Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
(ถูกหลอกมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งมารู้ตอนศึกษาพุทธวจน) บัวที่สี่ที่แต่งเพิ่มมาคือ บัวใต้ตม ด้วยคนแต่งอาจจะคิดว่าเป็นพวกที่ไม่สามารถสอนได้ รังแต่จะเป็นอาหารของเต่าปลา แต่พระศาสดาสัมมาสัมพุทธะเป็นสัพพัญญู รู้จริงรู้แจ้งทรงทราบว่ามนุษย์ เทวดา มาร พรหม สามารถสอนได้ ช้าหรือเร็วเท่านั้น แม้องคุลิมาล 999 ศพ ก็ยังบรรลุอรหันต์ได้🙏🙏🙏
ผมอยากรู้ ให้ ข้อสำคัญ จากบัว 3-4 เหล่า คืออะไรครับ ผมกำลังศึกษา
@@บัวน้อย-ข้าวหอมบัวประเภทที่ ๑ ดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว รอแสงพระอาทิตย์จะบานวันนี้ บัวประเภทที่ ๒ ดอกบัวที่ปริ่มน้ำ จะบานวันพรุ่งนี้ บัวประเภทที่ ๓ ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ยังอีก ๓ วันจึงจะบาน
สาธุ
แล้วจะแต่งเพิ่มเติมมาทำไมถึง4เหล่า
สุดท้ายซื่อตรงต่อตถาคตสุดก็คือ พุทธวจน
ข้อมูลแน่นมากครับ แต่เสียดายคนไม่ค่อยดู
เขา่ใจละ ดอกบัวมี3เหล่า แต่คนมี4จำพวก
ครับ.ถ้าเหล่าที่4เปนอาหารของปลาและเต่าจะมีเหล่าที่3ได้อย่างไรธรรมแห่งพระตถาคตไม่มีแย้งกันแม้แต่น้อยนิด.กราบสาธุครับ
ขยายความกันไป ธรรมะก็เพี้ยนไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าพระตถาคตตรัสอย่างไรก็เรียนรู้ตามนั้นตรงๆซื่อๆจะดีที่สุดครับ
🌎🌈🌟ขอน้อม🙇♀️กราบ🙏🙏🙏สาธุ สาธุ สาธุค่ะ🧎♀️ *ปล.🙇♀️🙏ขอบคุณมากๆๆๆๆนะค่ะ👻✌
ฟังดูอันนี้น่าเชื่อได้
พี่คะ ขออนุญาตนำสื่อ นำไปเผยแผ่ นำเสนอเป็นสื่อแนะนำของห้องสมุดนะค่ะ
ได้ครับ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
เปรียบบุคคลด้วยดอกบัว ๓ เหล่า [๕๑๑] ดูกรราชกุมาร ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ. เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มีมีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัวหลวง หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ๑. บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้ ๒. บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ ๓. บางเหล่าตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้นได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มีมีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี. ดูกรราชกุมาร ครั้งนั้นอาตมภาพได้กล่าวรับท้าวสหัมบดีพรหมด้วยคาถาว่า ดูกรพรหม เราเปิดประตูอมตนิพพานแล้ว เพื่อสัตว์ทั้งหลาย ผู้มีโสต จงปล่อยศรัทธามาเถิด เราสำคัญว่าจะลำบาก จึงไม่ กล่าวธรรมอันคล่องแคล่ว ประณีต ในมนุษย์ทั้งหลาย. ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงเปิดโอกาส เพื่อจะแสดงธรรมแล้ว จึงอภิวาทอาตมภาพ ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้นเอง.ตปฏ หลวง เล่ม ๑๓ หน้า ๓๔๙ ข้อ ๕๑๑-๕๑๒
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
อนุโมทนากุศลบุญสาธุ🙏🙏🙏🙇🏻
สาธุๆๆกับความรู้ดีๆคับ
ผมเป็นชาวสวน ที่บ้านมีบ่อบัว บอกตรงๆ ดอกบัวที่เกิดในตม ไม่มีหรอกครับ บัวมันจะออกดอกต้องแทงหน่อขึ้นจากตมก่อน มันถึงมีแค่ดอกบัว 3เหล่า คือในน้ำ ระหว่างน้ำ พ้นน้ำ ดอกบัวในตม ใต้ดิน ไม่มีแน่นอน มันผิดธรรมชาติ
พระศาสดา ตรัสว่า สัตต์เปรียบเช่น บัวสามเหล่า (นั้นท่านรวมทั้งสัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏ์ นี้..) ..ส่วนบุคคล สี่จำพวก..กล่าวไว้ เฉพาะ มนุษย์ ทั้งหลาย มีสี่ จำพวก...ครับซึ่งไม่เกี่ยวกับ สัตว์ทั้ง หลาย....ความหมาย มันต่างกัน...เราจึงเเยบคายในคำ ตถาคต ให้มาก..ครับ
เห็นจุดบกพร่องของคำสาวก ได้ชัดขึ้น จริงๆ ครับ
สาธุๆๆค่ะ
เกิดมา33ปีก็มาจบที่พุทธวจนว่า3เหล่า
ขอบคุณที่แบ่งปัน โชคดีที่ได้ฟัง ไม่รู้ว่าเราเป็นบัวเหล่าใหน แต่เข้าใจแล้วว่าคนที่ถูกจัดให้อยู่ประเภทบัวต่ำสุดคือคนที่ถูกเหยียด คงจะเจ็บปวดจากการที่ถูกคนอื่นตัดสินนะค๊ะ เราไม่ชอบฟังธรรมแต่ฟังสคลิปนี้แล้วรู้สึกสบายใจ .
เขาไม่ได้รู้แล้วให้ไปเหยียดใคร แต่รู้แล้วให้เข้าใจ และดูตัวเองว่ารู้ตัวว่าควรปรับปรุงตัวเองอย่างไร
Good.knowlange buddha
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ🙏🙏🙏
ช่องนี้ดีมากเลยขอบคุณนะครับ ทำไมผมเพิ่งเจอ
ອື່ນມີບໍມື້ອື່ນມີສະຫນ່າກະມີ
ต่างกันจริงๆ เพราะบัว3เหล่าพระพุทธเจ้าใช้คำว่า"เหล่าสัตว์ทั้งหลาย"นั่นหมายถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกที่จะเข้าใจในธรรมได้ ยาก ปานกลาง ง่าย ต่างกันขอแค่มีสติปัญญาที่จะเรียนรู้ธรรม โดยไม่แยกว่าเป็นมนุษย์หรือเดรัจฉานแต่คำว่า"คน 4จำพวกในโลก"ก็ชัดเจนว่าเจาะจงแค่มนุษย์ ไม่สามารถนำไปใช้กับสิ่งมีชีวิตอื่นได้เพราะเขาก็อาจจะมีข้อย่อยของเขาเช่น หมา5จำพวกในโลก แมว10จำพวกในโลก เป็นต้นและในความรู้สึกของผม พระพุทธเจ้าน่าจะมองมนุษย์(ส่วนมาก)เป็นบัวพ้นน้ำที่รอรับแสง แต่จะบานในเวลาที่ต่างกันไป ดอกนี้บานเช้า ดอกนั้นบานสาย ดอกโน้นบายบ่าย ดอกถัดไปอาจบานพรุ่งนี้สรุปได้เป็นคน4จำพวกในโลก เพราะถ้าอิงตามคำว่า"โสดประสาท" ภพชาติของมนุษย์ก็น่าจะมีพร้อมกว่าสัตว์อื่นๆ หากเปรียบในเหล่าบัวที่พร้อมรับแสงได้มากที่สุด คือบัวที่พ้นน้ำงั้นในเหล่าสัตว์ที่พร้อมจะรับธรรมได้มากที่สุดก็คือมนุษย์
ทรงพิจารณาสัตวโลกเปรียบด้วยดอกบัว ๔ เหล่า [๙] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงกราบคำทูลอาราธนาของพรหม และทรงอาศัยความกรุณาในหมู่สัตว์ จึงทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ เมื่อตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อยก็มี ที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุมากก็มี ที่มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี ที่มีอินทรีย์อ่อนก็มี ที่มีอาการดีก็มี ที่มีอาการทรามก็มี ที่จะสอนให้รู้ได้ง่ายก็มีที่จะสอนให้รู้ได้ยากก็มี ที่มีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ก็มี. มีอุปมาเหมือนดอกอุบลในกออุบล ดอกปทุมในกอปทุม หรือดอกบุณฑริกในกอบุณฑริก๑. ที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ งอกงามแล้วในน้ำ ๒. บางเหล่ายังจมในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้๓. บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ ๔. บางเหล่าตั้งอยู่พ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว. พระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลาย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุมาก บางพวกมีอินทรีย์แก่กล้าบางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการทราม บางพวกสอนให้รู้ได้ง่ายบางพวกสอนให้รู้ได้ยาก บางพวกมีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน ครั้นแล้วได้ตรัสคาถาตอบท้าวสหัมบดีพรหมว่า ดังนี้:- เราเปิดประตูอมตะแก่ท่านแล้ว สัตว์เหล่าใดจะฟัง จงปล่อยศรัทธามาเถิด ดูกรพรหม เพราะเรา มีความสำคัญในความลำบาก จึงไม่แสดงธรรม ที่เราคล่องแคล่ว ประณีต ในหมู่มนุษย์. ครั้นท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงประทานโอกาสเพื่อจะแสดงธรรมแล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำประทักษิณแล้ว อันตรธานไปในที่นั้นแล. พรหมยาจนกถา จบตปฏ หลวง เล่ม๔ หน้า ๑๑ ข้อ ๙เปรียบบุคคลด้วยดอกบัว ๓ เหล่า [๕๑๑] ดูกรราชกุมาร ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ. เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มีมีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัวหลวง หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ๑. บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้ ๒. บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ ๓. บางเหล่าตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้นได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มีมีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี. ดูกรราชกุมาร ครั้งนั้นอาตมภาพได้กล่าวรับท้าวสหัมบดีพรหมด้วยคาถาว่า ดูกรพรหม เราเปิดประตูอมตนิพพานแล้ว เพื่อสัตว์ทั้งหลาย ผู้มีโสต จงปล่อยศรัทธามาเถิด เราสำคัญว่าจะลำบาก จึงไม่ กล่าวธรรมอันคล่องแคล่ว ประณีต ในมนุษย์ทั้งหลาย. ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงเปิดโอกาส เพื่อจะแสดงธรรมแล้ว จึงอภิวาทอาตมภาพ ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้นเอง.ตปฏ หลวง เล่ม ๑๓ หน้า ๓๔๙ ข้อ ๕๑๑-๕๑๒
ทรงพิจารณาสัตวโลกเปรียบด้วยดอกบัว ๔ เหล่า [๙] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงกราบคำทูลอาราธนาของพรหม และทรงอาศัยความกรุณาในหมู่สัตว์ จึงทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ เมื่อตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อยก็มี ที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุมากก็มี ที่มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี ที่มีอินทรีย์อ่อนก็มี ที่มีอาการดีก็มี ที่มีอาการทรามก็มี ที่จะสอนให้รู้ได้ง่ายก็มีที่จะสอนให้รู้ได้ยากก็มี ที่มีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ก็มี. มีอุปมาเหมือนดอกอุบลในกออุบล ดอกปทุมในกอปทุม หรือดอกบุณฑริกในกอบุณฑริก๑. ที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ งอกงามแล้วในน้ำ ๒. บางเหล่ายังจมในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้๓. บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ ๔. บางเหล่าตั้งอยู่พ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว. พระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลาย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุมาก บางพวกมีอินทรีย์แก่กล้าบางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการทราม บางพวกสอนให้รู้ได้ง่ายบางพวกสอนให้รู้ได้ยาก บางพวกมีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน ครั้นแล้วได้ตรัสคาถาตอบท้าวสหัมบดีพรหมว่า ดังนี้:- เราเปิดประตูอมตะแก่ท่านแล้ว สัตว์เหล่าใดจะฟัง จงปล่อยศรัทธามาเถิด ดูกรพรหม เพราะเรา มีความสำคัญในความลำบาก จึงไม่แสดงธรรม ที่เราคล่องแคล่ว ประณีต ในหมู่มนุษย์. ครั้นท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงประทานโอกาสเพื่อจะแสดงธรรมแล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำประทักษิณแล้ว อันตรธานไปในที่นั้นแล. พรหมยาจนกถา จบตปฏ หลวง เล่ม๔ หน้า ๑๑ ข้อ ๙
เพราะฉะนั้น พระศาสดา จึงกล่าวห้ามไว้ว่า อย่าเติมอย่าตัด ในสิ่งที่ตถาคต บัญญัติไว้ และจงอย่าเงี่ยโสดลงสะดับ ในคำสาวก ..ตถาคต ผู้เดียว ที่เป็นสัพพัญญู รู้จริงทุกเรื่อง....สาวกเป็นเพียงผู้ฟัง ไม่ใช่ผู้บัญญัติ...
ไม่ควรเอาไปปนกันครับที่พระพุทธเจ้าตรัสดีอยู่แล้วจีบพระพุทธเจ้าตรัสไว้ไม่ควรไปเติมเสริมแต่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเหตุของความเสื่อมในศาสนาของเราคือฟังมาผิด1จำมาผิด 1ตีความหมายผิด 1จึงพากันสอนผิดแล้วทุกวันนี้แต่ละคนก็ตีความหมายการปนเปกันไปหมดลงใน UA-cam ทางเพศบรรพชิตและเพศฆราวาสมั่วกันไปหมดคำว่าปะทะปรมะ(บท บรม)บุคคลประเภทที่ 4 นี้ไม่ใช่คนโง่ในรูปแบบของตรรกะหรือคนทั่วๆไปคิดเอาแต่เป็นคนที่มีปัญญาในการรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมทึบจะเรียนมากเท่าไหร่ก็ตามรู้มากเท่าไหร่ก็ตามจำพระไตรปิฎกได้ทั้งหมดก็ตามแต่ไม่สามารถแทงตลอดในธรรมเหล่านั้นได้จึงเรียกว่าเป็นผู้มีบทอย่างยิ่งตามความคิดของผมอาจจะบรรลุธรรมได้แต่อาจจะนานมากถึงอาจจะทั้งชีวิตเลยก็ได้เปรียบเหมือนคนเราทุกวันนี้บางคนสอนแม้จะจับมือสอนก็ทำไม่เป็นก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรจะว่าคนคนนั้นโง่ก็ไม่เชิงแต่บางคนไม่ได้สอนเพียงแค่มองคนอื่นทำก็ทำเป็นแล้วนั่นคือความแตกต่างของปัญญา
สาธุๆ
ทุกวันนี้ น่าจะมี 5 พวกคิดว่าตัวเองรู้แล้ว เจ๋งแล้ว แน่แล้ว เรียกว่า บัวในตมใต้โคลนคอนกรีตเสริมเหล็กทับ
5555555555555555
จะ 3 เหล่า 4 เหล่าขอจงทำตนให้พ้นสักเหล่าก็ยังดีครับ
สาธุคับ ข้อมูลชัดเจน
คำที่ออกจากพระโอษฐ์ของตถาคตคือที่สุดแล้วห้ามเพิ่ม ลดทอนหรือแต่งใหม่
ในพระบาลีกล่าวเพียงบัว 3 เหล่า บัวเหล่าที่ 4 เป็นของเพิ่มเติมภายหลัง ฝ่ายมหายานก็ไม่เห็นด้วยกับบัวเหล่าที่ 4 เพราะเห็นว่าขัดต่อพุทธปณิธานด้วย เป็นการหมิ่นแคลนตัดรอนสัตว์อื่น ในมหายานมีเพียง 3 เหล่า และยังมียืนยันไปว่าทุกตัวสัตว์มีเชื้อแห่งพุทธะ
ต้องตั้งใจฟัง และมีพื้นฐาน มานิดหนึ่ง
อันนี้เห็นด้วยครับ
ทำไมชอบเติมแต่ง.
สรุปจากที่ฟัง คือ ผู้จะรู้แจ้งพระธรรมได้เปรียบกับบัว 3 เหล่า บัวใหญ่บัวกลางบัวเล็ก บัวที่อยู่ในน้ำ บัวที่อยู่ปริ่มน้ำ บัวที่พ้นน้ำเมื่อถูกแสงแดงก็จะบานทันที ส่วนบุคคลที่จะสอนพระธรรมได้เปรียบกับม้ามี 4 พวก 1.ม้าแสนรู้ไม่ต้องฝึกแค่ฟังก็เข้าใจ 2.ม้าที่ต้องฝึกไม่มากนัก 3.ม้าที่ต้องบังคับขู่เข็ญสอนยากสอนเย็นแต่พอได้อยู่ 4.ม้าที่ฝึกไม่ได้เลยเอาไปทำปุ๋ย
🙏🏻🙏🏻🙏🏻...เป็นความ เเจก อรรถกถา ที่มีความเป็นมาจากธรรมคำตรัสสอนเป็นแม่บทไว้ของพระพุทธเจ้า ...เปรียบเหมือนพระกัจจานะที่เเสดงรอยเท้าในที่ไม่มีร้อยเท้าในอากาศของพระพุทธองค์....เป็นความแจกให้ละเอียดในหัวข้อธรรมให้แตกกระจายออกมาให้มากให้เป็นอัศจรรย์โดยไม่ผิดไปจากพระดำรัสตรัสสอนเเละสั่งไว้.
มีใครคิดเหมือนผมไหมนะ ผมว่าคนเข้าใจคำสอนผิดกันหมด บัว3เหล่า ไม่ได้เปรียบหมายถึงคนเลยแม้แต่น้อย หมายถึงธรรมสะสมตั่งหาก ส่วนน้ำหมายถึงกิเลส มองให้ลึกแล้วคิดตามกันดูอ่ะครับ..
ใช่
ผมไม่ได้ตั้งใจจะดราม่า แต่ผมก็หาดูอาจารย์หลายๆท่านสุดท้ายมาจบที่ พุทธวจน เพราะเขาเอาคำศาสดาอย่างเดียว ไม่เอาคำสาวก เพราะสาวกแปลว่า ผู้เดินตาม คนบัญญัติคือคนที่คิดทุกอย่าง ค้นพบทุกอย่าง ไม่ได้จำใครเขาพูดมา เป็นคนกำหนดทุกคำ บาตร จีวร อนิจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกคำอะท่านบัญญติหมด และคำของพระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้เองว่า "ภิกษุทั้งหลาย ! นับตั้งแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ, ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออก ซึ่งถ้อยคำใด ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย." คำพูดท่านไม่ขัดแย้งกันเลย ด้วยความเก่งนี้ั ไม่มีสาวกคนไหนทำได้เลย ผมก็ฟังๆไป มันสั้นๆ ตรงๆ ไม่ได้ยากอะไรเลย
สาธุจริงแท้ ได้พบพุทธวจนมาร่วมเจ็ดปี ปฎิบัติแล้วเห็นจริง
สาธุครับ
@@benrr6097 เห็นอาไร..(ยังหลับอยู่จะบอกว่าเห็น..นิวรณ์ๆๆ)
ใช่ครับ
@@blackpinkarea513 พุทธวจนคำจากศาสดาล้วนๆ
"เลากวิทู" ๓ ร่มโพธิ์ศรี/ใน ๔ เหล่า "นั้น" รพพุท;ธ/รพธมฺ/รพสํฆ"" ๓ ร่มโพธิ์ศรี"ของ" เลากวิทู"บัวสีเหล่าชนี้แลสาธุ 10:14 8:31
สาธุครับ เม้นแรกแห่งความศรัทธา พระพุทธเจ้า
สาธุ ครับ
สามเหล่าถูกแล้วครับ
ขอบคุณครับ
ข่องนี้ดีมากเลย ข้อมูลหลายด้าน ขอบคุณมากๆเลยครับ (ทำไมผมเพิ่งเจอ)
บัวมีอยู่สี่เหล้า
โชคดีที่ได้ฟังค่ะ สาธุค่ะ👍🙏🙏🙏🤟
1.บัวอุบล..2.ประทุมมา 3.บุณฑริก...ก็ถูกต้องเเล้วตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเเล้ว..(จะเอา4เหล่ามาเพื่ออะไรอีก)..คำสอนของพระพุทธเจ้าสมบุณร์เเล้วไม่ต้องอรรถธิบายอีกมันจะยุ่ง
พูดอีกก็ถูกอีก แต่คน4จำพวก ท่านสอนก็มี เจตนาโดยนำมาเปรียบเป็นเหมือนบัว ท่านไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงคำพูดของพุทธองค์ เพียงแค่มาเทียบเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ถ้าคิดให้มีเมตตา คนที่เข้าถึงยาก เข้าใจยาก ก็จะเข้าใจได้มากขึ้นครับ ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นด้วยว่าคำพูดโดยตรงของพุทธองค์ดีที่สุดครับ
ต้องคิดให้ดีครับคำของสาวกกับคำของพระพุทธเจ้าให้ชัดเจนครับเอามาเทียบกันไม่ได้ คำพูดท่านเป็นอกาลิโก แต่สาวกจะมาแต่งเพิ่มนั้นถือว่าผิดแล้วเพราะคิดเอง ถ้าท่านหวังดีให้เข้าใจง่ายไม่ต้องเติมแต่งก็เข้าใจได้ไม่ยากครับ เพราะคำของพระพุทธเจ้าสมบูรณ์ที่สุดแล้ว อย่าลืมนะครับก่อนที่ท่านจะพูดเนี่ยท่านตั้งจิตไว้แล้วจึงจะพูดออกมานี่หละคือคำของพระพุทธเจ้า
อะไรที่เป็นของพระพุทธเจ้าโดยตรงถือว่าเป็นที่สุดและสมบูรณ์แล้ว โดยที่ไม่ต้องไปแต่งเติมให้ตรงกับอุปนิสัยคน ในการเปรียบเทียบให้คล้ายคลึงลึกซึ้งลงไปอีก จะทำให้พระไตรปิฎกผิดเพี้ยนสอดแทรกมาโดยที่ไม่ใช่คำของพระศาสดาโดยตรง คนมีปัญญาเปรียบเทียบแค่นี้ถือว่าเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วกับคำว่าบัวสามเหล่า มาตอนหลังมั่งอรรถกถาใด้แต่งเติมลงไปทำให้คณาจารย์ถกเถียงว่า คำของศาดาหรือสาวกกันแน่
.
พุทธวจนบอกว่ามีบัว 3เหล่าครับ
นี่ไงปัญหาของการเสริมเติมแต่งจะประสงค์ดีก็ตามแต่เป็นต้นตอให้เกิดข้อพิพาทและสำคัญผิดในการศึกษา
บุคคล จำพวกที่4 ปะทะปรมะ..คือไม่ควรเสวนาเพราะ จะเกิดการโต้เถียงปะทะคารม ไม่ฟังเหตุผลอย่างสุภาพชน..จึงควรนิ่งเสียไม่ออกความเห็นจะดีที่สุด..เพื่อไม่ต่อความยาว...
สาธุ สาธุ สาธุ
พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงธรรมไว้ว่าไม่ให้เรา(ชาวพุทธ)ไปฟังคำสอนใดที่คนอื่นมาแต่งต่อเติมอันทำให้เข้าใจว่าเป็นคำของท่านแม้จะเป็นพระที่บรรลุอรหันต์แล้วก็ตาม ดังนั้น คุณควรใส่ข้อมูลนี้ไว้ด้วย สังคมชาวพุทธจะได้ไม่สับสน
แก้ กันมั่วไปหมด ทำให้เกิดความ สับสน เป็นประโยชน์รึเปล่าไม่รู้ แต่ทำให้คน สับสน
นครศรีธรรมราช.อิทัปฯ.ตถตา/ยู่สี.ยู่ไลั../พรรค์นั้นั้นแหละ./มันเป็นเช่นนั้น....!!.นะโว้ย@@&ครับผม..คนคอน😉😉😉
สว่าง กระจ่าง ชัดเจน ขอบคุณครับ
มีความเห็นว่า ตอนนี้ ถูกพวกพรามณ์ แทรกเอาพระพรหม มามีความเกี่ยวข้องกับพุทธ มาแนะพระพุทธเจ้า ในเมื่อตถาคต ตรัสรู้เองโดยชอบ เหตุใดจะต้องพึ่งคำแนะนำจากพระพรหม มีอีกหลายตอนมันทะแม่งอีกหลายตอน มีการแทรกเอาพรามณ์มามีความสำคัญหลายตอน เช่นเอาพระอินทร์ มาแนะเรื่องพิณสามสาย มีอีกตอนเสด็จป่ามหาวัน เกี่ยวข้องกับเทวดาทั้งสวรรค์ ศึกษาไปลึกๆจะสงสัยเยอะ
แทรกมานานแล้วครับ.เป็นพันๆปีแล้ว.แทรกเป็นภาษาบาลีชะด้วยไทยนำคำสอนเข้ามาก้อเอาสิ่งที่ถูกแทรกนั่นละครับมาแปลเป็นไทยกัน
พุทธหมดลงจากอินเดียปุ๊ปโดนแทรกตามมาเลยครับ
เช่นการเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นนั่นเป็นนี่ตามกรรมการกระทำของตนนั้น.พรหมณ์.ล้วนๆครับ
สิ่งที่พุทธสอนแท้ๆนั้นใม่มากมายไรครับ.ธรรมทั้งหลายทั้งปวงใม่มีตัวมีตนใม่ใช่เรา.แค่นี้ครับ.พูดสั้นๆแค่นี้ไครเข้า.ใจก้อบรรลุธรรมไปเลยครับ
พรหมนั้นจะมารู้ดีกว่าพระพุทธเจ้ามาบอกมาแนะนำใม่ได้แน่ครับ.ท่านตรัสรู้แล้วเรื่องแค่นี้ใม่ต้องถึงพรหมมาบอกรอกบางแห่งก้อมีอยุ่ว่าพรหมมาขอฟังธรรมจากท่าน
บุคคลที่จะมาเกิดในโลกนี้มีอยู่สี่ประเภทด้วยกันคือประเภทหนึ่งบุคคลที่สว่างมาแล้วก็สว่างไป.ประเภทสองบุคคลที่สว่างมาแล้วมืดไป.ประเภทสามบุคคลที่มืดมาแล้วสว่างไป.ประเภทสี่บุคคลที่มืดมาแล้วก็มืดไป.นี่คือบุคคลที่จะมาเกิดในโลกนี้มีอยู่สี่ประเภทด้วยกัน..แต่บัวนั้นมีกี่เหล่าไม่รู้เพราะไม่ใช่คนเขียนตำราไว้แต่ที่คนส่วนมากสงสัยคือมันมีอยู่สองตำราที่ขัดแย้งกันตำราแรกว่าสามเหล่าแต่ตำราสองว่าสี่เหล่าและต่างก็อ้างว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เหมือนกัน..แต่ที่แน่ๆคือพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเขียนตำราไว้จึงไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอมเพราะคนที่เขียนไว้ก็อ้างว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เหมือนกันแต่มันก็น่าคิดอยู่ว่าตำราแรกว่าบัวสามเหล่าเท่านั้น..และทุกเหล่าจะได้พ้นน้ำหมดและเห็นแสงตะวันด้วย..แต่น่าคิดว่าจะมีบัวที่ไม่พ้นน้ำบ้างไหมที่ไม่มีโอกาสจะได้เห็นแสงตะวันเลย..ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าจริงๆแล้วในโลกนี้แม้จะนานแค่ไหนก็ตามมันจะมีไหมหนอบัวที่ไม่มีโอกาสได้เห็นแสงตะวันเลยไม่มีโอกาสได้พ้นน้ำเลยเพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง..เพราะความจริงแล้วมันจะมีไหมหนอ..ผมคิดว่าหลายท่านก็สงสัยเหมือนกัน..น่าคิดนะครับบัวที่ไม่พ้นน้ำมันเหมือนบุคคลที่มืดมาแล้วก็มืดไปจริงๆ..
อย่ามองคนแค่100ปีสังสารวัฏยาวไกลมันต้องเป็นโสดาบันในสมัยพระพุทธเจ้าสักพระองค์ล่ะท้าสร้างเหตุมาดี
พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องดอกบัวก็คือดอกบัว พระองค์ตรัสเรื่องคน 4 ประเภทก็คือคน 4 ประเภท ต่างเวลา ต่างวาระ ไม่ควรนะมาปะปนเปรียบเทียบกันครับ อย่าตัดต่อ เพิ่มเติม แต่งเติมง่ะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นหวังดีประสงค์ร้ายดิ เพราะเราไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ใช่สัพพัญญู ไม่ใช่เป็นอกาลิโก ทำแบบนี้ผลง่ายๆ คือทำให้คนสับสนุนกับคำสอนไปเลยคลาดเคลื่อนดิ
ขอบพระคุณครับ
กระทรวงศึกษาธิการโดยหัวหน้า กปปส คงไม่เปลี่ยนไปใช้คำพระพุทธเจ้าครับ คงจะใช้บัว 4 เหล่าตามคำของ สุเทพ สืบไป
พวกอาจารย์รุ่นหลังชอบเติม
ขอบคุณมากครับ
ธรรมกำลัง จะถูกเปิด อีกรอบ
พุทธังสะระณังคัจฉามิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณังคัจฉามิ สาธุครับ
ตามที่ผมเรียนมา เมื่อ 60 ปีกว่ามาแล้วในวิชาศีลธรรม ดอกบัวมี 3 เหล่า. ไม่มี 4 เหล่า ไม่ทราบว่า ดอกบัวมี 4 เหล่า เอามา บันทึกใส่ไว้ในพระไตรปิฎกปี พศ. เท่าใด
60 ปีก่อนวิชาศีลธรรม บอกว่า บัวสี่เหล่า
ความจริง คือ 3เหล่า 4เหล่าคือแต่งเติมขึ้นภายหลัง
ขอเพิ่มยุค2020บัวใต้คอนกรีตเสริมเหล็ก ราดยางมะตอยคือทำไงก็ไม่โผล่จากน้ำ
ช่องนี้ดีที่ระบุที่มาของคติความเชื่อและแหล่งที่มาของเรื่องตลอด ทำให้คนฟังเข้าใจง่ายไม่สับสน
ชอบที่มีแหล่งอ้างอิงข้อมูลละเอียด ทำให้ทราบที่มา
คำว่าโสดประสาท เอาแค่เข้าใจความหมายนี้ใหม ถ้าเข้าใจก็พอได้ ถ้าใครไม่เข้า เรารู้ มีคนรู้ใหมหมายถึงอะไร นี้ละเราไม่โลภมากเราจึงรู้
แต่งเติมเยอะครับ แนะนำฟังพุทธวจนครับ
อนุโมทนาบุญกับช่องนี้ด้วย สาธุ
เหล่าที่ 1 คืออยู่ใต้ตม เพราะพ้นจากตม จึงมีบัวใต้น้ำ.. ตามลำดับ ถ้าไม่มีบัวใต้ตม จะไม่มีบัวไดๆเลย...
แต่พุทธะไม่ได้กล่าวถึงบัวใต้ตม บัวใต้ตม ของคนที่แต่งขึ้นมาในภายหลังคือเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถสั่งสอนได้ ไม่มีปัญญาซึ่งมันก็ดูย้อนแย้งกับหลักคำสอนของศาสนา
เก่ง ฉลาด พูดอะไร สอนอะไร ก็เข้าใจง่าย แต่เลวมากๆ พวกนี้จัดอยู่ในบัวเหล่าไหนครับ
บุคคลในโลกเปรียบดังม้าอาชาไนย์ 4 จำพวกแต่บุคคลที่สามารถรู้ธรรมได้เปรียบดังดอกบัว 3 เหล่าดอกบัวเป็นดอกไม้ที่งดงามจึงเปรียบเทียบเฉพาะผู้ที่สามารถรู้ธรรมได้
ไช่ครับ
อีกหนึ่งพวกมันหายไปไหนคับ
ก่อนพระพุทธองค์ออกสั่งสอนเวไนยสัตว์ พระองค์เปรียบเทียบบุคคลในโลกเป็นบัว3เหล่า แต่เมื่อพระองค์ออกสั่งสอนเวไนยสัตว์แล้ว พระองค์ตรัสถึงบุคคล4จำพวก ต่างกรรมต่างวาระ ถูกต้องแล้วครับ แล้วเรามาโต้เถียงกันทำไม นำตัวเองเข้าไปเปรียบเทียบซิครับว่าตัวเองอยู่ในบัวเหล่าไหน
บัว3เหล่า 4จำพวกคับ
จริงค่ะควรจะเอาตัวเอง ไปเปรีบเทียบกับคำสอนเพิ่น
ฟังธรรมบ่อยๆเป็นประจำ ไม่ประมาทสติดีขึ้นคะ
พระสูตร มีแค่3เหล่า ส่วนหัวข้อที่เป็น เลข4นั้นน่าจะพิมพ์ผิดนะ.โดยพิมพ์แล้วไม่ได้สังเกตมากว่านะ... ว่าเลข3หรือ4.. จึงเกิดข้อขัดแย้งมาตลอด.... มหาเถรเร่งแก้ไขด้วย
แต่เดิมทรงตรัสไว้ ๓ ครับ
บุคคลจำพวกที่สี่คือบัวใต้ตม เป็นพวกที่อธิบายทางหนึ่งแต่เข้าใจไปอีกทางหนึ่ง ไม่มีวันที่จะเข้าใจได้ตรงความหมายของที่ผู้เป็นครูอาจารย์หรือบัณฑิต จึงหมดโอกาสที่จะบรรลุธรรม
แล้วคนทีาว่าตนเองบรรลุธรมนั้นเข้าถึงพระนิพพานรึยัง ถ้ายังอย่าตัดสินคนอื่นเพราะทิฏฐิของตน.. ทำนิพานนให้แจ้งสิ.. ความโลภอ่อนๆก็เปรตอ่อนๆ.. อบรมณ์จิตตน..
อรรถกถา ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงคำสอน แต่คือการอธิบายคำสอนให้ละเอียดเหมาะสมกับผู้มีปัญญาน้อย คำว่าแต่งแก้พุทธพจน์ไม่ใช่การแก้ไขคำสอน แต่คือการอธิบาย (คำจากบาลีหลายคำ มีความหมายเพี้ยนไปจากเดิมเมื่อใช้ในภาษาไทย)พุทธพจน์คือการแสดงโดยย่อ อรรถกถาคือการอธิบาย และในพระไตรปิฎกเองก็มีแบ่งแยกชัดเจนว่าอันไหนพุทธพจน์ อันไหนอรรถกถา ซึ่งอรรถกถาย่อมไม่ขัดแย้งกับพุทธพจน์
แสดงว่าไม่เชื่อในคำของพระองค์แหละ ทั้งๆที่พระองค์ตรัสไว้ว่าคำของพระองค์สมบูรณ์พร้อมทั้งอรรถะพร้อมทั้งพยัญชนะและพระองค์ตรัสห้ามไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลายจะไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จะไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว จะสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัดอยู่เพียงใด ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีเสื่อมเลยอยู่เพียงนั้น”และเท่าที่ผมอ่านมา อรรถกถาจะขัดกับคำองค์อยู่ถึง 60% ฉะนั้นมีความเสี่ยงสำหรับผู้ไม่แยบคายและไม่มีสุตตะของพระองค์ในสัญญาขันธ์ครับ อย่างแค่ขันธ์5เนี่ย แต่อรรถกถาไปย่อยให้เป็นเจตสิก52 ผมว่ามันเกินไปครับ
นี่ขนาดบอกว่าอรรถคาถาย่อมไม่ขัดแย้งกับพุทธพจน์นะ แต่มีบัวเหล่าที่ ๔ งอกออกมาเฉยเลย 55555555
@@ฆญโ๋ฎ๋ฏษฏ ลองไปอ่านภัทเทกรัตตสูตรฉบับที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง กับที่พระมหากัจจายนะทรงขยายความ ทำไมพระพุทธเจ้าทรงรับรองคำที่พระมหากัจจายนะแสดงไว้ทั้งที่เนื้อหาขยายออกมามากกว่าที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เสียอีก
@@รัตนาภรณ์คงประดิษฐ์ ส่วนของที่พระองค์รับรอง ก็เปรียบเสมือนคำพระองค์ถูกแล้วครับ มันเป็นเช่นนั้น แต่ส่วนอรรถกถาคือการเสริมเข้าไปหลังพระองค์ปรินิพพาน ฉะนั้นการรับรองโดยพระองค์เองจึงไม่มีอีกนับจากนั้น พระองค์จึงตรัสกำชับไว้ชัดเจนว่า “ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติ สิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว จักสมาทานในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัดอยู่เพียงใด ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีเสื่อมเลยอยู่เพียงนั้น”ฉะนั้น เป็นการเสี่ยงมากที่ใครก็ไม่รู้รับรองเอง แล้วใส่คำเหล่านั้นลงไป บางพระสูตรมีที่มาและผู้รจนาบอกไว้ชัดเจนที่ลงไว้ไม่นาน ซึ่งเป็นสุตตันตะเหล่าอื่น ใคร่ครวญให้ดีครับ
@@tathagatasawago7569 ชัดเจนเลยครับ 🙏🏻
พุทธวจน สาธุๆๆๆ
ใช่แล้ว ถ้าไม่มีพุทธวจน คงไม่พบทางพ้นทุกข์ สาธุ
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เหล่าที่4 นั้นคือเหล่าเต่าถุย แม้แต่เต่ายังเมินมันคงจะแย่มากๆ บัวเหล่าที่ 4 น่าจะเป็นคำเสียดสีมากกว่าน่ะค่ะ
เราก็บัวอีกหนึ่ง เป็นสี่เหล่า ลืมกันหรือ
อีกหนึ่งชีวิตก็เกิดจากบัว เหตุใดจึงมองข้ามไป บัาที่ท่านมองข้ามไป บัว.........ก็มีสายสื่อแหล่งชีวิตคือเรา
ง่ายๆ ถ้าคนมันไม่โลภ จะรู้เอง
3เหล่าพุทธวจน
ไม่โลภมากไม่ฆ่าสัตว์ มีใจแบ่ง แค่นี้เข้าถึงพระธรรมของพระองค์ ปต่สัตว์ในตัวคนมันมากเพราะความโลภมาก โลกจึงได้วาย แม้พวกเกิดมาสูงส่งมันยังโลภมาก นี้ละเขาเรียกว่า สัตว์ มนุษย์
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุกล่าวอิงอรรถ อิงธรรม ดีแล้ว ดีแล้ว ดีแล้ว
ประเทศพุทมีตั้งหลายประเทศมีอรรถกถาไทประเทศเดียวที่มีบัว 4 เหล่า
ถูกต้องครับ
คนที่แต่งบัว 4 เหล่าขึ้นน่าจะเข้าข่ายโมฆะบุรุษ
พึ่งตนพึ่งธรรม เชื่อคำตถาคต ว่าบัวแค่สามเหล่าคับผม อย่าไปฟังคำแต่งใหม่
ถ้าม่มีโฆษณาขั้นคงจะดี
มี3เหล่าจร้า แต่จะ 4 เหล่า ก็ไม่ผิด แค่เสริมขึ้นมา
ตามที่ กู ใช้ ปัญญา พิจราณา 3 ครับ เพราะ ล่าง , กลาง และ บน มันจะไม่มีล่างสองครั้งกลางและบนหรือล่างกลางสองครั้งและบนหรือล่างกลางและบนสองครั้ง ครับ
มี3 ใครไปใส่ เป็น 4 สงสัยเก่งกว่าพระพุทธเจ้า?
COLONADO MOTO เหล่าอรรถกถาจารย์ไม่ได้เก่งกว่าพระพุทธเจ้า แต่เคารพและอธิบายคำสอนให้เข้าใจง่ายขึ้น อย่างภัทเทกรัตตาสูตร พระองค์ทรงแสดงโดยย่อ ภิกษุสาวกไม่เข้าใจจึงไปถามพระมหากัจจายนะ ท่านก็อธิบายอย่างพิศดารคือแยบคาย พระพุทธองค์ก็ยังยกย่องด้วยซ้ำ
ใช้ได้เลยครับ... ผมก็ศึกษามาแบบนี้ อย่างไรก็ตามขอข้อมูลจาก ไตรภูมิพระร่วง หน่อย... เพราะผมยังไม่แจ้งสักเท่าไหร่
พูดเว้นวรรค ช้านิดครับ
ถูกต้องคะบัว3 เหล่าคะ😁
นิวรณ์ ๕ อย่ามัวลังเลสงสัยอยู่เลย เร่งความเพียรเถิดหนา ใกล้ ๆ เข้ามาทุกทีแล้ว
เขาคงไม่ทราบว่าพระศาสดาห้ามแต่งใหม่ห้ามตัดพระธรรมวินัยของพระองค์และเขาคงไม่เห็นโทษของอรรถคถาคำแต่งใหม่ทั้งผู้แต่งใหม่และผู้ดำรงข้อวัตรแต่งใหม่ของสาวกภาษิตอรรถคถาเหล่านั้น:แต่เมื่อรู้แล้วว่าเป็นความเห็นผิดก็เลิกเสียเสีย กลับมาหาพุทธวจนพระธรรมวินัยของตถาคตที่ถูกตรงกันครับ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ 🙏
(ถูกหลอกมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งมารู้ตอนศึกษาพุทธวจน) บัวที่สี่ที่แต่งเพิ่มมาคือ บัวใต้ตม ด้วยคนแต่งอาจจะคิดว่าเป็นพวกที่ไม่สามารถสอนได้ รังแต่จะเป็นอาหารของเต่าปลา แต่พระศาสดาสัมมาสัมพุทธะเป็นสัพพัญญู รู้จริงรู้แจ้งทรงทราบว่ามนุษย์ เทวดา มาร พรหม สามารถสอนได้ ช้าหรือเร็วเท่านั้น แม้องคุลิมาล 999 ศพ ก็ยังบรรลุอรหันต์ได้🙏🙏🙏
ผมอยากรู้ ให้ ข้อสำคัญ จากบัว 3-4 เหล่า คืออะไรครับ ผมกำลังศึกษา
@@บัวน้อย-ข้าวหอมบัวประเภทที่ ๑ ดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว รอแสงพระอาทิตย์จะบานวันนี้ บัวประเภทที่ ๒ ดอกบัวที่ปริ่มน้ำ จะบานวันพรุ่งนี้ บัวประเภทที่ ๓ ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ยังอีก ๓ วันจึงจะบาน
สาธุ
แล้วจะแต่งเพิ่มเติมมาทำไมถึง4เหล่า
สุดท้ายซื่อตรงต่อตถาคตสุดก็คือ พุทธวจน
ข้อมูลแน่นมากครับ แต่เสียดายคนไม่ค่อยดู
เขา่ใจละ ดอกบัวมี3เหล่า แต่คนมี4จำพวก
ครับ.ถ้าเหล่าที่4เปนอาหารของปลาและเต่าจะมีเหล่าที่3ได้อย่างไรธรรมแห่งพระตถาคตไม่มีแย้งกันแม้แต่น้อยนิด.กราบสาธุครับ
ขยายความกันไป ธรรมะก็เพี้ยนไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าพระตถาคตตรัสอย่างไรก็เรียนรู้ตามนั้นตรงๆซื่อๆจะดีที่สุดครับ
🌎🌈🌟ขอน้อม🙇♀️กราบ🙏🙏🙏สาธุ สาธุ สาธุค่ะ🧎♀️ *ปล.🙇♀️🙏ขอบคุณมากๆๆๆๆนะค่ะ👻✌
ฟังดูอันนี้น่าเชื่อได้
พี่คะ ขออนุญาตนำสื่อ นำไปเผยแผ่ นำเสนอเป็นสื่อแนะนำของห้องสมุดนะค่ะ
ได้ครับ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
เปรียบบุคคลด้วยดอกบัว ๓ เหล่า
[๕๑๑] ดูกรราชกุมาร ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัย
ความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ. เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ
ก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัว
หลวง หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ
๑. บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้
๒. บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ
๓. บางเหล่าตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด
ฉันใด ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น
ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี. ดูกรราชกุมาร ครั้งนั้นอาตมภาพ
ได้กล่าวรับท้าวสหัมบดีพรหมด้วยคาถาว่า
ดูกรพรหม เราเปิดประตูอมตนิพพานแล้ว เพื่อสัตว์ทั้งหลาย
ผู้มีโสต จงปล่อยศรัทธามาเถิด เราสำคัญว่าจะลำบาก จึงไม่
กล่าวธรรมอันคล่องแคล่ว ประณีต ในมนุษย์ทั้งหลาย.
ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงเปิดโอกาส เพื่อจะแสดง
ธรรมแล้ว จึงอภิวาทอาตมภาพ ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้นเอง.
ตปฏ หลวง เล่ม ๑๓ หน้า ๓๔๙ ข้อ ๕๑๑-๕๑๒
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
อนุโมทนากุศลบุญสาธุ🙏🙏🙏🙇🏻
สาธุๆๆกับความรู้ดีๆคับ
ผมเป็นชาวสวน ที่บ้านมีบ่อบัว บอกตรงๆ ดอกบัวที่เกิดในตม ไม่มีหรอกครับ
บัวมันจะออกดอกต้องแทงหน่อขึ้นจากตมก่อน มันถึงมีแค่ดอกบัว 3เหล่า คือในน้ำ ระหว่างน้ำ พ้นน้ำ
ดอกบัวในตม ใต้ดิน ไม่มีแน่นอน มันผิดธรรมชาติ
พระศาสดา ตรัสว่า สัตต์เปรียบเช่น บัวสามเหล่า (นั้นท่านรวมทั้งสัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏ์ นี้..)
..ส่วนบุคคล สี่จำพวก..กล่าวไว้ เฉพาะ มนุษย์ ทั้งหลาย มีสี่ จำพวก...ครับ
ซึ่งไม่เกี่ยวกับ สัตว์ทั้ง หลาย..
..ความหมาย มันต่างกัน...เราจึงเเยบคายในคำ ตถาคต ให้มาก..ครับ
เห็นจุดบกพร่องของคำสาวก ได้ชัดขึ้น จริงๆ ครับ
สาธุๆๆค่ะ
เกิดมา33ปีก็มาจบที่พุทธวจนว่า3เหล่า
ขอบคุณที่แบ่งปัน โชคดีที่ได้ฟัง ไม่รู้ว่าเราเป็นบัวเหล่าใหน แต่เข้าใจแล้วว่าคนที่ถูกจัดให้อยู่ประเภทบัวต่ำสุดคือคนที่ถูกเหยียด คงจะเจ็บปวดจากการที่ถูกคนอื่นตัดสินนะค๊ะ เราไม่ชอบฟังธรรมแต่ฟังสคลิปนี้แล้วรู้สึกสบายใจ .
เขาไม่ได้รู้แล้วให้ไปเหยียดใคร แต่รู้แล้วให้เข้าใจ และดูตัวเองว่ารู้ตัวว่าควรปรับปรุงตัวเองอย่างไร
Good.knowlange buddha
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ🙏🙏🙏
ช่องนี้ดีมากเลยขอบคุณนะครับ ทำไมผมเพิ่งเจอ
ອື່ນມີບໍມື້ອື່ນມີສະຫນ່າກະມີ
ต่างกันจริงๆ เพราะบัว3เหล่า
พระพุทธเจ้าใช้คำว่า"เหล่าสัตว์ทั้งหลาย"
นั่นหมายถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกที่จะเข้าใจในธรรมได้ ยาก ปานกลาง ง่าย ต่างกัน
ขอแค่มีสติปัญญาที่จะเรียนรู้ธรรม โดยไม่แยกว่าเป็นมนุษย์หรือเดรัจฉาน
แต่คำว่า"คน 4จำพวกในโลก"ก็ชัดเจนว่าเจาะจงแค่มนุษย์
ไม่สามารถนำไปใช้กับสิ่งมีชีวิตอื่นได้
เพราะเขาก็อาจจะมีข้อย่อยของเขาเช่น หมา5จำพวกในโลก แมว10จำพวกในโลก เป็นต้น
และในความรู้สึกของผม พระพุทธเจ้าน่าจะมองมนุษย์(ส่วนมาก)เป็นบัวพ้นน้ำที่รอรับแสง แต่จะบานในเวลาที่ต่างกันไป ดอกนี้บานเช้า ดอกนั้นบานสาย ดอกโน้นบายบ่าย ดอกถัดไปอาจบานพรุ่งนี้
สรุปได้เป็นคน4จำพวกในโลก
เพราะถ้าอิงตามคำว่า"โสดประสาท
" ภพชาติของมนุษย์ก็น่าจะมีพร้อมกว่าสัตว์อื่นๆ
หากเปรียบในเหล่าบัวที่พร้อมรับแสงได้มากที่สุด คือบัวที่พ้นน้ำ
งั้นในเหล่าสัตว์ที่พร้อมจะรับธรรมได้มากที่สุดก็คือมนุษย์
ทรงพิจารณาสัตวโลกเปรียบด้วยดอกบัว ๔ เหล่า
[๙] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงกราบคำทูลอาราธนาของพรหม และทรงอาศัย
ความกรุณาในหมู่สัตว์ จึงทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ เมื่อตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุ
ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อยก็มี ที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุมากก็มี ที่มีอินทรีย์
แก่กล้าก็มี ที่มีอินทรีย์อ่อนก็มี ที่มีอาการดีก็มี ที่มีอาการทรามก็มี ที่จะสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี
ที่จะสอนให้รู้ได้ยากก็มี ที่มีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ก็มี.
มีอุปมาเหมือนดอกอุบลในกออุบล ดอกปทุมในกอปทุม หรือดอกบุณฑริกในกอบุณฑริก
๑. ที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ งอกงามแล้วในน้ำ
๒. บางเหล่ายังจมในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้
๓. บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ
๔. บางเหล่าตั้งอยู่พ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว.
พระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลาย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุมาก บางพวกมีอินทรีย์แก่กล้า
บางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการทราม บางพวกสอนให้รู้ได้ง่าย
บางพวกสอนให้รู้ได้ยาก บางพวกมีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ ฉันนั้น
เหมือนกัน ครั้นแล้วได้ตรัสคาถาตอบท้าวสหัมบดีพรหมว่า ดังนี้:-
เราเปิดประตูอมตะแก่ท่านแล้ว สัตว์เหล่าใดจะฟัง
จงปล่อยศรัทธามาเถิด ดูกรพรหม เพราะเรา
มีความสำคัญในความลำบาก จึงไม่แสดงธรรม
ที่เราคล่องแคล่ว ประณีต ในหมู่มนุษย์.
ครั้นท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงประทานโอกาสเพื่อจะแสดงธรรม
แล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำประทักษิณแล้ว อันตรธานไปในที่นั้นแล.
พรหมยาจนกถา จบ
ตปฏ หลวง เล่ม๔ หน้า ๑๑ ข้อ ๙
เปรียบบุคคลด้วยดอกบัว ๓ เหล่า
[๕๑๑] ดูกรราชกุมาร ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัย
ความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ. เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ
ก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัว
หลวง หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ
๑. บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้
๒. บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ
๓. บางเหล่าตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด
ฉันใด ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น
ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี. ดูกรราชกุมาร ครั้งนั้นอาตมภาพ
ได้กล่าวรับท้าวสหัมบดีพรหมด้วยคาถาว่า
ดูกรพรหม เราเปิดประตูอมตนิพพานแล้ว เพื่อสัตว์ทั้งหลาย
ผู้มีโสต จงปล่อยศรัทธามาเถิด เราสำคัญว่าจะลำบาก จึงไม่
กล่าวธรรมอันคล่องแคล่ว ประณีต ในมนุษย์ทั้งหลาย.
ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงเปิดโอกาส เพื่อจะแสดง
ธรรมแล้ว จึงอภิวาทอาตมภาพ ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้นเอง.
ตปฏ หลวง เล่ม ๑๓ หน้า ๓๔๙ ข้อ ๕๑๑-๕๑๒
ทรงพิจารณาสัตวโลกเปรียบด้วยดอกบัว ๔ เหล่า
[๙] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงกราบคำทูลอาราธนาของพรหม และทรงอาศัย
ความกรุณาในหมู่สัตว์ จึงทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ เมื่อตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุ
ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อยก็มี ที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุมากก็มี ที่มีอินทรีย์
แก่กล้าก็มี ที่มีอินทรีย์อ่อนก็มี ที่มีอาการดีก็มี ที่มีอาการทรามก็มี ที่จะสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี
ที่จะสอนให้รู้ได้ยากก็มี ที่มีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ก็มี.
มีอุปมาเหมือนดอกอุบลในกออุบล ดอกปทุมในกอปทุม หรือดอกบุณฑริกในกอบุณฑริก
๑. ที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ งอกงามแล้วในน้ำ
๒. บางเหล่ายังจมในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้
๓. บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ
๔. บางเหล่าตั้งอยู่พ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว.
พระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลาย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุมาก บางพวกมีอินทรีย์แก่กล้า
บางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการทราม บางพวกสอนให้รู้ได้ง่าย
บางพวกสอนให้รู้ได้ยาก บางพวกมีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ ฉันนั้น
เหมือนกัน ครั้นแล้วได้ตรัสคาถาตอบท้าวสหัมบดีพรหมว่า ดังนี้:-
เราเปิดประตูอมตะแก่ท่านแล้ว สัตว์เหล่าใดจะฟัง
จงปล่อยศรัทธามาเถิด ดูกรพรหม เพราะเรา
มีความสำคัญในความลำบาก จึงไม่แสดงธรรม
ที่เราคล่องแคล่ว ประณีต ในหมู่มนุษย์.
ครั้นท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงประทานโอกาสเพื่อจะแสดงธรรม
แล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำประทักษิณแล้ว อันตรธานไปในที่นั้นแล.
พรหมยาจนกถา จบ
ตปฏ หลวง เล่ม๔ หน้า ๑๑ ข้อ ๙
เพราะฉะนั้น พระศาสดา จึงกล่าวห้ามไว้ว่า อย่าเติมอย่าตัด ในสิ่งที่ตถาคต บัญญัติไว้ และจงอย่าเงี่ยโสดลงสะดับ ในคำสาวก
..ตถาคต ผู้เดียว ที่เป็นสัพพัญญู รู้จริงทุกเรื่อง..
..สาวกเป็นเพียงผู้ฟัง ไม่ใช่ผู้บัญญัติ...
ไม่ควรเอาไปปนกันครับที่พระพุทธเจ้าตรัสดีอยู่แล้วจีบพระพุทธเจ้าตรัสไว้ไม่ควรไปเติมเสริมแต่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเหตุของความเสื่อมในศาสนาของเราคือฟังมาผิด1จำมาผิด 1ตีความหมายผิด 1จึงพากันสอนผิดแล้วทุกวันนี้แต่ละคนก็ตีความหมายการปนเปกันไปหมดลงใน UA-cam ทางเพศบรรพชิตและเพศฆราวาสมั่วกันไปหมดคำว่าปะทะปรมะ(บท บรม)บุคคลประเภทที่ 4 นี้ไม่ใช่คนโง่ในรูปแบบของตรรกะหรือคนทั่วๆไปคิดเอาแต่เป็นคนที่มีปัญญาในการรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมทึบจะเรียนมากเท่าไหร่ก็ตามรู้มากเท่าไหร่ก็ตามจำพระไตรปิฎกได้ทั้งหมดก็ตามแต่ไม่สามารถแทงตลอดในธรรมเหล่านั้นได้จึงเรียกว่าเป็นผู้มีบทอย่างยิ่งตามความคิดของผมอาจจะบรรลุธรรมได้แต่อาจจะนานมากถึงอาจจะทั้งชีวิตเลยก็ได้เปรียบเหมือนคนเราทุกวันนี้บางคนสอนแม้จะจับมือสอนก็ทำไม่เป็นก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรจะว่าคนคนนั้นโง่ก็ไม่เชิงแต่บางคนไม่ได้สอนเพียงแค่มองคนอื่นทำก็ทำเป็นแล้วนั่นคือความแตกต่างของปัญญา
สาธุๆ
ทุกวันนี้ น่าจะมี 5 พวกคิดว่าตัวเองรู้แล้ว เจ๋งแล้ว แน่แล้ว เรียกว่า บัวในตมใต้โคลนคอนกรีตเสริมเหล็กทับ
5555555555555555
จะ 3 เหล่า 4 เหล่าขอจงทำตนให้พ้นสักเหล่าก็ยังดีครับ
สาธุคับ ข้อมูลชัดเจน
คำที่ออกจากพระโอษฐ์ของตถาคตคือที่สุดแล้วห้ามเพิ่ม ลดทอนหรือแต่งใหม่
ในพระบาลีกล่าวเพียงบัว 3 เหล่า บัวเหล่าที่ 4 เป็นของเพิ่มเติมภายหลัง ฝ่ายมหายานก็ไม่เห็นด้วยกับบัวเหล่าที่ 4 เพราะเห็นว่าขัดต่อพุทธปณิธานด้วย เป็นการหมิ่นแคลนตัดรอนสัตว์อื่น ในมหายานมีเพียง 3 เหล่า และยังมียืนยันไปว่าทุกตัวสัตว์มีเชื้อแห่งพุทธะ
ต้องตั้งใจฟัง และมีพื้นฐาน มานิดหนึ่ง
อันนี้เห็นด้วยครับ
ทำไมชอบเติมแต่ง.
สรุปจากที่ฟัง คือ ผู้จะรู้แจ้งพระธรรมได้เปรียบกับบัว 3 เหล่า บัวใหญ่บัวกลางบัวเล็ก บัวที่อยู่ในน้ำ บัวที่อยู่ปริ่มน้ำ บัวที่พ้นน้ำเมื่อถูกแสงแดงก็จะบานทันที ส่วนบุคคลที่จะสอนพระธรรมได้เปรียบกับม้ามี 4 พวก 1.ม้าแสนรู้ไม่ต้องฝึกแค่ฟังก็เข้าใจ 2.ม้าที่ต้องฝึกไม่มากนัก 3.ม้าที่ต้องบังคับขู่เข็ญสอนยากสอนเย็นแต่พอได้อยู่ 4.ม้าที่ฝึกไม่ได้เลยเอาไปทำปุ๋ย
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
...เป็นความ เเจก อรรถกถา ที่มีความเป็นมาจากธรรมคำตรัสสอนเป็นแม่บทไว้ของพระพุทธเจ้า
...เปรียบเหมือนพระกัจจานะที่เเสดงรอยเท้าในที่ไม่มีร้อยเท้าในอากาศของพระพุทธองค์.
...เป็นความแจกให้ละเอียดในหัวข้อธรรมให้แตกกระจายออกมาให้มากให้เป็นอัศจรรย์โดยไม่ผิดไปจากพระดำรัสตรัสสอนเเละสั่งไว้.
มีใครคิดเหมือนผมไหมนะ ผมว่าคนเข้าใจคำสอนผิดกันหมด บัว3เหล่า ไม่ได้เปรียบหมายถึงคนเลยแม้แต่น้อย หมายถึงธรรมสะสมตั่งหาก ส่วนน้ำหมายถึงกิเลส มองให้ลึกแล้วคิดตามกันดูอ่ะครับ..
ใช่
ผมไม่ได้ตั้งใจจะดราม่า แต่ผมก็หาดูอาจารย์หลายๆท่านสุดท้ายมาจบที่ พุทธวจน เพราะเขาเอาคำศาสดาอย่างเดียว ไม่เอาคำสาวก เพราะสาวกแปลว่า ผู้เดินตาม คนบัญญัติคือคนที่คิดทุกอย่าง ค้นพบทุกอย่าง ไม่ได้จำใครเขาพูดมา เป็นคนกำหนดทุกคำ บาตร จีวร อนิจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกคำอะท่านบัญญติหมด และคำของพระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้เองว่า "ภิกษุทั้งหลาย ! นับตั้งแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ, ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออก ซึ่งถ้อยคำใด ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย." คำพูดท่านไม่ขัดแย้งกันเลย ด้วยความเก่งนี้ั ไม่มีสาวกคนไหนทำได้เลย ผมก็ฟังๆไป มันสั้นๆ ตรงๆ ไม่ได้ยากอะไรเลย
สาธุจริงแท้ ได้พบพุทธวจนมาร่วมเจ็ดปี ปฎิบัติแล้วเห็นจริง
สาธุครับ
@@benrr6097 เห็นอาไร..(ยังหลับอยู่จะบอกว่าเห็น..นิวรณ์ๆๆ)
ใช่ครับ
@@blackpinkarea513 พุทธวจนคำจากศาสดาล้วนๆ
"เลากวิทู" ๓ ร่มโพธิ์ศรี/ใน ๔ เหล่า "นั้น"
รพพุท;ธ/รพธมฺ/รพสํฆ"
" ๓ ร่มโพธิ์ศรี"ของ"
เลากวิทู"บัวสีเหล่าชนี้แลสาธุ 10:14 8:31
สาธุครับ เม้นแรกแห่งความศรัทธา พระพุทธเจ้า
สาธุ ครับ
สามเหล่าถูกแล้วครับ
ขอบคุณครับ
ข่องนี้ดีมากเลย ข้อมูลหลายด้าน ขอบคุณมากๆเลยครับ (ทำไมผมเพิ่งเจอ)
บัวมีอยู่สี่เหล้า
โชคดีที่ได้ฟังค่ะ สาธุค่ะ👍🙏🙏🙏🤟
1.บัวอุบล..2.ประทุมมา 3.บุณฑริก...ก็ถูกต้องเเล้วตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเเล้ว..(จะเอา4เหล่ามาเพื่ออะไรอีก)..คำสอนของพระพุทธเจ้าสมบุณร์เเล้วไม่ต้องอรรถธิบายอีกมันจะยุ่ง
พูดอีกก็ถูกอีก แต่คน4จำพวก ท่านสอนก็มี เจตนาโดยนำมาเปรียบเป็นเหมือนบัว ท่านไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงคำพูดของพุทธองค์ เพียงแค่มาเทียบเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ถ้าคิดให้มีเมตตา คนที่เข้าถึงยาก เข้าใจยาก ก็จะเข้าใจได้มากขึ้นครับ ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นด้วยว่าคำพูดโดยตรงของพุทธองค์ดีที่สุดครับ
ต้องคิดให้ดีครับคำของสาวกกับคำของพระพุทธเจ้าให้ชัดเจนครับเอามาเทียบกันไม่ได้ คำพูดท่านเป็นอกาลิโก แต่สาวกจะมาแต่งเพิ่มนั้นถือว่าผิดแล้วเพราะคิดเอง ถ้าท่านหวังดีให้เข้าใจง่ายไม่ต้องเติมแต่งก็เข้าใจได้ไม่ยากครับ เพราะคำของพระพุทธเจ้าสมบูรณ์ที่สุดแล้ว อย่าลืมนะครับก่อนที่ท่านจะพูดเนี่ยท่านตั้งจิตไว้แล้วจึงจะพูดออกมานี่หละคือคำของพระพุทธเจ้า
อะไรที่เป็นของพระพุทธเจ้าโดยตรงถือว่าเป็นที่สุดและสมบูรณ์แล้ว โดยที่ไม่ต้องไปแต่งเติมให้ตรงกับอุปนิสัยคน ในการเปรียบเทียบให้คล้ายคลึงลึกซึ้งลงไปอีก จะทำให้พระไตรปิฎกผิดเพี้ยนสอดแทรกมาโดยที่ไม่ใช่คำของพระศาสดาโดยตรง คนมีปัญญาเปรียบเทียบแค่นี้ถือว่าเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วกับคำว่าบัวสามเหล่า มาตอนหลังมั่งอรรถกถาใด้แต่งเติมลงไปทำให้คณาจารย์ถกเถียงว่า คำของศาดาหรือสาวกกันแน่
มีใครคิดเหมือนผมไหมนะ ผมว่าคนเข้าใจคำสอนผิดกันหมด บัว3เหล่า ไม่ได้เปรียบหมายถึงคนเลยแม้แต่น้อย หมายถึงธรรมสะสมตั่งหาก ส่วนน้ำหมายถึงกิเลส มองให้ลึกแล้วคิดตามกันดูอ่ะครับ..
.
พุทธวจนบอกว่ามีบัว 3เหล่าครับ
นี่ไงปัญหาของการเสริมเติมแต่งจะประสงค์ดีก็ตามแต่เป็นต้นตอให้เกิดข้อพิพาทและสำคัญผิดในการศึกษา
บุคคล จำพวกที่4 ปะทะปรมะ..คือไม่ควรเสวนาเพราะ จะเกิดการโต้เถียงปะทะคารม ไม่ฟังเหตุผลอย่างสุภาพชน..จึงควรนิ่งเสียไม่ออกความเห็นจะดีที่สุด..เพื่อไม่ต่อความยาว...
สาธุ สาธุ สาธุ
พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงธรรมไว้ว่าไม่ให้เรา(ชาวพุทธ)ไปฟังคำสอนใดที่คนอื่นมาแต่งต่อเติมอันทำให้เข้าใจว่าเป็นคำของท่านแม้จะเป็นพระที่บรรลุอรหันต์แล้วก็ตาม ดังนั้น คุณควรใส่ข้อมูลนี้ไว้ด้วย สังคมชาวพุทธจะได้ไม่สับสน
แก้ กันมั่วไปหมด ทำให้เกิดความ สับสน เป็นประโยชน์รึเปล่าไม่รู้ แต่ทำให้คน สับสน
นครศรีธรรมราช.อิทัปฯ.ตถตา/ยู่สี.ยู่ไลั../พรรค์นั้นั้นแหละ./มันเป็นเช่นนั้น....!!.นะโว้ย@@&ครับผม..คนคอน😉😉😉
สว่าง กระจ่าง ชัดเจน ขอบคุณครับ
มีความเห็นว่า ตอนนี้ ถูกพวกพรามณ์ แทรกเอาพระพรหม มามีความเกี่ยวข้องกับพุทธ มาแนะพระพุทธเจ้า ในเมื่อตถาคต ตรัสรู้เองโดยชอบ เหตุใดจะต้องพึ่งคำแนะนำจากพระพรหม มีอีกหลายตอนมันทะแม่งอีกหลายตอน มีการแทรกเอาพรามณ์มามีความสำคัญหลายตอน เช่นเอาพระอินทร์ มาแนะเรื่องพิณสามสาย มีอีกตอนเสด็จป่ามหาวัน เกี่ยวข้องกับเทวดาทั้งสวรรค์ ศึกษาไปลึกๆจะสงสัยเยอะ
แทรกมานานแล้วครับ.เป็นพันๆปีแล้ว.แทรกเป็นภาษาบาลีชะด้วยไทยนำคำสอนเข้ามาก้อเอาสิ่งที่ถูกแทรกนั่นละครับมาแปลเป็นไทยกัน
พุทธหมดลงจากอินเดียปุ๊ปโดนแทรกตามมาเลยครับ
เช่นการเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นนั่นเป็นนี่ตามกรรมการกระทำของตนนั้น.พรหมณ์.ล้วนๆครับ
สิ่งที่พุทธสอนแท้ๆนั้นใม่มากมายไรครับ.ธรรมทั้งหลายทั้งปวงใม่มีตัวมีตนใม่ใช่เรา.แค่นี้ครับ.พูดสั้นๆแค่นี้ไครเข้า.ใจก้อบรรลุธรรมไปเลยครับ
พรหมนั้นจะมารู้ดีกว่าพระพุทธเจ้ามาบอกมาแนะนำใม่ได้แน่ครับ.ท่านตรัสรู้แล้วเรื่องแค่นี้ใม่ต้องถึงพรหมมาบอกรอกบางแห่งก้อมีอยุ่ว่าพรหมมาขอฟังธรรมจากท่าน
บุคคลที่จะมาเกิดในโลกนี้มีอยู่สี่ประเภทด้วยกันคือประเภทหนึ่งบุคคลที่สว่างมาแล้วก็สว่างไป.ประเภทสองบุคคลที่สว่างมาแล้วมืดไป.ประเภทสามบุคคลที่มืดมาแล้วสว่างไป.ประเภทสี่บุคคลที่มืดมาแล้วก็มืดไป.นี่คือบุคคลที่จะมาเกิดในโลกนี้มีอยู่สี่ประเภทด้วยกัน..แต่บัวนั้นมีกี่เหล่าไม่รู้เพราะไม่ใช่คนเขียนตำราไว้แต่ที่คนส่วนมากสงสัยคือมันมีอยู่สองตำราที่ขัดแย้งกันตำราแรกว่าสามเหล่าแต่ตำราสองว่าสี่เหล่าและต่างก็อ้างว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เหมือนกัน..แต่ที่แน่ๆคือพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเขียนตำราไว้จึงไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอมเพราะคนที่เขียนไว้ก็อ้างว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เหมือนกันแต่มันก็น่าคิดอยู่ว่าตำราแรกว่าบัวสามเหล่าเท่านั้น..และทุกเหล่าจะได้พ้นน้ำหมดและเห็นแสงตะวันด้วย..แต่น่าคิดว่าจะมีบัวที่ไม่พ้นน้ำบ้างไหมที่ไม่มีโอกาสจะได้เห็นแสงตะวันเลย..ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าจริงๆแล้วในโลกนี้แม้จะนานแค่ไหนก็ตามมันจะมีไหมหนอบัวที่ไม่มีโอกาสได้เห็นแสงตะวันเลยไม่มีโอกาสได้พ้นน้ำเลยเพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง..เพราะความจริงแล้วมันจะมีไหมหนอ..ผมคิดว่าหลายท่านก็สงสัยเหมือนกัน..น่าคิดนะครับบัวที่ไม่พ้นน้ำมันเหมือนบุคคลที่มืดมาแล้วก็มืดไปจริงๆ..
อย่ามองคนแค่100ปีสังสารวัฏยาวไกลมันต้องเป็นโสดาบันในสมัยพระพุทธเจ้าสักพระองค์ล่ะท้าสร้างเหตุมาดี
พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องดอกบัวก็คือดอกบัว พระองค์ตรัสเรื่องคน 4 ประเภทก็คือคน 4 ประเภท ต่างเวลา ต่างวาระ ไม่ควรนะมาปะปนเปรียบเทียบกันครับ อย่าตัดต่อ เพิ่มเติม แต่งเติมง่ะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นหวังดีประสงค์ร้ายดิ เพราะเราไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ใช่สัพพัญญู ไม่ใช่เป็นอกาลิโก ทำแบบนี้ผลง่ายๆ คือทำให้คนสับสนุนกับคำสอนไปเลยคลาดเคลื่อนดิ
ขอบพระคุณครับ
กระทรวงศึกษาธิการโดยหัวหน้า กปปส คงไม่เปลี่ยนไปใช้คำพระพุทธเจ้าครับ คงจะใช้บัว 4 เหล่าตามคำของ สุเทพ สืบไป
พวกอาจารย์รุ่นหลังชอบเติม
ขอบคุณมากครับ
ธรรมกำลัง จะถูกเปิด อีกรอบ
พุทธังสะระณังคัจฉามิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณังคัจฉามิ สาธุครับ
ตามที่ผมเรียนมา เมื่อ 60 ปีกว่ามาแล้วในวิชาศีลธรรม ดอกบัวมี 3 เหล่า. ไม่มี 4 เหล่า
ไม่ทราบว่า ดอกบัวมี 4 เหล่า เอามา บันทึกใส่ไว้ในพระไตรปิฎกปี พศ. เท่าใด
60 ปีก่อน
วิชาศีลธรรม บอกว่า บัวสี่เหล่า
ความจริง คือ 3เหล่า 4เหล่าคือแต่งเติมขึ้นภายหลัง
ขอเพิ่มยุค2020
บัวใต้คอนกรีตเสริมเหล็ก ราดยางมะตอย
คือทำไงก็ไม่โผล่จากน้ำ
ช่องนี้ดีที่ระบุที่มาของคติความเชื่อและแหล่งที่มาของเรื่องตลอด ทำให้คนฟังเข้าใจง่ายไม่สับสน
ชอบที่มีแหล่งอ้างอิงข้อมูลละเอียด ทำให้ทราบที่มา
คำว่าโสดประสาท เอาแค่เข้าใจความหมายนี้ใหม ถ้าเข้าใจก็พอได้ ถ้าใครไม่เข้า เรารู้ มีคนรู้ใหมหมายถึงอะไร นี้ละเราไม่โลภมากเราจึงรู้
แต่งเติมเยอะครับ แนะนำฟังพุทธวจนครับ
อนุโมทนาบุญกับช่องนี้ด้วย สาธุ
เหล่าที่ 1 คืออยู่ใต้ตม เพราะพ้นจากตม จึงมีบัวใต้น้ำ.. ตามลำดับ ถ้าไม่มีบัวใต้ตม จะไม่มีบัวไดๆเลย...
แต่พุทธะไม่ได้กล่าวถึงบัวใต้ตม บัวใต้ตม ของคนที่แต่งขึ้นมาในภายหลังคือเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถสั่งสอนได้ ไม่มีปัญญา
ซึ่งมันก็ดูย้อนแย้งกับหลักคำสอนของศาสนา
เก่ง ฉลาด พูดอะไร สอนอะไร ก็เข้าใจง่าย แต่เลวมากๆ พวกนี้จัดอยู่ในบัวเหล่าไหนครับ
บุคคลในโลกเปรียบดังม้าอาชาไนย์ 4 จำพวก
แต่บุคคลที่สามารถรู้ธรรมได้เปรียบดังดอกบัว 3 เหล่า
ดอกบัวเป็นดอกไม้ที่งดงามจึงเปรียบเทียบเฉพาะผู้ที่สามารถรู้ธรรมได้
สาธุ
ไช่ครับ
สาธุครับ
มีใครคิดเหมือนผมไหมนะ ผมว่าคนเข้าใจคำสอนผิดกันหมด บัว3เหล่า ไม่ได้เปรียบหมายถึงคนเลยแม้แต่น้อย หมายถึงธรรมสะสมตั่งหาก ส่วนน้ำหมายถึงกิเลส มองให้ลึกแล้วคิดตามกันดูอ่ะครับ..
อีกหนึ่งพวกมันหายไปไหนคับ
ก่อนพระพุทธองค์ออกสั่งสอนเวไนยสัตว์ พระองค์เปรียบเทียบบุคคลในโลกเป็นบัว3เหล่า แต่เมื่อพระองค์ออกสั่งสอนเวไนยสัตว์แล้ว พระองค์ตรัสถึงบุคคล4จำพวก ต่างกรรมต่างวาระ ถูกต้องแล้วครับ แล้วเรามาโต้เถียงกันทำไม นำตัวเองเข้าไปเปรียบเทียบซิครับ
ว่าตัวเองอยู่ในบัวเหล่าไหน
บัว3เหล่า 4จำพวกคับ
จริงค่ะควรจะเอาตัวเอง ไปเปรีบเทียบกับคำสอนเพิ่น
ฟังธรรมบ่อยๆเป็นประจำ ไม่ประมาทสติดีขึ้นคะ
พระสูตร มีแค่3เหล่า ส่วนหัวข้อที่เป็น เลข4นั้นน่าจะพิมพ์ผิดนะ.โดยพิมพ์แล้วไม่ได้สังเกตมากว่านะ... ว่าเลข3หรือ4.. จึงเกิดข้อขัดแย้งมาตลอด.... มหาเถรเร่งแก้ไขด้วย
แต่เดิมทรงตรัสไว้ ๓ ครับ
บุคคลจำพวกที่สี่คือบัวใต้ตม เป็นพวกที่อธิบายทางหนึ่งแต่เข้าใจไปอีกทางหนึ่ง ไม่มีวันที่จะเข้าใจได้ตรงความหมายของที่ผู้เป็นครูอาจารย์หรือบัณฑิต จึงหมดโอกาสที่จะบรรลุธรรม
แล้วคนทีาว่าตนเองบรรลุธรมนั้นเข้าถึงพระนิพพานรึยัง ถ้ายังอย่าตัดสินคนอื่นเพราะทิฏฐิของตน..
ทำนิพานนให้แจ้งสิ.. ความโลภอ่อนๆก็เปรตอ่อนๆ.. อบรมณ์จิตตน..
อรรถกถา ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงคำสอน แต่คือการอธิบายคำสอนให้ละเอียดเหมาะสมกับผู้มีปัญญาน้อย คำว่าแต่งแก้พุทธพจน์ไม่ใช่การแก้ไขคำสอน แต่คือการอธิบาย (คำจากบาลีหลายคำ มีความหมายเพี้ยนไปจากเดิมเมื่อใช้ในภาษาไทย)
พุทธพจน์คือการแสดงโดยย่อ อรรถกถาคือการอธิบาย และในพระไตรปิฎกเองก็มีแบ่งแยกชัดเจนว่าอันไหนพุทธพจน์ อันไหนอรรถกถา ซึ่งอรรถกถาย่อมไม่ขัดแย้งกับพุทธพจน์
แสดงว่าไม่เชื่อในคำของพระองค์แหละ ทั้งๆที่พระองค์ตรัสไว้ว่าคำของพระองค์สมบูรณ์พร้อมทั้งอรรถะพร้อมทั้งพยัญชนะ
และพระองค์ตรัสห้ามไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลายจะไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จะไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว จะสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัดอยู่เพียงใด ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีเสื่อมเลยอยู่เพียงนั้น”
และเท่าที่ผมอ่านมา อรรถกถาจะขัดกับคำองค์อยู่ถึง 60% ฉะนั้นมีความเสี่ยงสำหรับผู้ไม่แยบคายและไม่มีสุตตะของพระองค์ในสัญญาขันธ์ครับ อย่างแค่ขันธ์5เนี่ย แต่อรรถกถาไปย่อยให้เป็นเจตสิก52 ผมว่ามันเกินไปครับ
นี่ขนาดบอกว่าอรรถคาถาย่อมไม่ขัดแย้งกับพุทธพจน์นะ แต่มีบัวเหล่าที่ ๔ งอกออกมาเฉยเลย 55555555
@@ฆญโ๋ฎ๋ฏษฏ ลองไปอ่านภัทเทกรัตตสูตรฉบับที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง กับที่พระมหากัจจายนะทรงขยายความ ทำไมพระพุทธเจ้าทรงรับรองคำที่พระมหากัจจายนะแสดงไว้ทั้งที่เนื้อหาขยายออกมามากกว่าที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เสียอีก
@@รัตนาภรณ์คงประดิษฐ์ ส่วนของที่พระองค์รับรอง ก็เปรียบเสมือนคำพระองค์ถูกแล้วครับ มันเป็นเช่นนั้น แต่ส่วนอรรถกถาคือการเสริมเข้าไปหลังพระองค์ปรินิพพาน ฉะนั้นการรับรองโดยพระองค์เองจึงไม่มีอีกนับจากนั้น พระองค์จึงตรัสกำชับไว้ชัดเจนว่า
“ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติ สิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว จักสมาทานในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัดอยู่เพียงใด ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีเสื่อมเลยอยู่เพียงนั้น”
ฉะนั้น เป็นการเสี่ยงมากที่ใครก็ไม่รู้รับรองเอง แล้วใส่คำเหล่านั้นลงไป บางพระสูตรมีที่มาและผู้รจนาบอกไว้ชัดเจนที่ลงไว้ไม่นาน ซึ่งเป็นสุตตันตะเหล่าอื่น ใคร่ครวญให้ดีครับ
@@tathagatasawago7569 ชัดเจนเลยครับ 🙏🏻
พุทธวจน สาธุๆๆๆ
ใช่แล้ว ถ้าไม่มีพุทธวจน คงไม่พบทางพ้นทุกข์ สาธุ
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เหล่าที่4 นั้นคือเหล่าเต่าถุย แม้แต่เต่ายังเมินมันคงจะแย่มากๆ บัวเหล่าที่ 4 น่าจะเป็นคำเสียดสีมากกว่าน่ะค่ะ
เราก็บัวอีกหนึ่ง เป็นสี่เหล่า ลืมกันหรือ
อีกหนึ่งชีวิตก็เกิดจากบัว เหตุใดจึงมองข้ามไป บัาที่ท่านมองข้ามไป บัว.........ก็มีสายสื่อแหล่งชีวิตคือเรา
ง่ายๆ ถ้าคนมันไม่โลภ จะรู้เอง
3เหล่าพุทธวจน
ไม่โลภมากไม่ฆ่าสัตว์ มีใจแบ่ง แค่นี้เข้าถึงพระธรรมของพระองค์ ปต่สัตว์ในตัวคนมันมากเพราะความโลภมาก โลกจึงได้วาย แม้พวกเกิดมาสูงส่งมันยังโลภมาก นี้ละเขาเรียกว่า สัตว์ มนุษย์
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
กล่าวอิงอรรถ อิงธรรม ดีแล้ว ดีแล้ว ดีแล้ว
ประเทศพุทมีตั้งหลายประเทศมีอรรถกถาไทประเทศเดียวที่มีบัว 4 เหล่า
ถูกต้องครับ
คนที่แต่งบัว 4 เหล่าขึ้นน่าจะเข้าข่ายโมฆะบุรุษ
พึ่งตนพึ่งธรรม เชื่อคำตถาคต ว่าบัวแค่สามเหล่าคับผม อย่าไปฟังคำแต่งใหม่
ถ้าม่มีโฆษณาขั้นคงจะดี
มี3เหล่าจร้า แต่จะ 4 เหล่า ก็ไม่ผิด แค่เสริมขึ้นมา
ตามที่ กู ใช้ ปัญญา พิจราณา 3 ครับ เพราะ ล่าง , กลาง และ บน มันจะไม่มีล่างสองครั้งกลางและบนหรือล่างกลางสองครั้งและบนหรือล่างกลางและบนสองครั้ง ครับ
มี3 ใครไปใส่ เป็น 4 สงสัยเก่งกว่าพระพุทธเจ้า?
COLONADO MOTO เหล่าอรรถกถาจารย์ไม่ได้เก่งกว่าพระพุทธเจ้า แต่เคารพและอธิบายคำสอนให้เข้าใจง่ายขึ้น อย่างภัทเทกรัตตาสูตร พระองค์ทรงแสดงโดยย่อ ภิกษุสาวกไม่เข้าใจจึงไปถามพระมหากัจจายนะ ท่านก็อธิบายอย่างพิศดารคือแยบคาย พระพุทธองค์ก็ยังยกย่องด้วยซ้ำ
ใช้ได้เลยครับ... ผมก็ศึกษามาแบบนี้ อย่างไรก็ตามขอข้อมูลจาก ไตรภูมิพระร่วง หน่อย... เพราะผมยังไม่แจ้งสักเท่าไหร่
พูดเว้นวรรค ช้านิดครับ
ถูกต้องคะบัว3 เหล่าคะ😁
นิวรณ์ ๕
อย่ามัวลังเลสงสัยอยู่เลย เร่งความเพียรเถิดหนา ใกล้ ๆ เข้ามาทุกทีแล้ว
เขาคงไม่ทราบว่าพระศาสดาห้ามแต่งใหม่ห้ามตัดพระธรรมวินัยของพระองค์และเขาคงไม่เห็นโทษของอรรถคถาคำแต่งใหม่ทั้งผู้แต่งใหม่และผู้ดำรงข้อวัตรแต่งใหม่ของสาวกภาษิตอรรถคถาเหล่านั้น:แต่เมื่อรู้แล้วว่าเป็นความเห็นผิดก็เลิกเสียเสีย กลับมาหาพุทธวจนพระธรรมวินัยของตถาคตที่ถูกตรงกันครับ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ 🙏