เช็ค
Вставка
- Опубліковано 5 жов 2024
- พระสมเด็จเกศไชโย ฐาน 5 ชั้น
เช็คritแท้ 3 ข้อง่ายๆ แค่มี หรือ ไม่มี #พระเครื่อง
ถ้าดูเนื้อพระเก่าไม่ออก ธรรมชาติก็ยังดูไม่ขาด พิมพ์กับตำหนิเค้าก็รู้กันแล้วว่าไม่มีจริง เทียบความแห้งนวลก็ไม่ชัด ความเหี่ยวของเนื้อก็ไม่ชำนาญ ออกซิเดชั่นก็ดูยาก ไม่เป็นไรครับ ลองมาดูมวลสารและหลุมแบบง่ายๆกัน เช็คแค่มีหรือไม่มี ๓ ข้อง่ายๆ พระสมเด็จ วัดเกศไชโย ผ่านอายุมาประมาณ ๑๖๐ ปีขึ้นไป องค์พระมีมวลสารและส่วนผสมหลายอย่างจากธรรมชาติ ที่มีการย่อยสลาย เสื่อมสภาพลงไปตามอายุ เกิดเป็นการยับ แยก ย่อ ย่น ยุบ และย่อยสลายให้เราเห็นได้ไม่มากก็น้อย ไม่ต้องจำนะครับ ๕ ๖ อย่างนี้ แค่เข้าใจว่าทุกสิ่งในโลกย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติตามอายุภายใต้กฏไตรลักษณ์ และเราใช้กฎธรรมชาตินี้ในการเรียนรู้วัตถุโบราณและพิจารณาความแท้ของพระเก่า #โชคลาภ
สำหรับ ๔มีนาเมื่อเป็นสายดูธรรมชาติ ก็จะดูเนื้อและผิวเป็นหลักไม่ใช่พิมพ์ แต่ถ้าสายพิมพ์ คงต้องดูว่ากดพิมพ์ที่วัดไหน แต่ใครจะรู้ได้ สมมุติให้ลึกลงไปอีกว่า ถ้ากดพิมพ์ที่วัดหนึ่ง แต่ไปฝากและแตกกรุอีกวัด จะเรียกเป็นวัดไหน ยังไม่รวมนิทานขายพระอันสุดลึกล้ำจากดาวอังคารการละครอีก
เข้าเรื่องครับ เรามาดูธรรมชาติพระสมเด็จวัดเกศดีกว่าครับ อ้อ เท่าที่ ๔ มีนาพบมา ถ้าพิมพ์ฐาน ๙ ชั้นมีพบเป็นเนื้อวัดระฆังนะครับ
ด้วยความที่เนื้อพระวัดเกศเป็นเนื้อพระผ่านความร้อนไม่สูง หรือยุคกลาง เนื้อพระเซ็ตตัวพอประมาณแต่ไม่ถึงโซนแกร่ง เพราะฉะนั้นวัดเกศในองค์ที่ใกล้แรงไฟ เนื้อจะแกร่งกว่าและพบการแตกลายงาด้านหน้าได้มากกว่า เมื่อถูกความร้อนไม่สูงมากเหมือนพระยุคปลาย เราจึงมักเห็นการเปลี่ยนสภาพของมวลสารบางประเภทได้ การหดตัว เสื่อม ย่อยสลายของมวลสารทำให้เกิดพื้นที่ว่างหรือโพรงอากาศขึ้น จนกลายเป็นหลุมยุบ เพราะเนื้อพระเองก็มีแรงกระทำจากภายนอก คือมีการหดและขยายตัวจากการสัมผัสกับอากาศร้อนเย็นชื้นทุกวันๆ อาจจะฟังดูยากนิดนึงแต่เป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก
คลิปนี้เราจะเช็คกัน ๓ ข้อ ไม่ต้องดูอะไรมาก พี่ๆ เพื่อนๆ เช็คแค่มีหรือไม่มี เริ่มจาก
มวลสารที่มีการย่อยสลาย
เช็คแท้ แค่ 3 ข้อง่ายๆ แค่มี หรือ ไม่มี
ตามหลักของธรรมชาติ พระผ่านอายุมาประมาณ ๑๖๐ปี ไม่มีทางที่เราจะเห็นมวลสารยังดูใหม่ สีสดๆ ผิวตึงๆ โดยเฉพาะมวลสารในกลุ่มพืชหรือว่านยา สิ่งที่เราจะเช็คกันว่ามีหรือไม่มี คือ มีมวลสารที่ดูเหี่ยวๆ เหี่ยวมากๆ ส่วนใหญ่จะสีแดงหรือน้ำตาลเข้ม ถ้ามีการหดตัวหรือย่อยสลายมาก หลุมจะกว้างกว่าชิ้นมวลสาร หรืออาจจะเหลือแค่หลุมเปล่าๆ ได้
ความต่างระหว่างแร่และว่าน คือแร่จะมีความแกร่งกว่า เกิดความเหี่ยวกร่อนได้ แต่ก็มีการย่อยสลายตัวน้อยกว่ามวลสารในกลุ่มว่าน ถ้าเจอแร่ ก็จะเป็นแร่ในกลุ่มซิลิก้า แร่ดอกมะขามหรือฮีมาไทต์ ส่วนเรื่องทฤษฎีกล้วยไม่เอานะครับ มดก็มา ราก็ขึ้น ทิ้งไว้อาทิตย์เดียวก็ดำก็เน่าแล้ว แช่น้ำมนต์ปุ๊บองค์พระก็คงหลุดออกจากกันหมด กล้วยมีความเหนียวก็จริง แต่ถึงขนาดที่ทำให้เนื้อพระและมวลสารยึดเกาะตัวกันเป็นองค์พระมาเกือบ ๒๐๐ ปีได้เหรอครับ จะเนื้อ จะน้ำ จะเม็ดหรือจะเปลือกด้วยก็ตาม
การศึกษาใดๆ เมื่อ ๖๐ ปีก่อน เกิดจากการประเมิน วิเคราะห์ และเปรียบเทียบ ดีทั้งนั้นครับ หลังจากนั้นก็ต้องมีการพัฒนาองค์ความรู้ มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงไปตามการทดสอบและทดลองว่าทำได้จริงหรือไม่ได้ สักแต่ว่าเชื่อไม่ได้นะครับ
สรุปข้อแรก หามวลสารหดๆ เหี่ยวๆ อยู่ในเนื้อและอยู่ในหลุมว่ามีหรือไม่มี
หลุมยุบ
เมื่อมีการย่อยสลายเกิดขึ้นก็จะเกิดโพรงอากาศและหลุมยุบขึ้น ส่องแล้วมาหากันว่าหลุมยุบ มีหรือไม่มี
ยุบคือยุบนะครับ ยุบเข้าไปข้างใน ไม่ใช่กดก้อนมวลสารจมลงไป ปากรอยไม่เหมือนกัน หลุมยุบ รอยจะเป็นคลื่น ปากขอบรอบๆ จะดูคมๆ ในร่องมีชิ้นหรือเศษมวลสาร และต้องมีธรรมชาติสะสมตัวอยู่ในหลุมเล็กๆ ภายใต้ปากรอยแคบๆ สำหรับหลุมยุบจะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนกว่าในพระเนื้อแกร่งที่เซ็ทตัวผ่านความร้อน คือยุคปลายหรือยุคกลางแบบเนื้อพระวัดเกศ แต่ถ้าเป็นวัดระฆังหรือบางขุนพรหมยุคต้นที่ไม่ผ่านความร้อน เนื้อพระอ่อนและการคลุมผิวมากกว่า ทั้งการยุบตัวและการงอกคลุมผิว ลักษณะหลุมจะต่างกัน
ข้อนี้หาไม่ยากและจะมากน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่ต้องเป็นยุบไม่ใช่ยัด ยิ่งถ้ามีหลุมที่ปากหลุมเล็กกว่าโพรงด้านใน ถือว่าเป็นหลุมที่ทำปลอมยากที่สุด
รอยแยกฟูๆ
นอกเหนือจากการย่อยสลายของมวลสาร การยุบและหดตัวของเนื้อพระที่ทำให้เกิดเป็นหลุม เนื้อพระยังเกิดรอยแยกขึ้น ไม่ว่ารอยแยกจากความร้อนตั้งแต่การสร้าง หรือรอยแยกจากการหดตัวเมื่อผ่านอายุก็ตาม เนื้อพระวัดเกศเป็นเนื้อยุคกลาง ผ่านความร้อนทำให้มีการหดตัวในลักษณะเหมือนเป็นเกล็ด
พระสมเด็จเกศไชโย ฐาน 5 ชั้น
เมื่อมีการหดตัว ก็จะเกิดความเหี่ยวและรอยแยก รอยแยกเก่าแบบธรรมชาติและรอยแยกที่เกิดขึ้นทั้งองค์พร้อมกันแบบตั้งใจ ไม่เหมือนกัน และสิ่งเราจะหากันก็คือ หาความฟูในรอยแยก จุดนี้ถ้าใช้กล้องขยายกำลังสูงหน่อย อย่าง ๓๐ หรือ ๖๐x ก็จะพอเห็นได้ชัดขึ้น ส่วนกล้องส่องพระปกติที่เราใช้ขยาย ๑๐ เท่า
ตามรอยแยกจะเกิดแคลไซต์คลุมผิวและคลุมร่อง แต่จะแคลไซต์หรืออะไร เอาเป็นว่าขอบปากรอยแยก และภายในรอยแยก เราจะหาความฟูๆ กันครับ ขอบ สัน ตามพื้นด้านในก็มีความฟูๆ ข้อนี้ เราจะหาความฟูๆ ในรอยแยกกัน
ทั้งหมดคือการหาธรรมชาติตามอายุ และที่ ๔ มีนาเลือกพระวัดเกศองค์นี้มาเช็คกันเพราะว่ามีมวลสารย่อยสลาย หลุมยุบดูง่าย และมีความฟูในรอยแยกชัดเจน พระองค์ของพี่ๆ เพื่อนๆ อาจจะมีมากหรือน้อยกว่านี้ได้