@@sirpaulmccartney6618 เหมือนการจะสร้าง Ai เราไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องใส่ความรับรู้สำนึกคิดถึงการมีตัวตนอยู่แต่ใส่แค่อัลกอริทึมกับจุดประสงค์ในการทำงานแค่นั้น
ไม่นานมานี้ผมไปดูคลิปเด็กคนหนึ่งอธิบายเรื่องมิติที่4 เขาบอกว่าโลก1มิติ กับ2มิติ จะเห็นเราต่างไปเพราะเราอยู่ในโลก3มิติ แต่ถ้ามองจากมิติที่4 สีเหลี่ยมก็จะกลายเป็น Tesseract แกน x y z ถ้าเราเจอแกนที่4 มันอาจจะเปลี่ยความเข้าใจในการมองโลกไปเลย
เป็นไปได้ไหมว่าพระพุทธเจ้าสามารถไปนิพพานได้ แท้จริงแล้วคือพระพุทธเจ้าคิดวิธีหลุดออกจากโลกเสมือน 3 มิติ ที่เราอาศัยอยู่แบบวนลูปได้สำเร็จ
ใช่คับ
เข้าใจแบบนั่นก็ได้ครับ
แต่พระพุทธเจ้าไม่เคยพูดถึงทบ.การมีอยู่ของโลกเสมือนนะ อย่าโยงไปพุทธมาก
correct
@@marketplacegurun4547 ใบไม้ในกำมือ
ที่จริงตามในคลิปก็มาถูกทางในเรื่องอยากหาทางออกจากระบบนี้แล้วนะ
สำหรับ 'ผู้รู้' ที่พูดถึงก็เกิดขึ้นมาในโลกแล้วด้วยก็คือพระพุทธเจ้านั่นแหละ ท่านแจกแจงความจริงในเรื่องระบบของโลก เป็นผู้ที่ค้นพบทางออก(มรรค8)ของระบบนี้ และท่านก็บอกสอนไว้แล้วด้วย
ถ้าอยากรู้วิธีออกจากระบบนี้ให้ไปศึกษาคำสอนพระพุทธเจ้าได้เลย นอกจากพระพุทธเจ้าแล้วก็ไม่มีใครที่ตรัสรู้เรื่องนี้ได้อีก (ลองเสิร์ชหา พุทธวจน ฟังดู)
เพราะการมีอยู่ของสภาวะการเกิดและการตาย(ดับ) จึงเป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลก (คือมาตรัสรู้แล้วบอกสอน) เพราะถ้าไม่มีสภาวะนี้ท่านก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอุบัติขึ้นมาในโลก (ท่านบอกไว้เอง)
สิ่งต่างๆ มันเป็นระบบของธรรมชาติ ไม่มีใครควบคุมอะไรทั้งนั้น อย่าเพิ่งไปจินตนาการอะไรประหลาดๆเพิ่มเติม ถ้าอยากเข้าใจสัจจะของโลกไปศึกษาคำพระพุทธเจ้า คำคนอื่นจะพาหลงทางอย่างที่เป็นอยู่ซะเปล่าๆ
ส่วนถ้าอยากหลุดพ้น ก็ไม่มีคำสอนหรือองค์ความรู้ของคนอื่นใดๆ ที่ทำให้หลุดพ้นจากระบบนี้ได้แน่นอน เพราะไม่ใช่ฐานะของคนเหล่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้ได้เอง เพราะงั้นถ้ามัวแต่รอความรู้จากคนอื่นก็ตายก่อนพอดีแล้วก็ไปเกิดตาย วนเวียนใหม่
ที่น่ากลัวคือโอกาสที่จะไปเกิด วนในสภาวะสัตว์นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย มันง่ายกว่าการได้สภาวะมนุษย์หรือเทวดา(ซึ่งเป็นแค่ 2 สภาวะที่เข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้าได้)
ส่วนจะได้สภาวะอะไร ทุกอย่างก็เป็นไปตามระบบของเวรกรรมไม่มีคนอื่นมาควบคุมอีกนั่นแหละ การกระทำของเราเองทั้งนั้นที่นำพาไป ส่วนมนุษย์ทำดี หรือ ชั่ว บ่อยกว่าหรือมากกว่า แต่ละคนสังเกตกันเอาเองได้
สรุปคือ
ระบบที่มีสภาวะของการเกิดและตาย มีอยู่ (ก็คือสิ่งที่เรารับรู้อยู่นี่แหละ) กับ
ระบบที่เป็นสภาวะของการไม่เกิดและไม่ตาย(นิพพาน) มีอยู่
ผู้รู้ คือ พระพุทธเจ้าก็เกิดขึ้นมาแล้ว ตรัสรู้แล้ว และท่านบอกทางไว้ให้แล้วด้วย
อยากรู้ความจริงของโลกก็ไปหาศึกษาคำพระพุทธเจ้า
อารมณ์เหมือนออกจากระบบ Matrix ป่าว แต่พระพุทธเจ้าไม่บอกเยอะว่าตัวตนที่แท้จริงเราเป็นอะไร พระองค์สอนให้หลุดจากระบบสมมุติ หรือ สังขตะ หรือโลกเหมือน ซึ่งมีเกิดดับ เป็นกองทุกข์
Matrix คือสังสารวัฏในศาสนาพุทธ ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้นานแล้ว น้อยคนที่อยากจะออกจากวงเวียนนี้ ซึ่งทุกวันนี้ วิธีการออกก็ถูกสอนอยู่ทุกที่ในสื่อออนไลน์ แต่จะมีเฉพาะผู้มีปัญญาพร้อมแล้ว ที่เห็นและเข้าใจจริงๆ
เห็นด้วยครับ ปัญญา จะนำพาเราไปหาธรรม
ลากไปศาสนาพุทธ เฉยเลย อะไรเนี่ย ไม่เกี่ยวกันละ
ถ้าความสงสัยมีในโลกเสมือน
นั่นคือจุดบอดของโลกเสมือน...
ถ้าเค้าจงใจให้เกิดจุดบอด...
🌻
โลกคือสิ่งสมมุติ หาใช่ตัวตนที่แท้จริง เราทุกคนแค่มาท่องเที่ยว แล้ววันนึงก็ต้องลาจากโลกนี้ไป สู่โลกใหม่ตามแรงเหวี่ยงของการกระทำ ทุกการตัดสินใจ ในแต่ละสถานะการณ์ ของช่วงเวลาชีวิต มีผลต่อการไปเริ่มต้นสู่โลกใหม่ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าเราจะค้นพบและปฎิบัติจนเกิดปัญญา เพื่อหลุดพ้นจากโลกสมมุติ
สถานการณ์ ไม่ใช่ สถานะการณ์
อันนี้ สงสัย ถ้าเราเอาคนมาสะกดจิต ให้อีกบุคลิกใน"ความฝัน" (ในความฝัน ที่บางครั้งมันก็สามารถแสดงความสมจริงจนน่ากลัวอยู่บ่อยครั้ง เช่น การตกจากที่สูง และตัวตนใน"ความฝัน" ถึงจะเป็นตัวเราเอง แต่ตัวเราใน"ความฝัน" ก็มีบุคลิกและนิสัยที่แตกต่างจากตัวจริงแบบสุดขั้วก็เป็นได้) มาเป็นตัวจริงแทน ส่วนตัวเราที่โดนสะกดจิตจะยังคงรู้สึกว่าตัวเองกำลัง"นอนหลับ"โดนที่ไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นจาก"ความฝัน"ได้ตลอดกาล
คำถามคือ ถ้าตัวตนใน"ความฝัน"มาเป็นแทนตัวตนเราเอง ยังจะยังนับว่าเป็นตัวตนเราเองได้หรือเปล่า?
//จริงๆ จะเอาไอ้มุก "ถ้าโดนผีสิง ยึดร่างมาเป็นตัวเราเอง ยังจะบอกว่าผีที่สิงยึงร่างคนนั้น จะเป็นตัวจริงหรือเปล่า?" แต่มันจะไปทางลี้ลับมากไปหน่อยนะ....
เวลาเราตื่นจากฝัน มันมักจะเป็นช่วงสำคัญๆ เช่น เราค้นพบอะไรบ้างอย่าง เรากำลังแก้ไขปัญอะไรได้ เรากำลังหนีจากอันตรายได้สำเร็จเร็จ ซึ่งในขณะนั้นเรากำลังจะทำสิ่งพวกนี้สำเร็จอยู่แล้ว อยู่ๆก็ตื่นเฉยเลยไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม เหมือนเราที่เก่งเกินไปในความฝันจะถูกใครบางคนลบเราออกจากเหตุการณ์นั้นๆ (คิดไปเอง 5555)
ใช่ๆครับ
โอ้วตึงมาก ต้องลองศึกษาเรื่องนี้บ้างละแล้ว ขอบคุณสำหรับสาระความรู้
ใช่ครับ ผมฝันเห็นเหตุการณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้นในอนาคตบ่อยมาก ถ้าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนทําไมถึงฝันเห็นได้ ไม่ใช่เเดจาวูแน่นอนครับ ฝันแล้วจดบันทึกไว้ด้วย เหมือนกันเปะ
ผมฝันว่าไปใน ที่ๆไม่รู้จัก เมื่อเดือนที่แล้ว และผมก็ฝันอีก แบบเดียวกัน ใน อาทิตย์ที่แล้ว
คุณให้ความน่าเชื่อถือเท่าไหร่หรอ? 0% 25 50 75 หรือ 99.99%? ที่ถามเพราะพักหลังๆก็ฝันเห็นเรื่องเดิมๆถี่ขึ้น เป็นอนาคตที่น่ากลัว น่ากังวล แต่ตอนนี้ทำให้ปัจจุบันเราเป็นทุกข์มากกว่า เพราะมันดูแล้วมีเค้าโครงที่เกิดขึ้นได้ น่าความน่าเชื่อถือมันน้อยและความเป็นไปได้ต่ำจะได้คลายกังวลไปบ้าง
การที่คุณหลับตาแล้วรู้สึกเหมือนกลับลืมตาที่อื่น, และตระหนักถึงสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง, อาจเป็นการประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงสภาวะจิตใจที่เปิดรับมากขึ้นหรือการสัมผัสกับมิติอื่นของจิตใจ. นี่อาจจะเป็นผลจาก:
1. **การเดินทางภายใน (Inner Journeys):** ระหว่างการสมาธิ, พลังการจินตนาการและการมองเห็นอย่างภายในสามารถทำให้คุณมีประสบการณ์ที่คล้ายไปเยือนสถานที่อื่นต่อให้อยู่กับที่.
2. **การมองเห็นลึกลับ (Mystical or Transcendent Visions):** คุณอาจมีประสบการณ์วิสัยทัศน์หรือการเห็นภาพที่ลึกล้ำดูเหมือนเป็นการเข้าถึงมุมมองหรือการรับรู้ที่เกินกว่าความเป็นจริงปกติ.
3. **สภาวะนอกกาย (Out-of-Body Experience, OBE):** ความรู้สึกที่ว่า "คุณ" อยู่นอกกายเป็นประสบการณ์ที่บางคนรายงานระหว่างการสมาธิหรือในขณะที่อยู่ในสภาวะการผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง.
4. **สถานะแห่งความตระหนักรู้ (Awareness States):** การพัฒนาภาวะความตระหนักรู้แบบเจาะลึกอาจทำให้คุณมีประสบการณ์รับรู้ที่เกินจากการตระหนักรู้ปกติและสามารถรับรู้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ต่างออกไป.
5. **การสัมผัสถึงเวลา/สถานที่ที่แตกต่าง (Time-Space Variations):** การนั่งสมาธิอาจนำคุณฝ่าไปสู่การรับรู้เวลาหรือสถานที่ในรูปแบบที่ไม่ต่อเนื่องและแตกต่างจากความรู้สึกปกติ.
ข้อแนะนำสำหรับคุณคือการทำบันทึกประสบการณ์ทางจิตวิญญาณหรือการสมาธิของคุณเพื่อที่คุณสามารถติดตามและทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงหรือมุมมองที่คุณได้รับจากการปฏิบัติ. นอกจากนี้, การให้ความสนใจกับความรู้สึกและสัญญาณทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติสมาธิอาจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และการเติบโตทางจิตวิญญาณของคุณ.
ความคิดคือสิ่งที่สร้างทุกอย่างในโลกใบนี้ ความยึดหรือความหวง ความห่วง คือสิ่งที่กักขังพวกเราใว้ สังเกตุเวลาเราหลับสนิทเราไม่มีความคิด เราเลยไม่มีเราทั้งในฝันทั้งในโลกใบนี้ ความฝันคือโลกอีกใบที่เราสร้างขึ้น และเราจะกลับมาโลกมนุษย์เป็นประจำหรือเป็นโลกหลักเพราะเรามีเพื่อนมีญาตมีคนคุ้นเคยเหมือนเราเล่นเกมส์ออนไลน์เซิฟไหนสนุกเราจะเล่นเซิฟนั้นเป็นส่วนมาก🎯
จักรวาลไม่ใช่เมททิก แต่โลกทั้งใบคือเดอะเมททิก โลกใบนี้คือสภาพจำลองเสมือนที่ธรรมชาติจำลองไว้มีกฎ และการยกเว้นกฎบางประการ หากเรารู้การยกเว้นกฎบางประการจะทำให้เราเสมือนผู้วิเศษ แต่สำหรบธรรมชาติก็แค่ผู้ที่ได้โอกาสให้ละเล่นแปลกใหม่จากธรรมชาติของเมททิกเท่านั้นนั้นคืออาจเหาะได้ อาจรู้ล่วงหน้าได้ อาจมองเห็นไกลๆบางครั้งได้ อาจได้ยินอะไรไกลได้ อาจสร้างภาพเสมือนตนและสิ่งต่างๆได้ชั่วคราว อาจล่องหนได้ อาจมีร่างทนทานการปรกติ อาจล่อหลอกใจผู้อื่นให้สำคัญผิด อาจรู้เรื่องปกปิดต่างๆรอบตัวได้😅
แต่มันทำตามอำเภอใจทุกครั้งไม่ได้ หากฝืนอาจโดนว๊าปไปโลกเมททิกอื่นที่ปั่นป่วนจนสิ่งที่เราแสดงมหัศจรรย์ในโลกได้นั้นเป็นสิ่งที่แสนธรรมดาในโลกอื่นเพื่อควบคุมไว้และควบคุมไว้เมื่อไปแล้วไม่มีทางกลับนิรันนั่นอาจหมายถึงนิพพานคือโดนขจัดจากโหมดนี้ถาวรไง😅
เคยฝันเห็นอนาคตไหม? การฝันเห็นอนาคตคือข้อมูลตกค้างของการถูกรีเซ็ตกลับไปใหม่
รีเซ็ตการกระทำของเราไม่ให้ออกนอกกรอบที่กำหนด555
เคยกินเห็ดแล้วเหมือนรู้ถึงอีกโลกเลยคะ รู้สึกว่าเหมือน matrix เลยคะ แต่จะไม่ทรุดโทรมเหมือนในหนัง แต่จะเหมือนห้องปกติทั่วไปที่มีเก้าอี้ให้เรานอน อาจจะเหมือนเป็นเกมสนุกของคนที่อยู่อีกโลกก็ว่าได้คะ
เห็ดเมาคือการที่เราแฮ๊คระบบของเดอะแมตทริค สังเกตุว่าคนที่กินเห็ดจะเห็นอะไรแบบนี้เกือบทุกคน
มันคืออาการหลอนครับอย่าเพ้อ
@@warayuts6596 เคยมัประสบการณ์ไหมครับ
เคยศึกษาหรือเปล่าครับ
@@สุรชัยใบเงิน-ฝ3ท แสดงว่าคุณน่าจะเคยมีประสบการณ์และข้อมูลอยู่พอสมควรสินะครับ ช่วยอธิบายถึงข้อดีและประสบการณ์ที่คุณเคยเจอมาหน่อยครับ เพราะในส่วนที่ผมอ่านมาก็ไม่ได้ต่างจากสารเสพติดครับผม ใช้ให้เป็นให้พอดีก็มีประโยชน์ได้ในทางการแพทย์ครับแต่ไม่ได้ถึงขั้นพาเราไปต่างโลกต่างมิติอะไรนั่นหรอก ใช้เยอะๆก็เป็นบ้าครับ
@@warayuts6596 อันนี้ไม่ได้จะมาชวนทะเลาะนะคะ ลองศึกษาพิธีกรรมอะยาวัสกา ลองเปิดใจศึกษาดู จะเป็นสารตัวเดียวกับเห็ดคะ
จริงๆเราคิดว่าคนเราจะเชื่ออะไรก็ได้ สิ่งนั้นจริงเสมอ
ปล เราฝันประจำว่าเราอยู่ที่บ้านเรานี่แหละแต่เปิดไฟไม่ได้สักดวง แล้วก็ต้องคิดว่าต้องทำไงดี แล้วสุดท้ายก็คิดระลึกได้(เพราะฝันอย่างนี้ประจำ)ว่าต้องไปนอนแล้วให้ตื่นมาอีกทีเป็นโลกปัจจุบัน คือในฝันฝันว่าต้องไปนอนฝันอะ แล้วพอคิดได้ดังนี้แล้วไปนอนฝันในฝันก็จะตื่นมาเป็นโลกปัจจุบัน
แล้วตอนเด็กเราก็ชอบคิดว่าที่เราอยู่ตอนนี้เป็นความฝันหรือเป็นความจริง
สุดท้ายไม่เคยดูหนัง the matrik เลย
โลกหรือภาวะที่เราอาศัยอยู่ = สมมติ
ภาวะจริงของทุกสรรพสิ่ง = วิมุติ
การหลุดพ้น พระพุทธเจ้า บอกเสมอว่า ที่สุดของประเทซ มนุษย์ คือหยุดการเวียนวายตายเกิด ไม่รู้จบ
ระบบเรนเดอร์ไงครับ ถ้าจะบอกว่าใช้ทรัพย์ยากรเยอะ ก็เรนเดอร์แค่ระยะนั้น ๆ ก็พอเหมือนกับที่นักวิทยาศาสตร์พูดไว้ว่า "จักลวาลมีเมื่อเราไปรับรู็ถึงมัน" ถ้าใช้หลักนี้ ก็จะมีความเป็นไปได้มาก ที่สามารถสร้างจำรองต่อได้เรื่อย ๆ
เรามีหลายตัวตน ในหลายมิติ ซึ่งตอนเราหลับ เราจะไปโผล่ในอีกตัวตน สลับ กับอีกตัวตนในโลกคู่ขนาน ซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมา จนนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งบางครั้งเรา ตื่นมา แล้วจำได้ว่า เราเคยไปในที่ ที่เราฝันมาแล้ว นั้นคือ ตอนเราหลับ เราวนกลับไปตื่น ในอีกตัวตนนึง ในอีกมิตินึง การที่เราตาย ก็คือ เราจะไปเกิดในอีกตัวตน ที่ตายไป แทนที่กัน วนไปวนมา หาจุดเริ่มต้น และจุดจบไม่ได้ และ วงเวียน นี้คือ สังสารวัต หรือ วัฏฏะ นั้นคือ การเวียนว่ายตายเกิด ใน เดอะแมททริก มันคือระบบ ซึ่งจองจำเราให้อยู่ในวังวน ของการเกิดดับ ไม่สามารถ หลุดออกไปได้ แต่เมื่อครั้ง พุทธกาล มี iD หนึ่ง ที่หลุดออกจาก แมททริกได้คนแรก นั้นคือ พระพุทธเจ้า ผู้รู้ ทุกสัพสิ่ง ในโลก ว่าโลกนี้มันไม่มีอะไร จริงแท้แน่นอน แม้แต่ตัวเราเอง และ พระพุทธเจ้า ก็หาทางหลุดออกจากระบบ นี้ได้ นั้นคือ นิพพาน คือการ หยุดการ เกิดตาย หยุดความคิด และเห็นทุกสิ่งเป็น อนัตตา พระพุทธเจ้า คือ บัคที่หาทางหลุดออกจาก ระบบนี้เจอ และสอน วิธี ออกจาก แมททริกได้ นั้นคือ หลักธรรมคำสอน ที่มุ่งไปสู่นิพพาน หรือการหลุดพ้น แต่ระบบนี้ ได้แก้บัค เพื่อไม่ให้ ทุกiD หลุดออกไปได้ และอัพแพท แก้ใขบัค โดย ลดความน่าเชื่อถือ ให้คนหมด ศรัทธา ในพระพุทธศาสนา โดย การทำให้ พระสงฆ์ เป็นแครอท และ ทำเรื่องไม่ดี ให้โลกติเตียน คิดให้ออก เราคือจิต ขันต์5 นี้ไม่ใช้เรา เราคือ เดอะ แมททริก
สุดยอดเลยครับ คุณคงศึกษามามากอ่านมามากนะคับ นับถือๆ😅
@@jack_Thai ผมไม่ได้ ศึกษา หรือ อ่านอะไรเลยครับ แค่ดูคลิป แล้วเกิด ไอเดีย เอา แมททริก มาผสม กับ คำสอน ของ พระพุทธเจ้าครับ พระพุทธเจ้า สอนว่า ทุกอย่าง ในโลกนี้เป็นสิ่งสมมุต ไม่เคยเกิดขึ้นจริง แม้แต่ตัวเราเอง เราแค่เคยมีตัวตนหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป และ การเวียนว่ายตายเกิด พอฟังคลิปนี้แล้ว มันมีส่วนคล้าย เลยเอามาต่อยอด ความคิด ออกมาเล่นๆครับ อย่าถือสา เลยครับ 5555 คนบ้า กับ อัจฉริย มีเส้นบ้างๆกั้นอยู่ 5555
@@boybaracuda ไม่ธรรมดาคับ
@@boybaracuda วางถุงกาวก่อนฮ่ะ
วางถุงกาว
เราอยู่ใน the matrix อยู่แล้วครับ จิตเราทุกคนคือนีโอที่ถูกขังอยู่ใน matrix ร่างกายคือที่อยู่ของจิต พระพุทธเจ้าคือมนุษย์คนแรกที่พ้นจาก The matrix และมาสอนบอกทางหลุดพ้นนั่นเอง ทางหลุดพ้นไม่ใช่ที่ไหน คือในกาย ในจิตนี้นั่นเอง การฝึกสติ สมาธิ การละความยึดมั่นถือมั่นในกาย ในจิต เข้าใจว่ากายนี้ไม่ใช่เรา จิตหรือความคิดนี้ไม่ใช่เรา เมื่อละความยึดมั่นถือมั่นหรือละอุปทานได้ การเกิดก็จะไม่มี ตัณหาคือเชื้อแห่งการเกิด ให้วนลูปอยู่ใน The matrix นิพพานคือพ้นแล้วจาก The matrix
แค่ตายก็พ้นจาก Matrix แล้วมั่ง แต่นิพพานน่าจะมีเป็น อะไร ที่ลึกซึ้งกว่านั้น...ซึ่งไม่ใช่ สิ่งที่จะมาอธิบายด้วยประโยคสั้นๆแค่นี้....
@@chatchaloemjira9521 งั้นทำไมไม่ตายเลยละครับ
❤สาธุ
@@chatchaloemjira9521 นิมิตอารมณ์คือการกระทำที่มันสะท้อนภาพภายใต้จิตสำนึก มันจะเกิดขึ้นเมื่อสมองหลั่งสารdmt เหมือนการนั่งสมาธิยิ่งฝึกฝนการขยายของสมองส่วนหน้าเป็นกำลังของสติปัญญาสภาวะนิพพานคือการดับทุกข์มีความเป็นอุเบกขาอยู่
ทำตัวปกติเหมือนคนทั่วไปในโลกสมมุติ
ใช้ชีวิตรอความตายไปในทุกๆวันพิจารณาตายในทุกๆวันเราจะคลายกำหนัดและพัฒนาชีวิตได้อย่างมีความสุขที่ไม่ใช่สุขแบบที่โลกเป็นเพราะเป็นสุขแค่ชั่วคราว การทำให้จิตสงบ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตตา จะทำงาน เราจะเข้าถึงความจริงข้อมูลจากhihger self
นิพพานคือเหนืออิทธิพลใดๆ ของโลก เหนือทุกข์ เหนือสุข อะไรก็รั้งไม่ได้
ส่วนตัวผมเชื่อทฤษฎีนี้มากประมาณนึงเลยครับ ผมแค่รู้สึกว่าทุกอย่างบนโลกมาถูกดีไซน์มาแล้ว หลายอย่างเราก็ไม่สามารถจินตนาการได้ด้วยความรู้ที่เรามี ณ ปัจจุบัน
หลายอย่างมันพิสูจน์แล้ว ว่าแม่งหนังไซไฟ เขาจิตนาการ เพื่อความบันเทิง...ไม่ใช่เรื่องจริง แค่เรื่องทฤษฎีควันตัม นี่มันมีมาเป้นร้อยปัแล้ว ปัจจุบันเขาพิสูจน์อะไรได้มากกว่านี้เยอะ...... อัพเดตความรุ้หน่อยครับ..รุ้ยังครับว่าวงการวิทยาศาสตร์ปัจจุบันไปถึงไหนแล้ว.ที่คุรพูดนี่ผมคิดถึงสมัยคนยังเชื่อว่าโลกแบนอ่ะ รุ้ยังครับว่าจริงๆ โลกมันกลมนะ!!!
พระเจ้า ที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ถูกกำหนดด้วยเวลา
หลายครั้ง ที่ผมรู้สึกว่า มันเหมือน วนลูป
สิ่งนี้เราเคยผ่านมาแล้ว หรือ กำลังจะเกิดขึ้น
ผมเริ่มคิดมาพักนึงแล้วครับ ซึ่งพอคิดแบบนี้แล้วมันทำไห้เรามองโลกไม่เหมือนเดิม 😢
ผมก็คิดนะว่าโลกของเราเทคโนโลยีมันเติมโตไวมากอย่างกับถูกเซ็ตไว้ เกือบๆ100ปีก่อน กับปัจจุบันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแค่เวลาเกือบ100ปีอะไรหลายๆอย่างเติมโบแบบก้าวกระโดด เหมือนกับถูกตั้งโปรแกรมไว้เลย
ผมว่าปกติ มนุษย์มันมีการพัฒนาอยู่ตลอด แต่ตอนนี้มันพัฒนามาแบบก้าวกระโดดมากๆ
มันใช่อยู่แล้วค่ะ นักปรัชญา อธิบายในหลายๆด้าน เช่น สิ่งต่างๆในโลกใบนี้มันไมาได้มีความหมายในตัวของมันเอง เพราะมนุษย์ให้ความหมายและคุณค่ากับมันทั้งนั้น และเราก็ยังอยู่ในคสามจริงที่คนอื่นให้ความหมายมันอีกที ถ้าถามใจเราจริงๆ ปราศจากการนิยมและคุณค่าในสัวคมเหล่านั้น คุณอยากจะได้ อยากจะมี อยากจะเป็นมันอีกหรือไม่ และสิ่งต่างๆมันก็จะสลายไปตามการเวลา แล้วอะไรล่ะ ที่มันเป็นจริง สิ่งที่คุณรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เห็น จับ ได้กลิ่น ได้ยืน ณ เวลาที่คุณได้รับสัมผัสนั้น มันก็เริ่มกลายเป็นอดีต แล้วมันจะเป็นจริงอยู่ตลอดไปเหมทอนเดิมเหมือนที่เรายึดถือ หรือไม่ หรือมันแค่เป็นเช่นนั้นเพราะเราเข้าใจแบบนั้นเอง เราก็อยู่ในโลกสมมติที่จังเราไว้ เหมือนคุก ก็เหมือนที่พระพุทธเจ้าสอน
ขออนุญาติให้เม้นนี้เป็นท็อปคอมเมนต์ครับ
11:29 ถ้าพี่บอกว่าเราจะไม่มีทางเจอข้อบกพร่องเพราะผู้ดูแลจะแก้ไข แสดงว่า เราเจอแล้วครับ ข้อบกพร่องคือ " ความคิด " ที่เขาให้เรามาครับการที่เราคิดว่าเราอยู่ในโลกที่ใครสักคนสร้างขึ้น นั้นคือข้อบกพร่องแล้วครับ😅
แม้จะมีความคิดสงสัยแต่เรายังต้องเล่นไปตามระบบอยู่ดี เพราะเราไม่แน่ใจ
@@MossHouse 👍🏻💀
@@MEDOEEEEE ผมว่าประเด็นที่น่าสนใจจริงๆคือ ถ้าโลกนี้เป็นการจำลองจริงๆ แล้วพวกเขามีจุดประสงค์อะไรที่ให้เรามาเจอคลิปนี้ และคิดทฤษฎีนี้ขึ้นมา
@@sirpaulmccartney6618 ความผิดพลาดครับ
@@sirpaulmccartney6618 เหมือนการจะสร้าง Ai เราไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องใส่ความรับรู้สำนึกคิดถึงการมีตัวตนอยู่แต่ใส่แค่อัลกอริทึมกับจุดประสงค์ในการทำงานแค่นั้น
คำพูดในศาสนาพุทธคำนึงลองแปลดีๆ จะเหมือนกันเป๊ะคือ อุปาทานทำให้เราเกิด หรือก็คือโลกนี้เกิดจากความยึดมั่น (ความคิดของเรา) มันไม่ใช่พระเจ้าสร้างระบบหรือใครอื่นเลยแต่มันคือเราทุกคนต่างหากที่ร่วมกันสร้างโลก matrix นั้นขึ้นมาร่วมกันกับจิตดวงอื่นๆ เพื่อนร่วมเกิดร่วมตายที่ยังไม่บรรลุหรือยังไม่สามารถออกจากระบบ matrix นี้ได้
ทำไมเราถึงต้องฝึกฝนตัวเองละเพราะเราสามารถฝึกเข้าใจวิถีธรรมชาติแล้วจึงจะเจอหนทางในการออกจาก matrix จากตัวเองไม่ใช่จากข้างนอก
คิดเหมือนกันครับ ต่อให้เกิดกีชาติ ถ้ายังไม่บรรลุ ก็เจอแต่สิ่งเดิมๆ
ศาสนาพุทธให้ความสำคัญเรื่องจิตเป็นอันดับ1อยู่แล้วครับ
@@yt-mg4xb แล้วคำว่าไม่เกิดนี้ คือหายไปกับความว่างเปล่าเลย หรือแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่น อาทิ ไปไหนที่ไหนก็ได้จะไปอดีต อนาคต ปัจจุบัน ไปอวกาศ ไปท่องเที่ยว ทำอะไรได้อย่างใจนึก แต่ไม่ได้มีผล ต่อชีวิตที่เคยมีอยู่แล้ว (ที่ผมถามแบบนี้เพราะหนังเรื่องLucy ทำผม ออกทะเลเลย)
@@anansunday4803 งมงายมากกว่า ครับ ป่านนี้คงเห็นคนบรรลุได้บ้างแล้ว สรุปคือนั่งสมาธิมากๆระวังเป็นบ้า นะครับ เคยเจอมาเยอะละ
@@Gemstonesaga257 อันนั้นธรรมแตกครับ
ที่ 5.32 นาที ผมคิดว่า โฆษรษ แว่น Optum จะเข้าซะอีก ฮ่าๆๆ ( แซวเล่นนะครับผม )
ขอบคุณ ชอบผลงานคลิปนี้นะ ครัผม
บางที ตัวตนจริงๆของเราตอนนี้ อาจอยู่ในตู้เเก้ว มีสายระโยงระยาง อยู่ เหมือนในหนังเดอะเเมททริก หรือซื้อตั๋ว เข้ามาใช้ชีวิตในโลกเสมือนเเห่งนี้
13:05 น่าจะเป็นเเบบที่เขาต้องการให้เราเป็นมากกว่า
อธิบายได้ดีมาก
โลกในปัจจุบัน เป็น Matrix ที่ซ้อน Matrix อีกทีหนึ่ง เราเสพติดในโลกเสมือนที่เรียกว่าโลกออนไลน์ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถูกเสียบปลั๊กโดยยินยอมพร้อมใจ
เออวะ55555
เนื้อหาดีมากเลยครับ 😮
ร่างกายเรารับรู้ได้จำกัด มองเห็นได้เล็กที่สุดระดับหนึ่ง ฟังเสียงได้ต่ำสูงระดับหนึ่ง
สัมผัสได้แค่ระดับหนึ่ง อันนี้คือรูปธรรม
สิ่งที่เล็กมากจนมองไม่เห็น ความรู้สึก และสิ่งต่างๆที่เราสัมผัสรับรู้ไม่ได้โดยร่างกาย อันนี้คือนามธรรม
บางครั้งเราสามารถใช้สิ่งที่สัมผัสหรือรับรู้โดยร่างกายว่า หยาบ และสิ่งที่เป็น นามธรรมว่า ละเอียด ก็ได้
เมื่อของหยาบสลายหายไป เรารับรู้ได้ว่า ตาย , สูญสลาย , พังทลาย
และคนเราส่วนใหญ่ไม่สามารถรู้ของละเอียดได้ว่า ตาย , สูญสลาย , พังทลาย
หมายความว่าเราอาจจะยังอยู่ในจักรวาลในแบบละเอียด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คำถามคืออะไรละที่ดึงสิ่งที่ละเอียดเข้าไปในของหยาบ คำถามนี้มีแต่ ผู้รู้ เท่านั้นจึงจะตอบคำถามนี้ได้สมบูรณ์ 😊
น่าสนใจอยากรู้เหมือนกัน
เราทุกคนตั้งข้อสงสัยได้ แต่ถ้าอยากรู้ต้องหาความจริงมาสนับสนุนความคิด คนเราถึงต้องมีวิทยาศาสตร์นี่แหละ การมโนแล้วคิดว่ามันจริงโดยไม่หาความจริงนั่นคือการเพ้อฝัน ยกตัวอย่างง่ายๆ มีบางสิ่งที่นกอินทรีรับรู้ได้ แต่มนุษย์รับรู้ไม่ได้ แล้วดวงตามนุษย์รับแสงได้แค่ 7 สี ซึ่งความจริงในโลกอาจจะมีสีมากกว่านั้นรอบๆ ตัวเราและเรามองไม่เห็นสีเหล่านั้น มนุษย์เลยมีข้อจำกัดในการรับรู้เท่าที่เราสามารถรับได้เท่านั้น
แต่คอมเม้นส่วนใหญ่ก็หันไปพึ่งความเชื่อของใครบางคนซะแระ งงแท้ มันต้องหาแสงให้คนๆตลอด ยังกับเป็นบิดาแห่งสรรพสิ่ง
ผมคิดว่า ที่เรารู้สึกอยู่จบแล้วจบเลย ครั้งเดียว ไปสู่ความว่างเปล่า
ทุกการเกิด คือความรู้สึกเดียว แม้แต่ดวงดาวก็ต้องแตกดับและหายไป หน้าเสียดาย😢แต่ผมคิดว่า ไม่มนุษหรือAIจะสร้างพลังงาน วนลูปไม่มีวันจบสิ้นได้ช่วงเวลานั้นคงหน้าตื่นเต้น
เราว่าอยู่นานไปอาจคลั่งได้เลยนะคะ เราคงจะเบื่อถ้าทำได้ว่าต้องทนทุกข์ไปเรื่อยๆ หรือเห็นคนรักจากไป สำหรับเราคงเลือกไม่ได้เพราะถ้าไม่มีสุขก็ไม่รู้ว่าทุกคืออะไร ทุกอย่างไม่แน่นอนจะคาดหวังให้สนุกหรือมีความสุขไปตลอดก็คงไม่ได้
ความสุขไม่มีวันเพิ่มขึ้น มีแต่จะลดน้อยลง จนหมดไป
พระพุทธเจ้าพูดไว้นานแล้วในเรื่องนี้ แต่น้อยคนนักจะคิดได้ ท่านว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของจริง ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เราหรือเขา ล้วนไม่มี
มีแต่ธรรม ไม่มีเรา อ.สุจินต์ได้กล่าวไว้ ตามพระพุทธองค์
🍏🌿 ต้องเข้าใจนะครับว่า The Matrix ภาค 1-4 มันคล้ายเปรียบเทียบว่าชีวิตคือภาพเสมือน จริงๆตัวตนของเราใช้ชีวิตวันหนึ่ง ตื่นมาอีกวันก็คล้ายเป็นฅนใหม่ บางท่านตายไปอยู่ทั้งนรกสวรรค์หรือภพภูมิใด ไม่ใช่แค่โลกมนุษย์ เราถูกสมมติแต่ไม่ใช่ว่าเรากำหนดมันไม่ได้ จึงไม่ใช่แค่เกมส์ที่โปรแกรมเสมือนใส่ให้เราเล่น การหลุดพ้นคือการหยุดเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีสิ่งใดเป็นของๆเรา ไม่ใช่เรา ดั่งพระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระราหุลว่า ควรแล้วหรือว่านั่นเป็นเรา เป็นของๆเรา เป็นตัวเป็นตนของๆเรา เพราะเราแค่เพียงอาศัยภาวะกรรมนั้นเพียงชั่วคราว ไม่ว่าจะกายหยาบอย่างมนุษย์ ทุกข์ทรมานในนรกหรือละเอียดสุขอย่างสวรรค์ก็ตามครับ 🌳🌱
@blood-lu2qm กฎแห่งกรรมคล้ายเป็นกรรมหรือการกระทำของเราส่งผลวนเวียนซ้ำซากตามที่เราเคยทำไว้เมื่อใดก็ตามเราทำดี เช่นเราเคยให้แอบเปิ้ลใครไว้ สักวันฅนที่เราให้แอบเปิ้ลเกิดสำนึกบุญคุณ เขาก็อาจจะให้เราเพิ่มเป็น 10 เท่า หรือ 100 เท่า เป็นต้น คล้ายผลสวรรค์ ทำไม่ดีเช่นขโมยไป 100 ถึงเวลาเราก็อาจจะต้องสูญเสีย 1,000 เพราะความไม่แน่นอน คล้ายผลนรก ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่มีนรกสวรรค์แต่ยกตัวอย่างง่ายๆไว้ เราทั้งหลายมักจะไม่รู้ว่าเราจะรับผลกระทำต่างๆขึ้นเมื่อไหร่ สรุปชะตาแท้จริงแล้วคือเราเองเป็นผู้กำหนด เพียงจะส่งผลเมื่อใดแค่นั้นเอง ✨🍷
ตอนนี้แหละของจริง ได้เจอกับความหิว ง่วง เหนื่อย รีบ ลำบาก ไม่ว่านี่จะโลกเสมือนไหมแต่ตัวฉันอยู่ตรงนี้ ฉันอยากทำตอนนี้ให้ดี
อันนี้เราเชื่อนะคะว่าตัวเราอยู่ในโลกเสมือน เพราะว่าดิฉันเจอเหตุการณ์เดจาวูบ่อยคือการเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า จนฉันนึกขึ้นมาได้ว่ามันอาจจะเป็นที่ระบบของโลกเสมือนมันมีการผิดพลาด
จึงทำให้เราเห็นสิ่งผิดปกติที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น จนทุกวันนี้ก็ยอมรับนะว่าเราอยู่ในโลกเสมือนจริง แต่เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี เพราะเราไม่ได้กินยาแบบที่ นีโอกิน เราจึงออกไปจากโลกเสมือนไม่ได้
เจน
เดจาวูหมายถึงเจอเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าเคยเจอเคยเกิดขึ้นไปแล้วครับ
ถ้าเราอยู่ใน metrix จริง ช่วยเอาอาการปวดหลังออกไปที😂
ใช่😂😂😂😂
ปวดหลัง ปวดไมเกรน ผมร่วง ต้องเอาออกไปแล้ว
ความฝันสูงสุดแล้วใช่ไหม 55555
(Ma จ้าไม่ใช่ Me)
มันเป็น Bug ครับ 555+
ไม่ได้ครับ มันเป็นหนึ่งในฟังชั่นของโปรแกรมของคุณ หากวันนึงคุณไม่ปวดหลังโปรแกรมหรือคุณนั้นก็ต้องถูกลบทิ้ง 😂
ทำสมาธิ(หลากหลายวิธีแล้วแต่จริต)ให้ได้ขั้นลึก อยู่ที่ความสามารถของแต่ละคนด้วยที่จะได้เห็น
พระพุทธเจ้าตรัสรู้เพราะปัญญา
ถ้าคิดว่าต้องพึ่ง “เทคโนโลยี” หรือ “ผู้เชี่ยวชาญ” เพื่อจะไปนอกโลก
น่าจะไม่ใช่ เพราะ ดวงจิต สามารถเดินทางได้หลายที่ โดยไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีอะไร ..
ท่าสิงเราเรียกว่าความจริงคือ สัมผัดทั้ง5 แล้วท่าเกิดมีเครืองจำลอง ที่สามารถสร้างสัมผัสทั้ง5 เราสามารถพูดได้เต็มปากได้หรือ ไม่ว่านั้นคือความจริง?
หรือ ไม่เราก็เป็นแค่ เลข 1และ0 ที่ถูกจำกัดให้สัมผัสได้ แค่ 5สัมผัส
เข้านิพพาน ออกจากสมมุติบัญยัติ คือการถอดปลั๊ก บรรพกาล มีแต่ดวงจิตแก้วกลัปพฤกษ์ นิพพานพรหม แต่ไม่มีอารมณ์ หวงในขัณ ไม่มีตัวตน อยากสนุกเล่นและติดในบทละครแต่ละชาติมั่ง หลงอยู่ในอารมณ์ต่าง จนหลุดไม่ได้
อยากศึกษาเรื่องนี้ต่อ หาข้อมูลได้จากที่ไหนคะ?
เป็นไปได้ คนมีการพัฒนา100%
AI มีการพัฒนา 10%
ผ่านไป100ปี
คนมีการพัฒนา100% (เท่าเดิม)
AI มีการพัฒนา 500%
เทคโนโลยี ไม่มีการหยุดพัฒนา
ทำไมจะสร้างโลกเสมือนไม่ได้
ใคร อาจจะสร้างพวกเราไว้ ในคอมก็ได้
หนังเรื่อง matrix ถือว่าพล็อตเรื่องในตอนนั้นล้ำมากครับ
ผู้มองออกข้างนอกหลับ ผู้มองเข้าด้านในตื่น
หลังความตาย เราแค่ตื่นในหลอดน้ำเหนียวๆนั่นและไหลลงท่อน้ำทิ้ง... แล้วมีถ่านก้อนใหม่เข้ามาแทนที่ 8:23
จงทำต่อไปผู้คนจะได้ตื่น❤❤
ผมเหมือนเทคโนโลยีนี้เลย ผมเป็นแบบเดอะแมททริค ผมมีความฝันเดจาวู ผมสามารถควบคุมความฝันตัวเองได้ในฝันและสามารถรู้ถึงการตื่นนอนถึงปัจจุบันของตัวเอง ผมมึนโดนโหลดอารยธรรมอะไรหลายหลายสิ่งหลายหลายอย่างเข้าหัวมาโดยไม่รู้ตัว โดนโหลดภูมิปัญญาเข้ามาในหัวผมเข้าใจหมดเลยแม้กระทั่งเรื่องปรินิพพานและโลกเสมือนจริง ความใกล้เคียงมันคือเป็นไปได้มากๆสูงมากครับ หัวผมมันวิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลาเหมือนโดนโหลดข้อมูลอะไรใส่ในหัวจนหมดผมเข้าใจหมดเลยครับเข้าใจทฤษฎีอะไรหลายหลายหลายอย่างแม้กระทั่งบิ๊กแบงค์ บิกแบงก็ทฤษฎีโลกใช่ไหมจริงครับในสิ่งที่เราคิดว่ามันเกิดขึ้นจริงแต่ว่ามันไม่มี เพราะว่าคนเรามันไม่เคยเห็นครับ มันก็เลยกลายเป็นแค่ทฤษฎี แต่ว่าถ้าสมมุติว่าผมบอกว่ามันใช่ล่ะ มันก็คือเศษหมูดาวที่รวมตัวกลายเป็นจักรวาลจักรวาลใหม่ครับในรูปแบบของซิมโมชั่นอันใหม่โลกใบใหม่ ถ้าสมมุติว่าเรามีจักรวาลเป็นล้านล้านจักรวาลเราก็คงเป็นส่วนน้อยนิดของจักรวาลนี้ ที่มีสิ่งมีชีวิตในลักษณะรูปแบบที่เป็นมนุษย์และคิดในลักษณะรูปแบบเสมือนจริงได้ นั่นคือมนุษย์สามารถคิดแทนอะไรทุกอย่างบนโลกก็ได้นอกโลกก็ได้เหนือโลกก็ได้และเข้าลึกสุดของโลกก็ยังได้เพราะจิตใจมนุษย์ นั่นก็คือข้อมูลหรือพลังงานหรือว่าภูมิปัญญาอารยธรรมที่ถูกสั่งสมมานานที่ทำให้เข้าใจโลกปัจจุบัน ถ้าสมมุติว่ามีคนคนนึงเป็นเหมือนในหนังเรื่องนี้เดอะแมททริกซ์ แล้วเค้ารู้ทุกอย่างบนโลกและทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคตคุณว่าคนคนนี้เค้าจะเป็นยังไงครับเค้าเปลี่ยนโลกได้ไหม ผมเข้าใจโลกนี้มากขึ้นเลยครับ ถ้าใครอยากรู้อะไรมาถามผมได้นะคำตอบให้ได้หมดเลยทั้งจักรวาลนี้และอนันตจักรวาล
นี่คือเหตุผลนึง.ที่คุยกับใครแล้วไม่มีใครเข้าใจ.เหมือนคุยคนละเรื่อง.เลยเงียบดีกว่า.เหนื่อยกับการอธิบาย🙏🇹🇭💛💜
จริงคะ เรารู้ในแบบของเรา ปล่อยเขาเข้าใจแบบนั้นแหละคะ แค่ยกตัวอย่างเราอีกคนในโลกคู่ขนาด เขาบอกเพ้อเจ้อ ไม่รู้จักแม้แต่แดจาวูด้วยซ้ำคะ
เราอาจไม่อยู่ในโลกเสมือนจริง แต่เรากำลังสร้างโลกเสมือนจริง
#อ่านหน่อยนะ... ฟังดูแล้วไม่อยากเชื่อ มีคนเชื่อเหมือนเรา เราเรียกมันว่าการตื่นรู้ก็ได้ เช่นอาการเดจาวูเห็นเหตุการณ์นี้ซ้ำหลายทีมันเกิดขึ้นตลอด วนลูบไม่รู้จบ ทฤษฎีที่ช่องนี้นำเสนออาจมีส่วนความเป็นไปได้ โลกหลังความตายคือโลกอีกใบหรืออะไรกันแน่ แต่อย่างน้อยสิ่งที่เราคิดมันไม่ได้มีเราคนเดียว ฟังดูเพ้อเจ้อแต่เราเชื่อว่าอาจเป็นไปได้..
ในชั่วอายุของจักรวาล มนุษย์แทบไม่มีตัวตน การมีอยู่ของมนุษย์ มันเพียงแค่ชั่วกระพริมตาของอายุจักรวาล
เอ๋..ทุกคนรู้ว่าคืออะไรแต่ทำไมถึงเข้าไปไม่ถึงนะ😂ความคิดชั่วขณะจิตคือการเกิดและดับตัวเราคือจักรวาลส่วนความคิดของเราคือการเวียนว่ายตายเกิดของตัวนั้นแหละครับกระพริบตาอาจจะนานกว่าชั่วขณะจิตเป็นพันๆปี🙏🙏🙏
ก็แค่มวลสารชนิดหนึ่งในเอกฐาน ในเอกภพนี้ ถือกำเนิด จนไปถึง ดับสูญ เหมือนกันทุกสรรพสิ่ง
ก็ถูก แต่มวลสารที่ว่าล้วนเป็นการรวมตัวกันของอะตอม และอะตอมมี 3สิ่ง โปรตอนเป็นประจุบวก นิวตรอนเป็นกลาง อิเล็กตรอนเป็นประจุลบ ซึ่งมันบังเอิญเหลือเกินที่พวกสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่เป็น 1 กับ 0 และ ช่องว่าง มันน่าคิดไหมหละ
สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น ตัณหาเป็นเครื่องผูกแล่นไปท่องเที่ยวไปในสังสารวัตร เหตุเพราะไม่รู้อริยสัจ4 สิ่งๆหนึ่งไม่มีการเกิดปรากฏ ไม่มีดินน้ำ ไฟ ลม แต่มีทางปฏิบัติเข้าถึงโดยรอบ นั้นคือ นิพพาน
Great 👍!
ผมเคยเดจาวู และเป็นเดจาวูที่เดาถูกได้100% เป็นการรู้อนาคตได้นานกว่าหนึ่งนาที แปลกจริง โลกใบนี้น่าจะมีอะไรที่เราไม่รู้อีกมากมาย ถ้าจะให้เทียบกับวิทยาศาสตร์ต้องรอข้อพิสูจน์ต่างๆใช้เวลาเท่าไหร่กัน ผมว่าธรรมชาติฉลาดมาก ฉลาดเกินกว่ามนุษย์จะเกิดซะอีก ฉลาดเกิดกว่าวิทยาศาสตร์จะตามทันหรือไม่ก็ไม่สามารถจะเข้าถึงข้อมูลนั้นได้เลยสักนิด เรื่องลี้ลับเป็นอะไรที่ชัดเจนกับคนบากคน และมีเปอร์เซ็นต์ที่น้อยคนจะมีเซนส์ คนส่วนมากมักจะว่างมงาย และเพราะส่วนมากที่มีคนมโนว่าตัวเองมีเซนส์ ทำให้ความน่าเชื่อถือหมดไป ผมเชื่อเพราะผมเคยประสบพบเจอ แต่ก็แค่ครั้งเดียวในชีวิต ผมศึกษาทางจิตวิญญาณ ถ้าใครรู้จักคำที่เขาพูดกันว่า ผู้ตื่นรู้ นั่นแหละครับ ถึงจะอ่อ ที่ผมยังอยู่ก็เพราะชอบกับการเป็นทาสมันอยู่ เมื่อถึงเวลา ทางออกที่เราเลือกพร้อมไปทางที่ถูกต้องอย่างรู้และเตรียมตัวไว้แล้ว ว่างเปล่าเหลือแค่จิตญาณ❤
มนุษย์ไม่น่าจะทันธรรมชาตินะครับ ถ้าธรรมชาติมีการวิวัฒนาการอยู่ตลอดทั้งด้านฟิสิกส์และอื่น
ไม่นานมานี้ผมไปดูคลิปเด็กคนหนึ่งอธิบายเรื่องมิติที่4 เขาบอกว่าโลก1มิติ กับ2มิติ จะเห็นเราต่างไปเพราะเราอยู่ในโลก3มิติ แต่ถ้ามองจากมิติที่4 สีเหลี่ยมก็จะกลายเป็น Tesseract แกน x y z ถ้าเราเจอแกนที่4 มันอาจจะเปลี่ยความเข้าใจในการมองโลกไปเลย
น่าสนใจครับ เเต่มีเเหล่งที่มาป่าว
@@doctormanhattan5597 4th dimension explained by a high-school student.
ua-cam.com/video/eGguwYPC32I/v-deo.html
-น่าจะช่องนี้
ใช่ มิติการมองมันปรับเปลี่ยนมุมมองของเรามาก
แกนที่ 4 คือเวลาไงครับ นี่เราอยู่ในจักรวาล 4 มิติ รับรู้ถึงการมีอยู่ของมิติที่ 4 แต่ควบคุมไม่ได้แค่นั้น
ขอเสริมนิดนึงนะครับ แนวคิดที่ว่าหากเราเจอแกนที่4แบบ 'เจอจริงๆ' ในกรณีที่จะใช้การ'มอง'เนี่ย แปลว่าเราต้องมีpin pointในมิติที่3 หมายถึงว่า เมื่อมองจากมิติที่สี่ เราจะมองเห็นแค่จุดๆหนึ่งในมิติที่สามครับ อย่างเรามิติที่1เป็นจุด ดังนั้นเราจึงมองไม่เห็น มิติที่สองก็กรณีใกล้เคียงกันเพราะไม่มีความหนาทำใ้ห้มองไม่เห็นมิติที่สองในแง่คุณภาพแม้เราจะจ้องมันอยู่เสมอก็ตาม ซึ่งในกรณีที่มิติที่4 dataมันจะหนาแน่นเกินครับ ต่อให้หากสมมุติเรามองอวกาศเมื่อตอนอวกาศกำเนิดขึ้น(ในกรณีที่ทฤษฎีbigbangถูกต้อง) เราอาจจะเลือกมองอวกาศตอนจักรวาลเกิดได้1วินาที แต่ข้อมูลที่เราได้รับจะไม่ใช่แค่นั้น มัมีทั้งภาพของอวกาศตอน0.01วินาที 0.1วินาที หรือ0.0000....ไปเรื่อยๆ ข้อมูลที่ได้จะเฉียดอนันต์ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยนัก ดังนั้นต่อให้เราค้นพบการนำแกนที่4มาใช้ประโยชน์ เราก็ไม่สามารถดึงข้อมูลมันจริงๆมาใช้ทั้งหมดได้อยู่ดี เราทำได้อย่างมากแค่สร้างแบบจำลองคำตอบของเราโดยอ้างอิงจากมิติที่4เท่านั้น อาจจะเป็นเครื่องคำนวนก็ได้ แต่ท้ายที่สุดเราก็ไม่สามารถมองโลกลึกไปกว่านั้นได้ เพราะที่เราจะมองโลกเปลี่ยนไป ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นได้อย่างมากก็แบบจำลองของความเป็นไปได้หนึ่งๆเสียมากกว่า เผลอๆถ้าคำตอบจากการคำนวนไม่ได้ถูกต้องทุกอย่าง เราก็จะได้ผลลัพท์ที่ยิ่งห่างจากคำตอบจริงกว่าเดิมเท่านั้น มันมีคำกล่าวตลกๆของคนฝรั่งที่ว่าwe're all a slave of time เพราะมันเป็นเรื่องจริงครับ การที่เราศึกษามิติที่4เนี่ย มีความเสี่ยงมากมายโดยเฉพาะการทดลองเครื่องlhcที่cern เค้าถึงต้องมีประกันความเสี่ยงว่าทุกการกระทำต้องปลอดภัยและเป็นการทดลองเพื่อพิสูจน์เท่านั้น เพราะต่อให้เราบิดขวนขวายหาโอกาสแค่ไหน เวลามันก็ไม่บิดตามเราหรอกครับ มีแต่ดำเนินต่อหรือหักทิ้ง อ่ะมีกรณีทฤษฎีลูปเป็นต่อเส้นเริ่มใหม่อีกอัน สรุปได้ว่า ถ้าเราเจอแกนที่4แบบเรียลๆเลยนะ ไม่ต้องกลัวครับ วินาทีที่เราบิดพริ้วหาช่องว่างอ้างอิงจากมิติที่สี่ของแท้ได้เมื่อไหร่ก็เตรียมโดนลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์ได้เลย
ทฤษฏีนี้ ไม่ได้ เอามาจากหนัง แต่ ทฤษฏีนี้ ถูกเอาไปสร้างหนังที่หลาย ๆ คนเคยดู
ลองศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าดูครับ
ศึกษาแล้วสุดยอดของจริงครับ
ขอบคุณครับ
คนเป็นอรหัน จะเข้าใจและรับรู้ความเป็นในชั้นของตนเองเพียงเท่านั้น ไม่สามารถอธิบายให้ปุถุชนคนทั่วไปเข้าใจหรือมองเห็นได้เลย บังเอิญแต่ก็น่าสนใจ
มันเป็นปัจจัตตัง ต้องปฏิบัติเองจึงจะเข้าใจ
เราฝันว่าเป็นคนอื่นบ่อยมาก ละตอนฝันคือเหมือนเป็นคนๆนั้นจริงๆ ทั้งมีความชินกับสถานที่ผู้คน มันรู้สึกจริงๆ
คุณบอกเค้าสิ่ อย่าสร้างให้ทุกคนต้องตาย ถ้าเขาทำได้ หรือให้อยู่ในความฝันตลอดไปไม่ต้องตื่นอีกเลย
เรามีสิทย จะข่มขืน ใครก็ได้ ถือว่าไม่ผิด เพราะทุกสิ่งไม่มีอยู่จริง
ให้ศึกษา ว่า ศาสนาต่างๆ คือ เมททริกส์ นั่นเอง การออกจากมันได้ สำหรับหลักการหลุดพ้นได้ ของแต่ละศาสนา ได้แก่ นิพพานคือพุทธ ปรมาตมันคือฮินดู และการเข้าสู่ดินแดนของพระเจ้าของอิสลาม คริสตร์ ยูดาย
บางครั้งก็คิดอยู่เหมือนกันว่าตัวตนที่เรามีอยู่เป็นตัวตนของเราจริงๆหรือเป็นแค่ความฝันของใครคนหนึ่ง
ไม่แน่ วิญญาณคือ ร่างพลังงานที่รอไปรีเซ็ตข้อมูลความจำแล้วส่งลงมาใช้ชีวิตใหม่ แล้วเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่รู้จบ
เป็นเช่นนั้นแล
ถ้าจะฝึกเห็นว่าเราอยู่ในเมทริกหรือไม่ ฝึกทำวิปัสสนา ถ้าทำญาณ เกิดได้ก็เห็นได้ ใช้พลังมาก พอสมควร ต้องมีฐานสมาธิ และต้องทำวิปัสสนาต่อ
เคยได้ยินทฤษฎีนึงที่บอกว่า ถ้ามนุษย์จะทำหรือสร้างอะไรสักอย่างในโลกใบนี้พวกเค้าจะทำสำเร็จ เพราะโลกใบนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้พวกเรามา ทำสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้จากที่ไหน นอกจากโลกใบนี้ เพราะสิ่งต่างๆในโลกใบนี้ล้วนถูกสมมุติขึ้นมา และเราอาจเป็นแค่ดวงจิตดวงนึงที่ถูกส่งเข้ามาเรียนในโลก 3D ที่มี รูป รส กลิ่น เสียง
ไม่มีใครตอบได้ จนกว่าวันที่เราหมดลมหายใจ วันนั้นเราอาจจะได้รู้เเละตอบข้อสงใสทั้งหมดของมนุษย์ หรือไม่ก็เเค่หายไปตลอดกาล
เรื่องนี้ น่าสนใจ จักรวาลคู่ขนาน โลกเสมือน หรือ ตัวเราไม่ได้มีอยู่จริง เหมือนกับ ตัววิดีโอเกมส์ ที่มีคนสร้างมันขึ้นมา
มองแบบวิทยาศาสตร์ ก็น่าจะมีเค้าของความจริง
อะไรที่มีขนาดเล็กที่สุด เราอาจเข้าใจว่ามันเป็นอะตอม นิวเคลียส เพราะเราลงไปได้ลึกสุดแค่นั่น แต่นั่นมันอาจเป็นดาวทั้งดวงของอะไรสักอย่างก็ได้
เช่นเดียวกัน อะไรที่ใหญ่ที่สุด แล้วขนาดของมันใหญ่แค่ไหน เราก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เรารู้แค่ว่าจักรวาล มันไม่มีขอบเขต
ไอน์สไตน์ พิสูจน์แล้วว่า ไม่มีอะไรเร็วกว่าแสง มันเร็วได้อย่างมากก็เท่าแสงเท่านั้น เพราะแสงเป็นตัวสร้างภาพให้มนุษย์มองเห็นอย่างจำกัด
แค่นี้ก็พอจะมองออกแล้วว่า เรากำลังอยู่ใน ระบบ อะไรสักอย่าง ที่คนทั่วไปเรียกว่า ธรรมชาติ
ทำไมนกกาเหว่าถึงดันไข่นกตัวอื่นออกจากรังทั้งที่มันยังไม่ลืมตา ทำไมปลาหมอตัวผู้ต้องอมลูกไว้ในปาก ทำไมหนอนถึงไชไปที่ตาของหอยทาก เพื่อให้เป็นจุดเด่นล่อนกมากิน ฯลฯ ทุกอย่าง ไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันดูเหมือนมีการ เขียนโปรแกรม ให้กับทุกสรรพสิ่ง แต่มันซับซ้อนเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจ
เช่นเดียวกับคน เราอาจมีคุณสมบัติพิเศษมากมายก็ได้ แต่โดนปิดไว้ บางคนอาจเปิดมันได้ด้วยการฝึกฝนหรือวิธีอื่นๆ เช่นการจำอะไรได้มากๆกว่าคนทั่วไป
ถ้าฃาติภพมีจริง ทำไมเราถึงจำฃาติที่แล้วไม่ได้ แล้วถ้ามีใครสักคนนึงสามารถจำชาติที่แล้วได้ สัก 500 ชาติ และมองทะลุได้ถึงระบบฃีวิตว่าจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่ เขาผู้นั้นก็น่าจะเป็น ผู้ตื่น
สมมุติว่าเปรียบเสมือน CPU ทีมี 1 ล้านคอร์ 1 ล้านเธรด 1 ล้าน Ghz แต่เปิดใช้แค่ 4 คอร์ 4 เธรด 4 Ghz โดนจำกัดความเร็วปิดคอร์ ปิดเธรด ปิดฟังก์ชั่นไว้ แต่ดันมีหลุดมาชิ้นนึงที่เปิดคุณสมบัติหมดทุกอย่าง สถานะของคนพวกนี้ก็คงจะเป็นผู้วิเศษ ซึ่งคนที่มีคุณสมบัติที่เหนือธรรมชาติเหล่านี้ ก็มีบันทึกไว้มากมายทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา...
โลกและธรรมชาติคือสิ่งที่อัจฉริยะ
วัฏสงสารที่อยู่กันตอนนี้ก็เหมือนกันเลยค่ะ ออกไปได้ก็คือตื่นรู้นั่นแหละ แต่ถึงรู้แล้วทำไงหล่ะที่จะออกได้ ดูอย่่างในหนังก็คือถูกจับถูกฆ่า รีเซ็ท ส่วนเราบ้าค่ะ ตามนั้นค่ะ
ผมก็คนบ้าเหมือนกัน🥳
ฟังเพลินดี
ถ้าคนที่ศึกษาพุทธศาสนาจริงๆ. จะรุ้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เกินจริงเลยครับ
แนวคิดคนแบบไหนกัน คนว่างหรือคนที่มีความสุขมากไป
"บุคคลเห็นอยู่ซึ่งสิ่งใด สิ่งนั้น ชื่อว่า อันเขาเห็นแล้ว ก็หาไม่
สิ่งใดอันเขาเห็นแล้ว เขาชื่อว่า ย่อมไม่เห็นซึ่งสิ่งนั้น
บุคคลผู้หลง เมื่อไม่เห็น ย่อมยึดติด เมื่อติดก็ย่อมไม่หลุดพ้น"
(อรรถกถา วิภังคปกรณ์ สติปัฏฐานวิภังค์
อยู่ใกล้ หรือทับซ้อนกับโลก Matrix ครับ ซึ่องโลก Matrix ในจักรวาลนั้นเป็นอนัน ไปได้ทั้งอนาคตเเละย้อนกลับอนาคต(ไม่ได้อดีต).....
ผมเชื่อในทฤษฎีนี้นะครับ เพราะสอดคล้องกับศาสนาคริสต์ที่ผมนับถือ ทั้งหมดนี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้าง รอวันที่จะกลับไปหาที่ดินแดนสวรรค์อีกครั้งหนึ่งครับ
ขอถามหน่อยครับ สวรรค์ของศาสนาคริส คืออะไรหรอครับ
@@NonThanakrit-j2t เป็นคำถามที่ดีครับ สวรรค์คือที่ๆเราอยู่กับพระเจ้าครับ ตั้งแต่เริ่มแรกพระเจ้าสร้างอดัม-เอวา แต่ได้ทำบาปจึงตกลงมายังโลกมนุษย์ และได้รับโทษคือความตายครับ ตามหลักศาสนาก็คือการเชื่อและได้รับความรอด เพื่อกลับไปบนสววรค์อีกครั้งโดยทางพระเยซูครับผม
ถ้าเราอยู่ในแมททิดจริงๆ อย่ารู้คำตอบข้างนอกหรือพยายามออกไปเลย เราไม่มีทางได้ทำแบบนั้นสำเร็จ คิดเอาว่าสิ่งมีชีวิตภูมิปัญญาขนาดนั้น ที่ออกแบบทุกอย่างขนาดนี้จะฉลาดเกินเราและล้ำมากแค่ไหน ถึงสร้างอะไรทั้งหมดนี้ได้ถึงขนาดนี้ ถ้าเราเกิดออกไปหรือคิดได้สำเร็จ เขาแค่ส่งเรากลับมาและลบความจำ เราก็ไม่รู้แล้วว่าเราเคยรู้อะไรมา ล้ำขนาดคิดและทำแบบที่เราเห็นและรับรู้ได้ขนาดนี้ เขาคงคิดอะไรที่ลึกและซับซ้อนมากกว่าเราเยอะ จนเราคิดและคาดไม่ถึง เหมือนกับเรามอง มด หมา แมว ทึ่มันคิดแบบเราไม่ได้ เราก็อาจคิดอะไรไมได้ เหมือนเราเป็นหมาแมว กฏฟิสิคเขาอาจจะคิดได้ง่ายๆ เหมือนเราคิด1+2เท่ากับเท่าไหร่
ศาสนาพุทธ = ทุกสิ่งของของสมมติ = อย่าไปยึดมั่นถือมั่น
ไม่แน่ทุกขณะ เพราะไม่มีปัจจุบันขณะ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แม้เสี้ยววิจนหาตัวตนแท้จริงไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น เคยเห็นหรือจะได้เห็น มันมีอยู่แล้วของมัน แต่ไม่จริง
The Matrix เป็นหนังไตรภาคเรื่องเดียว ที่จำเป็นต้องดูภาค1ก่อนที่จะดูภาค2และภาค3 ไม่งั้นคุณจะงงและงงและงงแบบไม่รู้เรื่อง 😅😅😅 ผมมีแผ่นDVDแท้และแผ่นโปสเตอร์ทั้ง3ภาค ❤❤❤
แสดงว่าคลั่งและชอบหนังเรื่องนี้จริงๆ 😂
@@jack_Thai ชอบCG ทำออกมาได้ดีครับ😊😊
มันน่าคิด คิดจนปวดหัว แต่ก็ไม่อาจรู้ได้😂
ดูแล้วขนลุกเลย....
จะเป็นแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อเราไม่รุ้ที่มาของตนเอง...
แต่ในความจริงเรารู้ว่าใครทำให้เราเกิดมา...ก็คือแม่ มีแม่อย่างเดียวก็ไม่เกิด ก็ต้องมีน้ำอสุจิของพ่อด้วย...
เหตุผลแค่นี้ก็บอกได้ในๆแล้ว ว่ามันไม่มีใครควบคุมเราหรอก...นอกจากตัวเราเอง
ชุดข้อมูลนั้นเราอาจถูกใส่มาก็ได้ เพราะตอนเราเป็นทารกหรือเล็กมากๆ เราไม่ได้เห็นกระบวนการนั้นด้วยตัวเราเองซะหน่อย//เราก็ไม่เชื่อแนวคิดโลกเสมือนหรอก แต่มาแย้งตรรกะนี้เพราะมันยังใช้ไม่ได้
@@marketplacegurun4547การที่คุณเคยเม้นอะไรไปแล้วลบออก เม้นใหม่ หรือไม่เม้นเลย ก็เป็นการตอบชัดแล้วว่าคุณไม่ได้ถูกจำลอง หรือการที่คุณสงสัยว่าคุณอยู่ในโลกเหมือน ก็ตอบชัดแล้ว ถ้าคุณอยู่ในโลกเสมือนที่มีบางอย่างควบคุม หรือสร้าง คุณจะไม่เกิดคำว่า "สงสัย" ยกตัวอย่าง การ์ตูนที่คุณเคยดู เกมที่คุณเคยเล่น มันเคยสงสัยไหม ว่ามันมีคนคุมมันอยู่ ก็คือเรา เพราะเกมมันมีการโปรแกรม กำหนดไว้หมดแล้ว แต่คุณ ตัวคุณเอง มีอิสระในการเลือก ไม่งงใช่ไหม
ดีคับ
ครั้งนึงเคยชอบอ่านนะจวงโจ จวงจื้อ จวงจุ๋ย จวงโจ๋😊จวงแจ๋ว55555
ละครทีวีเป็นคลื่น ถ้าเราไม่เปิดทีวี เราก็ไม่เห็นตัวละครปรากฎขึ้น ในจักรวาลก็เช่นกัน ถ้าไม่มีวิญญาณ(จิต,ใจ,การรับรู้) ก็ไม่มีสิ่งที่ถูกรับรู้ปรากฎขึ้น รวมทั้งตัวตนของเราด้วย แต่เราไม่เคยปล่อยวางวิญญาณได้เลย เราเป็นตัวละครในจักรวาลที่เกิดตายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะปล่อยวางวิญญาณได้ เมื่อไม่มีวิญญาณ(การรับรู้) ก็ไม่มีอนุภาค(จักรวาล)
We are in the 3D hi tech simulation ka❤
เป็นไปได้นะครับ ถ้ามองดูดีดีสิ่งต่าง ๆ รอบตัวนี่ไม่มีอะไรจริงเลยซักอย่าง
เราอาจเป็นAI ที่สามารถรู้สึกนึกคิดได้เอง วิวัฒนาการได้เองก็เป็นได้
เรื่องนี้มีเค้าความจริงจริงครับ
ถ้าศึกษาพุทธศาสนา ผมว่าทุกอย่างมีที่มาและคคำตอบ
ไม่ต้องพุทธก็รู้ วิทยาศาสตร์หรือปรัชญาก็สอน การใช้ตรรกะเชิงเหตุผล
@@marketplacegurun4547 พ่อหนุ่มความคิดระดับตรรกะเชิงเหตุผลมันใช้ไม่ได้เเล้วศาสนาพุธอยู่เหนือกว่านั้นอีก ถ้าคิดเเค่เชิงตรรกะระหว่างเหตุเเละผลมันจะไปได้อะไรเพิ่มเล่า เองต้องศึกษาพุธให้ลึกกว่านี้ จะบอกอะไรให้ อีก50-100ปีเลยเเหละ มนุษย์ถึงจะหลุดจากความคิดระดับ เหตุเเละผล เพราะปัจจุบันเเม่งยังอยู่ในระดับ สัญชาตญาณอยู่เลย
พุทธคือที่สุดจุดต่อยอดจนของทุกๆศาสตร์
นี้อาจเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่มีใครสร้าง ธรรมชาติมันสน้างมาเอง ตามหลักพูทธก็บอกไว้ชัดเจนว่าทุกสิ่งคือไม่เทียง แท้จริงแล้วไม่มีตัวกูของกูเลย แม้แต่ร่างนี้ก็ไม่ใช่ของเรา
พระพุทธเจ้า เรียกว่า อวิชชา
คำถามคือ ใครคือผู้สร้างและ ผู้ออกแบบระบบ และถ้ามีโลกเสมือนจริงๆ จุดประสงค์ ผู้ออกแบบให้เกิดระบบนี้ขึ้นมา สร้างขึ้นมาทำไม
เบื่อคำถามแบบนี้จัง ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าถ้ามีคนตอบมา ก็จะถามอีกว่าพ่อผู้สร้างคือใคร ปู่ผู้สร้างคือใคร ทวดผู้สร้างคือใคร ใครคือสิ่งแรกเลยที่เป็นผู้สร้าง พอหมดคำถามนี้ก็คิดขัดแย้งในตัวเองว่า ต้องมีสิ่งที่อยู่ก่อนสิ่งแรกที่เป็นผู้สร้าง ถามต่อไปเถอะครับ คุณก็ได้แค่ตั้งคำถามเอาเท่ จริงๆคุณรู้อยู่แล้วว่าถ้ามีคนตอบ คุณจะถามแบบไหนต่อ แต่เอาเถอะครับ สิ่งที่ผมรู้อย่างนึงคือการตั้งคำถามแบบนี้ ไม่มีทางได้คำตอบ(ที่ถูกใจคุณแน่นอน)
ความฝันของผีเสื้อ อุลตร้าแมนแม็ค555
เคยคิดเหมือนกันนะแบบนี้
เคยตอนฝัน เหมือนจะตื่นได้อีกชั้น แต่มันลืมตาไม่ขึ้น😂
นิพพานคือหลุดแทริก ค้นพบ ซิมูเลเตอร์