Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
พี่โค้ดเข้าใจถูกค่ะ ผู้หญิงหลายคนหลังค่อมเพราะตอนเด็กโดนแซวหน้าอก พอโตขึ้นโดนทักว่าเสียบุคลิกโดยคนแปลกหน้า แบบที่เค้าไม่รู้ที่มาที่ไปของมัน เราเองก็พยายามฝึกหลังตรงมากขึ้น พอฝึกมีคนทักว่า ไม่เห็นมีนมเลยไหนตอนเด็กๆบอกนมใหญ่ พอเป็นสังคมไม่เห็นหน้ามันน่ากลัวมาก ตอนนี้เราเข้าใจมากขึ้นแล้วแต่เด็กๆยังไม่สามารถรับมือกับมันได้ กลายเป็นปมกันไป ขอบคุณที่ออกมาทำเรื่องนี้มากๆค่ะ
"สิวเต็มหน้าเลย" ห้ามทัก!! มันอยู่บนหน้าเรา เรารู้ค่ะ คนที่เขาสิวขึ้นเยอะๆ เขาก็เครียดของเขาอยู่แล้ว อย่าไปทักซ้ำเติมให้เขารู้สึกแย่กับตัวเองเขาไปอีกเลย แล้วก็ห้ามทักอะไรก็ตามที่เป็นตัวตนของคนนั้นๆไม่ว่าจะ รูปร่าง การแต่งตัว สไตล์ หรืออะไรก็ตาม ส่วนเรื่องที่จะเตือน เราว่าการใช้คำพูดกับน้ำเสียงมันบ่งบอกได้ค่ะว่าคนนี้เตือนเพราะหวังดีหรือพูดทักเพราะแค่เห็นแล้วมันหยุดปากไม่ได้ สุดท้ายคือ ทุกอย่างมันคือตัวเขา เขาต้องรู้จักตัวเองมากกว่าคนอื่นอยู่แล้วค่ะ (พิมพ์ไปขึ้นไป 55555) ส่วนตัวโดนทักเรื่องเสียงกับรูปร่างมาตลอด ซึ่งมันแก้ไม่ได้!!!!
เคยไปซื้อของกับแม่ค่ะ พวกเครื่อสำอาง กำลังจะออกจากร้านพนักงานทักว่าน้องเป็นสิวรับตัวนี้ๆเพิ่มไหม น้ำเสียงคือหวังดีไม่คิดอะไร แต่เราก็เจ็บข้างในใจลึกๆ ได้แต่ยิ้มแห้งๆและหันไปบอกว่าไม่เอาค่ะ
@@crazycloverchannel3449 เราก็เคยเข้าร้านขายสกินแคร์เครื่องสำอางค์ แล้วเขาก็มาทักหน้าเรา แล้วก็เริ่มแนะนำสินค้ากับแม่เรา แล้วก็บอก แม่หน้าเด็กกว่าลูกอีกนะคะ นึกว่าพี่สาว 🥲
เรื่องนี้เป็นบ่อยมากค่ะ ทั้งพ่อเเม่ทั้งญาติหรือคนอื่นๆคือโดนทักเรืีองนี้บ่อยมากๆเลยจนมันทำให้เรารู้สึกไม่ชอบหน้าตัวเอง ไม่มั่นใจไม่กล้าออกไปเจอคนอะไรเลยค่ะ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนสนุก ชอบเจอคนเยอะๆเเต่ต้องมากลัวอะไรเเบบนี้มันเเอบรู้สึกน้อยใจนิดนึง -
@@c.karamel2871 อันนี้จริง มันเหมือนขาดความมั่นใจไปเลย แบบบ้านพี่สาวหุ่นดีและสวย แม่คนชมว่าแม่สวย แล้วแบบคนจะทัก แม่สวยกว่า รึไม่ก็พี่สาวสวย พี่น้องกันจริงเหรอ แล้วเราปกติเป็นคนชอบคุยสนุก แต่เจอแบบนี้บ่อยๆกลายเป็นจะมีคนแซวเราก็จะตอบแบบขำๆไป บางทีเหมือนเราแค่ทำตัวตลกไปงั้น เหมือนแบบสวยไม่ได้ก็ต้องตลกไหมอะไรแบบนี้ ซึ่งบางทีเราไม่ได้ตลกกับสิ่งที่เขาคุยกับเราหรอก
จริงครับคนที่บ้านชอบทักมากว่าสิวเต็มหน้าเลย
Content นี้ดีมาก นอกจากคนรุ่นพี่โค้ด ที่ลำบากใจจะพูดแล้ว คนรุ่นพี่โค้ดที่พูดจาไม่คิดเล้ยยยย มีอยู่เยอะกว่า การที่มีคนแบบพี่โค้ดรุ่นพี่โค้ดออกมาตั้งคำถามให้ฟัง เค้าอาจจะเห็นภาพมากขึ้น สงสัยในพฤติกรรมตัวเองว่ากำลังทำร้ายคนอื่นอยู่นะ
อันนี้ใช่เลยครับ ผมเป็นคนรุ่นเดียวกับคุณโค๊ชดี้ และโตมากลับการที่ผู้อาวุโส สามารถพูดอะไรกับเราก็ได้ เพราะเขาจะบอกว่าหวังดี แถมที่ร้ายหนักคือการถามเพื่อเก็บข้อมูล และขิงใส่เราเวลาที่คิดว่าชนะในบางเรื่องด้วยครับ ซึ่งบางเรื่องก็ทำให้เรารู้สึกว่า ห่ะ จะขิงไปทำไมว่ะ ด้วยล่ะครับ
"เมื่อไหร่จะจบเหรอ ? " "จบออกมาแล้วจะทำงานที่ไหนเหรอ ?" คนที่พูดอ่ะ เข้าใจว่าเขาอาจจะหวังดีกับเราแหละ แต่พอเป็นที่ที่แบบ เข้าไม่รู้ กระบวนการในการเรียนของเราอ่ะ เราก็ไม่รู้จะจำเป็นมั้ยที่เราต้องไปอธิบายให้เขารู้ครับ คนพูดอาจจะไม่คิดอ่ะไร แต่คนที่ต้องตอบอ่ะ มันกดดันมัน แบบ เหมือนเขาหวังอ่ะไรกับเราขนาดนั้นเหรอ
คิดว่าหลัก ๆ คิดไม่ควรทักเรื่องรูปร่าง เรื่องที่คนพูดเยอะคือทักว่าอ้วน แต่มิติที่ตรงข้ามคือทักคนผอมให้ "กินข้าวบ้าง เหลือแต่กระดูกแล้ว" แบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะโอเคค่ะ บางคนเขาก็กินเยอะมาแต่สุดได้แค่นี้ หรือเขาอาจจะกำลังเผชิญกับข้อจำกัดทางอาหารเพราะไม่สบาย ความเป็นห่วงอยากให้คนที่รักสุขภาพดีก็ทำได้ แต่แทนการทักแบบนี้ก็ลองทำอย่างอื่นดีกว่า เช่น ชวนไปกินข้าวแล้วถามเขาว่าอยากกินอะไร ฯลฯ หลัก ๆ คือการต้องรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์บนร่างกายคนอื่น และถามความสมัครใจของอีกฝ่ายด้วยคำถามปลายเปิด ไม่ใช่คำถามชี้นำคำตอบ
จริงเลยค่ะ ต่างพ่อแม่ ต่างกรรมพันธุ์ กินเหมือนกัน ผลลัพธ์ออกมาไม่เท่ากันก็มีค่ะ คนที่โดนบูลลี่รูปร่าง ไม่ว่าคนอ้วน คนผอม เขาก็ไม่โอเคทั้งนั้น
จริงค่ะเราโดนบ่อยมาก 'กินข้าวบ้างไหม' 'พ่อแม่เลี้ยงไม่ดีหรอ' คือเรากินแล้วเว้ย ก็มันได้แค่นี้อ่ะจะให้เราทำไง พ่อแม่เราก็เลี้ยงดีแล้วไม่เคยให้เราอด 'กินยาขาวหรอ' 'ไม่ทำการทำงาน ไม่ออกแดด' คือโทษนะ แค่เราขาวคือเราต้องกินยาหรอ เราต้องไม่ทำการทำงานหรอ งง
เราผอมนะเราพยายามกินเเล้วอะเเต่น้ำหนักมันไม่ขึ้นอะคนพูดมึงเข้าใจเราบ้างไหมอะ//ความคิดในหัว
จริงค่ะ เพื่อนเราผอมมาก แต่คนอื่นชอบทักว่า “วันๆกินไรมั่งปะเนี่ย ผอมไส้จะขาดแล้วนะ” หรือไม่ก็ “กินไรมั่งนะ ผอมเกิ๊น” เราที่อยู่กับเพื่อนทั้งวันอยากจะตะโกนตอบกลับไปแทนอ่ะว่า “มันกินเยอะกว่ามึงอีกมั้ง🙄” คือมันกินข้าวขาหมูก่อนเข้าเรียนไปจุกๆ ซื้อขนมปังหมูหยองไปกินในคลาสอีก เที่ยงก็กินอาหารตามสั่ง ไส้กรอก ไอติมมาเต็ม บ่ายมีเบรกแค่10-20นาทีมันยังสั่งข้าวกินได้ ก่อนกลับบ้านก็กินอีกจาน กินจนเราต้องถามว่าในท้องมึงมีหลุมดำอยู่ใช่มั้ย คือละมันกินเยอะอย่างนี้ทุกวัน แต่ผอมมากก หนักแค่43-44 ไม่เคยเกิน 45 เพราะงั้นอย่าทักแบบนั้นเลยค่ะถ้าคุณไม่รู้ว่าวันๆนึงเขากินไรมาบ้าง
นี่เราว่าต่อให้ทักว่า “อ้วนขึ้นรึเปล่า ถ้าผอมกว่านี้จะสวยนะ” มันก็ไม่ respect คนอื่นอยู่ดีอ่ะ เขาอาจจะพอใจแบบนี้หรือกำลังลดอยู่ซึ่งมันก็เป็นการตัดสินใจของเขาอ่ะ อ้วนก็สวยหล่อได้ป้ะ ทางที่ดีคืออย่าทักเรื่องรูปร่างหน้าตาค่ะ มีเรื่องอื่นให้ทักเยอะแยะ 😂
อันนี้เราโดนบ่อยค่ะ มันชอบมีคนมาบอกบ่อยๆว่าเนี่ยก็สวยอยู่แล้วนะ ถ้าผอมจริงๆเลยจะสวยกว่านี้อีก คือยังไงอะ เรารูปร่างอ้วนแต่เราแข็งแรง สุขภาพดี ไม่มีโรคเลย แล้วเราก็พอใจมากๆที่เป็นแบบนี้ และหากเมื่อไหร่เราพอใจที่จะเป็นคนผอมไปเลยมันก็เรื่องของเราอยู่ดีอะ ทำไมชอบมาย้ำๆซ้ำๆอยู่ได้ แล้วเราเป็นคนออกกำลังกายเพื่อให้ตัวเองไม่ป่วยค่ะ แต่ชอบโดนว่าแบบ นี่ออกกำลังกายแล้วจริงๆหรอ มันแบบ…
คิดเหมือนกันค่ะ จะสนิทหรือไม่สนิทก็ไม่ควรพูดถ้าคนฟังเขาไม่โอเค มันคือปัจเจกบุคคล การที่เราโอเค ไม่ได้หมายความว่าคนฟังจะโอเคกับเราด้วย แล้วสำหรับเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานะด้วย แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างห่าง เราฟังแล้วแอบไม่ชอบพาร์ทที่พูดเรื่องนี้เหมือนกัน เหมือนเอามาพูดแต่ยังไม่เข้าใจปัญหาจริง ๆ
อันนี้เห็นด้วยโดนเรียกอ้วนตลอดเลย
เราโดนบ่อยมากกก จนมีช่วงหนึ่งแบบไม่กล้าส่องกระจกเลย😢😭
งงประโยคนึงมากค่ะ คือตอนที่เราค่อนข้่างอวบก็บอกว่าลดบ้างนะ พอเราผอมก็แล้วบอกว่ากระดูกเดินได้ ไปเพิ่มบ้างนะผอมไป (เราพอได้ยินคำนี้ค่อนข้างเฟลมากเพราะเราต้องคุมอาหาร ออกกำลังกายเหนื่อย) สรุปคือตกลงต้องอ้วนหรือผอมหรืออะไรงง เพราะฉะนั้นเลิกทักเรื่องหน้าตารูปร่างสีผิวแต่ที่สำคัญคือต้องถามฝ่ายตรงข้ามว่าโอเคมั้ยถ้าไม่ก็ไม่ต้องพูด หรือไม่รู้จะพูดอะไรก็ช่วยเงียบและพูดอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้ ขอบคุณค่ะ:)
คิดว่าให้ save สุดสำหรับทุกฝ่ายทุกเจน จากประสบการณ์ส่วนตัวชวนคุยอะไรก็ได้ค่ะถ้าไม่ใช่ "เรื่องส่วนตัว" ถ้าไม่ถึงขั้นสนิทหรือเริ่มสนิท ก็ลองร่าง catagory ดูค่ะว่าเรื่องอะไรที่เป็นเรื่อง general ทั่วไป / หรือถ้าสิ่งที่เราอยากถาม อยากคุยเราถามด้วยเจตนาที่ไม่รู้ เจตนาที่สงสัยจริงๆ (สนิทระดับหนึ่ง) อาจจะมีคำว่า ขอโทษนะ มันช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกว่าอย่างน้อยเค้าก็แคร์ความรู้สึกเรา หากสิ่งที่เค้าพูดออกมามาจจะกระทบอะไรบางอย่างกับเราได้ คิดว่าประมาณนี้ค่ะ /// สิ่งที่ควรเลิกพูดคือ เมื่อไหร่จะลดน้ำหนัก เชื่อว่าคนน้ำหนักเยอะทั่วโลกใบนี้ผ่านการลดน้ำหนักมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จุดไหนที่เขาอยากลด อยากแคร์ร่างกายตัวเองเดี๋ยวเขาลดเองค่ะ ไม่ต้องบอก 555555555 // ขอบคุณคอนเทนท์นี้นะคะ หวังว่าพี่ๆรุ่นก่อนๆจะเปิดใจกับพวกเรามากขึ้นค่ะ
"เป็นหรือป่าว" เป็นคำพูดที่ควรต้องเลิกพูดสักที ก็คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะไม่พูดอะไรก็ตามที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่
เรานี่สะกดใจตัวเองด้วยคำว่า "ไม่เสือก" กับทุกเรื่อง ใครจะแต่งตัวยังไง ใครชอบแบบไหน มันเรื่องของเขา เพราะทุกคนมันมีรสนิยม มีภาพลักษณ์ มีอัตลักษณ์ เป็นของตัวเอง ทุกอย่างมันเริ่มที่เรา เริ่มที่ไม่เสือกก่อน ทุกอย่างจะผ่านไป
ส่วนตัวผม อายุ 25 แต่ก็ยอมรับว่า generation gap มันถี่มากไม่ต้องอายุ 25 กับ 50 หรอก แค่ 20 ไป 25 เดี๋ยวนี้ก็ต่างกันหลายอย่างแล้วสิ่งที่จะทำได้คือ พยายามทำตัวเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่อัพเฟิร์มแวร์ตลอดคอยอัพเดทกระแสสังคม การขับเคลื่อนของสังคม และไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอายหรือเสียศักดิ์ศรีในการจะเข้าใจ Gen ที่มันเด็กกว่าจริง ๆ ก็ควรจะเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่วัยใดวัยหนึ่ง ในการปรับเข้าหาผู้ใหญ่ก็ควรจะศึกษาทำความเข้าใจเด็กด้วย เด็กกว่าก็ควรจะเข้าใจผู้ใหญ่เช่นกัน บางทีเราโตมาคนละยุคคนละสมัยกรอบความคิดมันต่างกันมากจนจูนกันไม่ติดการใช้คำพูดหรือวิธีการสื่อสาร ผมว่าสำคัญมากในการจะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้นะ เพราะถ้าสื่่อออกไปด้วยความรุนแรง บางทีสารที่เราต้องการจะสื่อ มันไร้ค่าไปเลย
ชอบที่บอกว่า “อย่าไปยุ่งกับความสุขของคนอื่น” อันนี้จริงในจริงในจริงๆ. มาตรวัดความสุขของคนเรามันต่างกัน ใครพอใจแบบไหน นั่นคือแบบของเขา เราไม่ไปซนจะดีกว่า…
คำบางคำไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้นะคะ แต่ว่าควรดูด้วยว่าคนที่เราจะใช้คำนั้นพูดด้วยสถานะเรากับเขามันอยู่ที่ประมาณไหน ไม่ใช่คิดยังไงพูดอย่างนั้นแล้วก็มาบอกว่าเป็นคนตรงๆ จากใจคนที่โดนทักเรื่องร่างกายบ่อย ไม่โอเคเลยค่ะอยากให้คิดก่อนพูดจริงๆ อย่างที่พี่ในคลิปบอก ถ้าหวังดีก็พูดได้ค่ะแต่ตามมาด้วยคำซัพพอร์ตจะดีกว่า บนโลกนี้มีคำหลายคำให้เลือกใช้นะคะ 💪🏻🙇🏻♀️
บางคนก็บูดเกิน บอกอย่าเหบีบดแต่เหบีบดอาชีพ ทำไมฟรอคะ อาชีพขายตัวนี่มันไม่น่าพูดเลยหรอ? ดูแล้งรู้เลยว่าขอโทษนะ ปลอมมาก เหมือนตามกระเเส งงเหมือนไม่เข้าใจว่า 2022 ควรเป็นยังไง
3:12
ไม่ชอบคนมาทักว่า " ทำงานอะไร " " แต่งงานเมื่อไหร่" เราแค่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราไม่อยากตอบ ชอบการบอกเองเพราะอยากบอก ชอบคนที่ทักว่า " เป็นไงมั้งตอนนี้" นี่คือคำถามที่เราจะตอบอะไรก็ได้ รวมทั้งเรื่องส่วนตัว
ใช่ค่ะ ทักจนเราต้องอายตัวเองเลย อ้วนมันก็ปกติของคนที่กินเยอะ หรือชอบกิน ถ้าคนใกล้ตัวหรือแฟนเขายังไม่เดือดร้อนแล้วคนอื่นที่ว่าเราเขาเดือดร้อนมากกว่าคนในครอบครัวอีก ร่างกายคนเราสัดส่วนไม่เท่ากัน อย่าเอาความคิดของตัวเองมาตีดสินคนอื่นว่าจะต้องเป็นแบบนั้น เรามีความสุขในแบบของเราไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ รู้สึกไม่ค่อยชอบคำว่าเพศที่สาม เพราะมันจะถามกลับว่าเออ แล้วใครเป็นเพศที่หนึ่ง ใครเป็นเพศที่สอง เพศมันมีลำดับขั้นมั้ย มันควรจะเป็นแบบที่พี่โค้ดบอกเลย ทุกคนเป็นคนเหมือนกัน ก็ควรจะเท่ากันนะ ก็เรียกชื่อไปเลยว่า lgbtq ก็คือเรียกเขาว่า lesbian gay bi trans queer ไปเลย เหมือนที่เรียก man woman แบบนี้อ่ะค่ะ
ยุคนี้ส่วนตัวคิดว่า ไม่ควรทักว่า เรียนจบแล้วทำไมไม่ไปหางานทำ ถ้าจบมาแล้วมาอยู่บ้านจะไปเรียนให้เปลืองตังค์ทำไม อย่างหนู หนูมีเหตุผลคือ ต้องดูแลยายที่ป่วย เพราะแม่ก็ทำงานที่ต่างประเทศต้องคอยหาเงินมารักษา ส่วนเราจบมาก็มาดูแลยายแทนแม่ คือแบบไม่ต้องมามองว่าเราขี้เกียจหรืออะไร แต่บางทีเรามีเหตุผลส่วนตัวที่คุณอาจจะไม่รู้
คอนเทนท์ดีมากค่า แต่เนื้อหายังไม่โดนนิดนึง อยากให้อัดแน่นรวมมิตรไปเลย จะได้แชร์ลงไทม์ไลน์กระแทกบางคน 5555555
คอนเทนท์ เบามาก ไม่กล้าพูดเรื่องจริงเลือกเอาแต่การบูลลี่เบาๆ
ชอบคอนเทนต์นี้มากเลยค่ะ เหมือนเปิดทัศนะของคนในแต่ละยุค คือเราเจอบ่อยมาก สำหรับเราอายุ 22 สิ่งที่เจอทักบ่อยคือ “ไปทำอะไรมา ทำไมสิวขึ้น ตอนเจอกันแรกๆไม่เป็นแบบนี้ อ้วนขึ้นจนที่บ้านจำไม่ได้แล้วมั้ง ” คือจะให้ตอบว่าอะไร แพ้นู่นนี่หรอ อยากได้ยินคำตอบไหน อ้วนเพราะกินไง แต่ส่วนใหญ่ที่เจอพูดปุ๊บทำให้เราขาดความมั่นใจไปเลยค่ะ เพราะว่าเราเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองประมาณนึง 2022 น่าจะไม่มีการพูดทักกันเรื่องแบบนี้แล้วนะคะ เราคิดว่าถ้าจะทักน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้คนฟังไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจจะดีกว่ามากๆเลยค่ะ เช่น วันนี้ดูดีนะ แต่งตัวดีมากเรียบร้อยจัง พูดไปในภาพรวม หรือถ้าไม่มีอะไรจะพูดให้คนอื่นรู้สึกดี น่าจะเงียบดีกว่าค่ะ
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนเพื่อน พี่ น้อง คนรอบข้าง หรือแม้เเต่คนในครอบครัวไม่ควรลดค่าของบุคคลอื่นด้วยคำพูด คำเรียก หรือการbody shaming เพราะทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน หากแต่เจ้าตัวยินยอมให้กระทำหรือเรียกนะคะ
จากใจคนที่อายุรุ่นเดียวกับคุณโค้ด สำหรับเราคำบางคำถ้าเป็นเพื่อนสนิท พ่อแม่พูดได้ไม่ติด แต่ถ้าเป็นคนอื่นย้ำๆ เราก็รู้สึกนะ พอนานวันเราก็ย้อนกลับบ้างอ่ะ ทุกคนมีขอบเขตของตัวเอง ที่ไม่ชอบให้ใครก้าวล่วงอ่ะ เราจะใช้ตามความรู้สึก เราไม่ชอบแบบนี้ เราก็จะไม่พูดกับคนอื่นต่อ เรารำคาญคนแบบนี้มเราก็ไม่ต่อว่าเขา บล็อคได้บล็อค ไม่ได้จำเป็นต้องแคร์อ่ะ ความสัมพันธ์ปัจจุบันอาจจะเหมาะกับคนแบบเราก็ได้ ตัดได้ตัด ไม่ต้องมานั่งคิดว่าอนาคตอาจจะต้องเอื้อประโยชน์ให้เรา ในเมื่อวันนี้ยังพูดได้ไม่เต็มปากเลยว่ารู้จักกัน
ชอบสิ่งที่พี่โค้ดพูดมากเลยค่ะ เรากำลังอายุ 40 น้องๆ เราก็จะไม่กล้าพูดกับเค้ามาก ไม่อยากทำเราทำเอง แต่กับพี่ๆ ที่แก่กว่าเรา เราก็พูดกับเค้าไม่ได้ เหมือนเรากำลังเป็นแซนวิชจริงๆค่ะ
จริงๆ แล้วใจความหลักมันคือ "การไม่เอาความคิดของตัวเองไปยัดเยียดใส่คนอื่น"ค่ะ อย่างเช่นการทักรูปร่างหน้าตาคนอื่น ทักไปแล้วได้อะไร นั่นร่างกายเขาเขาต้องรู้อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปคิดแทนเลย บางคนอาจจะมีรูปร่างแบบนั้นเพราะความเจ็บป่วยด้วยซ้ำ หรือการแซวความชอบรสนิยมคนอื่น เราว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวนะคะ ทุกคนมีสิทธิที่จะมีรสนิยมแบบไหนก็ได้(ที่ไม่ได้เบียดเบียนคนอื่น) เรื่องเพศอีก นี่ก็เรื่องส่วนตัวควรเลิกทักได้แล้วยกเว้นว่าเขาอยากจะ come out เอง บางทีสิ่งที่เราเคยคิดว่าคือความเป็นห่วงก็ต้องดูด้วยว่าผู้รับเขาต้องการรึเปล่า ถ้าเขาไม่ต้องการมันก็คือสาระแนแหละค่ะ
อยากให้ลองทำความเข้าใจกับ beauty standards ด้วยค่ะ ไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา สีผิวหรือเพศไหน ทุกคนดูดีได้ในแบบตัวเอง
คน Gen-X ลงชื่อว่าดูจบครับ ต่อไปนี้จะระมัดระวังให้มากขึ้น กลัวเด็กรุ่นใหม่มันจะด่าเอาว่าแก่แล้วแก่เลยสาระรายการดีมากแก้ไข: 1จากนาที 14:12 คนรุ่นเก่าอยากบอกคนรุ่นใหม่ เรื่องการใช้เงิน เรื่องการหาความสุข เพราะ มันเกี่ยวกัน 2022 แล้ว คนรุ่นใหม่ต้องรู้จัก "การเงินส่วนบุคคล" การลงทุน เก็บเงินเพื่อเป้าหมายต่างในชีวิต ซื้อรถ ซื้อบ้าน แต่งงาน มีลูก บลาๆ จนถึงแผนเกษียณ ยุคนนี้ใครไม่รู้จักไม่ได้แล้วครับ
คอนเท้นดีสุดๆ ชอบมากๆ ครับ ส่วนตัวไม่ชอบเวลารวมญาติ หรือรวมรุ่นแล้วต้องถามว่า ตอนนี้ทำงานอะไร? ได้เงินเท่าไหร่? ถ้าคนที่เค้าหน้าที่การงานดีก็แล้วไป ถ้างานเค้าไม่ดี หรือไม่มีงานอยู่ เค้าจะตอบยังไง แล้วถ้าเค้าตอบตรงๆ คนถามจะไม่อึดอัดหรอ จะไปต่อยังไง เลยไม่เข้าใจว่า บางคำถามที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยซ้ำ ทำไมต้องหาสถานการณ์ให้รู้สึกอึดอัดสรุปชอบมากครับ คอนเท้นแบบนี้
ส่วนตัวเป็นคนสูงค่ะ สิ่งที่โดนมาตั้งแต่เด็กเลยคือ เปรต ไอเสาไฟฟ้า คือโดนบ่อยมากจนเอามาร้องไห้ตลอด ไม่มั่นใจในความสูงเลยค่ะ แล้วมีครูคนหนึ่งเคยพูดว่าสูงแบบนี้หาแฟนยากคือแบบว่าเรารู้สึกว่าทำไมอะ ก็เราสูงแบบนี้อะ ตอนเด็กๆไม่ชอบส่วนสูงตัวเองเลยค่ะ ตอนมัธยมต้นก็โดนบ้างแต่ก็ชินแล้วค่ะ
โคตรชอบคอนเทนต์อะไรแบบนี้ การทักทายกันคือสิ่งที่ดี แต่ควรจะเป็นคำพูดที่ไปในเชิงบวกจะดีกว่า ไม่ควรทักแล้วทำให้คนอื่นเสียความมั่นใจ ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรก็ไม่ต้องพูดดด5555
มันไม่ใช่เรื่องกดดันหรือเป็นเรื่องยากที่จะคุยอะไรใช้คำพูดยังไงกับคนในยุคนี้ แค่เราไม่ไปทำสิ่งที่เราไม่ชอบกับคนอื่นก็เท่านั้น มีคนมาทักเราแบบนั้นเราชอบมั้ย ก็ไม่ มีคนมาตัดสินเราไปเองแบบนั้นเราชอบมั้ย ก็ไม่ เราก็ไม่ต้องไปทำตัวแบบนั้นกับคนอื่นแค่นั้นเอง ถ้าทักก็ทักแบบ positiveไปสิ คนฟังคือใจฟูเลย "วันนี้ชุดสวยจัง คุณดูดีจัง" ไม่ต้องจัดว่าเป็นคนยุคไหนแล้วคิดหนัก แค่เป็นคนคิดก่อนพูดก็พอ
จริงค่ะเราเห็นด้วยกับคุณ
ชอบ content นี้มาก กรอ (ศัพท์เก่าจัด) ดูหลายชอตเลย เข้าใจมากเรื่องรุ่นบนและรุ่นล่างในฐานะรุ่นตรงกลาง ยิ่งตอนนี้เป็นหัวหน้า อยากจะพูด อยากจะทักลูกน้อง ทั้งเรื่องส่วนตัวและงาน มียั้งๆ ไว้เยอะมาก ชื่นชมทีมงานครับ
ปีนี้เราอายุ 22 ตอนประถมแทบไม่โดนเลยเพราะส่วนตัวคิดว่าพ่อแม่เลือกโรงเรียนดีมากกกกกกกกx100000 เพราะเป็นเอกชน เด็กๆทุกคนคือไม่มีคำหยาบหลุดออกมาเลย ต่อให้เป็นเด็กผู้ชายก็ไม่มี เราชอบมากแต่พอ ม.1 ต้องย้ายบ้าน ไปอยู่โรงเรียนรัฐ ห้ามไว้ผมยาว แต่วันแรกคือเราถักเปียไปเลย โดนดึงผมเปียตั้งแต่วันแรกที่เป็นวันมอบตัวอะ ... แล้วก็เด็กผช. เขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม เขาก็ล้อกันคิกคักแบบให้เราได้ยิน บอกตรงๆทุกคำที่ได้ยิน งงมากกกกกกกกก เอากลับมาถามที่บ้านว่ามันแปลว่าอะไร เพราะโดนมา เขาหน้าซีดกันหมด คำหยาบล้วนเลย แต่เอาเท่าที่จำได้นะคะ (หลายๆคำแรงไปมาก เรากลัวคนมาอ่านจะทริคเกอร์ ขอเอาคำซอฟต์ๆสำหรับเรามานะ) " E อ้วน , E ลูกคุณหนู" อันนี้โดนวันแรกเลยจากคนที่ดึงเปียเรา คือ...สังคมโรงเรียนเก่าเรามันดีมาก ไม่ได้แปลว่า เราเป็นลูกคุณหนู นะ TT"ช้าง , ชบาแก้ว" โดนตั้งแต่ ม.1 จนจบ ม.6 ต่อให้ผอมลงยังไงก็ยังโดนอยู่เพราะเขาจำแทนชื่อเราไปแล้ว และโดนทักแบบนี้ทุกครั้ง จาก "ครู" ค่ะ จำไม่ลืมจริงๆ - แล้วก็พวกแบบ เวลาเรากินข้าวกลางวัน , ขนม น้ำต่างๆ ในโรงเรียน ก็จะชอบโดนเด็กผู้ชาย , ครู แซวว่าตัวจะแตกแล้วกินอยู่นั่นแหละ เราก็แบบ อ่าว บางทีก็ข้าวกลางวันมั้ย 5555 งงงง - อีกอย่างเพิ่งนึกออก คือเราเป็นผู้หญิงอ่ะ มันก็ต้องมีพวกลิปมัน นู่นนี่นั่น ห่วงสวยบ้างถูกปะ แต่เราแค่รูปร่างอวบกว่าคนอื่น เราโดนบูลลี่จากกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนึงว่าไม่เหมาะกับอะไรพวกนี้ (+คำหยาบนับร้อย) โดนช่วงแรกๆ อยากขอแม่ย้ายที่เรียนมาก แต่ด้วยสภาพการเงินตอนนั้น เอกชนแพงมาก เลยทนไป ไม่รู้ว่าผ่านมาได้ยังไงเหมือนกัน อาจจะเพราะพอโตขึ้นเราสามารถเลิกให้ค่าคนพวกนี้ได้แล้วมั้ง พอเราไม่สนใจ พวกนั้นเริ่มโตขึ้นก็เลิกโฟกัสเราไปเอง
แต่เรื่องคนโตกว่าบูลลี่นี่ เราปลงไปแล้วอ่ะ เพราะเคยฟังพี่ต้นหอมหรือใครนี่แหละ ที่บอกว่าคนยุคนั้นเค้าถูกฟิคมาแบบนั้น ที่ทุกคนแซวกันทักกันเป็นเรื่องปกติ ก็เลยปลงตรงนี้ไป
ทั้งชีวิตเราเจอมาเยอะมากจนเป็นปมในใจจนถึงทุกวันนี้ค่ะ และเราเป็นคนคิดมากเรื่องคำพูดคนด้วยเลยยิ่งเฟลง่ายกว่าเดิมไปอีก1 โดนเพื่อนทักต่อหน้าทุกคนว่า"หน้าแกจะปลูกสิวอย่างเดียวใช่ป่ะ"2 โดนเพื่อนแซวเพราะเราเสนอขอเล่นบทแก้วหน้าม้าว่า"เอ่อบทแก้วหน้าม้าเหมาะกับแกนะ/เอาฟันเฉาะได้"3 ทุกคนในกลุ่มผลักกันชมกันเอง เพราะนานๆเจอกันที ยกเว้นเราที่โดนมองข้ามค่ะ พอมีคนทักว่า"อ้าวไม่ชมน้ำบ้างเหรอ" ที่เหลือคือเงียบและเปลี่ยนเรื่องคุยปล.ที่โดนทักแบบนี้เพราะเราเป็นสิวฮอร์โมน และหน้าแพ้ง่ายเลยทดลองครีมหลายอย่าง ตัวเรายังเคยไปรักษาที่คลินิกโรคผิวหนังแต่สู้ค่ารักษาไม่ไหวค่ะสุดท้ายต้องศึกษาเอาเอง ส่วนฟันเราเป็นคนฟันซี่ใหญ่เวลายิ้มจะเด่นมาก
อยากให้พี่โค้ดลองเอาคนรุ่นพี่โค้ดมาสัมได้มั้ยคะ ว่าเขาคิดยังไงกับการที่คนรุ่นใหม่เป็นแบบนี้ 😂
+1 ค่ะ คอนเทนต์น่าสนในมากค่ะ ลองมากลับกันดูบ้างว่าคนเจนพี่โค้ดหรืออายุเยอะกว่าเค้าคิดยังไง
เราโดนญาติหาว่าเราเป็นทอม คือตอนนั้นอะ ญาติเค้าพูดคุยกันว่าแบบ “เห้ยดูแต่งตัวอะ เป็นทอมรึป่าว เป็นผู้หญิงก็ต้องแต่งตัวแบบหวานๆ ผู้หญิงสิ” คพูดำแบบนี้เราว่ามันไม่ควรพูดแล้วอะ สมัยนี้ควรให้ความเคารพกัน ไอการที่เราจะแต่งตัวแบบนั้นมันก็เรื่องของเรามั้ย แต่ก็เข้าใจนะว่าความคิดตอนนี้กับเมื่อก่อนมันต่างกัน แต่ก็อยากให้เคารพกันและกันดีกว่า อยากให้ทุกคนมาดูคลิปนี้เยอะๆจัง เนื้อหาของคลิปทำให้คนเราได้มองหลายๆด้าน 💖
เคยโดนญาติพูดใส่กลางตลาดว่า"ไม่เรียนแล้วหรอ"ยุคนี้ไม่เห็นว่าไปโรงเรียนไม่ใช่เขาไม่เรียนแต่เขาเปลี่ยนมาเรียนออนไลน์เพราะมีโรคระบาด ตอนได้ยินคือรู้สึกไม่ดีเลยมันเป็นคำพูดที่ทำให้เราดูแย่ว่าอาจจะเป็นเด็กเกเรหรือคนที่ไม่อยากเรียนได้เลย ก็ก่อนจะพูดก็อยากจะให้คิดนิดนึงเพราะคำพูดของคุณอาจทำร้ายคนฟังได้
ถามความคิดเห็นเด็กๆแล้ว ควร ถามความคิดผู้ใหญ่ด้วยว่าคำไหนเด็กๆควรหรือไม่ควรพูดในปี 2022ฝากคอนเท้นนี้ด้วยนะคะ…^^
คอนเทนต์นี้ดีมากเลยค่ะ อยากพูดถึงอีกด้านนึงเรามองว่าตรงที่บอกว่าถ้าเป็นเพื่อนพูดได้ จริงๆน่าเน้นย้ำว่าส่วนตัว เพราะเราเป็นคนนึงที่บางครั้งโดนเพื่อนพูดในสิ่งที่ไม่ชอบแล้วพอบอกว่าไม่ชอบก็จะบอกว่าก็เพื่อนกันแซวแค่นี้จะเป็นไร ซึ่งส่วนตัวสำหรับเรายิ่งเป็นคนใกล้ตัวพูดเราเสียความมั่นใจกว่าคนอื่นพูดอีก
ทุกสิ่งที่ผู้คนสมัยนี้เพิ่งตระหนักได้จาก“คนรุ่นใหม่”ก็คือคนที่โตมาจากการถูกบูลลี่เรื่องรูปร่างหน้าตา เรื่องภายนอกมาตลอดช่วงเวลาที่เป็นเด็ก แต่ตอนนี้เค้าโตมากพอที่จะพูดออกมาได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลว่าเค้าไม่พอใจนะ เพราะโลกของเค้ามันกว้างขึ้นแล้ว แต่ตอนนั้นคือไม่มีใครฟังที่เราพูดเลย ขอบคุณการรับรู้ในสมัยนี้จริงๆ ทุกวันนี้การเอาself esteemคืนมามันยากยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
ยุคนี้เป็นยุคที่ ปัจเจกบุคคล ชัดเจนมากขึ้น ไลฟ์สไตล์มันชัดเจนมากขึ้น ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตน ทั้งคนทัก คนถูกทัก เค้าล้วนมีเหตุผลในการกระทำ การที่เหตุผลของใครไม่ตรงกัน ไม่น่าเป็นความผิดนะ … มันจะไปจบที่วาระและโอกาสรวมถึงความสนิทระหว่างคู่สนทนามากกว่า
เป็นคอนเท้นที่ดีมากค่ะในกรณีที่หวังดีเราว่าควรพูดเป็นการส่สนตัวหรือหาคำพูดที่มันดูซอฟมากกว่าค่ะที่จะพูดโต้งๆว่าดูอ้วนหรืออะไร เพราะการเอาปมด้อยคนอื่นมาพูดต่อหน้าคนเยอะๆ หรือแซวมันทำให้คนฟังยิ่งไม่มั่นใจถึงจะสนิทกันก็ตาม เวลาเจอพูดเยอะๆหลายๆคนเข้าก็เฟลได้เหมือนกันค่ะ
เคยโดนญาติคนนึงทักว่าอ้วนขึ้นในงานรวมญาติ คือเหมือนเขาไม่ได้กะจะพูดกับเราหรอก เขาพูดกับแม่ เบาๆ แต่เราได้ยิน หลังจากนั้นเรารู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเลย เพราะคนอื่นก็ผอมกันหมด คือเข้าใจว่าเป็นห่วงสุขภาพกาย แต่ถ้าจะห่วงแล้วอยากให้ช่วยห่วงสุขภาพใจด้วย เรื่องรูปร่างเนี่ยมันละเอียดอ่อนมากเลย สำหรับเรานะ ต่อให้สนิทแค่ไหน ก็ไม่ควรพูดอ่ะเรื่องอ้วนเนี่ย เว้นแต่เจ้าตัวจะขอคำปรึกษาเอง
คลิปนี้ดีมาก เราเคยโดนพูดใส่เรื่องกินกาแฟแก้วละ200 สิ้นเปลือง รู้สึกเหมือนว่า ถูกห้ามมีความสุขห้ามกินอะไรที่ชอบ
ชอบคอนเทนต์นี้มากเลยค่า เหมือนได้เข้าใจมุมมองของทุกฝ่ายและเรื่องราวที่ได้เจอ ชอบที่สุดคือคำว่า “ฟัน” เหมือนกันค่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็นบทสนทนาควรเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยน ไม่ใช่การปิดกั้น ฟัน หรือjudge คู่สนทนา สุดท้ายคือเรื่องเหล่านี้ ควรเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายค่อยๆปรับและเรียนรู้กันไปค่า🤍
ชอบคลิปนี้ค่ะ เพราะเจอปัญหาคนตัดสินเราจากภายนอกและอดีตเยอะมาก ตัดสินแล้วขยี้ด้วยการบูลลี่ แล้วอ้างว่าแค่ล้อเล่น. ...... เราจะโต้ตอบคือตัดสินเราต่อเลยว่าเราเป็นคนไม่ดี เอาความดีมาแทงเราต่อ จนตอนนี้เริ่มจะไม่สังคมแล้ว
ตอนวัยรุ่นอ้วนมากๆ (เกือบเลข9) ในขณะที่เดินบนทางเท้าแถวถนนสุขุมวิทมีรถกระบะหลังคาสูงติดไฟแดงอยู่กลางถนนเปิดกระจกลง โดยผู้ชายวันกลางคน 2 คนอยู่บนรถ มี 1 คนตะโกนมาว่า อ้วนเดินเบาๆพื้นทรุดแล้วและหัวเรากันสนุกสนาน เราเดินร้องไห้ริมถนน เป็นอะไรที่เชี้......มาก เป็นอะไรที่เราจะจำจนวันตาย ตั้งแต่ตอนนั้นตั้งใจลดน้ำหนักลงมาจนตอนนี้เหลือเลข5
ถ้าเป็นคนอ้วนโดนทักว่าให้ลดน้ำหนักไม่พอ เวลาจะให้ยกของก็ต้องเรียกเราตลอดค่ะ หรือเวลาเราบ่นหนาวก็พูดแนวๆว่าไม่หนาวหรอกแกมีชั้นไขมันอยู่แล้ว เหมือนถ้าอ้วนแล้วจะหนาวไม่ได้จะไม่มีแรงไม่ได้เลยอะค่ะ 😅 เราก็เข้าใจในผู้ใหญ่นะคะเพราะสมัยนั้นก็ไม่เหมือนกับสมัยนี้ ถ้าเขาตั้งใจจะรับฟังและค่อยๆปรับก็โอเค แต่ก็จะมีผู้ใหญ่บางประเภทที่ไม่ยอมรับฟังอะไรเลยยยย 😂
คอนเท้นนี้ดีมากค่ะ เปิดมุมมองของGenที่แตกต่างกัน มาคุยกันตรงกลางให้เข้าใจกันมากขึ้น ทำคอนเท้นแนวๆนี้อีกนะคะ
ทำบ่อย ๆ นะครับประเด็นนี้ มันเป็นการอัพเดตเฟิร์มแวร์ของคนวัยผม (ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับคุณโค้ด) เพราะเราจะต้องเจอคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาทำงานกับเราอยู่เรื่อย ๆ ถ้าไม่รู้วิธีที่จะสื่อสาร โอกาสที่เราจะถ่ายทอดความรู้ให้กับพวกเขา ให้ความรู้ทีมีมันพัฒนาไปเรื่อย ๆ มันก็คงจะยากขึ้นมาก ๆ
เจตนา ควรสำคัญ กว่าคำที่พูด ถ้าเราไม่ชอบในสิ่งที่เขาพูด ก็ควรบอกเขาไปตรงๆ ถ้าเขาไม่พูดอีก ก็แสดงว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ อย่าไปคิดว่า เขาควรรู้ซิ แล้วไม่บอก ยิ่งสนิทยิ่งต้องบอกถ้าเราไม่ชอบ คำหลายๆคำ ไม่ใช่ว่าจะพูดได้กับทุกคน แต่ไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับเจตนา ขึ้นอยู่ว่าพูดอยู่กับใคร และวิธีการพูด ถ้าเพื่อนคุณ จากน้ำหนัก60 ขึ้นไป100+ เดินขึ้นชั้นสองก็หอบเหนื่อย น้ำหนักที่เพิ่มมีผลต่อการทำงาน ต่อการใช้ชีวิต แล้วคุณที่เป็นเพื่อนจะเงียบ เพราะเป็นเรื่องของเขาอย่างนั้นเหรอ ที่สำคัญจริงๆคือ ถ้าไม่ชอบที่เขาพูด ก็สามารถบอกเขาไปตรงๆ ถ้าเขาไม่มีเจตนาที่ไม่ดี ก็จะได้คุยกัน และเขาก็คงไม่พูดอีก แต่ถ้าบอกเขาแล้ว เขายังพูดอีก คุณก็สามารถตัดสินใจได้ ที่จะคบกับเขาในแบบไหน หรือไม่คบกับเขาอีก ส่วนคนนอก ถ้าเจ้าตัวคนที่โดนเขาไม่เดือนร้อนกับคำพูดนั้น ก็อย่าไปดราม่าตัดสินคนที่พูด คนโดนเขายังไม่คิดอะไร แล้วคุณเป็นใครถึงจะไปด่าเขา
เรื่องเป็นสิว คือจะมีคนชอบทักว่าหน้าไปทำอะไรมา ทำไมสิวเยอะจัง ทำไมไม่ใช้อันนี้อันนั้น ฮัลโหลถ้ากูรู้ว่าทำไมกูถึงเป็นสิวแล้วกูจะเป็นสิวอยู่มั้ยเอ่ย?งงมากละคือคนที่เป็นสิวคุณไม่คิดว่าเค้าไม่อยากหายหรอถามจริ้งงง หมดเงินไปเป็นหมื่นเป็นแสนแล้วจ้า ละก็คือพยายามค้นหาตัวช่วยอยู่ไม่ได้อยู่เฉยๆเนาะ! ขอใครรู้ก่อนพูดหรือทักคนเป็นสิวนะคะกราบ🙏
ตอนเด็กๆนี่เคยเจอผู้ใหญ่ทักตอนกินข้าว”กินทำไมเยอะแยะ อ้วนแล้ว ตัวโตแล้ว หยุดกินได้แล้ว”เราคือร้องไห้หนักมาก ว่าทำไมต้องมาบอกว่าให้หยุดกิน ทั้งๆที่เราหิวมากๆเลยนะ แม่ก็ปลอบกินเลยลูก ทั้งร้องไห้ทั้งกินข้าว เสียใจมาก
เรื่องเรียนไปทำไม จบมาละจะทำงานอะไรนี่โดนบ่อยมากค่ะ ด้วยความไม่ได้เรียนสายที่จบมาแล้วมีอาชีพรองรับเลยทันที แต่คือค่อนข้างเปิดกว้าง ทำงานได้หลากหลาย แค่ปกติเรียนก็รู้สึกเหนื่อยพอแล้วยิ่งโดนถามจะมีงานทำมั้ยจบอันนี้มายิ่งเครียดกว่าเดิม กดดันตัวเองอีกค่ะ
เราเป็นคนผิวขาว ขอย้ำว่าขาวเพราะเป็นลูกคนจีน แถมไม่ค่อยออกจากบ้าน บางทีเพื่อน คนอื่นจะทักว่า'ป่วย' ไม่ก็'ซีด'เพราะเป็นคนไม่แต่งหน้า สำหรับเราไม่ได้รุนแรงมากก็จริง แต่บางทีมันรำคาญสุดๆ
ก็ต้องปรับ ทำความเข้าใจกันไปนะ แต่อยากให้หนูๆรู้ว่าพวกลุงๆป้าๆก็มีปัญหาเรื่องนี้กับรุ่นตา-ยายเหมือนกัน ก็พอจะเดาได้ว่าเมื่อหนูๆโตขึ้นมาเป็นวัยลุง หนูก็อาจจะมีปัญหากับลูกหลานของหนูเหมือนกัน
ส่วนตัวคิดว่าสิ่งสำคัญคือ สถานะ กับ กาลเทศะ ค่ะสถานะ คือดูว่าเราสนิทกับเขามากแค่ไหน หลายๆเรื่องเพื่อนสนิทก็เตือนให้เราดีขึ้นได้ ส่วนครอบครัวบางครั้งเข้าใจว่าเป็นห่วงแต่แนะนำให้ถามเหตุผลหรือคุยกันก่อนจะตัดสินส่วน กาละเทศะ ถ้าคุณไม่สนิทแล้วอยากเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ ก็ควรเลือกสถานที่และเวลาให้เหมาะสม ไม่ใช่เตือนเขาเสียงดังให้ที่สาธารณะ ส่วนตัวมีพ่อที่เป็นยุค Baby boomer ที่มีความคิดต่างกันมากๆๆๆๆๆ แต่เขามักจะถามเหตุผลจากเราก่อน ตลอดและบอกถึงเหตุผลในเรื่องของเขาเหมือนกัน มันทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นค่ะ
หัวข้อนี้ดีค่ะ อยากบอกว่าคำบางคำ ถ้าเป็นเพื่อนสนิทเราไม่เจ็บ แต่คนอื่นพูดเจ็บ มันคือคนรุ่นเดียวกัน แต่เมื่อเข้าสู่การทำงานหรือสังคมภายนอก คำว่าเพื่อนจะมีหลายวัย กลุ่มสนิทจะมีตั้งแต่อ่อนกว่า เท่ากัน และรุ่นพี่ สนิทกันแค่ไหน มันก็ยังมีคำว่าอาวุโสแฝงอยู่
Contentนี้ดีอะเราชอบ เราอยากเอาไปเปิดให้ญาติๆผู้ใหญ่ในบ้านดูมากอะ เเล้วบ้านเราคือชาวบ้านเเบบดั้งเดิมอะ เราอยากให้เขาได้รู้อะไรกว้างๆมากขึ้น ไม่ใช่ติดเเต่ความคิดเดิมๆ มันไม่สร้างสรรค์เเล้วมันไม่เกิดการพัฒนาอะไรเลย เพราะฉนั้นมาเบิ่งซะ!!! คุณญาติทั้งหลาย
บางคำออกมาแล้วก็ทำให้เสียใจแบบงงๆ มีประโยคที่เหมือนโดนด้อยค่าความสามารถ คือประโยคเราที่พูดเป็นประโยคเดียวกันกับคนอื่น แต่คนรอบข้างเชื่อคนอื่น นี่เสียใจมาก ถึงกับต้องย้อนมาดูตัวเอง
มันน่ารักดีออกนะ คำที่คนเรียก เพราะไปเสพสื่อฝรั่งมากไปเปล่าเลยแบบว่า อย่ามาทักเรื่องอ้วนเรื่องผิวเรื่องผอมบลาๆๆๆนะ มันเวอร์ไปนะฉันว่าสังคมเราควรจะเป็น กตินะ
สิ่งที่เราโดนบ่อยคือ การชมคนอื่นแล้วมากดเรา งงมาก ปกติทนมาตลอดจนครั้งล่าสุดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยร้องไห้ออกมา ไปคุยกับใครมีแต่คนบอกให้ทน เศร้ามากจริงๆ เราไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราต้องทน เวลามันก็พัฒนาไปเรื่อยๆแต่คนไม่ยอมพัฒนาไปด้วย
ยืนยันอีกเสียงค่ะ Content นี้ ดีมากจริงๆ // ที่ทำงานเรา มีปัญหาเรื่องการสื่อสารมากๆค่ะ เพราะหัวหน้า (50+) จะชินกับสั่ง ส่วน newcomers (20-22) แน่นอนว่าสายหัวให้กับคำสั่งค่ะ เวลาประชุมสั่งงาน ไม่เคยได้จบในครั้งเดียวเลยค่ะ คุยกันลำบากมากๆ
จริงๆบางทีมันก็พูดได้นะ แต่มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คำพูด น้ำเสียง เจตนา และตัวบุคคล ถ้าเป็นห่วงจริงๆหรือต้องการจะเตือนจริงๆก็อาจจะคุยกันสองคน หรือใช้คำพูดและน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงจริงๆ เช่น เพื่อนอาจจะลิปติดฟัน อาจจะกระซิบบอกเพื่อนเบาๆก็ได้ ไม่ต้องตะโกนบอก เพื่อนจะได้ไม่อายหรือเสียความมั่นใจ
คอนเท้นดีเลยค่ะพี่โค้ด แต่ขอเพิ่มเติมในส่วนของ “เพศที่สาม” นิดนึงนะคะ อยากให้ใช้คำว่า LGBTQ+ หรือ คนในคอมมู LGBTQ แทนคำว่าเพศที่สามค่ะ เพราะมันไม่มีเพศไหนเป็นเพศที่หนึ่งหรือเพศที่สองค่ะ
คอนเทนท์ดีมากเลยคะพี่โค้ด คำพูดที่ไม่ควรพูดที่หนูไม่ชอบคือ "การเอางานอดิเรกสิ่งที่ชอบไปเปรียบเทียบกับงาน" ไม่ก็ "เอาอะไรที่เป็นของตัวเองไปเทียบกับคนอื่น" ในตัวเป็นคนชอบวาดรูป คอสเพลย์ ฟังเพลงและเต้นCover เป็นบ้างคนยังไม่เข้าใจยุคนี้ เจอในที่ทำงาน ชอบพูดเอางานอดิเรกและสิ่งที่ชอบทำมาเปรียบเทียบกับงาน แบบ "แพ็คของให้สวยกับรูปที่วาดสิ , แรงมีแค่นี้หรอเอาให้เหมือนกับมีแรงเต้นสิ" บ้างคำ "วาดรูปจะไปทำอะไรได้" เป็นคำที่ทำให้หนูดิ่งเรื่องสิ่งที่ชอบไปเลย ที่ทำงานทางบ้านเจอ
เริ่มจาก ครอบครัวเลยนะ เป็นคนที่ตัวใหญ่กระดูกใหญ่ อายุ 19 อาจจะตัวค่อนไปทางใหญ่ ด้วยความที่มีแม่ตัวเล็ก หน้าคล้ายแม่อีก จะโดนชอบบอกว่าเหมือนพี่เหมือนน้อง แม่ตัวเล็กเลย ลูกตัวสหญ่กว่าแม่แล้ว ตรุษจีนนะ เพื่อนพ่อที่ไม่รู้จักไม่สนิท มาบอกว่า ลดนนนะ (ทั้งๆที่ตัวเองตัวใหญ่กว่าเราอีก) มาพูดหรือญาติไรงี้ตัวใหญ่มาจับจับหน้าบอกใหญ่มากเนอะ ลดน้ำหนักสักที ด้วยความที่ลุงป้าที่พูดพวกแกก้ตัวเล็กอ่ะ พ่อแม่อาม่าชอบล้อว่าเป็นหมูตัวใหญ่ เอาเราไปเทียบกับน้าน้องสาวแม่ที่มีลูกสองแล้วบอก ขาใหญ่เท่ากันเลย แล้วพ่อแม่ เวลาเราไม่พอใจเรื่องญาติพูดก้ชอบบอกว่าพวกท่านแซว แซวอะไรอ่ะแซวได้ตลอด ไม่เคยหยุด พวกท่านบางทีเรียกหาความมั่นใจจากเรา เราเป็นคนชอบถ่ายรฟูปนะแต่พอได้นินแบบนี้หลังกลับมาประเทศไทย เราแอนตี้กล้องทุกตัวที่จะมาถ่าย ไม่ว่าจากใครก้ตาม จนพ่อแม่บอกเมื่อไรจะเลิกไม่ยอมถ่ายรูป อยากถามว่าแล้วเมื่อไรจะเลิกแซวเลิกปกป้องคนอื่น เลิกใช้คำว่าบุลลี่ร่างกายไปในทางตลกทั้งที่เรากัจริงจังอยู่ ว่าเราอยู้ตปทเราชอบถ่ายรูป เรามีความมั่นใจมากเลย กลับมาไทยความมั่นใจเราหายหมดเลย พิมด้วยร้องไห้ไปด้วยอยู่ ใครเข้ามาอ่าน ขอบคุณนะคะที่อ่านจนจบ
เคยโดนทักเรื่องพูดภาษาอังกฤษค่ะ จากที่เคยมั้นใจเวลาพูดมันทำให้เราเฟลจนไม่กล้าจะพูด เพราะคนที่พูดแซวเราคือหัวหน้าเรามันก็เลยรู้สึกแย่ค่ะอีกอันคือเพื่อนร่วมงาน กับเพื่อนสมัยเรียน ก็ไม่ได้สนิทมาก แต่ชอบมาถามว่ามีผัวยัง เมื่อไหร่มีผัว อันนี้รู้สึกว่ามันเรื่องส่วนตัวจริงๆค่ะ
ชอบแบบนี้นะ ที่เรียกน้องๆมานั่งถามนั่งเล่า ฟังเพลินดี
อันนี้อยากให้มองอีกมุมว่าเพื่อนกันพูดได้ไม่โกรธ การจะโกรธขึ้นอยู่กับใครพูด อันนี้อยากลองแลกเปลี่ยนว่า เพื่อนกันแหละตัวดี เพื่อนกันควรที่จะรู้ว่าเพื่อนชอบหรือชอบมันซัพพอร์ทเพื่อนมั้ย ไม่ใช่เพื่อนกันจะพูดได้ทุกเรื่อง นี่ก็ช้ำใจจากเพื่อนบ่อยๆ
จริงๆ ประเด็นมันอยู่ที่การ Judge ของคนพูดมากกว่านะ ถ้าคนพูดมี mindset ที่ดี เปิดกว้าง ไม่ได้ต้องการ Judge ใครโดยการเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง มันก็จะมีการคิดแล้วว่าเราพูดหรือเราไปยุ่งกับคนๆนั้นได้แค่ไหน แล้วเราสนิทกับคนๆนั้นพอที่จะพูดกับเขาในเรื่องนั้นๆไหม
ชอบคอนเท้นนี้มากเลยค่ะ เป็นการทำความเข้าใจของความต่างเจเนอเรชั่นดี แต่ส่วนตัวเรา เราขอให้คนรุ่นอายุเยอะๆหน่อยไม่ต้องเกร็งหรือกลัวการคุยกับเด็กยุคใหม่นะคะ ขอแค่พูดด้วยความจริงใจ ไม่กดขี่ ทับถมหรือพูดเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ ถ้าเตือน เตือนได้เลยค่ะ ส่วนตัวเรามองเจตนามากกว่าอยู่แล้ว ส่วนเด็กรุ่นใหม่บางคนโอเค วางตัวดี มีกาลเทศะอยู่แล้วก็โอเค แต่บางคนก็เบาๆหน่อย บางอย่างมันไม่สามารถทำอย่างใจคิดได้ทั้งหมด คนเรามันจะต้องปรับจูนกันบ้างไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ต้องทั้งตัวคนอายุเยอะและอายุน้อยกว่าค่า ^^
เราควรใส่ใจกับคำพูดแบบนี้มากขึ้นจริงๆแหละ คอนเท้นนี้คือดีมากนะเคยโดนพนักงานห้างที่ดูบัตรปชชเราแล้วทักว่า “โหยพี่เมื่อก่อนพี่ผอมสวยนะ ทำไมอ้วนอ่ะ” คือทักไม่หยุด ย้ำๆ จนต้องถามว่าจะหยุดถามไหมคะ ฉันต้องตอบไงอ่ะ รู้จักกันรึเปล่าก็ไม่ วันนั้นร้องไห้หนักมาก นอยไปเป็นอาทิตย์ เพราะเราเป็น ED ด้วยหลังจากวันนั้นไปก็ทำโทษตัวเองไม่หยุดกว่าจะฟื้นได้ก็นานมาก จากคำพูดของคนที่ไม่รู้จัก1คำอ่ะละก็เคยโดนเพื่อนผู้ชายไม่สนิททักว่า รูปนี้กี่แอพอ่ะ คือจะกี่แอพก็เรื่องของฉันไหมก่อน ค่อจะมาเรียนรู้หรอถึงถามชื่อแอพ งงมาก 55555เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกควรหยุดทักกันพร่ำเพรื่อได้แล้วอ่ะ บางคนมันรับได้ไม่เหมือนกัน เราไม่รู้หรอกว่าคนนั้นเค้าเคยเจออะไรมาก่อน ทักเรื่อยเปื่อยก็ไม่ได้แล้วอ่า เคยโดนทักทั้ง ไอ้ปลาหมอสี ไอ้เงาะ ไอ้ดำ ไอ้อ้วน ควรพักก่อนนนนน
สิ่งที่ไม่อยากได้ยินเลยสำหรับเราคือ 'ทำไมถึงไม่มีแฟน?' เป็นสิ่งที่เราเจอบ่อยๆและรู้สึกรำคาญมากที่สุด ยิ่งเวลาเจอญาติแบบแทบทุกคนชอบถ่มคำถามนี้จัง อาจจะด้วยอายุของเราก็ขึ้นเลข 3 แล้ว แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่มีความสุขหรือขาดอะไรซักหน่อยแล้วทุกครั้งมักจะต่อด้วยประโยคที่ว่า 'ชอบอยู่บ้านแบบนี้เลยทำให้ไม่มีแฟน' ไม่ก็ 'ทำไมไม่ลองคุยกับคนนั้นคนนี้ล่ะ' ไม่ก็ 'อายุมากแล้วนะ ถ้าไม่รีบหาก็จะไม่ได้แล้วนะ' ไม่ก็ 'เพราะพ่อแม่หวงไม่มีแฟนสินะ'แบบนี้ แล้วเราก็รู้สึกแบบว่าการที่จะมีหรือไม่มี มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือไง? บางครั้งก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
การที่เราให้คุณค่ากับสิ่งชอบมันคือความสุขของเรา ซึ่งไม่ควรมาตัดสินว่ามันไม่โอเคถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เช่น เราชอบทำเล็บ ก็จะเจอบอกว่าเอาเงินไปกินข้าวดีกว่า, ทำผมใหม่ ก็จะเจอทำทำไมเปลือง /สิ่งที่เราให้คุณค่า อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณให้คุณค่า และสิ่งที่คุณให้คุณค่าก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เราให้คุณค่า ไม่ควรมาตัดสินกัน
อันนี้ดีค่ะ ในความเป็นแม่ ความคิดลูกคืออยากพูดแต่คนอีกเจนคือไม่โอ คนเป็นแม่ไม่เคยกดดัน
อย่างประเด็นเรื่องกินเหล้า คือก็เข้าใจได้ แต่คือในแง่ของความเป็นห่วงมันแบบอ่า เมาแล้วจะกลับยังไง ไปทุกวันเลยนะ เมาแล้วขับรถกลับ(ไม่ดีต่อทุกคนบนท้องถนนเลย) คือมันต้องแยกประเด็นระหว่างความเป็นห่วงกับตีค่าคนให้ต่างกันด้วย ง่ายๆคือต้องเคารพสิทธิ์ของตัวเองและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ใช่ครับ"ชอบบรรยากาศในวงเหล้า ไม่ได้ชอบกินเหล้า"
เคยเจอเรื่องความเชื่อเหมือนกัน เป็นเรื่องสีมงคลนี้แหละ คือวันนั้นน่าจะเป็นวันสอบมั้งแล้วเราก็อยากจะใส่เสื้อกันหนาว กำไล นาฬิกาสีชมพูงี้ แล้วพอไปถึง รร.เพื่อนก็ทักว่าเฮ้ยวันนี้สีชมพูเป็นสีกาลกิณีนะ จากที่มา รร.ด้วยความมั่นใจพอเจอแบบนี้เซ็งเลย ถ้ามีพูดแค่คนเดียวมันก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอมันมีคนเชื่อสีมงคลหลายๆคนแล้วพูด มันก็รู้สึกเฟลหน่อยๆอะ
ขอเสริมเรื่องรูปร่างอีกนิดนึงนะคะ การทักเรื่องรูปร่างหนูคิดว่าไม่ควรเลยนะคะ ถ้าทักเพราะอยากให้เราดูดีแบบนี้ก็จะกลายบิวตี้สแตนดาร์ดนะคะ ว่าต้องรูปร่างแบบนี้ถึงจะสวย หนูคิดว่าเราทุกคนรู้ตัวเองดีแหละค่ะว่าตอนนี้เราผอมหรืออ้วนกว่าความพอใจของเราหรือเปล่า มันคือร่างกายเรา เพราะงั้นหนูเลยคิดว่าเรื่องรูปร่างถ้าไม่ใช่คนที่สนิทมากๆจริงๆไม่ควรพูดเรื่องนี้เลย
กรณีที่ทักบอกว่าอ้วนขึ้น เพราะใช้บริบทของคำว่าเป็นห่วงเนี่ย จะบอกว่ามันมีวิธีที่สร้างสรรค์ในการแสดงออกถึงความเป็นห่วงหลายวิธีเลยค่ะ เช่น สบายดีมั้ย อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพนะ คือการที่ไปทักเขาว่าอ้วนขึ้นหรอ คนเรามันก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็รู้สึกแย่ บางคนก็ไม่รู้สึก เพราะงั้นถ้าเราเป็นห่วงใคร เราก็ควรทำให้เขารู้สึกดีกับคำว่าห่วงของเราหรือเปล่า
เข้าใจคนรุ่นกลาง หรือวัยกลางคน*เราพยายามทำความเข้าใจรุ่นหลังและอธิบายให้คนรุ่นหลังเข้าใจรุ่นก่อนและให้คนรุ่นก่อนเข้าใจเด็กรุ่นใหม่*สรุปไม่มีใครพยายามเข้าใจคนรุ่นกลาง...โดนรุม 555///ทำตัวลำบากไปหมด คอนเท้นท์ดีมากๆเลยค่ะ
เราเป็นคนขาใหญ่ค่ะ เราโดนพี่กับน้องล้อมาตลอด4ปี ปีแรกที่โดนล้อเราก็เก็บอาการนะไม่ได้ตอบโต้อะไรพอเข้าปีที่2เราเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองแบบขาใหญ่ใส่อะไรก็ไม่สวย ปีที่3เราก็ไม่กล้าออกไปไหนแล้วไม่มั่นใจในตัวเองมากๆๆๆๆ เริ่มปีที่4เราทนไม่ไหวแล้วเราเก็บกดมานานเราก็บอกว่าล้อปมด้อยคนอื่นมันตลกหรอแต่มันก็ไม่สะทกสะท้านพี่กับน้องเราเลยทุกวันนี้ก็ยังโดนอยู่แต่ก็เบาๆลงแล้วบ้าง
พี่โค้ดมีจิตวิทยาดีมากๆ เหมือนเป็น IOS ที่กำลังอัพเดทตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราอยากเป็นให้ได้แบบพี่ คือมีสกิลการสื่อสารที่เป็นเลิศ เป็นคนที่อยู่ที่ไหน ใครก็รักอ่ะ เอาจริงๆ นับถือนิสัยของพี่มากๆ
เห็นด้วยกับไบร์ทมากที่ว่า " เป็นหรือป่าว " ใถามในที่สาธารณะ มันรู้สึกกว่าไรการอบรมผ่านสมอง
มีหลายวิธีมากในการโต้ตอบแบบนี้ ส่วนมากผมจะโต้ตอบแบบสุภาพ คือมองกลับเขาตั้งแต่หัวยันเท้า แล้วก็ทำเสียง "หึ"ส่วนน้อยที่ผมทำคือ เงียบใส่ แล้วเดินจากไปอย่างผมเนี้ยชอบเที่ยวคนเดียว ทำอะไรคนเดียวมาก ๆ แล้วมีคนมาแซวเที่ยวคนเดียวไม่มีเพื่อนคบเหรอ ก็เลยตอบไปว่า "เพื่อนสนิทอะมี 6 คนครับ แต่ไม่มีมึงอยู่ในนั้น" 2022 แล้ว เราควรใส่ใจคนอื่นด้วย ไม่ใส่สนใจแค่ความสุขของตัวเอง
13:33 โคตรจริง เจนวายเนี่ยต้องเซิฟทั้งคนแก่ทั้งเด็ก แต่เราก็เข้าใจเด็กมากกว่าอ่ะ
จริงๆสิ่งที่เพื่อนพูดหรือเรียก มันไม่ใช่เราไม่โกรธ แต่เราแค่ลืมครั้งแรกที่เค้าเรียก ชอบแต่แรกเลยจริงดิ แต่ที่ไม่รู้สึกอะไรแล้วเพราะชิน หรือคิดว่าถ้าโกรธเดี๋ยวเพื่อนจะว่าหรือกลัวเพื่อนไม่คบ
จริง ๆ รู้สึกว่าไม่ว่าจะเพื่อนสนิทหรือใครก็ไม่ควรทักอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีอะ ถ้าต้องการเตือนก็อยากให้เตือนเงียบ ๆ เป็นการส่วนตัว อย่างที่พี่โค้ดบอกว่าทักเรื่องกางเกงในโผล่ หรือเรื่องหน้าเทาอะไรแบบนี้คือมันไม่ใช่แค่เจตนาเตือนแล้วอีกฝ่ายจะโอเค แต่ต้องเป็นการเตือนแบบส่วนตัว เงียบ ๆ รู้กันสองคนนะ ถ้าจู่ ๆ พูดขึ้นมาแต่มีคนอื่นได้ยินด้วยมันก็ทำให้อีกฝ่ายอายแล้วเสียความมั่นใจไปเลยเหมือนกัน และก็สร้างความกังวลต่อคนที่โดนทักด้วย แบบจะต้องมานั่งกังวลว่าเห้ย คนที่เค้าได้ยินจะคิดกับเรายังไง เค้าจะตลกเรามั้ย คืออายอะเอาง่ายๆ
ครั้งหนึ่งเริ่มทำงานกับที่ใหม่ แล้วหัวหน้างานที่อายุน้อยกว่าลืมรูดซิบกางเกงแต่เราเห็นและเราเลือกที่จะไม่พูด เพราะเราไม่สนิทกับเขาและแน่นอนว่าถ้าพูดหรือเตือน(แม้จะสองคน)เขาจะต้องอาย เลยให้เขาไปอายกับคนอื่นแทนหรือไม่ก็อายตัวเองตอนกลับบ้านแล้ว
ตอนนี้ผมอยู่ม. 4 เวลาน้องม.หนึ่งมาชวนคุยบางทีก็ไม่รู้เรื่องนะครับ แต่เพราะไม่ได้มองว่าเป็นเด็กแต่เป็นเพื่อนที่ต้องเรียนรู้กันไป ทำให้การเรียนรู้เจ็นแกปสำหรับผมเป็นอะไรที่สนุกดี เพราะขนาดอายุเท่ากันบางทีก็คุยกันไม่เข้าใจเลยก็มี แต่มันก็ทำให้ผมเปิดโลกหลายๆอย่างนะ ทั้งเรื่องเพลงที่สมัยก่อนฟังแต่เพลงลูกกรุง(ยายเปิดให้ฟัง) ก็เริ่มเปิดรับเพลงแนวอื่นมากขึ้นจากที่เพื่อนเราเขาแนะนำมา ที่อยากจะบอกก็คือการเรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่เข้าใจมันสนุกกว่าที่จะอึดอัดนะครับ
เราคนนึงที่เรียกเพื่อนตามอาชีพค้าขายของที่บ้านนะเช่นขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น เรียก "ลูกชิ้น"ทำโรงน้ำแข็ง เรียก "น้ำแข็ง" หรือ"ไอซ์"หรือบางคนเรียกตามอัตลักษณ์ จำเพาะของเพื่อน คนๆนั้นเช่น เจมส์แว่น(ใส่แว่น) เจมส์บึก(ตัวใหญ่) เจมส์เต่า(เป็นคนชอบแบกหนังสือทุกวิชามาเรียนจนกระเป๋าใหญ่แหละหนักมากกก)เพราะชื่อเพื่อนๆส่วนใหญ่คือซื่อซ้ำมากกกกกในตอนนั้นเพื่อนไม่โกรธนะ เพราะเพื่อนเข้าใจไปทางนั้นมากกว่าสุดท้าย มันก็จะอยู่ที่เจตนา ในการเรียกมากกว่า
เป็นคอนเทนต์ที่ดีมากๆๆๆ ปีนี้มัน 2022 แล้ว คำอะไรที่เป็นคำที่ชี้ประเด็นในเรื่องส่วนตัว ไม่ควรพูด เช่น อ้วนขึ้นไหม / ไปทำไรมา ทำไมผิวเปลี่ยนสี ฯลฯ
สำหรับตัวผมเอง เคยถูกทักแบบนี้ตลอด ส่วนตัวเฉยๆมาก คงเป็นเพราะมันก็เป็นเรื่องจริง และมันก็เป็นเรื่องของเขาที่จะพูด และไม่รู้จะคิดมากไปทำไม เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เรื่องรูปร่างจะมีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผล ไม่ต้องไม่ยุ่งเรื่องรูปร่างคนอื่น ต่อให้สนิทหรือไม่สนิท ทุกคนเค้าส่องกระจก ถ้าเค้ารับตัวเองไม่ได้เดี๋ยวเค้าก็เปลี่ยน ไม่ต้องเอาบรรทัดฐาน ความชอบ รสนิยมตัวเองไปตัดสินคนอื่น ไม่ต้องไปห่วงเค้าเดี๋ยวสุขภาพแย่นู้นนี่ รู้หรอว่าเค้ากินดีมีประโยชน์ เค้าอาจจะดูแลตัวเองมากกว่าคนทักด้วยซ้ำ ไม่ใช่หมอไม่ต้องไปทัก
อยากให้มี content เกี่ยวกับสมรสเท่าเทียม ในช่วงก่อนกม. จะกลับมาเข้าสภาอีกรอบจังค่ะ น่าจะเป็นการช่วยกันขยับความรับรู้ให้สังคมไทยเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงด้านกม. จะช่วยให้LGBTได้รับสิทธิที่ควรได้รับอย่างเป็นรูปธรรม
คอนเท้นน่ารักมาก🥺 บางคนมันปากหอยปากปูจริงๆนะ แค่อยากทักอยากพูดทำไมต้องเลือกคำพูดแย่ๆด้วย พอเราไม่โอเคก็บอกว่าโห่แค่นี้เองเล่นนิดหน่อยไม่ได้เลย พอเราว่ากลับมาทำเป็นหน้าบางทำไมพูดแบบนี้อ่ะ ทีตัวเองทำใส่คนอื่นไม่เห็นหน้าบางแบบนี้เลย ไม่เห็นจะคิดเลยว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง
เราเป็นคนที่ผอมมาก ไม่ใช่ว่าอยากผอม แต่กินอะไรมันก็ไม่อ้วนขึ้น พยายามทุกวิถีทางแล้ว ไม่อยากโดนทักบ่อยๆ มันเหนื่อยที่ต้องตอบคำถามว่า รู้จักหมูกะทะปะ เอาไส้ไปไว้ไหน กินข้าวบ้างปะเนี่ย ลมพัดปลิวแล้วมั้ง ผอมเป็นไม้เสียบผีแล้ว ตอนแรกคือไม่ได้คิดอะไร แต่พอเริ่มหลายๆคนเข้า มันบั่นทอนอ่ะ จะให้ทำยังไง เราพยายามแล้วแต่น้ำหนักก็ไม่ขึ้น
เคยโดนนี่เลยค่ะ"หนาวหรอ? ฟันออกปากน่ะ" กับ "เก็บฟันหน่อย"คือเราเป็นคนฟันเหยินก็จริง แต่บางทีกับคนรู้จักและไม่สนิท เราก็รู้สึกไม่มั่นใจตัวเองอีกเลย ไม่กล้าแต่งตัวหรือทำอะไรเลยคือถามว่าอยากจัดฟันไหม ก็อยาก แต่ว่าหมอบอกว่าเราเป็นคนคางบาง ไม่สามารถจัดเลยได้ ต้องผ่าตัดก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายมันเยอะมากๆเลยตอนนี้ก็เลยคิดว่าว่าเราต้องมั่นใจตัวเองให้มากกว่านี้ ส่วนใหญ่ที่ทุกคนโดน เหมือนโดนเรื่อง body shaming ส้ะส่วนใหญ่ทั้งนั้นเลยนะคะ ;-;
เป็นเจน เดียวกับคุณโค้ช เหนื่อยเหมือนกันค่ะ คุยกับเด็กก็ไม่ค่อยเข้าใจ คุยกับผู้ใหญ่เค้าก็กดเราเป็นทาส
คำถามที่ผมเจอเยอะสุดเลย ทำไมไม่ไปเรียนต่อ ตรีให้ จบ คือผมจบได้วุฒิแค่ ปวช เนื่องจาก ปวส เรียนถึง ปี 2 แต่ไม่ได้รับวุฒิเพราะปัญหาการเงิน ณ ตอนนั้น แต่ตอนนี้คือออกมาทำงานฟรีแลนซ์ หาเลี้ยงตัวเอง ครอบครัวได้ เป็นหัวหน้าครอบครัว จ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ก็จะมีคนบางคนที่บอก เนี่ยทำงานแล้ว มีเงินแล้ว ทำไมไม่ไปเรียนให้จบๆ ซึ่งอยากจะบอกว่า ไปเรียน เวลาทำงานก็ลดลง คุณภาพงานก็ต้องลดลงเพราะพรีแลนซ์ งานมันมีตลอด และเวลาทำงานต้องโฟกัสงานมาก เลยรู้ตัวเองดีว่าถ้าเรียน งานไม่รอดแน่ แต่ก็ไม่เข้าใจคนกลุ่มนี้จะทักไรทุกครั้งที่เจอหน้า เราก้ได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ ทั้งที่ในใจอยากจะบอกว่า คุณจะ เผือก ทำไม
มีอีกเรื่องนึงค่ะที่เวลาโดนถามแล้วรู้สึกไม่ดีเลย เช่นนัดกะใครคนนึงไว้ หรือไปเที่ยวที่ไหนมา ละอีกคนที่ไม่ได้นัด หรือไม่ได้ไปกะเราด้วย มันจะมีคนนึงค่ะเข้ามาถามเราจะด้วยอารมณ์ไหนก็แล้วแต่ว่า ‘ทำไมไม่ชวน’ อันนี้คือต้องยังไงอ่ะ ขอโทษ หรือต้องทำหน้ายังไง
นี่พูดในฐานะเด็กรุ่นนี้อีกหนึ่งเสียงนะ คือเรื่องที่เเบบเราไม่ได้เข้ามหาลัยดังๆใน กทม.หรือที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น ส่วนหนึ่งเพราะศก.ช่วงนี้ การเงินอีก ทำให้เเบบทุกวันนี้ตั้งคำถามกับตัวเอง pressure ตัวเองว่าเรียนจบไป ต้องทำอะไร งานอะไรบ้างที่จะรองรับคนที่จบจากมหาลัยนี้ คือไม่ได้จะว่าอะไรเลยนะที่ผู้ใหญ่ทุกคนนะ คนที่เข้าใจเด็กๆก็มี ซึ่งดีมากและขอบคุณมากๆด้วยที่เข้าใจ แต่ว่าเรื่องการศึกษาที่มันยากที่จะเปลี่ยนจริงๆ คืออยากคุณให้ value ทุกมหาลัยในเกณฑ์ที่เท่าๆกันได้มั้ย เพราะมหาลัยดังๆคุณก็มีโควต้าในคนในเขตไปเท่าไหร่เเล้ว ไหนจะค่าเทอมที่ต่าง ถ้าให้ค่าการศึกษาเท่ากันจริงๆ จะไม่มีการเเย่งเข้ามหาลัยดังๆจนเครียดขนาเนี้หรอก ขอบอกผู้ใหญ่สมัยนี้หน่อยนะ คุณไม่ต้อง pressure เราหรอก เท่านี้เรากดกันตัวเองมากพอเเล้ว ✌🏻😭💗
พี่โค้ดเข้าใจถูกค่ะ ผู้หญิงหลายคนหลังค่อมเพราะตอนเด็กโดนแซวหน้าอก พอโตขึ้นโดนทักว่าเสียบุคลิกโดยคนแปลกหน้า แบบที่เค้าไม่รู้ที่มาที่ไปของมัน เราเองก็พยายามฝึกหลังตรงมากขึ้น พอฝึกมีคนทักว่า ไม่เห็นมีนมเลยไหนตอนเด็กๆบอกนมใหญ่ พอเป็นสังคมไม่เห็นหน้ามันน่ากลัวมาก ตอนนี้เราเข้าใจมากขึ้นแล้วแต่เด็กๆยังไม่สามารถรับมือกับมันได้ กลายเป็นปมกันไป ขอบคุณที่ออกมาทำเรื่องนี้มากๆค่ะ
"สิวเต็มหน้าเลย" ห้ามทัก!! มันอยู่บนหน้าเรา เรารู้ค่ะ คนที่เขาสิวขึ้นเยอะๆ เขาก็เครียดของเขาอยู่แล้ว อย่าไปทักซ้ำเติมให้เขารู้สึกแย่กับตัวเองเขาไปอีกเลย แล้วก็ห้ามทักอะไรก็ตามที่เป็นตัวตนของคนนั้นๆไม่ว่าจะ รูปร่าง การแต่งตัว สไตล์ หรืออะไรก็ตาม ส่วนเรื่องที่จะเตือน เราว่าการใช้คำพูดกับน้ำเสียงมันบ่งบอกได้ค่ะว่าคนนี้เตือนเพราะหวังดีหรือพูดทักเพราะแค่เห็นแล้วมันหยุดปากไม่ได้ สุดท้ายคือ ทุกอย่างมันคือตัวเขา เขาต้องรู้จักตัวเองมากกว่าคนอื่นอยู่แล้วค่ะ (พิมพ์ไปขึ้นไป 55555) ส่วนตัวโดนทักเรื่องเสียงกับรูปร่างมาตลอด ซึ่งมันแก้ไม่ได้!!!!
เคยไปซื้อของกับแม่ค่ะ พวกเครื่อสำอาง กำลังจะออกจากร้านพนักงานทักว่าน้องเป็นสิวรับตัวนี้ๆเพิ่มไหม น้ำเสียงคือหวังดีไม่คิดอะไร แต่เราก็เจ็บข้างในใจลึกๆ ได้แต่ยิ้มแห้งๆและหันไปบอกว่าไม่เอาค่ะ
@@crazycloverchannel3449 เราก็เคยเข้าร้านขายสกินแคร์เครื่องสำอางค์ แล้วเขาก็มาทักหน้าเรา แล้วก็เริ่มแนะนำสินค้ากับแม่เรา แล้วก็บอก แม่หน้าเด็กกว่าลูกอีกนะคะ นึกว่าพี่สาว 🥲
เรื่องนี้เป็นบ่อยมากค่ะ ทั้งพ่อเเม่ทั้งญาติหรือคนอื่นๆคือโดนทักเรืีองนี้บ่อยมากๆเลยจนมันทำให้เรารู้สึกไม่ชอบหน้าตัวเอง ไม่มั่นใจไม่กล้าออกไปเจอคนอะไรเลยค่ะ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนสนุก ชอบเจอคนเยอะๆเเต่ต้องมากลัวอะไรเเบบนี้มันเเอบรู้สึกน้อยใจนิดนึง -
@@c.karamel2871 อันนี้จริง มันเหมือนขาดความมั่นใจไปเลย แบบบ้านพี่สาวหุ่นดีและสวย แม่คนชมว่าแม่สวย แล้วแบบคนจะทัก แม่สวยกว่า รึไม่ก็พี่สาวสวย พี่น้องกันจริงเหรอ แล้วเราปกติเป็นคนชอบคุยสนุก แต่เจอแบบนี้บ่อยๆกลายเป็นจะมีคนแซวเราก็จะตอบแบบขำๆไป บางทีเหมือนเราแค่ทำตัวตลกไปงั้น เหมือนแบบสวยไม่ได้ก็ต้องตลกไหมอะไรแบบนี้ ซึ่งบางทีเราไม่ได้ตลกกับสิ่งที่เขาคุยกับเราหรอก
จริงครับคนที่บ้านชอบทักมากว่าสิวเต็มหน้าเลย
Content นี้ดีมาก นอกจากคนรุ่นพี่โค้ด ที่ลำบากใจจะพูดแล้ว คนรุ่นพี่โค้ดที่พูดจาไม่คิดเล้ยยยย มีอยู่เยอะกว่า การที่มีคนแบบพี่โค้ดรุ่นพี่โค้ดออกมาตั้งคำถามให้ฟัง เค้าอาจจะเห็นภาพมากขึ้น สงสัยในพฤติกรรมตัวเองว่ากำลังทำร้ายคนอื่นอยู่นะ
อันนี้ใช่เลยครับ ผมเป็นคนรุ่นเดียวกับคุณโค๊ชดี้ และโตมากลับการที่ผู้อาวุโส สามารถพูดอะไรกับเราก็ได้ เพราะเขาจะบอกว่าหวังดี แถมที่ร้ายหนักคือการถามเพื่อเก็บข้อมูล และขิงใส่เราเวลาที่คิดว่าชนะในบางเรื่องด้วยครับ ซึ่งบางเรื่องก็ทำให้เรารู้สึกว่า ห่ะ จะขิงไปทำไมว่ะ ด้วยล่ะครับ
"เมื่อไหร่จะจบเหรอ ? " "จบออกมาแล้วจะทำงานที่ไหนเหรอ ?" คนที่พูดอ่ะ เข้าใจว่าเขาอาจจะหวังดีกับเราแหละ แต่พอเป็นที่ที่แบบ เข้าไม่รู้ กระบวนการในการเรียนของเราอ่ะ เราก็ไม่รู้จะจำเป็นมั้ยที่เราต้องไปอธิบายให้เขารู้ครับ คนพูดอาจจะไม่คิดอ่ะไร แต่คนที่ต้องตอบอ่ะ มันกดดันมัน แบบ เหมือนเขาหวังอ่ะไรกับเราขนาดนั้นเหรอ
คิดว่าหลัก ๆ คิดไม่ควรทักเรื่องรูปร่าง เรื่องที่คนพูดเยอะคือทักว่าอ้วน แต่มิติที่ตรงข้ามคือทักคนผอมให้ "กินข้าวบ้าง เหลือแต่กระดูกแล้ว" แบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะโอเคค่ะ บางคนเขาก็กินเยอะมาแต่สุดได้แค่นี้ หรือเขาอาจจะกำลังเผชิญกับข้อจำกัดทางอาหารเพราะไม่สบาย ความเป็นห่วงอยากให้คนที่รักสุขภาพดีก็ทำได้ แต่แทนการทักแบบนี้ก็ลองทำอย่างอื่นดีกว่า เช่น ชวนไปกินข้าวแล้วถามเขาว่าอยากกินอะไร ฯลฯ หลัก ๆ คือการต้องรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์บนร่างกายคนอื่น และถามความสมัครใจของอีกฝ่ายด้วยคำถามปลายเปิด ไม่ใช่คำถามชี้นำคำตอบ
จริงเลยค่ะ ต่างพ่อแม่ ต่างกรรมพันธุ์ กินเหมือนกัน ผลลัพธ์ออกมาไม่เท่ากันก็มีค่ะ คนที่โดนบูลลี่รูปร่าง ไม่ว่าคนอ้วน คนผอม เขาก็ไม่โอเคทั้งนั้น
จริงค่ะ
เราโดนบ่อยมาก 'กินข้าวบ้างไหม' 'พ่อแม่เลี้ยงไม่ดีหรอ' คือเรากินแล้วเว้ย ก็มันได้แค่นี้อ่ะจะให้เราทำไง พ่อแม่เราก็เลี้ยงดีแล้วไม่เคยให้เราอด 'กินยาขาวหรอ' 'ไม่ทำการทำงาน ไม่ออกแดด' คือโทษนะ แค่เราขาวคือเราต้องกินยาหรอ เราต้องไม่ทำการทำงานหรอ งง
เราผอมนะเราพยายามกินเเล้วอะเเต่น้ำหนักมันไม่ขึ้นอะคนพูดมึงเข้าใจเราบ้างไหมอะ//ความคิดในหัว
จริงค่ะ เพื่อนเราผอมมาก แต่คนอื่นชอบทักว่า “วันๆกินไรมั่งปะเนี่ย ผอมไส้จะขาดแล้วนะ” หรือไม่ก็ “กินไรมั่งนะ ผอมเกิ๊น” เราที่อยู่กับเพื่อนทั้งวันอยากจะตะโกนตอบกลับไปแทนอ่ะว่า “มันกินเยอะกว่ามึงอีกมั้ง🙄” คือมันกินข้าวขาหมูก่อนเข้าเรียนไปจุกๆ ซื้อขนมปังหมูหยองไปกินในคลาสอีก เที่ยงก็กินอาหารตามสั่ง ไส้กรอก ไอติมมาเต็ม บ่ายมีเบรกแค่10-20นาทีมันยังสั่งข้าวกินได้ ก่อนกลับบ้านก็กินอีกจาน กินจนเราต้องถามว่าในท้องมึงมีหลุมดำอยู่ใช่มั้ย คือละมันกินเยอะอย่างนี้ทุกวัน แต่ผอมมากก หนักแค่43-44 ไม่เคยเกิน 45 เพราะงั้นอย่าทักแบบนั้นเลยค่ะถ้าคุณไม่รู้ว่าวันๆนึงเขากินไรมาบ้าง
นี่เราว่าต่อให้ทักว่า “อ้วนขึ้นรึเปล่า ถ้าผอมกว่านี้จะสวยนะ” มันก็ไม่ respect คนอื่นอยู่ดีอ่ะ เขาอาจจะพอใจแบบนี้หรือกำลังลดอยู่ซึ่งมันก็เป็นการตัดสินใจของเขาอ่ะ อ้วนก็สวยหล่อได้ป้ะ ทางที่ดีคืออย่าทักเรื่องรูปร่างหน้าตาค่ะ มีเรื่องอื่นให้ทักเยอะแยะ 😂
อันนี้เราโดนบ่อยค่ะ มันชอบมีคนมาบอกบ่อยๆว่าเนี่ยก็สวยอยู่แล้วนะ ถ้าผอมจริงๆเลยจะสวยกว่านี้อีก คือยังไงอะ เรารูปร่างอ้วนแต่เราแข็งแรง สุขภาพดี ไม่มีโรคเลย แล้วเราก็พอใจมากๆที่เป็นแบบนี้ และหากเมื่อไหร่เราพอใจที่จะเป็นคนผอมไปเลยมันก็เรื่องของเราอยู่ดีอะ ทำไมชอบมาย้ำๆซ้ำๆอยู่ได้ แล้วเราเป็นคนออกกำลังกายเพื่อให้ตัวเองไม่ป่วยค่ะ แต่ชอบโดนว่าแบบ นี่ออกกำลังกายแล้วจริงๆหรอ มันแบบ…
คิดเหมือนกันค่ะ จะสนิทหรือไม่สนิทก็ไม่ควรพูดถ้าคนฟังเขาไม่โอเค มันคือปัจเจกบุคคล การที่เราโอเค ไม่ได้หมายความว่าคนฟังจะโอเคกับเราด้วย แล้วสำหรับเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานะด้วย แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างห่าง เราฟังแล้วแอบไม่ชอบพาร์ทที่พูดเรื่องนี้เหมือนกัน เหมือนเอามาพูดแต่ยังไม่เข้าใจปัญหาจริง ๆ
อันนี้เห็นด้วยโดนเรียกอ้วนตลอดเลย
เราโดนบ่อยมากกก จนมีช่วงหนึ่งแบบไม่กล้าส่องกระจกเลย😢😭
งงประโยคนึงมากค่ะ คือตอนที่เราค่อนข้่างอวบก็บอกว่าลดบ้างนะ พอเราผอมก็แล้วบอกว่ากระดูกเดินได้ ไปเพิ่มบ้างนะผอมไป (เราพอได้ยินคำนี้ค่อนข้างเฟลมากเพราะเราต้องคุมอาหาร ออกกำลังกายเหนื่อย) สรุปคือตกลงต้องอ้วนหรือผอมหรืออะไรงง เพราะฉะนั้นเลิกทักเรื่องหน้าตารูปร่างสีผิวแต่ที่สำคัญคือต้องถามฝ่ายตรงข้ามว่าโอเคมั้ยถ้าไม่ก็ไม่ต้องพูด หรือไม่รู้จะพูดอะไรก็ช่วยเงียบและพูดอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้ ขอบคุณค่ะ:)
คิดว่าให้ save สุดสำหรับทุกฝ่ายทุกเจน จากประสบการณ์ส่วนตัวชวนคุยอะไรก็ได้ค่ะถ้าไม่ใช่ "เรื่องส่วนตัว" ถ้าไม่ถึงขั้นสนิทหรือเริ่มสนิท ก็ลองร่าง catagory ดูค่ะว่าเรื่องอะไรที่เป็นเรื่อง general ทั่วไป / หรือถ้าสิ่งที่เราอยากถาม อยากคุยเราถามด้วยเจตนาที่ไม่รู้ เจตนาที่สงสัยจริงๆ (สนิทระดับหนึ่ง) อาจจะมีคำว่า ขอโทษนะ มันช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกว่าอย่างน้อยเค้าก็แคร์ความรู้สึกเรา หากสิ่งที่เค้าพูดออกมามาจจะกระทบอะไรบางอย่างกับเราได้ คิดว่าประมาณนี้ค่ะ /// สิ่งที่ควรเลิกพูดคือ เมื่อไหร่จะลดน้ำหนัก เชื่อว่าคนน้ำหนักเยอะทั่วโลกใบนี้ผ่านการลดน้ำหนักมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จุดไหนที่เขาอยากลด อยากแคร์ร่างกายตัวเองเดี๋ยวเขาลดเองค่ะ ไม่ต้องบอก 555555555 // ขอบคุณคอนเทนท์นี้นะคะ หวังว่าพี่ๆรุ่นก่อนๆจะเปิดใจกับพวกเรามากขึ้นค่ะ
"เป็นหรือป่าว" เป็นคำพูดที่ควรต้องเลิกพูดสักที ก็คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะไม่พูดอะไรก็ตามที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่
เรานี่สะกดใจตัวเองด้วยคำว่า "ไม่เสือก" กับทุกเรื่อง ใครจะแต่งตัวยังไง ใครชอบแบบไหน มันเรื่องของเขา
เพราะทุกคนมันมีรสนิยม มีภาพลักษณ์ มีอัตลักษณ์ เป็นของตัวเอง ทุกอย่างมันเริ่มที่เรา เริ่มที่ไม่เสือกก่อน ทุกอย่างจะผ่านไป
ส่วนตัวผม อายุ 25 แต่ก็ยอมรับว่า generation gap มันถี่มาก
ไม่ต้องอายุ 25 กับ 50 หรอก แค่ 20 ไป 25 เดี๋ยวนี้ก็ต่างกันหลายอย่างแล้ว
สิ่งที่จะทำได้คือ พยายามทำตัวเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่อัพเฟิร์มแวร์ตลอด
คอยอัพเดทกระแสสังคม การขับเคลื่อนของสังคม และไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอายหรือเสียศักดิ์ศรีในการจะเข้าใจ Gen ที่มันเด็กกว่า
จริง ๆ ก็ควรจะเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่วัยใดวัยหนึ่ง ในการปรับเข้าหา
ผู้ใหญ่ก็ควรจะศึกษาทำความเข้าใจเด็กด้วย เด็กกว่าก็ควรจะเข้าใจผู้ใหญ่เช่นกัน บางทีเราโตมาคนละยุคคนละสมัยกรอบความคิดมันต่างกันมากจนจูนกันไม่ติด
การใช้คำพูดหรือวิธีการสื่อสาร ผมว่าสำคัญมากในการจะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้นะ เพราะถ้าสื่่อออกไปด้วยความรุนแรง บางทีสารที่เราต้องการจะสื่อ มันไร้ค่าไปเลย
ชอบที่บอกว่า “อย่าไปยุ่งกับความสุขของคนอื่น” อันนี้จริงในจริงในจริงๆ. มาตรวัดความสุขของคนเรามันต่างกัน ใครพอใจแบบไหน นั่นคือแบบของเขา เราไม่ไปซนจะดีกว่า…
คำบางคำไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้นะคะ แต่ว่าควรดูด้วยว่าคนที่เราจะใช้คำนั้นพูดด้วยสถานะเรากับเขามันอยู่ที่ประมาณไหน ไม่ใช่คิดยังไงพูดอย่างนั้นแล้วก็มาบอกว่าเป็นคนตรงๆ จากใจคนที่โดนทักเรื่องร่างกายบ่อย ไม่โอเคเลยค่ะอยากให้คิดก่อนพูดจริงๆ อย่างที่พี่ในคลิปบอก ถ้าหวังดีก็พูดได้ค่ะแต่ตามมาด้วยคำซัพพอร์ตจะดีกว่า บนโลกนี้มีคำหลายคำให้เลือกใช้นะคะ 💪🏻🙇🏻♀️
บางคนก็บูดเกิน บอกอย่าเหบีบดแต่เหบีบดอาชีพ ทำไมฟรอคะ อาชีพขายตัวนี่มันไม่น่าพูดเลยหรอ? ดูแล้งรู้เลยว่าขอโทษนะ ปลอมมาก เหมือนตามกระเเส งงเหมือนไม่เข้าใจว่า 2022 ควรเป็นยังไง
3:12
ไม่ชอบคนมาทักว่า " ทำงานอะไร " " แต่งงานเมื่อไหร่" เราแค่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราไม่อยากตอบ ชอบการบอกเองเพราะอยากบอก
ชอบคนที่ทักว่า " เป็นไงมั้งตอนนี้" นี่คือคำถามที่เราจะตอบอะไรก็ได้ รวมทั้งเรื่องส่วนตัว
ใช่ค่ะ ทักจนเราต้องอายตัวเองเลย อ้วนมันก็ปกติของคนที่กินเยอะ หรือชอบกิน ถ้าคนใกล้ตัวหรือแฟนเขายังไม่เดือดร้อนแล้วคนอื่นที่ว่าเราเขาเดือดร้อนมากกว่าคนในครอบครัวอีก ร่างกายคนเราสัดส่วนไม่เท่ากัน อย่าเอาความคิดของตัวเองมาตีดสินคนอื่นว่าจะต้องเป็นแบบนั้น เรามีความสุขในแบบของเราไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ รู้สึกไม่ค่อยชอบคำว่าเพศที่สาม เพราะมันจะถามกลับว่าเออ แล้วใครเป็นเพศที่หนึ่ง ใครเป็นเพศที่สอง เพศมันมีลำดับขั้นมั้ย มันควรจะเป็นแบบที่พี่โค้ดบอกเลย ทุกคนเป็นคนเหมือนกัน ก็ควรจะเท่ากันนะ ก็เรียกชื่อไปเลยว่า lgbtq ก็คือเรียกเขาว่า lesbian gay bi trans queer ไปเลย เหมือนที่เรียก man woman แบบนี้อ่ะค่ะ
ยุคนี้ส่วนตัวคิดว่า ไม่ควรทักว่า เรียนจบแล้วทำไมไม่ไปหางานทำ ถ้าจบมาแล้วมาอยู่บ้านจะไปเรียนให้เปลืองตังค์ทำไม อย่างหนู หนูมีเหตุผลคือ ต้องดูแลยายที่ป่วย เพราะแม่ก็ทำงานที่ต่างประเทศต้องคอยหาเงินมารักษา ส่วนเราจบมาก็มาดูแลยายแทนแม่ คือแบบไม่ต้องมามองว่าเราขี้เกียจหรืออะไร แต่บางทีเรามีเหตุผลส่วนตัวที่คุณอาจจะไม่รู้
คอนเทนท์ดีมากค่า แต่เนื้อหายังไม่โดนนิดนึง อยากให้อัดแน่นรวมมิตรไปเลย จะได้แชร์ลงไทม์ไลน์กระแทกบางคน 5555555
คอนเทนท์ เบามาก ไม่กล้าพูดเรื่องจริง
เลือกเอาแต่การบูลลี่เบาๆ
ชอบคอนเทนต์นี้มากเลยค่ะ เหมือนเปิดทัศนะของคนในแต่ละยุค คือเราเจอบ่อยมาก สำหรับเราอายุ 22 สิ่งที่เจอทักบ่อยคือ “ไปทำอะไรมา ทำไมสิวขึ้น ตอนเจอกันแรกๆไม่เป็นแบบนี้ อ้วนขึ้นจนที่บ้านจำไม่ได้แล้วมั้ง ” คือจะให้ตอบว่าอะไร แพ้นู่นนี่หรอ อยากได้ยินคำตอบไหน อ้วนเพราะกินไง แต่ส่วนใหญ่ที่เจอพูดปุ๊บทำให้เราขาดความมั่นใจไปเลยค่ะ เพราะว่าเราเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองประมาณนึง 2022 น่าจะไม่มีการพูดทักกันเรื่องแบบนี้แล้วนะคะ เราคิดว่าถ้าจะทักน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้คนฟังไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจจะดีกว่ามากๆเลยค่ะ เช่น วันนี้ดูดีนะ แต่งตัวดีมากเรียบร้อยจัง พูดไปในภาพรวม หรือถ้าไม่มีอะไรจะพูดให้คนอื่นรู้สึกดี น่าจะเงียบดีกว่าค่ะ
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนเพื่อน พี่ น้อง คนรอบข้าง หรือแม้เเต่คนในครอบครัวไม่ควรลดค่าของบุคคลอื่นด้วยคำพูด คำเรียก หรือการbody shaming เพราะทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน หากแต่เจ้าตัวยินยอมให้กระทำหรือเรียกนะคะ
จากใจคนที่อายุรุ่นเดียวกับคุณโค้ด สำหรับเราคำบางคำถ้าเป็นเพื่อนสนิท พ่อแม่พูดได้ไม่ติด แต่ถ้าเป็นคนอื่นย้ำๆ เราก็รู้สึกนะ พอนานวันเราก็ย้อนกลับบ้างอ่ะ ทุกคนมีขอบเขตของตัวเอง ที่ไม่ชอบให้ใครก้าวล่วงอ่ะ เราจะใช้ตามความรู้สึก เราไม่ชอบแบบนี้ เราก็จะไม่พูดกับคนอื่นต่อ เรารำคาญคนแบบนี้มเราก็ไม่ต่อว่าเขา บล็อคได้บล็อค ไม่ได้จำเป็นต้องแคร์อ่ะ ความสัมพันธ์ปัจจุบันอาจจะเหมาะกับคนแบบเราก็ได้ ตัดได้ตัด ไม่ต้องมานั่งคิดว่าอนาคตอาจจะต้องเอื้อประโยชน์ให้เรา ในเมื่อวันนี้ยังพูดได้ไม่เต็มปากเลยว่ารู้จักกัน
ชอบสิ่งที่พี่โค้ดพูดมากเลยค่ะ เรากำลังอายุ 40 น้องๆ เราก็จะไม่กล้าพูดกับเค้ามาก ไม่อยากทำเราทำเอง แต่กับพี่ๆ ที่แก่กว่าเรา เราก็พูดกับเค้าไม่ได้ เหมือนเรากำลังเป็นแซนวิชจริงๆค่ะ
จริงๆ แล้วใจความหลักมันคือ "การไม่เอาความคิดของตัวเองไปยัดเยียดใส่คนอื่น"ค่ะ อย่างเช่นการทักรูปร่างหน้าตาคนอื่น ทักไปแล้วได้อะไร นั่นร่างกายเขาเขาต้องรู้อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปคิดแทนเลย บางคนอาจจะมีรูปร่างแบบนั้นเพราะความเจ็บป่วยด้วยซ้ำ หรือการแซวความชอบรสนิยมคนอื่น เราว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวนะคะ ทุกคนมีสิทธิที่จะมีรสนิยมแบบไหนก็ได้(ที่ไม่ได้เบียดเบียนคนอื่น) เรื่องเพศอีก นี่ก็เรื่องส่วนตัวควรเลิกทักได้แล้วยกเว้นว่าเขาอยากจะ come out เอง บางทีสิ่งที่เราเคยคิดว่าคือความเป็นห่วงก็ต้องดูด้วยว่าผู้รับเขาต้องการรึเปล่า ถ้าเขาไม่ต้องการมันก็คือสาระแนแหละค่ะ
อยากให้ลองทำความเข้าใจกับ beauty standards ด้วยค่ะ ไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา สีผิวหรือเพศไหน ทุกคนดูดีได้ในแบบตัวเอง
คน Gen-X ลงชื่อว่าดูจบครับ
ต่อไปนี้จะระมัดระวังให้มากขึ้น กลัวเด็กรุ่นใหม่มันจะด่าเอาว่าแก่แล้วแก่เลย
สาระรายการดีมาก
แก้ไข: 1
จากนาที 14:12 คนรุ่นเก่าอยากบอกคนรุ่นใหม่ เรื่องการใช้เงิน เรื่องการหาความสุข เพราะ มันเกี่ยวกัน 2022 แล้ว คนรุ่นใหม่ต้องรู้จัก "การเงินส่วนบุคคล" การลงทุน เก็บเงินเพื่อเป้าหมายต่างในชีวิต ซื้อรถ ซื้อบ้าน แต่งงาน มีลูก บลาๆ จนถึงแผนเกษียณ
ยุคนนี้ใครไม่รู้จักไม่ได้แล้วครับ
คอนเท้นดีสุดๆ ชอบมากๆ ครับ ส่วนตัวไม่ชอบเวลารวมญาติ หรือรวมรุ่นแล้วต้องถามว่า ตอนนี้ทำงานอะไร? ได้เงินเท่าไหร่? ถ้าคนที่เค้าหน้าที่การงานดีก็แล้วไป ถ้างานเค้าไม่ดี หรือไม่มีงานอยู่ เค้าจะตอบยังไง แล้วถ้าเค้าตอบตรงๆ คนถามจะไม่อึดอัดหรอ จะไปต่อยังไง เลยไม่เข้าใจว่า บางคำถามที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยซ้ำ ทำไมต้องหาสถานการณ์ให้รู้สึกอึดอัด
สรุปชอบมากครับ คอนเท้นแบบนี้
ส่วนตัวเป็นคนสูงค่ะ สิ่งที่โดนมาตั้งแต่เด็กเลยคือ เปรต ไอเสาไฟฟ้า คือโดนบ่อยมากจนเอามาร้องไห้ตลอด ไม่มั่นใจในความสูงเลยค่ะ แล้วมีครูคนหนึ่งเคยพูดว่าสูงแบบนี้หาแฟนยากคือแบบว่าเรารู้สึกว่าทำไมอะ ก็เราสูงแบบนี้อะ ตอนเด็กๆไม่ชอบส่วนสูงตัวเองเลยค่ะ ตอนมัธยมต้นก็โดนบ้างแต่ก็ชินแล้วค่ะ
โคตรชอบคอนเทนต์อะไรแบบนี้ การทักทายกันคือสิ่งที่ดี แต่ควรจะเป็นคำพูดที่ไปในเชิงบวกจะดีกว่า ไม่ควรทักแล้วทำให้คนอื่นเสียความมั่นใจ ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรก็ไม่ต้องพูดดด5555
มันไม่ใช่เรื่องกดดันหรือเป็นเรื่องยากที่จะคุยอะไรใช้คำพูดยังไงกับคนในยุคนี้ แค่เราไม่ไปทำสิ่งที่เราไม่ชอบกับคนอื่นก็เท่านั้น มีคนมาทักเราแบบนั้นเราชอบมั้ย ก็ไม่ มีคนมาตัดสินเราไปเองแบบนั้นเราชอบมั้ย ก็ไม่ เราก็ไม่ต้องไปทำตัวแบบนั้นกับคนอื่นแค่นั้นเอง ถ้าทักก็ทักแบบ positiveไปสิ คนฟังคือใจฟูเลย "วันนี้ชุดสวยจัง คุณดูดีจัง" ไม่ต้องจัดว่าเป็นคนยุคไหนแล้วคิดหนัก แค่เป็นคนคิดก่อนพูดก็พอ
จริงค่ะเราเห็นด้วยกับคุณ
ชอบ content นี้มาก กรอ (ศัพท์เก่าจัด) ดูหลายชอตเลย เข้าใจมากเรื่องรุ่นบนและรุ่นล่างในฐานะรุ่นตรงกลาง ยิ่งตอนนี้เป็นหัวหน้า อยากจะพูด อยากจะทักลูกน้อง ทั้งเรื่องส่วนตัวและงาน มียั้งๆ ไว้เยอะมาก ชื่นชมทีมงานครับ
ปีนี้เราอายุ 22 ตอนประถมแทบไม่โดนเลยเพราะส่วนตัวคิดว่าพ่อแม่เลือกโรงเรียนดีมากกกกกกกกx100000 เพราะเป็นเอกชน
เด็กๆทุกคนคือไม่มีคำหยาบหลุดออกมาเลย ต่อให้เป็นเด็กผู้ชายก็ไม่มี เราชอบมาก
แต่พอ ม.1 ต้องย้ายบ้าน ไปอยู่โรงเรียนรัฐ ห้ามไว้ผมยาว แต่วันแรกคือเราถักเปียไปเลย โดนดึงผมเปียตั้งแต่วันแรกที่เป็นวันมอบตัวอะ ...
แล้วก็เด็กผช. เขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม เขาก็ล้อกันคิกคักแบบให้เราได้ยิน
บอกตรงๆทุกคำที่ได้ยิน งงมากกกกกกกกก เอากลับมาถามที่บ้านว่ามันแปลว่าอะไร เพราะโดนมา เขาหน้าซีดกันหมด คำหยาบล้วนเลย
แต่เอาเท่าที่จำได้นะคะ (หลายๆคำแรงไปมาก เรากลัวคนมาอ่านจะทริคเกอร์ ขอเอาคำซอฟต์ๆสำหรับเรามานะ)
" E อ้วน , E ลูกคุณหนู" อันนี้โดนวันแรกเลยจากคนที่ดึงเปียเรา คือ...สังคมโรงเรียนเก่าเรามันดีมาก ไม่ได้แปลว่า เราเป็นลูกคุณหนู นะ TT
"ช้าง , ชบาแก้ว" โดนตั้งแต่ ม.1 จนจบ ม.6 ต่อให้ผอมลงยังไงก็ยังโดนอยู่เพราะเขาจำแทนชื่อเราไปแล้ว และโดนทักแบบนี้ทุกครั้ง จาก "ครู" ค่ะ จำไม่ลืมจริงๆ
- แล้วก็พวกแบบ เวลาเรากินข้าวกลางวัน , ขนม น้ำต่างๆ ในโรงเรียน ก็จะชอบโดนเด็กผู้ชาย , ครู แซวว่าตัวจะแตกแล้วกินอยู่นั่นแหละ เราก็แบบ อ่าว บางทีก็ข้าวกลางวันมั้ย 5555 งงงง
- อีกอย่างเพิ่งนึกออก คือเราเป็นผู้หญิงอ่ะ มันก็ต้องมีพวกลิปมัน นู่นนี่นั่น ห่วงสวยบ้างถูกปะ แต่เราแค่รูปร่างอวบกว่าคนอื่น เราโดนบูลลี่จากกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนึงว่าไม่เหมาะกับอะไรพวกนี้ (+คำหยาบนับร้อย)
โดนช่วงแรกๆ อยากขอแม่ย้ายที่เรียนมาก แต่ด้วยสภาพการเงินตอนนั้น เอกชนแพงมาก เลยทนไป ไม่รู้ว่าผ่านมาได้ยังไงเหมือนกัน อาจจะเพราะพอโตขึ้นเราสามารถเลิกให้ค่าคนพวกนี้ได้แล้วมั้ง พอเราไม่สนใจ พวกนั้นเริ่มโตขึ้นก็เลิกโฟกัสเราไปเอง
แต่เรื่องคนโตกว่าบูลลี่นี่ เราปลงไปแล้วอ่ะ เพราะเคยฟังพี่ต้นหอมหรือใครนี่แหละ ที่บอกว่าคนยุคนั้นเค้าถูกฟิคมาแบบนั้น ที่ทุกคนแซวกันทักกันเป็นเรื่องปกติ ก็เลยปลงตรงนี้ไป
ทั้งชีวิตเราเจอมาเยอะมากจนเป็นปมในใจจนถึงทุกวันนี้ค่ะ และเราเป็นคนคิดมากเรื่องคำพูดคนด้วยเลยยิ่งเฟลง่ายกว่าเดิมไปอีก
1 โดนเพื่อนทักต่อหน้าทุกคนว่า"หน้าแกจะปลูกสิวอย่างเดียวใช่ป่ะ"
2 โดนเพื่อนแซวเพราะเราเสนอขอเล่นบทแก้วหน้าม้าว่า"เอ่อบทแก้วหน้าม้าเหมาะกับแกนะ/เอาฟันเฉาะได้"
3 ทุกคนในกลุ่มผลักกันชมกันเอง เพราะนานๆเจอกันที ยกเว้นเราที่โดนมองข้ามค่ะ พอมีคนทักว่า"อ้าวไม่ชมน้ำบ้างเหรอ" ที่เหลือคือเงียบและเปลี่ยนเรื่องคุย
ปล.ที่โดนทักแบบนี้เพราะเราเป็นสิวฮอร์โมน และหน้าแพ้ง่ายเลยทดลองครีมหลายอย่าง ตัวเรายังเคยไปรักษาที่คลินิกโรคผิวหนังแต่สู้ค่ารักษาไม่ไหวค่ะสุดท้ายต้องศึกษาเอาเอง ส่วนฟันเราเป็นคนฟันซี่ใหญ่เวลายิ้มจะเด่นมาก
อยากให้พี่โค้ดลองเอาคนรุ่นพี่โค้ดมาสัมได้มั้ยคะ ว่าเขาคิดยังไงกับการที่คนรุ่นใหม่เป็นแบบนี้ 😂
+1 ค่ะ คอนเทนต์น่าสนในมากค่ะ ลองมากลับกันดูบ้างว่าคนเจนพี่โค้ดหรืออายุเยอะกว่าเค้าคิดยังไง
เราโดนญาติหาว่าเราเป็นทอม คือตอนนั้นอะ ญาติเค้าพูดคุยกันว่าแบบ “เห้ยดูแต่งตัวอะ เป็นทอมรึป่าว เป็นผู้หญิงก็ต้องแต่งตัวแบบหวานๆ ผู้หญิงสิ” คพูดำแบบนี้เราว่ามันไม่ควรพูดแล้วอะ สมัยนี้ควรให้ความเคารพกัน ไอการที่เราจะแต่งตัวแบบนั้นมันก็เรื่องของเรามั้ย แต่ก็เข้าใจนะว่าความคิดตอนนี้กับเมื่อก่อนมันต่างกัน แต่ก็อยากให้เคารพกันและกันดีกว่า อยากให้ทุกคนมาดูคลิปนี้เยอะๆจัง เนื้อหาของคลิปทำให้คนเราได้มองหลายๆด้าน 💖
เคยโดนญาติพูดใส่กลางตลาดว่า"ไม่เรียนแล้วหรอ"ยุคนี้ไม่เห็นว่าไปโรงเรียนไม่ใช่เขาไม่เรียนแต่เขาเปลี่ยนมาเรียนออนไลน์เพราะมีโรคระบาด ตอนได้ยินคือรู้สึกไม่ดีเลยมันเป็นคำพูดที่ทำให้เราดูแย่ว่าอาจจะเป็นเด็กเกเรหรือคนที่ไม่อยากเรียนได้เลย ก็ก่อนจะพูดก็อยากจะให้คิดนิดนึงเพราะคำพูดของคุณอาจทำร้ายคนฟังได้
ถามความคิดเห็นเด็กๆแล้ว ควร ถามความคิดผู้ใหญ่ด้วยว่าคำไหนเด็กๆควรหรือไม่ควรพูดในปี 2022ฝากคอนเท้นนี้ด้วยนะคะ…^^
คอนเทนต์นี้ดีมากเลยค่ะ อยากพูดถึงอีกด้านนึงเรามองว่าตรงที่บอกว่าถ้าเป็นเพื่อนพูดได้ จริงๆน่าเน้นย้ำว่าส่วนตัว เพราะเราเป็นคนนึงที่บางครั้งโดนเพื่อนพูดในสิ่งที่ไม่ชอบแล้วพอบอกว่าไม่ชอบก็จะบอกว่าก็เพื่อนกันแซวแค่นี้จะเป็นไร ซึ่งส่วนตัวสำหรับเรายิ่งเป็นคนใกล้ตัวพูดเราเสียความมั่นใจกว่าคนอื่นพูดอีก
ทุกสิ่งที่ผู้คนสมัยนี้เพิ่งตระหนักได้จาก“คนรุ่นใหม่”ก็คือคนที่โตมาจากการถูกบูลลี่เรื่องรูปร่างหน้าตา เรื่องภายนอกมาตลอดช่วงเวลาที่เป็นเด็ก แต่ตอนนี้เค้าโตมากพอที่จะพูดออกมาได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลว่าเค้าไม่พอใจนะ เพราะโลกของเค้ามันกว้างขึ้นแล้ว แต่ตอนนั้นคือไม่มีใครฟังที่เราพูดเลย ขอบคุณการรับรู้ในสมัยนี้จริงๆ ทุกวันนี้การเอาself esteemคืนมามันยากยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
ยุคนี้เป็นยุคที่ ปัจเจกบุคคล ชัดเจนมากขึ้น ไลฟ์สไตล์มันชัดเจนมากขึ้น ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตน ทั้งคนทัก คนถูกทัก เค้าล้วนมีเหตุผลในการกระทำ การที่เหตุผลของใครไม่ตรงกัน ไม่น่าเป็นความผิดนะ … มันจะไปจบที่วาระและโอกาสรวมถึงความสนิทระหว่างคู่สนทนามากกว่า
เป็นคอนเท้นที่ดีมากค่ะ
ในกรณีที่หวังดีเราว่าควรพูดเป็นการส่สนตัวหรือหาคำพูดที่มันดูซอฟมากกว่าค่ะที่จะพูดโต้งๆว่าดูอ้วนหรืออะไร
เพราะการเอาปมด้อยคนอื่นมาพูดต่อหน้าคนเยอะๆ หรือแซวมันทำให้คนฟังยิ่งไม่มั่นใจถึงจะสนิทกันก็ตาม เวลาเจอพูดเยอะๆหลายๆคนเข้าก็เฟลได้เหมือนกันค่ะ
เคยโดนญาติคนนึงทักว่าอ้วนขึ้นในงานรวมญาติ คือเหมือนเขาไม่ได้กะจะพูดกับเราหรอก เขาพูดกับแม่ เบาๆ แต่เราได้ยิน หลังจากนั้นเรารู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเลย เพราะคนอื่นก็ผอมกันหมด คือเข้าใจว่าเป็นห่วงสุขภาพกาย แต่ถ้าจะห่วงแล้วอยากให้ช่วยห่วงสุขภาพใจด้วย เรื่องรูปร่างเนี่ยมันละเอียดอ่อนมากเลย สำหรับเรานะ ต่อให้สนิทแค่ไหน ก็ไม่ควรพูดอ่ะเรื่องอ้วนเนี่ย เว้นแต่เจ้าตัวจะขอคำปรึกษาเอง
คลิปนี้ดีมาก เราเคยโดนพูดใส่เรื่องกินกาแฟแก้วละ200 สิ้นเปลือง
รู้สึกเหมือนว่า ถูกห้ามมีความสุขห้ามกินอะไรที่ชอบ
ชอบคอนเทนต์นี้มากเลยค่า เหมือนได้เข้าใจมุมมองของทุกฝ่ายและเรื่องราวที่ได้เจอ ชอบที่สุดคือคำว่า “ฟัน” เหมือนกันค่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็นบทสนทนาควรเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยน ไม่ใช่การปิดกั้น ฟัน หรือjudge คู่สนทนา สุดท้ายคือเรื่องเหล่านี้ ควรเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายค่อยๆปรับและเรียนรู้กันไปค่า🤍
ชอบคลิปนี้ค่ะ เพราะเจอปัญหาคนตัดสินเราจากภายนอกและอดีตเยอะมาก ตัดสินแล้วขยี้ด้วยการบูลลี่ แล้วอ้างว่าแค่ล้อเล่น. ...... เราจะโต้ตอบคือตัดสินเราต่อเลยว่าเราเป็นคนไม่ดี เอาความดีมาแทงเราต่อ จนตอนนี้เริ่มจะไม่สังคมแล้ว
ตอนวัยรุ่นอ้วนมากๆ (เกือบเลข9) ในขณะที่เดินบนทางเท้าแถวถนนสุขุมวิทมีรถกระบะหลังคาสูงติดไฟแดงอยู่กลางถนนเปิดกระจกลง โดยผู้ชายวันกลางคน 2 คนอยู่บนรถ มี 1 คนตะโกนมาว่า อ้วนเดินเบาๆพื้นทรุดแล้วและหัวเรากันสนุกสนาน เราเดินร้องไห้ริมถนน เป็นอะไรที่เชี้......มาก เป็นอะไรที่เราจะจำจนวันตาย ตั้งแต่ตอนนั้นตั้งใจลดน้ำหนักลงมาจนตอนนี้เหลือเลข5
ถ้าเป็นคนอ้วนโดนทักว่าให้ลดน้ำหนักไม่พอ เวลาจะให้ยกของก็ต้องเรียกเราตลอดค่ะ หรือเวลาเราบ่นหนาวก็พูดแนวๆว่าไม่หนาวหรอกแกมีชั้นไขมันอยู่แล้ว เหมือนถ้าอ้วนแล้วจะหนาวไม่ได้จะไม่มีแรงไม่ได้เลยอะค่ะ 😅 เราก็เข้าใจในผู้ใหญ่นะคะเพราะสมัยนั้นก็ไม่เหมือนกับสมัยนี้ ถ้าเขาตั้งใจจะรับฟังและค่อยๆปรับก็โอเค แต่ก็จะมีผู้ใหญ่บางประเภทที่ไม่ยอมรับฟังอะไรเลยยยย 😂
คอนเท้นนี้ดีมากค่ะ เปิดมุมมองของGenที่แตกต่างกัน มาคุยกันตรงกลางให้เข้าใจกันมากขึ้น ทำคอนเท้นแนวๆนี้อีกนะคะ
ทำบ่อย ๆ นะครับประเด็นนี้ มันเป็นการอัพเดตเฟิร์มแวร์ของคนวัยผม (ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับคุณโค้ด) เพราะเราจะต้องเจอคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาทำงานกับเราอยู่เรื่อย ๆ ถ้าไม่รู้วิธีที่จะสื่อสาร โอกาสที่เราจะถ่ายทอดความรู้ให้กับพวกเขา ให้ความรู้ทีมีมันพัฒนาไปเรื่อย ๆ มันก็คงจะยากขึ้นมาก ๆ
เจตนา ควรสำคัญ กว่าคำที่พูด ถ้าเราไม่ชอบในสิ่งที่เขาพูด ก็ควรบอกเขาไปตรงๆ ถ้าเขาไม่พูดอีก ก็แสดงว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ อย่าไปคิดว่า เขาควรรู้ซิ แล้วไม่บอก ยิ่งสนิทยิ่งต้องบอกถ้าเราไม่ชอบ คำหลายๆคำ ไม่ใช่ว่าจะพูดได้กับทุกคน แต่ไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับเจตนา ขึ้นอยู่ว่าพูดอยู่กับใคร และวิธีการพูด ถ้าเพื่อนคุณ จากน้ำหนัก60 ขึ้นไป100+ เดินขึ้นชั้นสองก็หอบเหนื่อย น้ำหนักที่เพิ่มมีผลต่อการทำงาน ต่อการใช้ชีวิต แล้วคุณที่เป็นเพื่อนจะเงียบ เพราะเป็นเรื่องของเขาอย่างนั้นเหรอ ที่สำคัญจริงๆคือ ถ้าไม่ชอบที่เขาพูด ก็สามารถบอกเขาไปตรงๆ ถ้าเขาไม่มีเจตนาที่ไม่ดี ก็จะได้คุยกัน และเขาก็คงไม่พูดอีก แต่ถ้าบอกเขาแล้ว เขายังพูดอีก คุณก็สามารถตัดสินใจได้ ที่จะคบกับเขาในแบบไหน หรือไม่คบกับเขาอีก ส่วนคนนอก ถ้าเจ้าตัวคนที่โดนเขาไม่เดือนร้อนกับคำพูดนั้น ก็อย่าไปดราม่าตัดสินคนที่พูด คนโดนเขายังไม่คิดอะไร แล้วคุณเป็นใครถึงจะไปด่าเขา
เรื่องเป็นสิว คือจะมีคนชอบทักว่าหน้าไปทำอะไรมา ทำไมสิวเยอะจัง ทำไมไม่ใช้อันนี้อันนั้น ฮัลโหลถ้ากูรู้ว่าทำไมกูถึงเป็นสิวแล้วกูจะเป็นสิวอยู่มั้ยเอ่ย?งงมากละคือคนที่เป็นสิวคุณไม่คิดว่าเค้าไม่อยากหายหรอถามจริ้งงง หมดเงินไปเป็นหมื่นเป็นแสนแล้วจ้า ละก็คือพยายามค้นหาตัวช่วยอยู่ไม่ได้อยู่เฉยๆเนาะ! ขอใครรู้ก่อนพูดหรือทักคนเป็นสิวนะคะกราบ🙏
ตอนเด็กๆนี่เคยเจอผู้ใหญ่ทักตอนกินข้าว”กินทำไมเยอะแยะ อ้วนแล้ว ตัวโตแล้ว หยุดกินได้แล้ว”เราคือร้องไห้หนักมาก ว่าทำไมต้องมาบอกว่าให้หยุดกิน ทั้งๆที่เราหิวมากๆเลยนะ แม่ก็ปลอบกินเลยลูก ทั้งร้องไห้ทั้งกินข้าว เสียใจมาก
เรื่องเรียนไปทำไม จบมาละจะทำงานอะไรนี่โดนบ่อยมากค่ะ ด้วยความไม่ได้เรียนสายที่จบมาแล้วมีอาชีพรองรับเลยทันที แต่คือค่อนข้างเปิดกว้าง ทำงานได้หลากหลาย แค่ปกติเรียนก็รู้สึกเหนื่อยพอแล้วยิ่งโดนถามจะมีงานทำมั้ยจบอันนี้มายิ่งเครียดกว่าเดิม กดดันตัวเองอีกค่ะ
เราเป็นคนผิวขาว ขอย้ำว่าขาวเพราะเป็นลูกคนจีน แถมไม่ค่อยออกจากบ้าน บางทีเพื่อน คนอื่นจะทักว่า'ป่วย' ไม่ก็'ซีด'เพราะเป็นคนไม่แต่งหน้า สำหรับเราไม่ได้รุนแรงมากก็จริง แต่บางทีมันรำคาญสุดๆ
ก็ต้องปรับ ทำความเข้าใจกันไปนะ แต่อยากให้หนูๆรู้ว่าพวกลุงๆป้าๆก็มีปัญหาเรื่องนี้กับรุ่นตา-ยายเหมือนกัน ก็พอจะเดาได้ว่าเมื่อหนูๆโตขึ้นมาเป็นวัยลุง หนูก็อาจจะมีปัญหากับลูกหลานของหนูเหมือนกัน
ส่วนตัวคิดว่าสิ่งสำคัญคือ สถานะ กับ กาลเทศะ ค่ะ
สถานะ คือดูว่าเราสนิทกับเขามากแค่ไหน หลายๆเรื่องเพื่อนสนิทก็เตือนให้เราดีขึ้นได้ ส่วนครอบครัวบางครั้งเข้าใจว่าเป็นห่วงแต่แนะนำให้ถามเหตุผลหรือคุยกันก่อนจะตัดสิน
ส่วน กาละเทศะ ถ้าคุณไม่สนิทแล้วอยากเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ ก็ควรเลือกสถานที่และเวลาให้เหมาะสม ไม่ใช่เตือนเขาเสียงดังให้ที่สาธารณะ
ส่วนตัวมีพ่อที่เป็นยุค Baby boomer ที่มีความคิดต่างกันมากๆๆๆๆๆ แต่เขามักจะถามเหตุผลจากเราก่อน ตลอดและบอกถึงเหตุผลในเรื่องของเขาเหมือนกัน มันทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นค่ะ
หัวข้อนี้ดีค่ะ อยากบอกว่าคำบางคำ ถ้าเป็นเพื่อนสนิทเราไม่เจ็บ แต่คนอื่นพูดเจ็บ มันคือคนรุ่นเดียวกัน แต่เมื่อเข้าสู่การทำงานหรือสังคมภายนอก คำว่าเพื่อนจะมีหลายวัย กลุ่มสนิทจะมีตั้งแต่อ่อนกว่า เท่ากัน และรุ่นพี่ สนิทกันแค่ไหน มันก็ยังมีคำว่าอาวุโสแฝงอยู่
Contentนี้ดีอะเราชอบ เราอยากเอาไปเปิดให้ญาติๆผู้ใหญ่ในบ้านดูมากอะ เเล้วบ้านเราคือชาวบ้านเเบบดั้งเดิมอะ เราอยากให้เขาได้รู้อะไรกว้างๆมากขึ้น ไม่ใช่ติดเเต่ความคิดเดิมๆ มันไม่สร้างสรรค์เเล้วมันไม่เกิดการพัฒนาอะไรเลย เพราะฉนั้นมาเบิ่งซะ!!! คุณญาติทั้งหลาย
บางคำออกมาแล้วก็ทำให้เสียใจแบบงงๆ มีประโยคที่เหมือนโดนด้อยค่าความสามารถ คือประโยคเราที่พูดเป็นประโยคเดียวกันกับคนอื่น แต่คนรอบข้างเชื่อคนอื่น นี่เสียใจมาก ถึงกับต้องย้อนมาดูตัวเอง
มันน่ารักดีออกนะ คำที่คนเรียก เพราะไปเสพสื่อฝรั่งมากไปเปล่าเลยแบบว่า อย่ามาทักเรื่องอ้วนเรื่องผิวเรื่องผอมบลาๆๆๆนะ มันเวอร์ไปนะฉันว่าสังคมเราควรจะเป็น กตินะ
สิ่งที่เราโดนบ่อยคือ การชมคนอื่นแล้วมากดเรา งงมาก ปกติทนมาตลอดจนครั้งล่าสุดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยร้องไห้ออกมา ไปคุยกับใครมีแต่คนบอกให้ทน เศร้ามากจริงๆ เราไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราต้องทน เวลามันก็พัฒนาไปเรื่อยๆแต่คนไม่ยอมพัฒนาไปด้วย
ยืนยันอีกเสียงค่ะ Content นี้ ดีมากจริงๆ // ที่ทำงานเรา มีปัญหาเรื่องการสื่อสารมากๆค่ะ เพราะหัวหน้า (50+) จะชินกับสั่ง ส่วน newcomers (20-22) แน่นอนว่าสายหัวให้กับคำสั่งค่ะ เวลาประชุมสั่งงาน ไม่เคยได้จบในครั้งเดียวเลยค่ะ คุยกันลำบากมากๆ
จริงๆบางทีมันก็พูดได้นะ แต่มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คำพูด น้ำเสียง เจตนา และตัวบุคคล ถ้าเป็นห่วงจริงๆหรือต้องการจะเตือนจริงๆก็อาจจะคุยกันสองคน หรือใช้คำพูดและน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงจริงๆ เช่น เพื่อนอาจจะลิปติดฟัน อาจจะกระซิบบอกเพื่อนเบาๆก็ได้ ไม่ต้องตะโกนบอก เพื่อนจะได้ไม่อายหรือเสียความมั่นใจ
คอนเท้นดีเลยค่ะพี่โค้ด แต่ขอเพิ่มเติมในส่วนของ “เพศที่สาม” นิดนึงนะคะ อยากให้ใช้คำว่า LGBTQ+ หรือ คนในคอมมู LGBTQ แทนคำว่าเพศที่สามค่ะ เพราะมันไม่มีเพศไหนเป็นเพศที่หนึ่งหรือเพศที่สองค่ะ
คอนเทนท์ดีมากเลยคะพี่โค้ด คำพูดที่ไม่ควรพูดที่หนูไม่ชอบคือ "การเอางานอดิเรกสิ่งที่ชอบไปเปรียบเทียบกับงาน" ไม่ก็ "เอาอะไรที่เป็นของตัวเองไปเทียบกับคนอื่น" ในตัวเป็นคนชอบวาดรูป คอสเพลย์ ฟังเพลงและเต้นCover เป็นบ้างคนยังไม่เข้าใจยุคนี้ เจอในที่ทำงาน ชอบพูดเอางานอดิเรกและสิ่งที่ชอบทำมาเปรียบเทียบกับงาน แบบ "แพ็คของให้สวยกับรูปที่วาดสิ , แรงมีแค่นี้หรอเอาให้เหมือนกับมีแรงเต้นสิ" บ้างคำ "วาดรูปจะไปทำอะไรได้" เป็นคำที่ทำให้หนูดิ่งเรื่องสิ่งที่ชอบไปเลย ที่ทำงานทางบ้านเจอ
เริ่มจาก ครอบครัวเลยนะ เป็นคนที่ตัวใหญ่กระดูกใหญ่ อายุ 19 อาจจะตัวค่อนไปทางใหญ่ ด้วยความที่มีแม่ตัวเล็ก หน้าคล้ายแม่อีก จะโดนชอบบอกว่าเหมือนพี่เหมือนน้อง แม่ตัวเล็กเลย ลูกตัวสหญ่กว่าแม่แล้ว ตรุษจีนนะ เพื่อนพ่อที่ไม่รู้จักไม่สนิท มาบอกว่า ลดนนนะ (ทั้งๆที่ตัวเองตัวใหญ่กว่าเราอีก) มาพูดหรือญาติไรงี้ตัวใหญ่มาจับจับหน้าบอกใหญ่มากเนอะ ลดน้ำหนักสักที ด้วยความที่ลุงป้าที่พูดพวกแกก้ตัวเล็กอ่ะ พ่อแม่อาม่าชอบล้อว่าเป็นหมูตัวใหญ่ เอาเราไปเทียบกับน้าน้องสาวแม่ที่มีลูกสองแล้วบอก ขาใหญ่เท่ากันเลย แล้วพ่อแม่ เวลาเราไม่พอใจเรื่องญาติพูดก้ชอบบอกว่าพวกท่านแซว แซวอะไรอ่ะแซวได้ตลอด ไม่เคยหยุด พวกท่านบางทีเรียกหาความมั่นใจจากเรา เราเป็นคนชอบถ่ายรฟูปนะแต่พอได้นินแบบนี้หลังกลับมาประเทศไทย เราแอนตี้กล้องทุกตัวที่จะมาถ่าย ไม่ว่าจากใครก้ตาม จนพ่อแม่บอกเมื่อไรจะเลิกไม่ยอมถ่ายรูป อยากถามว่าแล้วเมื่อไรจะเลิกแซวเลิกปกป้องคนอื่น เลิกใช้คำว่าบุลลี่ร่างกายไปในทางตลกทั้งที่เรากัจริงจังอยู่ ว่าเราอยู้ตปทเราชอบถ่ายรูป เรามีความมั่นใจมากเลย กลับมาไทยความมั่นใจเราหายหมดเลย พิมด้วยร้องไห้ไปด้วยอยู่ ใครเข้ามาอ่าน ขอบคุณนะคะที่อ่านจนจบ
เคยโดนทักเรื่องพูดภาษาอังกฤษค่ะ จากที่เคยมั้นใจเวลาพูดมันทำให้เราเฟลจนไม่กล้าจะพูด เพราะคนที่พูดแซวเราคือหัวหน้าเรามันก็เลยรู้สึกแย่ค่ะ
อีกอันคือเพื่อนร่วมงาน กับเพื่อนสมัยเรียน ก็ไม่ได้สนิทมาก แต่ชอบมาถามว่ามีผัวยัง เมื่อไหร่มีผัว อันนี้รู้สึกว่ามันเรื่องส่วนตัวจริงๆค่ะ
ชอบแบบนี้นะ ที่เรียกน้องๆมานั่งถามนั่งเล่า ฟังเพลินดี
อันนี้อยากให้มองอีกมุมว่าเพื่อนกันพูดได้ไม่โกรธ การจะโกรธขึ้นอยู่กับใครพูด อันนี้อยากลองแลกเปลี่ยนว่า เพื่อนกันแหละตัวดี เพื่อนกันควรที่จะรู้ว่าเพื่อนชอบหรือชอบมันซัพพอร์ทเพื่อนมั้ย ไม่ใช่เพื่อนกันจะพูดได้ทุกเรื่อง นี่ก็ช้ำใจจากเพื่อนบ่อยๆ
จริงๆ ประเด็นมันอยู่ที่การ Judge ของคนพูดมากกว่านะ ถ้าคนพูดมี mindset ที่ดี เปิดกว้าง ไม่ได้ต้องการ Judge ใครโดยการเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง มันก็จะมีการคิดแล้วว่าเราพูดหรือเราไปยุ่งกับคนๆนั้นได้แค่ไหน แล้วเราสนิทกับคนๆนั้นพอที่จะพูดกับเขาในเรื่องนั้นๆไหม
ชอบคอนเท้นนี้มากเลยค่ะ เป็นการทำความเข้าใจของความต่างเจเนอเรชั่นดี แต่ส่วนตัวเรา เราขอให้คนรุ่นอายุเยอะๆหน่อยไม่ต้องเกร็งหรือกลัวการคุยกับเด็กยุคใหม่นะคะ ขอแค่พูดด้วยความจริงใจ ไม่กดขี่ ทับถมหรือพูดเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ ถ้าเตือน เตือนได้เลยค่ะ ส่วนตัวเรามองเจตนามากกว่าอยู่แล้ว ส่วนเด็กรุ่นใหม่บางคนโอเค วางตัวดี มีกาลเทศะอยู่แล้วก็โอเค แต่บางคนก็เบาๆหน่อย บางอย่างมันไม่สามารถทำอย่างใจคิดได้ทั้งหมด คนเรามันจะต้องปรับจูนกันบ้างไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ต้องทั้งตัวคนอายุเยอะและอายุน้อยกว่าค่า ^^
เราควรใส่ใจกับคำพูดแบบนี้มากขึ้นจริงๆแหละ คอนเท้นนี้คือดีมากนะ
เคยโดนพนักงานห้างที่ดูบัตรปชชเราแล้วทักว่า “โหยพี่เมื่อก่อนพี่ผอมสวยนะ ทำไมอ้วนอ่ะ” คือทักไม่หยุด ย้ำๆ จนต้องถามว่าจะหยุดถามไหมคะ ฉันต้องตอบไงอ่ะ รู้จักกันรึเปล่าก็ไม่ วันนั้นร้องไห้หนักมาก นอยไปเป็นอาทิตย์ เพราะเราเป็น ED ด้วยหลังจากวันนั้นไปก็ทำโทษตัวเองไม่หยุดกว่าจะฟื้นได้ก็นานมาก จากคำพูดของคนที่ไม่รู้จัก1คำอ่ะ
ละก็เคยโดนเพื่อนผู้ชายไม่สนิททักว่า รูปนี้กี่แอพอ่ะ คือจะกี่แอพก็เรื่องของฉันไหมก่อน ค่อจะมาเรียนรู้หรอถึงถามชื่อแอพ งงมาก 55555
เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกควรหยุดทักกันพร่ำเพรื่อได้แล้วอ่ะ บางคนมันรับได้ไม่เหมือนกัน เราไม่รู้หรอกว่าคนนั้นเค้าเคยเจออะไรมาก่อน ทักเรื่อยเปื่อยก็ไม่ได้แล้วอ่า เคยโดนทักทั้ง ไอ้ปลาหมอสี ไอ้เงาะ ไอ้ดำ ไอ้อ้วน ควรพักก่อนนนนน
สิ่งที่ไม่อยากได้ยินเลยสำหรับเราคือ 'ทำไมถึงไม่มีแฟน?' เป็นสิ่งที่เราเจอบ่อยๆและรู้สึกรำคาญมากที่สุด ยิ่งเวลาเจอญาติแบบแทบทุกคนชอบถ่มคำถามนี้จัง อาจจะด้วยอายุของเราก็ขึ้นเลข 3 แล้ว แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่มีความสุขหรือขาดอะไรซักหน่อย
แล้วทุกครั้งมักจะต่อด้วยประโยคที่ว่า 'ชอบอยู่บ้านแบบนี้เลยทำให้ไม่มีแฟน' ไม่ก็ 'ทำไมไม่ลองคุยกับคนนั้นคนนี้ล่ะ' ไม่ก็ 'อายุมากแล้วนะ ถ้าไม่รีบหาก็จะไม่ได้แล้วนะ' ไม่ก็ 'เพราะพ่อแม่หวงไม่มีแฟนสินะ'แบบนี้ แล้วเราก็รู้สึกแบบว่าการที่จะมีหรือไม่มี มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือไง? บางครั้งก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
การที่เราให้คุณค่ากับสิ่งชอบมันคือความสุขของเรา ซึ่งไม่ควรมาตัดสินว่ามันไม่โอเคถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เช่น เราชอบทำเล็บ ก็จะเจอบอกว่าเอาเงินไปกินข้าวดีกว่า, ทำผมใหม่ ก็จะเจอทำทำไมเปลือง /สิ่งที่เราให้คุณค่า อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณให้คุณค่า และสิ่งที่คุณให้คุณค่าก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เราให้คุณค่า ไม่ควรมาตัดสินกัน
อันนี้ดีค่ะ ในความเป็นแม่ ความคิดลูกคืออยากพูดแต่คนอีกเจนคือไม่โอ คนเป็นแม่ไม่เคยกดดัน
อย่างประเด็นเรื่องกินเหล้า คือก็เข้าใจได้ แต่คือในแง่ของความเป็นห่วงมันแบบอ่า เมาแล้วจะกลับยังไง ไปทุกวันเลยนะ เมาแล้วขับรถกลับ(ไม่ดีต่อทุกคนบนท้องถนนเลย) คือมันต้องแยกประเด็นระหว่างความเป็นห่วงกับตีค่าคนให้ต่างกันด้วย ง่ายๆคือต้องเคารพสิทธิ์ของตัวเองและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ใช่ครับ
"ชอบบรรยากาศในวงเหล้า ไม่ได้ชอบกินเหล้า"
เคยเจอเรื่องความเชื่อเหมือนกัน เป็นเรื่องสีมงคลนี้แหละ คือวันนั้นน่าจะเป็นวันสอบมั้งแล้วเราก็อยากจะใส่เสื้อกันหนาว กำไล นาฬิกาสีชมพูงี้ แล้วพอไปถึง รร.เพื่อนก็ทักว่าเฮ้ยวันนี้สีชมพูเป็นสีกาลกิณีนะ จากที่มา รร.ด้วยความมั่นใจพอเจอแบบนี้เซ็งเลย ถ้ามีพูดแค่คนเดียวมันก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอมันมีคนเชื่อสีมงคลหลายๆคนแล้วพูด มันก็รู้สึกเฟลหน่อยๆอะ
ขอเสริมเรื่องรูปร่างอีกนิดนึงนะคะ การทักเรื่องรูปร่างหนูคิดว่าไม่ควรเลยนะคะ ถ้าทักเพราะอยากให้เราดูดีแบบนี้ก็จะกลายบิวตี้สแตนดาร์ดนะคะ ว่าต้องรูปร่างแบบนี้ถึงจะสวย หนูคิดว่าเราทุกคนรู้ตัวเองดีแหละค่ะว่าตอนนี้เราผอมหรืออ้วนกว่าความพอใจของเราหรือเปล่า มันคือร่างกายเรา เพราะงั้นหนูเลยคิดว่าเรื่องรูปร่างถ้าไม่ใช่คนที่สนิทมากๆจริงๆไม่ควรพูดเรื่องนี้เลย
กรณีที่ทักบอกว่าอ้วนขึ้น เพราะใช้บริบทของคำว่าเป็นห่วงเนี่ย จะบอกว่ามันมีวิธีที่สร้างสรรค์ในการแสดงออกถึงความเป็นห่วงหลายวิธีเลยค่ะ เช่น สบายดีมั้ย อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพนะ คือการที่ไปทักเขาว่าอ้วนขึ้นหรอ คนเรามันก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็รู้สึกแย่ บางคนก็ไม่รู้สึก เพราะงั้นถ้าเราเป็นห่วงใคร เราก็ควรทำให้เขารู้สึกดีกับคำว่าห่วงของเราหรือเปล่า
เข้าใจคนรุ่นกลาง หรือวัยกลางคน
*เราพยายามทำความเข้าใจรุ่นหลังและอธิบายให้คนรุ่นหลังเข้าใจรุ่นก่อนและให้คนรุ่นก่อนเข้าใจเด็กรุ่นใหม่*
สรุปไม่มีใครพยายามเข้าใจคนรุ่นกลาง...โดนรุม 555///ทำตัวลำบากไปหมด
คอนเท้นท์ดีมากๆเลยค่ะ
เราเป็นคนขาใหญ่ค่ะ เราโดนพี่กับน้องล้อมาตลอด4ปี ปีแรกที่โดนล้อเราก็เก็บอาการนะไม่ได้ตอบโต้อะไรพอเข้าปีที่2เราเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองแบบขาใหญ่ใส่อะไรก็ไม่สวย ปีที่3เราก็ไม่กล้าออกไปไหนแล้วไม่มั่นใจในตัวเองมากๆๆๆๆ เริ่มปีที่4เราทนไม่ไหวแล้วเราเก็บกดมานานเราก็บอกว่าล้อปมด้อยคนอื่นมันตลกหรอแต่มันก็ไม่สะทกสะท้านพี่กับน้องเราเลยทุกวันนี้ก็ยังโดนอยู่แต่ก็เบาๆลงแล้วบ้าง
พี่โค้ดมีจิตวิทยาดีมากๆ เหมือนเป็น IOS ที่กำลังอัพเดทตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราอยากเป็นให้ได้แบบพี่ คือมีสกิลการสื่อสารที่เป็นเลิศ เป็นคนที่อยู่ที่ไหน ใครก็รักอ่ะ เอาจริงๆ นับถือนิสัยของพี่มากๆ
เห็นด้วยกับไบร์ทมากที่ว่า " เป็นหรือป่าว " ใถามในที่สาธารณะ มันรู้สึกกว่าไรการอบรมผ่านสมอง
มีหลายวิธีมากในการโต้ตอบแบบนี้ ส่วนมากผมจะโต้ตอบแบบสุภาพ คือมองกลับเขาตั้งแต่หัวยันเท้า แล้วก็ทำเสียง "หึ"
ส่วนน้อยที่ผมทำคือ เงียบใส่ แล้วเดินจากไป
อย่างผมเนี้ยชอบเที่ยวคนเดียว ทำอะไรคนเดียวมาก ๆ แล้วมีคนมาแซวเที่ยวคนเดียวไม่มีเพื่อนคบเหรอ ก็เลยตอบไปว่า "เพื่อนสนิทอะมี 6 คนครับ แต่ไม่มีมึงอยู่ในนั้น"
2022 แล้ว เราควรใส่ใจคนอื่นด้วย ไม่ใส่สนใจแค่ความสุขของตัวเอง
13:33 โคตรจริง เจนวายเนี่ยต้องเซิฟทั้งคนแก่ทั้งเด็ก แต่เราก็เข้าใจเด็กมากกว่าอ่ะ
จริงๆสิ่งที่เพื่อนพูดหรือเรียก มันไม่ใช่เราไม่โกรธ แต่เราแค่ลืมครั้งแรกที่เค้าเรียก ชอบแต่แรกเลยจริงดิ แต่ที่ไม่รู้สึกอะไรแล้วเพราะชิน หรือคิดว่าถ้าโกรธเดี๋ยวเพื่อนจะว่าหรือกลัวเพื่อนไม่คบ
จริง ๆ รู้สึกว่าไม่ว่าจะเพื่อนสนิทหรือใครก็ไม่ควรทักอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีอะ ถ้าต้องการเตือนก็อยากให้เตือนเงียบ ๆ เป็นการส่วนตัว อย่างที่พี่โค้ดบอกว่าทักเรื่องกางเกงในโผล่ หรือเรื่องหน้าเทาอะไรแบบนี้คือมันไม่ใช่แค่เจตนาเตือนแล้วอีกฝ่ายจะโอเค แต่ต้องเป็นการเตือนแบบส่วนตัว เงียบ ๆ รู้กันสองคนนะ ถ้าจู่ ๆ พูดขึ้นมาแต่มีคนอื่นได้ยินด้วยมันก็ทำให้อีกฝ่ายอายแล้วเสียความมั่นใจไปเลยเหมือนกัน และก็สร้างความกังวลต่อคนที่โดนทักด้วย แบบจะต้องมานั่งกังวลว่าเห้ย คนที่เค้าได้ยินจะคิดกับเรายังไง เค้าจะตลกเรามั้ย คืออายอะเอาง่ายๆ
ครั้งหนึ่งเริ่มทำงานกับที่ใหม่ แล้วหัวหน้างานที่อายุน้อยกว่าลืมรูดซิบกางเกงแต่เราเห็นและเราเลือกที่จะไม่พูด เพราะเราไม่สนิทกับเขาและแน่นอนว่าถ้าพูดหรือเตือน(แม้จะสองคน)เขาจะต้องอาย เลยให้เขาไปอายกับคนอื่นแทนหรือไม่ก็อายตัวเองตอนกลับบ้านแล้ว
ตอนนี้ผมอยู่ม. 4 เวลาน้องม.หนึ่งมาชวนคุยบางทีก็ไม่รู้เรื่องนะครับ แต่เพราะไม่ได้มองว่าเป็นเด็กแต่เป็นเพื่อนที่ต้องเรียนรู้กันไป ทำให้การเรียนรู้เจ็นแกปสำหรับผมเป็นอะไรที่สนุกดี เพราะขนาดอายุเท่ากันบางทีก็คุยกันไม่เข้าใจเลยก็มี แต่มันก็ทำให้ผมเปิดโลกหลายๆอย่างนะ ทั้งเรื่องเพลงที่สมัยก่อนฟังแต่เพลงลูกกรุง(ยายเปิดให้ฟัง) ก็เริ่มเปิดรับเพลงแนวอื่นมากขึ้นจากที่เพื่อนเราเขาแนะนำมา
ที่อยากจะบอกก็คือการเรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่เข้าใจมันสนุกกว่าที่จะอึดอัดนะครับ
เราคนนึงที่เรียกเพื่อนตามอาชีพค้าขายของที่บ้านนะ
เช่นขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น เรียก "ลูกชิ้น"
ทำโรงน้ำแข็ง เรียก "น้ำแข็ง" หรือ"ไอซ์"
หรือบางคนเรียกตามอัตลักษณ์ จำเพาะของเพื่อน คนๆนั้น
เช่น เจมส์แว่น(ใส่แว่น) เจมส์บึก(ตัวใหญ่) เจมส์เต่า(เป็นคนชอบแบกหนังสือทุกวิชามาเรียนจนกระเป๋าใหญ่แหละหนักมากกก)
เพราะชื่อเพื่อนๆส่วนใหญ่คือซื่อซ้ำมากกกกก
ในตอนนั้นเพื่อนไม่โกรธนะ เพราะเพื่อนเข้าใจไปทางนั้นมากกว่า
สุดท้าย มันก็จะอยู่ที่เจตนา ในการเรียกมากกว่า
เป็นคอนเทนต์ที่ดีมากๆๆๆ ปีนี้มัน 2022 แล้ว คำอะไรที่เป็นคำที่ชี้ประเด็นในเรื่องส่วนตัว ไม่ควรพูด เช่น อ้วนขึ้นไหม / ไปทำไรมา ทำไมผิวเปลี่ยนสี ฯลฯ
สำหรับตัวผมเอง เคยถูกทักแบบนี้ตลอด ส่วนตัวเฉยๆมาก คงเป็นเพราะมันก็เป็นเรื่องจริง และมันก็เป็นเรื่องของเขาที่จะพูด และไม่รู้จะคิดมากไปทำไม เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เรื่องรูปร่างจะมีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผล ไม่ต้องไม่ยุ่งเรื่องรูปร่างคนอื่น ต่อให้สนิทหรือไม่สนิท ทุกคนเค้าส่องกระจก ถ้าเค้ารับตัวเองไม่ได้เดี๋ยวเค้าก็เปลี่ยน ไม่ต้องเอาบรรทัดฐาน ความชอบ รสนิยมตัวเองไปตัดสินคนอื่น ไม่ต้องไปห่วงเค้าเดี๋ยวสุขภาพแย่นู้นนี่ รู้หรอว่าเค้ากินดีมีประโยชน์ เค้าอาจจะดูแลตัวเองมากกว่าคนทักด้วยซ้ำ ไม่ใช่หมอไม่ต้องไปทัก
อยากให้มี content เกี่ยวกับสมรสเท่าเทียม ในช่วงก่อนกม. จะกลับมาเข้าสภาอีกรอบจังค่ะ น่าจะเป็นการช่วยกันขยับความรับรู้ให้สังคมไทยเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงด้านกม. จะช่วยให้LGBTได้รับสิทธิที่ควรได้รับอย่างเป็นรูปธรรม
คอนเท้นน่ารักมาก🥺 บางคนมันปากหอยปากปูจริงๆนะ แค่อยากทักอยากพูดทำไมต้องเลือกคำพูดแย่ๆด้วย พอเราไม่โอเคก็บอกว่าโห่แค่นี้เองเล่นนิดหน่อยไม่ได้เลย พอเราว่ากลับมาทำเป็นหน้าบางทำไมพูดแบบนี้อ่ะ ทีตัวเองทำใส่คนอื่นไม่เห็นหน้าบางแบบนี้เลย ไม่เห็นจะคิดเลยว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง
เราเป็นคนที่ผอมมาก ไม่ใช่ว่าอยากผอม แต่กินอะไรมันก็ไม่อ้วนขึ้น พยายามทุกวิถีทางแล้ว ไม่อยากโดนทักบ่อยๆ มันเหนื่อยที่ต้องตอบคำถามว่า รู้จักหมูกะทะปะ เอาไส้ไปไว้ไหน กินข้าวบ้างปะเนี่ย ลมพัดปลิวแล้วมั้ง ผอมเป็นไม้เสียบผีแล้ว ตอนแรกคือไม่ได้คิดอะไร แต่พอเริ่มหลายๆคนเข้า มันบั่นทอนอ่ะ จะให้ทำยังไง เราพยายามแล้วแต่น้ำหนักก็ไม่ขึ้น
เคยโดนนี่เลยค่ะ
"หนาวหรอ? ฟันออกปากน่ะ" กับ "เก็บฟันหน่อย"
คือเราเป็นคนฟันเหยินก็จริง แต่บางทีกับคนรู้จักและไม่สนิท เราก็รู้สึกไม่มั่นใจตัวเองอีกเลย ไม่กล้าแต่งตัวหรือทำอะไรเลย
คือถามว่าอยากจัดฟันไหม ก็อยาก แต่ว่าหมอบอกว่าเราเป็นคนคางบาง ไม่สามารถจัดเลยได้ ต้องผ่าตัดก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายมันเยอะมากๆเลย
ตอนนี้ก็เลยคิดว่าว่าเราต้องมั่นใจตัวเองให้มากกว่านี้
ส่วนใหญ่ที่ทุกคนโดน เหมือนโดนเรื่อง body shaming ส้ะส่วนใหญ่ทั้งนั้นเลยนะคะ ;-;
เป็นเจน เดียวกับคุณโค้ช เหนื่อยเหมือนกันค่ะ คุยกับเด็กก็ไม่ค่อยเข้าใจ คุยกับผู้ใหญ่เค้าก็กดเราเป็นทาส
คำถามที่ผมเจอเยอะสุดเลย ทำไมไม่ไปเรียนต่อ ตรีให้ จบ คือผมจบได้วุฒิแค่ ปวช เนื่องจาก ปวส เรียนถึง ปี 2 แต่ไม่ได้รับวุฒิเพราะปัญหาการเงิน ณ ตอนนั้น แต่ตอนนี้คือออกมาทำงานฟรีแลนซ์ หาเลี้ยงตัวเอง ครอบครัวได้ เป็นหัวหน้าครอบครัว จ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ก็จะมีคนบางคนที่บอก เนี่ยทำงานแล้ว มีเงินแล้ว ทำไมไม่ไปเรียนให้จบๆ ซึ่งอยากจะบอกว่า ไปเรียน เวลาทำงานก็ลดลง คุณภาพงานก็ต้องลดลงเพราะพรีแลนซ์ งานมันมีตลอด และเวลาทำงานต้องโฟกัสงานมาก เลยรู้ตัวเองดีว่าถ้าเรียน งานไม่รอดแน่ แต่ก็ไม่เข้าใจคนกลุ่มนี้จะทักไรทุกครั้งที่เจอหน้า เราก้ได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ ทั้งที่ในใจอยากจะบอกว่า คุณจะ เผือก ทำไม
มีอีกเรื่องนึงค่ะที่เวลาโดนถามแล้วรู้สึกไม่ดีเลย เช่นนัดกะใครคนนึงไว้ หรือไปเที่ยวที่ไหนมา ละอีกคนที่ไม่ได้นัด หรือไม่ได้ไปกะเราด้วย มันจะมีคนนึงค่ะเข้ามาถามเราจะด้วยอารมณ์ไหนก็แล้วแต่ว่า ‘ทำไมไม่ชวน’ อันนี้คือต้องยังไงอ่ะ ขอโทษ หรือต้องทำหน้ายังไง
นี่พูดในฐานะเด็กรุ่นนี้อีกหนึ่งเสียงนะ คือเรื่องที่เเบบเราไม่ได้เข้ามหาลัยดังๆใน กทม.หรือที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น ส่วนหนึ่งเพราะศก.ช่วงนี้ การเงินอีก ทำให้เเบบทุกวันนี้ตั้งคำถามกับตัวเอง pressure ตัวเองว่าเรียนจบไป ต้องทำอะไร งานอะไรบ้างที่จะรองรับคนที่จบจากมหาลัยนี้ คือไม่ได้จะว่าอะไรเลยนะที่ผู้ใหญ่ทุกคนนะ คนที่เข้าใจเด็กๆก็มี ซึ่งดีมากและขอบคุณมากๆด้วยที่เข้าใจ แต่ว่าเรื่องการศึกษาที่มันยากที่จะเปลี่ยนจริงๆ คืออยากคุณให้ value ทุกมหาลัยในเกณฑ์ที่เท่าๆกันได้มั้ย เพราะมหาลัยดังๆคุณก็มีโควต้าในคนในเขตไปเท่าไหร่เเล้ว ไหนจะค่าเทอมที่ต่าง ถ้าให้ค่าการศึกษาเท่ากันจริงๆ จะไม่มีการเเย่งเข้ามหาลัยดังๆจนเครียดขนาเนี้หรอก ขอบอกผู้ใหญ่สมัยนี้หน่อยนะ คุณไม่ต้อง pressure เราหรอก เท่านี้เรากดกันตัวเองมากพอเเล้ว ✌🏻😭💗