วิทยาศาสตร์เผยความจริง พุทธศาสนาชี้ทางดับทุกข์
Вставка
- Опубліковано 21 лис 2023
- วิทยาศาสตร์และพุทธศาสนาเป็นศาสตร์สองแขนงที่ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล แต่ก็มีจุดเริ่มต้นและวิธีการที่แตกต่างกัน วิทยาศาสตร์มุ่งเน้นไปที่การแสวงหาความรู้และความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาลด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสังเกต การทดลอง การวัด และการวิเคราะห์ ในขณะที่พุทธศาสนามุ่งเน้นไปที่การแสวงหาความจริงและคุณค่าของชีวิตด้วยวิธีการทางปรัชญาและจิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์และพุทธศาสนาก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน แต่กลับสามารถเสริมสร้างซึ่งกันและกันได้ โดยวิทยาศาสตร์สามารถช่วยพุทธศาสนาในการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและจักรวาลได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในขณะที่พุทธศาสนาสามารถช่วยวิทยาศาสตร์ในการให้ความกระจ่างแก่คุณค่าและความหมายของชีวิตมนุษย์ได้
#วิทยาศาสตร์
#พุทธศาสนา
#ความสัมพันธ์
#ยอมรับ
#จักรวาลหลายใบ
#Multiverse
#ทฤษฎีจักรวาล
#ฟิสิกส์ - Розваги
ผมคนรุ่นใหม่ที่เคยเมินเฉยกับธรรมมะ แต่พอได้ศึกษาไปๆทีละนิดๆ ผมว่าพระพุทธเจ้าท่านสุดยอดมาก แบบมหัสจรรย์มากๆท่านรู้ได้ไง เรื่องสมาธิแต่ละขั้น สติ มรรค หรือเรื่องอะไรต่างๆมากมายคือผมงงและโคตรภูมิใจและตอนนี้รู้สึกดีใจจริงๆที่เกิดมาใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา อย่างเท่ห์เลยอะศาสนาของพวกเรา
ใช่เรยคะ
จริงๆค่ะ ในพระไตรปิฏกมีคำสอนที่สุดทึ่งเลยค่ะ
คิดเหมือนกันเลยค่ะพอได้ศึกษาปฏิบัติคือแบบ พระพุทธเจ้าท่านคือสุดยอด เมตตา รอบรู้ ศาสดาที่เหมาะแก่การเคารพบูชากราบไหว้ ทำให้เราสนใจศึกษามากขึ้นๆเลยค่ะ
เนื้อหาโคตร ดี ฟังเข้าใจง่าย ดี ขอบคุณมากที่ทำสิ่งดีนี้ขึ้นมา
สัพพัญญูตญาณ มีได้เฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีสำหรับบุคคลอื่น น้อมไปเพื่อรู้ได้หมด
ผมคนอิสลาม เเต่ยอมรับว่า ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่มีคำสอนดีมากๆ เป็นศาสนาที่ไม่สอนให้เบียดเบียนผู้อื่น ปล่อยวาง เมตตาต่อผู้อื่น ไม่มีการบังคับในการทำดี อยู่บนทางสายกลาง สอนให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ผมเคารพเพื่อนไทยพุทธทุกคนน่ะ ❤
ขอบคุณมากครับ🙏🥰
@@nutthapolkoottadhummo5232 😊
อ่านแล้วขนลุกขอบคุณครับ
เปลี่ยนมาพุทธเลยครับ ของดีของจริง รู้ได้ด้วยตนเองเป็นสัจจะของทุกสิ่ง เป็นวิทยาศาสตร์
@@thapthan4216 😊
พระพุทธเจ้าคือศาสดาเอกของโลก ท่านรู้ทุกอย่าง วิทยาศาสตร์ ยังตามหลังที่ท่านกล่าวไว่มาก
ความรู้ของพุทธะ กว้างขวางกว่าที่พระองค์สอนมาก เหมือนป่าทั้งป่า แต่ที่สอนแค่ "ใบไม้กำมือเดียว" แล้วทำไมพระองค์ไม่สอนสิ่งที่พระองค์รู้ทั้งหมด เพราะทรงรู้ว่าความรู้เหล่านั้น "มนุษย์จะรู้เองภายหลัง" แต่สิ่งที่พระองค์สอนส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มนุษย์รู้เองไม่ได้ ต้องรู้ผ่านพระญาณเท่านั้น
มันไม่ได้เป็นไปเพราะความเบื่อหน่ายครายกำหนัด
เลยไม่สอน
ใบไม้หนึ่งกำมือ หมายถึง ความรู้ที่หยิบมาสอนเพื่อหนทางดับทุกข์ ท่านเปรียบว่าความรู้มีมากมายเหมือนใบไม้ในป่า แต่ไม่เกี่ยวกับความรู้ด้านอวกาศหรือวิทยาศาสตร์ในยุคใหม่ เพราะส่วนมากเรื่องภพภูมิจะเกิดขึ้นแต่งเติมมาในช่วงที่ศาสนาพุทธในอินเดียเข้าไปรวมกับศาสนาพราหมณ์หลังสิ้นสุดยุคพระเจ้าอโศกมหาราช และการแต่งเติมจากพระอัศวโฆษ และเพิ่มเรื่องของวิทยาศาสตร์แนวใหม่เข้าไปในภายหลังเพื่อรับรองการมีอยู่ของเทพในศาสนาพรามณ์ เช่น ที่อยู่ของเทพคือ ดาวดวงอื่นจักรวาลอื่น หรือมิติอื่น
เอ่อ ขออภัยด้วยครับพระพุทธองค์สอนให้รู้สวรรค์ รู้นรกรู้นิพพานใครอยากไปสวรรค์ก็ไป ใครไม่อยากตกนรกก็ให้รู้จักหลีก กระทั่งทางไปนิพพาน ส่วนธรรมเหล่าอื่นนั้นไม่ใช่ทางดับทุกข์ ธรรมเหล่าอื่นนั้นอาจเกิดประโยชน์และโทษมากมาย เช่น"นิวเคลียร์"
ท่านไม่ได้ออกจากวังอย่างผู้ไร้การศึกษานะครับ
ท่านเป็นนักกีฬา,นักวิชาการ,นักปราช
เคยสวดมนต์บท พิจารณาร่างกาย ที่บอกว่าผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ข้อต่อ น้ำหนอง น้ำเลือด เป็นต้น ตอนนั้นทึ่งมากๆๆๆๆว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่แต่ในวัง รู้ได้อย่างไรว่าในร่างกายมีอะไรบ้าง และพระองค์สอนเรื่อง การปฏิสนธิของทารกด้วย ว่าเกิดมายังไง ก็สุดทึ่งมาก...ซึ่งการแพทย์สมัยนั้นไม่ได้ทนสมัยเลย รถยังไม่มี ไฟฟ้ายังไม่มี ท่านจะรู้ได้อย่างไรเพราะสมัยนี้ ต้องผ่าอาจารย์ใหญ่ออกมาดูอ่ะ คือแปลกมากจึงเชื่อมากๆว่าพระพุทธเจ้ารู้ทุกอย่างและเป็นความจริงด้วย สาธุๆๆค่ะ
สมัยนั้น ก็ดูศพจริงๆไงครับ คนป่วย คนคลอด อยู่ริมแม่น้ำคงคง ไม่น่าหายาก
ใช่ครับ พระพุทธเจ้าเป็นครู ผู้สอนทั้งมนุษย์และเทวดา...สาธุอนุโมทนาด้วยนะครับผม
คำสอนของพุทธศาสนา..คือเป็นคำสอนธรรมชาติ และวิทยาศาสตร์ มีเหตุและมีผล
ใช่เลยครับ พระพุทธเจ้าแค่เอาสิ่งที่มีอยู่จริงมาบอกให้คนเราได้รับรู้ เพราะความสามารถของคนที่จะรับรู้ได้โดยตัวเองมันไม่ง่ายเลย
ผู้ชายคนนี้เขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆครับ ผมรู้สึก ซาบซึ้งและขอบคุณ ความรู้ที่เขามอบให้กับพวกเรา มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก
มีสิ่งมีชีวิต 1,000,000,000,000,000,000 ชีวิตบนโลก
ได้เกิดเป็นคน 1 ใน 8,000,000,000 คนบนโลก
ได้เกิดเป็นคนไทย 66,000,000 คน จาก 8 พันล้านคน
ได้เกิดเป็นคนพุทธ 40,000,000 คน จาก 66 ล้านคน
มีร่างกายที่ดี มีเวลาศึกษาธรรม 20 ล้านคน
เราคือ เศษ 20 จาก 1 ล้านล้าน
แล้วเราควรจะทิ้งโอกาสนี้ไป เพื่อหลงไปกับวัฏฏะหรือไม่
ตั้งไว้เพื่อถามตัวผมเอง
ยอดเยี่ยมครับ แล้ว มนุษย์เกิดขึ้นมาได้ไง
@@user-ic3uj5ru9vเกิดมาจากความสงสัยค่ะ 😁
@@user-ic3uj5ru9vแล้วคุณเกิดมาได้ไงล่ะ คำถามนั้นคุณรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
@@user-oe9zl8hs4m ผมสนใจพุทธศาสนา ผมกำลัง ศึกษาพุทธศาสนาอยู่ ผมอยากรู้ว่าพุทธศาสนาให้คำตอบยังไงครับ แล้วคุณรู้คำตอบไหมครับ ถ้ารู้ก็ช่วยตอบหน่อยครับ แล้วคุณมารู้ใจผมได้ไงครับ คุณมานั่งกลางหัวใจผมหรือครับ
คนจากโรคอื่นเอามนุษย์ที่โง่และและคนไม่ดีเพื่อนฆ่ากันที่โลกนี้ทิ้งไว้ที่โลกนี้ให้มันฆ่ากัน
ก็พระพุทธเจ้า..ยังคงดำรงสภาวะมนุษย์ที่เป็น #นามธรรม อยู่ในยุคปัจจุบันไง (ถ้าผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นก็จะเห็นเรา ผู้เป็น #ตถาคต )...😊
พระพุทธเจ้า เดิมทีก็เป็นรูปธรรม ประตูยันหลักฐานทางโบราณคดีก็ยังเป็นรูปธรรม
ใครคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นนามธรรม แสดงว่า เป็นคนตาบอด ใจบอด
วิทยาศาสตร์ทางควอนตั้มยิ่งค้นพบ
ยิ่งโครจรเข้าหาคำสอนของพุทธะ
ความรู้มันไม่มีจำกัด แต่ชีวิตเรามีจำกัด พระองค์จึงเลือกสอนสิ่งที่ดีที่สุด
อันนี้จริงแท้ที่สุดเลยครับ
ใบไม้ในป่ามีมากมาย ทา่นเอามาแสดงแค่กำเดียว
@@user-zg4uk5cw6yใช่ๆแรกๆก็งง อะไร ยังใง ใบไม้เกี่ยวอะไร คือ ท่านสุดยอดมากที่รู้เรื่องเองก่อนที่จะมีใครมาพูดให้ฟัง ท่านทรงนั่งสมาธิ และทดลอง จนรู้ว่าความรู้ไหนคือ ความรู้ที่เป็นที่สิ้นสุดของความรู้ และก็เลือกมาสอนเฉพาะวิชาเอกของท่าน วิชาที่จะทำให้หลุดพ้นที่จะทำให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัดในทุกสรรพสิ่งเท่านั้น อย่างเราถ้าเกิดไปเจอวิชาที่ทำให้ตัวเองเป็นผู้วิเศษ หรือสามารถทำให้ตัวเองดูดี หล่อ สวย ร่ำรวย ก็อาจจะติดอยู่ตรงกับดักนี้ตลอดไป อาจไม่ถึงฝั่งที่พระพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงว่า ที่ๆไม่มีทั้งความสว่าง และ ความมืด ไม่มี กว้าง ลึก ยาว สูง แต่มีทางเข้ามาได้โดยรอบซึ่งเป็นช่องว่างในที่คับแคบ ใครเก่งเรื่องปริศนาธรรม คำใบ้ ช่วยอธิบายหน่อยครับ
@@user-il9tu3tp5nช่องว่างในที่คับแคบคือช่องว่างระหว่างที่จิตเกิดดับครับ ว่าสุญญตาก็ได้ สุญญตา=ความว่าง ใน1วินาที จิตเราเกิดดับได้เป็นล้านๆครั้ง คือมันเร็วมาก
คือผมเสิชคำว่าช่องว่างในที่คับแคบมันก็ขึ้นมาเลยนะ อธิบายด้วยฌาน ฌานทุกระดับมีสุญญตาความว่างอยู่ครับ ตั้งแต่ปฐมฌาน ถึง สัญญาเวทยิต จากการทำสมาธินั่นล่ะครับ มันเร็วมากๆขนาดนั้นแต่เราสามารถไล่จับมันทันได้ถ้าฝึกจิตมาดีครับ
ส่วนไอ้ที่ไม่รู้กว้าง ยาว งาม ไม่งาม นั่นแหละที่สุดแห่งทุกข์ คือนิพพานครับ ในนิพพาน นามรูปดับสนิทไม่มีเหลือเลยครับ
เข้ามาถึงได้โดยรอบคือเข้าทางไหนก็ได้ครับ ปฏิปทา(ทางปฏิบัติ) มีสารพัดวิธี คุณจะนั่งรถยนต์ มอไซ ปั่นจักรยาน เดินเท้า นั่งรถไฟ นั่งเครื่องบิน อะไรก็ช่าง ถึงปลายทาง ถึงฝั่ง ถึงที่สุดแห่งทุกข์เป็นใช้ได้ครับ
ขอยกสูตรที่ภิกษุรูปนึงไปถามเทวดาในสวรรค์มาทุกชั้นแต่ไม่มีใครตอบได้ เรื่อง ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม (มหาภูต ๔ บ้างก็ว่ามหาภูตรูป เพราะเป็นส่วนที่ประกอบขึ้นมาเป็นรูป) ตั้งไม่ได้ที่ไหน สุดท้ายก็กลับมาถามพระพุทธเจ้า ตอนท้ายสูตรมีว่า
แถลงปัญหามหาภูต
[๓๔๙] ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน
อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน
นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในที่ไหน ดังนี้.
ในปัญหานั้น มีพยากรณ์ดังต่อไปนี้
[๓๕๐] ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใส โดยประการทั้งปวง
ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้.
อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ใน
ธรรมชาตินี้.
นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้.
เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ ดังนี้.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว. เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตรมีใจชื่นชม เพลิดเพลิน
ภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.
จบเกวัฏฏสูตร ที่ ๑๑.
ขออนุโมทนา
@@user-il9tu3tp5n ขอแถมอีกสูตรนึงครับ
๑. นิพพานสูตรที่ ๑
[๑๕๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้น
กระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับ
นั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะวิญญาณัญจายตนะ
อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง
ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่กล่าวซึ่งอาตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็น
การไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป
หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
ขออนุโมทนา
@@user-il9tu3tp5n ช่องว่างในที่คับแคบ ช่องระหว่างที่จิตเกิดและจิตดับครับ เร็วมาก จิตเกิดดับได้เป็นล้านๆครั้งใน1วินาที
ค้นช่องว่างในที่คับแคบก็ขึ้นมาอยู่นะครับ อธิบายด้วยฌาน ตั้งแต่ปฐมฌาน ถึง สัญญาเวทยิต
ฌานทุกระดับมีสุญญตา ความว่างอยู่ครับ
จิตที่ว่าไวมากๆ เราจับมันทันได้ครับ ถ้าฝึก
ที่ที่ไม่รู้รูป ยาว สั้น งาม ไม่งาม นั่นเป็นที่สุดแห่งทุกข์ คือนิพพานครับ
มีทางปฏิบัติให้เข้ามาถึงได้โดยรอบ คือเข้าทางไหนก็ได้ครับ ว่าแต่ถึงมรรคผล คือนิพพาน เดินมรรคให้ถูก แต่ละคนก็ถนัดวิธีไม่เหมือนกันครับ
เหมือนกับคุณจะนั่งรถยนต์ มอไซ จักรยาน เดินเท้า นั่งรถไฟ เครื่องบิน ขี่ม้า เรือ โดยสารอะไรก็ได้ว่าแต่ถึงจุดหมายปลายทาง ถึงฝั่งเป็นใช้ได้ครับผม
ขอฝากไว้2สูตรนะครับ
แถลงปัญหามหาภูต
[๓๔๙] ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน
อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน
นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในที่ไหน ดังนี้.
ในปัญหานั้น มีพยากรณ์ดังต่อไปนี้
[๓๕๐] ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใส โดยประการทั้งปวง
ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้.
อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ใน
ธรรมชาตินี้.
นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้.
เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ ดังนี้.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว. เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตรมีใจชื่นชม เพลิดเพลิน
ภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.
จบเกวัฏฏสูตร ที่ ๑๑.
๑. นิพพานสูตรที่ ๑
[๑๕๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค
ทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วย
ธรรมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้นกระทำให้มั่น มนสิการแล้ว
น้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้-
*มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า
พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการ
จุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้
นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
ตถาคตอรหันต์สัมมาสัมพุทธผู้เดียวที่พูดไม่ขัดเเย้งกันตั้งเเต่ราตรีตรัสรู้จนถึงปรินิพพาน
ทุกบทพุยัญชนะ กำหนดจิตทุกครั้งตอนพูดไม่ขัดเเย้งกัน
ไม่มีสาวก คนไหนทำได้
ทั้งโลกนี้ทำได้ คนเดียว
เป็นอกาลิโก ตรง จริงไม่จำกันการ😊😊🎉
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
เหมือนจะเคยได้ยินผ่านๆหู มีคนเล่าว่า แม้กระทั่งตอนที่พุทธองค์โตวาทะกับอัคิเวสนะ
แม้กระนั้น พระพุทธองค์ เข้าสมาบัติตลอดเวลา
ฮั่นแหน่ พุทธวจน เหมือนกันนะครับ พระองค์ตรัสว่า ธาตุย่อมเข้าด้วยธาตุ คนที่เหมือนกันจะมาเจอกัน
🥰🥰🫰❤️
ผมยกการนำเสนอของคุณ ดีที่สุดในปีเลยครับ ...ยินดี ยกย่อง ผู้ ฉาย แสง แห่งจักรวาล
คุ
ถ
@@Fcku1231เท็จ
@@Fcku1231ก็จริงตามหลักของอัลเลาะห์ แต่หลักของพุทธแท้นั้นคือการไม่ยึดติดสิ่งใด คำว่านิพพานในมุมมองของผมจึงมิได้หมายถึงสูญสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง เพราะถ้าหายไปไม่ปรากฏแล้วอย่างสิ้นเชิงก็จะขัดกับวิทยาศาสตร์ที่บอกเราว่าสสารไม่มีวันสูญหายนอกจากแปรเปลี่ยนสภาพไป แต่นิพานในมุมที่ผมเข้าใจหมายถึงการพ้นไปซึ่งขันธ์ทั้ง 5 แต่ไปปรากฏในรูปของพลังงานของจักรวาลที่ไม่มีอันสิ้นสุด
วันหนึ่งพลังงานเหล่านั้นก็จะกลับมาเกิดบนโลกอีกครั้งในรูปของสิ่งมีชีวิตต่างๆ
ข้อ1, 4 คุณกล่าวดังกับว่า.. เข้าไปนั่งอยู่ในใจท่านผู้นำศาสนานะ สมควรรึ?
ข้อ 2, 3, 5 การยึดมั่นในท่านผู้นำศาสนานั้นดีมากๆ แต่การที่คุณพูดถึงเทวดาดีกว่ามนุษย์อย่างนั้นอย่างนี้ จะไม่เกรงใจท่านสักหน่อยรึ?
ข้อ6. มนุษย์.. มี กาย และ ใจ
ควรก้มพิจารณากายและใจตนเองดีมั้ยเอ่ย หาทางให้ดำรงตนตั้งในการทำสิ่งถูกต้อง_สิ่งดีงาม_ไม่ลามปาม_ก้าวร้าว_ก้าวก่าย_ก้าวล่วง_ความเชื่อมั่นศรัทธาของผู้อื่น.
ปล.ขออภัยนะ..ขอให้สติคุณนิดส์นึง ว่า... ศาสนิกเดียวกัน บางท่านซึ่งท่านสุขุมลุ่มลึก และมองไกลๆ_ใจกว้างๆ อาจไม่ปลื้มคุณอยู่ก็ได้นะ....
ที่กำลังชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน หรือ แกว่งเท้าหาเสี้ยน หรือ ปลาตายตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง หรือ จะพูดจะจาให้ดูตาม้าตาเรือบ้าง หรือ อย่าติเรือทั้งโกลน หรือว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง หรือ ปลาหมอตายเพาะปากฯลฯ
@@Fcku1231..คุณคือตัวอย่างของ บัวใต้ตม..มีความหลง.. แบบสุดๆ...น่าสงสารมาก...ขอให้พบแสงสว่างนะ...
พระพุทธศาสนา ทันสมัยทุกยุคทุกกาลสมัย ท่านรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกและจักรวาล
ถ้าเรายึดติดกับร่าง เราไม่มีวันท่องจักรวาลได้ ไม่มีวันไปถึง หากเราปล่อยวางร่างนี้ และบรรลุนิพพาน เราจะเห็นจักรวาลนี้อย่างแท้จริง ตามคำสอนพระพุทธองค์❤
นิพพาน😂อย่าไปเพ้อเลยคนปกติก็ต้องหางาน การนิพพานคนทั่วไปทำไม่ได้หรอกครับ แค่ชีวิตแต่ละวันก็ว้าวุ่นแล้ว
@@weedyoutuber8023พูดแบบนี้คือแปลว่าไม่เข้าใจอะไรเลย
อันนี้เหมือนจะถูก แต่ไม่ถูกครับ เคยมีพราหมณ์ท่านหนึ่งที่ท่องไปสุดขอบจักรวาลใช้จิตเหาะไป จนตาย ก็ยังไม่พบจุดสิ้นสุดเลยครับ
ที่ว่าไม่ถูกคือ ตัวเรา ไม่ได้มีแค่ รูปกายครับ มีใจด้วย อันนี้แหละตัวยึดที่ปล่อยยากที่สุดครับ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เองก็ด้วย
@@weedyoutuber8023เมาเช้าเย็นจะมีปัญญาได้ไง มีเเต่มึนกับงง
ทำสิ่งนี้ได้ก็พอ กินข้าววัน1ถึง2ครั้งต่อวัน
แบบพระสงฆ์ แค่นี้มันก็ดีตอตัวเองแล้ว
กระทรวงศึกษา ควรดูและเอาแบบอย่าง คุณภาพอย่างช่องนี้นะครับ
จริงที่สุดครับ
เห็นด้วยครับ
หน่วยงานรัฐตัวทำให้ประเทศชาติแย่
@tomzaaz2965มันมีศาสนาอื่นมานุ่งเกี่ยวด้วย
@tomzaaz2965ผมไม่ทราบจริงๆ ปัจจุบันนี้ไม่มีวิชาหน้าที่พลเมืองจริงๆหรอครับ
พระพุทธเจ้าบอกเรื่องของระบบของธรรมชาติ
วิทยาศาสตร์พิสูจน์เรื่องธรรมชาติ
ขนาดแค่เราเกิดมาไม่ถึง100ปี ก่อนหน้าเราหลายร้อยล้านปียังมีไดโนเสาร์เลย นับประสาอะไรกับชาติก่อนๆ แนะนำทุกคนฟังพุทธวจน คุณจะได้เห็นมุมมองอีกมุมมองนึงเลย ซึ่งสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกก็คือระบบของธรรมชาติทั้งหมด พระพุทธเจ้าก็เปรียบเหมือนคนเก็บเวล เพื่อมาปลดปล่อยสัตว์ที่หลงยึดเกมส์ๆนี้ ชีวิตก็เปรียบเหมือนเกมส์ เริ่มแรกเลยเราอยู่สภาวะความว่างเปล่า แต่จู่ๆก็มาติดแหง็กในเกมส์นี้(วัฏสงสาร)โดยที่ไม่รู้เลยว่าเรากำลังทำตามระบบธรรมชาติ(อวิชชา) กิน อึ นอน ถ้าได้ฟังพุทธจนแล้วคุณจะตื่นรู้ ตื่นรู้ก็คือการตื่นรู้ว่าเราก็แค่เล่นเกมส์ไปตามระบบธรรมชาติครับ
พุทธเจ้าเคยบอกว่าโลกของเราเคยมีกิ้งก่ายักษ์?อยู่ในพระไตรปิฎกท่านบอก?คำว่ากิ้งก่ายักษ์ก็คงจะไดโนเสาร์แน่นอน
ก็ต้องเล่นตามเกม เพราะถูกออกเเบบมาเเบบนั้น ถ้าไม่เล่นตามก็ตาย รู้เเล้วไงต่อ ก็ต้องกินข้าวเหมือนเดิม
เมื่อเราฝึกธาตุจิตให้ละเอียด จนละเอียดเท่าระดับควอนตัม จิตเราย่อมได้รับคุณสมบัติทางควอนตัม ทั้งการเดินทางเร็วกว่าแสงและการย้อนอดีตหรือไปอนาคตได้เหมือนอิเล็คตรอนทุกประการเช่นกัน พระศาสดากำลังสอนกฎธรรมชาติ จึงเรียกความรู้ท่านเองว่า"ธรรมมะ ที่แปลว่า ธรรมชาติ" แต่ท่านคือ พุทธะ ที่ตื่นจากระบบเมทริกนี้ ล่วงรู้ว่ามันมีการบริหารจัดการการเกิดระบบนี้เรียกระบบ สังสารวัตร
ขำแปป
@@samejorjo6216ขำพ่องมึงตายรึ
พระเก่งๆที่จบโทจบเอกก็ไม่เทศณ์ลักษณ์นี้ ผมว่าไม่น่าใช่ พระพวกนี้รู้จักหมดนะในตำรา มิวออน กรูออน ฮิกส์โบซอน แต่ผมไม่เคยได้ยินการเทศณ์ที่ไปแนว ฟิสิกส์
หลอนยา?
สังสารวัฏ พิมพ์แบบนี้ครับ
ศึกษาธรรมและดูคลิปมาก เลยอนุมานว่า พระพุทธเจ้าท่านคง เข้ามาโลกจำลองนี้หลายครั้ง(ผ่านการเวียนว่ายตายเกิด) จนเห็นบั๊คของโลก และวิธีการออกจากโลกจำลองนี้(ซึ่งขับเคลื่อนด้วยทุกข์ล้วนๆ)
ท่านสอนให้เราเพิกเฉยต่ออารมณ์ ที่ใจเราปรุงแต่งขึ้น และไม่ยึดมั่น ถือมั่น สิ่งใดๆ ในโลกนี้
บางคนบอกว่า พระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนาเป็นแค่ความเชื่อและศาสนา แต่ความจริงแล้ว พระองค์ทรงทราบทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ฯลฯ และอีกอย่างหนึ่ง พระพุทธศาสนาก็มีความเกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนด้วยครับ แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่เองไม่ค่อยจะนับถือศาสนา แต่ข้าพเจ้าเองยังนับถือพระพุทธศาสนา เพราะท่านไม่ได้บอกแค่ความเชื่ออย่างเดียวครับ บอกถึงความจริงทั้งหมด และท่านเองก็ทำเพื่อทุกคนโดยไม่แบ่งแยกใครด้วยครับ😊😊
ฟังแล้วน้ำตาครอเลย🥹 เป็นคลิปที่เตือนสติได้ดีมากครับ ถ้ามีตัวเราของเราก็ทุกข์จริงๆ เจริญในธรรมครับ
ชอบเรื่องของพระพุธเจ้ามากที่สุด
+1
แน่นอนครับ....เปิดกว้าง,ใจกว้าง,ให้เสรีภาพการตัดสินใจ,วิพากย์ได้คือพระพุทธศาสนาและไม่ข้มขู่ให้กลัวเทพยดาใดๆแต่สอนให้รู้การทำงานของกรรม
ฟังหลายครั้้งแล้วคลิปนี้ไม่เบื่อเลยย เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าอย่างไม่หวั่นไหว พระองค์ท่านเป็นสัพพัญญูรู้ทุกเรื่อง
ใช่ครับ. แต่ อย่า หลงเชื่อ พวก ลัทธิ แพะ ขี้อิจฉา มันชอบ เข้ามา ดุหมิ่น ด้อยค่า พุทธ ด้อยค่าพระสงฆ์ทั้ง หาทาง ทำลายทุกทาง ทำที เป็นชาวพุทธ ใช้ ชื่อ โปรไฟร์ เหมือนพุทธ แต่ ที่แท้ มัน คือ ลัทธิ ก่อการร้าย มักเข้ามา ชี้นำ ชักนำ ให้ เรา หลงกล หลงทาง เสื่อมสัทธา เข้าใจผิด ใน เรื่อง หลักคำสอน ในพระไตรปิฎก ของพระพุทธเจ้า
จริงๆแล้วพุทธศาสนา คือวิทยาศาสตร์ทางจิต
จึงทำให้เข้าถึงนามธรรมและรูปธรรมได้
และด้วยสมมุติบัญญัติในโลกไม่สามารถอธิบายสภาวะแห่งนิพพานได้และอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยปัจจุบันก็ยังไม่สามารถนำพาไปสู่ภพที่อยู่ในมิติอื่นได้ ด้วยเหตุนี้ธรรมจึงเป็นเรื่องปัจจัตตัง คือรู้ได้เฉพาะตน แต่ยังสามารถแนะแนวทางให้ผู้ปฏิบัติตามเกิดความรู้ตามได้ เพราะด้วยร่างกายและประสาทสัมผัสสามัญของมนุษย์มีขีดจำกัด จึงใช้งานอะไรได้ไม่มากนัก แต่จิตมีอานุภาพอันไร้ขีดจำกัด เพราะจิตไวกว่าแสงมากนักและไม่มีมวล ต่อให้หลุดดำก็ทำอันตรายอะไรจิตไม่ได้
คุณลองตกลงไปในหลุดดำ แล้วนั่งสมาธิให้จิตช่วยดึงคุณออกจาก Event horizon ดูสิแล้วจะรู้ว่าจิตไวกว่าแสงรึเปล่า คงได้ตายก่อนได้นั่งสมาธิ5555
@@BLACK__80808เอาหลุมดำมาสิ จะทำให้ดู เหอๆๆ
@@user-eb2fn9us8n ว่างวันไหนอะ เซ็นสัญญาด้วยนะ ถ้าตายผมไม่รับผิดชอบทุกกรณี😁 กล้าป่าว?
@@BLACK__80808มีเดิมพันไหมครับ ถ้ามีผมรับคำท้า 🤣🤣🤣
กฎอิทัปปัจยตา…
เมื่อสิ่งนี้มี..สิ่งนี้จึงมี
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี..สิ่งนี้จึงไม่มี
เมื่อสิ่งนี้ดับ..สิ่งนี่จึงดับไป
เป็นวิทยาศาสตร์..ที่ว่าด้วยเหตุและผล..
แต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบัน..ยังพิสุทธ์ได้แค่3-4มิติ ผ่านธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่ง..น่าจะมีอีกหลายมิติ และ มีธาตุที่ละเอียดอีกมาก
อธิบายแบบบ้านๆคือสิ่งที่เป็นเราในวันนี้ จะกำหนดตัวเราในอนาคต
ข้อมูลที่ทางช่องนำเสนอ มันแจ่มชัดถูกต้องชัดเจน ยิ่งสำหรับผู้ฝึกปฏิบัติจะเข้าใจได้ง่าย และเข้าใจตรงกันกับข้อมูลที่ช่องนำเสนอ แค่คุณเริ่มแยกรูปธรรมกับนามธรรมออกจากกันได้คุณก็จะได้เข้าใจคำสอนของพระพุทธศาสนาที่ลึกซึ้งขึ้นได้
มันเป็นเรื่องของของจิต ฝึกจน มียานหยั่งรู้ ทุกสิ่ง ถ้าจิตเขาถึงโดยวิธีทางของ จิต มันจะเข้าใจได้เอง วิญญาณ เราเป็น อำมะตะไม่มีวันตาย ถ้าจิตเราตาย มันจะไปตกนรกได้ไง ไปสวรรค์ต่อได้ไง หรือเปลี่ยนเป็นผี ต่างๆได้ไง ไอทีตายคือร่างกาย จิตไม่ตายมันไปต่อ นั้นหมายว่าจิตไม่ตาย ( ศึกษามาจากพระอรหัน ครับ พร้อมกับพิสูจน์ บางสิ่งมาแล้วจิง ครับ)
ศึกษามาจากพระอรหัน รูปไหนครับที่ว่า "วิญญาณ เราเป็น อำมะตะไม่มีวันตาย หรือ วิญญาณ เวียนว่าย ตาย เกิด" ในพุทธกาล ภิกษุสาติ เกวัฏฏะบุตร มีความเห็นเช่นนี้ ถูกพระศาสดาตำหนิ ว่าเป็นโมฆบุรุษ กล่าวตู่เราด้วยถ้อยคำที่ตนเองถือเอาผิดด้วย ย่อมขุดตนเองด้วย ย่อมประสบสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย ตถาคตกล่าวว่า "วิญญาณเป็นปฏิจจสมุปปันนะธรรม คือวิญญาณเป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยแล้วเกิดขึ้น โดยปริยายเป็นอันมาก, ถ้าเว้นจากปัจจัยแล้ว ความเกิดแห่งวิญญาณ มิได้มี"
ฟังเข้าใจง่าย ไม่สับสน ดีมากครับ
อึ้งทึ่ง ความเก่งอัจฉริยะของตถาคตที่สุด
เสียดายที่ประเทศไทยนับถือศาสนาไทย(ผี) ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ คำสอนที่แท้จริงของตถาคตจึงถูกบดบัง
พุทธมี3เลเวล คือ พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ แห่งมหายานและวัชรยาน
พระพุทธเจ้าท่านจะไม่เกิดอีก แต่พระโพธิสัตว์ท่านจะเวียนกลับมาเกิดอีกเพื่อช่วยโลกจากผู้สร้างเพราะท่านรู้อนาคตของจักรวาลว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อมาเพื่อรอการมาถึงของผู้สร้างจักรวาล มนุษย์เป็นภพหนึ่งที่ต้องมาเกิดและต้องถูกทำลายล้างเผ่าพันธุ์ซ้ำไปซ้ำมาเพื่อปรับระบบนิเวศน์ของจักรวาลนี้ให้ส่งสัญญาณไปถึงอีกจักรวาลอื่น
@@kanjs5317แล้วพระผู้สร้างเป็นผู้ใด ท่านจะมาแบบใด มาช่วยมนุษย์โลกได้อย่างไร....?
ก็เราได้ฟังเรื่องคำสอนแบบนี้อยู่ไงครับ เทคโนโลยีช่วยให้คำสอนที่ถูกต้องได้รับการเผยแพร่มากขึ้น
คำสอนจะถูก จะผิด จะดี จะเลว ขึ้นอยู่กับผู้ฟัง
@@kanjs5317 อันนี้จินตนาการล้วนๆเลยนะครับ
พระองค์ทรงเป็น สัพพัญญู สัมมาสัมโพธิญาณ และนำมาบอก ให้มนุษย์รู้ตาม ..การดับทุกข์ ออกจาก วัฏสงสาร ส่วนผู้ที่จะเห็นสัจจะความจริง ได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่ที่อินทรีย์ ของแต่ละคน ที่ไม่เท่ากัน รู้ไม่เท่ากัน เห็นไม่เท่ากัน แต่ทางหลุดพ้นเปรียบเสมือนช่องแคบ ที่พระองค์ทรงชี้ให้มนุษย์ ทุกคน เดินไปได้ โดยที่ไม่ต้องมีญาณหยั่งรู้ แต่ให้รู้ได้ด้วย มรรค วิธี หรือ ( อริยมรรคมีองค์ 8 ) นั้นเอง
พระพุทธเจ้าท่านฉลาดมากที่ท่านพบอะไรหลายๆอย่างจากการศึกษาธรรมชาติรอบตัวท่าน ท่านไม่มีอภินิหาร พุทธแท้จริงคือ ธรรมชาติ
พระองค์ตรัสรู้ สอนธรรม การอยุ่กับลมหายใจ สมาธิ ท่านสอนการหลุดพ้น ทางที่เราไม่ต้องมาเกิดอีกแล้ว เราโดนวนๆมาเกิดนับไม่ถ้วนแล้ว ผมสนใจทั้งฟิสิกและคำสอนของพระองค์
จิตรเป็นพลังงานหนึ่ง ที่ร่างกายดับไปแล้วแต่ยังมีดวงจิต หากจิตว่างเปล่าก็ล่องลอยไปในเอกภพหายไปสบาย หากจิตรเรายังมีห่วงอื่น ก็ยังพุ่งกับมาเกิดเป็นมนุษย์ เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนั้น เปรียบเหมือนหากเราคิดว่าอาหารนี้อร่อย เราก็จะกินอยู่อย่างนั้น หากเราไม่รู้สึกอะไรกับอาหารนี้เราก็จะไม่มากินมันอีก
ท่านใช้การปฏิบัติในการเข้าถึง
อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เเละทรงโลกาวิทู รู้ทุกเรื่องในอนันตจักรวาล มีคนถามท่านเพียงเเต่ท่านจะตอบหรือไม่เเค่นั้น
ผู้ที่ประเสริฐที่สุดในจักรวาลคือ พระพุทธองค์ 🙏🙏🙏
ถูกต้องละครับ คลิปนี้โครตมีประโยชน์ ศึกษาคำของตถาคตต่อไปครับ 🙏🏻💯✨
พระพุทธองค์ ก็ธรรมชาติหนึ่งของจักวาลนี้ เราท่านต่างเป็นพระพุทธเจ้าได้ มันมีธรรมชาตืแห่งจืต ทำไมพระอรหันต์รู้ความคิดของคนอื่นได้ รู้อดีตชาติของตนและคนอื่นได้ มันแค่กฎธรรมชาติแห่งจิต ที่ทุกคนทำได้พิสูจน์ได้ มีพระพุทธเจ้าเป็นจำนวนเท่าเม็ดทราย มีพระพุทธเจ้ามาอุบัตืในโลกใบนี้สามพระองค์ มันกระจ่างด้วยวิทยศาสตร์ มันมีการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้มีมากครั้งที่ทำให้สิ่งมีชีวิตล้ม และลุกมาใหม่ คนยุคนั้นๆ อาจเจริญกว่ามนุษย์เราในเผ่าพันธุ์เราก็ย่อมเป็นไปได้ สาธุกับท่านผู้นำเสนอ เยี่ยมมาก สาธุ
เราเชื่อ ที่คนสมัยก่อนบอกว่าสามารถหายตัวได้ เหาะได้ ตาทิพย์ หูทิพย์ฯลฯ หรือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่าปัจจุบัน เพราะโลกมีการแตกดับมาหลายรอบแล้ว
เส้นทางที่พระพุทธเจ้าเดินคือเส้นทางเเห่งพรหมจรรย์ ใช่ว่าทุกคนจะเดินบนทางนี้ได้เพราะต้องใช้กำลังกายกำลังใจอย่างเต็มที่ในการละทางโลกอย่างที่ทุกคนทำกัน การถือเพศพรหมจรรย์ย่อมไม่เป็นที่ชอบใจเเห่งมาร มารย่อมผจญ ทุกก้าวย่างชีวิต ผู้ที่จะรู้เคล็ดลับของชีวิต และจักรวาล ต้องเดินบนทางนี้เท่านั้น คือสมณะ
ไม่ต้อง ถือพรหมจรรย์ก็ได้ศีลห้าต้องครบ แค่ไปช้ากว่าถือพรหมจรรย์
@@onceuponatimeinutube6340 ก็ไปชิ
ผู้ที่ทำช่องนี้ไม่ธรรมดามากๆครับรู้ทั้งวิทย์และธรรมะ
อยากให้เพิ่มพูนความรู้ของอิ.เสถียรโพธินันทะ กระจ่างมาก
แท้จริงแล้วพระพุทธเจ้าคือบรมครูแห่งวิทยาศาสตร์นั้นเองครับเพราะสามารถพิสูจน์ได้ทั้งทางรูปธรรมและนามธรรม..
ไข่ครับ กว่าพระ องค์ ถึง จุดนี้ ได้ ก็เป็นคนธรรมดาแบบเรามาก่อน ต้องสละทุกอย่าง วิทยาศาสตร์ก็แค่ ศิษย์ พระพุทธเจ้า ความรู้ยังน้อยนิดมากๆ@@user-tc2qi1bi9t
รู้แจ้งโลก รู้อนาคตอดีตปัจจุบัน ไม่มีผิดเลย ไม่จำกัดกาลเวลา พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง ด้วยญาณหยั่งรู้จิตที่เป็นสมาธิในภายใน
พุทธศาสนา เป็น วิทยาศาสตร์ พระพุทธเจ้าค้นพบจากธรรมชาติทั้งนั้น ธรรมะ คือ กฎของธรรมชาติ
ขอบคุณที่เอาเรื่องจริงมาเล่าครับ.
ญานหยั่งรู้ คือการเข้าถึงความรู้ในควันตั้มแบบละเอียด เข้าถึงอนุภาคทุกชนิดในจักรวาล
ถูกต้องครับ มันละเอียดอ่อนมาก
💜🙏ขอบคุณมากค่ะ🙏💜
สาธุๆๆๆคะอนุโมทนาเจ้าค่ะ
ใครที่เคยทำสมาธิ จนสามารถแยกดวงจิตออกจากร่างกายได้ จะรู้ว่าจิตก็คือ อะตอม ตัวหนึ่งที่มีพลังงานและความรู้....และคุณจะไม่กลัวผีกลัวปีศาจอีกเลย
ผีปีศาจยังไม่น่ากลัวเท่าคนหลอกคนครับ
3:53 แยกมาหาผมหน่อยสิ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ🙏🙏🙏
เราเป็นเพียงผู้อาศัยเล็กๆบนโลกใบนี้เท่านั้น
ไม่มีอะไรเป็นของเรา นอกจากจิตวิญญาณ
ที่เวียนว่าย เกิด แก่ เจ็บ ตาย ในวัฏสงสาร
ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ฉันเชื่อมั่นใน นิพพาน ของพระพุทธเจ้า
ที่สามารถจะหลุดจาก วัฏสงสาร ได้จริง
มันยิ่งใหญ่มาก ถ้าเราสามารถไปถึง นิพพาน
เราต้องหลุดพ้น จากกรรมทั้งปวงได้แน่ๆฉันเชื่อ
มนุษย์ตายแล้วเกิด วนเวียน จนไม่นับเวลาไม่ได้
กรรมดี กรรมชั่ว ต่างก็ติดตามจิตวิญญาณมาเหมือนเงา
ที่ติดตามเราทุกภพ ทุกภูมิ ทุกชาติ ทุกแห่งหน
เราไม่สามารถที่สลัดมันออกไปและหนีมันได้เลย
เพราะมันคือ กฏแห่งกรรม ที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้
ถ้าเรามีโอกาสที่จะแก้กรรม ในอดีตชาติได้
เราควรทำมันหรือไม่???
จะมีมนุษย์สักกี่ที่เห็นกรรมของตัวเอง
และเพียรพยายามที่จะแก้ไข กรรมนั้น
ด้วยตัวเอง
พระพุทธเจ้าทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์
เป็นเช่นนั้นจริง ฉันเชื่อหมดใจ
ธรรมะของคุณยอดเยี่ยมและเป็นสิ่งที่ดีต่อชาวโลก 🤍🤍🤍🙏🙏🙏
ถ้าเราย้อนกลับไปแก้ไขเวลาที่ผ่านมาในอดีตได้เราก็จะแก้กรรมได้แต่เวลามันผ่านแล้วผ่านเลยไม่สามารถย้อนกลับไปได้ดังนั้นไม่มีใครไปแก้กรรมที่ผ่านมาได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มีสติอยู่กับลมหายใจในปัจจุบันให้คิดดีพูดดีทำดีในขณะปัจจุบันและไม่ต้องกังวลกับอนาคต เพราะกรรมดีในปัจจุบันจะส่งผลถึงอนาคตอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัยครับ
พระพุทธเจ้าคึอที่สุด
ขอบคุณมากครับ ขอบคุณทุกสรรพสิ่งในโลกและจักรวาล ขอให้ทุกท่านหลุดพ้น และให้รู้ว่าทุกคนคือใคร..!!!
รักพระพุทธศาสนาที่สุดในโลกเลยครับ
ความพิเศษอีกข้อหนึ่ง ของพระพุทธเจ้าคือ เมื่อพระองค์จะทรงสอนใคร พระองค์จะเลือกหัวข้อธรรมะที่จะสอน เพื่อให้ตรงกับจริตของผู้ฟัง ว่าสามารถฟังธรรมะระดับนี้แล้วเข้าใจได้ทะลุปรุโปร่ง..และ ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ ก่อนรุ่งสางอรุณ พระองค์จะทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยญาณทัศนะวิสัยของพระพุทธเจ้า ว่า วันนี้มีใครที่อยู่ในข่าย พอที่พระองค์จะทรงสอนให้เข้าถึงธรรมได้บ้าง...
ซึ่งแน่นอนว่า ญาณทัศนะวิสัยของพระพุทธเจ้าเครื่องมือวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยสิ..นี่ล่ะ อีก 1 จุด ที่วิทยาศาสตร์ยังตามไม่ทัน ความเป็นพระพุทธเจ้า...
และ ถ้าไปดูในบทสวดพาหุงมหากาที่บอกไว้เกี่ยวกับ วิธีการเอาชนะบุคคลอื่น ที่ชนะด้วยการไม่มีเวรกรรมผูกกัน ก็มีหลายบทสวดที่เป็นการเอาชนะ แล้วเครื่องมือวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้...
สาธุครับพระคุณเจ้า
ขอบคุณครับ.
พุทธศาสตร์ รู้ได้ด้วยการบำเพ็ญเพียร ทางจิต..( ฝึกจิต )...
วิทยาศาสตร์ ใช้เครื่องมือภายนอก ในการหาความจริง และพิสูจน์กฎของธรรมชาติ และนำมาใช้ประโยชน์ ส่วนพุทธศาสนา ใช้เครื่องมือภายใน ในการหาความจริง เพื่อให้หลุดพ้นจากกฎธรรมชาติ หรืออยู่เหนือกฎธรรมชาติ บางกฎ เช่นกฎไตรลักษณ์ คือ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เห็นด้วยกับคุณครับ คุณ เข้าใจเปรียบเทียบครับ
สาธุครับ 🙏🙏🙏
ขอบคุณมากค่ะ🙏❤️
นำเสนอได้เยี่ยมมาก!!!
พระพุทธองค์ ทรงรอบรู้โดย ญาณทัศนะ ซึ่งมีฌาณสมาบัติเป็นเครื่องมือ ก็คือ จิตที่เป็น สมาธิ อันสูงส่ง
ขอบพระคุณมากค่ะในความรักความเมตตา
🙏🙏🙏ขอบคุณความรู้ดีดีครับ
แอดมินเข้าใจธรรมชาติได้ลึกซึ้งมากเลยครับ ..❤
ทำเนื้อหาได้ดีจริง ๆ ครับ
ขอบคณครับ
ขอยกให้เป็นคลิปที่ดีที่สุด! และเหมือนผมเข้าใจมากที่สุด ตั้งแต่ดูทุกๆอย่างมาเลยครับ!!
👍👍👍🙏🙏🙏
เนื้อหาดีครับ สุดยอด
ขอบคุณมากครับ😊
ดีมากๆเลยครับ ขอบคุณครับ
พระพุทธเจ้า คือ คนแรก ที่พยายามหลุดออกจากแมททริก แล้วเป็นคนแรกที่รูัว่าโลกนี้คือ แมททริก
จะเปรียบเทียบแบบนั้นเพื่อให้เข้าใจง่ายก็ได้เหมือนกันครับ
จะว่าคนแรกก็ไม่ใช่เพราะที่ผ่านมามีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นและปรินิพพานไปแล้วมากกว่าเม็ดทรายบนโลกซะอีก
ทุกอย่างอยู่ในลม สายตามนุษย์ไม่มีทางที่จะมองเห็นทุกสิ่ง พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยการดูลมมุ่งมั่นที่ลมเท่านั้น เราคือเราไม่ใช่ใครและพระพุทธเจ้าสอนให้ปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้นไม่ได้สอนให้เชื่องมงาย
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ฟังแล้วคิดตามเราจะเห็นความเป็นจริงทั้งหมด คำสอนของพระองค์สามารถพิสูจน์ได้ ข้าพเจ้าโชคดีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา
ขอบคุณครับที่เอามาตีเป็นความหมายทางวิทยาศาสตร์ให้ คนปัจจุบันเข้าใจง่ายขึ้นเยอะและผมว่าศาสนาพุทธคือที่หนึ่ง ❤
ท่านสอนไปหมดแล้วครับ ทั้งหลักวิทยาศาสตร์ท่านก็สอนครับ เพียงแต่หลักวิทยาศาสตร์ในความเข้าใจแบบโลกๆ มันไม่มีวันไปถึงความหลุดพ้นได้ ลองเป็นอะกาลิโกให้ได้ จะไม่มีใครสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ เพราะไม่ว่าเราสนใจหรือไม่สนใจ เราก็เป็นหนึ่งเดียวกันไปแล้ว🤗
ขอบคุณมากครับ
คุณเอาพระพุทธเจ้ามาเทียบกับวิทยาศาสตร์
ท่านผู้เป็นสัพพัญญู รู้ทุกอย่าง กับเด็กๆ แบบ วิทยาศาสตร์
คุณของพระพุทธเจ้านั้นหาประมาณมิได้ครับ
🙏🙏🙏
😍🥰🤩
คนรุ่นนั้นกับคนรุ่นนี้เอามาเปรียบเทียบกันได้แต่คุณธรรมต่างกันนั่นเอง(ทางโลกพระพุทธองค์ทรงตรัสแล้วว่ามันเป็นอินฟินิตี้)แต่ในทางธรรมที่พีะพุทธองค์ทรงค้นพบด้วยตนเองคือตราบใด?ที่มี"ตาหูจมูกลิ้นกายใจ"แล้วจะไม่มีจุดจบที่ดีจึงบอกเรื่องทำเช่นไร?ที่ทำให้"ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ"นั่นเองสาธุ
ยอดเยี่ยมค่ะ
อธิบายได้ดีมาก เข้าใจคำว่าตรัสรู้ที่พระพุทธเจ้าท่านรับรู้ นั่นหมายความว่าท่านรับรู้ เหมือนท่านรับรู้ข้อมูลเหล่านั้นทางจิตของท่าน ดูวิธีการที่เราในยุคนี้ยังไม่เข้าใจ แล้วท่านพยายามนำมาสอนพวกเราอธิบายพวกเราเข้าใจ ท่านอยากให้พวกเราเข้าใจอย่างที่ท่านเข้าใจ
นักวิทยาศาสตร์ยังห่างไกลพุทธศาสนา เปรียบกันกับฟ้ากับดินครับ วิทยาศาสตร์แค่คำว่าสุขกับทุกข์ยังไม่รู้จักเลย หากนักวิทยาศาสตร์อ้างว่ารู้จัก ทำไมไม่ทำให้มวลมนุษย์มีความสุขแต่ฝ่ายเดียวครับ พุทธศาสนาอาจทำให้ทุกคนมีความสุขไม่ได้ทุกคนแต่สามารถชี้ทางให้ทุกคนมีความสุขได้เสมอภาคกันทุกคน ไม่แบ่งแยก ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ขึ้นอยู่กับใครจะรับเอาหรือไม่รับเอา
คำสอนของพระองค์จริงๆคือธรรมชาติ แล้วพระองค์ก็พูดเรื่องธาตุสมัยก่อนมองว่าอิทธิฤทธิ์เป็นอะไรที่สุดยอดพอได้ฟังคำสอนจิงๆที่เก็บกับร่างกายเรารู้สึกมองอิทธิฤทธิ์เป็นเรื่องไรสาระไปเลย
ถ้าอยากเข้าใจเกี่ยวกับจักรวาลในพระพุทธศาสนาแบบลึกซึ้ง ต้องศึกษาอภิธรรมครับ แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ต้องศึกษาศาสนาพุทธในเบื้องต้นให้แตกฉาน ถึงจะศึกษาและเข้าใจในอภิธรรมได้ ผมเองก็เพิ่งจะเริ่มต้น ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพราะอภิธรรมนั้นลึกซึ้งมากจริงๆ แล้วคุณจะเข้าใจจักรวาลได้ดีขึ้น พระพุทธเจ้าท่านมหัศจรรย์มากๆครับ (แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงสนับสนุนให้ศึกษาเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ ท่านมองว่ารู้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าไม่รู้เลยก็ไม่เสียหายอะไร เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้นำพาไปสู่หนทางแห่งการดับทุกข์)
ท่านใช้พลังสมาธิ🎉🎉🎉
... จริงๆแล้ว ท่านไม่ใช่คนบนโลกเรารึเปล่าครับ มาจากดาวดวงอื่น 😊
แอดมินสามารถอธิบายเปรียบเทียบได้ดีมากครับ ถูกต้องในหลักธรรมที่เป็นแก่นที่แท้จริงของพุทธได้ ขอให้เป็นกุศลทานขอบคุณมาก
อธิบายบายคำสอนได้ดีมากๆ เหมือนแปลอีกที
อนุโมทนาค่ะ สาระดีมากค่ะชอบติดตามนะค่ะ❤
ก็พระองค์ตรัสรู้ รู้ทุกอย่างในดวงดาว ทุกชั้นของจักรวาล และดาวไกลๆพระองค์ไปได้แค่พริบตา คือการถอดจิตไปและไปจริงๆ จึงรู้จริง เปรียบเทียบกับคุณไปเที่ยวภูกระดึง คุณขี่รถและเดินไปพอไปถึงก็ได้เห็น แต่การถอดจิตได้จริงแล้วไปเดินจะเร็วกว่า เท่านั้นเอง แต่ก็ได้ไปเหมือนกัน
ทรงคุณค่า ขอบคุณค้าบ ❤❤❤🎉🎉🎉
ฟังคุณสาธยาย ๑๓ นาที ได้สารธรรม มากว่าไปนั่งฟังพระเทศน์ ๓ ชั่วโมง // ที่่ลึก และละเอียด ก็ตรงที่คุณสรุป กฏทางวิทยาศาสตร์ให้เข้ากันได้กับกฏไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ...// กรรมฐานทั้งหลาย ปลายทางคือให้เห็นเรื่องนี้ และวิทยาศาสตร์ก็ชี้ชัดว่า ทุกสิ่งไม่คงที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา //สุดยอดจริงๆ ทำออกมาอีกนะ เพราะคนที่สนใจศาสนาเขาจะไดัฟังกัน โดยที่ไม่ต้องไปนั่งฟังเรื่องทำบุญไปสวรรค์ที่วัด ซึ่งเป็นเรื่องเบลอๆ อ่อนเหตุผลไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งๆ ที่พระพทธเจ้าท่านมุ่งสอนแก่นธรรม "สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี / สิ่งนี้ไม่มีสิ่งก็ไม่มี " กฏอิทัปปัจจยตา มันเป็นที่สุดของวิทยาศาสตร์ แต่ปัจจุบันตามวัดไม่ค่อยจะสอนกัน ..มาฟังคุณบรรยายที่นี่ดีกว่า ..ขออนุโมทนา สาธุ นะ !
ตอบแบบตรงๆ เพราะการหยั่งรู้ เกิดขึ้นได้จริงในระดับข้อมูลขนาดเล็กมากๆ
แล้ววันนึงก็จะมีคนค้นพบได้ว่าความฝันคือความจริง/ หรือความจริงที่มีชีวิตอยู่คือความฝันหลังจากที่เราตายไป แต่ที่จริงที่สุดคือความแน่นอนคือความไม่แน่นอน และความไม่แน่นอนคือความแน่นอน😊
ขอบคุณมากสำหรับคลิปนี้นะคะ
ลูกขอกราบ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
ถ้าบิ็กแบง กำเนิดจักรวาล เมื่อ16,000ล้านปีที่แล้ว ก็จะเข้าใจว่า บิ๊กแบงนั้นมีมาเป็น ล้านๆๆครั้ง เพราะพระพุทธเจ้านั้นก็มีมานับไม่ถ้วน ใครจะคำนวณ เรื่องราวนั้นถึงที่สุดย้อนกลับไปนั้นไม่มี แต่ กาลข้างหน้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถหยั่งรู้การเกิดขึ้นของผู้มาเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะขอบเขตของเวลานั้นไม่มี แต่กำหนดการสิ้นดวงจิตสุดท้ายของพระองค์ได้ คือมหาปรินิพพาน ว่า ดับไม่เหลือ ไม่มีเชื้อให้การเกิดของจิตมีอีก......เรื่องอะไรควรรู้อะไรไม่ควรรู้ทรงตรัสสอนหมด
คำตอบคือ..พระองค์ทรงตรัสรู้ เป็นตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ เป็น "สัพพัญญู"ค่ะ 👉คหบดี ! ก็ #สัทธาสัมปทา เป็นอย่างไรเล่า ? อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้มีศรัทธา เชื่อปัญญาตรัสรู้ของตถาคตว่า“เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์”. คหบดี ! นี้เรียกว่า สัทธาสัมปทา.!🙏🙏🙏 -บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๘๕/๖๑. (พุทธวจนชุดที่๗ ฆราวาสชั้นเลิศ หน้า ๒๓) ซึ่งสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ (ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ทั้งทางกายภาพและทางจิตหรือระบบสังขตะ รวมถึงระบบอสังขตะ..วิทยาศาสตร์ไม่สามารถรู้ตามหรือหาคำตอบได้หมด! )
👉 พระองค์ตรัสเรื่องจักรวาลไว้ เช่น .. (-บาลี ติก. อํ. ๒๐/๒๙๒/๕๒๐.)
อานนท์ ! ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์แผ่รัศมีส่องแสงให้สว่างไปทั่วทิศกินเนื้อที่ประมาณเท่าใด โลกมีเนื้อที่เท่านั้น มีจำนวนพันหนึ่ง ในพันโลกนั้น มีดวงจันทร์พันดวง ดวงอาทิตย์พันดวง ภูเขาสิเนรุพันลูก ชมพูทวีปพันทวีป อมรโคยานพันทวีป อุตรกุรุพันทวีป ปุพพวิเทหะพันทวีป มหาสมุทรสี่พัน มหาราชสี่พัน จาตุมมหาราชิกาพันหนึ่ง ดาวดึงส์พันหนึ่ง ยามาพันหนึ่ง ดุสิตพันหนึ่ง นิมมานรดีพันหนึ่ง ปรนิมมิตวสวัตตีพันหนึ่ง พรหมพันหนึ่ง นี้เรียกว่า สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ (โลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล) สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุมีขนาดเท่าใด โลกธาตุขนาดเท่านั้น คำนวณทวีขึ้นโดยส่วนพัน นั้นเรียกว่า ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุ โลกธาตุอย่างกลางมีล้านจักรวาล) ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุมีขนาดเท่าใด โลกธาตุขนาดเท่านั้น คำนวณทวีขึ้นโดยส่วนพัน นั้นเรียกว่า ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ (โลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล) อานนท์ ! ตถาคต เมื่อมีความจำนง ก็ย่อมพูดให้ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ ได้ยินเสียงทั่วกันได้, หรือว่าจำนงให้ได้ยินเพียงเท่าใด ก็ได้.
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ! เป็นไปได้ด้วยวิธีอย่างใด พระเจ้าข้า !
อานนท์ ! ตถาคตอยู่ที่นี่ จะพึงแผ่รัศมี มีโอภาสสว่างไปทั่วติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุเสียก่อน เมื่อสัตว์เหล่านั้น รู้สึกต่อแสงสว่างอันนั้นแล้ว ตถาคตก็จะบันลือเสียง ให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน.
อย่างนี้แล อานนท์ ! ตถาคตจะพูดให้ติสหัสสี-มหาสหัสสีโลกธาตุ ได้ยินเสียงทั่วกันได้ หรือจำนงให้ได้ยินเพียงเท่าใดก็ได้.
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ ได้กราบทูลว่า “เป็นลาภของข้าพระองค์หนอ ข้าพระองค์ได้ดีแล้วหนอ ที่ข้าพระองค์มีพระศาสดาผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้”. ฯลฯ (พุทธวจน ชุดที่ ๑๑ ภพภูมิ หน้า ๕๐๑)
** การคิดเรื่อง พุทธวิสัยและโลกวิสัย จึงเป็นเรื่อง อจินไตย..คิดไปก็ถึงความวิปลาสและตายเปล่า..!! รวมทั้งเรื่อง กรรมวิสัยและฌานวิสัย..รวมเป็น4อย่าง
แต่พระองค์สอนให้เราเข้ามาศึกษาในเรื่องที่จะทำให้เราพ้นทุกข์! คือ ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ (ทุกข์?/เหตุให้เกิดทุกข์?/ความดับแห่งทุกข์?/หนทางปฏิบัติให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์? ) ซึ่งไม่อาจจะถึงได้ด้วยการไป! หากแต่สามารถหาได้ในกายนี้ที่ประกอบด้วยสัญญาและใจนี้เอง..นี่คือที่ออกของโลก!หรือที่ออกจากทุกข์! ...ลองช่วยกันเข้ามาศึกษาและท้าพิสูจน์กันดูค่ะ...สาธุค่ะ
คุณนี้สุดยอดครับสาธุสาธุสาธุ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับกับเนื้อหาดีดี😊