Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
Sorcadin Smiter แตกต่างยังไงกับการเล่น Pure Build Vengeance?ตอบ แตกต่างในเรื่องของการเค้นพลัง Spell Slot ออกมาใช้ครับ Smiter จะ Burst DPS ได้เร็วกว่ามากในการโจมตี 1 Turn / ในขณะที่ Pure Build จะค่อย ๆ ตะล่อมใช้ Improved Divine Smite ไต่ขึ้นไป และปริมาณการเร่งดาเมจจะน้อยกว่าด้วย แต่ในการสู้ที่ยืดเยื้อนาน ๆPure build จะไต่จนดาเมจเท่ากัน และไม่ค่อยเปลือง Spell slot สำหรับการใช้ Divine Smite ( เพราะยังไง IDS ก็ถือว่าติด 1d8 Smite อยู่แล้ว )🔴แต่ในทางการเล่นเราจะเห็นความแตกต่างออกมาได้ประมาณนี้ครับ ( ในส่วนนี้ผมขอพูดแค่ใน BG นะ เราไม่เอา DnD มาเกี่ยวอะไรมาก )1. Sorcadin ในการเล่นแบบ 6/6 Level เราจะได้รับ Spell slot ทั้งหมด 14 หน่วย แบ่งเป็น- ขั้นที่ 1 = 4 ครั้ง- ขั้นที่ 2 = 3 ครั้ง- ขั้นที่ 3 = 3 ครั้ง- ขั้นที่ 4 = 3 ครั้ง ----------> หากร่าย Divine Smite ขั้นที่ 4 นี่คือดาเมจสูงสุดที่คุณจะทำได้แล้ว ( เว้นซะว่าศัตรูเป็น Undead fiend นะครับ )- ขั้นที่ 5 = 1 ครั้ง ----------> หากร่าย Divine Smite ขั้นที่ 5 ดาเมจจะเท่ากับขั้นที่ 4 ไม่ไปไกลกว่านี้อีก ( เว้นซะว่าศัตรูเป็น Undead fiend นะครับ )รวมกับการใช้ Create Spell Slot เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้เราสามารถใช้ Spell slot ได้มากกว่า 15 - 17 ครั้งด้วยกัน -----> ก็เท่ากับ Divine Smite ตึง ๆ 17 ครั้งไปเลย แล้วคุณค่อย Longrest พักผ่อนซะในการสู้ 1 Turn หากได้ Full buff ทุกอย่าง เราสามารถทำ Divine Smite จากการร่าย ขั้นที่ 4 และ 5 พร้อมกัน 4 ครั้งได้เลย = ดาเมจ 400++ จนถึง ราฟาเอลเลือด 666 แตกพ่ายได้ครับแต่สำหรับ Pure Build เราจะมีพลังเวทย์ที่น้อยกว่าถึง 2 ระดับขั้นกันเลย โดยสามารถใช้ได้โดยรวมคือ 10 ครั้ง แบ่งเป็น- ขั้นที่ 1 = 4 ครั้ง- ขั้นที่ 2 = 3 ครั้ง- ขั้นที่ 3 = 3 ครั้งรวมเป็น 10 ครั้งเท่านั้น ซึ่งคุณจะทำดาเมจ 1 Turn ได้น้อยกว่า Sorcadin อยู่บ้าง หาก Spell ขั้น 3 หมดไปแล้วโชคยังดีที่ว่าคุณมี Improved Divine Smite ทำให้การร่ายดาเมจ Divine Smite ขึ้น 3 มันจะกลายเป็น 4 ทันที แต่นั้นแหละครับ หากหมด Spell slot 3 แล้ว ดาเมจจะตกลงมาพอสมควรซึ่งถ้าเป็นการเล่นที่ยืดเยื้อ ยังไงดาเมจคุณจะไต่ได้พอ ๆ กับ Sorcadin smiter------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------🔴2. เวทย์มนต์ทางเลือกไม่ว่าจะเป็นโจมตี - ป้องกัน จะน้อยกว่ามากกกกPure Build จะใช้ได้แค่เวทย์พาลาดินเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ทับซ้อนกันในเรื่อง Concentration แทบทุกอัน ( ทำให้คุณต้องคิดหนักเลยว่าจะเอาอะไรมาใช้ดี ถ้าใช้แล้วเพ่งกระแสจิตแตก ก็โคตรเปลือง )แต่สำหรับ Sorcadin เขาจะใช้พวกเวทย์พลังดิบ The weave ได้สบาย ๆ ซึ่งเวทย์พวกนั้นหลากหลายวิธีร่ายสุด ๆ บางอันก็ Ritual ( หมายความว่าร่ายไปเลย ไม่ต้องเสีย Slot )บางอันก็ Concentrationบางอันก็ร่ายสด ๆ ตู้มไปเลยทำให้การเล่น Sorcadin ผู้เล่นจะดึงทักษะเวทย์มนต์ออกมาได้มากกว่า และตัดสินใจใช้ได้ดีกว่ามาก เวทย์ที่ OP คือ Shield นี่แหละครับ จะทำให้ Sorcadin ไร้พ่ายไปเลย------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------🔴3. แข็งแกร่งขนาดนี้ มีใครเอา Sorcadin ลงสักคนไหม?มีครับ เยอะชิบหาย 555555 Smiter ของเราจะแพ้การกด Dex Saving Throw + Wis Saving Throw ครับ ( เพราะ DEX มีแค่ 10 เอง + Wis ก็แค่ 8 )ถึงจะมี Aura of Protection มาช่วย แต่ถ้าลูกเต๋ามันเหี้ย หรือคนร่ายใส่เราเขา Spell Hit DC โคตรสูง เราก็พลาดได้เหมือนกันจากประสบการณ์เล่น DnD ผมจะพ่ายแพ้ให้การพวกนักเวทย์ร่ายทำดาเมจสด ๆ เข้าตัวทั้งนั้น โดน Fireball ทีเดียวนี้ยืนยิ้มเลยใน BG3 ที่ต้องระวังคือการสู้กับพวกเวทย์ AOE ดาเมจ ไม่ว่าจะมาจากมังกร Ansur หรือพวก Mind Flayer --> เพราะพวกมันชอบร่าย Magic Missile + Hold Person ( นี่เป็นของแสลงสำหรับเราครับ )หากเป็น Pure Build เราแก้ทางด้วยเวทย์ Protection From Energy ได้สบาย ๆ เลย เลือกธาตุที่ศัตรูร่ายบ่อย ๆ แล้วเราจะโดนดาเมจแค่ครึ่งเดียวหรือถ้าในทีมมี Paladin Oath of the Ancient อยู่แล้ว ก็ให้เขาเปิด Aura of Warding ครับ ( ต้านดาเมจเวทย์ครึ่งนึง )
🔴4.จะดีกว่าไหมถ้าเล่น Pure Build?อยู่ที่คุณชอบนะ แต่ต้องทำใจว่าเวทย์ที่คุณจะร่ายได้มันโคตรน้อยและไม่หลากหลายเลย ในกระดาน DnD มันสูงสุด 20 เลเวลซึ่งคุณจะสนุกได้ครับ เวทย์หลัง ๆ มันน่าเล่นแต่สำหรับ BG3 ตันแค่ 12 เลเวล Pure Build ก็เลยไปได้แค่นั้น------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------⚫ในส่วนนี้ไม่ใช่การเปรียบเทียบระหว่าง Pure Build กับ Sorcadin แล้วนะครับ แต่จะเป็นตอบคำถามทั่วไป1. ดีกว่าไหมถ้าเราไปเลือก Sorc Subclass แบบ Tempest?ตอบ ดีเช่นกันครับ เพราะนั้นจะทำให้ Paladin บินได้ตลอดหลังจากร่ายเวทย์ไปแล้ว ( การบินจะไม่เสีย Spell แต่จ่ายด้วย Bonus Action ) เราจะเข้าถึงตัวศัตรูได้ง่ายมากแต่เนื่องจากในเกมอุปกรณ์ช่วยบินอยู่เยอะ เช่นนั้นมันคืออยู่กับชุด Set ที่คุณใส่มากกว่า2. การเล่น Polearm Master Feat จะใช้ได้ผลกับ Smiter หรือไม่?ตอบ นี่ก็ดีเช่นกันครับ ถ้าจะเล่น Polearm Master ก็ให้อัพ Feat อีกอันคือ Great Weapon Master ( เราไม่ต้องเลือก Ability Improvement )จะทำให้คุณจ้วงศัตรูได้ในระยะทีไกลกว่า และตัดกำลังเขาได้บ่อยเวลามีคนเดินผ่านระยะทำการของอาวุธ3. Potion อะไรที่ควรใช้ตอบ Potion of Speed = ใช้ถ้าหากว่าไม่อยากร่าย Haste แต่คุณต้องรีบจบบอสใหญ่ ๆ ให้ได้ใน 3 Turn ไม่งั้นพอยาหมดฤทธิ์คุณจะเสีย Turn ไปฟรี ๆ เลยโดยไม่ได้เร่งดาเมจBloodlust = ถ้าฆ่าศัตรูได้ คุณจะได้ Action อีก 1 ครั้ง ( ซึ่งรวม ๆ แล้วใน Turn นึงคุณจะมี Action 3 ครั้งใหญ่ = ตีได้ 6 ครั้งตึง ๆ )Cloud Giant Strength = ทำให้ STR ถึง 27 ทันที4. ทำไมถึงใช้ดาบ Balduran's Giantslayer?ตอบ ดาบเล่มนั้นเอาค่า STR Modifer มาทำดาเมจเพิ่ม 2 เท่าครับ + มีความสามารถทำให้ผู้สวมใส่ตัวโต ( Enlarge จากความสามารถที่ชื่อ Giant Form ) ได้อีกด้วยซึ่งการตัวใหญ่ก็จะทำให้คุณทำดาเมจ 1d6 เติมเข้าไปอีก + STR Checks / Saving Throw ได้เปรียบ + ได้เลือดเพิ่มอีก 27 หน่วยยิ่งศัตรูมีขนาดตัวที่ใหญ่ตั้งแต่ Large - Huge - Gargantuan พวกนั้นก็จะโดนดาเมจแรงเพิ่มเข้าไปอีกนี่คือ 1 ดาบที่ตึงสุด ๆ ในเกมครับ
ขอสอนเรื่อง Divine Smite นิดนึงนะครับ ( มีคลิปที่กำลังทำอยู่เหมือนกัน )ผมว่าใครหลาย ๆ คนสงสัยแน่ ๆ ว่ามี Spell Slot เยอะถึงระดับ 5 แบบนี้ แสดงว่า Divine Smite ต้องแรงโคตร ๆ เลยใช่ไหมตอบ มันก็แรงครับ แต่ดาเมจจะไม่แรงไปมากกว่าการร่ายขั้นที่ 4 แล้ว ( ตามกฏ 5E เน้อ )ขออนุญาตใช้ดาเมจจากตัวผมเองละกันDivine Smite ขั้นที่ 1 = 30 - 59 ดาเมจDivine Smite ขั้นที่ 2 = 31 - 67 ดาเมจDivine Smite ขั้นที่ 3 = 32 - 75 ดาเมจDivine Smite ขั้นที่ 4 = 33 - 88 ดาเมจและขั้นที่ 4 นี่แหละ ดาเมจจะไม่สูงไปมากกว่านี้แล้วครับ เว้นซะว่าศัตรูเป็นพวก Undead Fiends โอเค ก็จะเพิ่ม 1d8 เข้าไปหากร่ายด้วย Divine Smite ขั้นที่ 5 = 33 - 88 ดาเมจเหมือนกันหรือถ้ามีใครบัพดาเมจเพิ่มให้จากแหล่งอื่น ก็จะเพิ่มเข้าไปเช่นกัน อย่าง Minthara ผมร่าย Soul Branding เพิ่มดาเมจไฟ 3 - 9 ( แค่การโจมตีครั้งเดียว )ดาเมจสูงสุดของ Divine Smite ของผมก็จะกลายเป็น 36 - 97 ดาเมจซึ่งทำให้ Smiter อย่างเราทำดาเมจ 1 Turn ได้เลยที่ 97 -- 1 Action88 -- Extra88 -- 1 Action --------> ได้จาก Haste 88 -- Extra75 -- 1 Action ---------> ได้จากยา Bloodlust75 -- Extra85 -- Bonus Great weapon Masterเป็น 586 - 596 ดาเมจสูงสุดครับ นี่คำนวนจากสูงสุดทั้งหมด แต่มันถึงได้ยากอะ ส่วนมากเต๋าจะทอยออกมาได้ประมาณ 300 - 450 เองแต่แค่นั้นก็คว่ำบอสอ้วกแตกมาหลายตัวและครับ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------แล้วพี่ครับ Smite อื่นดาเมจเพิ่มไหม?ตอบ เพิ่มเหมือนกัน แต่แค่บางชนิดนะ1. Searing Smite ดาเมจจะเพิ่มถึงการร่ายขั้น 5 ได้เลย2. Branding Smite เพิ่มถึงการร่ายขั้นที่ 53. Thunderous Smite ไม่เพิ่ม4. Warthful Smite ไม่เพิ่ม4. Blinding Smite ไม่เพิ่มถ้างั้นการอัป Charisma ที่บอกว่าไม่ส่งผลต่อ Damage Smite เลย มันไปส่งผลกับอะไร?- พวกเวทย์ที่ใช้ Charsima Modifer เพื่อเพิ่มความสามารถครับ เช่นก Aura of Protection ได้เยอะขึ้น / Inquisitor's Might แรงขึ้น- จำนวนเวทย์ที่เรา Prepare ได้จะมากขึ้น- Spell Save DC ได้เพิ่ม- ตอนคุยกับคนอื่น- ความสามารถโดยเฉพาะของ Smite บางชนิดเช่นพวก Searing Thunderous Warthful Blinding จะติดได้บ่อยกว่าเดิม
เค้าเป็นเหมือนคุณปอนเลยตอนเล่น paladin 5555 นึกว่าเป็นอยู่คนเดียว buildนี้โหดมาก 👍👍
Build นี้ผมใช้เล่นบนกระดาน DnD บ่อยที่สุดแล้วแหละครับ น่าเสียดายที่เกมนี้ตันแค่เลเวล 12ถ้าเป็น 20 เหมือนของจริงบอกเลยว่าโคตรตึงสุด ๆ
@@PlanetTripleP สุดจัด
ในทรี๊สุด !!!!!.................Oathbreaker build ท่ดๆผิดคิวๆปล.ตามบิ้วนี้ไปเลย
ผมป้าแอนเทล+ str นี่ มันการันตีดรอบหรอครับ หรือต้องไว้ชีวิตป้า ถ้าไว้ชีวิตป้าก็ oat ของ vengeance จะแตกมั้ยครับ หรือมีวิธีเอาผม แบบอื่นมั้ยครับ
แล้วถ้าจะเล่นเป็น paladin สายดาบคู่หรือมีดคู่ได้มั้ยครับ ไม่ชอบดาบใหญ่เลย
ได้สิครับ ไม่มีปัญหา Divine smite หรือ smite อื่น ๆ ทำงานได้กับอาวุธ Melee ทั้งหมดเลือกเล่นที่ตัวเองชอบได้ตามสบาย Guide คือเส้นทางแนะนำเพียงเท่านั้นปล. ขอแค่ไม่เล่น Paladin ธนูเป็นหลักก็พอ เพราะ Divine Smite ใช้กับธนูไม่ได้ครับ
ถ้าเราเล่น dragonborne ขาวอยู่แล้วให้เลือกอย่างอื่นมั้ยฮะหรือตามคลิปเลยฮะ
dark urge สามารถเปลี่ยนเผ่า หรือ อาชีพ ได้ตามชอบครับ
Dragonborn ไม่จำเป็นต้องเป็น Dark Urge นะครับ ( อันนี้ตอบ Comment อีกท่านไปด้วย )- ปกติแล้วการจะเอา Draconic Bloodline ที่ตรงกับสายพันธุ์ตัวเอง จะเลือกเพื่อที่ว่าจะทำ Damage ได้มากขึ้นตามธาตุมังกรของเราน่ะครับถ้าเป็นมังกรขาวแล้วกะว่าจะเอาให้ Draconic Bloodline Cold ด้วย ก็คงเร่งดาเมจได้แค่เวทย์ Ray of Frost + Breath Weapon ( Cold ) + Ice Knifeใน Build นี้ เราไม่ได้สนใจที่จะทำดาเมจธาตุอะไรเลยนอกจาก Divine Smite ( Radiant เท่านั้น ) เพราะงั้นคือเลือกเพื่อใช้ประโยชน์ตามที่ตัวเองต้องการได้เลยสำหรับ Draconic Bloodline ธาตุอื่น
Sorcadin Smiter แตกต่างยังไงกับการเล่น Pure Build Vengeance?
ตอบ แตกต่างในเรื่องของการเค้นพลัง Spell Slot ออกมาใช้ครับ
Smiter จะ Burst DPS ได้เร็วกว่ามากในการโจมตี 1 Turn / ในขณะที่ Pure Build จะค่อย ๆ ตะล่อมใช้ Improved Divine Smite ไต่ขึ้นไป และปริมาณการเร่งดาเมจจะน้อยกว่าด้วย แต่ในการสู้ที่ยืดเยื้อนาน ๆ
Pure build จะไต่จนดาเมจเท่ากัน และไม่ค่อยเปลือง Spell slot สำหรับการใช้ Divine Smite ( เพราะยังไง IDS ก็ถือว่าติด 1d8 Smite อยู่แล้ว )
🔴แต่ในทางการเล่นเราจะเห็นความแตกต่างออกมาได้ประมาณนี้ครับ ( ในส่วนนี้ผมขอพูดแค่ใน BG นะ เราไม่เอา DnD มาเกี่ยวอะไรมาก )
1. Sorcadin ในการเล่นแบบ 6/6 Level เราจะได้รับ Spell slot ทั้งหมด 14 หน่วย แบ่งเป็น
- ขั้นที่ 1 = 4 ครั้ง
- ขั้นที่ 2 = 3 ครั้ง
- ขั้นที่ 3 = 3 ครั้ง
- ขั้นที่ 4 = 3 ครั้ง ----------> หากร่าย Divine Smite ขั้นที่ 4 นี่คือดาเมจสูงสุดที่คุณจะทำได้แล้ว ( เว้นซะว่าศัตรูเป็น Undead fiend นะครับ )
- ขั้นที่ 5 = 1 ครั้ง ----------> หากร่าย Divine Smite ขั้นที่ 5 ดาเมจจะเท่ากับขั้นที่ 4 ไม่ไปไกลกว่านี้อีก ( เว้นซะว่าศัตรูเป็น Undead fiend นะครับ )
รวมกับการใช้ Create Spell Slot เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้เราสามารถใช้ Spell slot ได้มากกว่า 15 - 17 ครั้งด้วยกัน -----> ก็เท่ากับ Divine Smite ตึง ๆ 17 ครั้งไปเลย แล้วคุณค่อย Longrest พักผ่อนซะ
ในการสู้ 1 Turn หากได้ Full buff ทุกอย่าง เราสามารถทำ Divine Smite จากการร่าย ขั้นที่ 4 และ 5 พร้อมกัน 4 ครั้งได้เลย = ดาเมจ 400++ จนถึง ราฟาเอลเลือด 666 แตกพ่ายได้ครับ
แต่สำหรับ Pure Build เราจะมีพลังเวทย์ที่น้อยกว่าถึง 2 ระดับขั้นกันเลย โดยสามารถใช้ได้โดยรวมคือ 10 ครั้ง แบ่งเป็น
- ขั้นที่ 1 = 4 ครั้ง
- ขั้นที่ 2 = 3 ครั้ง
- ขั้นที่ 3 = 3 ครั้ง
รวมเป็น 10 ครั้งเท่านั้น ซึ่งคุณจะทำดาเมจ 1 Turn ได้น้อยกว่า Sorcadin อยู่บ้าง หาก Spell ขั้น 3 หมดไปแล้ว
โชคยังดีที่ว่าคุณมี Improved Divine Smite ทำให้การร่ายดาเมจ Divine Smite ขึ้น 3 มันจะกลายเป็น 4 ทันที แต่นั้นแหละครับ หากหมด Spell slot 3 แล้ว ดาเมจจะตกลงมาพอสมควร
ซึ่งถ้าเป็นการเล่นที่ยืดเยื้อ ยังไงดาเมจคุณจะไต่ได้พอ ๆ กับ Sorcadin smiter
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
🔴2. เวทย์มนต์ทางเลือกไม่ว่าจะเป็นโจมตี - ป้องกัน จะน้อยกว่ามากกกก
Pure Build จะใช้ได้แค่เวทย์พาลาดินเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ทับซ้อนกันในเรื่อง Concentration แทบทุกอัน ( ทำให้คุณต้องคิดหนักเลยว่าจะเอาอะไรมาใช้ดี ถ้าใช้แล้วเพ่งกระแสจิตแตก ก็โคตรเปลือง )
แต่สำหรับ Sorcadin เขาจะใช้พวกเวทย์พลังดิบ The weave ได้สบาย ๆ ซึ่งเวทย์พวกนั้นหลากหลายวิธีร่ายสุด ๆ
บางอันก็ Ritual ( หมายความว่าร่ายไปเลย ไม่ต้องเสีย Slot )
บางอันก็ Concentration
บางอันก็ร่ายสด ๆ ตู้มไปเลย
ทำให้การเล่น Sorcadin ผู้เล่นจะดึงทักษะเวทย์มนต์ออกมาได้มากกว่า และตัดสินใจใช้ได้ดีกว่ามาก เวทย์ที่ OP คือ Shield นี่แหละครับ จะทำให้ Sorcadin ไร้พ่ายไปเลย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
🔴3. แข็งแกร่งขนาดนี้ มีใครเอา Sorcadin ลงสักคนไหม?
มีครับ เยอะชิบหาย 555555 Smiter ของเราจะแพ้การกด Dex Saving Throw + Wis Saving Throw ครับ ( เพราะ DEX มีแค่ 10 เอง + Wis ก็แค่ 8 )
ถึงจะมี Aura of Protection มาช่วย แต่ถ้าลูกเต๋ามันเหี้ย หรือคนร่ายใส่เราเขา Spell Hit DC โคตรสูง เราก็พลาดได้เหมือนกัน
จากประสบการณ์เล่น DnD ผมจะพ่ายแพ้ให้การพวกนักเวทย์ร่ายทำดาเมจสด ๆ เข้าตัวทั้งนั้น โดน Fireball ทีเดียวนี้ยืนยิ้มเลย
ใน BG3 ที่ต้องระวังคือการสู้กับพวกเวทย์ AOE ดาเมจ ไม่ว่าจะมาจากมังกร Ansur หรือพวก Mind Flayer --> เพราะพวกมันชอบร่าย Magic Missile + Hold Person ( นี่เป็นของแสลงสำหรับเราครับ )
หากเป็น Pure Build เราแก้ทางด้วยเวทย์ Protection From Energy ได้สบาย ๆ เลย เลือกธาตุที่ศัตรูร่ายบ่อย ๆ แล้วเราจะโดนดาเมจแค่ครึ่งเดียว
หรือถ้าในทีมมี Paladin Oath of the Ancient อยู่แล้ว ก็ให้เขาเปิด Aura of Warding ครับ ( ต้านดาเมจเวทย์ครึ่งนึง )
🔴4.จะดีกว่าไหมถ้าเล่น Pure Build?
อยู่ที่คุณชอบนะ แต่ต้องทำใจว่าเวทย์ที่คุณจะร่ายได้มันโคตรน้อยและไม่หลากหลายเลย ในกระดาน DnD มันสูงสุด 20 เลเวลซึ่งคุณจะสนุกได้ครับ เวทย์หลัง ๆ มันน่าเล่น
แต่สำหรับ BG3 ตันแค่ 12 เลเวล Pure Build ก็เลยไปได้แค่นั้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
⚫ในส่วนนี้ไม่ใช่การเปรียบเทียบระหว่าง Pure Build กับ Sorcadin แล้วนะครับ แต่จะเป็นตอบคำถามทั่วไป
1. ดีกว่าไหมถ้าเราไปเลือก Sorc Subclass แบบ Tempest?
ตอบ ดีเช่นกันครับ เพราะนั้นจะทำให้ Paladin บินได้ตลอดหลังจากร่ายเวทย์ไปแล้ว ( การบินจะไม่เสีย Spell แต่จ่ายด้วย Bonus Action ) เราจะเข้าถึงตัวศัตรูได้ง่ายมาก
แต่เนื่องจากในเกมอุปกรณ์ช่วยบินอยู่เยอะ เช่นนั้นมันคืออยู่กับชุด Set ที่คุณใส่มากกว่า
2. การเล่น Polearm Master Feat จะใช้ได้ผลกับ Smiter หรือไม่?
ตอบ นี่ก็ดีเช่นกันครับ ถ้าจะเล่น Polearm Master ก็ให้อัพ Feat อีกอันคือ Great Weapon Master ( เราไม่ต้องเลือก Ability Improvement )
จะทำให้คุณจ้วงศัตรูได้ในระยะทีไกลกว่า และตัดกำลังเขาได้บ่อยเวลามีคนเดินผ่านระยะทำการของอาวุธ
3. Potion อะไรที่ควรใช้
ตอบ
Potion of Speed = ใช้ถ้าหากว่าไม่อยากร่าย Haste แต่คุณต้องรีบจบบอสใหญ่ ๆ ให้ได้ใน 3 Turn ไม่งั้นพอยาหมดฤทธิ์คุณจะเสีย Turn ไปฟรี ๆ เลยโดยไม่ได้เร่งดาเมจ
Bloodlust = ถ้าฆ่าศัตรูได้ คุณจะได้ Action อีก 1 ครั้ง ( ซึ่งรวม ๆ แล้วใน Turn นึงคุณจะมี Action 3 ครั้งใหญ่ = ตีได้ 6 ครั้งตึง ๆ )
Cloud Giant Strength = ทำให้ STR ถึง 27 ทันที
4. ทำไมถึงใช้ดาบ Balduran's Giantslayer?
ตอบ ดาบเล่มนั้นเอาค่า STR Modifer มาทำดาเมจเพิ่ม 2 เท่าครับ + มีความสามารถทำให้ผู้สวมใส่ตัวโต ( Enlarge จากความสามารถที่ชื่อ Giant Form ) ได้อีกด้วย
ซึ่งการตัวใหญ่ก็จะทำให้คุณทำดาเมจ 1d6 เติมเข้าไปอีก + STR Checks / Saving Throw ได้เปรียบ + ได้เลือดเพิ่มอีก 27 หน่วย
ยิ่งศัตรูมีขนาดตัวที่ใหญ่ตั้งแต่ Large - Huge - Gargantuan พวกนั้นก็จะโดนดาเมจแรงเพิ่มเข้าไปอีก
นี่คือ 1 ดาบที่ตึงสุด ๆ ในเกมครับ
ขอสอนเรื่อง Divine Smite นิดนึงนะครับ ( มีคลิปที่กำลังทำอยู่เหมือนกัน )
ผมว่าใครหลาย ๆ คนสงสัยแน่ ๆ ว่ามี Spell Slot เยอะถึงระดับ 5 แบบนี้ แสดงว่า Divine Smite ต้องแรงโคตร ๆ เลยใช่ไหม
ตอบ มันก็แรงครับ แต่ดาเมจจะไม่แรงไปมากกว่าการร่ายขั้นที่ 4 แล้ว ( ตามกฏ 5E เน้อ )
ขออนุญาตใช้ดาเมจจากตัวผมเองละกัน
Divine Smite ขั้นที่ 1 = 30 - 59 ดาเมจ
Divine Smite ขั้นที่ 2 = 31 - 67 ดาเมจ
Divine Smite ขั้นที่ 3 = 32 - 75 ดาเมจ
Divine Smite ขั้นที่ 4 = 33 - 88 ดาเมจ
และขั้นที่ 4 นี่แหละ ดาเมจจะไม่สูงไปมากกว่านี้แล้วครับ เว้นซะว่าศัตรูเป็นพวก Undead Fiends โอเค ก็จะเพิ่ม 1d8 เข้าไป
หากร่ายด้วย Divine Smite ขั้นที่ 5 = 33 - 88 ดาเมจเหมือนกัน
หรือถ้ามีใครบัพดาเมจเพิ่มให้จากแหล่งอื่น ก็จะเพิ่มเข้าไปเช่นกัน อย่าง Minthara ผมร่าย Soul Branding เพิ่มดาเมจไฟ 3 - 9 ( แค่การโจมตีครั้งเดียว )
ดาเมจสูงสุดของ Divine Smite ของผมก็จะกลายเป็น 36 - 97 ดาเมจ
ซึ่งทำให้ Smiter อย่างเราทำดาเมจ 1 Turn ได้เลยที่
97 -- 1 Action
88 -- Extra
88 -- 1 Action --------> ได้จาก Haste
88 -- Extra
75 -- 1 Action ---------> ได้จากยา Bloodlust
75 -- Extra
85 -- Bonus Great weapon Master
เป็น 586 - 596 ดาเมจสูงสุดครับ นี่คำนวนจากสูงสุดทั้งหมด แต่มันถึงได้ยากอะ ส่วนมากเต๋าจะทอยออกมาได้ประมาณ 300 - 450 เอง
แต่แค่นั้นก็คว่ำบอสอ้วกแตกมาหลายตัวและครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วพี่ครับ Smite อื่นดาเมจเพิ่มไหม?
ตอบ เพิ่มเหมือนกัน แต่แค่บางชนิดนะ
1. Searing Smite ดาเมจจะเพิ่มถึงการร่ายขั้น 5 ได้เลย
2. Branding Smite เพิ่มถึงการร่ายขั้นที่ 5
3. Thunderous Smite ไม่เพิ่ม
4. Warthful Smite ไม่เพิ่ม
4. Blinding Smite ไม่เพิ่ม
ถ้างั้นการอัป Charisma ที่บอกว่าไม่ส่งผลต่อ Damage Smite เลย มันไปส่งผลกับอะไร?
- พวกเวทย์ที่ใช้ Charsima Modifer เพื่อเพิ่มความสามารถครับ เช่นก Aura of Protection ได้เยอะขึ้น / Inquisitor's Might แรงขึ้น
- จำนวนเวทย์ที่เรา Prepare ได้จะมากขึ้น
- Spell Save DC ได้เพิ่ม
- ตอนคุยกับคนอื่น
- ความสามารถโดยเฉพาะของ Smite บางชนิดเช่นพวก Searing Thunderous Warthful Blinding จะติดได้บ่อยกว่าเดิม
เค้าเป็นเหมือนคุณปอนเลยตอนเล่น paladin 5555 นึกว่าเป็นอยู่คนเดียว buildนี้โหดมาก 👍👍
Build นี้ผมใช้เล่นบนกระดาน DnD บ่อยที่สุดแล้วแหละครับ น่าเสียดายที่เกมนี้ตันแค่เลเวล 12
ถ้าเป็น 20 เหมือนของจริงบอกเลยว่าโคตรตึงสุด ๆ
@@PlanetTripleP สุดจัด
ในทรี๊สุด !!!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Oathbreaker build ท่ดๆผิดคิวๆ
ปล.ตามบิ้วนี้ไปเลย
ผมป้าแอนเทล+ str นี่ มันการันตีดรอบหรอครับ หรือต้องไว้ชีวิตป้า ถ้าไว้ชีวิตป้าก็ oat ของ vengeance จะแตกมั้ยครับ หรือมีวิธีเอาผม แบบอื่นมั้ยครับ
แล้วถ้าจะเล่นเป็น paladin สายดาบคู่หรือมีดคู่ได้มั้ยครับ ไม่ชอบดาบใหญ่เลย
ได้สิครับ ไม่มีปัญหา
Divine smite หรือ smite อื่น ๆ ทำงานได้กับอาวุธ Melee ทั้งหมด
เลือกเล่นที่ตัวเองชอบได้ตามสบาย Guide คือเส้นทางแนะนำเพียงเท่านั้น
ปล. ขอแค่ไม่เล่น Paladin ธนูเป็นหลักก็พอ เพราะ Divine Smite ใช้กับธนูไม่ได้ครับ
ถ้าเราเล่น dragonborne ขาวอยู่แล้วให้เลือกอย่างอื่นมั้ยฮะหรือตามคลิปเลยฮะ
dark urge สามารถเปลี่ยนเผ่า หรือ อาชีพ ได้ตามชอบครับ
Dragonborn ไม่จำเป็นต้องเป็น Dark Urge นะครับ ( อันนี้ตอบ Comment อีกท่านไปด้วย )
- ปกติแล้วการจะเอา Draconic Bloodline ที่ตรงกับสายพันธุ์ตัวเอง จะเลือกเพื่อที่ว่าจะทำ Damage ได้มากขึ้นตามธาตุมังกรของเราน่ะครับ
ถ้าเป็นมังกรขาวแล้วกะว่าจะเอาให้ Draconic Bloodline Cold ด้วย ก็คงเร่งดาเมจได้แค่เวทย์ Ray of Frost + Breath Weapon ( Cold ) + Ice Knife
ใน Build นี้ เราไม่ได้สนใจที่จะทำดาเมจธาตุอะไรเลยนอกจาก Divine Smite ( Radiant เท่านั้น ) เพราะงั้นคือเลือกเพื่อใช้ประโยชน์ตามที่ตัวเองต้องการได้เลยสำหรับ Draconic Bloodline ธาตุอื่น