มาดูตะกร้อในยุคที่มาเลเซียยังเก่งอยู่
Вставка
- Опубліковано 9 лип 2021
- ทีมไทย
ตัวเสริฟ ณรงค์ ชายแก้วนพรัตน์/กำพล ทัศสิทธิ์
ตัวทำหน้าขวา ทวิช วงเคลื่อน
ตัวทำหน้าซ้าย อุดมศักดิ์ ชูเกียรติพิพักษ์
ทีมมาเลเซีย
ตัวเสริฟ อาหมัด ยาอิส
ตัวชง อับดุลมาลิส ซัมซูดิน
ตัวทำหน้าขวา อิสกานดา อาชาค - Спорт
มาเลย์ก็ธรรมดาครับ แต่ไทยเล่นไม่เป็นระบบ มี 2 ตัวทำ ไม่มีตัวชง แย่งกันเตะ ก็รวนสิครับ ถ้าปรับระบบ พี่ทวิช เตะหายนะครับ ขอมีคนป้อนแก
ใช่ครับ ในยุคก่อนนั้นมาเลเซียก็มีชุดที่ใช้ตัวทำ2คน ua-cam.com/video/zVRKJeGj6fE/v-deo.html
มีทั้งชุดตัวทำ1คน ua-cam.com/video/zVRKJeGj6fE/v-deo.html
@@sport-hp1lx 2ตัวทำ ไช้แล้วแพ้หมด
ยุคที่เห็นนี้จะว่าไปมาเลย์ก็ไม่ได้กินขาดไทยแล้วล่ะ เพราะก่อนหน้านี้ก็แพ้ไทยมาในซีเกมส์มา เรียกว่าเป็นยุคที่ไทยกับมาเลย์สูสีกันที่สุดมากกว่า แต่ที่ไทยแพ้ในนัดนี้มันมีสาเหตุว่า ทีมไทยที่หลายคนดูแล้วเล่นขัดหูขัดตากับระบบสองตัวฟาดอย่างนี้ คือ ก่อนการแข่งรอบชิงตังชงทีมไทยบาดเจ็บจากรอบรอง เป็น กฤษฎา นิ่มนวลรัตน์ หรือเปล่าไม่แน่ใจ อ.กลม (คุมทีมชาติรายการแรกฉ เลยจำเป็นต้องปรับแผนไช้ระบบสองตัวทำโดยไม่อยากจะทำเลย โดยให้ตัวเสิร์ฟอย่าง ณรงค์ ชายแก้วนพรัตน์ มาทำหน้าที่ตัวตั้งให้ด้วย ซึ่งตอนที่แกเสิร์ฟแกเสิร์ฟดีมาก ได้มาหลายแต้ม แต่เวลาแกชงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เลยแพ้ไปในเซตแรกแบบขาดเลย เซตสองเบยเปลี่ยนมาให้ กัมพล ทัศน์สิทธิ์ลงแทน เกมส์ชงเลยดีขึ้น แต่เพราะมันยังไงก็ไม่เหมือนกับระบบตังชงธรรมชาติ และเล่นแบบนี้ข้อนข้างรวนมากๆ เพราะหลายครั้งเสียโอกาสจากแต้มที่ได้กลายเป็นพลาดไปจากการทับตำแหน่งกันแย่งกันเปิดลูกของสองตัวฟาด การชงที่ยังไงก็ไม่เป็นทรรมชาติของตัวเสิร์ฟ และการเสิร์ฟที่เคยได้แต้มบ่อยเหมือนเซตแรกด้อยลงไปด้วย แต่เซตสองสูสีเกือบจะชนะได้ ทั้งนี้เพราะ อชก หนนั้น ให้แข่งแค่ทีมเดี่ยว จึงมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนตัวผู้เล่นที่เตรียมไปแค่ห้าคนเท่านั้น และทุกชาติไม่ว่าไทยหรือชาติไหนจัดตังวชงไปแค่คนเดียวเท่านั้น ทีนี้ตัวชงเจ็บมาจบเลย ด้วยการระยะเวลาการปรับทีมที่สั้นไม่กี่วันก่อนแข่งด้วย เรื่องนี้ดคยเกิดขึ้นมาแล้วกับไทยตอนปี2015กับมาเลย์
ช่วงนี้มาเลย์เซียเก่งกว่าทีมไทยครับ เราแพ้2เหรียญทองในเอเชี่ยนเกมส์ครั้งแรก อีก2ปีต่อมาในซีเกมส์เราก็แพ้อีก จนมาถึงเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ นักตะกร้อไทย เลิกราไปหลายคน ขาดคนขึ้นมาทดแทน ชุดนี้คนทำทีมไม่ใช่.กมลนะครับ ตอนนั้นผมจำได้ว่าเป็นโค้ชเมืองหมอแคนแกทำทีมได้แชมป์ สมาคมเลยให้ทำทีมชุดนี้ ทีนี้ มีชุดที่เล่นเด่นขึ้นมาคือ กำพล อุดมศักด์หน้าซ้ายฟาดเท้าขวา กฤษฏาฟาดเท้าซ้าย แล้วก่อนนั้นกฤษฎาเจ็บหนัก ตัวฟาดที่ดีที่สุดในช่วงนั้นคือทวิช วงเคลื่อน แต่โค้ชก็ไม่ยอมตัดอุดมศักด์ออก เพราะฟาด2หน้ามันไม่เวิร์ค ส่วนนึงเพราะหาตัวชงหน้าซ้ายไม่ได้ ถ้าสุริยันต์เป๊ะชาญ เกิดเร็วกว่านี้อีกหน่อย ก็จะดีมาก ส่วนตำแหน่งแบคหลังจากรุ่นภักดี สุรัตน์ เลิกรา ก็มีกำพล ทัศสิทธ์ กับ ไกร โกศลวัตรที่เด่นขึ้นมา อีกคนที่เสริฟได้น่ากลัวมากในยุคนั้นคือ เมธี สีละพัฒน์ แต่เล่นเกมส์รับไม่ดีเลย ตอนนั้นผมตามข่าวให้หนังสือพิมพ์กีฬาฉบับนึงอยู่ ยังถามโค้ชเลยว่า 1คุณมั่นใจยังงัยกับการเล่นตัวฟาด2หน้า กับข้อ2 คือ คุณไม่กลัวว่าณรงค์ จะไม่ถอดใจเวลาเจอเกมส์ตรึงเครียดเหรอ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ไม่ได้มีเจตนาจะโอ้อวดนะครับ ตอนนั้นถ้าให้ผมจัดทีม ผมคงเอาทวิช เป็นหน้าฟาด อีกคนคงจะเป็นพี่เป็ด พิสิฐ พัฒมาศ ส่วนแบค คงเลือก กำพล โดยมี สมพร แสนยะบุตร เป็นแบคอีกคน แต่ตัวชงเด่นๆ ยอมรับว่าหายากจริง ๆหลังจากนั้น ปีนึง เรามีแบคดาวรุ่งพุ่งแรง ขึ้นมาคนนึง ต้องเป็นแฟนตะกร้อจริงๆถึงจะจำได้ เป็นความหวังเลยก็ว่าได้ ชื่อ ปฤณ ปิ่นวิเศษ ลูกเสริฟรุนแรง เกมส์รับก็ดี ในซีเกมส์ครั้งต่อมา เค้าเกิดถอนตัวเพราะติดเรียนที่ธรรมศาสตร์ ทีนี้เลยหายไปเลย เพราะต่อมามี กิติภูมิ นามสุข สืบศักดิ์ ผันสืบ อานุภาพ รักวงษ์ฤทธ์ เข้ามา
@@user-fh5fq3uf7t ตัวชงไทยที่เจ็บไปไม่ใช่กฤษดา นิ่มนวลรัตน์แต่คือธีรพงษ์ หยงสตาร์ และอีกอย่างที่มาเลย์ชุดนี้เคยแพ้ไทยมาแล้วเมื่อตอนตะกร้อซีเกมส์ทีมชุดที่สิงคโปร์ พี่เขา นอกจากเรื่องตัวชงที่เจ็บแล้วแกพูดถูกแล้วล่ะที่บอกว่ามาเลย์เริ่มเป็นรองไทยมาแล้วที่จริงก็เริ่มเป็นรองมาตั้งแต่ซีเกมส์ที่ ภาษาไทยปี 2528 และปี 2530 ถึง 32 และตะกร้อเอเชียนเกมส์ครั้งแรกที่ปักกิ่งปี 2533 ไทยแพ้มาเลที่ชนิดว่าใครเสิร์ฟใครได้ทั้งทีมชุดและทีเดี๋ยวแบบที่ไทยได้เปรียบด้วย ก่อนแข่งไทยเป็นเต็งหนึ่งด้วยซ้ำ ถูกแล้วที่พี่เขาบอกว่า มาเลย์ชุดหลังๆเริ่มแพ้ไทยแต่ไทยมาแพ้แค่เอเชียนเกมส์ 2 ครั้งแรกเท่านั้นแหละ