Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
ชอบ ep นี้มาก ไม่คิดว่าจะเปิดมุมมองต่อโลก ต่อชีวิต สังคม เป้าหมาย วิถีปฎิบัติ พร้อมๆกันทุกด้านขนาดนี้ ปกติไม่ชอบดูอะไรซ้ำ แต่ ep นี้อาจต้องซ้ำเพื่อเก็บรายละเอียดจริงๆ
ฟังแบบนี้แล้ว อยากฟัง อ.ตุล สนทนาธรรมกับ อ.เบียร์ มากๆ นักวิชาการ กับ นักปฏิบัติธรรม น่าสนุก
น่าสนุกครับ ชนได้หมด แลกเปลี่ยนกันเพื่อประโยชน์ต่อคนหมู่มาก
เชียจารตุล
แน่นะ😂😂😂
เนื้อหาอ.ตุล แน่นมาก นี่ย้อนมาฟัง เพื่อลำดับความเข้าใจ 4-5 รอบก็ยังไม่เบื่อ ขอบคุณวิทยากรที่มาร่วมรายการท่านนี้ครับ
เป็นชั่วโมงที่คุ้มค่ามาก เปิดมุมมองใหม่ๆของผมเลย แล้วมันทำให้ศรัทธาผมมีต่อพุทธศาสนา มากขึ้นในทางที่ถูกต้อง ถ้ามีโอกาส ผมอยากให้อาจารย์ตุล ได้สนทนากับพระอาจารย์ต้น จารุวัณโณ หรือทีมงานพูดมาก ได้คุยเรื่องพวกนี้กับทีม พุทธเยาวชน น้องวนิ อินพุทธ เมื่อคนมีปัญญา สนทนากัน แบบคนมีปัญญา ใช้เหตุและผลคุยกัน ประโยชน์จะตกแก่ผู้ฟัง แน่นอน ขอบคุณทีมงานทุกคนมาก ที่เปิดโลกทัศน์ เปิดมุมมองใหม่ๆ ขอบคุณครับ🙏🙏🙏
ติดตามอาจารย์อยู่ในมติชนสุดสัปดาห์เสมอครับ ดีทุกบทความ
Very though provoke, Thanks!
สมัยนี้ เรื่องทางโลกให้ไปถามพระ ส่วนเรื่องทางพระให้ไปถามโยม
เออ ! อันนี้ก็น่าคิดเหมือนกันนะ
จารย์ตุล fc มารายงานตัวค่ะ ได้สาระความรู้เเน่นๆอีกเเล้ว ชื่นชมทีมงาน ทีมพิธีกร ทุกคนค่ะ
คลิปนี้ดีมาก อธิบายหลักพุทธศาสนา ได้เข้ากับยุคสมัย คนรุ่นใหม่ฟังเข้าใจง่าย
ฟังจนจบ ได้ทั้งความรู้และความสนุก ส่วน3ข้อสุดท้ายที่อาจารย์เสนอนั้นไม่รู้ยุคพวกเราจะได้เห็นมั้ยหนอ บ้านเมืองเรายามนี้หลายเรื่องรุมเร้าเหลือเกิน ศาสนาต้องรับใช้มนุษย์ทำให้มนุษย์เกิดคุณธรรมเบ่งบานในใจ ไม่ใช่มนุษย์รับใช้ศาสนาทำประหนึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มมาเฟีย ชอบEPนี้ สาธุธรรมครับ
ชอบพาร์ทตอนแรก ในการเล่าประวัติศาสตร์มหายาน กับวิเคราะห์ปรัชญา มากสุด สนุกสุดเป็นความรู้ใหม่ด้วย ส่วนการวิพากษ์พุทธไทย ก็เรื่องเดิมๆที่รู้ๆกันอยู่ น่าเบื่อไปนิส😅
fc อ.ตุล ครับ ฟัง อ. พูดเรื่องศาสนา กับ สังคม ได้มุมมองใหม่ๆทุกครั้ง แทบจะไม่มีเรื่องเก่าๆซ้ำๆเลย
Thanks!
คำถามน่าสนใจและคำตอบก็เข้าใจชัดเจน ขอบคุณทีมงานPud MAAKและอาจารย์ตุล คมกฤช มากครับ🙏🙇♂️
❤❤❤❤❤ ทุกคนมนุษย์สรรพสัตว์ทั้งหมดมีธรรมชาติพุทธะ ในสากลจักรวาล เราปฏิบัติอยู่
เอาจารย์ตุลมาอีกนะครับ ฟังเพลินได้ความรู้ดี
จริงครับ และมหายานไม่ควรมีแค่ 1ep. ต้องมีต่อ
ด้วยความเคารพอาจารย์ อาจารย์ไม่ได้พูดถึงพระปุราณะเถระเมื่อครั้ง ปฐมสังคายนาเลย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก สีลสามัญญตา การเกิดขึ้นของพุทธมหายานถือเป็นการปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพสังคมและวัฒนธรรมในช่วงเวลานั้น ซึ่งมีผลทำให้พุทธศาสนาสามารถเติบโตในภูมิภาคอื่น ๆ อย่างกว้างขวาง ไปถึงอียิปต์ อาจารย์จบปรัชญาหลักแต่อาจารย์ไม้ได้จบพุทธปรัชญาโดยตรง หลายอย่างที่อาจารย์รู้แบบผิวเผินแต่กล้าตีความได้ขนาดนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่อาจารย์ใช้อคติตน และก็การปฏิรูปพระศาสนาเพื่อสู้กับเทวนิยม โดยใช้พุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ขึ้นเป็นพระเจ้าแทนพระเจ้าองค์อื่นอยากให้ทุกคนฟังเพิ่มเติมของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ปราชญ์แห่งพุทธศาสนาในประเทศไทย
สมัยนี้ไม่มีใครเค้าใช้คำว่าหีนยานกันแล้วครับ มันเป็นคำไม่สุภาพ
หมายาน คือสเปสครับ ได้หมด อะไรยังไงก็ได้ รวมหมด หมายถึง เช่น คนที่ไร้อคติ (ส สารมืด)❤😊
ชอบอ.ตุลอธิบายได้เข้าใจง่าย
สวัสดีตำนานยูทูปเบอร์ สายอาหารอ.ตุลย์ (เชฟหมี)
อุตริภงฺโค แกงอ่อมฮาในความลึกของอาจารย์
ฟังอาจารย์อธิบายเรื่องสูญตา นึกถึง บทปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร เข้าใจเลยครับ มีเหมือนไม่มี ไม่มีเหมือนมี
อยากให้อ.ตุล ศึกษา อนุตตรธรรม
ฟ้งเพลืนมาก❤
ชอบมากครับ อธิบายดีมาก ไม่แน่ใจว่าเคยมีคลิปที่ทำรึยัง แต่ในอนาคตอยากให้พูดถึงพวกคริสต์มากครับ แบบโปรเตสแตนท์ ออโทดอกซ์ในเชิงพูดคุย
คลิปนี้ฟังสนุกมากครับ คิดถึงอาจารย์ เคยเรียนคาบวิชาปรัชญากับศาสนาตอนเก็บขาที่อักษรศาสตร์ศิลปากร สิบปีกว่าแล้ว ความรู้ความเข้าใจเรื่องศาสนาต่างๆในโลกทำให้เรามองโลกได้กว้างขึ้นเรียนรู้อยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างเข้าใจครับ
ขอแก้นะครับพุทธศาสนาเรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องอนัตตานะครับแต่คืออริยสัจ 4 อนัตตาเป็นเพียงหนึ่งในเนื้อหาของอริสัจ และจุดมุ่งหมายของพุทธศาสนาก็คือ นิพพาน หรือสูญญตา หรือ อสังขตธรรม นั้นก็คือความว่างนั้น ระบบใหญ่ที่ตถาคตบัญญัติไว้นั้นมีอยู่ 2 ระบบใหญ่ๆ ก็คือ1.อสังขตธรรม2.สังขตธรรมสภาวะที่จะอธิบายอสังขตธรรมก็คือเกิดไม่ปรากฏ เสื่อมไม่ปรากฏ และเมื่อตั้งอยู่ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ คือในระบบนี้จะไม่มีงามไม่งามกว้างเล็กสั้นใหญ่ จึงไม่สามารถจะบัญญัติคำศัพท์ใดๆได้2.สังขตธรรมในการอธิบายสภาวะระบบนี้คือ เกิดปรากฏ เสื่อปรากฏ และเมื่อตั้งอยู่ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ คือเมื่อมีการเกิด ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ และที่สุดของการเปลี่ยนแปรงเรื่อยๆก็คือการดับ ซึ่งก็คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจังคือไม่เที่ยงนั้นคือการเปลี่ยนแปรง เมื่อมีการเปลี่ยนแปรงเรื่อยก็จะมีการดับ นั้นคือทุกขัง และสิ่งใดที่มีการดับ สิ่งนั้นจึงถูกเรียกว่าอนัตตา และสิ่งใดเป็นอนัตตา นั้นไม่ใช่ของเรา นั้นไม่ใช่เป็นเรา นั้นไม่ใช่ตัวตนของเราอย่างที่บอกเมื่อนิพพานนั้นไม่สามารถบัญญัติอะไรได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ถ้าคิดว่ามี มันก็จะเกิดอัตตา นี่คือเห็นผลว่าทำไมธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่อธิบายหรือบัญญัติศัพท์อะไรลงไปในนี่ แต่พระองค์จะสอนให้เรามาเข้าใจระบบ*สังขตธรรม เพื่อให้เข้าใจอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อที่จะละอัตตาในตัว เมื่อละอัตตาความเป็นตัวเราของเราได้ก็จะเข้าสู่นิพพาน หรือสูญญตา หรืออสังขตธรรมนั้นเอง มหายานนั้นเกิดจากผู้ที่ไม่เข้าใจและไม่แย้บคลายในพระธรรมเข้าใจผิดตีความหมายผิด เป็นความคิดที่เจือด้วย โลภะ โทสะ โมหะ ไม่เข้าใจในอริยสัจ จึงบัญญัติอะไรตามใจฉันเข้าไป แต่คำพูดของพระพุทธเจ้านั้น บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง นั้นคือ คำพูดของพระองค์สอดรับไม่ขัดแย้งกัน และพระองค์สามารถกำหนดสมาธิได้ทุกครั้งในการพูดไม่ให้พลาดแม้แต่คำเดียว และคำพูดของพระองค์เป็นอกาลิโกตรงจริงไม่จำกัดด้วยกาลเวลา ตั้งพระองค์ตรัสรู้จนปรินิพพานคำพูดของพระองค์สอดรับเป็นอันนึ่งอันเดียวกัน นี้คือคุณสมบัติของตถาคตที่มีเพียงผู้เดียวแม้อรหันต์ก็ไม่มี นี่คือเหตุผลว่าทำไมไม่ควรตัดหรือเพิ่มสิ่งใดเข้าไปในพระธรรมคำสอนของพระองค์ ขอบคุณที่อ่านครับ
ผมว่าอาจารย์แกก็ไม่ได้พูดผิดอะไรนะะ อริยสัจ 4 มองในแง่นึง มันก็คือส่วนนึงของคอนเซ็ปท์เรื่องอนัตตานั่นละ เพราะทุกอย่างมันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย จะแก้ผลเรื่องใดๆ ก็ต้องไปตัดเหตุของผลนั้นๆ และถ้าพิจารณาให้ลึกกว่านั้น จะมองว่าอนัตตาก็คือเหรียญอีกด้านของเรื่องกรรมก็ได้ ซึ่งเรื่องกรรมนี่ก็เรียกว่าเป็นแก่นของพระพุทธศาสนาเช่นกันดังนั้นผมว่าไม่ว่าจะพูดเรื่องอริยสัจ4 เรื่องอนัตตา หรือเรื่องกรรม มันก็เรื่องเดียวกันทั้งนั้นละ
ถ้าพูดตามบ้านๆก็อาจจะไม่ผิดแต่กับผู้ที่ศึกษาการบอกว่าอริยสัจ4 เป็นหนึ่งในคอนเซ็ปท์ของอนัตตานั้นคือผิดมหันต์นะครับ ต้องบอกว่าอนัตตาเป็นหนึ่งในเนื้อหาของอริยสัจ4 อริยสัจ4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคทุกข์คือ ขันธ์5 แบ่งเป็นรูปนาม คือกายกับใจ หรืออายตนะ6 ซึ่งก็แบ่งเป็นภายนอกภายใน สมุทัย คืออธิบายการเกิดขึ้นแห่งทุกข์ นิโรธ คือการดับไปของทุกข์ มรรคคือวิธีการเดินออกจากทุกข์ เพราะฉะนั้น อนิจจังทุกขัง อนัตตา เป็นการอธิบายเพียง 3 ข้อแรกของอริยสัจ 4 เท่านั้น การที่จะเข้าใจสูญญตาหรือนิพพานนั้น เราต้องมารู้จักอวิชชาก่อน เมื่อไม่รู้จักอวิชชาก็ไม่สามารถจะหลุดออกจากอวิชชาได้ การที่ตถาคตไม่สอนเรื่องสูญญตาเพราะสิ่งนี้คือสภาวะธรรมที่บัญญัติอะไรไม่ได้เพราะไม่มีการเกิดการเสื่อม จึงต้องมารู้เรื่อง อนัตตาก่อน เมื่อรู้ตาม อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ ว่านี่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา จึงจะถอนอุปทานความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนได้ เมื่อไม่มีอุปทานก็ไม่มีภพและชาติ ชราและมรณะและกองทุกข์ทั้งหลายก็จะหมดไป ก็คือการเดินมรรค การที่ผมบอกว่าอริยสัจ4 นั้นสำคัญที่สุดก็เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เองว่า เมื่อมีไฟลุกบนผมศรีษะของเธอ สิ่งที่ต้องกระทำก่อนไม่ใช่การดับไฟบนหัวแต่สิ่งที่ต่องทำก่อนและเร่งด่วนที่สุดคือต้องมารู้อริยสัจ 4 ก่อน ปัญหาหลักๆของศาสนาผมคิดว่าไม่ได้เป็นเพราะคำแปลอาจจะมีส่วนอยู่บ้างแต่ตถาคตก็บอกวิธีตรวจสอบไว้หมดแล้ว แต่ปัญหาหลักๆคือการอธิบายเพิ่มเติมในแต่ละหลักธรรมแบบนี้แหละครับ ว่ากรรมเป็นแบบนี้ๆ เป็นความเห็นของปุถุชนซึ่งเจือไปด้วยความรู้สึกส่วนตัว หรือ โลภะ โทสะ โมหะ คือการคิดเองเออเอง เอามาอธิบายให้ฆารวาสฟังทั้งๆที่ตถาคคก็เรียบเรียงจัดแจ้งมาดีแล้วละเอียดละออจำแนกไว้หมดตามแต่ปัญญาของแต่ละบุคคลจะพึงเข้าใจได้ อย่างเช่นกรรม พระองค์บอกกรรมเกิดขึ้นมาลอยๆโดยปราศจากสาเหตุก็ไม่ใช่ เกิดจากตนเองก็ไม่ใช่เกิดจากผู้อื่นก็ไม่ใช่เกิดจากตรเองและผู้อื่นก็ไม่ใช่ กรรมเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยผัสสะคือ ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบรูปเสียงกลิ่นรสธรรมอารมณ์ จึงเกิดเวทนาคือความรู้สึกสุขทุกเฉยๆ และเป็นเหตุให้เกิดตัณหาคือความอยากและเกิดอุปทาน นี่ก็คือหลักปฏิจจสมุปบาทนั้นเอง เพราะฉะนั้นอริยสัจ4จะเป็นหนึ่งในคอนเซ็ปท์ของอนัตตาไม่ได้นะครับ แต่อนัตตาต้องเป็นนึ่งในคอนเซ็ปท์ของอริยสัจ4 เท่านั้น สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุก สิ่งใดเป็นทุกสิ่งนั้นคืออนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตาสิ่งนั้นไม่ใช่ของเราไม่ใช่เป็นเราไม่ใช่ตัวตนของเรา เมื่อเข้าใจสิ่งนี้แล้วจึงจะเข้าถึงนิพพานหรือสูญญตาได้ อนัตตาเป็นธรรมที่พระองคพูดไว้มาก แต่สิ่งสำคัญจริงๆคือตัวอริยสัจ4 นะครับคือหนทางการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ
เมื่อพูดถึงมหายานแล้วผู้ที่รู้อริยสัจ 4 จะมองว่าเป็นเรื่องละเมอเพ้อพกเท่านั้น กรรมนั่นไม่สามารถที่จะมีใครแก้ให้กันได้เลยต้องปฏิบัติเอาเองเท่านั้นเป็นปัจจัตตังรู้ได้เฉพาะตน เมื่อตนหลุดพ้นไม่ได้จะพาผู้อื่นหลุดพ้นได้อย่างไร สัจธรรมก็ยังคงเป็นสัจธรรมไม่สามารถเปลี่ยนได้ครับ คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา คือการเป็นกฎตายตัวแห่งธรรมดา คือความที่มีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
@@AbCdEfFedabธรรมใดๆ ล้วนเกิดจากเหตุ ไม่ได้เป็นของเรา กล่าวคือจะชี้ให้ว่าธรรมนี้จงเกิดหรือดับไปไม่ได้ เพราะธรรมทั้งหลายจะเกิดหรือดับก็เป็นไปตามเหตุของมันเมือเข้าใจข้อนี้แล้ว จึงเริ่มตระหนักได้ว่า ทุกข์ทั้งหลายนั้นล้วยเกิดแต่เหตุคือ สมุทัย เห็นถึงการดับไปของสมุทัยนั่นคือนิโรธ และดำเนินรอยตามมรรคเพือให้ถึงซึ่งการกำจัดสมุทัยและนำมาซึ่งการดับทุกข์ เพราะมีความเข้าใจในอนัตตาของธรรมจึงนำมาซึ่งเรื่องอริยสัจ 4 ดังนั้นผมจึงกล่าวว่าเรื่องอริยสัจ 4 เป็นหนี่งในคอนเซ็ปท์ของอนัตตา อริยสัจ 4 จะเกิดไม่ได้หากไม่เข้าใจเรื่องอนัตตาและไม่ว่าจะเป็นเรืองหัวข้อใดๆ ในพระพุทธศาสนา ล้วนมาจากความเข้าใจเรื่องอนัตตาหรือธรรมทั้งหลายนั้นเกิดจากเหตุทั้งสิ้น หลักปฏิจจสมุปบาทที่คุณยกมามันเป็นสิ่งที่แตกออกมาจากความเข้าใจเรื่องธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตานั่นแหละ
53:00 อยากได้ Shorts เร้าใจดี
กราบนมัสการศาสนาพุทธมหายานศาสนาพุทธมหายานสอนให้มนุษย์เป็นคนดีศาสนาพุทธมหายานสอนให้บุตรกตัญญูต่อบิดามารดาศาสนาพุทธมหายานสอนให้ลูกศิษย์กตเวทีต่อคุณครูบาอาจารย์กราบสาธุศาสนาพุทธมหายานกราบสาธุศาสนาพุทธมหายานกราบสาธุศาสนาพุทธมหายานอนุรักษ์ดูแลและรักษาวัฒนธรรม ประเพณี เทศกาล ปัจจุบันอายุ ๕๙ ปี.
อาจารย์ตุลคนเดียว อธิบายเรื่องนิกายกระจ่างเข้าใจง่าย มากกว่าพระเปรียญธรรม 9 ประโยค อีก กลายเป็นพระเปรียญธรรม เวลาอธิบายเรื่องนี้จะไม่พูดความจริง จะพูดแค่ว่า นิกายฉันถูกต้องและดีกว่าอ้างโน้นนี้นั้นให้เข้าใจยาก แถมไม่สนับสนุนฆราวาสบรรยายธรรมด้วย🤔
เพราะเปรียญธรรม 9 ประโยค ก็ถูกสร้างขึ้นมาให้รับใช้บริบทที่ศาสนาเราเป็นอยู่หล่ะมั้งครับ
ปธ.๙ ได้เงินนิตยภัตแล้วแทงบอล😅
ประโยค 9 ท่านเน้นเรียนภาษาบาลี เหมือนเราเรียนภาษาอังกฤษ . เอาจริงๆคุณอ่านบาลีต้นฉบับดิ่งตรงกว่าแปลภาษาไทยอีก.
@@jgffj ดู ep นี่รึยังครับ? ก็ bias ตั้งแต่พระไตรปิฏกละไง ยิ่งพุทธในไทยยิ่งหนัก..มันเห็นกับตา เรียน 9 ประโยค ก็คือศึกษาธรรมที่นิกายสืบทอดกันมา เรียนภาษาบาลี-สันสกฤษ ก็เพื่อแปล..native เป็นไทย เรียนยังไงก็ต้องแปล คุณจะไปเข้าใจด้วยความหมายของภาษาเลยได้ไง บริบทสังคมก็ต่างกัน แถมเขียนมาให้ตีความตั้งแต่แรก ผ่านมา 2000 ปี มันจะไปตีความเหมือนกันได้ไง
ชอบแซะจัด ป.ธ.เขาผิดอะไรวะ เขาเรียนเถรวาท เรียนคำสอนศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ถ้าอยากรู้เรื่องมหายานต้องไปถามคนที่จบตรงสายดิวะ
ปิติ ดีใจ'ที่คนรุ่นใหม่ศึกษาในพุทธศาสนา
ครึ่ง ชม หลัง ดุเดือดมากครับ เปิดโลกสุดๆ
ช่วงแรกมีงงๆ นิดหน่อยครับ อาจจะเพราะผมตามไม่ทันเอง 😂 แต่ช่วงกลาง กับท้ายดีมากครับ จารย์ยกตัวอย่างชัดเจน เห็นภาพ ชอบมากครับ
1. ทางลังกาเป็นเถรวาทที่หย่อนๆ เค้ากินเมื้อเย็นได้ ตกดึกยังออกจากวัดได้ บินทบาทก็ใส่รองเท้าได้2. ในไทยมีวัดบ้าน กับวัดป่า วัดป่านี่แหละคือเถรวาทแท้ๆ นับถือระบบครูบา/พระอาจารณ์ แล้วที่สีจีวรของวัดป่าออกแดง เพราะยึดตามสมัยพุทธกาลที่ใช้แก่นจันย้อมสีจีวร
ความจริงแล้วถ้าสังเกตุดีๆนะถึงแม้ว่าพุทธในไทยจะเป็นเถรวาท แต่ในบางพื้นที่ยังมีข้อปฏิบัติแบบมหายาน เช่นในภาคเหนือ อีสานบางพื้นที่ เช่นความเชื่อเรื่องต้นบุญ เรื่องการแต่งกายมีบริขารบางอย่างคล้ายพระมหยานการใส่หมวกหรือหว่อม การที่พระเคร่งๆจะถือไม่กินเนื้อสัตว์ การห้อยประคำถือไม้เท้าของเหล่าครูบา การสวดสังโยชน์ อะไรเหล่านี้
อาจารย์ตุล ทรงแด๊ดดี๊ ขยี้พิมเสน😊😊😊😊 รักและนับถือ
แอบหวังว่าจะได้เห็นอาจารย์ตุล cosplay ครับ 😆😆
เชฟหมี จุ้บๆ❤❤❤
สรุป ความว่างก็คือ "ไม่ต้องไปหาคำตอบ ไม่ต้องเข้าใจ มันก็แค่สิ่งที่เกิดขึ้น" บางที นี่อาจจะเป็นความหมายที่แท้จริงของนิพพานด้วย คือ "ไม่ต้องไปค้นหาหรอกว่าดับสูญตลอดไปหรือคงอยู่ตลอดไป ก็แค่สิ่งที่เกิดขึ้น"
เถราวาทหรือมหายานถึงชอบพูดคำๆหนึ่งคือ ”เช่นนั้นเอง“ ทุกคนพูดคำนี้ได้ แต่ใช่ว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งได้ทุกคน
เข้าใจในสิ่งที่เกิดความดับไปจึงได้ปลง
Fc จารย์ตุล เชฟหมีครับ
❤ขอบคุณ
ได้ความรู้มากครับ🙏🏼
สนุกๆ
ผมตื่นรู้จากรายการนี้1เรื่องที่คุยเรื่องการนิยามเรื่องความรักว่าต้องแบบนั้นแบบนี้ 😅 ผมทำมันอยู่ผมตึงเกินผมทุกข์ใจ!!! หลังจากนี้ผมจะเรียนรู้ใหม่มีความรักที่ค่อยๆเรียนรู้และจะไม่ติดนิยามอะไรมากรอบมัน..ผมกดอยุดวีดีโอแล้วผมรีบมองกลับไปผมมีความรักที่ดีแล้ว!ผมเจอคนที่ดีแล้ว!! ผมจะทำให้ความรักผมดีในแบบที่มีที่เป็น!เท่านั้นจริงๆ!❤
สาธุอธิบายยากเป็นง่ายราบลื่น😊
เอาจริงๆ อยากเห็น เชฟ คุยกับ จาน ดนัย
เป็นเทปที่ดีมาก
ได้รับความรู้มากค่ะ
เชฟหมียังข้อมูลแน่นเช่นเคย!
ชีวิตคือสิ่งต่างๆที่ประกอบกันขึ้นมาไม่เที่ยงปรวนแปรอยู่ตลอดเวลาหาตัวตนที่แท้จริงไม่เจอ เซลล์หนึ่งตายเซลล์หนึ่งเกิดอยู่ตลอดเวลา จิตก็ปรวนแปรตลอดเวลาชีวิตจึงไม่มีอะไรเป็นตัวตนที่แท้จริงมาตั้งแต่เริ่มต้น กายและใจเกิดความรู้สึกสุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ตามเหตุตามปัจจัยอันไม่เที่ยงอันปรวนแปรที่มาประกอบกับกายกับใจในขณะนั้นๆ แล้วปรวนแปรไปตามเหตุุตามปัจจัยที่เข้ามาใหม่ไแเรื่อยๆ กายและใจจึงไม่มีตัวตนที่แท้จริงเลย ผู้สุข ผู้ทุกข์ ผู้ไม่สุขไม่ทุกข์ ที่แท้จริงจึงไม่มี มีแต่สภาวะของเหตุปัจจัยอันไม่เที่ยงอันปรวนแปรที่มาประกอบกับกายกับใจแล้วเปลี่ยนแปลง ปรวนแปรไปตลอดเวลาไม่ใีตรงไหนเลยของกายและใจมี่ไม่เปลี่ยนแปลงและคงอยู่เป็นตัวตนที่แท้จริงได้ เมื่อตัวตนที่แท้จริงไม่มี ตัวเราที่แท้จริงจึงไม่มี ความรู้สึก สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ทางกายทางใจเป็นแค่สภาวะของเหตุปัจจัยอันไม่เทรยงปรวนแปร ทางกายทางใจเท่านั้นเอง ผู้สุข ผู้ทุกข์ ผู้ไม่สุขไม่ทุกข์จึงไม่มี จะเอาส่วนใดของกายของใจ ที่เปลี่ยนแปลงปรวนแปรอยู่ตลอดเวลาที่มาประกอบเป็นกายและใจในขณะนั้นๆ มาเป็นเราได้เล่า เมื่อไม่มีเรามีแค่สภาวะของกายสภาวะของใจอันเปลี่ยนแปลงปรวนแปรอยู่ตลอดเวลา เราจึงไม่มีมาตั้งแต่เริ่มต้น เราสุข เราทุกข์ เราไม่สุขไม่ทุกข์ จึงเป็นความคิดความรู้สึกที่หลงผิดจนเคยชินสะสมมาจนเป็นนิสัย จนเป็นสันดาน สะสมมาจนเป็นสัญชาตญาณ แม้รู้แล้วว่าไม่มีเรายังถอนความหลงผิดลำบากยากมาก ต้องฝึกให้จิตรับรู้อยู่กับร่างกายให้ต่อเนื่องมากๆจนเคยชินเป็นนิสัยเป็นสันดานเป็นสัณชาตญาณ เพราะร่างกายรับรู้ได้ตั้ง5ทางแต่ร่างกายนึกคิดไม่่ได้ ถ้าอยู่กับการรับรู้ทางกายได้ต่อเนื่องความหลงยึดถือผิดๆที่ติดเป็นสัญชาตญานก็จะค่อยๆน้อยลงและหมดไปได้ เมื่อเราไม่มีแล้ว ตัณหาและความรู้สึกติดยึดทุกอย่างก็จะหมดไปหรือดับไปเรียกว่านิพพานแปลว่าดับไม่เหลือ ดับความหลงผิดว่ากายและใจนี้เป็นตัวตที่ 25:34 แท้จริงมาแต่เริ่มต้น ได้หมดสิ้น นิพพานแล้วจะเอาตัวตนที่ไหนมาสูญหรือไม่สูญ เพราะตัวตนไม่มีมาตั้งแแต่เริ่มต้นแล้วจะเอาอะไรมาสูญรึไม่สูญอีกเหมือน ไฟสิ้นเชื้อก็ดับไปเท่านั้นเอง ชีวิตนี้เป็นเพียงปรากฎการณ์ ผสมผสานรวมเข้าไว้ด้วยหลายสิ่ง มิได้เป็นสัตว์บุคคลตัวตนจริง เป็นเพียงสิ่งประกอบกันให้มันเป็น ผู้เป็นทุกข์มีที่ไหนใครเล่าทุกข์ ผู้เป็นสุขมีที่ไหนมองไม่เห็น ผู้เดือดร้อนมีที่ไหนใครเล่าเป็น สิ่งที่เห็นประกอบกันแล้วเป็นเช่นนั้นเอง เช่นนี้เอง.
ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ว่าการไปปฏิบัติธรรมคือการปิดสวิทพอกลับมาบ้านก็เหมือนเดิมอันนี้ไม่ถูกครับคนทึ่พูดแบบนี้แสดงว่าไม่เคยปฏิบัติธรรมหรือไม่ก็ไปแบบไม่คิดจะปฏิบัติ เปรียบเหมือนคนไปเข้าคอร์สอบรมร้อยคนแล้วมีแค่บางคนไม่รู้เรื่องแล้วมาเหมารวมว่าคอร์สอบรมนั้นล้มเหลว มันไม่ถูกต้อง การปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องไปที่วัดแต่การไปฝึกที่วัดกับผู้รู้โดยตรงมันต้องพัฒนาได้เร็วกว่า ตัวผมสมัยก่อนขับรถใจร้อนมากตั้งแต่ปฏิบัติธรรมขับรถใจเย็นขึ้นมากควมคุมอารมณ์ได้ดีมากๆ นิสัยก็เปลี่ยนไปมาก เหมือนเป็นคนละคนกันเลย
ชอบฟัง อ คุลมาก
ชอบตอนนี้
สุญญตา คือความว่างจากการปรารภความมีอยู่ของ "ตัวตน"ปรากฏการณ์ทุกสิ่งทุกอย่าง มีมาจากเหตุปัจจัยองค์ประกอบหลายสิ่งประชุมกันขึ้น หมดเหตุปัจจัยก็ดับไปเปลี่ยนไป ไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอิสระจากเหตุปัจจัย
สาธุครับ เชพหมี
ประเด็นที่ขอแสดงความเห็นเรื่องนิกาย.1. ถ้าถือตามรูปแบบที่ปรากฎ ชาวพุทธแยกนิกายเฉพาะภิกษุ ฆราวาสไม่เกี่ยว2. ถ้าถือตามอุดมคติชีวิต เรื่องอรหันต์ กับ โพธิสัตว์ บอกไม่ได้ว่าใครเป็นมหายานเถรวาท บางครั้งอาจอยู่ในคนๆ เดียวกันนั่นอหละ3. ชาวพุทธแยกเป็นนิกาย เพราะความเห็นเรื่องอุดมคติไม่ตรงกัน แต่ไม่ใช่เรื่องอำนาจการปกครองหรืออำนาจศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่เคยมีการทำสงครามนิกายเหมือหลายศาสนา....เรื่องการปฏิบัติธรรมการเข้าสำนักปฏิบัติในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เหมือนการเข้าค่ายซ้อมจิต ซ้อมธรรมเรื่องใดเรื่องหนึ่ง.เปรียบเทียบ ..เหมือนนักกีฬาเข้าค่ายซ้อม ต้องตัดสิ่งรบกวนออก จากหมดระยะฝึกก็เข้าแข่งขันท่ีต้องเข้าสนามและแก้หัญหาในสนามให้ได้ตามที่ซ้อมนักปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ....สนามธรรมที่แท้จริงของธรรม คือ สังคม
ขอบคุณอาจารย์ตุลมากๆ ค่ะที่มาอธิบายคอนเสปต์มหายานให้เข้าใจง่าย เห็นภาพ ค่อนข้างชอบคอนเสปต์นี้มากกว่าฝั่งเถรวาท อยากลองเข้าวัดมหายานในไทย (ที่ไม่ใช่วัดจีน) ดูบ้าง ไม่รู้มีบ้างไหมหนอ
29:50นึกถึงไอนตื่นธรรมเลย
เรียกเขาว่าไอ ถถถถถถ
การปล่อยวางคือเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง เข้าใจแล้วถึงปล่อยวาง คือฟังแล้วมันคือศาสนากับการเมืองที่ใช้ ศาสนาเป็นเครื่องมือเท่านั่น ไม่ได้เรียนถึงแก่นศาสนาเลย ซึ่งศาสนาพุทธบ้านเราขาดตรงนี้ ขาดความเข้าใจ และพยายามอ้างศาสนามาเป็น ref ในการกระทำของตัวเอง ศาสนาพุทธแบบไทยๆ เลยเป็นแบบทุกวันนี้
อีกมุมนึงผมว่าหลายๆคนเข้าใจแต่ ขาดผู้นำก็เลยต้องทำตามๆเขาไป ไม่กล้าเห็นแย้งเพราะปู่ย่าตาทวดก็ทำกันมาแบบนี้/อีกส่วนหนึ่งก็พวกที่จะเสียผลประโยชน์ถ้าชี้ทางตรงไปที่แก่นศาสนาเลยจริงๆ ขาดรายได้ ขาดคนนับถือ บลาๆๆ
Clip นี้ดีมากก
ขอบคุณครับ
เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งได้ฟัง ep ล่าสุดของ อ.ดนัย ในรายการ myth universe แล้วก็ได้มาฟัง อ.ตุล ในรายการนี้ เห็นว่าส่วนใหญ่เห็นพ้องกัน แต่ก็ยังมีบางจุดที่น่าจะเห็นต่างกันอยู่ แล้วก็ convincing ทั้งคู่ ถ้า 2 คนนี้ได้มาเจอกันน่าจะสนุกนะ
เห็นด้วย..รอชม..ถ้าสอง อาจารย์จะมาพบกัน
#เราไม่ทิ้งกัน 😊
เชฟหมี!
อาจารย์อธิบายให้เข้าใจง่าย พิธีกรทำหน้าที่ได้ดี ไม่พูดแทรก เข้าคำถามถูกจังหวะ แบะเป็นผู้ฟังที่ดีครับ
นึกถึงภาพจิ้นชีฮ่องเต้ เลยครับ
โยมให้ทบทวนเรื่องข้าราการมาบวชนะ ที่จริงในสมัยพุทธกาลมีพวกหนีราชการที่จะต้องไปทำสงครามมาบวชนะ เรื่องเป็นข้าราชการจึงเป็นคนละเรื่องกัน
ตอนบวชอุปสมบทหมู่ของหน่วยงานมีคนมาจากทั่วภาคเหนือตอนบน บวชอยู่วัดเจ้าคณะภาคธรรมยุตภาคเหนือ ท่านให้สวดมนต์ 2 สำเนียงครับ วันนี้สวดสำเนียง+ทำนองไทย จะประกาศก่อนแล้วก็เปลี่ยนโหมดกันอัตโนมัติ ซึ่งปกติจะสวดสำเนียง+ทำนองเหนือเกือบตลอด หลวงที่ที่มาจากพิษณุโลกกับตากไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว ใช้เวลาอาทิตย์กว่าๆแกถึงเริ่มชินสวดตามสำเนียงเหนือได้วัดท้องถิ่นภาึเหนือตอนบนไม่ว่าจะโดนส่วนกลางควบคุมยังไงก็ตามยังเข้มแข็งในท้องถิ่นอยู่คือสวดเหนือทั้งหมด
มหายาน ยานลำใหญ่ ไปด้วยกันหลายๆพรรค เอ๊ย!! หลายๆคน
อยากฟังอาจารย์ดีเบตกับอาจารย์ดนัย คงจะเกิดความรู้น่าดู
สู้ อ ดนัย ไม่ไหวครับ แต่ อ ดนัย แกหนักไปในทางลี้ลับเกิน เอาทุกเม็ด เป็นหนอนตำราของจริง
โห่ อ.ดนัย แกไปถึงขั้นอ่านพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีแล้วมั้ง เห็นแปลบาลีแบบเป๊ะๆๆ เลยแถมอ่านมาแทบจะทุกตำราเลยมั้ง ของมหายาน ของเถรวาท แกอ่านหมดคัมภีร์ลลิตวิสตระ ของมหายาน ที่โคตรเก่า แกยังไปหาอ่านมาได้ 😅
ลองตามต่อเรื่อง ประสงค์พุทธภูมิ ต่อดูครับ
ว้าว อาจารย์ตุลโหมดจริงจัง
เรื่องอุดมการณ์ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ตุลเลยครับ1. เอาจริงๆแล้วนะ ว่าด้วยสภาวะสำหรับคนพุทธจริงๆไม่มีนิกายอยู่แล้ว พุทธก็คือพุทธ ถ้ามีสิ่งเป็นอริยสัจจริง เมื่อไปถูกทางย่อมถึงอริยสัจเดียวกันนั้นครับ ถ้าไปไม่ถึงนั่นอาจต้องสงสัยว่าไปถูกหรือไม่ ?2.ถ้าว่าตามมายาคติหิน-มหา มันเป็นแค่มายาคติครับ ตามทางมายาคติหินยานซึ่งดูเหมือนจะไม่ช่วยก่อนฯ แต่จริงๆก็ช่วยเหลือตามรายได้ครับ มีเยอะแยะที่ช่วยตามรายทางครับ ดังนั้นข้อนี้สำหรับผมมันแค่มายาคติ เพราะการที่คุณจะช่วยใครได้จริง-คุณต้องมีศักยภาพในการช่วย ดังนั้นการมุ่งเอาจะให้ตนรู้แจ้งในส่วนหนึ่งก่อน (เบื้องต้น-ท่ามกลาง-ที่สุดว่ากันไป บางท่านยังไม่บรรลุธรรมแต่ศึกษาปริยัติมาดี-พูดอิงอรรถ, อิงธรรม แล้วโปรดผู้อื่นให้บรรลุธรรมยังมี ) รู้จริงก่อน แล้วจึงช่วยเหลือตามกำลังมันเป็นสิ่งที่เมคเซ็นส์ครับ แต่การพยายามช่วยทั้งที่ตัวเองมืดบอดต่างหากที่เมคนอนเซ็นส์ เหมือนตนว่ายน้ำไม่เป็น จะสักแต่เอาใจที่อยากจะช่วยแล้วโดดลงไปช่วยหรือ ??? ดังนั้นมันมายาคติมาก 3.ศักยภาพการเป็นพุทธะที่ว่าก็ต้องมาดูตามจริงด้วยครับ ว่าอันนี้ตรงความจริงจริงหรือไม่ ? หรือเป็นแค่ความเห็น ? ข้อนี้สำคัญนะครับ เราจะมีเครื่องตรวจสอบสภาวะดังกล่าวอย่างไร ? วิมังสาอย่างไร ? เป็นฐานะที่อาศัยเหตุปัจจัยอะไรไปถึงได้ ? ฯลฯ ( ขอคำตอบด้วยครับ อยากไปแลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์ตุลมากครับ )4.อนัตตา บทว่าโดยย่อว่า " สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ. " ครับ ดังนั้นเป็นธรรมทั้งปวงครับ ไม่ใช่แค่สังขาราครับ5.ส่วนเรื่องนิยามตามมหายานที่อาจารย์ยกมา มันเหมือนคนละโลกกันเลยครับ อันนี้ต้องถกกันดูนะครับ ทั้งความว่าง, สุญญตา แตกต่างอย่างยิ่งครับ แล้วที่ถ้าไม่นิยามจะวิมังสาอย่างไรครับ ? จริงๆนิยามตามคตินั่นคือการพยายามทำ "บัญญัติ" ให้ปรากฏ เพื่อใช้สอดหาปรมัตถ์ เป็นตัวช่วยสังเกตุ, เป็นตัววิมังสา ถ้าขาดสิ่งเหล่าเราจะชัดในอะไรได้หรือครับ ? 6.เรื่องเอานิยามมาพัฒนาอีโก้ อันนี้ผิดทางครับ แท้จริงเอาไว้เป็นตัวช่วยสังเกตุหาปรมัตถ์ เพื่อให้รู้ว่าสภาวะนั้นๆคืออะไร ดังที่ผมได้อธิบายในข้อที่แล้วครับ7.เรื่องที่ว่าของเราจะเอาแต่ตีความตามตัวอักษร อันนี้ไม่ควรสรุปความว่าจะเป็นเช่นนั้นโดยเสมอกันหมดครับ ที่จริงแล้วถ้ามองอย่างเป็นกลางและสืบหาเหตุจริงๆ คงจะเป็นการพยายามให้ตรงที่สุดก่อนตามบทพยัญชนะ แล้วจึงแทงตลอดเพื่อให้หาสภาวะเจอครับ เมื่อเจอแล้วก็เอาตรงนั้นเป็นหัวใจ ( ผมเองก็ไม่เห็นด้วยหลายสิ่งกับ "ผล ที่เกิดและสั่งสมมาจากการแทรกแทรงของรัฐ ตลอดจนอดีตกษัตริย์บางคน"8.
8.จริงๆแนวทางไม่ได้มีแต่สมถะกรรมฐานนะครับ ส่วนหนึ่งอจต.อาจจะติดภาพว่าต้องสมถะเท่านั้น (ซึ่งผมเดาว่าอจต.อาจจะไม่คิดว่าตนเข้าใจอย่างนี้ด้วยซ้ำนะครับ ) ถึงเวลากำหนดเดินจงกลม, ทำสมาธิ, ปิดวาจา ฯลฯ แต่เอาจริงๆเห็นเดินภายนอกอาจจะคล้ายๆกัน แต่อาจกำหนดต่างกันก็ได้ครับ บางคนเดินแต่ดูรูปเดิน บางนึกคำต่างๆ ฯ ซึ่งสำหรับผู้อยู่บนเส้นทางจริงๆท่านก็ใช้ชีวิตตามทางของท่าน โดยมีความรู้ความเข้าใจประกอบร่วมอยู่ตามเหตุปัจจัยครับ บางท่านกำหนดรู้ บางท่านกำหนดเพื่อกดข่ม ฯ นั่นคือไม่ใช่ว่าจะต้องแค่ในห้องภาวนาครับ 9.หน้าที่ของฆราวาทคืออะไร ? คุณมีสิทธิ์ที่จะสงสัยนะ แต่อันนี้ผมก็สงสัยว่าทำไมถึงสงสัยเหมือนกันนะครับ ?? ให้ตอบมันง่ายมาก เรามาเพื่อขวนขวายให้ตนครับ ซึ่งละเอียดไปในเพื่อตนนั้นจะทำให้เกิดเพื่อคนอื่นโดยปริยาย แล้วจะเป็นไปเพื่อความไม่มีโทษในที่สุดไปด้วยครับ เพราะเมื่อจะไม่ให้ตนเดือดร้อน ก็จะไปลดการทำให้คนอื่นเดือดร้อน เป็นปัจจัยอย่างนี้เป็นต้นครับ อีกประการก็หน้าที่ตามพุทธบริษัทธิ์เลยครับ 10.การปล่อยวางไม่ใช่การช่างแม่งในทุกสิ่งครับ ขอชิงสรุปให้ก่อนว่า วางจริงต้องวางโดยแยบคาย ซึ่งวางตามกำลังปัญญา แปลว่านั่นต้องผ่านการประเมิญมาแล้ว วนกลับมาจุดตั้งใหม่ ต้องเข้าใจ "ปล่อยวาง" เสียใหม่ครับ การปล่อยวางไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆโดยไร้เหตุครับ ไม่ใช่ว่าท่องบ่นว่าปล่อยวางๆๆๆแล้วมันจะวางได้ครับ ย่อมมีเหตุปัจจัยให้วางได้จึงพอจะวางได้ครับ การจะมีเหตุปัจจัยนั้นย่อมอาศัยเหตุปัจจัยก่อนๆสืบมาครับ ถ้าคิดเอาผลปลายมาเป็นจุดเริ่มต้นจะเข้าใจผิดก็ไม่แปลกครับ ดังนั้นการปล่อยวางไม่ใช่การช่างแม่งในทุกสิ่งครับ 11.
ดีมากเลยครับ ถ้าเกิดได้แลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์ตูล ...ได้ส่งเสริมเพิ่มความรู้ให้พวกเราได้ประโยชน์ครับ
นาทีที่ 29.00 หน้าพี่เอ๋ นิ้วกลม ลอยมาเลยครับ
มันส์ดี... พุทธไทยเกื้อกูลกับอำนาจข้างบนมาเสมอ... ต้องแยกออกจากอำนาจรัฐ... ✌️
❤❤❤❤❤
เถรวาท = รักษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ตัด ไม่เพิ่ม มหายาน = แนวใหม่ปรับให้เข้ากับยุคสมัย แต่รักษาแก่นเอาไว้
ชอบพุทธแบบมหายาน
@@samartfc2158 ชอบพุทธเเบบเถรวาท
@@ฮิมุระเคนชิน-ท3ข มหายานชอบตรงแม้ตัวเองจะทำบาปแต่ขอให้คนอื่นได้บรรลุ เหมือนตรรกะคนเสียสละอย่างแท้จริง
@@samartfc2158 ใช่แม้เราไม่ได้นับถือพุทธแล้วแต่พอศึกษาคลาสพุทธ เราโคตรชอบเลยแนวทางมหายานเนี่ย แบบนี่มันแนวทางคนเสียสละอย่างแท้จริงต่างกับเถรวาทที่มุ่งมันคนเดียว
เราสามารถเปลี่ยนมานับถือพุทธมหายานได้มั้ยครับ
พิธีกรขวา ถามดีมาก ทำให้สนุก เข้าใจ เกิดการขบคิดพิธีกรกลาง อิหยังวะ นี่ฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่ (หยอกๆ) ช่วยอยู่เป็นเพื่อนผู้ฟัง ให้อุ่นใจ กุมีเพื่อนละ 😂
ต่างคนต่างชอบต่างคนต่างคิด อย่าพยายามเอาความชอบของตัวเองไปยัดให้ันอื่นชอบตาม แล้วบอกความชอบของคนอื่นไม่ดียังงั้นยังงี้ สู้ของเราไม่ได้ ยิ่งฉลาดมาก ยิ่งยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตนมาก แล้วทำให้เกิดความแตกแยกของเขาของเรา ไม่ดีหรอก
จริงเราก็งง ว่านุดสงสัยอะไร คิด>ปรุงแต่งมากเกินธรรมที่ควรรู้และมีคุณแก่ตนไปมั้ย ขอแชร์หน่อยนะ
งงนุดทำไมคิดเกินสิ่งที่เป็นทางตรง นุดมีขนแถวคางดูจะแยกเรื่องและตัวตนได้บ้างนะ เห็นความไม่ยึดติดในกรรม แต่ก็ยังดีกว่าเอาความคิดไปพัวพันกับเรื่องไร้สาระอื่น
ขอบคุณสำหรับสาระในคลิปนี้ครับ ผมได้คำอธิบายและตอบข้อติดขัดย้อนแย้งในหลักศาสนามากมายหลายประเด็นเลยโดยเฉพาะคำพังเพย "ยศช้าง ขุนนางพระ" นี่คือรูปแบบของข้าราชการพระตรงๆเลย
แอดเชิญ อ.เบียร์มาบ้างสิครับ
น่าฟังครับ ผมคิดว่ามหายานมีเสน่ห์ เพราะมีเรื่องเล่า มีพระโพธิสัตว์หลายๆ พระองค์ นำมาร้อยเรียง ผูกกับเทพเจ้าท้องถิ่น เช่น เจ้าแม่กวนอิมกับหงอคง หรืออาจเป็นทางธิเบตก็ได้ แต่งนวนิยายอิงศาสนาได้ คล้ายรหัสลับดาวินซี่ มีเสน่ห์มากๆ ตรงกันข้ามกับเถรวาทดูแล้วเรียบง่าย ไม่มีอะไรเลย (ละวาง, ละเว้น) คนละแบบกัน
พระโพธิสัตว์ ถูกภาษาไทยยกสูงถึงขั้นเรียกพระองค์ แต่ถ้าใช้ภาษาสากล และคำนิยามแบบมหายาน มหาตมะคานธี ก็เป็นโพธิสัตว์ได้ครับ
ศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนครับ😂
วิเคราะห์มหายานแบบญี่ปุ่นหน่อยครับ 🙏
นำเสนอด้วยอคติและถ่วงน้ำหนักการนำเสนอตามกระแสเชิงราบ ไร้เชิงลึกและจุดร่วมที่ดีต่อสังคม
กราบนมัสการองค์หลวงพ่อพระประธานศักดิ์สิทธิ์วัดหนองหว้ากราบนมัสการองค์ผ้าไตรจีวรศักดิ์สิทธิ์วัดหนองหว้ากราบนมัสการตราวัดหนองหว้าศักดิ์สิทธิ์กราบสาธุ ค.ศ.1995 กราบสาธุ ค.ศ.1995กราบสาธุ ค.ศ.1995กราบขอบพระคุณค่ะบรรพบุรุษไทย & บรรพบุรุษเยอรมนี
แก่นแท้ศาสนาพุทธไม่มีคำว่าศักดิ์สิทธิ์หรือ อภินิหาร ครับ..
เป็นอะไรครับ?
ผมคิดเห็นเพิ่มเติมว่า การแก้ปัญหาทางสังคม ความเลื่อมล้ำความยากจน ควรแก้ปัญหาโดยรัฐ ไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบหลักของพระ เข้าใจเรื่องเมตตาใด้เป็นเรื่องน่ายินดี แต่คนที่ผลักดันควรเป็นรัฐ
ท่านอธิบายได้ละเอียดมากแต่กระผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งไม่ทราบว่ายังมีมหากรุณาอยู่จะเรียกว่าสูญญตาได้อย่างไรครับ และพระพุทธเจ้าสอนให้ไม่เกิดแต่ มหายานสอนให้เกิดมาสร้างบารมีเพื่อรื้อขนสัตว์นี่ ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าพุทธศาสนาได้ไหมครับ หรือจะให้เรียกว่าลัทธิดีครับ ขอความรู้ครับผม
หวัดดีฮะเชฟหมี
มหายาน เป็น หนึ่งในทางที่ยืดการนิพพาน ออกไปให้นานขึ้น ซึ่งล่าช้าออกไปอีก หรือที่จริงก็อาจเป็นส่วนช่วยให้มีพระพุทธเจ้าอย่างต่อเนื่องก็ได้ อีกอย่างมหายานมันน่าสนใจ เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงเห็นแสงสี ความทันสมัยก็ว่าโอเครชอบ เพราะทุกคนชอบเชื่อเรื่องเทพ อะไรอยู่แล้ว มันก็สอดรับดี เน้นพระโพธิสัตว์ ไม่เน้นนิพพาน แต่เอาจริงๆ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี จริงๆนั่นแหละ บางอย่าง ต่างมุมคน เคยฟังคนเล่ามาที่มีมหายานเพราะเข้าจีนไม่ได้ มีลังทธิขงจื้ออยู่ เลยต้องพลิกแพง โดยโชว์พลังอรหัน วาดแต่งเรื่องเทพเทวดา ให้คนมาสนใจ พุทธจึงอยู่รอดในแถบจีน กลายเป็นศาสนาหลักถึงตอนนี้ สุดท้ายกรรมใครกรรมมัน ถ้าพิจารณาด้วยตัวเองแล้วอันไหน เป็นที่พึ่งที่ถูกต้องได้ ก็เลือกเอาเอง
พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆมีปฏิทานแรงกล้า เช่นจะสร้างแดนสุขาวดีที่ไม่มีอบาย ยากนักเหมือนตักน้ำในมหาสมุทรแต่ผ่านไปก็ทำได้มีนามว่า พระอมิตาภะพุทธะ
@ คติมีแค่5 คือ สวรรค์ มนุษย์ เปรต เดรัจฉาน สัตว์นรก แดนสุขขาวดีอะไรนั่นถ้ามีจริงก็ยังอยู่ในสวรรค์ แต่ก็เหมือนกับเสพสุข หลงมัวเมา ตายจากสุขาวดีก็ กลับมาเกิด ในคติ5
หีนยาน : ไปคนเดียวอ่ะ มันไปได้ไวมหายาน: เห้ย แต่ไปด้วยกันอ่ะ มันไปได้ไกลนะ
หีนยาน
@biging55 ขอบคุณครับ
สรุปเนื้อหาภายใน 2 บรรทัดที่แท้ 555555
@@petchmay_pamayet เซน นี้ แนวใหนนิ เหมือนจะตัวใครตัวมันเลยน่ะ
ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร...คเต คเต ปารคเต ปารสังคเต โพธิสวาหา
อยากบูชาเชฟหมี ด้วยธูปและเทียนค่ะ อยากทรุดกายลงไหว้ด้วยค่ะ แล้วให้ลูกจ้างที่บ้านรำถวายค่ัะ
เหมือน สุญญตา ของ เชฟ ก็คือสิ่งที่หินยาน มองเรื่อง อนัตตา vs อัตตา
ธรรมกายนี่ได้แนวคิดมหายานมั้ยครับ เห็นจะไปสวรรค์ชั้นดาวดึง เขตวงบุญพิเศษ อะไรกัน และ ธัมชโย ก็บอกตนเป็นต้นธาตุต้นธรรมจะรื้อระบบให้หมดและพาคนไปนิพพานพร้อมๆกัน
😂😂😂😂😂 ลัทธิทัมมี่แอร์ไลน์
มหานิกายครับ แล้วก็ไม่ได้ไปดาวดึงส์ ไปดุสิตบุรี ข้อมูลอย่ามั่วครับ
@@permperm4046 ข้อมูลอาจจะไม่ถูกเรื่อฃชื่อสวรรค์เพราะไม่ได้ไปคลุกคลีกับธรรมกาย แต่ประเด็นที่สำคัญของคำถามนี้ยังอยู่ คือแนวคิดของธรรมกายที่ว่าจะพาคนไปนิพพานพร้อม ๆ กันนั้น ได้แนวคิดมาจากมหายานมั้ยนั้นคือสิ่งที่ต้องการถามและได้รับการวิเคราะห์จากผู้รู้ ส่วนเรื่องที่บอกว่าเป็นมหานิกายในศาสนาพุทธของไทยนี่ใคร ๆ ก็รู้ แต่วิธีการสอนนี่ตรงกับมหานิกายวัดอื่นหรือเปล่าเหอะ
กราบสาธุ กราบสาธุ กราบสาธุ คุณยายเกิด พ.ศ.๒๔๔๓ คุณยายตาย พ.ศ.๒๕๑๒ กราบสาธุมหายาน กราบสาธุมหายาน กราบสาธุมหายาน
อยากให้อาจารย์อธิบายเรื่องความแตกต่างการเวียนว่ายตายเกิดของพุทธศาสนา กับ พราหมณ์ฮินดู
มหายานจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้แต่เพียงหนึ่งก็ไม่ได้
ชอบมหายานก็ตรงนี้นี่แหละ พาสรรพสัตว์ทั้งหมดบรรลุธรรมไปพร้อมกัน เคยดูคลิปไปเที่ยวทิเบต เขาบอกว่าชาวทิเบตเวลาสวดมนต์ จะภาวนาถึงผู้อื่นเสมอ ภาวนาแผ่เมตตาให้สรรพชีวิตอื่น ชาวทิเบตหลายคนจึงเป็นคนที่จิตใจดีมากท่อนที่บอกว่า เราต้องช่วยเหลือคนอื่นก่อนแล้วค่อยช่วยเหลือตัวเองให้บรรลุ คือ บรรลุเป็นพระพุทธเจ้านะครับ หมายถึง เราช่วยคนอื่น เราได้เป็นโพธิสัตว์ เรารู้หลักธรรม เราเผยแผ่ธรรมอันไกล มีใจตั้งมั่นที่จะช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์ และตัวเองก็มีเจตจำนงในการเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แต่ตอนนี้ยังไม่เป็น (อธิบายเผื่อมีคนงงว่า ยังไม่บรรลุแล้วจะพาคนอื่นไปยังไง) ยกตัวอย่างพระอวโลกิเตศวร เป็นโพธิสัตว์ด้านความกรุณา อยากให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์ แล้วหลังจากทุกคนพ้นทุกข์ พระองค์ก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้าต่อจากพระอมิตาภะในพุทธเกษตรมีคนคนนึงที่ดังอยู่ตอนนี้(ไม่รู้ว่าอ้างถึงได้ไหมแต่ผมชอบอาจารย์เขามากเลย) ที่เผยแผ่พระศาสนา ในมหายานก็นับคนแบบเขาว่า พระโพธิสัตว์
เคยมีประสบการณ์ คล้ายแบบนี้ อ่ะครับต้องมาเป็นครู แต่พื้นฐานไม่ดี ก็ฝึกฝนตัวเองสอนคนไปเรื่อย ๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอ่ะครับ
อาจารย์ พูดไปพูดมา นี่ บอกเลยว่า อีกศาสนาหนึ่ง นี่ คือความเท่าเทียมเลยครับข้อกำหนดให้คนในศาสนา ต้องปฏิบัติ แบบเข้มงวดเหมือนกันหมดเลยอ่ะครับ
นาทีที่ 26 คือวางอุเบกขาธรรม ครับ
เมตตาธรรมค้ำจุนโลก แสดงว่าสำคัญกว่าอุเบกขา เป็นเครื่องช่วยให้สัตว์โลกพ้นทุกข์ได้มากกว่าอุเบกขาที่เห็นแก่ตัว
ใช่เชฟหมีไหมครับ คุ้นมาก ตอนยูทูปยุคแรกๆเลย
นี่แหละหัวหน้าเชฟ ครัวกากฯ
มิน่าคุ้นๆ
ชอบ ep นี้มาก ไม่คิดว่าจะเปิดมุมมองต่อโลก ต่อชีวิต สังคม เป้าหมาย วิถีปฎิบัติ พร้อมๆกันทุกด้านขนาดนี้ ปกติไม่ชอบดูอะไรซ้ำ แต่ ep นี้อาจต้องซ้ำเพื่อเก็บรายละเอียดจริงๆ
ฟังแบบนี้แล้ว อยากฟัง อ.ตุล สนทนาธรรมกับ อ.เบียร์ มากๆ นักวิชาการ กับ นักปฏิบัติธรรม น่าสนุก
น่าสนุกครับ ชนได้หมด แลกเปลี่ยนกันเพื่อประโยชน์ต่อคนหมู่มาก
เชียจารตุล
แน่นะ😂😂😂
เนื้อหาอ.ตุล แน่นมาก นี่ย้อนมาฟัง เพื่อลำดับความเข้าใจ 4-5 รอบก็ยังไม่เบื่อ
ขอบคุณวิทยากรที่มาร่วมรายการท่านนี้ครับ
เป็นชั่วโมงที่คุ้มค่ามาก เปิดมุมมองใหม่ๆของผมเลย แล้วมันทำให้ศรัทธาผมมีต่อพุทธศาสนา มากขึ้นในทางที่ถูกต้อง ถ้ามีโอกาส ผมอยากให้อาจารย์ตุล ได้สนทนากับพระอาจารย์ต้น จารุวัณโณ หรือทีมงานพูดมาก ได้คุยเรื่องพวกนี้กับทีม พุทธเยาวชน น้องวนิ อินพุทธ เมื่อคนมีปัญญา สนทนากัน แบบคนมีปัญญา ใช้เหตุและผลคุยกัน ประโยชน์จะตกแก่ผู้ฟัง แน่นอน ขอบคุณทีมงานทุกคนมาก ที่เปิดโลกทัศน์ เปิดมุมมองใหม่ๆ
ขอบคุณครับ🙏🙏🙏
ติดตามอาจารย์อยู่ในมติชนสุดสัปดาห์เสมอครับ ดีทุกบทความ
Very though provoke, Thanks!
สมัยนี้ เรื่องทางโลกให้ไปถามพระ ส่วนเรื่องทางพระให้ไปถามโยม
เออ ! อันนี้ก็น่าคิดเหมือนกันนะ
จารย์ตุล fc มารายงานตัวค่ะ ได้สาระความรู้เเน่นๆอีกเเล้ว ชื่นชมทีมงาน ทีมพิธีกร ทุกคนค่ะ
คลิปนี้ดีมาก อธิบายหลักพุทธศาสนา ได้เข้ากับยุคสมัย คนรุ่นใหม่ฟังเข้าใจง่าย
ฟังจนจบ ได้ทั้งความรู้และความสนุก ส่วน3ข้อสุดท้ายที่อาจารย์เสนอนั้นไม่รู้ยุคพวกเราจะได้เห็นมั้ยหนอ บ้านเมืองเรายามนี้หลายเรื่องรุมเร้าเหลือเกิน ศาสนาต้องรับใช้มนุษย์ทำให้มนุษย์เกิดคุณธรรมเบ่งบานในใจ ไม่ใช่มนุษย์รับใช้ศาสนาทำประหนึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มมาเฟีย ชอบEPนี้ สาธุธรรมครับ
ชอบพาร์ทตอนแรก ในการเล่าประวัติศาสตร์มหายาน กับวิเคราะห์ปรัชญา มากสุด สนุกสุดเป็นความรู้ใหม่ด้วย ส่วนการวิพากษ์พุทธไทย ก็เรื่องเดิมๆที่รู้ๆกันอยู่ น่าเบื่อไปนิส😅
fc อ.ตุล ครับ ฟัง อ. พูดเรื่องศาสนา กับ สังคม ได้มุมมองใหม่ๆทุกครั้ง แทบจะไม่มีเรื่องเก่าๆซ้ำๆเลย
Thanks!
คำถามน่าสนใจและคำตอบก็เข้าใจชัดเจน ขอบคุณทีมงานPud MAAKและอาจารย์ตุล คมกฤช มากครับ🙏🙇♂️
❤❤❤❤❤ ทุกคนมนุษย์สรรพสัตว์ทั้งหมดมีธรรมชาติพุทธะ ในสากลจักรวาล เราปฏิบัติอยู่
เอาจารย์ตุลมาอีกนะครับ ฟังเพลินได้ความรู้ดี
จริงครับ และมหายานไม่ควรมีแค่ 1ep. ต้องมีต่อ
ด้วยความเคารพอาจารย์ อาจารย์ไม่ได้พูดถึงพระปุราณะเถระเมื่อครั้ง ปฐมสังคายนาเลย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก สีลสามัญญตา
การเกิดขึ้นของพุทธมหายานถือเป็นการปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพสังคมและวัฒนธรรมในช่วงเวลานั้น ซึ่งมีผลทำให้พุทธศาสนาสามารถเติบโตในภูมิภาคอื่น ๆ อย่างกว้างขวาง ไปถึงอียิปต์ อาจารย์จบปรัชญาหลักแต่อาจารย์ไม้ได้จบพุทธปรัชญาโดยตรง หลายอย่างที่อาจารย์รู้แบบผิวเผินแต่กล้าตีความได้ขนาดนี้
ยังมีอีกหลายเรื่องที่อาจารย์ใช้อคติตน
และก็การปฏิรูปพระศาสนาเพื่อสู้กับเทวนิยม โดยใช้พุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ขึ้นเป็นพระเจ้าแทนพระเจ้าองค์อื่น
อยากให้ทุกคนฟังเพิ่มเติมของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ปราชญ์แห่งพุทธศาสนาในประเทศไทย
สมัยนี้ไม่มีใครเค้าใช้คำว่าหีนยานกันแล้วครับ มันเป็นคำไม่สุภาพ
หมายาน คือสเปสครับ ได้หมด อะไรยังไงก็ได้ รวมหมด หมายถึง เช่น คนที่ไร้อคติ (ส สารมืด)❤😊
ชอบอ.ตุลอธิบายได้เข้าใจง่าย
สวัสดีตำนานยูทูปเบอร์ สายอาหาร
อ.ตุลย์ (เชฟหมี)
อุตริภงฺโค แกงอ่อมฮาในความลึกของอาจารย์
ฟังอาจารย์อธิบายเรื่องสูญตา นึกถึง บทปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร เข้าใจเลยครับ มีเหมือนไม่มี ไม่มีเหมือนมี
อยากให้อ.ตุล ศึกษา อนุตตรธรรม
ฟ้งเพลืนมาก❤
ชอบมากครับ อธิบายดีมาก ไม่แน่ใจว่าเคยมีคลิปที่ทำรึยัง แต่ในอนาคตอยากให้พูดถึงพวกคริสต์มากครับ แบบโปรเตสแตนท์ ออโทดอกซ์ในเชิงพูดคุย
คลิปนี้ฟังสนุกมากครับ คิดถึงอาจารย์ เคยเรียนคาบวิชาปรัชญากับศาสนาตอนเก็บขาที่อักษรศาสตร์ศิลปากร สิบปีกว่าแล้ว ความรู้ความเข้าใจเรื่องศาสนาต่างๆในโลกทำให้เรามองโลกได้กว้างขึ้นเรียนรู้อยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างเข้าใจครับ
ขอแก้นะครับพุทธศาสนาเรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องอนัตตานะครับแต่คืออริยสัจ 4 อนัตตาเป็นเพียงหนึ่งในเนื้อหาของอริสัจ
และจุดมุ่งหมายของพุทธศาสนาก็คือ นิพพาน หรือสูญญตา หรือ อสังขตธรรม นั้นก็คือความว่างนั้น
ระบบใหญ่ที่ตถาคตบัญญัติไว้นั้นมีอยู่ 2 ระบบใหญ่ๆ ก็คือ
1.อสังขตธรรม
2.สังขตธรรม
สภาวะที่จะอธิบายอสังขตธรรมก็คือ
เกิดไม่ปรากฏ เสื่อมไม่ปรากฏ และเมื่อตั้งอยู่ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ
คือในระบบนี้จะไม่มีงามไม่งามกว้างเล็กสั้นใหญ่ จึงไม่สามารถจะบัญญัติคำศัพท์ใดๆได้
2.สังขตธรรม
ในการอธิบายสภาวะระบบนี้คือ
เกิดปรากฏ เสื่อปรากฏ และเมื่อตั้งอยู่ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ
คือเมื่อมีการเกิด ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ และที่สุดของการเปลี่ยนแปรงเรื่อยๆก็คือการดับ ซึ่งก็คือ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
อนิจจังคือไม่เที่ยงนั้นคือการเปลี่ยนแปรง เมื่อมีการเปลี่ยนแปรงเรื่อยก็จะมีการดับ นั้นคือทุกขัง และสิ่งใดที่มีการดับ สิ่งนั้นจึงถูกเรียกว่าอนัตตา และสิ่งใดเป็นอนัตตา
นั้นไม่ใช่ของเรา
นั้นไม่ใช่เป็นเรา
นั้นไม่ใช่ตัวตนของเรา
อย่างที่บอกเมื่อนิพพานนั้นไม่สามารถบัญญัติอะไรได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ถ้าคิดว่ามี มันก็จะเกิดอัตตา นี่คือเห็นผลว่าทำไมธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่อธิบายหรือบัญญัติศัพท์อะไรลงไปในนี่ แต่พระองค์จะสอนให้เรามาเข้าใจระบบ*สังขตธรรม เพื่อให้เข้าใจอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อที่จะละอัตตาในตัว เมื่อละอัตตาความเป็นตัวเราของเราได้ก็จะเข้าสู่นิพพาน หรือสูญญตา หรืออสังขตธรรมนั้นเอง
มหายานนั้นเกิดจากผู้ที่ไม่เข้าใจและไม่แย้บคลายในพระธรรมเข้าใจผิดตีความหมายผิด เป็นความคิดที่เจือด้วย โลภะ โทสะ โมหะ ไม่เข้าใจในอริยสัจ จึงบัญญัติอะไรตามใจฉันเข้าไป แต่คำพูดของพระพุทธเจ้านั้น บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง นั้นคือ คำพูดของพระองค์สอดรับไม่ขัดแย้งกัน และพระองค์สามารถกำหนดสมาธิได้ทุกครั้งในการพูดไม่ให้พลาดแม้แต่คำเดียว และคำพูดของพระองค์เป็นอกาลิโกตรงจริงไม่จำกัดด้วยกาลเวลา ตั้งพระองค์ตรัสรู้จนปรินิพพานคำพูดของพระองค์สอดรับเป็นอันนึ่งอันเดียวกัน นี้คือคุณสมบัติของตถาคตที่มีเพียงผู้เดียวแม้อรหันต์ก็ไม่มี นี่คือเหตุผลว่าทำไมไม่ควรตัดหรือเพิ่มสิ่งใดเข้าไปในพระธรรมคำสอนของพระองค์ ขอบคุณที่อ่านครับ
ผมว่าอาจารย์แกก็ไม่ได้พูดผิดอะไรนะะ อริยสัจ 4 มองในแง่นึง มันก็คือส่วนนึงของคอนเซ็ปท์เรื่องอนัตตานั่นละ เพราะทุกอย่างมันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย จะแก้ผลเรื่องใดๆ ก็ต้องไปตัดเหตุของผลนั้นๆ และถ้าพิจารณาให้ลึกกว่านั้น จะมองว่าอนัตตาก็คือเหรียญอีกด้านของเรื่องกรรมก็ได้ ซึ่งเรื่องกรรมนี่ก็เรียกว่าเป็นแก่นของพระพุทธศาสนาเช่นกัน
ดังนั้นผมว่าไม่ว่าจะพูดเรื่องอริยสัจ4 เรื่องอนัตตา หรือเรื่องกรรม มันก็เรื่องเดียวกันทั้งนั้นละ
ถ้าพูดตามบ้านๆก็อาจจะไม่ผิดแต่กับผู้ที่ศึกษาการบอกว่าอริยสัจ4 เป็นหนึ่งในคอนเซ็ปท์ของอนัตตานั้นคือผิดมหันต์นะครับ ต้องบอกว่าอนัตตาเป็นหนึ่งในเนื้อหาของอริยสัจ4
อริยสัจ4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ทุกข์คือ ขันธ์5 แบ่งเป็นรูปนาม คือกายกับใจ หรืออายตนะ6 ซึ่งก็แบ่งเป็นภายนอกภายใน สมุทัย คืออธิบายการเกิดขึ้นแห่งทุกข์ นิโรธ คือการดับไปของทุกข์ มรรคคือวิธีการเดินออกจากทุกข์ เพราะฉะนั้น อนิจจังทุกขัง อนัตตา เป็นการอธิบายเพียง 3 ข้อแรกของอริยสัจ 4 เท่านั้น การที่จะเข้าใจสูญญตาหรือนิพพานนั้น เราต้องมารู้จักอวิชชาก่อน เมื่อไม่รู้จักอวิชชาก็ไม่สามารถจะหลุดออกจากอวิชชาได้ การที่ตถาคตไม่สอนเรื่องสูญญตาเพราะสิ่งนี้คือสภาวะธรรมที่บัญญัติอะไรไม่ได้เพราะไม่มีการเกิดการเสื่อม จึงต้องมารู้เรื่อง อนัตตาก่อน เมื่อรู้ตาม อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ ว่านี่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา จึงจะถอนอุปทานความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนได้ เมื่อไม่มีอุปทานก็ไม่มีภพและชาติ ชราและมรณะและกองทุกข์ทั้งหลายก็จะหมดไป ก็คือการเดินมรรค การที่ผมบอกว่าอริยสัจ4 นั้นสำคัญที่สุดก็เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เองว่า เมื่อมีไฟลุกบนผมศรีษะของเธอ สิ่งที่ต้องกระทำก่อนไม่ใช่การดับไฟบนหัวแต่สิ่งที่ต่องทำก่อนและเร่งด่วนที่สุดคือต้องมารู้อริยสัจ 4 ก่อน ปัญหาหลักๆของศาสนาผมคิดว่าไม่ได้เป็นเพราะคำแปลอาจจะมีส่วนอยู่บ้างแต่ตถาคตก็บอกวิธีตรวจสอบไว้หมดแล้ว แต่ปัญหาหลักๆคือการอธิบายเพิ่มเติมในแต่ละหลักธรรมแบบนี้แหละครับ ว่ากรรมเป็นแบบนี้ๆ เป็นความเห็นของปุถุชนซึ่งเจือไปด้วยความรู้สึกส่วนตัว หรือ โลภะ โทสะ โมหะ คือการคิดเองเออเอง เอามาอธิบายให้ฆารวาสฟังทั้งๆที่ตถาคคก็เรียบเรียงจัดแจ้งมาดีแล้วละเอียดละออจำแนกไว้หมดตามแต่ปัญญาของแต่ละบุคคลจะพึงเข้าใจได้ อย่างเช่นกรรม พระองค์บอกกรรมเกิดขึ้นมาลอยๆโดยปราศจากสาเหตุก็ไม่ใช่ เกิดจากตนเองก็ไม่ใช่เกิดจากผู้อื่นก็ไม่ใช่เกิดจากตรเองและผู้อื่นก็ไม่ใช่ กรรมเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยผัสสะคือ ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบรูปเสียงกลิ่นรสธรรมอารมณ์ จึงเกิดเวทนาคือความรู้สึกสุขทุกเฉยๆ และเป็นเหตุให้เกิดตัณหาคือความอยากและเกิดอุปทาน นี่ก็คือหลักปฏิจจสมุปบาทนั้นเอง เพราะฉะนั้นอริยสัจ4จะเป็นหนึ่งในคอนเซ็ปท์ของอนัตตาไม่ได้นะครับ แต่อนัตตาต้องเป็นนึ่งในคอนเซ็ปท์ของอริยสัจ4 เท่านั้น สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุก สิ่งใดเป็นทุกสิ่งนั้นคืออนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตาสิ่งนั้นไม่ใช่ของเราไม่ใช่เป็นเราไม่ใช่ตัวตนของเรา เมื่อเข้าใจสิ่งนี้แล้วจึงจะเข้าถึงนิพพานหรือสูญญตาได้ อนัตตาเป็นธรรมที่พระองคพูดไว้มาก แต่สิ่งสำคัญจริงๆคือตัวอริยสัจ4 นะครับคือหนทางการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ
เมื่อพูดถึงมหายานแล้วผู้ที่รู้อริยสัจ 4 จะมองว่าเป็นเรื่องละเมอเพ้อพกเท่านั้น กรรมนั่นไม่สามารถที่จะมีใครแก้ให้กันได้เลยต้องปฏิบัติเอาเองเท่านั้นเป็นปัจจัตตังรู้ได้เฉพาะตน เมื่อตนหลุดพ้นไม่ได้จะพาผู้อื่นหลุดพ้นได้อย่างไร สัจธรรมก็ยังคงเป็นสัจธรรมไม่สามารถเปลี่ยนได้ครับ คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา คือการเป็นกฎตายตัวแห่งธรรมดา คือความที่มีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
@@AbCdEfFedabธรรมใดๆ ล้วนเกิดจากเหตุ ไม่ได้เป็นของเรา กล่าวคือจะชี้ให้ว่าธรรมนี้จงเกิดหรือดับไปไม่ได้ เพราะธรรมทั้งหลายจะเกิดหรือดับก็เป็นไปตามเหตุของมัน
เมือเข้าใจข้อนี้แล้ว จึงเริ่มตระหนักได้ว่า ทุกข์ทั้งหลายนั้นล้วยเกิดแต่เหตุคือ สมุทัย เห็นถึงการดับไปของสมุทัยนั่นคือนิโรธ และดำเนินรอยตามมรรคเพือให้ถึงซึ่งการกำจัดสมุทัยและนำมาซึ่งการดับทุกข์ เพราะมีความเข้าใจในอนัตตาของธรรมจึงนำมาซึ่งเรื่องอริยสัจ 4 ดังนั้นผมจึงกล่าวว่าเรื่องอริยสัจ 4 เป็นหนี่งในคอนเซ็ปท์ของอนัตตา อริยสัจ 4 จะเกิดไม่ได้หากไม่เข้าใจเรื่องอนัตตา
และไม่ว่าจะเป็นเรืองหัวข้อใดๆ ในพระพุทธศาสนา ล้วนมาจากความเข้าใจเรื่องอนัตตาหรือธรรมทั้งหลายนั้นเกิดจากเหตุทั้งสิ้น หลักปฏิจจสมุปบาทที่คุณยกมามันเป็นสิ่งที่แตกออกมาจากความเข้าใจเรื่องธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตานั่นแหละ
53:00 อยากได้ Shorts เร้าใจดี
กราบนมัสการศาสนาพุทธมหายาน
ศาสนาพุทธมหายานสอนให้มนุษย์เป็นคนดี
ศาสนาพุทธมหายานสอนให้บุตรกตัญญูต่อบิดามารดา
ศาสนาพุทธมหายานสอนให้ลูกศิษย์กตเวทีต่อคุณครูบาอาจารย์
กราบสาธุศาสนาพุทธมหายาน
กราบสาธุศาสนาพุทธมหายาน
กราบสาธุศาสนาพุทธมหายาน
อนุรักษ์ดูแลและรักษาวัฒนธรรม ประเพณี เทศกาล ปัจจุบันอายุ ๕๙ ปี.
อาจารย์ตุลคนเดียว อธิบายเรื่องนิกายกระจ่างเข้าใจง่าย มากกว่าพระเปรียญธรรม 9 ประโยค อีก กลายเป็นพระเปรียญธรรม เวลาอธิบายเรื่องนี้จะไม่พูดความจริง จะพูดแค่ว่า นิกายฉันถูกต้องและดีกว่าอ้างโน้นนี้นั้นให้เข้าใจยาก แถมไม่สนับสนุนฆราวาสบรรยายธรรมด้วย🤔
เพราะเปรียญธรรม 9 ประโยค ก็ถูกสร้างขึ้นมาให้รับใช้บริบทที่ศาสนาเราเป็นอยู่หล่ะมั้งครับ
ปธ.๙ ได้เงินนิตยภัตแล้วแทงบอล😅
ประโยค 9 ท่านเน้นเรียนภาษาบาลี เหมือนเราเรียนภาษาอังกฤษ . เอาจริงๆคุณอ่านบาลีต้นฉบับดิ่งตรงกว่าแปลภาษาไทยอีก.
@@jgffj ดู ep นี่รึยังครับ? ก็ bias ตั้งแต่พระไตรปิฏกละไง ยิ่งพุทธในไทยยิ่งหนัก..มันเห็นกับตา เรียน 9 ประโยค ก็คือศึกษาธรรมที่นิกายสืบทอดกันมา เรียนภาษาบาลี-สันสกฤษ ก็เพื่อแปล..native เป็นไทย เรียนยังไงก็ต้องแปล คุณจะไปเข้าใจด้วยความหมายของภาษาเลยได้ไง บริบทสังคมก็ต่างกัน แถมเขียนมาให้ตีความตั้งแต่แรก ผ่านมา 2000 ปี มันจะไปตีความเหมือนกันได้ไง
ชอบแซะจัด ป.ธ.เขาผิดอะไรวะ เขาเรียนเถรวาท เรียนคำสอนศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ถ้าอยากรู้เรื่องมหายานต้องไปถามคนที่จบตรงสายดิวะ
ปิติ ดีใจ'ที่คนรุ่นใหม่ศึกษาในพุทธศาสนา
ครึ่ง ชม หลัง ดุเดือดมากครับ เปิดโลกสุดๆ
ช่วงแรกมีงงๆ นิดหน่อยครับ อาจจะเพราะผมตามไม่ทันเอง 😂 แต่ช่วงกลาง กับท้ายดีมากครับ จารย์ยกตัวอย่างชัดเจน เห็นภาพ ชอบมากครับ
1. ทางลังกาเป็นเถรวาทที่หย่อนๆ เค้ากินเมื้อเย็นได้ ตกดึกยังออกจากวัดได้ บินทบาทก็ใส่รองเท้าได้
2. ในไทยมีวัดบ้าน กับวัดป่า วัดป่านี่แหละคือเถรวาทแท้ๆ นับถือระบบครูบา/พระอาจารณ์ แล้วที่สีจีวรของวัดป่าออกแดง เพราะยึดตามสมัยพุทธกาลที่ใช้แก่นจันย้อมสีจีวร
ความจริงแล้วถ้าสังเกตุดีๆนะถึงแม้ว่าพุทธในไทยจะเป็นเถรวาท แต่ในบางพื้นที่ยังมีข้อปฏิบัติแบบมหายาน เช่นในภาคเหนือ อีสานบางพื้นที่ เช่นความเชื่อเรื่องต้นบุญ เรื่องการแต่งกายมีบริขารบางอย่างคล้ายพระมหยานการใส่หมวกหรือหว่อม การที่พระเคร่งๆจะถือไม่กินเนื้อสัตว์ การห้อยประคำถือไม้เท้าของเหล่าครูบา การสวดสังโยชน์ อะไรเหล่านี้
อาจารย์ตุล ทรงแด๊ดดี๊ ขยี้พิมเสน😊😊😊😊 รักและนับถือ
แอบหวังว่าจะได้เห็นอาจารย์ตุล cosplay ครับ 😆😆
เชฟหมี จุ้บๆ❤❤❤
สรุป ความว่างก็คือ "ไม่ต้องไปหาคำตอบ ไม่ต้องเข้าใจ มันก็แค่สิ่งที่เกิดขึ้น" บางที นี่อาจจะเป็นความหมายที่แท้จริงของนิพพานด้วย คือ "ไม่ต้องไปค้นหาหรอกว่าดับสูญตลอดไปหรือคงอยู่ตลอดไป ก็แค่สิ่งที่เกิดขึ้น"
เถราวาทหรือมหายานถึงชอบพูดคำๆหนึ่งคือ ”เช่นนั้นเอง“ ทุกคนพูดคำนี้ได้ แต่ใช่ว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งได้ทุกคน
เข้าใจในสิ่งที่เกิดความดับไปจึงได้ปลง
Fc จารย์ตุล เชฟหมีครับ
❤ขอบคุณ
ได้ความรู้มากครับ🙏🏼
สนุกๆ
ผมตื่นรู้จากรายการนี้1เรื่องที่คุยเรื่องการนิยามเรื่องความรักว่าต้องแบบนั้นแบบนี้ 😅 ผมทำมันอยู่ผมตึงเกินผมทุกข์ใจ!!! หลังจากนี้ผมจะเรียนรู้ใหม่มีความรักที่ค่อยๆเรียนรู้และจะไม่ติดนิยามอะไรมากรอบมัน..ผมกดอยุดวีดีโอแล้วผมรีบมองกลับไปผมมีความรักที่ดีแล้ว!ผมเจอคนที่ดีแล้ว!! ผมจะทำให้ความรักผมดีในแบบที่มีที่เป็น!เท่านั้นจริงๆ!❤
สาธุอธิบายยากเป็นง่ายราบลื่น😊
เอาจริงๆ อยากเห็น เชฟ คุยกับ จาน ดนัย
เป็นเทปที่ดีมาก
ได้รับความรู้มากค่ะ
เชฟหมียังข้อมูลแน่นเช่นเคย!
ชีวิตคือสิ่งต่างๆที่ประกอบกันขึ้นมาไม่เที่ยงปรวนแปรอยู่ตลอดเวลาหาตัวตนที่แท้จริงไม่เจอ เซลล์หนึ่งตายเซลล์หนึ่งเกิดอยู่ตลอดเวลา จิตก็ปรวนแปรตลอดเวลาชีวิตจึงไม่มีอะไรเป็นตัวตนที่แท้จริงมาตั้งแต่เริ่มต้น กายและใจเกิดความรู้สึกสุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ตามเหตุตามปัจจัยอันไม่เที่ยงอันปรวนแปรที่มาประกอบกับกายกับใจในขณะนั้นๆ แล้วปรวนแปรไปตามเหตุุตามปัจจัยที่เข้ามาใหม่ไแเรื่อยๆ กายและใจจึงไม่มีตัวตนที่แท้จริงเลย ผู้สุข ผู้ทุกข์ ผู้ไม่สุขไม่ทุกข์ ที่แท้จริงจึงไม่มี มีแต่สภาวะของเหตุปัจจัยอันไม่เที่ยงอันปรวนแปรที่มาประกอบกับกายกับใจแล้วเปลี่ยนแปลง ปรวนแปรไปตลอดเวลาไม่ใีตรงไหนเลยของกายและใจมี่ไม่เปลี่ยนแปลงและคงอยู่เป็นตัวตนที่แท้จริงได้ เมื่อตัวตนที่แท้จริงไม่มี ตัวเราที่แท้จริงจึงไม่มี ความรู้สึก สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ทางกายทางใจเป็นแค่สภาวะของเหตุปัจจัยอันไม่เทรยงปรวนแปร ทางกายทางใจเท่านั้นเอง ผู้สุข ผู้ทุกข์ ผู้ไม่สุขไม่ทุกข์จึงไม่มี จะเอาส่วนใดของกายของใจ ที่เปลี่ยนแปลงปรวนแปรอยู่ตลอดเวลาที่มาประกอบเป็นกายและใจในขณะนั้นๆ มาเป็นเราได้เล่า เมื่อไม่มีเรามีแค่สภาวะของกายสภาวะของใจอันเปลี่ยนแปลงปรวนแปรอยู่ตลอดเวลา เราจึงไม่มีมาตั้งแต่เริ่มต้น เราสุข เราทุกข์ เราไม่สุขไม่ทุกข์ จึงเป็นความคิดความรู้สึกที่หลงผิดจนเคยชินสะสมมาจนเป็นนิสัย จนเป็นสันดาน สะสมมาจนเป็นสัญชาตญาณ แม้รู้แล้วว่าไม่มีเรายังถอนความหลงผิดลำบากยากมาก ต้องฝึกให้จิตรับรู้อยู่กับร่างกายให้ต่อเนื่องมากๆจนเคยชินเป็นนิสัยเป็นสันดานเป็นสัณชาตญาณ เพราะร่างกายรับรู้ได้ตั้ง5ทางแต่ร่างกายนึกคิดไม่่ได้ ถ้าอยู่กับการรับรู้ทางกายได้ต่อเนื่องความหลงยึดถือผิดๆที่ติดเป็นสัญชาตญานก็จะค่อยๆน้อยลงและหมดไปได้ เมื่อเราไม่มีแล้ว ตัณหาและความรู้สึกติดยึดทุกอย่างก็จะหมดไปหรือดับไปเรียกว่านิพพานแปลว่าดับไม่เหลือ ดับความหลงผิดว่ากายและใจนี้เป็นตัวตที่ 25:34 แท้จริงมาแต่เริ่มต้น ได้หมดสิ้น นิพพานแล้วจะเอาตัวตนที่ไหนมาสูญหรือไม่สูญ เพราะตัวตนไม่มีมาตั้งแแต่เริ่มต้นแล้วจะเอาอะไรมาสูญรึไม่สูญอีกเหมือน ไฟสิ้นเชื้อก็ดับไปเท่านั้นเอง ชีวิตนี้เป็นเพียงปรากฎการณ์ ผสมผสานรวมเข้าไว้ด้วยหลายสิ่ง มิได้เป็นสัตว์บุคคลตัวตนจริง เป็นเพียงสิ่งประกอบกันให้มันเป็น ผู้เป็นทุกข์มีที่ไหนใครเล่าทุกข์ ผู้เป็นสุขมีที่ไหนมองไม่เห็น ผู้เดือดร้อนมีที่ไหนใครเล่าเป็น สิ่งที่เห็นประกอบกันแล้วเป็นเช่นนั้นเอง เช่นนี้เอง.
ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ว่าการไปปฏิบัติธรรมคือการปิดสวิทพอกลับมาบ้านก็เหมือนเดิมอันนี้ไม่ถูกครับคนทึ่พูดแบบนี้แสดงว่าไม่เคยปฏิบัติธรรมหรือไม่ก็ไปแบบไม่คิดจะปฏิบัติ เปรียบเหมือนคนไปเข้าคอร์สอบรมร้อยคนแล้วมีแค่บางคนไม่รู้เรื่องแล้วมาเหมารวมว่าคอร์สอบรมนั้นล้มเหลว มันไม่ถูกต้อง การปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องไปที่วัดแต่การไปฝึกที่วัดกับผู้รู้โดยตรงมันต้องพัฒนาได้เร็วกว่า ตัวผมสมัยก่อนขับรถใจร้อนมากตั้งแต่ปฏิบัติธรรมขับรถใจเย็นขึ้นมากควมคุมอารมณ์ได้ดีมากๆ นิสัยก็เปลี่ยนไปมาก เหมือนเป็นคนละคนกันเลย
ชอบฟัง อ คุลมาก
ชอบตอนนี้
สุญญตา คือความว่างจากการปรารภความมีอยู่ของ "ตัวตน"
ปรากฏการณ์ทุกสิ่งทุกอย่าง มีมาจากเหตุปัจจัยองค์ประกอบหลายสิ่งประชุมกันขึ้น หมดเหตุปัจจัยก็ดับไปเปลี่ยนไป ไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอิสระจากเหตุปัจจัย
สาธุครับ เชพหมี
ประเด็นที่ขอแสดงความเห็น
เรื่องนิกาย.
1. ถ้าถือตามรูปแบบที่ปรากฎ ชาวพุทธแยกนิกายเฉพาะภิกษุ ฆราวาสไม่เกี่ยว
2. ถ้าถือตามอุดมคติชีวิต เรื่องอรหันต์ กับ โพธิสัตว์ บอกไม่ได้ว่าใครเป็นมหายานเถรวาท บางครั้งอาจอยู่ในคนๆ เดียวกันนั่นอหละ
3. ชาวพุทธแยกเป็นนิกาย เพราะความเห็นเรื่องอุดมคติไม่ตรงกัน แต่ไม่ใช่เรื่องอำนาจการปกครองหรืออำนาจศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่เคยมีการทำสงครามนิกายเหมือหลายศาสนา.
...
เรื่องการปฏิบัติธรรม
การเข้าสำนักปฏิบัติในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เหมือนการเข้าค่ายซ้อมจิต ซ้อมธรรมเรื่องใดเรื่องหนึ่ง.
เปรียบเทียบ ..เหมือนนักกีฬาเข้าค่ายซ้อม ต้องตัดสิ่งรบกวนออก จากหมดระยะฝึกก็เข้าแข่งขันท่ีต้องเข้าสนามและแก้หัญหาในสนามให้ได้ตามที่ซ้อม
นักปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ....สนามธรรมที่แท้จริงของธรรม คือ สังคม
ขอบคุณอาจารย์ตุลมากๆ ค่ะที่มาอธิบายคอนเสปต์มหายานให้เข้าใจง่าย เห็นภาพ ค่อนข้างชอบคอนเสปต์นี้มากกว่าฝั่งเถรวาท อยากลองเข้าวัดมหายานในไทย (ที่ไม่ใช่วัดจีน) ดูบ้าง ไม่รู้มีบ้างไหมหนอ
29:50นึกถึงไอนตื่นธรรมเลย
เรียกเขาว่าไอ ถถถถถถ
การปล่อยวางคือเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง เข้าใจแล้วถึงปล่อยวาง คือฟังแล้วมันคือศาสนากับการเมืองที่ใช้ ศาสนาเป็นเครื่องมือเท่านั่น ไม่ได้เรียนถึงแก่นศาสนาเลย ซึ่งศาสนาพุทธบ้านเราขาดตรงนี้ ขาดความเข้าใจ และพยายามอ้างศาสนามาเป็น ref ในการกระทำของตัวเอง ศาสนาพุทธแบบไทยๆ เลยเป็นแบบทุกวันนี้
อีกมุมนึงผมว่าหลายๆคนเข้าใจแต่ ขาดผู้นำก็เลยต้องทำตามๆเขาไป ไม่กล้าเห็นแย้งเพราะปู่ย่าตาทวดก็ทำกันมาแบบนี้/อีกส่วนหนึ่งก็พวกที่จะเสียผลประโยชน์ถ้าชี้ทางตรงไปที่แก่นศาสนาเลยจริงๆ ขาดรายได้ ขาดคนนับถือ บลาๆๆ
Clip นี้ดีมากก
ขอบคุณครับ
เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งได้ฟัง ep ล่าสุดของ อ.ดนัย ในรายการ myth universe แล้วก็ได้มาฟัง อ.ตุล ในรายการนี้ เห็นว่าส่วนใหญ่เห็นพ้องกัน แต่ก็ยังมีบางจุดที่น่าจะเห็นต่างกันอยู่ แล้วก็ convincing ทั้งคู่ ถ้า 2 คนนี้ได้มาเจอกันน่าจะสนุกนะ
เห็นด้วย..รอชม..ถ้าสอง อาจารย์จะมาพบกัน
#เราไม่ทิ้งกัน 😊
เชฟหมี!
อาจารย์อธิบายให้เข้าใจง่าย พิธีกรทำหน้าที่ได้ดี ไม่พูดแทรก เข้าคำถามถูกจังหวะ แบะเป็นผู้ฟังที่ดีครับ
นึกถึงภาพจิ้นชีฮ่องเต้ เลยครับ
โยมให้ทบทวนเรื่องข้าราการมาบวชนะ ที่จริงในสมัยพุทธกาลมีพวกหนีราชการที่จะต้องไปทำสงครามมาบวชนะ เรื่องเป็นข้าราชการจึงเป็นคนละเรื่องกัน
ตอนบวชอุปสมบทหมู่ของหน่วยงานมีคนมาจากทั่วภาคเหนือตอนบน บวชอยู่วัดเจ้าคณะภาคธรรมยุตภาคเหนือ ท่านให้สวดมนต์ 2 สำเนียงครับ วันนี้สวดสำเนียง+ทำนองไทย จะประกาศก่อนแล้วก็เปลี่ยนโหมดกันอัตโนมัติ ซึ่งปกติจะสวดสำเนียง+ทำนองเหนือเกือบตลอด หลวงที่ที่มาจากพิษณุโลกกับตากไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว ใช้เวลาอาทิตย์กว่าๆแกถึงเริ่มชินสวดตามสำเนียงเหนือได้
วัดท้องถิ่นภาึเหนือตอนบนไม่ว่าจะโดนส่วนกลางควบคุมยังไงก็ตามยังเข้มแข็งในท้องถิ่นอยู่คือสวดเหนือทั้งหมด
มหายาน ยานลำใหญ่ ไปด้วยกันหลายๆพรรค เอ๊ย!! หลายๆคน
อยากฟังอาจารย์ดีเบตกับอาจารย์ดนัย คงจะเกิดความรู้น่าดู
สู้ อ ดนัย ไม่ไหวครับ แต่ อ ดนัย แกหนักไปในทางลี้ลับเกิน เอาทุกเม็ด เป็นหนอนตำราของจริง
โห่ อ.ดนัย แกไปถึงขั้นอ่านพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีแล้วมั้ง เห็นแปลบาลีแบบเป๊ะๆๆ เลย
แถมอ่านมาแทบจะทุกตำราเลยมั้ง
ของมหายาน ของเถรวาท แกอ่านหมด
คัมภีร์ลลิตวิสตระ ของมหายาน ที่โคตรเก่า แกยังไปหาอ่านมาได้ 😅
ลองตามต่อเรื่อง ประสงค์พุทธภูมิ ต่อดูครับ
ว้าว อาจารย์ตุลโหมดจริงจัง
เรื่องอุดมการณ์ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ตุลเลยครับ
1. เอาจริงๆแล้วนะ ว่าด้วยสภาวะสำหรับคนพุทธจริงๆไม่มีนิกายอยู่แล้ว พุทธก็คือพุทธ ถ้ามีสิ่งเป็นอริยสัจจริง เมื่อไปถูกทางย่อมถึงอริยสัจเดียวกันนั้นครับ ถ้าไปไม่ถึงนั่นอาจต้องสงสัยว่าไปถูกหรือไม่ ?
2.ถ้าว่าตามมายาคติหิน-มหา มันเป็นแค่มายาคติครับ ตามทางมายาคติหินยานซึ่งดูเหมือนจะไม่ช่วยก่อนฯ แต่จริงๆก็ช่วยเหลือตามรายได้ครับ มีเยอะแยะที่ช่วยตามรายทางครับ ดังนั้นข้อนี้สำหรับผมมันแค่มายาคติ เพราะการที่คุณจะช่วยใครได้จริง-คุณต้องมีศักยภาพในการช่วย ดังนั้นการมุ่งเอาจะให้ตนรู้แจ้งในส่วนหนึ่งก่อน (เบื้องต้น-ท่ามกลาง-ที่สุดว่ากันไป บางท่านยังไม่บรรลุธรรมแต่ศึกษาปริยัติมาดี-พูดอิงอรรถ, อิงธรรม แล้วโปรดผู้อื่นให้บรรลุธรรมยังมี ) รู้จริงก่อน แล้วจึงช่วยเหลือตามกำลังมันเป็นสิ่งที่เมคเซ็นส์ครับ แต่การพยายามช่วยทั้งที่ตัวเองมืดบอดต่างหากที่เมคนอนเซ็นส์ เหมือนตนว่ายน้ำไม่เป็น จะสักแต่เอาใจที่อยากจะช่วยแล้วโดดลงไปช่วยหรือ ??? ดังนั้นมันมายาคติมาก
3.ศักยภาพการเป็นพุทธะที่ว่าก็ต้องมาดูตามจริงด้วยครับ ว่าอันนี้ตรงความจริงจริงหรือไม่ ? หรือเป็นแค่ความเห็น ? ข้อนี้สำคัญนะครับ เราจะมีเครื่องตรวจสอบสภาวะดังกล่าวอย่างไร ? วิมังสาอย่างไร ? เป็นฐานะที่อาศัยเหตุปัจจัยอะไรไปถึงได้ ? ฯลฯ ( ขอคำตอบด้วยครับ อยากไปแลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์ตุลมากครับ )
4.อนัตตา บทว่าโดยย่อว่า " สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ. " ครับ ดังนั้นเป็นธรรมทั้งปวงครับ ไม่ใช่แค่สังขาราครับ
5.ส่วนเรื่องนิยามตามมหายานที่อาจารย์ยกมา มันเหมือนคนละโลกกันเลยครับ อันนี้ต้องถกกันดูนะครับ ทั้งความว่าง, สุญญตา แตกต่างอย่างยิ่งครับ แล้วที่ถ้าไม่นิยามจะวิมังสาอย่างไรครับ ? จริงๆนิยามตามคตินั่นคือการพยายามทำ "บัญญัติ" ให้ปรากฏ เพื่อใช้สอดหาปรมัตถ์ เป็นตัวช่วยสังเกตุ, เป็นตัววิมังสา ถ้าขาดสิ่งเหล่าเราจะชัดในอะไรได้หรือครับ ?
6.เรื่องเอานิยามมาพัฒนาอีโก้ อันนี้ผิดทางครับ แท้จริงเอาไว้เป็นตัวช่วยสังเกตุหาปรมัตถ์ เพื่อให้รู้ว่าสภาวะนั้นๆคืออะไร ดังที่ผมได้อธิบายในข้อที่แล้วครับ
7.เรื่องที่ว่าของเราจะเอาแต่ตีความตามตัวอักษร อันนี้ไม่ควรสรุปความว่าจะเป็นเช่นนั้นโดยเสมอกันหมดครับ ที่จริงแล้วถ้ามองอย่างเป็นกลางและสืบหาเหตุจริงๆ คงจะเป็นการพยายามให้ตรงที่สุดก่อนตามบทพยัญชนะ แล้วจึงแทงตลอดเพื่อให้หาสภาวะเจอครับ เมื่อเจอแล้วก็เอาตรงนั้นเป็นหัวใจ ( ผมเองก็ไม่เห็นด้วยหลายสิ่งกับ "ผล ที่เกิดและสั่งสมมาจากการแทรกแทรงของรัฐ ตลอดจนอดีตกษัตริย์บางคน"
8.
8.จริงๆแนวทางไม่ได้มีแต่สมถะกรรมฐานนะครับ ส่วนหนึ่งอจต.อาจจะติดภาพว่าต้องสมถะเท่านั้น (ซึ่งผมเดาว่าอจต.อาจจะไม่คิดว่าตนเข้าใจอย่างนี้ด้วยซ้ำนะครับ ) ถึงเวลากำหนดเดินจงกลม, ทำสมาธิ, ปิดวาจา ฯลฯ แต่เอาจริงๆเห็นเดินภายนอกอาจจะคล้ายๆกัน แต่อาจกำหนดต่างกันก็ได้ครับ บางคนเดินแต่ดูรูปเดิน บางนึกคำต่างๆ ฯ ซึ่งสำหรับผู้อยู่บนเส้นทางจริงๆท่านก็ใช้ชีวิตตามทางของท่าน โดยมีความรู้ความเข้าใจประกอบร่วมอยู่ตามเหตุปัจจัยครับ บางท่านกำหนดรู้ บางท่านกำหนดเพื่อกดข่ม ฯ นั่นคือไม่ใช่ว่าจะต้องแค่ในห้องภาวนาครับ
9.หน้าที่ของฆราวาทคืออะไร ? คุณมีสิทธิ์ที่จะสงสัยนะ แต่อันนี้ผมก็สงสัยว่าทำไมถึงสงสัยเหมือนกันนะครับ ?? ให้ตอบมันง่ายมาก เรามาเพื่อขวนขวายให้ตนครับ ซึ่งละเอียดไปในเพื่อตนนั้นจะทำให้เกิดเพื่อคนอื่นโดยปริยาย แล้วจะเป็นไปเพื่อความไม่มีโทษในที่สุดไปด้วยครับ เพราะเมื่อจะไม่ให้ตนเดือดร้อน ก็จะไปลดการทำให้คนอื่นเดือดร้อน เป็นปัจจัยอย่างนี้เป็นต้นครับ อีกประการก็หน้าที่ตามพุทธบริษัทธิ์เลยครับ
10.การปล่อยวางไม่ใช่การช่างแม่งในทุกสิ่งครับ ขอชิงสรุปให้ก่อนว่า วางจริงต้องวางโดยแยบคาย ซึ่งวางตามกำลังปัญญา แปลว่านั่นต้องผ่านการประเมิญมาแล้ว วนกลับมาจุดตั้งใหม่ ต้องเข้าใจ "ปล่อยวาง" เสียใหม่ครับ การปล่อยวางไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆโดยไร้เหตุครับ ไม่ใช่ว่าท่องบ่นว่าปล่อยวางๆๆๆแล้วมันจะวางได้ครับ ย่อมมีเหตุปัจจัยให้วางได้จึงพอจะวางได้ครับ การจะมีเหตุปัจจัยนั้นย่อมอาศัยเหตุปัจจัยก่อนๆสืบมาครับ ถ้าคิดเอาผลปลายมาเป็นจุดเริ่มต้นจะเข้าใจผิดก็ไม่แปลกครับ ดังนั้นการปล่อยวางไม่ใช่การช่างแม่งในทุกสิ่งครับ
11.
ดีมากเลยครับ ถ้าเกิดได้แลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์ตูล ...ได้ส่งเสริมเพิ่มความรู้ให้พวกเราได้ประโยชน์ครับ
นาทีที่ 29.00 หน้าพี่เอ๋ นิ้วกลม ลอยมาเลยครับ
มันส์ดี... พุทธไทยเกื้อกูลกับอำนาจข้างบนมาเสมอ... ต้องแยกออกจากอำนาจรัฐ... ✌️
❤❤❤❤❤
เถรวาท = รักษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ตัด ไม่เพิ่ม มหายาน = แนวใหม่ปรับให้เข้ากับยุคสมัย แต่รักษาแก่นเอาไว้
ชอบพุทธแบบมหายาน
@@samartfc2158 ชอบพุทธเเบบเถรวาท
@@ฮิมุระเคนชิน-ท3ข มหายานชอบตรงแม้ตัวเองจะทำบาปแต่ขอให้คนอื่นได้บรรลุ เหมือนตรรกะคนเสียสละอย่างแท้จริง
@@samartfc2158 ใช่แม้เราไม่ได้นับถือพุทธแล้วแต่พอศึกษาคลาสพุทธ เราโคตรชอบเลยแนวทางมหายานเนี่ย แบบนี่มันแนวทางคนเสียสละอย่างแท้จริงต่างกับเถรวาทที่มุ่งมันคนเดียว
เราสามารถเปลี่ยนมานับถือพุทธมหายานได้มั้ยครับ
พิธีกรขวา ถามดีมาก ทำให้สนุก เข้าใจ เกิดการขบคิด
พิธีกรกลาง อิหยังวะ นี่ฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่ (หยอกๆ) ช่วยอยู่เป็นเพื่อนผู้ฟัง ให้อุ่นใจ กุมีเพื่อนละ 😂
ต่างคนต่างชอบต่างคนต่างคิด อย่าพยายามเอาความชอบของตัวเองไปยัดให้ันอื่นชอบตาม แล้วบอกความชอบของคนอื่นไม่ดียังงั้นยังงี้ สู้ของเราไม่ได้ ยิ่งฉลาดมาก ยิ่งยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตนมาก แล้วทำให้เกิดความแตกแยกของเขาของเรา ไม่ดีหรอก
จริงเราก็งง ว่านุดสงสัยอะไร คิด>ปรุงแต่งมากเกินธรรมที่ควรรู้และมีคุณแก่ตนไปมั้ย ขอแชร์หน่อยนะ
งงนุดทำไมคิดเกินสิ่งที่เป็นทางตรง นุดมีขนแถวคางดูจะแยกเรื่องและตัวตนได้บ้างนะ เห็นความไม่ยึดติดในกรรม แต่ก็ยังดีกว่าเอาความคิดไปพัวพันกับเรื่องไร้สาระอื่น
ขอบคุณสำหรับสาระในคลิปนี้ครับ ผมได้คำอธิบายและตอบข้อติดขัดย้อนแย้งในหลักศาสนามากมายหลายประเด็นเลยโดยเฉพาะคำพังเพย "ยศช้าง ขุนนางพระ" นี่คือรูปแบบของข้าราชการพระตรงๆเลย
แอดเชิญ อ.เบียร์มาบ้างสิครับ
น่าฟังครับ ผมคิดว่ามหายานมีเสน่ห์ เพราะมีเรื่องเล่า มีพระโพธิสัตว์หลายๆ พระองค์ นำมาร้อยเรียง ผูกกับเทพเจ้าท้องถิ่น เช่น เจ้าแม่กวนอิมกับหงอคง หรืออาจเป็นทางธิเบตก็ได้ แต่งนวนิยายอิงศาสนาได้ คล้ายรหัสลับดาวินซี่ มีเสน่ห์มากๆ ตรงกันข้ามกับเถรวาทดูแล้วเรียบง่าย ไม่มีอะไรเลย (ละวาง, ละเว้น) คนละแบบกัน
พระโพธิสัตว์ ถูกภาษาไทยยกสูงถึงขั้นเรียกพระองค์ แต่ถ้าใช้ภาษาสากล และคำนิยามแบบมหายาน มหาตมะคานธี ก็เป็นโพธิสัตว์ได้ครับ
ศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนครับ😂
วิเคราะห์มหายานแบบญี่ปุ่นหน่อยครับ 🙏
นำเสนอด้วยอคติและถ่วงน้ำหนักการนำเสนอตามกระแสเชิงราบ ไร้เชิงลึกและจุดร่วมที่ดีต่อสังคม
กราบนมัสการองค์หลวงพ่อพระประธานศักดิ์สิทธิ์วัดหนองหว้า
กราบนมัสการองค์ผ้าไตรจีวรศักดิ์สิทธิ์วัดหนองหว้า
กราบนมัสการตราวัดหนองหว้าศักดิ์สิทธิ์
กราบสาธุ ค.ศ.1995 กราบสาธุ ค.ศ.1995
กราบสาธุ ค.ศ.1995
กราบขอบพระคุณค่ะบรรพบุรุษไทย & บรรพบุรุษเยอรมนี
แก่นแท้ศาสนาพุทธไม่มีคำว่าศักดิ์สิทธิ์หรือ อภินิหาร ครับ..
เป็นอะไรครับ?
ผมคิดเห็นเพิ่มเติมว่า การแก้ปัญหาทางสังคม ความเลื่อมล้ำความยากจน ควรแก้ปัญหาโดยรัฐ ไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบหลักของพระ เข้าใจเรื่องเมตตาใด้เป็นเรื่องน่ายินดี แต่คนที่ผลักดันควรเป็นรัฐ
ท่านอธิบายได้ละเอียดมากแต่กระผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งไม่ทราบว่ายังมีมหากรุณาอยู่จะเรียกว่าสูญญตาได้อย่างไรครับ และพระพุทธเจ้าสอนให้ไม่เกิดแต่ มหายานสอนให้เกิดมาสร้างบารมีเพื่อรื้อขนสัตว์นี่ ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าพุทธศาสนาได้ไหมครับ หรือจะให้เรียกว่าลัทธิดีครับ ขอความรู้ครับผม
หวัดดีฮะเชฟหมี
มหายาน เป็น หนึ่งในทางที่ยืดการนิพพาน ออกไปให้นานขึ้น ซึ่งล่าช้าออกไปอีก หรือที่จริงก็อาจเป็นส่วนช่วยให้มีพระพุทธเจ้าอย่างต่อเนื่องก็ได้ อีกอย่างมหายานมันน่าสนใจ เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงเห็นแสงสี ความทันสมัยก็ว่าโอเครชอบ เพราะทุกคนชอบเชื่อเรื่องเทพ อะไรอยู่แล้ว มันก็สอดรับดี เน้นพระโพธิสัตว์ ไม่เน้นนิพพาน แต่เอาจริงๆ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี จริงๆนั่นแหละ บางอย่าง ต่างมุมคน เคยฟังคนเล่ามาที่มีมหายานเพราะเข้าจีนไม่ได้ มีลังทธิขงจื้ออยู่ เลยต้องพลิกแพง โดยโชว์พลังอรหัน วาดแต่งเรื่องเทพเทวดา ให้คนมาสนใจ พุทธจึงอยู่รอดในแถบจีน กลายเป็นศาสนาหลักถึงตอนนี้ สุดท้ายกรรมใครกรรมมัน ถ้าพิจารณาด้วยตัวเองแล้วอันไหน เป็นที่พึ่งที่ถูกต้องได้ ก็เลือกเอาเอง
พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆมีปฏิทานแรงกล้า เช่นจะสร้างแดนสุขาวดีที่ไม่มีอบาย ยากนักเหมือนตักน้ำในมหาสมุทรแต่ผ่านไปก็ทำได้มีนามว่า พระอมิตาภะพุทธะ
@ คติมีแค่5 คือ สวรรค์ มนุษย์ เปรต เดรัจฉาน สัตว์นรก แดนสุขขาวดีอะไรนั่นถ้ามีจริงก็ยังอยู่ในสวรรค์ แต่ก็เหมือนกับเสพสุข หลงมัวเมา ตายจากสุขาวดีก็ กลับมาเกิด ในคติ5
หีนยาน : ไปคนเดียวอ่ะ มันไปได้ไว
มหายาน: เห้ย แต่ไปด้วยกันอ่ะ มันไปได้ไกลนะ
หีนยาน
@biging55 ขอบคุณครับ
สรุปเนื้อหาภายใน 2 บรรทัดที่แท้ 555555
@@petchmay_pamayet เซน นี้ แนวใหนนิ เหมือนจะตัวใครตัวมันเลยน่ะ
ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร
...
คเต คเต ปารคเต ปารสังคเต โพธิสวาหา
อยากบูชาเชฟหมี ด้วยธูปและเทียนค่ะ อยากทรุดกายลงไหว้ด้วยค่ะ แล้วให้ลูกจ้างที่บ้านรำถวายค่ัะ
เหมือน สุญญตา ของ เชฟ ก็คือสิ่งที่หินยาน มองเรื่อง อนัตตา vs อัตตา
ธรรมกายนี่ได้แนวคิดมหายานมั้ยครับ เห็นจะไปสวรรค์ชั้นดาวดึง เขตวงบุญพิเศษ อะไรกัน และ ธัมชโย ก็บอกตนเป็นต้นธาตุต้นธรรมจะรื้อระบบให้หมดและพาคนไปนิพพานพร้อมๆกัน
😂😂😂😂😂 ลัทธิทัมมี่แอร์ไลน์
มหานิกายครับ แล้วก็ไม่ได้ไปดาวดึงส์ ไปดุสิตบุรี ข้อมูลอย่ามั่วครับ
@@permperm4046 ข้อมูลอาจจะไม่ถูกเรื่อฃชื่อสวรรค์เพราะไม่ได้ไปคลุกคลีกับธรรมกาย แต่ประเด็นที่สำคัญของคำถามนี้ยังอยู่ คือแนวคิดของธรรมกายที่ว่าจะพาคนไปนิพพานพร้อม ๆ กันนั้น ได้แนวคิดมาจากมหายานมั้ยนั้นคือสิ่งที่ต้องการถามและได้รับการวิเคราะห์จากผู้รู้ ส่วนเรื่องที่บอกว่าเป็นมหานิกายในศาสนาพุทธของไทยนี่ใคร ๆ ก็รู้ แต่วิธีการสอนนี่ตรงกับมหานิกายวัดอื่นหรือเปล่าเหอะ
กราบสาธุ กราบสาธุ กราบสาธุ คุณยายเกิด พ.ศ.๒๔๔๓ คุณยายตาย พ.ศ.๒๕๑๒ กราบสาธุมหายาน กราบสาธุมหายาน กราบสาธุมหายาน
อยากให้อาจารย์อธิบายเรื่องความแตกต่างการเวียนว่ายตายเกิดของพุทธศาสนา กับ พราหมณ์ฮินดู
มหายานจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้แต่เพียงหนึ่งก็ไม่ได้
ชอบมหายานก็ตรงนี้นี่แหละ พาสรรพสัตว์ทั้งหมดบรรลุธรรมไปพร้อมกัน เคยดูคลิปไปเที่ยวทิเบต เขาบอกว่าชาวทิเบตเวลาสวดมนต์ จะภาวนาถึงผู้อื่นเสมอ ภาวนาแผ่เมตตาให้สรรพชีวิตอื่น ชาวทิเบตหลายคนจึงเป็นคนที่จิตใจดีมาก
ท่อนที่บอกว่า เราต้องช่วยเหลือคนอื่นก่อนแล้วค่อยช่วยเหลือตัวเองให้บรรลุ คือ บรรลุเป็นพระพุทธเจ้านะครับ หมายถึง เราช่วยคนอื่น เราได้เป็นโพธิสัตว์ เรารู้หลักธรรม เราเผยแผ่ธรรมอันไกล มีใจตั้งมั่นที่จะช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์ และตัวเองก็มีเจตจำนงในการเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แต่ตอนนี้ยังไม่เป็น (อธิบายเผื่อมีคนงงว่า ยังไม่บรรลุแล้วจะพาคนอื่นไปยังไง) ยกตัวอย่างพระอวโลกิเตศวร เป็นโพธิสัตว์ด้านความกรุณา อยากให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์ แล้วหลังจากทุกคนพ้นทุกข์ พระองค์ก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้าต่อจากพระอมิตาภะในพุทธเกษตร
มีคนคนนึงที่ดังอยู่ตอนนี้(ไม่รู้ว่าอ้างถึงได้ไหมแต่ผมชอบอาจารย์เขามากเลย) ที่เผยแผ่พระศาสนา ในมหายานก็นับคนแบบเขาว่า พระโพธิสัตว์
เคยมีประสบการณ์ คล้ายแบบนี้ อ่ะครับ
ต้องมาเป็นครู แต่พื้นฐานไม่ดี ก็ฝึกฝนตัวเอง
สอนคนไปเรื่อย ๆ
จนในที่สุด ก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอ่ะครับ
อาจารย์ พูดไปพูดมา นี่ บอกเลยว่า อีกศาสนาหนึ่ง นี่ คือความเท่าเทียมเลยครับ
ข้อกำหนดให้คนในศาสนา ต้องปฏิบัติ แบบเข้มงวดเหมือนกันหมดเลยอ่ะครับ
นาทีที่ 26 คือวางอุเบกขาธรรม ครับ
เมตตาธรรมค้ำจุนโลก แสดงว่าสำคัญกว่าอุเบกขา เป็นเครื่องช่วยให้สัตว์โลกพ้นทุกข์ได้มากกว่าอุเบกขาที่เห็นแก่ตัว
ใช่เชฟหมีไหมครับ คุ้นมาก ตอนยูทูปยุคแรกๆเลย
นี่แหละหัวหน้าเชฟ ครัวกากฯ
มิน่าคุ้นๆ