Visceral Fat คืออะไร ลดยังไง ทำไมถึงน่ากลัว & อันตราย?
Вставка
- Опубліковано 30 жов 2024
- เพื่อนๆครับ ถึงแม้ว่าเราจะเกลียดไขมันในร่างกาย เพราะมันทำให้เราไม่มั่นใจ ใส่เสื้อผ้าไม่สวย และอยากจะเบิร์นแฟตออกให้ได้มากที่สุดก็ตาม
แต่จริงๆแล้ว ร่างกายเราจำเป็นจะต้องมีไขมันในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นพลังงานสำรอง ใช้เพื่อปกป้องสมอง กระดูก และช่วยให้การทำงานของร่างกายอื่นๆ เป็นไปได้ดีด้วย
เช่น ระบบภูมคุ้มกันของร่างกาย และการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เป็นต้น
ทีนี้ อะไรก็ตามที่มีน้อยหรือมากเกินไป มันก็จะเป็นอันตรายได้ ซึ่งไขมันก็เหมือนกัน โดยเฉพาะไขมันในร่างกายที่เรียกว่า visceral Fat หรือไขมันในช่องท้อง
ที่อาจจะทำให้เราอ้วนขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว และมีปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมาด้วย
สวัสดีครับ ผมโค้ชเค Fitterminal.com และวันนี้นะครับ ผมจะพาเพื่อนๆไปดูว่า Visceral คืออะไร ทำไมถึงอันตรายกว่า และจะมีวิธีแนะนำวิธีลดไขมันในช่องท้องมาแนะนำด้วยเช่นเคย ตามมาเลยครับ
Visceral Fat คืออะไร & อันตรายจริงไหม?
เพื่อนๆครับ ก่อนอื่น ไขมันในร่างกายเรา จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด นั่นคือ
1. ไขมันใต้ผิวหนังที่เรียกว่า “Subcutaneous Fat”
ที่จะอยู่ใต้ผิวหนังเรา สามารถหยิบขึ้นมาดูได้ ร่างกายมีไว้เพื่อเป็นพลังงานสำรอง และถึงแม้ว่า กรรมพันธุ์จะมีผลต่อการะสมไขมันใต้ผิวหนัง แต่พฤติกรรมการกินอาหาร และการใช้ชีวิตของเรา จะมีผลมากกว่าครับ
2. Visceral Fat (ไขมันในช่องท้อง)
ไขมันในช่องท้อง คือ ชนิดของไขมันที่จะอยู่ในช่องท้อง (Abdominal Cavity) ตามอวัยวะต่างๆ เช่น ไขมันที่เกาะตามหัวใจ ตับ ลำไส้ และจะอยู่ในเส้นเลือด เป็นต้น
ไขมันหน้าท้อง
คำถามที่พบบ่อยต่อมา คือ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า เรามีไขมันในช่องท้อง และไขมันใต้ผิวหนังเยอะแค่ไหน หรือไขมันในร่างกายมีกี่เปอร์เซ็นต์
4 วิธีวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ที่นิยม มีดังนี้
ใช้ Skinfold Calipers ที่จะหนีบผิวหนังขึ้นมา เพื่อดูว่าไขมันใต้ผิวหนังเยอะหรือหนาแค่ไหน
Hydrostatic Weighing หรือการชั่งน้ำหนักในน้ำ ที่เราจะต้องหายใจเอาออกซิเจนออกจากร่างกายด้วย เพื่อให้ได้ค่าที่ใกล้เคียงที่สุด
เครื่อง BIA (Bioelectrical Impedance) ที่จะใช้ไฟฟ้าอ่อนๆวิ่งไปทั่วร่างกาย และเครื่องชั่งน้ำหนักบางยี่ห้อ จะเริ่มนำ Technology นี้มาใช้แล้ว
DEXA Scan (dual x-ray absorptiometry Scan) ที่จะวัดหามวลกระดูก มวลกล้ามเนื้อ และมวลไขมันได้ด้วย แต่เราจะต้องโดนรังสี (Radiation) บ้าง และคนส่วนใหญ่ อาจจะเลือกใช้วิธี MRI แทน เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อนๆอาจจะต้องดูว่า เราสะดวกใช้วิธีไหนมากที่สุด และต้องการความแม่นยำมากแค่ไหน ในการวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
เช่น สำหรับ Skinfold Calipers เราจะวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ที่เป็นไขมันใต้ผิวหนังได้ แต่จะไม่สามารถวัดเปอร์เซ็นต์ของ Visceral Fat ได้
ในขณะที่ การใช้เครื่อง MRI หรือ CT Scan จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เราจะต้องเตรียมตัวเยอะ และใช้เวลานานกว่า เป็นต้น
ต่อมา เมื่อเรารู้แล้วว่า ร่างกายมี Body Fat Percentage กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะว่า โดยทั่วไป Visceral Fat Percentage หรือปริมาณไขมันในช่องท้อง จะมีอยู่ประมาณ 10% ของไขมันในร่างกายทั้งหมด
ต่อมา นอกจากเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายแล้ว เราควรเริ่มดูสัดส่วนโดยรวม เพื่อลดความเสี่ยงของโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจด้วย
เช่น รู้ไหมว่า ผู้หญิงไม่ควรมีขนาดรอบเอว (Waist Circumference) เกิน 35 นิ้ว เป็นต้น
อ่านบทความเต็ม: bit.ly/3S97S3Y
===============================
ถ้าเพื่อนๆมีเป้าหมายอยากลดน้ำหนัก ลดไขมัน อยากมีหุ่นในฝัน ให้ตัวเองภูมิใจสักครั้งในชีวิต แอดไลน์ที่ลิ้งค์ด้านล่าง แล้วมาปรึกษาก่อนได้ครับ
===============================
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร |
Fitterminal LINE: @fitterminal หรือคลิก lin.ee/Txxw3zR
Fitterminal Facebook: bit.ly/2GeJebZ
Fitterminal Instagram: bit.ly/2Zh5KtG
Fitterminal Website: bit.ly/2GKOWDa
#ลดน้ำหนัก #ลดไขมัน #ifลดน้ำหนัก