Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
ต้องนำความรู้นี้ไปปฎิบัติ...ถ้าแค่รู้ไม่ปฎิบัติก็ไร้ค่า....ต้องดับทุกข์ได้.
ท่าน อาจารย์ อธิบายได้เข้าใจง่าย ขอบพระคุณมากครับ
ฟังทุกวันเลยครับชอบมากปัจจุบันการเรียนรู้สิ่งต่างๆง่ายเพียงแค่เราเลือกที่จะเรียนสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้นคุณก็จะได้รับสิ่งที่ดีๆเข้ามาในการใช้ชีวิตของคุณเอง
สาธุๆๆ ครับ
ขอบคุณอาจาร์ยที่ตอบคำถามภายในใจอย่างเป็นเหตุและผล ที่คนคิดว่าสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่จริงๆค่ะธรรมชาติทีีมีอยู่แล้ว แต่มนุษย์ ยังไม่เข้าใจหรือเป็นองค์ความรู้ทึีพึ่งพิสูจน์ ทางวิทยาศาสตร์ได้
เหลือเชื่อว่าอาจารอทิบายได้ดี และมีคุนเข้าใจได้ด้วย แต่ว่าจิตตะวิลญานนี้คงเป็นทาตุบริสุดและคงละเอียดมากๆ
สาธุธรรม
อาจารย์กรุณาช่วยเอ่ยสิ่งที่พูดถึงด้วย เนื่องจากดูในยูทูปมองสิ่งที่เขียนในบอร๋ดไม่เห็นค่ะ ใช้การฟังเป็นหลักค่ะ ถ้าอาจารย์ไม่เอ่ยชื่อสิ่งที่พูดถึงด้วยคนที่มองไม่เห็นก็ไม่เข้าใจค่ะ กรุณาด้วยนะคะ
การเข้าถึงพุทธภาวะจิตจะระเบิดเถิดเทิงเหมือนที่ท่านทั้งหลายกล่าวไว้มั้ยคะอ. ขอบคุณค่ะ
กราบขอบคุณอจ.บรรยายสอนให้เข้าใจได้อย่างกระจ่างชัด
สาธุๆๆครับครู
สาธุค่ะ, อาจารย์
ทำไมครูสอนศาสนาไม่สอนผมแบบนี้ สอนแต่นัั่งสมาธิสวนมนต์ เรียนศาสนามาเกือย20ปี แทบไม่ได้อะไรเลย ฟังอาจารณ์2ชั่วโมง เข้าใจเกือบหมด RIPการศึกษาไทย
😅 3:22
ล
คนยังเข้าไม่ถึงแก่นก็ไม่รู้เลยสอนเรื่องไม่รู้ให้คนไม่รู้โง่ต่อไป
ชอบบบ 3:52 3:52
อนุโมทนาบุญกับท่านที่ฟังแล้วเข้าใจนะคะ สาธุๆค่ะ
ได้ประโยชน์มากมายครับ
ขอบพระคุณท่านอาจารย์🙏🙏🙏
Thank you
อนุโมทนาสาธุครับอาจารย์
ขอบพระคุณมากค่ะอาจารย์ เข้าใจแล้วค่ะ
ดีมากมีประโยช์น
ขอบคุณครับ
เคยเห็นผีบ่อย ๆ เคยเห็นเปรต ครั้งหนึ่งบอกคนที่กลัวผี แล้วยังไม่เคยเห็นไม่น่ากลัวเท่าในหนังที่ปรุงแต่งให้หนังสนุกตื่นเต้นส์ เป็นพลังงานที่อ่อนเหมือนแบตเตอรี่ใกล้หมด ...พวกสัตว์ ก็เห็นเช่นกันถามวิทยาศาสตร์คงมีสายตาที่มีค่าเรติน่อล ที่จับภาพพลังงานที่เป็นคลื่นได้ถ้าไม่ได้ฝึกจิต ละการยึดติดสารพัดวิธีตาย อาจเป็นคลื่นพลังงานที่ยังยึดติดไม่ไปไหน วาสนา คือ สิ่งที่ทำประจำทุกวันจะสะสมในจิต ถ้าไม่ฝึก หาภพภูมิไม่ได้ เพราะยึดติดในรูปก่อนตายเหมือนง่าย แต่ทำยากมากๆไม่ใช้เวลาฝึก ไม่ใช้เวลาละ ตัวกู ของกูรับรอง ยากส์สุดๆ
เปรตหน้าตาเป็นอย่างไรครับ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ สัจธรรม ได้ด้วยพระองค์เอง ท่านบัญญัติ พระธรรม กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา ท่านบัญญัติ พระธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 เป็นการจดลิขสิทธิ์ทาง ปัญญา ลิขสิทธิ์ของพระพุทธเจ้าก็คือ ต้องมีศรัทธาในตถาคตภาษิตเท่านั้นถึงจะเป็นการเจริญ อริยมรรคมีองค์แปด เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ พระธรรม กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม คือ การเจริญอริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ซึ่งเป็นบุคคล 4คู่ 8 พวก พวกปฏิผล พวกปฏิมรรค เริ่มที่เป็น สัทธานุสารี ที่เกิดจาก การฟัง การอ่าน การจด การท่องจำ พระธรรม นั่นเองคะ เมื่ออินทรีย์แก่กล้าขึ้นเริ่มเจริญปัญญาจึงแยกเป็นสอง เป็นปฏิผล เป็นปฏิมรรค แบบชัดเจนนั่นเองคะ เป็นพวกปฏิผลเจริญสัมมาทิฏฐิ จาก สัทธานุสารี เป็น ธัมมานุสารี นั่นเองคะ ใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ปัญญาเกิด ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ จึงทำให้มีสัมมาทิฏฐิที่สมบูรณ์นั่นเองคะ เข้ามาฟัง พระธรรม เป็นการปฏิบัติตาม อริยมรรคมีองค์แปด การปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปดทำให้มีดวงตาเห็น พระธรรม เห็นกฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม นั่นเอง พวกปฏิมรรคเจริญสัมมาสังกัปปะ จาก สัทธานุสารี เป็น สกทาคาปฏิมรรค เริ่มรักษา ศีล เจริญสมาธิ คือละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ ได้อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ เป็น อนาคาปฏิมรรค ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็นอนาคามี การเจริญปัญญาของพวกปฏิมรรค เจริญสัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ ปฏิบัติละนันทิใน เวทนา อุเบกขา และ ละนันทิใน สัญญาและรูป ด้วยการเจริญอานาปานสติ เป็น อรหันตมรรค ละนันทิจิตหลุดพ้น เข้ามาฟัง พระธรรม เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี ทำให้มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต มีศรัทธาในตถาคตภาษิต คือ การเจริญอริยมรรคมีองค์แปด การเจริญอริยมรรคมีองค์แปด ทำให้เห็น พระธรรม นั่นเอง เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม และเห็น อริยมรรคมีองค์แปด เห็น ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 เห็น อริยสัจสี่ และ เห็น การทำงานของ วิญญาณ และ นามรูป นั่นเองคะ
ขอบพระคุณอาจารย์มากๆค่ะ 🙏
ไม่เคยเจอใครที่สอนให้รู้แจ้งแทงตลอดได้อย่างอาจารย์ อยากไปกราบท่านสักครั้งครับ ใครพอทราบว่าท่านอยู่ที่ไหน
อธิบายได้ดีมากๆคับ แต่ว่าแดนนิพพาน มีแสงสว่างมากๆๆๆๆๆ แล้วพ้นไปนิดก็ถึงแดนนิพพานคับ
ขอเรียนถามว่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยท่านใดที่สอนศาสนามีคริปสอนในยูทูปไหมคะขอความกรุณาเพื่อเพิ่มเติมค่ะ
ปติบัตเลยครับ อบรมกายคตาสติ เลยครับจะได้มีคำตอบตรงนั้นแล
ขอบคุณอาจารย์ทวีศักดิ์อย่างยิ่งค่ะ
เราเป็นเพียงกระแสยึดเกาะ มันไม่มีดินแดนนิพพานหรอกครับ มันมีแค่ทางสายกลางและสภาวะที่พอเหมาะพอดี ไม่ทุกข์มาก หรือสุขมากเท่านั้นครับ เสมือนเรือที่พายไปกลางแม่น้ำและไม่เคยชนหินจนเรือแตกเท่านั้นเองครับ
สนามรวมเอกภพ คือพุทธะภูมิที่มี
เพิ่งเข้าใจว่าพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ก็ตอนมาฟังอาจารย์ทวีศักดิ์นี่หล่ะค่ะ
@อ.ทวีศักดิ์ ใครเป็นผู้ละสังขตะ จนเมื่อเหลือแต่อสังขตะ แล้วใครคนนั้นหายไปอยู่ที่ไหนครับ
❤❤❤❤ไม่มีใครละ..เพราะไม่มีตัวกู ของกู ไม่มีบุคคล เรา เขา เป็นเพียงสิ่งสมมติคนนั้น คนนี้ ตั้งชื่อเรียกไว้สื่อสารทางโลกคือมีแต่รูปกับนามรูปประกอบธาตุ4 ดิน น้ำ ไฟ ลมนามคือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณชีวิตคือ รูปกับนาม หรือกายกับใจหรือจิตหรือขันธ์5คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณและอาจารย์ได้ให้ความรู้ว่ามีอากาศธาตุเป็นข่องว่างในร่างกายเราเพื่อเป็นทางผ่านของอาหาร อากาศ คลื่นเสียง คลื่นแสงและต้องมีธาตุรู้หรือจิตเดิมแท้ที่มีมาก่อนและมีตลอดกาลนาน ไม่เกิด ดับ ไม่มีการปรุงแต่งเปลี่ยนแปลง บางคนเรียกผู้รู้ซึ่งแตกต่างจากผู้รู้ในขันธ์5....สาธุ เมื่อไม่มีกาย ใจก็จะพบความสงบ เย็นคือนิพพาน
ถ้ามนุษย์ รู้แบบนี้ เข้าใจ แบบนี้ คนจะไม่กลัวบาปนะคะหนูว่า
อยากสอบถามเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดกัน "รู้และเข้าใจแบบนี้ คนจะไม่กลัวบาป = รู้และเข้าใจว่า?"ตามความเข้าใจของเรา ในเส้นทางนี้ต้องถึงพร้อมทั้ง ศีล+สมาธิ+ปัญญา ที่ครอบคลุมทั้ง กาย+วาจา+ใจ คนที่ทำได้ห่างไกลคำว่าทำบาปไปมากๆๆๆๆ
ตราบใดที่ยังติดอยู่ในขันธ์ 5 อยู่ระบบกรรม บุญ บาปก็ยังมีผลอยู่ค่ะ
ถ้าเป็นเหมือนที่อาจารว่า อชาตสัตตรูคงบรรลุแล้ว แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ลืม แต่สอนให้รู้ เข้าใจ ให้อภัย ไม่ยึด และปล่อยวาง เอาว่าซักผ้าให้เกลี้ยง แล้วเมื่อเกลี้ยงแล้ว ก็ระวังความสกปรกให้ดีๆ จิตที่สะอาดย่อมไปดี จิตที่ไม่ดี ย่อมไปลำบากเป็นธรรมดา และโลกนี้ไม่ความยุติธรรม
ทำอนันตริยกรรม5ไม่สามารถเข้านิพพานต้องรับกรรมก่อน
@@user-qp7nv5wq9h❤❤❤ใช่ค่ะ..องคุลิมาลฆ่า999ศพเกือบทำอนันตริยกรรมฆ่าแม่แต่พพจ.มาโปรด..สาธุ..และพพจ.ทรงสอนสติปัฏฐาน4อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน..จบ
ถ้าจิตเดิมแท้บริสุทธิอยู่แล้ว เป็นนิพพานอยู่แล้ว ย่อมพ้นทุกข์ไปแล้ว ไม่มาเกิดอีกแล้วแล้วยังมาเกิดเต็มโลกพร้อมจิตที่มีนิพพานผสม ได้อย่างไรดูมันขัดๆ น่ะครับแสดงว่านิพพานก็เสื่อมได้ซิครับ
จิตเดิมของมนุษย์คืออรูปพรหมครับ เหมือนที่ อาฬาดาบส และอุทิกะดาบสผู้เป็นครูของพระพุทธเจ้าฝ่ายโยคะศาสตร์ อยู่ในปัจจุบันนี้ คือ เป็นส่วนหนึ่งของอาตมันในความเชื่อแบบพราห์ม ส่วนพระพุทธเจ้า ใช้มรรค8 ในการบรรลุธรรม คือสัมมาสติและสัมมาสมาธิ ไม่ใช่สติ และ สมาธิ เฉยๆ เย่างที่อาจารย์ของท่านปฏิบัติ
หาเวลาศึกษาพระอภิธรรมเพิ่มเติม ดีมากๆคนที่ยังเกิดอยู่เพราะยังมีอวิชาห่อหุ้มอยู่ ทำให้เกิดธาติสี่ ขันธ์ห้าและมีวิญญาน(จิต)เข้ามาถือครองมันเป็นแค่ความเป็นไปของธาตุสี่ขันธ์ห้าซึ่งไม่ใช่เราแต่คนไปยึดว่าเป็นเรา พอธาตุแตกเราก็ตาย ก็ไม่มีเรา ทุกอย่างแค่สมมุติเป็นธาติสี่ คืนกับสู่ธรรมชาติ พพจ.ค้นพบว่า สติปัฏฐานสี่ อริยมรรคมีองค์แปด ทางนี้เป็นทางสายเอกให้ถึงทางดับทุกข์ คือพระนิพพาน ให้ทำจิตกับไปเป็นจิตเดิมแท้ จิตก่อนการคิด มันบริสุทธิ์ จิตคิดดีไปทางดี คิดชั่วไปทางชั่ว ความคิดปรุงแต่งทำให้ไปสร้างกรรมใหม่ เป็นสัญญา(ความจำ)เก็บไว้ที่จิต ตัวจิต(ผู้รู้)กับตัวคิด(สังขาร) มันเป็นคนละตัวกันแต่มันอาศัยจิตเกิด มันไม่ใช่เราคิด แต่เราเข้าใจผิดว่าเป็นเราคิด เราพอใจ เราโกธร มันเป็นเพียงเหตุปัจจัย ผัสสะ ที่มากระทบ เพราะเรามีตา หู จมูก ลิ้น กายใจ พพจถึงให้สำรวมอินทรีย์ ให้แค่รู้เฉยๆแต่คนทั่วไปทำได้ยากรู้แล้วเฉยไม่ได้รู้แล้วลุยใครพูดผิดหูหน่อยไม่ได้ ปรุงแต่งต่อจนมีเรื่องมีราวแต่พพจ.ตรัสว่าไม่เกินวิสัยมนุษย์ที่สามารถฝึกได้.
ท่านอาจจะเข้าใจผิดเรื่องจิตนะครับ ที่มาเกิดเต็มโลกไม่ใช่จิต แต่เป็นสัตว์จิตแค่รับรู้อารมณ์ สัตว์เป็นผู้เข้าไปยึดติด โดยอาศัยจิตในการรับรู้อารมณ์ และที่มาเกิดเต็มโลกเพราะมีปัจจัยจากการยึดติดของสัตว์โลกจึงทำให้เกิด ถ้าสัตว์โลกเดินมรรคจนหมดปัจจัย(นิโรธ) ก็เข้าสู่สภาวะนิพพาน นิพพานเสื่อมได้ไหม ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นิพพานไม่มีเสื่อมปรากฏ เพราะฉะนั้น นิพพานเสื่อมไม่ได้ครับที่เสื่อมน่าจะเป็นสัตว์โลกนะครับ 🙏
@@manuswong3119🙏🙏🙏
จิตเดิมบริสุทธิ์ แต่ถูกห่อหุ้มด้วยกิเลสโดยไม่รู้ตัว จึงต้องฝึกปลอกเอากิเลสออกเรื่อยๆไงครับ
เรียนรู้จากร่างกายเราเองครับ กาย เวทนา จิต ธรรม หรือรูปนาม กายใจที่เป็นที่ตั้งแห่งทุกข์ ที่ตั้งแห่งความรู้สึกดีใจเสียใจ เศร้าใจหดหู่ใจ ธรรมทั้งหลายคือสภาวะที่เป็นเรียนรู้ด้วยสติ ปล่อยวางด้วยสมาธิ แล้วทุกอย่างจะเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเอง เป็นปกติ จนถึงที่สุดคือเห็นแต่การเกิดดับของทุกสิ่งที่เป็นปรมัตถ์ครับ
สอนผมมั้งตะ ผมอยากพ้นทุกข์คับ
แยกดี ๆ ครับ กาย เวทนา จิต ธรรม มันไม่ครบ ขันต์ 5 ผมเข้าใจนะ ว่าคุณหมายถึงอะไร แต่ คุณ จะเอา ขันต์ กับ สภาวะ หรืออาการมารวมกันไม่ได้ กาย เวทนา จิต ธรรม แค่นี้ มันหายไปขันต์ หนึ่ง ส่วนมากเค้าสื่อ ถึง สติปัฏฐาน 4 เป็นฐานที่ตั้ง ของจิต มี กาย เวทนา จิต ธรรม เพื่อ ทำกรรมฐาน แต่ขันต์ 5 หรือ รูปนาม นะ มันมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คนไม่รู้ งง กันพอดี เข้าใจที่จะสื่อ แต่อย่าสั้นก้อมเกินไปสิ ข้อมูลมันไม่ครบ
@@user-jm5rh3uo4o ความจริงก็มีอยู่แค่กาย เวทนา จิต และธรรมแค่นั้นล่ะครับ หากจะนับว่าขันธุ์ เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วยก็คงได้ แต่ความชัดเจนในการพิจารณา หากไม่มีปัญญาเห็นหรือรู้ในเรื่องของรูปกับนามก็บังคงแยกไม่ออกว่าอะไรคือคือขันธ์5 เพราะรูปก็คือกาย เวทนาคือนามที่เกิดกับกายและใจ ทั้งมีรูปที่เกิดกับกาย และไม่มีรูปเกิดกับใจ สัญญาคือความรู้ได้หมายจำ ก็เกิดกับจิต จิตปรุงแต่งในคิดไปต่างๆนาๆให้ดีและไม่ดีก็คือสังขาร สังขารแท้จริงไม่ใช่ร่างกายหากเป็นจิตปรุงแต่งที่เกิดจากจิตและเจตสิกที่สะสมเรื่องต่างๆไว้ในจิตใจ คือสภาวะธรรมหนึ่งที่จิตรับรู้ปรุงแต่ง วิญญานก็เกี่ยวกับอายตนะทั้ง6 คือหูตา จมูก ลิ้น กาย และที่เกิดกับใจ หากไปเจริญสติก็มีเพียงแค่รูป นาม กายและใจ ส่วนในเรื่องของขันธ์5 หากปัญญายังไม่เจริญถึงระดับของอุทยัพญาน ก็ไม่สามารถกำหนดในเรื่องของขันธ์5 ที่มีสภาวะเกิดดับอยู่ตลอดได้ครับ แต่เมื่อสมาธิมันคงปัญญาจากการภาวนาก้าวหน้าก็จะเห็นว่ามีการเกิดดับจากการกำหนดสภาวะธรรมเอง
@@user-eb2ry6uc8x มันก็ใช่ แต่ ขึ้นมาโดดไปไกลเกินไปไหม ถามจริง ขึ้น ป1 จะให้สะกดคำ เลยรึไงครับ ญาณ 1 บางคนยังไม่ได้ยังไม่รู้ ปนกันมั่ว แยก เป็นส่วน ๆ ก่อนดิ นามรูปปริยเฉจญาณ ยังไม่ไม่รู้เรื่อง ลาก ไปญาณ 4 เนี่ยนะ อวดภูมิ ธรรมว่างั้นเหอะ เอาที่สบายใจครับ สูงเกิ๊น คุยกะใครจะรู้เรื่อง แยกรูป แยกนาม สเเปะ สะปะไปหมด ผมว่าใจเย็น ค่อย ไปทีละขั้น นะครับ รู้สึก ปัญญา จะเกินไปหน่อย ลดลงมาบ้าง
@@user-eb2ry6uc8x ผมว่า เอาญาณ 1 นามรูปปริจเฉญาณ ให้ได้ก่อนมั้ยครับ ที่อ่านนี่วกไปวนมา เหมือนมโนเอาอย่างเดียวเลยนะครับ โดดไป ญาณ 4 เลย ผมว่า หัด กลับไปท่อง กอไก่ก่อน แล้วค่อยมาฝึกผสมคำ กอไก่ ยังไม่ได้ แล้วมาโม้ เรื่อง ผสมคำ สะกดคำ ปัญญาเกินไปไหน่อยนะครับ แยกรูปแยกนาม มั่วไปหมด
ต้องนำความรู้นี้ไปปฎิบัติ...ถ้าแค่รู้ไม่ปฎิบัติก็ไร้ค่า....ต้องดับทุกข์ได้.
ท่าน อาจารย์ อธิบายได้เข้าใจง่าย ขอบพระคุณมากครับ
ฟังทุกวันเลยครับชอบมากปัจจุบันการเรียนรู้สิ่งต่างๆง่ายเพียงแค่เราเลือก
ที่จะเรียนสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้นคุณก็จะได้รับสิ่งที่ดีๆเข้ามาในการใช้ชีวิตของคุณเอง
สาธุๆๆ ครับ
ขอบคุณอาจาร์ยที่ตอบคำถามภายในใจอย่างเป็นเหตุและผล ที่คนคิดว่าสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่จริงๆค่ะธรรมชาติทีีมีอยู่แล้ว แต่มนุษย์ ยังไม่เข้าใจหรือเป็นองค์ความรู้ทึีพึ่งพิสูจน์ ทางวิทยาศาสตร์ได้
เหลือเชื่อว่าอาจารอทิบายได้ดี และมีคุนเข้าใจได้ด้วย แต่ว่าจิตตะวิลญานนี้คงเป็นทาตุบริสุดและคงละเอียดมากๆ
สาธุธรรม
อาจารย์กรุณาช่วยเอ่ยสิ่งที่พูดถึงด้วย เนื่องจากดูในยูทูปมองสิ่งที่เขียนในบอร๋ดไม่เห็นค่ะ ใช้การฟังเป็นหลักค่ะ ถ้าอาจารย์ไม่เอ่ยชื่อสิ่งที่พูดถึงด้วยคนที่มองไม่เห็นก็ไม่เข้าใจค่ะ กรุณาด้วยนะคะ
การเข้าถึงพุทธภาวะจิตจะระเบิดเถิดเทิงเหมือนที่ท่านทั้งหลายกล่าวไว้มั้ยคะอ. ขอบคุณค่ะ
กราบขอบคุณอจ.บรรยายสอนให้เข้าใจได้อย่างกระจ่างชัด
สาธุๆๆครับครู
สาธุค่ะ, อาจารย์
ทำไมครูสอนศาสนาไม่สอนผมแบบนี้ สอนแต่นัั่งสมาธิสวนมนต์ เรียนศาสนามาเกือย20ปี แทบไม่ได้อะไรเลย ฟังอาจารณ์2ชั่วโมง เข้าใจเกือบหมด RIPการศึกษาไทย
😅 3:22
ล
คนยังเข้าไม่ถึงแก่นก็ไม่รู้เลยสอนเรื่องไม่รู้ให้คนไม่รู้โง่ต่อไป
ชอบบบ 3:52 3:52
อนุโมทนาบุญกับท่านที่ฟังแล้วเข้าใจนะคะ สาธุๆค่ะ
ได้ประโยชน์มากมายครับ
ขอบพระคุณท่านอาจารย์🙏🙏🙏
Thank you
อนุโมทนาสาธุครับอาจารย์
ขอบพระคุณมากค่ะอาจารย์ เข้าใจแล้วค่ะ
ดีมากมีประโยช์น
ขอบคุณครับ
เคยเห็นผีบ่อย ๆ
เคยเห็นเปรต ครั้งหนึ่ง
บอกคนที่กลัวผี แล้วยังไม่เคยเห็น
ไม่น่ากลัวเท่าในหนังที่ปรุงแต่งให้
หนังสนุกตื่นเต้นส์ เป็นพลังงานที่
อ่อนเหมือนแบตเตอรี่ใกล้หมด ...
พวกสัตว์ ก็เห็นเช่นกัน
ถามวิทยาศาสตร์คงมีสายตา
ที่มีค่าเรติน่อล ที่จับภาพพลังงาน
ที่เป็นคลื่นได้
ถ้าไม่ได้ฝึกจิต ละการยึดติด
สารพัดวิธีตาย อาจเป็นคลื่นพลังงาน
ที่ยังยึดติดไม่ไปไหน
วาสนา คือ สิ่งที่ทำประจำทุกวัน
จะสะสมในจิต ถ้าไม่ฝึก หาภพภูมิ
ไม่ได้ เพราะยึดติดในรูปก่อนตาย
เหมือนง่าย แต่ทำยากมากๆไม่ใช้เวลาฝึก ไม่ใช้เวลาละ ตัวกู ของกู
รับรอง ยากส์สุดๆ
เปรตหน้าตาเป็นอย่างไรครับ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ สัจธรรม ได้ด้วยพระองค์เอง ท่านบัญญัติ พระธรรม กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา ท่านบัญญัติ พระธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 เป็นการจดลิขสิทธิ์ทาง ปัญญา ลิขสิทธิ์ของพระพุทธเจ้าก็คือ ต้องมีศรัทธาในตถาคตภาษิตเท่านั้นถึงจะเป็นการเจริญ อริยมรรคมีองค์แปด เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ พระธรรม กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม คือ การเจริญอริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ซึ่งเป็นบุคคล 4คู่ 8 พวก พวกปฏิผล พวกปฏิมรรค เริ่มที่เป็น สัทธานุสารี ที่เกิดจาก การฟัง การอ่าน การจด การท่องจำ พระธรรม นั่นเองคะ เมื่ออินทรีย์แก่กล้าขึ้นเริ่มเจริญปัญญาจึงแยกเป็นสอง เป็นปฏิผล เป็นปฏิมรรค แบบชัดเจนนั่นเองคะ เป็นพวกปฏิผลเจริญสัมมาทิฏฐิ จาก สัทธานุสารี เป็น ธัมมานุสารี นั่นเองคะ ใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ปัญญาเกิด ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ จึงทำให้มีสัมมาทิฏฐิที่สมบูรณ์นั่นเองคะ เข้ามาฟัง พระธรรม เป็นการปฏิบัติตาม อริยมรรคมีองค์แปด การปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปดทำให้มีดวงตาเห็น พระธรรม เห็นกฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม นั่นเอง พวกปฏิมรรคเจริญสัมมาสังกัปปะ จาก สัทธานุสารี เป็น สกทาคาปฏิมรรค เริ่มรักษา ศีล เจริญสมาธิ คือละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ ได้อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ เป็น อนาคาปฏิมรรค ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็นอนาคามี การเจริญปัญญาของพวกปฏิมรรค เจริญสัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ ปฏิบัติละนันทิใน เวทนา อุเบกขา และ ละนันทิใน สัญญาและรูป ด้วยการเจริญอานาปานสติ เป็น อรหันตมรรค ละนันทิจิตหลุดพ้น เข้ามาฟัง พระธรรม เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี ทำให้มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต มีศรัทธาในตถาคตภาษิต คือ การเจริญอริยมรรคมีองค์แปด การเจริญอริยมรรคมีองค์แปด ทำให้เห็น พระธรรม นั่นเอง เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม และเห็น อริยมรรคมีองค์แปด เห็น ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 เห็น อริยสัจสี่ และ เห็น การทำงานของ วิญญาณ และ นามรูป นั่นเองคะ
ขอบพระคุณอาจารย์มากๆค่ะ 🙏
ไม่เคยเจอใครที่สอนให้รู้แจ้งแทงตลอดได้อย่างอาจารย์ อยากไปกราบท่านสักครั้งครับ ใครพอทราบว่าท่านอยู่ที่ไหน
อธิบายได้ดีมากๆคับ แต่ว่าแดนนิพพาน มีแสงสว่างมากๆๆๆๆๆ แล้วพ้นไปนิดก็ถึงแดนนิพพานคับ
ขอเรียนถามว่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยท่านใดที่สอนศาสนามีคริปสอนในยูทูปไหมคะ
ขอความกรุณาเพื่อเพิ่มเติมค่ะ
ปติบัตเลยครับ อบรมกายคตาสติ เลยครับจะได้มีคำตอบตรงนั้นแล
ขอบคุณอาจารย์ทวีศักดิ์อย่างยิ่งค่ะ
เราเป็นเพียงกระแสยึดเกาะ มันไม่มีดินแดนนิพพานหรอกครับ มันมีแค่ทางสายกลางและสภาวะที่พอเหมาะพอดี ไม่ทุกข์มาก หรือสุขมากเท่านั้นครับ เสมือนเรือที่พายไปกลางแม่น้ำและไม่เคยชนหินจนเรือแตกเท่านั้นเองครับ
สนามรวมเอกภพ คือพุทธะภูมิที่มี
เพิ่งเข้าใจว่าพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ก็ตอนมาฟังอาจารย์ทวีศักดิ์นี่หล่ะค่ะ
@อ.ทวีศักดิ์ ใครเป็นผู้ละสังขตะ จนเมื่อเหลือแต่อสังขตะ แล้วใครคนนั้นหายไปอยู่ที่ไหนครับ
❤❤❤❤
ไม่มีใครละ..
เพราะไม่มีตัวกู ของกู ไม่มีบุคคล เรา เขา เป็นเพียงสิ่งสมมติคนนั้น คนนี้ ตั้งชื่อเรียกไว้สื่อสารทางโลก
คือมีแต่รูปกับนาม
รูปประกอบธาตุ4 ดิน น้ำ ไฟ ลม
นามคือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ชีวิตคือ รูปกับนาม หรือกายกับใจหรือจิต
หรือขันธ์5คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
และอาจารย์ได้ให้ความรู้ว่ามีอากาศธาตุเป็นข่องว่างในร่างกายเราเพื่อเป็นทางผ่านของอาหาร อากาศ คลื่นเสียง คลื่นแสง
และต้องมีธาตุรู้หรือจิตเดิมแท้ที่มีมาก่อนและมีตลอดกาลนาน ไม่เกิด ดับ ไม่มีการปรุงแต่งเปลี่ยนแปลง บางคนเรียกผู้รู้ซึ่งแตกต่างจากผู้รู้ในขันธ์5..
..สาธุ เมื่อไม่มีกาย ใจก็จะพบความสงบ เย็นคือนิพพาน
ถ้ามนุษย์ รู้แบบนี้ เข้าใจ แบบนี้ คนจะไม่กลัวบาปนะคะหนูว่า
อยากสอบถามเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดกัน "รู้และเข้าใจแบบนี้ คนจะไม่กลัวบาป = รู้และเข้าใจว่า?"
ตามความเข้าใจของเรา ในเส้นทางนี้ต้องถึงพร้อมทั้ง ศีล+สมาธิ+ปัญญา ที่ครอบคลุมทั้ง กาย+วาจา+ใจ คนที่ทำได้ห่างไกลคำว่าทำบาปไปมากๆๆๆๆ
ตราบใดที่ยังติดอยู่ในขันธ์ 5 อยู่ระบบกรรม บุญ บาปก็ยังมีผลอยู่ค่ะ
ถ้าเป็นเหมือนที่อาจารว่า อชาตสัตตรูคงบรรลุแล้ว แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ลืม แต่สอนให้รู้ เข้าใจ ให้อภัย ไม่ยึด และปล่อยวาง เอาว่าซักผ้าให้เกลี้ยง แล้วเมื่อเกลี้ยงแล้ว ก็ระวังความสกปรกให้ดีๆ จิตที่สะอาดย่อมไปดี จิตที่ไม่ดี ย่อมไปลำบากเป็นธรรมดา และโลกนี้ไม่ความยุติธรรม
ทำอนันตริยกรรม5ไม่สามารถเข้านิพพานต้องรับกรรมก่อน
@@user-qp7nv5wq9h❤❤❤
ใช่ค่ะ..องคุลิมาลฆ่า999ศพเกือบทำอนันตริยกรรมฆ่าแม่แต่พพจ.มาโปรด..สาธุ
..และพพจ.ทรงสอนสติปัฏฐาน4อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน..จบ
ถ้าจิตเดิมแท้บริสุทธิ
อยู่แล้ว เป็นนิพพานอยู่แล้ว ย่อมพ้นทุกข์ไปแล้ว ไม่มาเกิดอีกแล้ว
แล้วยังมาเกิดเต็มโลกพร้อมจิตที่มีนิพพานผสม ได้อย่างไร
ดูมันขัดๆ น่ะครับ
แสดงว่านิพพานก็เสื่อมได้ซิครับ
จิตเดิมของมนุษย์คืออรูปพรหมครับ เหมือนที่ อาฬาดาบส และอุทิกะดาบสผู้เป็นครูของพระพุทธเจ้าฝ่ายโยคะศาสตร์ อยู่ในปัจจุบันนี้ คือ เป็นส่วนหนึ่งของอาตมันในความเชื่อแบบพราห์ม ส่วนพระพุทธเจ้า ใช้มรรค8 ในการบรรลุธรรม คือสัมมาสติและสัมมาสมาธิ ไม่ใช่สติ และ สมาธิ เฉยๆ เย่างที่อาจารย์ของท่านปฏิบัติ
หาเวลาศึกษาพระอภิธรรมเพิ่มเติม ดีมากๆคนที่ยังเกิดอยู่เพราะยังมีอวิชาห่อหุ้มอยู่ ทำให้เกิดธาติสี่ ขันธ์ห้าและมี
วิญญาน(จิต)เข้ามาถือครองมันเป็นแค่ความเป็นไปของธาตุสี่ขันธ์ห้าซึ่งไม่ใช่เราแต่คนไปยึดว่าเป็นเรา พอธาตุแตกเราก็ตาย ก็ไม่มีเรา ทุกอย่างแค่สมมุติเป็น
ธาติสี่ คืนกับสู่ธรรมชาติ พพจ.ค้นพบว่า สติปัฏฐานสี่ อริยมรรคมีองค์แปด ทางนี้เป็นทางสายเอกให้ถึงทางดับทุกข์ คือพระนิพพาน ให้ทำจิตกับไปเป็นจิตเดิมแท้ จิตก่อนการคิด มันบริสุทธิ์ จิตคิดดีไปทางดี คิดชั่วไปทางชั่ว ความคิดปรุงแต่งทำให้ไปสร้างกรรมใหม่ เป็นสัญญา(ความจำ)เก็บไว้ที่จิต ตัวจิต(ผู้รู้)กับตัวคิด(สังขาร) มันเป็นคนละตัวกันแต่มันอาศัยจิตเกิด มันไม่ใช่เราคิด แต่เราเข้าใจผิดว่าเป็นเราคิด เราพอใจ เราโกธร มันเป็นเพียงเหตุปัจจัย ผัสสะ ที่มากระทบ เพราะเรามีตา หู จมูก ลิ้น กายใจ พพจถึงให้สำรวมอินทรีย์ ให้แค่รู้เฉยๆแต่คนทั่วไปทำได้ยากรู้แล้วเฉยไม่ได้รู้แล้วลุยใครพูดผิดหูหน่อยไม่ได้ ปรุงแต่งต่อจนมีเรื่องมีราวแต่พพจ.ตรัสว่าไม่เกินวิสัยมนุษย์ที่สามารถฝึกได้.
ท่านอาจจะเข้าใจผิดเรื่องจิตนะครับ ที่มาเกิดเต็มโลกไม่ใช่จิต แต่เป็นสัตว์
จิตแค่รับรู้อารมณ์ สัตว์เป็นผู้เข้าไปยึดติด โดยอาศัยจิตในการรับรู้อารมณ์ และที่มาเกิดเต็มโลกเพราะมีปัจจัยจากการยึดติดของสัตว์โลกจึงทำให้เกิด ถ้าสัตว์โลกเดินมรรคจนหมดปัจจัย(นิโรธ) ก็เข้าสู่สภาวะนิพพาน
นิพพานเสื่อมได้ไหม ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นิพพานไม่มีเสื่อมปรากฏ เพราะฉะนั้น นิพพานเสื่อมไม่ได้ครับ
ที่เสื่อมน่าจะเป็นสัตว์โลกนะครับ 🙏
@@manuswong3119🙏🙏🙏
จิตเดิมบริสุทธิ์ แต่ถูกห่อหุ้มด้วยกิเลสโดยไม่รู้ตัว จึงต้องฝึกปลอกเอากิเลสออกเรื่อยๆไงครับ
เรียนรู้จากร่างกายเราเองครับ กาย เวทนา จิต ธรรม หรือรูปนาม กายใจที่เป็นที่ตั้งแห่งทุกข์ ที่ตั้งแห่งความรู้สึกดีใจเสียใจ เศร้าใจหดหู่ใจ ธรรมทั้งหลายคือสภาวะที่เป็นเรียนรู้ด้วยสติ ปล่อยวางด้วยสมาธิ แล้วทุกอย่างจะเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเอง เป็นปกติ จนถึงที่สุดคือเห็นแต่การเกิดดับของทุกสิ่งที่เป็นปรมัตถ์ครับ
สอนผมมั้งตะ ผมอยากพ้นทุกข์คับ
แยกดี ๆ ครับ กาย เวทนา จิต ธรรม มันไม่ครบ ขันต์ 5 ผมเข้าใจนะ ว่าคุณหมายถึงอะไร แต่ คุณ จะเอา ขันต์ กับ สภาวะ หรืออาการมารวมกันไม่ได้ กาย เวทนา จิต ธรรม แค่นี้ มันหายไปขันต์ หนึ่ง ส่วนมากเค้าสื่อ ถึง สติปัฏฐาน 4 เป็นฐานที่ตั้ง ของจิต มี กาย เวทนา จิต ธรรม เพื่อ ทำกรรมฐาน แต่ขันต์ 5 หรือ รูปนาม นะ มันมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คนไม่รู้ งง กันพอดี เข้าใจที่จะสื่อ แต่อย่าสั้นก้อมเกินไปสิ ข้อมูลมันไม่ครบ
@@user-jm5rh3uo4o ความจริงก็มีอยู่แค่กาย เวทนา จิต และธรรมแค่นั้นล่ะครับ หากจะนับว่าขันธุ์ เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วยก็คงได้ แต่ความชัดเจนในการพิจารณา หากไม่มีปัญญาเห็นหรือรู้ในเรื่องของรูปกับนามก็บังคงแยกไม่ออกว่าอะไรคือคือขันธ์5 เพราะรูปก็คือกาย เวทนาคือนามที่เกิดกับกายและใจ ทั้งมีรูปที่เกิดกับกาย และไม่มีรูปเกิดกับใจ สัญญาคือความรู้ได้หมายจำ ก็เกิดกับจิต จิตปรุงแต่งในคิดไปต่างๆนาๆให้ดีและไม่ดีก็คือสังขาร สังขารแท้จริงไม่ใช่ร่างกายหากเป็นจิตปรุงแต่งที่เกิดจากจิตและเจตสิกที่สะสมเรื่องต่างๆไว้ในจิตใจ คือสภาวะธรรมหนึ่งที่จิตรับรู้ปรุงแต่ง วิญญานก็เกี่ยวกับอายตนะทั้ง6 คือหูตา จมูก ลิ้น กาย และที่เกิดกับใจ หากไปเจริญสติก็มีเพียงแค่รูป นาม กายและใจ ส่วนในเรื่องของขันธ์5 หากปัญญายังไม่เจริญถึงระดับของอุทยัพญาน ก็ไม่สามารถกำหนดในเรื่องของขันธ์5 ที่มีสภาวะเกิดดับอยู่ตลอดได้ครับ แต่เมื่อสมาธิมันคงปัญญาจากการภาวนาก้าวหน้าก็จะเห็นว่ามีการเกิดดับจากการกำหนดสภาวะธรรมเอง
@@user-eb2ry6uc8x มันก็ใช่ แต่ ขึ้นมาโดดไปไกลเกินไปไหม ถามจริง ขึ้น ป1 จะให้สะกดคำ เลยรึไงครับ ญาณ 1 บางคนยังไม่ได้ยังไม่รู้ ปนกันมั่ว แยก เป็นส่วน ๆ ก่อนดิ นามรูปปริยเฉจญาณ ยังไม่ไม่รู้เรื่อง ลาก ไปญาณ 4 เนี่ยนะ อวดภูมิ ธรรมว่างั้นเหอะ เอาที่สบายใจครับ สูงเกิ๊น คุยกะใครจะรู้เรื่อง แยกรูป แยกนาม สเเปะ สะปะไปหมด ผมว่าใจเย็น ค่อย ไปทีละขั้น นะครับ รู้สึก ปัญญา จะเกินไปหน่อย ลดลงมาบ้าง
@@user-eb2ry6uc8x ผมว่า เอาญาณ 1 นามรูปปริจเฉญาณ ให้ได้ก่อนมั้ยครับ ที่อ่านนี่วกไปวนมา เหมือนมโนเอาอย่างเดียวเลยนะครับ โดดไป ญาณ 4 เลย ผมว่า หัด กลับไปท่อง กอไก่ก่อน แล้วค่อยมาฝึกผสมคำ กอไก่ ยังไม่ได้ แล้วมาโม้ เรื่อง ผสมคำ สะกดคำ ปัญญาเกินไปไหน่อยนะครับ แยกรูปแยกนาม มั่วไปหมด
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ