THECLIP รีวิว Toyota Fortuner 2.8 Legender 4WD โคตรแพงแต่แรงและขับดีขึ้น

Toyota Fortuner Legender 2.8 4WD- 1,839,000THB
เห็นราคาแล้วชวนสงสัยว่าอีกไม่กี่ปีคงใกล้สองล้านเต็มทน แต่สำหรับประสิทธิภาพของตัวรถนั้นต้องชมว่ามีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในภาพรวม แต่อย่าเพิ่งนึกถึงคำว่าดีขึ้นแบบกระฉูดทุกหัวข้อนะ ออกไปในแนวดีขึ้นด้านละนิดละหน่อยแต่หลายอย่างรวมกันแล้วทำให้เป็นรถที่ดีขึ้น
เครื่องยนต์? แต่เดิม Fortuner เป็นรถที่ขับแตะๆพุ่ง แรงดีแต่ลากรอบแล้วไม่สนุก คราวนี้ความแรงมาแบบยกทั้งกราฟ รอบ 2,000-3,000 พลังมาดีมากและหลังจากนั้นไปแม้วัดรอบจะกวาดช้าลงแต่ก็ยังลื่นกว่ารุ่นเก่า 0-100 ใน 10.9 วิ 80-120 ใน 7.9 วิ วิ่งกลางวันน้ำหนักบรรทุก 240กิโลกรัม กระทืบออกตัวจะหนืดๆก่อน ไม่พุ่งจ๊าดเท่า Revo แต่พอหมดเกียร์แล้วขึ้นเกียร์ต่อไป แรงทะยานช่วงนั้นมาดีชัดเจนมาก การทำงานของเกียร์ไม่มีอะไรให้ติสำหรับรถเซกเมนต์นี้ มี Auto Start/Stop มาให้ (Revo จะไม่มี)
ในทางกลับกันเครื่องของ Fortuner ทำงานเรียบกว่า เพราะมี Balance shaft ที่อ่างน้ำมันเครื่องซึ่ง Revo จะไม่มี
ช่วงล่าง เขาบอกว่าสปริงแดงเอามาจากรุ่น TRD แต่ส่วนอื่นผมไม่แน่ใจ น่าจะมีการปรับโช้คด้วย เพราะขนาดใส่ล้อ 20 นิ้วยางแก้มบางกว่า แต่ภาพรวมกลับนั่งนุ่มสบายกว่ารุ่นเดิมล้อ 18 เสียอีก ไอ้นิสัยช่วงล่างหลังดุ๋งๆๆๆๆน่ะยังอยู่ แต่บรรเทาลงมาก แม้คนนั่งหลังจะยังจับความสะเทือนเป็นลูกๆได้แต่ก็สบายกว่ารุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ จังหวะโยนโค้งจะไม่แข็งหนึบเท่ารุ่น TRD แต่จะยวบจนถึงจุดหนึ่งแล้วค่อยแข็งขืนสู้ ไม่ถึงกับสปอร์ตแต่ก็ลงตัวกับผู้ใช้วงกว้าง
น้ำหนักพวงมาลัยค่อนไปทางหนักแบบไฮดรอลิก ใน Fortuner ที่ล้อ 20 นิ้ว รู้สึกถึงการทำงานของระบบปรับแรงเพาเวอร์มากกว่าใน Revo การดีดคืนกลับเป็นธรรมชาติ มีระยะฟรีแบบรถสูงแต่การทดเฟืองไม่ยาวมาก ผมคิดว่าเหมาะสมกับรูปแบบรถ ความสั่นสะเทือนที่มาพวงมาลัยยังมีอยู่ ดังนั้นถ้าวิ่งมอเตอร์เวย์ พวงมาลัยของ Ford Everest ยังดีกว่า
แต่พอมาวิ่งออฟโรด พวงมาลัยไฮดรอลิกมีดีตรงที่ถ่ายทอดความลื่นความแข็งของผิวทางวิ่งได้ชัดเจน แต่ Kick back ก็จะแรงกว่า Everest เช่นกัน วันนี้ขับขึ้นเขามาทางโคลนเนินชันผ่านได้ คิดว่าสำหรับการใช้งานของลูกค้าส่วนใหญ่ แม้ไม่มี Diff Lock แต่ระบบ Electronic Limited Slip ด้วยการจับเบรก ก็พอจะเอาอยู่
ภายในห้องโดยสาร บรรยากาศต่างจากเดิมไม่มาก รวมถึงตัวเบาะและพื้นที่ใช้สอยซึ่งก็ค่อนข้างดีอยู่แล้ว รุ่น 2.8 ขับสี่จะได้ภายในดำสลับขาว รุ่นอื่นๆเป็นดำ/แดง และเฉพาะรถเครื่อง 2.8 จะมี Toyota Safety Sense ที่หักพวงมาลัยคืนเวลารถเฉออกนอกเลนได้และมี Radar Cruise Control แต่ไม่มี Stop and Go
ในภาพรวม..ผมโอเคมากกับสิ่งต่างๆที่เขาพยายามปรับปรุง มันเหมือนกับการมีนักเรียนที่เคยได้เกรด C กับ D ในหลายวิชาและ A บางวิชา ตอนนี้ ไม่มี D แล้วและมี C กับ B เต็มสมุดพกมากขึ้น อย่างน้อย อะไรที่เดิมทำมาดี ก็ยังดีอยู่ สิ่งที่เคยไม่ชอบเช่นช่วงล่าง ตอนนี้นุ่มขึ้นจนผมขับไกลๆแล้วไม่ทรมาน เป็นรถที่น่าใช้ขึ้นในภาพรวมแค่ดูราคาแล้วเทียบกับ Mitsubishi แล้วยังมีดอกลังเลอยู่ แค่นั้น