คำแนะนำสั้นๆเรื่องการวิจัยทางปรัชญาและศาสนา สมภาร พรมทา

Поділитися
Вставка
  • Опубліковано 5 вер 2024
  • เจ้าของ : ศูนย์ศึกษาพุทธปรัชญา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
    ผู้บรรยาย : ศาสตราจารย์ ดร. สมภาร พรมทา
    บรรยายแก่ : นิสิตสาขาปรัชญา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
    วันที่บรรยาย : ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๕

КОМЕНТАРІ • 4

  • @sahachatthiprin4628
    @sahachatthiprin4628 2 роки тому

    หายป่วยไว ๆ นะครับอาจารย์

  • @อาทิตย์ปัตย์จติการ

    ทำไมมนุษย์จึงมี2หู มี2ตา?
    -ตาสองข้างเห็นไม่เท่ากัน(องศา) ผลแห่งการเห็นเกิดเป็นภาพ3มิติในหัว
    -หูสองข้างได้ยินไม่เท่ากัน(เฟส) ผลแห่งการได้ยินเกิดเป็นเสียง3มิติในหัว
    ความต่างของเสียงโมโนกับเสียงสเตอริโอเมื่อฟังจากลำโพง
    -เสียงโมโนอยู่ตรงกลางไม่มีเสียงที่แยกไปอยู่ข้างซ้ายและข้างขวา
    -สเตอริโอนอกจากได้เสียงที่แยกไปอยู่ข้างซ้ายและข้างขวา บางคนจะได้ยินบางเสียงอยู่ใกล้อยู่ไกลด้วย
    ความคิดแบบเดียวกับเสียงโมโน
    -เสียงเครื่องดนตรีมากมายที่ฟังจากลำโพงไม่ว่าจะฟังทีละชิ้นหรือฟังพร้อมกันจะได้ยินเป็นโมโนเหมือนกัน
    -ความคิดของคนส่วนใหญ่ที่ใช้ตรรกะนั้นไม่ต่างกับการได้ยินเสียงแบบโมโน
    ความเข้าใจทุกๆเรื่องอาศัยภาษาช่วยตีความ
    -ทำให้โลกทัศน์ของคนที่เห็นภาพได้เพียง2มิติหรือได้ยินเสียงแค่โมโนเท่านั้นไม่ต่างกับปุถุชนผู้เข้าใจคำสอนพระศาสดา
    -ถ้าไม่ยอมรับข้อจำกัดของตนเองดังกล่าวเสียแล้วย่อมถือทิฏฐิว่าเข้าใจอะไรๆได้หมด แสดงมานะ อัตตา อหังการ ไม่รู้ว่าถูกโมหะครอบอยู่
    จินตามยปัญญากับภาวนามยปัญญาอุปมาเหมือนหู2ข้าง
    -นักฟังหูทองเปิดเพลงโปรดฟังนับร้อยครั้งจากเครื่องเสียงสเตอริโอชั้นดียังรู้รายละเอียดของเสียงไม่เท่ากับซาวด์เอ็นจิเนียร์ผู้มิกซ์เพลงนั้น
    -พวกตีความธรรมะโดยไม่เห็นจากวิปัสสนาญาณจึงไม่ต่างกับผู้ฟังเครื่องเสียงธรรมดาทั่วไปที่ด้อยกว่ามาก
    โลกทัศน์ของคนทั่วไปในเรื่องกรรม
    -การได้ยินเพลงเดียวกันจากเครื่องเสียงอย่างดีๆชุดเดียวกันของคนทั่วไปกับนักฟังหูทองและซาวด์เอ็นจิเนียร์ต่างใช้ภาษาอธิบายออกมาได้ไม่ละเอียดเท่ากัน
    -การอธิบายเรื่องกรรมให้คนทั่วไปเข้าใจนั้นยากดุจเดียวกับที่อุปมาถึงมิติของการได้ยินต่างกัน
    ไม่มีใครหยั่งรู้กรรมได้ทั้งหมด
    -เรื่องกรรมเป็นอิทัปปัจยตาที่ไม่ได้เป็นเส้นตรงเส้นเดียว ไม่ใช่1+1=2 ไม่ใช่ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ใช่เรื่องบุญบาปที่ได้รับผลแบบใช้ตาชั่ง เกิดสุขเกิดทุกข์สนองเท่ากัน ได้สวรรค์ได้นรกอย่างที่กำหนดไว้เหมือนกันหมด
    -กรรมจากบรรพบุรุษฝ่ายพ่อและกรรมจากบรรพบุรุษฝ่ายแม่มีมิติเหมือนเสียงระบบสเตอริโอ วิบากเกิดกับลูกแต่ละคนไม่เท่ากัน ลูกบางคนทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ ลูกบางคนทำให้พ่อแม่เป็นสุข
    มุมมองของศาสนาพุทธ
    -ตระหนักว่าสมองมนุษย์มีข้อจำกัดในการเรียนรู้ แม้จะมีข้อมูลมากมายมหาศาลมันก็ไม่สามารถหยั่งรู้เรื่องกรรมได้ทั่วถึง
    -พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ยอมจำนนต่อกรรม แต่สอนให้แต่ละคนพัฒนาตนเองด้วยหลักอริยสัจ4
    สรุป
    -การสอนเรื่องกรรมให้รู้แจ้งแทงตลอดทุกมิตินั้นยากเกิน พระพุทธเจ้าจึงสอนให้รู้ทุกข์ ละสมุทัย แจ้งนิโรธและเจริญมรรค ซึ่งมนุษย์ธรรมดาๆทำได้ พ้นทุกข์ได้ ทำลายวัฏสงสารได้ โดยไม่ต้องเห็นอิทัปปัจยตาละเอียดเท่าพระพุทธเจ้า
    -มนุษย์นั้นต่างมีบริบทที่หลากหลายทำให้คิดและตัดสินใจแต่ละเรื่องไปตามโลกทัศน์ของตน หากไม่มีสัมมาทิฏฐิภายในกรอบของอริยสัจ4 ผลของการกระทำย่อมวนเวียนในกองทุกข์ ถูกอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า
    คหสต. การวิจัยศาสนาพุทธมีอริยสัจ4เป็นหัวใจสำคัญ มากกว่าหาเหตุผลเอาจากใบไม้นอกกำมือ

  • @sownl4272
    @sownl4272 2 роки тому +2

    อาจารย์ครับ กรณีตัวอย่างที่อาจารย์ยกขึ้นมา
    อันที่จริงแล้วพระพุทธเจ้าอนุญาตนะครับ
    พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้พระภิกขุบิณฑบาตเลี้ยงพ่อแม่ได้ไม่ผิดวินัย
    กรณีที่ท่านอาจารย์ยกตัวอย่างขึ้นมาแบบนี้
    สมมุติว่าชายคนนั้นเลื่อมใสและก็อยากจะบวชกับอาจารย์พระธุดงค์ ถ้าพระธุดงค์ท่านศึกษาพระธรรมวินัย ท่านก็จะรู้ดีว่าควรจะหาทางออกยังไง ท่านก็อาจจะบอกว่าบวชก็บวชได้
    แต่ท่านก็เลี้ยงแม่ดูแลแม่เหมือนเดิมแบบนี้มั้งครับ บิณฑบาตมาก็แบ่งอาหารส่วนหนึ่งให้แม่
    ท่านเองก็อาจจะจำพรรษาแถวบ้านของตัวเอง พอดูแลแม่เข้านอนเสร็จสรรพก็ค่อยไปนั่งสมาธิอะไรแบบนี้มั้ง

  • @อาทิตย์ปัตย์จติการ

    ในพระสูตรมีคน มีสัตว์ มีเรา มีเขา มันดีไหม มันดี เพราะอะไร เพราะคนฟังมันยังเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นเรา เป็นเขาอยู่ ท่านสอนจนเห็นแจ้งเห็นจริง ก็พ้นความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขาไป ด้วยพระสูตรนี่ล่ะที่สร้างพระอรหันต์ขึ้นมามากมาย ฉะนั้นภาวนาไม่ใช่เรื่องอะไรที่จะต้องเรียนอะไรมากมายเลย เวลาที่พระพุทธเจ้าสอนแล้วเขาบรรลุมรรคผลกัน ท่านสอนคนละนิดไม่ได้สอนเยอะ ไม่ได้สอนทีหนึ่งหลายๆ บท ไม่ใช่ สอนนิดหน่อย อย่างสอนพระปัญจวัคคีย์ สอนทีแรกสอนเรื่องทางสายกลาง ไม่ตึงไปไม่หย่อนไป ทางสายกลางคือมรรคมีองค์ 8 ท่านได้โสดาบัน ท่านสอนให้เห็นขันธ์ 5 เป็นอนัตตา สอนแล้วก็เป็นพระอรหันต์ เห็นไหมเรียนนิดเดียว ไม่ได้เรียนอะไรมากมายหรอก
    พวกเรียนเยอะไปไม่รอดหรอก วันๆ ก็ฟุ้งไปเรื่อยๆ อย่างมีลูกศิษย์บางคนมาเสนอว่าอยากเขียนแอปพลิเคชัน เวลาฟังหลวงพ่อเทศน์ แล้วก็มีปุ่มหนึ่งกดปุ๊บแล้วมันจะขึ้นเลยว่า อันนี้อ้างอิงไปถึงพระไตรปิฎกเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ไปอ่านได้ อันนั้นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของหลวงพ่อ สิ่งที่หลวงพ่อต้องการคือพวกเราฟังเทศน์จบแล้วไปปฏิบัติ ไม่ใช่ให้ไปอ่านหนังสือต่อ อันนั้นผิด แทนที่ฟังธรรมะจบแล้วจะไปภาวนาบรรลุมรรคผล จะไปนั่งอ่านหนังสือแล้วก็จำอะไรต่ออะไรเต็มสมอง มันได้อะไรขึ้นมา ฉะนั้นหลวงพ่อไม่ได้เห็นด้วยหรอกจะไปทำแอปพลิเคชันอะไร ให้อ่านหนังสืออะไรเยอะแยะ เสียเวลา
    ภาวนาถึงจะเข้าใจธรรมะ บอกแล้วว่าธรรมะเข้าใจไม่ได้ด้วยการอ่าน ธรรมะก็เข้าใจไม่ได้ด้วยการฟังเยอะๆ ฟังนิดๆ หน่อยๆ พอให้รู้วิธีปฏิบัติ แล้วก็ลงมือปฏิบัติไปให้มันจริงจัง ไม่เคยรักษาศีลก็รักษาเสีย ไม่เคยฝึกจิตใจของตัวเองให้ตั้งมั่นก็ฝึกเสีย ไม่เคยเห็นกายเห็นใจตามความเป็นจริงก็เห็นเสีย อยากเห็นกายเห็นใจตามความเป็นจริง ก็ใช้วิธีมีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง ถ้าจิตไม่ตั้งมั่นและจิตไม่เป็นกลาง จะเห็นความจริงของกายของใจไม่ได้ จะไม่เห็น
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม
    18 มิถุนายน 2565