ดูแล้วยิ่งทำให้อยากอ่านหนังสือที่กำลังจะออกของ Illuminations Edition ที่ชื่อ Understand Existentialism มากขึ้นไปอีกครับ ดูแล้วแนวคิดไปทางเดียวกับ Stoic ที่ต้องรู้จักควบคุมตัวเองไปสู่ Best Version of me แต่อันนี้เน้นย้ำไปที่อิสรภาพในการเลือกที่จะทำ เลือกที่จะเป็นด้วย ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกมั้ยนะครับ
ปรัชญาสาย “โลกสวย” 🤣🤣🤣 ปล. ส่วนตัวผมเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนถูกกำหนดให้ born to be something or someone ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่เรามีหน้าที่ต้องหาให้เจอว่าสิ่งนั้นคืออะไร และเมื่อเจอแล้วเราจะหมดข้อสงสัยในทันทีว่าเราเกิดมาทำไม ซึ่งบางคนอาจจะโชคดีเจอเร็ว ในขณะที่บางคนตั้งแต่เกิดจนตายอาจจะหาไม่เจอเลยก็ได้ ☝️🙄👆
ที่บอกว่าถูกกำหนด ก็เราเองที่กำหนดทั้งสิ้น สังคมที่โตมาก็มีผลต่อการตัดสินใจเรื่องต่างๆ และมันก็คือการตัดสินใจของเราเอง และการ born to be something or someone ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องเจาะจงว่าต้องหา หรือคิดว่าบางคนจะเจอหรือไม่เจอ เพราะสิ่งเล็กที่เกิดขึ้นในชีวิตจากการตัดสินใจของคนๆนึง นั่นก็คือ something or someone ของชีวิตนั้นแล้ว และมันจะเปลี่ยนไปตามเวลาที่เรายังมีชีวิตอยู่
00:00 Highlight
00:42 Existentialism คืออะไร
07:26 เสรีภาพยากอย่างไร
12:53 ทำไมเราต้องเลือกด้วยตัวเอง
16:26 เสรีภาพมีราคาที่ต้องจ่าย
18:16 ข้อดีของ Existentialism
22:09 ข้อน่าเอ๊ะของ Existentialism
24:06 คำถามทิ้งท้าย
24:33 ชวนคุยถึงหนัง Queen of Walking
ผม อายุ 13 ปี รู้ว่าสิ่งที่พ่อแม่กำหนดไม่ใช่ ความหมาย ผมฟัง พอดแคสต์ปรัชญา ตอน 1 ถึง ตอนนี้ ก็เข้าใจชีวิตมากขึ้นนะ แต่ผมไม่รู้นะว่าชีวิตข้างหน้าเป็นอย่างไรมีบางพอดแคสต์ที่ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ถ้าผมเติบขึ้นคิดว่าสามารถตกตะกอนได้ถึงสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นและผมรู้ว่าผมมีความคิดที่เติบกว่าเด็กอายุเท่ากัน
ลุงแนะนำสำหรับสาย Existentialism (ชื่อยาวจริง) ให้เริ่มจาก สร้างตัวเลือกที่ 3 ด้วยตัวเองสม่ำเสมอ เริ่มจากเรื่องง่ายๆ เช่นวันนี้กินอะไรดี แล้วตั้งคำถามทั้ง 3 ตัวเลือกที่มีว่ามันมีข้อดีข้อเสียยังไง แล้วจึงค่อยเลือก พอทำเป็นประจำ เราจะสร้างทางเลือกด้วยตัวเองได้อย่างแม่นยำ แม้ในเรื่องที่ยากจะตัดสินใจ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ทุกทางเลือกเราจะเลือกถูก สำหรับสาย existential ก็จะไม่เสียใจกับการเลือกที่ผ่านมาแล้ว เพราะเราแก้ไขอดีตไม่ได้ แถมเราได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดของเราด้วย ขอให้โชคดี
เป็นกำลังใจให้นะครับ ถึงจะงงๆ แค่คิดจะเริ่มคิด ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากแล้วครับ
13 เรา ยังไม่รู้เรื่องเลย ฟังเยอะๆ ฟังไปเถอะหลายๆเรื่อง ฟังแล้วเอื่ยๆเฉื่อยๆ มันปรับได้ไห้เร็ว 1.25 1.5
เดี๋ยวมันconnect the dot เอง ❤
หากมีโอกาสได้ออกไปใช้ชีวิตให้ไปทำลงมือทำเยอะๆ คุยกับคนอื่นเยอะๆ พอกลับมาฟังอีกทีจะไม่เหมือนเดิม
ชีวิตที่ดีของเราคือชีวิตที่เลือกได้นี่แหละค่ะ เมื่อเลือกได้เองก็ยิ่งมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ ทำตามศักยภาพและความสามาาถของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ถ้าโจทย์ของเรามันบรรลุแล้ว หรือวันหนึ่งมีโจทย์ใหม่ที่อยากไปทำมากกว่าก็เปลี่ยนได้ และการตัดสินใจของเราจะยิ่งมีอิสระเมื่อเรามีการบริหารความเสี่ยงที่ดีค่ะ
ฟัง 1 รอบแล้วต้องกลับไปฟังซ้ำเลยค่ะ ถูกอะไรขนาดนี้นะ
เลือกเองก็กลัวเจ็บเอง แต่พอไม่ยอมเลือก มันจะยังค้างคาใจว่า ทำไมเราไม่เลือกและไม่มีความหมายจริงๆในชีวิต พอลองเลือกเอง เจ็บหน่อย แต่เป็นตัวเราเอง
ชอบที่มีการยกตัวอย่างซีรี่ย์หรือหนังมาด้วยค่ะ ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าจริงๆ แล้ว ปรัชญาไม่ได้นามมธรรมขนาดนั้น และใกล้ตัวมากกว่าที่คิด อาจจะอยู่ในตัวเราเลยด้วยซ้ำ
ดูคลิปที่แล้วแล้วมาดูคลิปนี้ รู้สึกชีวิตมีความหมายขึ้นเยอะมาก ผมเป็นคนที่เชื่อในแบบ nihilism มาตลอด แต่มันรู้สึกหดหู่อยู่ลึกๆ พอมาดูคลิปนี้ทำให้รู้สึกคิดได้ขึ้นเยอะ ว่าถ้าชีวิตมันไม่มีความหมาย เราก็สร้างมันขึ้นมาในแบบใดก็ได้หนิ
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ประจำสัปดาห์เช่นเคยครับ 😊
ปล. เสียงใน ep นี้ ดูแตกต่างจาก ep ก่อนๆ ไหมนะครับ? ผมรู้สึกว่ามันมีมวลเสียงที่หนาหน่อย ไม่ได้สว่าง ใสๆ เหมือน ep ที่ผ่านๆมา หรือว่าผมคิดไปเอง 😅
ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจ ทีมงานจะพัฒนาคุณภาพของเนื้อหาและการนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีต่อไปครับ 💜
การเลือกตามคนอื่น อาจเกิดจากความคาดหวังในผลลัพธ์ที่คนอื่นเคยได้รับจากการเลือกที่เหมือนกันนั้น หรือรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องคิด ไม่ต้องจัดการ และรับผิดชอบในการเลือกเอง เพียงใช้ชีวิตไปตามทางที่เชื่อว่ามีคนเลือกไว้ให้แล้ว โดยลืมไปว่า แม้จะเป็นการเลือกแบบเดียวกัน แต่เนื้อแท้และคุณสมบัติในตนที่แตกต่างกัน ย่อมให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
หลายคนอาจมองไม่เห็นว่าตัวเองมีสิทธิเลือก แต่ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือ บางคนรู้ว่าตนมีสิทธิ์เลือก แต่กลับกลัวการเลือกหรือการตัดสินใจ ความกลัวนั้นอาจเกิดจากความไม่รู้ในผลลัพธ์ ซึ่งการกลัวต่อความไม่รู้ไม่ใช่เรื่องผิด ... แต่ปัญหาคือ ความไม่เชื่อมั่นในศักยภาพตนเอง ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเอาอยู่ ไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดจากการเลือกได้ จึงไม่อยากรับผิดชอบทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่เลือกตั้งแต่ต้น
การเอาใจผูกไว้กับความคาดหวังต่อผลลัพธ์เลยกลายเป็นความเปราะบางทางจิตใจรูปแบบหนึ่ง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คน ๆ หนึ่งพิจารณาด้วยตัวเองอย่างที่ถ้วนต่อสิ่งที่ตนเลือก และลงมือทำเหตุอย่างเต็มที่ แล้วปล่อยวางผล หากเขาได้ทำอย่างสุดความสามารถ แม้ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังก็จะไม่รู้สึกผิดกับตัวเอง เพราะได้ทำเต็มที่ทำดีที่สุดแล้วในศักยภาพของตน
เมื่อเข้าใจว่าทุกสิ่งเป็นเพียงสมมติ ไม่มีสิ่งใดจริงแท้ หากสิ่งนั้น (ความหมาย) สูญหายไป อาจรู้สึกเสียใจได้ในช่วงเวลาหนึ่งตามธรรมชาติของเหตุปัจจัย แต่เราจะไม่ไปยึดติดกับสิ่งนั้น ไม่ยึดติดกับคำว่า ตัวเรา ตัวตน ... เห็นเพียงเนื้อแท้ เห็นเพียงคุณสมบัติในตน เราจะแค่ใช้คุณสมบัติที่มี (แต่ไม่ใช่การเป็น) สร้างประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สังคมได้ โดยไม่ต้องยึดกับอะไรใด ๆ เลย
ปล. "เส้นชัย" เป็นเพียงสมมติที่คนส่วนใหญ่ตกลงให้คุณค่าเพื่อวัดความสำเร็จหรือความล้มเหลว หากเงื่อนไขเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ก็อาจเปลี่ยน ... แต่ใด ๆ ทุกเหตุการณ์ล้วนส่งให้มันบ๊กรู้ตัวเองมากขึ้น ที่ผ่านมาเธอแค่ไม่เห็นไม่รับรู้ แต่การที่เธอเลือกมาลงแข่งในครั้งนี้ทำให้เธอได้รู้ และการที่เธอนอนตรงนั้นเธอแค่เลือกที่จะนอน ในขณะเดียวกันการตัดสินจากคนรอบข้างไม่ใช่การเลือกของมันบ๊ก แต่เป็นคนอื่น ๆ ต่างหากที่เลือกจะใส่การตัดสินให้เหตุการณ์นั้น
ถ้าสามารถบอกใครก็ตามที่กำลังเผชิญกับการเลือกอยู่... จงสร้างเหตุปัจจัยให้เต็มที่ แล้วปล่อยวางผลลัพธ์
ชอบที่บอกว่า การที่รู้ว่า เลือกสิ่งนี้แล้วรู้ทั้งรู้ว่ามันมีความเสี่ยง ไม่มีอะไรมารับประกันได้ หมายความว่าเรามีเสรีภาพ ชอบมากๆๆ
ตรงกับตัวเองสุดๆครับ ตอนนีอีกไม่กี่ปีจะ 30 ปีแล้ว แต่ตั้งแต่เกิดแทบไม่เคยได้เลือกเส้นทางชีวิตตัวเลย จนกระทั่งเรื่องงานที่ตัวเองทำ ชีวิตตอนนี้ว่างเปล่ามากๆ เหมือนทำงานให้ได้เงินไปเดือนๆ ไม่รู้จะพัฒนาตัวเองไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพื่ออะไร หรือเพื่อใคร จนถึงตอนนี้มันกลัวไปหมด กับการที่จะลองออกจากกรอบหรือทำอะไรที่ท้าทายตัวเอง เรียกว่าเป็นช่วง 20 กว่าปีกับประสบการณ์ชีวิตที่น้อยมาก คุยกับเพื่อนอายุเท่ากันรู้สึกเค้าเป็นผู้ใหญ่ ประสบการณ์ชีวิตเยอะกว่ามาก คิดแล้วก็เศร้า 😢
ชอบเรื่องเล่า มันบก มากเลยครับ ความยากของสถานการณ์คล้ายกันคือ เรามี mindset หรือความกล้า, ความพร้อมที่จะเปลี่ยนมุมมองว่า นรกอยู่ที่คนอื่นได้เมื่อไหร่ และคนอื่นจะเปลี่ยนคำถาม จากความสำเร็จหรือล้มเหลว มาเป็นคำถามที่เกี่ยวกับความสุข หรือการดำรงอยู่ของคนคนนั้น อย่างมีความหมาย ขอบคุณ podcast ดีๆ ประกอบการออกกำลังกายเช้านี้ ครับ ❤
ดีใจที่ได้มาฟัง และติดตามรายการนี้มาตลอดค่ะ ขอบคุณที่ทำรายการดีๆออกมานะคะ ขอบคุณที่ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้เผชิญเหตุการณ์ต่างๆเพียงลำพัง 🥹
แงงง ฟังแล้วใจฟูมาก ไม่ว่าใครจาฟังเน้นวิชาการใดๆ แต่เราฟังแล้วเอามาคิดต่อกะต่อตัวเองแล้วดีใจมากที่มาดู ขอบคุณที่ทำคลิปมากนะ เราฟังแล้วมันมีความหมายต่อมายเซ็ตเรามาก ว่าคงมีแต่เราที่กำหนดชีวิตตัวเองและรู้ว่าเราเก่งและความหมายมากแค่ไหน คนอื่นช่างแม่ง แงงงตื้นตันว่ะ
หัวข้อนี้ทำให้เห็นตัวเองกระจ่างชัด และเหมือนมาตอบ ปลอบประเด็นชีวิตที่ผ่านมาเลยค่ะ ขอบคุณที่ทำรายการนี้หัวข้อนี้ออกมานะคะ
ผมชอบแนวคิดนี้นะ
เพราะชีวิตนั้นไร้ความหมายอยู่แล้ว ผมถึงไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่เราทำจะมีความหมายหรือไม่ ไม่ค่อยสนใจว่าคนอื่นจะให้ค่ามันมากน้อยแค่ไหน(ซึ่งก็นานอยู่กว่าจะใจแข็งแบบนี้ได้) เรามีอิสระที่จะทำ อิสระที่จะเลือก และในวันที่เราบอกว่าเราเลือกไม่ได้...จริงๆ เราก็มีตัวเลือก แค่เราเลือกไปแล้วว่าเราจะไม่เลือกอันนี้ เราเลยรู้สึกว่าโดนบังคับให้เลือกอีกอัน
แต่เรายังเป็นคนเลือกนะ เหมือนเลือกที่จะไม่โดดตึกตอนอยู่บนดาดฟ้าน่ะ
คือทั้งสองคนเก่งมากเลยครับ อธิบายเรื่องแบบนี้ให้เข้าใจและคล้อยตามได้ จะไปตามฟังต่อทุกอีพีครับ
Thanks!
ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจ ทีมงานจะพัฒนาคุณภาพของเนื้อหาและการนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีต่อไปครับ 💜
กรอบค่านิยมของสังคม
กฏหมาย ศาสนาความเชื่อ
หากยังมีสิ่งเหล่านี้ ก็ยังไม่เสรีจริงๆ มีแค่เสรีมากหรือน้อย
ขอแค่เคารพสิทธิของตนและผู้อื่น ไม่ละเมิดซึ่งกันและกัน เคารพสิทธิการมีชีวิตอยู่บนโลก สิ่งมีชีวิตต่างเป็นแค่ผู้อาศัยชั่วคราว
เผลอๆเราต่างถูกขังไว้ในโลก
พิมพ์ในความเข้าใจส่วนตัวก่อนฟัง
"shortcut ปรัชญา"เป็นหนึ่งในรายการที่ชอบเลยค่ะ แต่ก็ทำให้คิดถึง"ใดๆในโลกล้วนฟิสิกส์" จัง เป็นรายการที่ทำให้หนูชอบฟิสิกส์เลย สามารถนำตัวรายการกลับมาได้ไหมคะ
ปล. พิธีกรคู่แนะนำเป็นครูพี่เกรท(on demand) พิจารณาดูค่ะ
สนุก
ผมก็ไม่เคยนิยามตัวเองแต่คิดว่าน่าจะเป็นแบบคลิปนี้ ผมเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตนเองเสมอ ไม่ว่าจะทางที่เสี่ยงและน่ากลัวที่จะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็คุ้มค่าที่จะลอง ไม่ว่าจะผิดทาง หรือถูกทาง ผมสามารถยอมรับมันได้และก้าวต่อแบบไม่ยากเลยทำให้ชีวิตไม่ค่อยมีเรื่องเครียดในชีวิตเพราะเลือกทุกอย่าฃเองในชีวิตและเรารับผลของมันได้ ผมเลือกเส้นทางตัวเองจนทำให้มีทุกวันนี้จนเข้าใจโลกมากขึ้นจากการออกจากกรอบของสังคมที่ค่านิยมคือการไม่เสี่ยงและอยู่ในกรอบเดิมๆ
การออกนอกกรอบเพื่อเลือกแนวทางตัวเองไม่ง่ายแต่มันคุ้มนะที่เราจะลองดูเพื่อลองสัมผัส เสรีภาพในชีวิต สักครั้งนึง
ฉันมองตัวเองเป็น Existentialist ที่เลือกเชื่อและศรัทธาในพุทธศาสนา
พิธีกรเยี่ยมยอดจริงๆ ครับ fc ❤
เคยพยายามต่อเลโกของตัวเอง แต่สุดท้ายด้วยเหตุผลที่ว่าเราอยากเห็นคนสำคัญที่สุดของเรามีความสุข ก็เลยไม่ได้ต่อเลโก้นั้นอีก สุดท้ายแบบนี้คือเรากำลังขี้ขลาดไม่กล้าใช้เสรีภาพของตัวเองรึเปล่านะ 🥲
ขอบคุณค่ะ ขอให้มีความสุขในปีใหม่นี้นะคะ
สนับสนุนรายการดี ๆ
ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจ ทีมงานจะพัฒนาคุณภาพของเนื้อหาและการนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีต่อไปครับ 💜
บ้างที่ การมีอยู่ของมนุษย์ ก็คือ ตัวแทน จากแหล่งกำเนิด
ตายไป ก็กลับสู่จุดกำเนิด การดำรงอยู่
ก็แค่ ขยายจิตสำนึก ใหม่ๆ
เสรีภาพ ก็เหมือนกับ สถานะ ที่พร้อมจะเปิดประตูบานใหม่ๆ จากทุกด้านของชีวิต ทั้งด้านขาว และ มืด
ทุกวันนี้เลือกต่อLego2ตัวเท่านั้น คือ
1.) LEGO การงาน
2.) LEGO ครอบครัว
นอกนั้นปล่อยผ่าน รักษาความสัมพันธ์ให้ดีที่สุดครับ
คุณทำอะไรเพื่อให้คุณกลายเป็นคนที่คุณอยากเป็น *ประโยคนี้ดี*
ชอบตอนนนี้ที่สุดดด รู้สึกอินมากๆๆๆๆ
ดีมากเลยฟังสบายมีความรู้
❤ ขอบคุณสำหรับคอนเทนต์ดีๆ
Learn-Unlearn-Relearn คือเส้นทางของผู้แสวงหาความจริง
ผมฟัง shortcut ปรัชญามากไปจนเกิดอาการแปลกๆ ในความคิดรู้สึกสับสนมากๆ พอไปปรึกษาคนรู้จัก เขาบอกว่าผมเป็น Existential crisis เหมือนจะฟังมากเกินไปจน สับสนกับตัวเอง กลายไปเครียดไปซะอย่างงั้น
ด้วยความหวังดีครับ มันพาเราดิ่งได้จริงครับ
เพิ่งไปดู Joker 2 มา พอดู plot ดีๆก็เกี่ยวกับ existentialism เหมือนกัน ตอนใกล้จบเป็นครั้งที่สองที่ Arthur ตัดสินใจด้วยตัวเอง (ครบเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ)
อาจจะมองว่าตัวอย่างเเบบมืดมนของ existentialism
ไม่รู้ทำไม่ถึงเข้าใจเรื่องแบบนี้ตั้งแต่ยังเด็ก หรือเพราะเราแก่แดด มันทำเอาผมแทบไปไม่ถูกกับชีวิตกับการเข้าใจว่าอิสระไม่มีอยู่จริง มีแค่ทางเลือกเท่านั้นที่คุณจะทำ ไม่ว่าจะทำอะไรตัวคุณเข้าใจรึป่าวว่าคุณตัดสินใจเลือกทำอะไรลงไป ความเข้าใจสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มจินตนาการให้ผม และทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เธอยังไม่เข้าใจ อิสระที่แท้จริงหนะมีอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดมีอิสระอย่างแท้จริง
@@nutta138อันที่จริงการไม่มีอยู่ของผมมันคืออิสระ แต่เมื่อผมมีชีวิตผมกลับไม่อยากยอมแพ้ซึ่งนี่ไม่ใช่อิสระ เพราะผมจะเลือกทำอะไรมันออกจะดูเสรีแต่ความจริงมันมีข้อจำกัด เช่นผมต้องกินข้าวเพื่อมีชีวิต
@@kurumi2589 เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง ความคิดหรือความชอบ ความอยาก ไม่ใช่เราเลยไม่มีอะไรที่เป็นของเราสักอย่าง หากถึงจุดที่ไม่มีเราแล้ว จะสุขจะทุกข์หรือจะลำบากเพียงใดย่อมไม่อาจทำอะไรเราได้แล้ว จุดนั้นเหละคืออิสระอย่างแท้จริง อิสระที่จะทำอะไรได้โดยไม่ต้องยึดกับความสุขและความกลัวจะทุกข์ทรมาน โดยใช้สติและความเข้าใจว่าทุกสิ่งก็เป็นเช่นนั้นเอง ขอให้พบอิสระที่แท้จริงสักวันครับ
เหมือนศิลปินบางคนที่เก่งมากๆ บอกว่าผลงานที่ออกมานั้นมาจากพระเจ้า ไม่กล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำ ไม่เชื่อว่าตัวเองนั้นเก่งจริงๆ
ตายและ ผมพึ่งจะแอะใจว่า เราเลือกอะไรก็ได้จริงๆ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็เหมือนไม่มีเป้าหมายอะ หรือถ้า เราพอใจหรือมีความสุขแล้วกับสิ่งนี้ มันก็จะทำให้ไม่พัฒนาให้ดีขึ้นรึเปล่า โดยรวม เข้าใจแล้วว่า ความหมายของอิสรภาพในการเลือกนั้น มันไม่มีอะไรเลย เราแค่สร้างความหมายให้มัน จะเป็นความสุข หรือ อะไรก็ตาม
พระเจ้ามันเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เพราะทุกสิ่งล้วนอยูในความหมายที่ ถูกสร้างจากคนอื่นๆอยู่แล้ว แม้แต่เราเอง ก็ไม่ได้สร้างความหมายสิ่งต่างๆตามที่คิดจริงๆ มันเหมือนกับการ สร้างอิสระภาพ ในที่ ไม่มีอิสระภาพอยู่แล้ว คำตอบคือ อิสระภาพ คือภาพลวงตา ดีๆนั่นเอง
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเจ้าชายสิทธัตถะ บรรลุธรรมตอนที่ไปนั่งใต้ต้นโพธิ์. แต่ผมเชื่อว่า ท่านบรรลุธรรมหลังจากได้ระลึกได้ว่า การบำเพ็ญทุกรกิริยา (ตามความเชื่อในสมัยนั้น) ว่าไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์. ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องของ มันบก. และนี่คือหนทางในการค้นพบตัวเอง (self-actualization).
✔️🧠
เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเลยครับ
ไม่มีผู้ใดบรรลุธรรมได้ครับ พระพุทธเจ้าหรือตถาคตเคยบอกไว้ ใบ้นิดนึงว่าเป็นปริศนาธรรมที่ลึกซึ้งที่สุด
@@nutta138 ไม่มีตัวตนที่แท้ แค่เห็นและเข้าใจธรรมชาติตามความเป็นจริง เช่นนั้นเอง
ผมก็พึ่งได้ยินมาไม่นานว่าท่านพระพุทธ สรัตสรู้ได้เพราะใต้ต้นโพ😂😂😂 ส่วนที่เรียนๆๆกันมาเขาก็สอนตลอดมานะว่ารู้ได้ด้วยตัวท่านเอง ต้นนั่นนะคือที่พักของท่าน ที่เรียกว่าต้นโพ แปลว่า ต้นแห่งความรู้จริงๆต้นไม้ต้นนั่นคือต้นไทร😂😂😂
ฟังแล้วต้องย้อนไปอ่าน Man’s search for meaning อีกรอบ 😆
อยากให้รายการ เสียง ทุ้ม นุ่ม กว่านี้อีก จะฟังสบายมากค่ะ อันนี้ ยังแน่นๆ แข็งๆ
มันคือการคิดนอกกรอบ คิดนอกเหนือจากบริบทต่างๆ ณ ขณะนั้นของปัจเจกชน แต่การคิด ตัดสินใจ เพื่อเลือกของปัจเจกชนแต่ละคนมีปัจจัยในการตัดสินใจไม่เหมือนกัน ปัจจัยแต่ละคนมีบริบทที่มาประกอบการตัดสินไม่เหมือนกัน
ผมชอบคุยเรื่องแนวนี้กับเพื่อน ส่วนมากมักเป็นตอนเติ
มเนื้อ
พูดมามีแต่น้ำทั้งนั้น หลักของปรัชญา Existentialism คือ มนุษย์ทุกคนมีเสรีภาพในการเลือกเสมอ แม้ไม่ได้เลือก ก็เลือกแล้ว คือ เลือกที่ไม่เลือกอะไร แต่.. สิ่งที่สำคัญที่สุดในทุกๆการเลือกนั้น ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบเสมอด้วย ไม่ว่าผลของการเลือกเหล่านั้นจะดีหรือไม่ก็ตาม
พูดแต่เนื้อแบบในคอมเม้นคุณคลิปมันก็สั้นแค่นาทีเดียวสิครับ
ขอบคุณครับที่ทำตอนนี้
ชอบมากครับฟังเวลาทำงานตลอด
ผมขอมาแบบ Magical Realist อีกครั้งนะครับ ... ด้วยการเทียบเคียงชีวิตกับการประกอบสร้างบางสิ่งบางอย่างที่เป็นรูปธรรม สำหรับผมแล้วกลับไม่ได้คิดว่ามันเป็นเหมือนการต่อเลโก้น่ะครับ เพราะด้วยวัสดุ ด้วยส่วนนูนส่วนเว้าของมัน ด้วยแบบสำเร็จรูปที่หน้ากล่องมี ด้วยขั้นตอนตามคู่มือที่กำหนดทุกอย่างไว้ให้แล้ว ทั้งหมดนี้จึงทำให้ผมเล็งเห็นว่าการเทียบเคียงเป็นการต่อเลโก้นั้นดูไม่ใช่ลักษณะของอภิปรัชญา แต่มีแนวทางที่เหมือนกับศาสนามากกว่าครับ ... Magical Realist ขอเสนอเป็นการประกอบสร้าง 2 แบบดังต่อไปนี้ 1) ประกอบสร้างโดยพันธะทางสังคม มันจะเป็นหินก้อนรีๆ ขนาดใหญ่ต่อขึ้นไปเป็นแนวดิ่ง อาจจะ 3-5 ก้อน แล้วขึ้นไปปลูกบ้านอาศัยอยู่บนชั้นสุดท้ายครับ ลักษณะจะออกเหมือนสถาปัตยกรรมสมัยโบราณ ซึ่งแล้วแต่เลยว่าแต่ละสังคมจะเลือกหินแบบไหนและจะปลูกบ้านสไตล์ใดก็ตามความเห็นที่มีร่วมกันของคนในสังคมน่ะครับ ส่วนแบบที่ 2) จะเป็นการประกอบสร้างส่วนบุคคล ผลงานที่จะกล่าวถึงนี้มีจดบันทึกไว้ใน World Record ด้วยนะครับ นั่นคือการต่อช็อคโกแลต m&m ขึ้นเป็นแนวดิ่งครับ ปัจจุบันแชมป์โลกทำไว้ที่ 6 ชิ้น ซึ่งการต่อ m&m นี่แหละมันโคตรจะชีวิตเลย กล่าวคือราคาของมันนั้นทุกคนเข้าถึงได้ มีอยู่ในแทบทุกประเทศทั่วโลก ระหว่างฝึกต่อไปก็อาจจะกินเติมพลังไปด้วยก็ได้ครับ แล้วมันท้าทายนะถ้าเทียบเคียงกับชีวิตจริงๆ มันต่อยาก แถมล้มแล้วต้องต่อใหม่ตลอด ซึ่งผมเพิ่งจะรู้ข้อมูลใหม่มาครับ ว่าประเทศไหนที่ผู้คนบริโภคช็อคโกแลตมาก ก็จะมีโอกาสที่บุคคลในประเทศนั้นสามารถเข้าชิงและได้รับรางวัลโนเบลมากขึ้นตามไปด้วยครับ มันมหัศจรรย์มาก เรามากินช็อคโกแลตกันเถอะ ต่อเลโก้น่ะต่อเสร็จก็ทำได้แต่วางโชว์บนชั้นนะครับ มันกินไม่ได้สักหน่อย 😅
ตอนนี้กลายเป็นว่า ไม่กล้าประสบความสำเร็จตามแบบที่สังคมเค้าบอกกันว่านี่คือความสำเร็จ เพราะมัวแต่ตีกันในหัวว่านี่คือดีหรอ ไม่ต่างจากตัวละครที่เล่ามาเลยค่ะ อีกนิดจะถึงเส่นชัยแล้วจริงๆ แต่ทำไปทำไมนะ ทำไปแล้วได้อะไรนะ ทำไมทุกคำตอบมันมีแต่เพื่อคนอื่นหมดเลยนะ
เสรี คือ ไม่มีเงื่อนไข
อะไรก็ตามที่มีเงื่อนไข = ไม่เสรี
ซึ่งจะยอมรับได้หรือไม่ก็แล้วแต่คน
ความต้องการ บางอย่างมีเงื่อนไข และเงื่อนไขเหล่านั้นมีขึ้นเพื่อช่วยให้เกิดความสำเร็จและเป็นกรอบในการดำเนินไป และบางครั้งเงื่อนไขที่มีไวเพื่อป้องกันความล้มเหลว
บางที เสรี = ไม่อึดอัด และถึงจะมีเงื่อนไขมีกรอบ แต่ก็ทำได้และไม่มีผลทำให้เราอึดอัด
อยากให้ทางรายการนำเรื่อง soul ของ Pixar มาอธิบายทางปรัชญาจังครับ
ดันค่ะะ
Save zone กดหัวใจไว้
impact สุดๆ ครับ
เป็นปรัชญาที่โชเน็น มากครับ
ดูแล้วยิ่งทำให้อยากอ่านหนังสือที่กำลังจะออกของ Illuminations Edition ที่ชื่อ Understand Existentialism มากขึ้นไปอีกครับ ดูแล้วแนวคิดไปทางเดียวกับ Stoic ที่ต้องรู้จักควบคุมตัวเองไปสู่ Best Version of me แต่อันนี้เน้นย้ำไปที่อิสรภาพในการเลือกที่จะทำ เลือกที่จะเป็นด้วย ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกมั้ยนะครับ
แต่เนื้อหา ดีมากค่ะ
ชอบ episode นี้มากเลยครับ แต่ที่นี้ผมมีคำถามต่อ
ถ้าหากเราเข้าใจถึงหลักการของ Exostentialism แล้ว รู้ว่าเรามีเสรีภาพในการเลือกตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่เรา"เลือก"ที่จะทำตามค่านิยมต่าง ๆ ที่สังคมต่างบอกว่าดี ไม่ว่าจะเป็นทั้งการเลือกสายการเรียน การเลือกอาชีพการงานที่สังคมบอกว่ามีเกียรติและมั่นคง รวมถึงมารยาทต่าง ๆ ทางสังคม อาทิการประพฤติวาจา การวางตัวต่อผู้อื่น การแต่งกาย จะถือว่าเรามีเสรีภาพตามแนวคิดของ Existensialism หรือไม่? ในเมื่อตัวเราเองเป็นผู้ที่ตัดสินใจเลือกที่จะปฎิบัติให้สอดคล้องกับคุณค่าที่สังคมบอกว่าดี หรือว่าการมีเสรีภาพจะต้องเป็นการกระทำที่แตกต่างจากคุณค่าของสังคมอย่างเดียว?
ใครผ่านมาเห็นสามารถมาถกกันได้นะครับ
คิดว่าถ้าเป็นสิ่งที่เรา ‘เลือกเอง‘ เพราะรู้สึกว่ามีคุณค่าและความหมายกับตัวเองจริงๆ ไม่ว่าจะเหมือนหรือไม่เหมือนกับคุณค่าหลัก นั่นก็ถือว่าเราเลือกเองค่ะ แต่ถ้าจะให้ครบถ้วนสำหรับ Existentialism คือเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเราเองด้วย และไม่โทษคนอื่นจากการเลือกของเรา
@@NundaTan ถ้าตามที่เข้าใจจาก ep ผมคิดเหมือนเม้นนี้ครับ
ถ้าเราเลือกเองแต่แรก โดนที่มันจะบังเอิญไปเหมือน norm ของสังคม แต่เราก็เป็นคนเลือกเองและรับผิดชอบต่อการเลือกของเราอยู่ดี โดยที่ไม่ได้กังวลว่าจะต้องให้ออกมาเป็นแบบไหน
31:37 มอง มันบกเป็น absurdist ก็ได้ด้วยมั้งครับ
เด็กๆ ผมต่อเลย์โก้จริงๆนะ
ครั้งแรกคงต่อตามคู่มือน่ะแหละ
เบื่อค่อยเปลี่ยน
สนุกมากครับ
ชอบมากๆ
รักรายการนี้ครับ ❤
ยุกต์แห่งการรู้แจ้งเห็นจริง แต่ยังก้าวไม่ผ่าน คำถาม ว่า เราเป็นใคร?
อยากรู้อะไรก็สามารถจะรู้ได้อยากเห็นอะไรก็เห็นได้ ซึ่งคนในสมัยก่อนๆ เขาไม่มีแห่งคาวมรู้มากมายเท่ากับยุกต์สมัยนี้.
ใครสร้างพวกเรามา คือคำถามที่น่าจะอยู่ในยุกต์สมัยนี้แล้ว.
ความรักขั้นพื้นฐาน คือ เสรีภาพ ไม่ใช้เสรีภาพทุกอย่างมันจะเป็นประโยชน์.
ใคร คือ ผู้ที่มนุษย์จะต้องเกรงกลัว พระเจ้า หรือ กษัตริย์ผู้ปกครองแ่ผนดิน ใครเป็นผู้ให้คุณให้โทษที่แท้จริง.
พวกเราอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน มองไปที่ขอบฟ้าเห็นภาพ ไม่เหมือกัน. ใครเชื้อว่า จะต้อมีชีวิตหลังตามตาย จงสำรวมตนและอดทน หรือ
ใครเชื่อว่า ชีวิตมีแค่นี้ ไม่เชื่อว่า คนที่ตายแล้ว จะกลับมามีชีวิตอีก สำหรับเขา ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการกิน ,การดื่มและการ สนุกสนาน.
ขอบคุณครับ
ขอ Determinism vs Essentialism ได้มั้ยครับ
คิดว่า existentialism เหมือนตอนเราเลือกงาน/คณะที่เราเลือกเรียนเองแล้ว suffer ว่าเป็น “นรกที่เลือกเอง” สุดๆ โทษใครไม่ได้ ก็ตอนตัดสอนใจไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะเจออะไรนี่ ไม่รู้ว่าการเลือกตาม norm แล้วมี norm มีคนอื่นให้โทษอันไหนดีกว่ากัน
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
😮 ว้าว สิทธิชน ปรัชญาที่นำทุกคนไปทางอยู่ร่วมกันมีความคิดเห็นต่าง
รอ อัลแบร์ กามู เลยครับ ep หน้า
เปิดมาเจอพอดี กลับบ้านสบายละ
ถ้าเราไม่มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง เราก็จะกลายเป็นตัวประกอบในเรื่องราวของคนอื่น
เราเคยคิดเรื่องการใช้ชีวิตตามแบบแผนตั้งแต่เด็กๆค่ะ ว่าเราต้องเรียนจบ ทำงาน มีแฟน แต่งงาน มีลูกมีครอบครัว แค่นั้นอะเหรอชีวิตไม่เห็นมีอะไรสนุกเลย จากนั้นก็ใช้ชีวิตในทางที่เลือกเองทุกอย่างจนทุกวันนี้ไม่มีอะไรที่อยากย้อนกลับไปแก้ไขเลยค่ะ มีแค่อยากย้อนกลับไปเพื่อรู้สึกอีกครั้ง
เสรีภาพ ใน ระบบทุนนิยม
คือ รายได้ และ เงิน
แต่นััน คือ สิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาเอง
ฟังอีพีนี้ เหมือนตัวเองตรัสรู้ชอบได้เป็นพระโพธิสัตว์ 😂
เมื่อ ทุกอย่างอยู่อย่างเป็นเหตุผล มีที่มาที่ไป …มันก็คงได้ถูกกำหนดแล้วตั้งแต่บิ๊กแบง
ซีโมน เดอ เบอร์วัว ต่อเลยครับ
17:05 โหหห
อีกคำที่ความหมายคล้ายกันที่ผมชอบคือ spontaneous อยากให้พี่ๆ ขยายคำนี้ แล้วโยงทางปรัญชาให้ฟังได้มั้ยครับ
เจ็บหัวใจ
ต่อไปเรื่อยๆ เป็นตัวอะไร รูปอะไรก็ชั่งมัน ยังไม่เลือกที่จะเลิกต่อ
ประสบการณ์ที่สั่งสมมาก่อรูปเป็นทางเลือก และการยอมรับผลกระทำก็เป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อสร้างนิยามชีวิตให้ตนเอง
ชอบมากใครอยากตามต่ิอไปที่อ.สมพารเลย
ก็กลายเป็นอะไรในสังคม ที่สังคมกำกับให้คุณเป็น.
ชอร์ทคัทปรัชญาตอนหน้าเลโก้เข้าได้นะครับ5555
ผมเริ่มอุปกรณ์😅
ผมไม่ได้ส้างผมทำไห้มันแห้ง😢
มันก็ย้อนกลับไปคำถามที่ว่า มันบกตัดสินใจด้วยตัวเองจริงๆไหม
รับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเราเอง มันเป็นยังไงหรอครับ คิดแล้วก็นึกภาพไม่ออกว่าจะตัองทำอะไร หลังจากที่ได้ตัดสินใจแล้ว
ปล่อยวางและยอมรับให้เหตุและผล
สำหรับผมแล้วคงเป็นการที่เรายอมรับว่าผลที่เกิดขึ้นหลังจากการตัดสินใจนั้นเป็นธุระของเราที่เราต้องจัดการ แต่ถ้าเราไม่ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองเวลาเกิดผลกระทบที่ไม่ดีจากการตัดสินใจนั้นเราคงไม่รับผิดชอบ คือโบ้ยว่า "เพราะ.....เลือกทางนี้ให้นั้นแหละเลยเป็นแบบนี้" ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นกรณีของลูกที่โดนพ่อแม่เลือกนั้นนี้ไห้แทนตลอด
สมมติว่าเราซื้อนมมาเพื่อตีเป็นวิปครีม
แต่ระหว่างตีวิปครีม รู้สึกอยากให้มันข้นกว่านี้
สุดท้ายตีนานไปหน่อยเลยกลายเป็นเนย
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราว่า หลังจากที่ได้เนยมาแทนวิปครีม จะทำยังไง
จะไปซื้อนม แล้วมาตีเป็นวิปครีมใหม่
หรือซื้อวิปครีมแบบสำเร็จเลย
เราไม่สามารถแก้ไขอดีตได้
แต่เราเลือกได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ไม่มีตังซื้อเรโก้ช่วยผมที ดึงผมไปช่วยต่อได้นะคับ
❤
ตอนนหน้าอัลแบร์ กามูร์มาแน่นอนเลย555
❤❤❤
แล้วเรามี free will เหรอ
ถึงตอนนี้จะไม่มี free will แต่เรามี free wifi 😂
เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง
ผมคือคนที่มาไกลมากสำหรับปรัชญาสายนี้
อย่างเรื่องการเมืองที่วันนี้ประชาชนมาหักหาญกันว่าพรรคไหนดีกว่า แต่ผมมองว่า เรามีสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตยทางตรงในโลกนี้อย่างประเทศสวิทเซอแลนด์นะ แถมเครื่องมือในปัจจุบันก็พร้อมทำให้ประชาชนโหวตได้เองในราคาถูก (ถูกกว่า กกต.จัดเลือกตั้ง 1000 เท่า) แล้วนี่จะเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้อีกนานแค่ไหน?
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ
โคตรฮิลล์...😂
🙏🇲🇲
🙏🏻🇹🇭
👻👻👻
งานศิลปะ!!!
คุณคืองานศิลป์ของตนเอง!!!
ปรัชญาสาย “โลกสวย” 🤣🤣🤣
ปล. ส่วนตัวผมเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนถูกกำหนดให้ born to be something or someone ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่เรามีหน้าที่ต้องหาให้เจอว่าสิ่งนั้นคืออะไร และเมื่อเจอแล้วเราจะหมดข้อสงสัยในทันทีว่าเราเกิดมาทำไม ซึ่งบางคนอาจจะโชคดีเจอเร็ว ในขณะที่บางคนตั้งแต่เกิดจนตายอาจจะหาไม่เจอเลยก็ได้ ☝️🙄👆
ที่บอกว่าถูกกำหนด ก็เราเองที่กำหนดทั้งสิ้น สังคมที่โตมาก็มีผลต่อการตัดสินใจเรื่องต่างๆ และมันก็คือการตัดสินใจของเราเอง และการ born to be something or someone ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องเจาะจงว่าต้องหา หรือคิดว่าบางคนจะเจอหรือไม่เจอ เพราะสิ่งเล็กที่เกิดขึ้นในชีวิตจากการตัดสินใจของคนๆนึง นั่นก็คือ something or someone ของชีวิตนั้นแล้ว และมันจะเปลี่ยนไปตามเวลาที่เรายังมีชีวิตอยู่
@@meenpnw1476อาจจะเห็นต่าง แต่ผมยังเชื่อว่า แค่เกิดมาในท้องใคร ที่ไหนในโลกเราก็ไม่ใช่คนกำหนดแล้ว และสิ่งเหล่านี้มันก็ทำให้เราเป็นเรา เพราะฉะนั้นการบอกว่าชีวิตฉัน ฉันกำหนดเอง เลยเป็นเรื่องเชื่อได้ยากสำหรับผมครับ 😊😊😊
@@north9854ที่คุณเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนถูกกำหนดให้ born to be someone การกำหนดนั้นครอบคลุมไปถึงว่า เราถูกกำหนดให้เชื่อในสิ่งที่เราเชื่อด้วยมั้ยครับ
@@north9854และเราถูกกำหนดครอบคลุมถึงการตัดสินใจต่างๆและการกระทำของเราด้วยมั้ย
@@north9854 ผมเห็นด้วยว่าเราเลือกแม่ เลือกที่เกิดไม่ได้ ผมเคยเชื่อด้วยซ้ำว่าพ่อแม่กับสถานที่ที่ผมเกิดส่งผลทำให้ผมเป็นแบบนี้ (ซึ่งก็จริง) แต่พอคิดแบบนี้มันก็หดหู่นะ เราก็จะโทษพ่อแม่โทษสถานที่เกิดโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่ตัวเราและพยายามไม่รับผิดชอบอะไรเลย ทั้งๆที่เราเองก็มีส่วน เราเองก็เลือกเองแท้ๆ แต่ทำไมเราดั๊นไม่อยากรับผิดชอบ เพราะมันเจ็บปวดรึเปล่า? มันเลยยากที่จะเชื่อ
Fight Club