกต้องเลยครับ
แอดมินขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยค่ะ ขอให้บุญกุศลที่ท่านได้ทำนั้นจักส่งผลให้ จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สุขสรรเสริญ สติปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ท่านพบแสงสว่างทั้งทางโลกธรรม ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ..🙏🙏😇😇🥰🥰🥰😌😌
#ให้พบแต่ความดีไม่มีความทุกข์
สาธุสาธุสาธุ ขอคำอวยพรนี้จงย้อนกลับไปถึงท่านด้วยครับ สิ่งใดที่ดีๆที่ท่านให้ ขอให้ท่านจงได้รับสิ่งดีๆนั้นด้วยครับ
ลองไตร่ตรองตามหลักของพระอภิธรรมดูสิครับ...ว่าขณะที่จิตคิดจะเอาน้ำถวายบนหิ้งพระ จิตเกิดที่ดวงไหน??? ฝั่งอกุศลจิต12 ดวงหรือไม่?? ถ้าไม่ใช่แล้วไปจิตไปเกิดในฝั่ง มหากุศลจิต8 ดวงหรือไม่? ถ้าใช่ชื่อของจิตกลุ่มนี้ก็บอกอยู่แล้ว มหากุศลจิต8...บุญก็เกิดขึ้นแล้วที่จิตขณะนั้น
อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุสาธุสาธุ🙏🙏🙏
พระอาจารย์ต้นสอนธรรมอย่างมีเหตุผล ขอนอบน้อม สาธุ
สาธุ
สาธุ
กราบสาธุเจ้าค่ะ พระองค์ท่านสังฆราช🙏🙏🙏
ฉันถวายน้ำพระพุทธรูปเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา บูชาในพระพุทธศาสนาถ้าไม่ได้บุญก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ฉันได้ความสบายใจที่ได้ทำแล้วท่านที่สอนมีความเคารพในพระรัตนตรัยมากแค่ไหนน้ำที่ถวายกลั่นมาจากดวงจิตดวงใจที่ศรัทธาและเคารพในพระรัตนตรัยอย่างสุดหัวใจ
ถวายน้ำบนหิ้งพระคือการระลึกพุทธานุสสติอันนี้สำหรับคนมีกำลังใจปกติธรรมดาคือให้ทานถวายน้ำหิ้งพระถวายเงิน1บาท.ที่หิ้งพระครบจำนวนก็เอาไปบริจาก ส่วนคนมีกำลังใจปานกลางจะชอบรักษาศีลฟังเทศฟังธรรมนั่งสมาธิทำสมถะกรรมัฐฐาน
ส่วนคนมีกำลังใจเข้มเเข็งเด็ดเดี่ยวจะนับถือพระรัตนะไตยอย่างเดียวเเละชอบทำวิปัสสนาใช้ปัญญาพิจจารณาอยู่กับปัจจุบันอยู่กับลมอย่างเดียวมีสติทุกวินาที นี่คือคนมีกำลังใจเข้มข้นเข้มเเข็ง
ถึงอย่างไรอย่ากล่าวว่า
พระพุทธเจ้ามีความโกรธเลยครับ
พระองค์ทรงบริสุทธิ์ บริบูรณ์ที่สุด
แม้ความขัดเคืองขุ่นใจก็สิ้นไป
ตั้งแต่ประทับอยู่ต้นโพธิ์แล้ว
ไม่ต้องกล่าวถึงความโกรธ
ที่พระองค์ทรงขับไล่ภิกขุเสียงดัง เพราะว่า ทำเหตุเพื่อแสดงธรรม
(เช่นเรื่องเห็นตามเป็นจริงว่า
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา.(ละอัตตา)
แต่เวลาตรัสกับสาวกพระองค์
ทรงสมมุติบัญญัติว่าเรา
เราจักแสดงธรรมเฉยๆ
เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจคำศัพท์
ความไม่ชอบใจที่พระพุทธเจ้าตรัสออกมาจากพระโอษฐ์นั้นมิได้มีกิเลสเจือปนหากแต่เป็นเพียงกิริยาจิตของพระอรหันตทุกๆองค์ต้องมีและยิ่งเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยแล้วยิ่งมีแต่พระบริสุทธิคุณ พระเมตตาคุณและพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่กว้างใหญ่ไพศาลหาประมาณมิได้
ประเด็นที่ 4 เราเห็นด้วย ตักน้ำขึ้นหิ่งพระ ไม่ได้ก่อประโยชน์ต่อสิ่งไดๆ แต่ เป็นความเชื่อและศัทธาว่าได้ทำการบูชาพระพุทธเของคนทำ ทำแล้วมีความสุข สบายใจ ก็ไม่เสียหายอะไรและก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร
@lekdiamondgreen3720 --> ปากบอกไม่ได้เบียดเบียนใคร แต่ทำร้ายจิตใจคนที่มีศรัทธาอีกสาย นี่นะคนปฏิบัติ แขวะนิดๆก็เอา เขาถวายน้ำมันหนักหัวคุณเหรอ เช่น ศาสนาอื่นเขาทำพิธีของเขา มึงลองไปพูดดูสิ ว่าสิ่งที่เขาทำ มันไม่ได้ก่อประโยชน์ต่อสิ่งไดๆ มึงกล้าไปพูดมั้ย
บุญสำเร็จได้ที่ใจ ใจเป็นใหญ่ใจเป็นประธานสำเร็จได้ด้วยใจ ใจนึกถึงอะไรเมื่อถวายน้ำบนหิ้งพระก็อันนั้นแหละที่ได้ จะเป็นบุญหรือไม่เป็นบุญอยู่ที่จิตใจของผู้นั้นว่าขณะนั้นจิตเป็นกุศลหรือไม่?ถ้าจิตเป็นกุศลก็เป็นบุญ ถ้าไม่เป็นก็ไม่เป็นบุญ บุญหรือบาปอยู่ที่เจตนาของจิตที่กระทำสิ่งนั้นๆเรียกว่า..กรรม...คือการกระทำทาง กาย วาจา ใจ
อนุโมทนาสาธุๆๆๆ
จริงครับบุญสำเร็จที่ใจ....ลองไตร่ตรองตามหลักของพระอภิธรรมดูสิครับ...ว่าขณะที่จิตคิดจะเอาน้ำถวายบนหิ้งพระ จิตเกิดที่ดวงไหน??? ฝั่งอกุศลจิต12 ดวงหรือไม่?? ถ้าไม่ใช่แล้วไปจิตไปเกิดในฝั่ง มหากุศลจิต8 ดวงหรือไม่? ถ้าใช่ชื่อของจิตกลุ่มนี้ก็บอกอยู่แล้ว มหากุศลจิต8...บุญก็เกิดขึ้นแล้วที่จิตขณะนั้น
(ส่วนจะได้บุญมากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องนึงครับ)
พระพุทธองค์ตรัสว่า "เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ" ....ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม.... ถ้ากระทำด้วยจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย...ได้บุญครับ ดูแค่ตอนกระทำใจมีความสุขหรือเปล่า? แค่นี้จบ.... พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน "ปุญญวิปากสูตร" ว่าด้วยเรื่องบุญ ดังนี้ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้ เป็นชื่อของความสุข"
สาธุๆๆๆ
ความโกรธอาจเป็นกิเลส แต่พุทธองค์ทรงถามพระอานนท์จริงท่านอาจไม่ได้โกรธ แต่ต้องการให้รู้ว่ากิริยาเสียดังเช่นนั้นไม่บังควรทำตองการเตือนให้ปรับแก้ไข ไม่จำเป็นต้องโกรธ😊😊😊😊😊😊😊
สาธุ
ท่านพุทธาตุไม่หนักกว่าเหรอครับ บอกพระไตรปิฎกเชื่อได้แค่ 60 %
@@suwanngamsiriwong3946พุทธ คริสต์ อิสลาม ศาสดาคือ องค์เดียวกัน ต่างกันที่ปฏิบัติ ก็คิดเองละกัน - ปัจจุบันนี้ก็ยังมีสาวกที่ศรัทธาอยู่
พระอรหันต์ ถ้ายังมีรูป-นาม อยู่ ก็ยังมี / อายตนะ / ผัสสะ / เวทนา / ตัณหา แต่เป็น อสังขตธรรม
ผู้กล่าววาจาเช่นนี้บาปมากเข้าลักษณะกล่าวตู่พระพุทธเจ้าว่ายังมีอารมณ์โกรธไปตามสิ่งกระทบแล้วก็แสดงออกทางวาจา อันนี้ไม่ควรอย่างยิ่งเพราะมันเกิดขึ้นเมื่อ2600ปีมาแล้ว เราจะไปรู้รายละเอียดเหตุการณ์ได้อย่างไร อาจเป็นการปรามหมู่ภิกษุเหล่านั้นให้หยุดคะนองกายแล้วเกิดการกระทบจิตอย่างแรงจนอารมณ์เปลี่ยนตกใจ(จากเดิมกำลังดีใจจะได้เข้าเฝ้ามาเป็นถูกไล่) แต่เมื่อพากันกราบลาไปนอกสำนักพระพุทธเจ้าแล้วพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะก็ไปตามกลับมาฟังธรรมและก็สำเร็จอรหัตทั้งหมด(อันนี้อาจเป็นญาณหยั่งรู้ของพระพุทธองค์ว่าหมู่ภิกษุกลุ่มนี้มีบารมีจะบรรลุอรหัตด้วยวิธีนี้ก็เป็นได้) ในคัมภีร์พระอรหันต์ทั้งหลายท่านละกิเลสสังโยชได้หมดทั้ง10อย่าง(มีปฏิฆะคือความโกรธ)แล้วจะโกรธได้อย่างไร
เอาน้ำขึ้นหิ้งพระก็ได้บุญครับ เป็นพุทธศรัทธา พุทธคุณ การระลึกถึงบุญคุณพระพุทธเจ้า
พระไตรปิฎก ดี เชื่อถือได้ 💯% ผมเชื่อด้วยสติปัญญาพิจารณาของผมเอง
พระดีอยู่ยากนะครับทุกวันนี้ นี่แหละเกิดขึ้นแล้วที่ว่า พระสงฆ์จะทำลายกัน พระอาจารย์ต้น ไม่ได้ทำอะไรผิด
พูดบิดขนาดนี้ยังไม่ผิดอยู่หรอ ถ้างั้นพระสังฆราชจะออกมาเตือนทำไม
ผิดมหันต์ ที่บิดเบือนคำสอน สอนแม้กระทั่งพระพุทธเจ้าตรัส เราไม่ชอบใจสิ่งนั้น ท่านบอกพระพุทธองค์ยังมีกิเลส พระอริยเจ้ายังมีกิเลส บรรลัยละคุณ 😅
สมัยนี้ คิดต่างคือผิดครับ
ก็คือจะบอกว่าสมเด็จพระสังฆราชผิด?
ไม่ควรเอาเรื่องที่พระพุทธองค์ยังมีความโกรธหรือไม่มาวิเคราะห์กัน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ยังประโยชน์ให้สู่การพ้นทุกข์ เราต้องศรัทธาว่าพระพุทธองค์ทรงสิ้นอาสวะกิเลสแล้ว ความโกรธจะไม่มี มีสติที่ทันความโกรธแน่ ที่ทรงตรัสไปเช่นนั้นเป็นกิริยาพระอรหันต์ ไม่ได้เป็น
อารมณ์แบบปุถุชน ผมเข้าใจเช่นนี้ครับ
ควรนิมนต์มาถกประเด็นที่เป็นปัญหา ส่วนที่ท่านนำพาสอนที่ถูกกับปชช.โดยเฉพาะวัยรุ่นเข้าหาได้ดีมาก แล้ววัดทั่วไปที่สอนเน้นแต่ทำทานมีไสยศาสตร์อีก ทำอย่างไรครับ ด้วยความเคารพพระสังฆราชและคณะสงฆ์ครับ
ส่วนผิดก็ว่าผิด ส่วนถูกก็ว่าถูก (ซึ่งดีแล้ว) แต่อย่ายกเอาคนอื่นที่ทำผิดมาเพื่อแก้ว่าคนทำผิดเหมือนกัน จึงไม่ผิด
เห็นด้วยค่ะ
มีพระสงฆ์ไม่กี่รูปที่เราฟังท่านแล้วเราเข้าใจในธรรมของท่านโดยไม่มีข้อที่เราสงสัยในการเทศน์ธรรมของท่าน สมเด็จพุฒธโฆษาจารย์ หลวงปู่พุทธทาส หลวงปู่ชา นั่นละคือธรรมแท้สำหรับกระผมที่ได้ฟัง
เป็นกำลังใจให้พระอาจารย์ต้นครับ ยึดพระธรรมคำสอนครับ ไม่ยึดบุคคลครับ
เหยียบย่ำการบูชาพระพุทธรูป หิ้งพระ เป็นบาปกรรมหนัก ทำพระสงฆ์ที่ศรัทธาแตกแยก เป็นสังฆเภท แบบพระเทวทัต ถูกแผ่นดินสูบลง นรก
ถึงอย่างไร ผมก็นับถือ อ.ต้นครับ ถ้าบอกว่าท่านสอนไม่ตรงพระไตรปิฎกก็ตาม แต่คำสอนท่าน ต้น ทำให้ผมพ้นทุกข์
คำถามทั้งปวงยิ่งจะเป็นการพิสูจน์ความจริงของท่านให้ดีขึ้นครับ ท่านพูดถูก ถ้าใครอยากรู้ผมว่าปฏิบัติครับ จะหมดสงสัย
การทำความดีนั้นมีสามอย่างคือทำเพื่อตน-ทำเพื่อท่าน(ญาติสนิทมิตรสหาย)และเพื่อมหาชน(ส่วนรวม)ครับ-จริตการรับฟังธรรมและเข้าใจในธรรมของแต่ท่านมันไม่เหมือนกัน-ก็ค่อยแบ่งใจให้ผู้อื่นด้วย-ขอโมทนา
@@ลัดเมฆา โอ้พระเจ้าจอร์ด พ้นทุกข์ได้เลยหรือท่าน ผมล่ะทึ่งเลย
ตอแหลเก่งพอๆกับอาจารย์
เจริญอเวจีสาธุ
ส่วนที่ถูกก็มีส่วนที่ผิดเพี้ยนก็เยอะ ซึ่งไม่ควรจะนำมาสอนแบบผิดๆ พระธรรมคำสอนนั้นควรอิงจากพระไตรปิฎกมิใช่จะมาด้อยค่าพระไตรปิฎกว่าเชื่อถือไม่ได้แล้วออกมาสอนมาแนะนำกันแบบผิดๆทำให้คนหลงผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิสร้างความแตกแยกเป็นการทำลายพระศาสนาอย่างแท้จริงซึ่งสมัยนี้มีเยอะทั้งนักบวชและฆารวาสที่สอนแบบผิดเพี้ยน สิ่งเหล่านี้ท่านต้องพิจารณาให้หนักและศึกษาปฏิปทาพระเทวทัตเป็นตัวอย่างครับ
ทำในสิ่งที่ควรเคารพ บูชาและกราบไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วจิตใจผ่องใส สบายใจก็ทำไปเถิด ขอให้ถูกต้องอย่าละเมิดหรือผิดในศิล 5 ก็แล้วกัน เพราะความรู้ในธรรมวินัยเราน้อยค่อยๆศึกษาไป ผลดีคือผลของบุญที่จะได้รับเชื่อเถอะมีแต่ดีและเป็นสุข
พระไตรปิฎก ถูกสังคายนาขึ้นมาภายหลังพุทธปรินิพพาน มาถึงยุคนี้ก็มีอรรถกถาจารย์นำมาแปลบ้าง แต่งเติมรจนาขึ้นเองบ้าง ตั้งแต่อรรถกถาจารย์เข้าใจ บางท่านก็แปลถูก บางท่านก็แปลเพี้ยน ทำให้พระไตรปิฎก ก็มีส่วนเนื้อหาของอรรถกถาจารย์ที่แปลและเรียบเรียงเข้าไปในเนื้อความนั้น ในพระไตรปิฎกก็มีคำพระพุทธเจ้าเยอะ และก็มีแฝงด้วยคำของอรรถกถาจารย์เข้ามาแต่งเติม ทำให้พระไตรปิฎกผิดเพี้ยนไปจากตอนสังคายนายุคต้น สาวกคือผู้เดินตาม ไม่ใช่ผู้บัญญัติพระสูตรเพิ่ม ผู้ที่บัญญัติมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นคือพระพุทธเจ้า ยุคนี้มีแต่ครูอาจารย์ของฉัน ไม่ยกพระพุทธเจ้าว่าท่านสอนอะไรบ้าง มันก็เลยทำให้คำของพระพุทธเจ้าด้อยค่าลง จนทำให้อุบาสกอุบาสิกาหลายๆท่าน เข้าใจผิด ถ้าจะเอากันจริงๆ กลุ่มพระอลัชชี ที่นั่งปลุกเสกเลขยันต์ทั้งหลายนี้ มหาเถรสมาคมควรจะกำจัดก่อนเรื่องใด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ถึง 13 พระสูตร ห้ามภิกษุในธรรมวินัยนี้ รดน้ำมนต์อาบน้ำมนต์ ปลุกเสก สิ่งที่ควรแก้ไม่แก้ หรือถ้าแก้แล้วมันกระทบต่อผลประโยชน์ของตัวท่านเอง ผมไม่ได้เอาคำใครมาพูดหรอก ที่พูดมาคือคำของพระศาสดาล้วนๆ
เห็นด้วยที่สุดคับ
เองเกิดทีนหรือไง อันไหนว่าผิดเพี้ยน อันไหน แต่งใหม่ อันไหนคือ อันเก่า ยกตัวอย่างให้ดู หน่อยดิ....... ย่ำ อีกที จารึกพระไตรปิฏก ครั้งแรก เป็น ภาษาอะไร ..// จะบวชไหม ตรูจะเป็นเจ้าภาพให้ /ไป ศึกษาพระบาลีไหม ตรูจะส่งไปเรียน จะศึกษาพระไตรปิฏกไหม ฉบับ บาลี ตรูจะส่งไปเรียน
"น้ำมนต์ " กับเดรัจฉานวิชา... (Part 1 )
เรื่องของ “น้ำมนต์ในพระพุทธศาสนา” ที่เห็นพระแทบทุกวัดได้รดได้ประพรมให้แก่พุทธบริษัท กลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่ จบว่า ตกลงมีอยู่จริงหรือไม่
เพราะในพระสูตร จากพระไตรปิฎก มากถึง 13 พระสูตร กล่าวว่า ‘การพ่นน้ำมนต์ การรดน้ำมนต์’ เป็นเดรัจฉานวิชา อีกทั้งกลุ่มที่คัดค้านเรื่องการทำน้ำมนต์
ก็ยังพากันให้ชวนสงสัยอีกว่า ‘ถ้าน้ำมนต์มีผลจริง ก็ย่อมเป็นการขัดแย้งกฎแห่งกรรม!!’
ดังนั้นจึงต้องชวนกันไปดูให้รู้ชัดจากพระไตรปิฎกในภาษาบาลี อันเป็นต้นฉบับ เป็นของดั้งเดิมจริงๆ ว่า ในบาลีมีระบุเอาไว้ว่าอย่างไร…
ในบาลีทุกพระสูตรที่กล่าวถึงความเป็นเดรัจฉานวิชา เช่น พรหมชาลสูตร สามัญผลสูตร ชาลิยสูตร ในภาษาบาลีใช้คำว่า
“อาจมนํ” และ “นหาปนํ” ซึ่งแปลมาในพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยว่า “พ่นน้ำมนต์ และ รดน้ำมนต์
แต่จริงๆ แล้ว "อาจมนํ กับ นหาปนํ" จากภาษาบาลีไม่ใช่ การพ่นน้ำมนต์ และรดน้ำมนต์ ตามแบบวัฒนธรรมที่คนไทยเราคุ้นเคย หากแต่เป็นพิธีกรรมนอกศาสนา
เป็นการทำน้ำมนต์ของพราหมณ์ โดย "อาจมนะ" คือ การเอาน้ำที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ เช่น แม่น้ำคงคา มาประกอบพิธีกรรม แล้วจึงนำมาล้างหน้า
โดยหมายให้เป็นการชำระล้างบาปแต่ตัวเอง และนำน้ำนั้นมาอมไว้ในปากก่อนจะบ้วนออกไป โดยเชื่อว่าจะทำให้ปากเป็นสิริมงคล!
ส่วน "นหาปนะ" คือ การนำน้ำที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์จากในแม่น้ำ มาประกอบพิธีอาบให้แก่ผู้อื่น เพื่อชำระล้างบาปให้...
ซึ่งพิธีกรรมเหล่านี้ ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน สามารถหาดูได้แถวริมฝั่งแม่น้ำคงคาในเมืองพาราณสี
ทั้ง 13 พระสูตร จากในพระไตรปิฎกภาษาบาลี ล้วนแต่ใช้คำว่า อาจมนะ และ นหาปนะ ทั้งสิ้น แต่พอแปลมาเป็นภาษาไทย กลับกลายเป็น พ่นน้ำมนต์ และ รดน้ำมนต์ จึงกลายเป็น “ไม่ตรงกับความเป็นจริง!” แต่ก็ยังพอสืบเค้าได้ว่า ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นเดรัจฉานวิชา คือ พ่นน้ำมนต์ กับรดน้ำมนต์ แต่พระองค์กลับไม่ได้ตรัสว่า “ทำน้ำมนต์” เพียงตรัสแค่ พ่นน้ำมนต์ กับรดน้ำมนต์ เท่านั้น! จึงเป็นอันว่าการทำน้ำมนต์ ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในหมวดของเดรัจฉานวิชา...
บางคนอาจคิดว่าเป็นการหาช่องว่าง หาเหลี่ยมมุม แต่ต้องไม่ลืมว่า พระพุทธเจ้า เป็นสัพพัญญูผู้รู้แจ้งอย่างรอบด้าน พระองค์ย่อมไม่พลาดพลั้งเปิดช่องว่างนี้เอาไว้เป็นแน่ เพราะมิใช่ตรัสเพียงแค่คราวเดียว แต่ตรัสเอาไว้มากมายในหลายพระสูตร แต่ก็ไม่มีการกล่าวว่า “ทำน้ำมนต์” เป็นเดรัจฉานวิชาเอาไว้แม้แต่พระสูตรเดียว อีกทั้ง เมื่อไปตรวจสอบดูในพระวินัยปิฎก ซึ่งเป็นสิกขาบทบัญญัติที่พระพุทธเจ้าห้ามไว้ ก็กลับไม่พบว่ามีการบัญญัติห้ามพระภิกษุ ทำน้ำมนต์เอาไว้แม้แต่ข้อเดียว! มีการระบุไว้เพียงว่า ถ้าทำน้ำมนต์ โดยตั้งตนเป็นหมอผี หรือมีกำหนัดแล้วดีดน้ำมนต์ใส่สตรี หรือทำน้ำมนต์เพียงเพราะต้องการประจบชาวบ้าน เหล่านี้เป็น อาบัติทุกกฎ!
สาธุครับ
พุทธศาสนาเป็นคำสอนของพระศาสดา
พุทธบริษัทจึงควรช่วยกันปกปักษ์รักษาไว้แต่คำสอนแท้ๆ(พุทธวจน)
ไม่ควรเอาคำสอนคนอื่นมาปลอมปนไว้ในพระไตรปิฏก ที่จะนำพากันหลงทาง!
@@TonboonBoonraksa9283:ผมมีคำถามคุณครับ
1.การทำน้ำมนต์ เพื่อประสงค์อะไร?
2.การทำน้ำมนต์มีวิธีการอย่างไร?
3.มีพระสูตรใดบ้างในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าทำน้ำมนนต์?
...
ช่วยตอบให้หายสงสัยหน่อยนะครับ. ขอบคุณครับ
คิดดี พูดดี ทำดี เจตนาดี ปราถนาดี .... ฟังง่าย เข้าใจง่าย ทำตามง่าย
ใจเย็นๆนะ
ตั้งสตินะ
คิดดีๆนะ
ภาษาไทย ใช้คำง่าย เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย ทำตามง่าย
ทำไปๆ ปู่ชอบบอก ทำดี ทำไปเรื่อยๆ อย่าไปคิดเยอะ อย่าไปอ่านเยอะ ทำไปๆ...สาธุ😊
บริสุทธิ์ หมด จด จาก กิเลดโดยสิ้นเชิง ไม่มีหลงเหลือเลย คือพรักอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และพระปัจเจพระพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวก และ พระอนาคามีท่านเหล่านี้ พระท่านนี้จะไปคิดเองได้อย่างไรว่าท่านยังมีโกธ อยู่บาปมากๆนะกล่าวตู่
ความงามแห่งพระพุทธศาสนามีอยู่จริง.เฉกเช่นพระวินัยที่ทำให้พระดำรงความงามนั้นตลอดไป.
ครูอาจารย์ต้องรู้จริงรู้รอบ ต้องมีญาณฯรู้ภพภูมิอื่นได้ด้วย ถึงจะสอนได้ถูกต้องแม่นยำ เพราะอาจารย์ผิดคนเดียวพาผู้อื่นผิดได้เป็นจำนวนมาก
กระผมมองว่า หลวงพ่อชา หลวงปู่มั่น หลวงพ่อคูณ หรือแม้กระทั่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯประยุทธิ์ ท่านเก่งมาก แต่ท่านก็ไม่ได้ออกมาแนวนี้นะครับ ดูท่านจะงดงาม เป็นที่ยอมรับ
ผมคิดว่า 20 % ที่พระอาจารย์ต้นกล่าวถึง ก็คงเหมือน กับที่ ท่านพุทธทาส และ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ พุทธวจน ที่ศึกษาเฉพาะคำพระศาสดา ก็บอกว่า พระอภิธรรมเป็นของแต่งขึ้ันใหม่
มีผู้สันนิษฐานว่าพระอภิธรรมปิฎกนี้เป็นของแต่งขึ้นใหม่ โดยมีเหตุผล ได้แก่
1. สำนวนในการเขียนพระอภิธรรมปิฎกเป็น ภาษาหนังสือ แตกต่างจากสำนวนภาษาในพระวินัยปิฎกและพระสุตตันตปิฎก
2. หลักมหาปเทสให้สาวกเทียบเคียงความถูกต้องกับพระสูตรและพระวินัย ไม่ปรากฏว่าให้เทียบเคียงกับพระอภิธรรมปิฎกเลย
3. ข้ออ้างเรื่องพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปเทศนาโปรดพระพุทธมารดาที่ดาวดึงส์ ไม่ปรากฏในพระสูตรและพระวินัย
4. คำว่า อภิธมฺเม ที่ปรากฏในพระสูตรบางแห่งหมายถึง โพธิปักขิยธรรม
5 .พระพุทธเจ้าตรัสกับสาวกว่า ธมฺโม จ วินโย จ หมายถึงพระธรรมกับพระวินัยเท่านั้น (ที่ให้เป็นศาสดาแทนต่อไป)
6. ยญฺจ โข ภควตา ชานตา ปสฺสตา ซึ่งแปลว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้ารู้อยู่ เห็นอยู่" และ วุตฺตญฺเจตํ ภควตา ซึ่งแปลว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ดังนี้ เป็นสำนวนของพระสังคีติกาจารย์
7. นิกายสรวาสติวาทิน (นิกายอภิธรรม) ถือว่าพระอภิธรรมปิฎกเป็นสาวกภาษิต
ท่าน พุทธทาสภิกขุ
( อภิธรรมทั้งหมด ทั้งกระบิทั้งระบบนั้นเอาไปทิ้งทะเลเสียก็ได้ โลกนี้จะไม่ขาดความรู้ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติเรื่องดับทุกข์โดยสิ้นเชิง )
พระพุทธวจนะต้องเป็นเรื่องแสดงความดับทุกข์เสมอ แล้วก็ไม่เฟ้อ อภิธรรมมิได้อยู่ในรูปพุทธวจนะ โดยยืมเอาพุทธวจนะในสุตตันตปิฎกบางคำไปอธิบายให้มันเฟ้อ คำอธิบายในอภิธรรมปิฎกทุกคนจะติดตามมาพบต้นตอเดิมในสุตตันตปิฎกเสมอ ทีนี้เอาไปอธิบายจนเฟ้อ
อาตมาก็ถือว่ามิได้อยู่ในรูปของพุทธวจนะ หรือไม่ได้เป็นพุทธวจนะดั้งเดิม ระเบียบอักษรแห่งอภิธรรมปิฎกนั้นไม่ได้เป็นรูปพระพุทธดำรัสดังระเบียบอักษรในสุตตันตและวินัยปิฎก แต่เป็นความเรียงแบบภาษาตรรกะหรือจิตวิทยา
ซึ่งใครลองเปิดมาเปรียบกันดูก็เห็นได้เอง ข้อเท็จจริง คือ เอาเนื้อหาสักคำหนึ่งแล้วก็ไปพอกคำอธิบายที่เพ้อเจ้อมากมายเกินจำเป็นสำหรับการดับทุกข์ ทั้งหมดนี้เรียกว่า เอาไปทิ้งทะเลเสียให้หมดก็ได้
โลกนี้ก็จะไม่ขาดอะไรไปสำหรับคำสอนที่จะดับทุกข์ได้สิ้นเชิง
พระอาจารย์คึกฤทธิ ์ พุทธวจน อธิบาย พระอภิธรรม คือ แต่งขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่คำพระศาสดา
หลักฐาน ยืนยันว่า "อภิธรรม"(ธรรมอันยิ่ง) ตามที่พระศาสดาบัญญัติไว้ คือโพธิปักขิยธรรม ๓๗(ธรรมเครื่องตรัสรู้ ๓๗) ประกอบหมวดธรรม ๗ หมวดธรรม ได้แก่
สติปัฏฐาน ๔
สัมมัปปธาน ๔
อิทธิบาท ๔
อินทรีย์ ๕
พละ ๕
โพชฌงค์ ๗
อริยมรรคมีองค์ ๘
จะเห็นได้ชัดว่า อธิธรรมในความหมายของพระศาสดา ไม่ใช่อภิธรรมใน ๑๒ เล่มท้ายของพระไตรปิฎก(ซึ่งเป็นการแต่งใหม่ของสาวกในภายหลัง)แต่อย่างใด
สาวกที่เเต่งก็ จัดว่าเป็น อรหันต์ เเต่งคัมภี วิสุทธิมรรค ไม่ใช่ คนเราๆท่านๆมานั่งเทียนเเต่ง ส่วนที่ท่าน พุทธทาส ท่าน บอกให้อภิธรรมไปทิ้ง คือไม่จำเป็นต้องรุ้ก็ได้ อันนี้จริง เพราะ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า จิตมีกี่ดวง เจตสิกมีกี่ อย่าง อันนี้ถุกต้อง ในการปฏิบัติ เเต่ ไม่ได้หมายความว่า เป็นของไร้สาระ โกหก เลอะเทอะ เเต่อย่างใด ก็ใช้สำหรับ อ้างอิง ศึกษา ได้อยู่ เหมือน จะขับรถ ไม่ต้องรู้หรอกว่า ฟันเฟืองรถ ที่ขับมันมีกี่ซี่ ขัวเทียน จุดระเบิดด้วยความร้อนกี่องศา เปรียนเทียบเเบบนี้ เนอะ
พระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสไว้แล้ว ไม่ใช่หรือว่า
***ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ยังไม่ได้บัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติแล้ว จักประพฤติมั่นในสิกขาบทตามที่บัญญัติไว้แล้ว เพียงใด พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น*** ถึงจะเป็นคัมภีร์ที่ได้รับการยกย่องจากนักวิชาการก็ตาม อย่างนี้ถือว่าขัดคำสั่งสอนของพระศาสดาหรือไม่
วิสุทธิมรรค (บาลี: Visuddhimagga, วิสุทฺธิมคฺค) เป็นคัมภีร์สำคัญคัมภีร์หนึ่ง ในพุทธศาสนานิกายเถรวาท ซึ่งได้รับการจัดลำดับความสำคัญเทียบเท่าชั้นอรรถกถา โดยมี พระพุทธโฆสะ ชาวอินเดีย เป็นผู้เรียบเรียงขึ้นในภาษาบาลี เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 10 มีเนื้อหาที่อธิบายเกี่ยวกับ ศีล สมาธิ และปัญญา ตามแนววิสุทธิ 7)
ระวังด้วยถ้าหากบอกว่า พระอภิธรรมไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าหากมันใช่ขื้นมาละก็ คุณกล่าวตู่ว่าไม่ใช่ คุณจะได้ไปนรกไม่รุ้กี่ชาติ อย่าตัดสินใจเองว่าใช่หรือไม่ใช่ เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมา 2000กว่าปี เราเพิ่งเกิดอย่าสรุปเอง (รู้ความหมายของ พระไตรปิฎก หรือยัง)
พากันคิดไปเองถึงลงเหว
เทวทัต ก่อนที่ท่านถูกแผ่นดินสูบหมด เหลือส่วนหัว ที่ยังไม่สูบลงดิน ตอนนั้นใจของเทวทัต ขอถวายหัวนี้ของตน แก่พระพุทธเจ้า
ถามว่าหัวนั้น มีประโยชน์กับพระพุทธเจ้าไหม? พระพุทธเจ้าเอาหัวมาใช้ประโยชน์ได้ไหม?
ไม่ได้!! ดังนั้นกุศลที่เกิดตรงนี้ เกิดจากใจคนที่ต้องการให้.การบูชาด้วยสิ่งใดๆ ที่ตนมีในเวลานั้น ไม่ได้เกิดจาก การใช้ประโยชน์หรือไม่ จากสิ่งนั้น!!
เกิดที่ใจ นามธรรม!!
น้ำหรือ สิ่งสักการะถ้าทำเพื่อน้อมระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ล้วนได้บุญ ขึ้นกับจิตพระไตรปิฏก เชื่อได้ 100% แต่เครื่องมือคือตัวท่านยังไม่บรรลุธรรมคิดแบบปถุชน บุญกิริยาวัตถุ10 การน้อบน้อมถึงพระพุทธเจ้า ย่อมได้บุญ. เสมอ
แอดมินขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยค่ะ ขอให้บุญกุศลที่ท่านได้ทำนั้นจักส่งผลให้ จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สุขสรรเสริญ สติปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ท่านพบแสงสว่างทั้งทางโลกธรรม ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ..🙏🙏😇😇🥰🥰🥰😌😌
#ให้พบแต่ความดีไม่มีความทุกข์
จะไปวิภาควิจารณ์พระอรหันต์พระพุทธเจ้าแสดงว่าท่านเป็นพระอรหันต์ล้วนสิอันนี้ไม่เห็นด้วยที่ฟังพระอาจารย์ต้นพุดมานี่คือคนฉลาดคิดฉลาดพุดแต่ไม่ไช่ท่านบรรลุแล้วบอกตรงอยุ่สายพระป่าสายหลวงปู่มั่นเนี่ยสบายใจมากสายนี้ไห้ความเคารพในพระไตรปิฎกมากไม่เตะไม่ต้องไม่ก้าวร้าวกับคณะสงฆ์ไม่ยกตนว่าฉลาดลำ้เลิสกว่าคนอื่นมันสวยงามมันไม่ก่อไห้เกิดความแตกแยกด้วย
ความเชื่อเป็นไปตาม ชนิดของ"เหล่าบัว" จะให้ทุกคน"บรรลุธรรม" หมดไม่ได้ เพราะเมื่อคนบรรลุธรรมหมดก็จะไม่มีคนยุคต่อๆไป เพราะจะเป็นพระอรหันต์หมด ไม่เกี่ยวข้องทางกาม อันเป็นที่เกิดของคนอีกต่อไป คนก็จะหมดไปจากโลก นั่นเอง อมิตตาพุทธ
สาธุค่ะ 🙏🏼 ถวายน้ำหิ้งพระ ด้วยค่ะ บูชาแล้วมีความสุข
น้อมกราบสาธูๆคะ
ประเพณีไม่ใช่สิ่งที่บอกถูกต้องเสมอไป พระพุทธเจ้าแสดงเรื่องจริงไม่ได้มาแสดงเรื่องประเพณี เรื่องการถวายน้ำบนหิ้งพระ หลักการคิดง่ายง่าย พระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานแล้วยังจะกลับมาฉันน้ำอีกหรือ ใช้ปัญญาพื้นฐานคิดก็น่าจะตอบได้ บางท่านบอกสบายใจสบายใจแล้วไม่เกิดประโยชน์ทำเพื่ออะไร เสียเวลาเปล่า เอาเวลาไปทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วเกิดประโยชน์เป็นบุญเป็นกุศลน่าจะดีกว่า
ถือเป็นการบูชา เป็นอามิสบูชา
ในฐานะเป็นพุทธศาสนาสิกชนก็รู้สึกได้ อยากรู้หลักคำสอนที่เริ่มจากบทสวดมนต์ จะมีบทบาทแห่งการปฎิบัติตน พระธรรมจักรและมงคลสูตร การปฎิบัติตนให้เกิดมงคลแก่ชีวิต ทางพระศาสนาพระทรงสอนก็ควรมีที่มาจากภาษาบาลีบทสวดซึ่งเป็นเรื่องที่น่านับถือการสวดมนต์คือเครื่องแสดงออกแห่งดำรงศาสนาอันเป็นหลักแห่งสติปัญญาการเรียนรู้โดยการน้อมจิตจากพระธรรม! สาธุหากคำสอนมีมาแต่การใช้วาจาทางโลกเพียงอย่างเดียวก็จะกลายเป็นแค่นักพูดซึ่งบุคคลที่ไม่บวชเป็นพระก็ย่อมทำได้ พระปากโลก โศกแข่ง เครื่องแสดงต้อยต่ำ คำกล่าว ขาดปัญญาแห่งตน เหน็บหนาว พระธรรมก้าวเส้นทาง ต่างๆคน สาธุ
กุศลกับอกุศล วิชชากับอวิชชา...รู้สิ่งนี้จะเข้าใจธรรม
ทำอะไรแล้วมีกิเลสเจือปน เป็นอกุศล
อวิชชา เป็นความไม่เข้าใจในความจริง
ใช่ไหมครับ
ถูกต้องครับ@@Somporn202
@@Somporn202คำว่าขอกุศล คือการกระทำในเรื่องที่ผิดศีล การ
กระทำในสิ่งทีชั่ว...เป็นบาปหรือการ กระทำในสิ่งที่ไม่ดีนั้นเอง...
วิชชาคือรู้ในความเป็นจริง...อวิชชารู้ผิดเป็นถูกไม่ได้รู้ตามความเป็นจริง
การถวายข้าวถวายน้ำพระพุทธรูป อยู่ในพระไตรปิฏกหน้าไหนช่วยบอกหน่อย
ทักขิณาวิภังคสูตร 😊 อามิสบูชา 🙏
ไม่อยู่ ก็จะถวาย หนักหัวพระต้นหรือ เรื่องมาก อ้างพระไตรปิฎกไปเรื่อย เท่นะพุทธแท้
ทักขิณาวิภังคสูตร : พระนางมหาปชาบดีโคตมีประสงค์จะถวายจีวรผืนใหม่แก่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคทรงปฏิเสธถึงสามครั้งและทรงบอกพระนางให้ถวายแก่สงฆ์ เพราะเมื่อพระนางถวายสงฆ์แล้ว พระนางจักได้บูชาทั้งพระผู้มีพระภาคและสงฆ์ อ่านแล้วก็ไม่เกี่ยวกับถวายพระพุทธรูปอยู่ดีครับ
@@boysantaratbanjai1045 อ่านให้หมด อ่านอรรถาธิบายด้วยครับ 😊
สรุปเป็นอรรถกถาหรือครับ
เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรไปแตะต้อง...มันอันตราย..
😂😂ใครอยากหลุดโลก ไปฟังคนตื่นทำ อาจารย์เบียร์เอาครับ หลุดโลกแน่นอนครับ😂😂
ความเป็นจริงแล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงรู้แล้วว่า ศาสนาของพระองค์จะมีการปรับคำสอนของพระองค์ไปตาม"จริตของชน"ในกลุ่มนั้นๆ และในศาสนาจะมีการแบ่งเป็นฝักฝ่าย เช่นนิกายต่างๆ ในประเทศไทยเป็น"นิกายเถรวาท" ดังนั้นการสืบต่อศาสนาจึงต้องอาศัยการเผยแพร่แบบนี้ เพราะหากเอาแต่"แก่นธรรม" ที่คนทั่วไปไม่อาจเข้าใจได้ ทรงเปรียบเทียบกับ"ต้นไม้ต้องมีกิ่งใบดอกผล เพื่อเป็นการสืบพันธุ์ฉันใด ศาสนาพุทธก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีใครถูกใครผิด ตามแนวที่ทรงแบ่งชนไว้ดั่ง"บัวสี่เหล่า"นั่นเอง........เอวัง
อย่างน้อย ก็ดีกว่าคนตื่นธรรมคนนั้นนอกรีตของแท้ครับ
@@ทัยใครไม่ต้องการ อธิบายหน่อย ครับ นอกรีต อย่างไร...
8:34 พระบางองค์บวชตอนแรกก็ปฎิบัติดีอยู่แต่พอเมื่อบวชไปนานๆก็จะมีญาติโยมทั้งหลายศรัทธาในคำสอนเทศสนาธรรมเมื่อมีคนและญาติโยมศรัทธามากขึ้นแล้วญาติโยมก็จะนำนั่นนำนี่หมายถึงปัดจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองร้วนแล้วแต่ของมีค่านำมาถวายให้ความคิดที่จะปฎิบัติตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ค่อยๆเปลี่ยนไปความคิดที่เคยปฎิบัติมาก็จะเปลี่ยนตามไป..เพราะปัดจัยต่างๆที่ฆราวาสที่นำมาถวายนั้นก็จะทำให้ความคิดของพระบางองค์ก่อเกิดเป็นกิเลส..กิเลสก็คือความเห็นดีเห็นชอบในสิงของที่ฆราวาสนำมาถวายไม่ว่าจะเป็นรถหรูหรือเก้าอี้นั่งแบบหรูๆหรือเงินทองของมีค่าทั้งหลายรวมไปถึงการสร้างศาลาสร้างกุฏติหลังใหญ่โตมโหราณและรวมไปถึงการรับกิจนิมนต์ไปในพิธีกรรมต่างๆและจะต้องได้รับการถวายซองปัดจัยแบบหนักๆและหนาๆความเป็นกิเลสก็จะบังเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ..ฉะนั้นพระบางองค์หลายๆรูปก็จะเข้ากับตำราที่บอกว่าบวชเข้าไปแล้วไม่ได้เจริญรอยตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแต่เจริญรอยตามคำว่าพุทธพาณิชย์เป็นที่ตั้ง..มันก็เลยทำให้พระละกิเลสไม่ได้แล้วก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ..เพราะไปบิดเบือนกับคำสอนขององค์สัมมาสัมพัทธเจ้านั้นเอง..จากคนที่ยังไม่เคยบวช.ขอบคุณครับ
ขอโอกาศด้วยเด้อท่านผู้ยิรภัยทุกรูปทุกนาม สัพเพธัมมาอนัตตา นั้นคือจบ ทร่ไม่จบคือสมมุติ สาธุๆ
สอนตามความเข้าใจของตนเองที่ผิดๆ อันตรายมากสำหรับชาวพุทธ แสดงว่า ท่านสอนตามเข้าใจของตนเอง ไม่ได้ปฏิบัติให้รู้แจ้ง มันเป็นผลให้คนฟังรัยความรู้แบบผิดๆ
@@พี่หนึ่งทองดี คุณเคยปฏิบัติตามแนวทางของท่านแล้วหรือค่ะ
อยากดัง อยากสอนโยมจากความรู้สึกของตัวเอง ไม่ใช่มีแค่พระต้น ตอนนี้มีหลายรูปมากๆขนาดตัวเองยังรักษาองค์ของศีลข้อที่4ไม่ได้แต่ยังกล้าสอนคนอื่น
สาทุครับ การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง มองตัวตนพิจารณาตัวตน
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยติดตามท่านในแพลทฟอร์มหนี่ง เพราะเห็นคลิบเลยเข้าไปดูไลฟ์ ตัดสินใจติดตามในไลฟ์ แต่ดูสามครั้งเริ่มเอะใจในข้อปฏิบัติเพราะแย้งในสิ่งที่ผมพิสูจน์เอง จากนั้นดูแค่สองสามครั้งเลยเลิกติดตาม
1. พระไตรปิฎกเชื่อถือได้
2. พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าสิ้นกิเลสทั้งมวล ไม่มีความโกรธ แม้พระอนาคามีก็ปหารความโกรธได้หมดสิ้น
3. พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานแล้ว ไม่ได้ฉันน้ำที่ผู้เลื่อมใสนำมาวาง แต่แม้กระนั้นการกระทำด้วยจิตที่เลื่อมใสย่อมเป็นบุญ
ธรรมคือธรรมดา ไม่เกิดจากการปรุงแต่งตามความเข้าใจของตนเอง....
พระสัพพัญญูทรงตรัสรู้ทุกประการ เธอเป็นใครมาสามารถวิจัยวิจารณ์ได้ เธอเข้าไม่ถึงพระธรรมมากกว่า จึงเป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ
ร่างกายตัวตนพระพุทธเจ้าไม่มีแล้ว นะครับ กินไม่ด้วย ตามความเห็นที่ถูกต้อง นั่น ไม่สมควร เอานํ้าไปถวาย หรือคุณขาดสมอง และปัญญากันแน่ครับ
ครับ
แล้วคุณล่ะเป็นใคร รู้ธรรมแค่ไหน คุณก็ไม่ควรมายุ่งในสิ่งที่คุณก็ไม่รู้
ต้องขอชื่นชม การทำงานของมหาเถระสมาคมว่า ได้มีการประชุม และ อธิบายโดยพระผู้มีคุณวุฒิ ได้กระจ่างแจ้งดี การแย้งกัน เป็นเรื่องปกติ เพราะ คำสอน หรือ ธรรมทั้งหลาย สามารถพูดคุยได้ ตามแต่สติปัญญา ของผู้ศึกษา ผู้ปฏิบัติ แต่ข้อควรพิจารณา คือ การยึดเอาคำในพระไตรปิฏก อย่างเดียว แล้วบอกว่า อย่างอื่น ไม่ใช่ เช่น การถวายน้ำพระพุทธรูป ไม่ได้บุญ ก็ถูกส่วนหนึ่ง คือ ได้บุญน้อย แต่ถ้าผู้ถวาย มีใจเบิกบาน ทำใจระลึกถึงว่า ได้ถวายกับพระพุทธเจ้า ก็เป็นบุญมาก ก็ใจของผู้ถวาย คนอื่นไม่ได้รับรู้ด้วย เป็นเรื่องเฉพาะตน พูดสั้น ๆ พอสังเขป
การระลึกถึงก็เป็นบุญแล้วครับ การเอาน้ำขึ้น ถ้าไม่มีมดหรือแมลงต่างๆตกตาย เราบาปนะครับ.ระลึกแล้วปฏิบัตนั่นละครับสุดยอด.
มดหรือแมลงมันตกมาตายเพราะวิบากกรรมของมันเองเพราะเจตนาที่เราบูชาพระด้วยน้ำคือการระลึกถึงเป็นมหากุศลแล้ว เพราะเจตนาที่ทำไม่ได้ต้องการให้สัตว์มาตาย
คนมีสติปัญญาเขาคงไม่ต้องมาคิดใช่ไหม เขาต้องรู้จัก บาป บุญให้ได้ก่อน แล้วจึงจะมาคิดถึงบุญ บาปมาใช้ประโยชน์
ทางดับทุกข์ที่แท้จริง เราได้กล่าวไว้แล้ว ไม่มีทางอื่น...จงเชื่อในการชี้ทางของเราเถิด พวกท่านจะพ้นจากทุกข์ ยึดมั่นในวัฏปฏบัติของตนให้บริสุทธิ์เถิด
พระพุทธองค์ไม่ได้ตรัส ว่าไม่ชอบเสียงนั้น พูดเองเออเอง บาปมากเลย พระองค์ทรงประนามภิกษุกลุ่มที่ทำเสียงดังเอะอะ เพราะเป็นผู้ไม่สำรวม ไม่เกี่ยวว่าพระองค์มีความไม่ชอบใจ
การเป็นผู้ยังศึกษาอยู่..ควรถือนิสัยในเถระให้มาก..
ผมมืความรู้เท่าหางอึ่ง..เคยรู้ว่า..พระองค์ตรัสว่าอย่ายืดตัวบุุคคล..ใครเหฟ็นธรรมผู้นั้นเหผ้นเรา
พระใบลานเป่า เคียฟังไมคะ
เราต้องไม่พูดในเรื่องที่ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน เช่นความเชื่อความศรัทธา การเมือง
เรื่องโจมตีพระไตรปิฎก แรม เริ่มมาจาสวนโมกข์ โดย พุทาสภิขุผู้ท้าทาย ฉีก พระอภิธรรมปิฎก หักล้างครุบาอาจารย์อย่างหนัก
มีครูบาอาจารย์ที่ท่านบรรลุอภิญญาหลายองค์บอกว่าพุทธทาสไปตกนรกครับ เพราะการปรามาสคำสอนพระพุทธเจ้า จริงไม่จริงแต่ก็มีพระสุปฎิปันโนหลายๆองค์ที่พูดแบบนี้.
องค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัเจพระพุทธเจ้าพระอรหันต์สาวกเป็นที่สุดของที่สุดไปแล้วทุกๆเรื่องไม่มีเว้นเลย และท่านก็บริสุทธิ์หมดจด จาก กิเลิด โดยสิ้นเชิง แล้ว พระองค์ท่านจะมีโทษะ อีกหรือ พูดผิดพระอนาคาก็ละโทษะได้แล้ว มีแต่พระสัก กะทาคสมี กับพระโสดบันยังละโทษะไม่ได้ แต่โทษ ท่านไม่มีกําลังให้ท่านทําผิดศีลแม้แต่นิดเดียว
น่าเป็นห่วงครับท่านไม่ใช่พระปฏิบัติ ก็เลยยังสงสัยในพระไตรปิฎกอยู่ กล่าวตู่พระอรหันต์เป็นเรื่องธรรมดาครับ แต่ที่สำคัญการเผยแพร่ที่ไม่เหมาะสมเป็นอันตรายกับศาสนามาก ยังมีพระอีกหลายรูปครับ
เรื่องถวายน้ำหิ้งพระ ผมว่าพระต้นเขาพยายามสื่อว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วเอาน้ำไปถวายท่านก็ฉันไม่ได้ ท่านไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมารับของแบบนี้ เออแต่ถ้าเอาดอกไม้ไปบูชายัง make sense ซะกว่า เวลาไปกราบไหว้สถูปเจดีย์เคยเห็นใครเอาอาหารและน้ำไปบูชาบ้างเหรอ เห็นมีแต่ดอกไม้
แล้วพุทธพจน์ในพระไตรปิฎกไม่เห็นมีบอกเลยว่าการถวายน้ำแด่สถูปเจดีย์เป็นอามิสบูชา มีแต่อรรถกถาจารย์เท่านั้นที่มาตีความว่าน้ำเป็นปัจจัย 4 ซึ่งปัจจัย 4 นี้ถวายตอนพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ คนที่เขาบูชาสถูปเจดีย์เห็นมีบูชาแต่ดอกไม้ทั้งนั้น
การเชื่อไม่ได้ ท่านรู้ได้อย่างไร ยุคสมัยในการสร้างพระไตรปิฎกท่านอยู่ในสมัยนั้นหรือ...แล้วที่ว่าไม่ถูกต้องคือเรื่องใดท่านต้องชี้ให้เห็น การบอกแบบไม่ชี้ให้เห็น เหมือนการตำหนิผลไม้นั้นเน่าบางส่วน
สาธาๆๆครับ
ปุถุชนไปพยากรณ์จิตพระอรหันต์ ว่ามีความโกรธอยู่ โอ้ย อย่าสร้างกรรมเลยท่านต้น
นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา
ถวายน้ำ ไม่มีประโยชน์ เพราะพระพุทธรูปฉันไม่ได้ แต่เป็นเครื่องหมายแสดงออกของคนเคารพศรัทธา รู้คุณในพระธรรมคำสอน
อิมัง สูปะพยัญชนะสัมปันนัง
สาลีนัง โภชะนัง อุทะกังวะรัง พุทธธัสสะ ปูเชมิ ถวายข้าวพระพุทธรูป เหมือนกับการถวายดอกไม้ บูชาคุณพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงค์สาวกที่ปฏิบัติดีแล้ว พุทธานุสติ
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ
ท่านพระพุทธเจ้ากล่าวตำหนิเพราะท่านเป็นครู เป็นผู้ฝึกสอน ท่านจะต้องติเตียนลูกศิษย์ที่มาบวช ว่าสิ่งใดควรไม่ควร แต่นั่นมิใช่ความโกรธที่เป็นกิเลส แต่เป็น"ความกรุณา"ของพระพุทธเจ้า โปรดระมัดระวังการกล่าวตู่ต่อพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายผู้บริสุทธิ์แล้ว
น้อมกราบำระอาจารย์ต้นไม่พางมงาย
ไปวิปัสสนากันดีกว่า อย่าส่งจิตออกนอกกันเลย 😊😊❤❤❤❤❤
อยากทราบข้อต่อไปที่ มหาเถระสมาคม พิจารณา ข้อ 2-4
รอติดตามนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ศึกษาธรรมะเพื่อให้เป็นผู้มีความเห็นถูกเห็นตรงธรรมชาติตามเป็นจริง(สัมมาทิฏฐิ)การบูชาด้วยการประพฤติตามธรรม คือการบูชาอันยิ่ง
อย่าสนใจคำคน ใครได้แล้วเขานิ่งๆ สบาย.
พระบางรูปเอาพระพุทธวจนะมากล่าวอ้างว่าตนเองลึกซึ้งในธรรมะของพุทธศาสนา ระวังนะครับตนเองยังปฏิบัติไม่ถึงธรรมะแท้จะเป็นกรรมกับตนเองทำให้ธรรมะจริงแท้ต้องผิดเพี้ยนไป อย่าคิดว่ามีคนดังบางคนมาช่วยโปรโมทแล้วจะคิดว่าตนเองดีเลิศเลย ระวัง!
น่าจะมีการเปิดเผยการสอบสวนว่า ความเข้าใจผิดเกิดจากอะไร อธิบายหรือแย้งว่าอย่างไร และที่สุดท่านยอมรับว่าผิดจริงโดยดุษฎีหรือไม่อย่างไร เพราะหากไม่ยอมรับแท้จริง ก็จะยังให้การสอบสวนไม่เป็นผลตามที่ตั้งใจไว้เพื่อธำรงธรรมของพระศาสดา
อยากให้หาผู้ที่อธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง. ถ้าปัจจุบัน หลวงพ่อพระพุทธโฆษาจารย์. หลวงพ่อประยุทธ. น่าจะดีที่สุด. พระอาจารย์รู้ดีเข้าใจ แต่วิธีอธิบายและความเชื่อถือ. ยังสู้หลวงพ่อประยุทธไม่ได้. ขอนิมนต์หลวงพ่อประยุทธมาอธิบาย
พระพุทธรูป กินน้ำไม่ได้ ก็จริง การจุดธูป เทียน พระพุทธรูป ก็เอาไปใช้ไม่ได้ แต่เป็นเสมือนคล้ายเป็นอามิสบูชา แบบหนึ่ง
บูชาอะไรก็ได้ ที่ไม่ผิดที่ดี แต่การบูชานั้น เป็นสื่อ แสดงในใจ ว่า เคารพ รัก ให้ ในพระพุทธเจ้า
ได้บุญไหม? ใจที่มีความเคารพ บูชาในสิ่งใดๆ เพื่อการ เคารพ
กุศลมันก็เกิดแล้ว ที่ใจ จากการให้การบูชา ในสิ่งนั้น ในลักษณะนี้ กุศลเกิดที่ใจแล้ว จากคนที่ให้คนที่บูชา ไม่ได้เกิดในลักษณะ คนถูกบูชา จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ได้
ขอร้อง พระสงฆ์ทั้งหลายหยุดทำลายพระพุทธศาสนาเถอะ หยุดบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีมาเป็นพันๆปีแล้ว แต่พวกท่านเพิ่งเกิดได้ไม่กี่ปีเอง
ความง่วงเหงาหาวนอน เป็นกิเลส นิวรณ์ 1ใน5ใช่ไหมครับ
ถามตัวคุณมาบวชเพื่ออะไร คุณมาบวชเพราะคุณเห็นภัยในวัฏฏสงสาร หรือเปล่า คุณศึกษา ปริญัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ หรือยัง คุณได้ ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง โดยปริวัตติญาณ ด้วย อาการ 3 ไหม สัมมาทิฏธิที่เป็นโลกีย์ ที่เป็นโลกุตระ เป็นอย่างไร อะไรคือแก่น กระพี้ เปลือก กิ่ง ใบ ในศาสนา นี้ จิตแต่ละดวงประกอบด้วยองค์ธรรมอะไรบ้าง จิตที่ประกอบด้วฌาน มีอาการอย่างไรและประกอบไปด้วยองค์ธรรม อะไรบ้าง จิตปัจจุบันของคุณปัจจุบันเป็นจิตแบบไหน คุณเห็น สัคตานังและปฎิกูลหรือเปล่า อันนี้คือเบื้องต้นที่ผู้ศึกษาควรรู้ เมื่อได้ศึกษาพระไตรปฏก หรือคุณ ต้องการมีชื่อเสียง
ไหว้พระสวดมนต์,ถวายน้ำ1แก้วทุกครั้งที่มีโอกาศแต่ก็พยายามหาโอกาสทุกวันเจ้าค่ะทำด้วยใจหวังได้บุญกุศลช่วยให้ชีวิตดีขึ้น,เกิดมามือเปล่าตัวเปล่าไม่มีอะไร
ในการละสังโยชน์ 3 ข้อแรก การเรียงลำดับในพระไตรปิฏก (ที่ผิดวิสัย) คือ ละสักกายทิฐิ วิจิกิจฉา สีลพัตปรามาส ถ้าลองพิจารณาด้วยเหตุและผลแล้ว ระหว่าง หายความลังเลสงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อนเหรอ ถึงจะไปละสีลพัตปรามาส เพราะในการปฏิบัติ เมื่อเปิดใจรับฟังแล้ว เกิดศรัทธาเชื่อต่อคำชี้แนะของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ต้องละสิ่งที่ประพฤติปฏิบัติผิดๆ มาก่อนหน้านี้ ความลังเลในคำสอนของพระองค์ท่านก็ย่อมหายไป เพราะผู้ปฏิบัติได้เชื่อใน การกระทำ และผลของการกระทำ แล้ว - แต่ทุกวันนี้ภิกษุที่เข้าไปบวชไปศึกษาธรรมะ ก็ยังนำกายและจิตเข้าไปแสวงหา เข้าไปเจือปนสิ่งเหล่านี้อยู่ โดยอาศัยพุทธศาสนาเพื่อแสวงหาประโยชน์เพื่อต้น เพื่อได้มาแห่งโลกธรรม 8 ( โดยทั้งเสพ ทั้งฉีด จากผู้มีอำนาจ )
กราบนมัสการเจ้าค่ะโยมใส่น้ำแก้วถวายพระพุทธ_พระธรรม_พระสงฆ์_เทพ_ครูบาอาจราย์ทุกวันไม่ขาดค่ะ(สมัยปู่ย่าตายายก็ทำตลอด)เวลาหุงข้าวนึ่งข้าวก็จะแยกมาใส่ถ้วยเล็กๆๆ3ก้อนหรือกองเล็กๆๆคือระลึกถึงคุณพระพุทธ_พระธรรม_พระสงฆ์ทุกวัน)เพราะโยมคิดว่าพระพุทธรูปก็คือตัวแทนพระพุทธเจ้าเหมือนเราได้เข้าเฝ้าถวายข้าวน้ำท่านเจ้าค่ะถึงใครจะว่าไม่ได้บุญก็ตามแล้วแต่จริตและศัทธาของแต่ละคนส่วนโยมคือคนหนึ่งละที่เคารพพระพุทธเจ้า_พระธรรมเจ้า_พระสงฆ์เจ้าที่ปฏิบัติดีปฏิบัติขอบไว้เหนือหัวเจ้าค่ะ
ใช่ค่ะหลวงพ่อฤษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน)ท่านบอกว่าถ้าเราไม่สามารถใส่บาตรได้ทุกวันก็ให้ถวายพระพุทธเจ้าแทนได้
ต้องถามให้รู้แจ้งก่อนว่า บุญ คืออะไร ในคำนิยามของศาสนาพุทธ คืออะไร เพราะตั้งแต่เล็กจนปัจจุบัน ได้ยินคำว่าทำบุญ กับได้บุญ ส่วนตัวไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัย พระไตรปิฏก และพระธรรมขรรค์ รู้แต่เพียงว่าอะไรที่ทำแล้วไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน ทำแล้วรู้สึกมีแต่ความสุขสบายใจ เรียกว่าทำบุญ และได้บุญ ทันทีที่การกระทำนั้นสิ้นสุดลง ไม่มีเวลาคั่นนระหว่างมรรคกับผล
ถ้าพ้นธรรมโลกีย์แล้ว (สีลัพพตปรามาส) ก็ไม่ต้องทำ ถ้ามีศรัทธา ยังต้องการบุญแบบโลกๆ ก็ทำไปเถอะครับ
พระต้นบอกให้คนอื่นอย่าด้อยค่าพระไตรปิฏก แต่ตนเองด้อยค่าพระไตรปิฏกให้เหลือ80%จาก100%พระต้นเอ้ยยย
ต้องมีบทลงโทษให้สึกออกไปค่ะ พระที่อุตริสอนผิดในพระธรรมคําสอนของพระพุทธองค์ เป็นพระถ้าเทศสอนเอาใจใครก็ไม่ใช่แล้ว
ความเห็นต่างย่อมนำไปสู่การพิสูจน์ยิ่งทำให้ชาวพุทธหันมาสนใจธรรมะหรือพระไตรปิฏกมากขึ้น เหมือนหนังสือมีไว้ถ้าไม่แตะหรือเปิดอ่านสักวันก็ลืม
พระอาจารย์ต้นพลาดแล้วล่ะครับ การกล่าวอ้างว่าพระพุทธองค์ยังมีความโกรธอยู่ = บอกว่าพระพุทธองค์ยังไม่หมดกิเลส กรรมหนักแล้วครับ
เท่าที่เคยฟังพระอาจารย์ต้นเทศ ก็ว่าท่านสอนดีนะ โดยเฉพาะกรรมฐาน แต่ตรงไหนไม่ดี ก็ต้องบอกว่าไม่ดี.
ผมเอาน้ำขึ้นหิ้งพระทุกวันบูชาข้าวสามก้อนคัรบทำทุกวันได้บุญไม่ได้ไม่สนแต่ผมมีความสุขคัรบ
😊🙏❤❤
ตักน้ำใส่แก้วขึ้นหิ้งพระได้บุญค่ะ เพราะใจเราระลึกถึงพระพุทธเจ้า เราบูชา นึกถึง ถวายพุทธบูชา ทำแล้วมีความสุข ทำต่อไปค่ะ
ทำด้วยความเลื่อมใสเป็นไปเพื่อสุขคติโลกสวรรค์ แต่สิ่งที่คุณไม่ได้คือการเข้าถึงความจริงอันประเสริฐ เป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพาน
เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ ....ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม....
ถ้ากระทำด้วยจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย...ได้บุญครับ ดูแค่ตอนกระทำใจมีความสุขไหม แค่นี้จบ....
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน "ปุญญวิปากสูตร" ว่าด้วยเรื่องบุญ ดังนี้
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้
เป็นชื่อของความสุข"
สาธุๆๆๆ
ได้บุญ เพราะบุญคือความสุข
ข้อ 1 ,2 ,3 เห็นด้วยกับ มหาเถรสมาคม
ข้อ 4 เห็นด้วยกับ พระต้น เพราะไม่เคยเจอเรื่องถวายน้ำใน พระไตรปิฎก / อรรถคาถา
เจอแต่พระอานนท์ ร้องให้คิดถึงพระพุทธเจ้าตอนปรินิพาน จึงเอาไม้สีฟันและขันน้ำไปว่งไว้ที่เดิมประนึงพระพุทธเจ้าทรงยังมีชีวิตอยู่ แต่อาจมีในฎีกาและคำสอนอาจารย์หลังๆ
พระไตรปิฎกผ่านการสังคายนามาหลายครั้งแล้ว ย่อมมีความคลาดเคลื่อนเป็นธรรมดา ความจริงคือความจริง
ก็แค่คลาดเคลื่อนแค่การออกเสียงของแต่ชาติเท่านั้น สาระอยู่ครบ
พระอาจารย์ต้นสอนธรรมแล้วเข้าใจได้ง่าย และ ปฏิบัติแล้ว พ้นทุกข์
สาธุครับ
แอดมินขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยค่ะ ขอให้บุญกุศลที่ท่านได้ทำนั้นจักส่งผลให้ จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สุขสรรเสริญ สติปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ท่านพบแสงสว่างทั้งทางโลกธรรม ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ..🙏🙏😇😇🥰🥰🥰😌😌
#ให้พบแต่ความดีไม่มีความทุกข์