Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
พึงเข้ามาฟังธรรม เป็นธรรม แท้จริงสาธุ
ผมจะมีบุญไหมหนอ สักครั้งในชีวิตที่จะได้ไปเจอท่าน และถ้าได้เจอแล้วจะมีโอกาสได้ถามเพื่อได้เข้าใจธรรมไหมหนอ
กราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ🙏🙏🙏
สาธุ...
สาธุค่ะ🙏😇
อนุโมทนาสาธุบุญเจ้าค่ะ🙏🙏🙏 สาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
กราบสาธุค่ะหลวงพ่อ
กราบนมัสการพระอาจารย์ เหมือนผจญกับมาร
สาธุค่ะ
กราบสาธุครับ
อนุโมทนาสาธุ
กราบสาธุสาธุสาธุครับ
สาธุุ.....🙏🙏🙏
รักษากายเพื่อสร้างกรรมดีสู่นิพาน
กราบสาธุครับ🙏🙏🙏
สาธุ🙏🌷
น้อมกราบนมัสการ สาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ พระอาจารย์ 🙇🏻♂️🙇🏻♂️🙇🏻♂️
น้อมกราบพระอาจารย์และขออนุโมทนาในธรรมที่ท่านแจ่มแจ้งชัดเจนด้วยเจ้าค่ะ สาธุค่ะ
มันจริงหรือไม่ลองนึกดูนะคนทั่วไปมักไปอ้างว่า พระพุทธเจ้าต้องเสียสละพระราชวังอำนาจควาทมั่งคั่งร่ำรวยที้งทั้งหมดไปบำเพ็ญในป่า บำเพ็ญสมาธินั่งนิ่ง จึงเป็นพระพุทธเจ้าได้ จริงจริงแล้ว พระพุทธเจ้านั่งสมาธิเป็นเข้าฌานได้ตั้งแต่เด็ก ตอนพระบิดาพาไปแรกนาขวัญนั้นแล้วไปอ่านดูว่าท่านทำอะไรระหว่างพระบิดากำลังแรกนาขวัญนั้น อยู่ต่อมาจนอายุ 35 ปีแต่งงานมีลูกหนึ่งคน จึงออกไปหาสมาธิเพิ่มเดิมที่ อาฬาระ อุทกะดาบส จนได้ฌานสูงสุดไม่มีทางเหนือกว่านั้นอีกแล้ว จึงลาอาจารย์ไปตายเอาดาบหน้า หันมาบำเพ็ญแบบเคล่งคลัด ตามความเชื่อนักบวชสมัยนั้น จุดประสงส์เพื่อฆ่ากิเลสแล้วบรรลุนี้แหละ สุดท้ายเกือบเอาตัวไม่รอดทำทุกอย่างแล้ว จนหมดสภาพเหลือหนังหุ้มกระดูก นอนแผล่หมดแรงอย่างเดียว เขาเรียกทุกระกิริยาใช่ไหม ก็ไม่อาจบรรลุได้เลย จนนางสุชาดามาเจอท่านนอนหมดแรงอยู่ จึงถวายน้ำอาหารสามารถพูดคุยกันได้ นางจึงถามท่านว่า ที่ทำแบบนี้เพื่ออะไร ท่านกำลังหาอะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ เท่านี้แหละสติกลับคืนทันที จึงได้สติว่า อ้าว!เห้ย! ที่ผ่านๆมาเราคิดปรุงไปเองนี้ เราทำตามความคิดทั้งนั้นนี้ ท่านบรรลุตรงนั้นครั้งนั้นเพราะคำพูดนางสุชาดานี้แหละ จึงเลิกนั่งสมาธิบำพงบำเพ็ญหมด แต่การบรรลุนั้น หมายถึงกลับมาได้สติเห็นตัวคิดปรุง และตัวไม่คิดปรุงแต่ง เห็นธรรมสองฝั่ง ฝั่งนั่งเป็นสมติคิดปรุงแต่งมีนั้นนี้ทุกอย่าง มนุษย์ปกติก็เพราะเข้าไปยึดถือมันจึงเกิดทุกข์ เกิดกิเลสนั้นนี้ไปเอง แต่อีกฝั่งเป็นวิมุติไม่คิดไม่ปรุงแต่งใดๆ ไม่มีอะไรเลยมันเป็นเช่นนั้นตลอดกาล ไม่มีอดีตอนาคตปัจจุบันใดๆ ไร้ภาษาไร้คำพูดสิ้นเชิง แต่ความไร้ภาษาวิมุติตรงนี้ จะหาคำพูดที่จะสื่อออกมาเป็นภาษาได้อย่างไร ท่านจึงทวบทวนไปมาอยู่นั้น 49 วัน จึงได้ออกมาเป็นภาษาสื่อกันได้นั้นคือขันธ์ห้า อริยสัจสี่ปฎิจจสมมุปปาท สติปัฎฐานสี มรรคแปด นี้แหละ ช่วงนี้เรียกได้ว่าตรัสรู้ธรรม ความเป็นสัมมาสัมพุทธะจึงครบบริบูรณ์ จากนั้นท่านก็ไปเทศน์สอนกับปัญจวัคคีได้ผล จากนั้นไปเทศน์ให้กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ก็ได้ผล ท่านไม่เคยสอนให้นั่งสมาธิหรือวิธีการใดๆ นอกจากไปเทศน์ไปพูดให้คนเข้าใจก็เกิดความเข้าใจก็บรรลุได้เลย ที่ท่านต้องออกไปทิ้งราชวังนั้น เพราะไม่มีใครสอนได้ตอนนั้น ถ้ามีคนสอนสถานที่ไม่สำคัญอะไร เข้าใจได้ทุกที่ ท่านไปเทศน์มีทั้งราชวังบ้านเรือน ช่องนางขายบริการทั้งเพศ ตามไร่นาป่าเขาก็มีหมด คนสมัยนี้ไปยึดเอา ตอนที่ท่านยังไม่มีสติหลงอยู่ว่ามันต้องบำพงบำเพ็ญจึงบรรลุ จึงพากันบวชพากันนัางสมาธิด้วยวิธีบริกรรมนั้นนี้เต็มไปหมด มาอ้างว่าพระพุทธเจ้าให้เดินทางแบบนี้ จริงๆตอนนั้นท่านไม่มีสติ มีแต่ความคิดไงตามความเชื่อของสมัยนั้น จึงต้องออกบวช ถ้าการนั่งสมาธิแล้วบรรลุได้ ทำไหมท่านไม่บรรลุตอนบำเพ็ญอยู่กับอาจารย์ทั้งสองละ ทำไหมอาจารย์ทั้งสองนั้นไม่บรรลุละ เพราะอะไร คนไม่รู้มักพาคนเข้าใจผิดเดินทางผิด แบบนี้แหละ ธรรมะจริงๆนั้นคือ ความไม่มีอะไร มิน่าใช่ไหมหาเท่าไรๆ บำเพ็ญเท่าไรๆก็ไม่อาจบรรลุได้ เพราะกำลังแสวงหาสิ่งที่ไม่มี แล้วจะเจอได้อย่างไร หยุดหาหยุดคิดหยุดพูด หยุดอยากหยุดยึดติดหยุดทุกอย่างได้จริงเมื่อไหร่ ธรรมะก็อยู่ตางนั้นแหละ และผู้มีวาสนาด้านการพูดสอนก็สามรถแนะนำคนอื่นต่อได้ คนที่บรรลุแล้วไร้วาสนาด้านการสื่อสารก็อยู่ไปอย่างนั้นในสังคมทั่วไปแหละ ทำไหมตลอดสี่สิบห้าปีของพุทธเจ้า สาวกที่โด่งดังมีขื่อเสียงมาถึงปัจจุบันนี้ มีแค่ 80 รูป เพราะผู้บรรลุทุกคนไม่ใช่จะสอนใครได้ทุกคนนั้นเองืเพราะว่าธรรมะนั้นไร้ภาษาจริง ผู้ที่สอนได้เขาก็ต้องใช้ความคิดปรุงแต่งมาเป็นภาษาอีกทีจึงพูดออกมาได้ บางคนที่บรรลุแล้ว มันก็สงบสุขอยู่ตามลำพังตัวเองแล้ว ไม่อยากวุ่นวายกับใครอีก แค่ใช้ชีวิตปกติสบายๆไปแค่นั้น คนก็ไม่รู้คิดอย่างไรไม่เข้าใจทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่บรรลุอะไร ยังไม่รู้เลยว่าพระพุทธเจ้าท่านเองสอนอะไรกันจริงๆ แต่ตั้งตนเป็นผู้รู้เจ้าสำนัก นักเทศน์ รวบรวมคนเชื่อง่ายไปกองกันตามสถานที่ต่าง หลักสิบบ้างหลักร้อยบ้างหลักพันบ้าง จงกลับมาสำนึกดูให้ดีเถอะมันใช่จริงไหมที่ตนสอนอยู่นั้น มันใช่ไหมตนเชื่ออยู่นั้น ก่อนจะตายไปเปล่าๆนะ.tom success
กราบพระอาจารย์ครับ
สาธุครับ
สาธุๆๆครับพระอาจารย์
การม้างกาย มันต้องเรียนการนั่งสมาธิขั้นต้นก่อน ถึงจะทำได้
สาธุๆๆ
สาธุ
โยมเห็นกายเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ได้ผ่านการนั่งสมาธิจนจิตดิ่ง สงบ เอกคตารมณ์เลยเจ้าค่ะ ยากมากสำหรับจริตโยม ได้จากการ ลืมตาพินาธาตุขณะกินข้าว เอาธาตุเข้าเอาธาตุออก สองวันค่ะ เห็นความเป็นธาตุจริงๆไม่ใช่คนแล้ว หลวงพ่อให้โยมพินา นามทั้งสี่เริ่มทำงานตัวไหนก่อนส่งต่อกันเปนทีมจนจบ วนเรื่องใหม่ วนแล้ววนเล่าวัฏจักร บนหัวเรา เหนเหมือนหลวงพ่อที่สอนโยมว่าไว้จริงๆ ว่าถ้าทำลายกายหยาบได้ ที่เหลือนามมันจะง่าย วันที่สาม เห็นการทำงานกลมกลืนกลืนกันสอดคล้องกัน นามและรูปองอาศัยกัน จนจบกระบวนการ เหนความมหัศจรรย์ที่เข้าไปแบบไม่มีคำบรรยายบอกโยมว่าอะไรเปนอะไร มันเข้าใจด้วยภาพขึ้นมาในจิตแสดงให้ละครใบ้ให้เราเข้าใจจุดนี้ไปจุดนี้ส่งต่อไปจนครบที่วิญญาณ จึงได้เข้าใจ เราทุกข์เพราะเรา "หลงในรู้" เพราะการทำงานของธาตุรู้อวิญญาณนี้เอง รุ้แล้วมีความหมาย รุ้แล้วตัดสิน มันไปบางอ้อที่เราถุกสอนมาตั้งแต่แรกเมื่อหลายปีก่อนสายลป.ดุลย์ ให้รุ้เฉยๆ รักษาจิตเปนกลาง ไม่ผลักออก ไม่ดึงเข้า สักว่ารุ้ เพียงแค่รู้ นี่คือที่มาของการเข้าใจวันนี้นี่เอง ...และเข้าใจอะไรต่อมิอะไรตามมาอีกกระจ่างแจ้งต่อเนื่องเปนช็อตๆ เหมือนฟ้าร้องคำรามตี้งแต่เริ่มจนหมดพลังงาน เงียบสงบ รอดูจิตจะเปนยังไง นั่งกอดเข่านะคะตอนที่พินาเห็นความมหัศจรรย์นี้หนะ รอไปสองนาที สามนาที ไม่เหน หมดแล้ว ไม่เห็นจิต เลยมานั่งทวน ตะกี้เห็นอะไรยังไง กระจ่างต่ออีกเกิดความเฉยอัตโนมัติรอบสองจากตอนหัวค่ำที่เฉยไปรอบนึงแล้ว จากการที่เห็นธาตุสี่ไม่ใช่คนแล้วนั้น มารอบนี้อีก เหนหน้าคนที่ทำให้เราเจ็บแค้นขึ้นมา กลับไม่มีอารมณ์แค้นใจอยากฆ่าแกงเลย มือแขนล่อย ง่อยเปลี้ยเพลีย จิตใจไม่พุ่ง เหมือนนอนแน่นิ่ง อัศจรรย์หลายประการเจ้าค่ะ เล่าให้หลวงพ่อฟังรุ่งเช้า ทำไมเราไม่เหนจิต ท่านอธิบายให้ฟัง เห็นแล้วยังไงบ้าง ...หลายเดือนต่อมา มาทบทวนอีก ทำไมเราเหนในขณะปฏิบัติแบบนั้นมันเหลือเชื่อ เพราะที่เราฟังลต.บัว ลป.มั่นสอนกันมา ทรมานสังขารร่างกาย เดินจงกรมวันหลายชั่วโมง ธุดงค์เข้าป่าเสี่ยงเปนเสี่ยงตาย นั่งสมาธิจนก้นแตก ฝ่าเท้าแตก โยมฟังแล้ว มาเปรียบเทียบเราเปนอุบาสิกา ไม่ได้ทนขนาดนั้น นั่งก็มีแต่หลับ เดินจงกรมก็มีแต่โมโหขึ้น ของขึ้นพรึ้บๆ ยังกะเอาน้ำมันราดบนกองไฟ อยู่วัดก็ปัญหาเยอะ ชาตินี้ไม่หวังอะไรเลย ไม่เหนแม้แสงปลายปลายอุโมงรึหิ่งห้อย ตายคาอุโมงค์นี้แหละชาตินี้ชาติหน้าก็ไม่หวัง ชาตินี้ได้แค่ถือศีล ทำทาน ปฏิบัติก็กระท่อนกระแท่นตามเวรกรรม หนักที่งานครัวงานวัดมากกว่ากว่าอย่างอื่น นี้คือความสิ้นหวังอย่างแท้จริง จนได้มาเจอหลวงพ่อที่สอนโยม มันสวนกระแสสวนทาง มาแบบ เล่าคนอื่นฟัง นี่อ้าปากค้าง ตัวเองยังทึ่ง มันเปนไปได้ไง ในวัดที่ไปปฏิบัติ สบายมากสบายใจสุดๆ ไม่ได้ตื่นดึกทรมานร่างกาย อดหลับนอน มาหลังแข็งนั่งสมาธิไม่ใช่เลย มีแต่ตื่นตีห้ามากวาดใบไม้สบายๆคนเดียว ท่านให้อยู่คนเดียวที่กุฏิของใครของมัน กินข้าวช่วยเก็บล้างแล้วเข้าที่พัก ฟังคำแนะนำจากหลงงพ่อเปนแนวทางสั้นๆ แล้วเข้าที่พักไปปฏิบัติ คือพินา ไม่ได้นั่งสมาธิ การพินาทั้งที่ลืมตา มันคือขณิกกะ โยมทึ่งตัวเองตรงนี้แหละค่ะ ขณิกกะก็ไปได้นี่หว่า เลยได้มองเห็นว่าทำไม มีคนบรรลุธรรมที่นั่งฟังต่อหน้าพระพุทธเจ้า ตอนนั้นไม่มีใครสวดมนต์ก่อน ขอศีลก่อน นุ่งเครื่องแบบก่อนเลยสักคน รึ ทำฌานก่อนนะ พระพุทธองค์ค่อยสอน ไม่มีแบบนี้เลย คนเห็นธรรมกันมากมายในขณิกกะ เชื่อแล้วมีได้จริง โยมกราบเรียนถามหลวงพ่อเยื่อนในสภาวะตัวเอง ที่มัน งง ว่า เราเห็นจิตแล้ว แต่ทำไมเราไม่รุ้ว่าอัรไหนจิต เคยฟังจิตคือพุทธะมาก่อนหน้านี้แล้ว ครั้นพอวันนั้น มันไม่แสดงให้เราเห็น แบบชัดเจน ก็ สงสัยถึงได้กราบเรียนถามท่าน ท่านก็บอกที่เห็นนั้นแหละจิต เข้าใจแท้จริงว่า ทุกข์อยุ่ที่ขันห้านี้จริงๆ มุ่งมาที่ทำลายการประกอบ กันขึ้นเปนรุปร่างจิตใจนี้แหละ ไม่ต้องไปศึกษาอย่างอื่นเลย หญ้าในกำมทอพระพุทธองค์จริงๆค่ะรุ้ตัวเองอยุ่ค่ะว่า ยังไม่ถึงที่สุด 🙏🏽🙏🏽🙏🏽
โมทนาสาธุการขอรับ
ไม่ผิดไม่ใช่ทางสู่ทางที่แสนไกล
อธิบายได้กระจ่างแท้พระอาจารย์... สาธุ(ม้างบ้าน คือ รื้อบ้าน/ภาษาอีสาน)ไทยไม่เคยสิ้นพระอรหันต์
สมาธิมีสองแบบ มิจฉาสมาธิกับสัมมาสมาธิที่ท่านพูดว่าจิตใสยกตย. นั่งอย่างเดียว ๓ ชม. ทำวันละกี่รอบก็ได้ ผ่านเวทนากล้ามาก่อน ปีติเกิด จิตเข้าสู่ความสงบจิตเป็นสมาธิ แสงสว่างเจิดจ้ากับใจที่รู้อยู่คำว่าใส ที่ท่านพูด หมายถึงตรงนี้ อรูปฌาน แสงสว่างเจิดจ้าแต่ยังเป็นมิจฉาสมาธิ ยิ่งทำให้ถึงเนวสัญญาฯ จะมีความรู้เห็นอะไรมากมายมีเกิดขึ้นเช่น ถอดกายทิพย์ บางคนเรียกว่าถอดจิต รู้ภาษาสัตว์ รู้ล่วงหน้า รู้ใจของคนอื่น ฯลฯสิ่งเหล่านี้เกิดจากกำลังของสมาธิในอรูปฌาน ส่วนมากจะเป็นเนวสัญญาฯมีเกิดขึ้นทั้งมิจฉาสมาธิและสัมมาสมาธิ
สาธุ สาธุ พหุปกาโร เม โภ ภนฺเต
มหาปรินิพพานสูตรและพระสาวกภาษิต
สมาธิไม่มีครูชำระกายไม่ใด้ตกหลุมพระธรรม เสียรังวัด อาจเป็นผีแต่ยังไม่ตายได้
หมายถึงยังไงครับ
เห็นอะไรโดดลงน้ำกระเพื่อม ด้านหลังทาง ซ้ายมือพระอาจารย์
คำว่า ม้างกายเป็นภาษาทางภาคอิสานแปลว่า แยกส่วน แยกอวัยวะส่วนต่างๆของร่าง แยกโดยจิตนาการทางจิต คือแยกหู ออกจากหัว วางกองไว้เฉพาะหู ไม่เอาสิ่งส่วนอื่นมาปนกับหู แยกผม ,ขน เล็บ,ฟัน,หนัง,กระดูก,ใส้ใหญ่,ใส้เล็ก,สิ่งปฏิกูล แยกเลือด ทุกส่วนต่างๆของร่างกาย แยกได้ทุกส่วนแล้วนำมาวิเคราะห์ หาเหตุและผล สิ่งที่ถือว่าตัวเรา ตัวเขา ตัวตน นำสิ่งที่กล่าวมานั้น น้อมมาสอนใจ ให้ใจเห็นความจริงตามหลักความเป็นจริง
บารมีของแต่ละคนแตกต่างกัน.เพียรพยายายาม.ไม่ย่อท้อ.สักวันคงจะถึง
สาธุๆๆ🙏🙏🙏ครับ
กิริยาอาการท่านเป็นธรรมชาติในอาการสำรวมน่าเลื่อมใส ท่านไม่เหลียวมองผู้ถามที่เป็นสตรี สำรวมอินทัพย์ และมีสัมปชัญญะพร้อม ที่สำคัญท่านเห็นความผ่องใสของจิตซึ่งเป็นจิตเดิมแท้ เรื่องนี้ค่อนข้างยาก เพราะความสงบนั้นไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ความผ่องใสเสมอ จะต้องมีทั้งสติ สัมปชัญญะ ปัญญาพร้อม คือตัวสมถะนั้นนำไปสู่วิปัสสนา หรือความสงบนำไปสู่การเห็นแจ้ง
คำว่า " เกิดปัญญา" - คือเกิดความเข้าใจ ก่อนที่จะเข้าใจต้องมีความตั้งใจ เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่า เป็นอนิจจัง เห็นรูปและนามว่าเป็น อนัตตา ต่อไปจึงเป็นการรู้ รู้ในรูป รู้ในนาม ทั้งรูปและนาม ก็ล้วนอยู้ในกรอบ ไตรลักษณ์ สรุป คือ ทั้งเห็นและทั้งรู้เห็น ก่อนรู้ เรียกว่า ทัศนะญาณ [ข้อนี้ดี]รู้ ก่อนเห็น เรียกว่า ญาณทัศนะ [ข้อนี้ยังไม่ดีเพราะว่า สักแต่รู้ ยังไม่เห็นจริง]ฉะนั้น ดีที่สุดนั้น ต้องทั้งเห็นและทังรู้เรื่อง สมาธินั้น มีอยู่ 2 แบบ คือ 1. สมาธิ ความสงบ เรียกว่า สมถะ[ ยังใช้คำว่า "ทำ"อยู่ ] 2. สมาธิความตั้งใจมั่น เรียกว่า วิปัสนาความหมายของ สมาธิความสงบ คือ ห้ามคิด ห้ามนึก ฝึกจิตสงบดิ่ง เข้า-คณิกสมาธิ เข้า-อุปจารสมาธิ เข้า-อัปปนาสมาธิ ยังเป็นแบบ เจโตวมุติ อยู่ เป็นของฤษีชีไพร เข้าชาญ ออกชาญ กลับไปมาอยู่ไปไม่ถึงใหน จากต่ำสุด ไปสูงสุด สูงสุดอยู่แค่ พรมโลก หรือ อรูปพรหม หลังจากนั้นก็ จุติ อีก เหมือนเดิม2. สมาธิความตั้งใจมั่น คือการตั้งใจ ปริยัติ ศึกษาเล่าเรียนตามตำรา หาข้อเปรียบเทียบ ถูกหรือผิด ปฏิบัติได้แก่การลงมือทำเรื่องทั้งปวงที่คิดวิเคราะห์มาดีแล้ว ปฏิเวธ คือผลของการ เรียนรู้ ผลของการปฏิบัติ เห็นประจักษ์ทั้งรูปธรรมและนามธรรม หายวิจิกิจฉา [เคลือบแคลงสงสัย]อุปมาเหมือน การกินข้าว การกินข้าวคือการลงมือทำ หรือลงมือปฏิบัติ ลงมือกิน หยิบจับอาหารใส่ปาก เคี้ยวของในปาก แล้วกลืนลงคอ ของในคอไหลลงสู่ กระเพาะ พอปริมาณมากเข้า ก็เต็มกระเพาะ จึงเกิดการแน่น หรืออิ่ม ผลของการกิน การกลืน เรียกว่า อิ่ม นั้นแหละ การอิ่มเป็นเช่นไร ปฏิเวธ ก็ฉัน นั้น แลฯ.
ม้างกายคืออะไรครับ เพิ่งเคยได้ยิน
ม้างกาย เป็นภาษาทางภาคอิสาน แปลว่า แยกส่วน แยกอวัยวะของร่างกาย แยกโดย จินตนาการ ทางจิต คือ แยกหู ออกจากหัว วางกองไว้เฉพาะหู แยกฟันกองไว้ แยกผมออกมากองไว้ แยกใส้ แยกปอด แยกโครงกระดูก แยกเลือด แยกสิ่งปฏิกูลฯลฯแยกได้ทุกส่วนแล้ว วิเคราะห์ พิจารณาสิ่งเหล่านั้น จึงสรุปทุกส่วนว่า ส่วนใหนหรือที่เรียกว่าคน เรียกว่าตน เรียกเขา เรียกเรา
ตายก็เป็นผี นิพานได้เส้นทางเเสนไกล
น้อมกราบพระอาจารย์เป็นความรู้มากเลยค่ะสาธุค่ะ
นางเข้าไกล้พระเกินไปน่ะ
ฟังแล้วงงมาก ไม่เข้าใจครับ
ตามหลักกิโล คิดนานไหมชื่อนี้
พิธีกรดูไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าพื้นฐานไม่พอก็ควรเริ่มต้นคำถามง่ายๆ ก่อนพระอาจารย์ตอบแล้ว ก็ยังดูเหมือนไม่เข้าใจอยู่เลย
ม้าง?
ผมอยากฝึกจิต อยากฝึกธรรมะ แต่ทำไมผมฟัง ไม่ค่อยรู้เรื่อง ใครรู้ช่วยบอกที่ขั้นแรกต้องเริ่ม ปฎิบัติ แบบให้นก่อนครับ
เรียนรู้ปฎิจมุบาท.ให้แจ้ง.คือการเรียนรู้ลัด.สั้น.ๆตัวตน.คนสัตว์ไม่มี.คือสิ่งสำคัญ.แล้วใครมาทำสมาธิ.พิจรนาร่างกายยังไง.ในเมื่อมันไม่มี.ทั้งหมดแค่รู้.
@@adddyg2430 ยากไปครับ ธรรมมะจริงๆควรทำให้ง่าย แต่คนทุกวันนี้ทำให้ยาก เพราะเยอะเกิน ผมฝึกกรรมฐานมาสิบปีแล้ว ตั้งแต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย วิ่งไปหาอาจารย์ ฟังวิธีปฏิบัติของพระทุกสาย ทั้งหลวงพ่อชา หลวงตาบัว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อจรัญแนวสติปัฏฐานสี่ ที่พูดมาคือไปฝึกมาเป็นปีๆนะครับ ไม่ใช่แค่อ่านหรือฟังธรรม สรูปแล้วเราควรทิ้งหลักการทุกอย่าง ทุกสายอาจารย์แล้วมองย้อนมาที่ตัวเองดูชีวิตตัวเองตั้งแต่เด็กจนโต พิจารณาชีวิตคนและสัตว์ทั่วไปโดยให้มีสติอยู่แต่เฉพาะหน้า เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกเริ่มเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ที่ต้องมีภาระมากมาย ต้องกิน ขี้ อาบน้ำ แปลงฟัน ต้องคอยรักษาโรคภัยที่เกิดกับตัวเองประจำ ไหนจะภาระที่เงินเรื่องคู่ครอง เรื่องเศรษฐกิจอีกมากมายเมื่อเริ่มเบื่อหน่ายกับสิ่งเหล่านี้แสดงว่ามาถูกทางแล้วครับ
@@tarosoccer ไม่ถึงกาล.เวลาบรรลุไม่ใด้ถึงเวลา.ง่ายมาก.ข้ามบุญ.ข้ามบาป.แห่งสมมุติบัณญัติ.ใด้เอง.รู้ว่ามันเป็นเพียงเรื่องของโลก.
ม้างกายอาจไห้ตกหลุมพระธรรมได้จะทะไห้เสียทรัพย์ไม่รู้ตัวพึงระวัง
พระอาจารย์อยู่วัดไหนอยู่จังหวัดอะไรคะอยากไปให้ท่านสอนม้างกายเจ้าค่ะ
ผมนั่งจิตสงบสบายแต่ไม่เห็นอะไรรู้สึกแต่ว่าสงบดีจิตไม่ฟุ้งซ่านครับเข้าไม่ถึงติดอยู่ที่อะไรครับพระอาจารย์
ระวังม้างกายผีจะยึดร่างจะเสียทรัพย์ไม่รู้ตัว
สมาธิมีคุณมีโทษพึงระวังไม่มีใครสอนเรื่องโทษ
พึงเข้ามาฟังธรรม เป็นธรรม แท้จริงสาธุ
ผมจะมีบุญไหมหนอ สักครั้งในชีวิตที่จะได้ไปเจอท่าน และถ้าได้เจอแล้วจะมีโอกาสได้ถามเพื่อได้เข้าใจธรรมไหมหนอ
กราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ🙏🙏🙏
สาธุ...
สาธุค่ะ🙏😇
อนุโมทนาสาธุบุญเจ้าค่ะ🙏🙏🙏 สาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
กราบสาธุค่ะหลวงพ่อ
กราบนมัสการพระอาจารย์ เหมือนผจญกับมาร
สาธุค่ะ
กราบสาธุครับ
อนุโมทนาสาธุ
กราบสาธุสาธุสาธุครับ
สาธุุ.....🙏🙏🙏
รักษากายเพื่อสร้างกรรมดีสู่นิพาน
กราบสาธุครับ🙏🙏🙏
สาธุ🙏🌷
น้อมกราบนมัสการ สาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ พระอาจารย์ 🙇🏻♂️🙇🏻♂️🙇🏻♂️
น้อมกราบพระอาจารย์และขออนุโมทนาในธรรมที่ท่านแจ่มแจ้งชัดเจนด้วยเจ้าค่ะ สาธุค่ะ
มันจริงหรือไม่ลองนึกดูนะคนทั่วไปมักไปอ้างว่า พระพุทธเจ้าต้องเสียสละพระราชวังอำนาจควาทมั่งคั่งร่ำรวยที้งทั้งหมดไปบำเพ็ญในป่า บำเพ็ญสมาธินั่งนิ่ง จึงเป็นพระพุทธเจ้าได้ จริงจริงแล้ว พระพุทธเจ้านั่งสมาธิเป็นเข้าฌานได้ตั้งแต่เด็ก ตอนพระบิดาพาไปแรกนาขวัญนั้นแล้วไปอ่านดูว่าท่านทำอะไรระหว่างพระบิดากำลังแรกนาขวัญนั้น อยู่ต่อมาจนอายุ 35 ปีแต่งงานมีลูกหนึ่งคน จึงออกไปหาสมาธิเพิ่มเดิมที่ อาฬาระ อุทกะดาบส จนได้ฌานสูงสุดไม่มีทางเหนือกว่านั้นอีกแล้ว จึงลาอาจารย์ไปตายเอาดาบหน้า หันมาบำเพ็ญแบบเคล่งคลัด ตามความเชื่อนักบวชสมัยนั้น จุดประสงส์เพื่อฆ่ากิเลสแล้วบรรลุนี้แหละ สุดท้ายเกือบเอาตัวไม่รอดทำทุกอย่างแล้ว จนหมดสภาพเหลือหนังหุ้มกระดูก นอนแผล่หมดแรงอย่างเดียว เขาเรียกทุกระกิริยาใช่ไหม ก็ไม่อาจบรรลุได้เลย จนนางสุชาดามาเจอท่านนอนหมดแรงอยู่ จึงถวายน้ำอาหารสามารถพูดคุยกันได้ นางจึงถามท่านว่า ที่ทำแบบนี้เพื่ออะไร ท่านกำลังหาอะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ เท่านี้แหละสติกลับคืนทันที จึงได้สติว่า อ้าว!เห้ย! ที่ผ่านๆมาเราคิดปรุงไปเองนี้ เราทำตามความคิดทั้งนั้นนี้ ท่านบรรลุตรงนั้นครั้งนั้นเพราะคำพูดนางสุชาดานี้แหละ จึงเลิกนั่งสมาธิบำพงบำเพ็ญหมด แต่การบรรลุนั้น หมายถึงกลับมาได้สติเห็นตัวคิดปรุง และตัวไม่คิดปรุงแต่ง เห็นธรรมสองฝั่ง ฝั่งนั่งเป็นสมติคิดปรุงแต่งมีนั้นนี้ทุกอย่าง มนุษย์ปกติก็เพราะเข้าไปยึดถือมันจึงเกิดทุกข์ เกิดกิเลสนั้นนี้ไปเอง แต่อีกฝั่งเป็นวิมุติไม่คิดไม่ปรุงแต่งใดๆ ไม่มีอะไรเลยมันเป็นเช่นนั้นตลอดกาล ไม่มีอดีตอนาคตปัจจุบันใดๆ ไร้ภาษาไร้คำพูดสิ้นเชิง แต่ความไร้ภาษาวิมุติตรงนี้ จะหาคำพูดที่จะสื่อออกมาเป็นภาษาได้อย่างไร ท่านจึงทวบทวนไปมาอยู่นั้น 49 วัน จึงได้ออกมาเป็นภาษาสื่อกันได้นั้นคือขันธ์ห้า อริยสัจสี่ปฎิจจสมมุปปาท สติปัฎฐานสี มรรคแปด นี้แหละ ช่วงนี้เรียกได้ว่าตรัสรู้ธรรม ความเป็นสัมมาสัมพุทธะจึงครบบริบูรณ์ จากนั้นท่านก็ไปเทศน์สอนกับปัญจวัคคีได้ผล จากนั้นไปเทศน์ให้กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ก็ได้ผล ท่านไม่เคยสอนให้นั่งสมาธิหรือวิธีการใดๆ นอกจากไปเทศน์ไปพูดให้คนเข้าใจก็เกิดความเข้าใจก็บรรลุได้เลย ที่ท่านต้องออกไปทิ้งราชวังนั้น เพราะไม่มีใครสอนได้ตอนนั้น ถ้ามีคนสอนสถานที่ไม่สำคัญอะไร เข้าใจได้ทุกที่ ท่านไปเทศน์มีทั้งราชวังบ้านเรือน ช่องนางขายบริการทั้งเพศ ตามไร่นาป่าเขาก็มีหมด คนสมัยนี้ไปยึดเอา ตอนที่ท่านยังไม่มีสติหลงอยู่ว่ามันต้องบำพงบำเพ็ญจึงบรรลุ จึงพากันบวชพากันนัางสมาธิด้วยวิธีบริกรรมนั้นนี้เต็มไปหมด มาอ้างว่าพระพุทธเจ้าให้เดินทางแบบนี้ จริงๆตอนนั้นท่านไม่มีสติ มีแต่ความคิดไงตามความเชื่อของสมัยนั้น จึงต้องออกบวช ถ้าการนั่งสมาธิแล้วบรรลุได้ ทำไหมท่านไม่บรรลุตอนบำเพ็ญอยู่กับอาจารย์ทั้งสองละ ทำไหมอาจารย์ทั้งสองนั้นไม่บรรลุละ เพราะอะไร คนไม่รู้มักพาคนเข้าใจผิดเดินทางผิด แบบนี้แหละ ธรรมะจริงๆนั้นคือ ความไม่มีอะไร มิน่าใช่ไหมหาเท่าไรๆ บำเพ็ญเท่าไรๆก็ไม่อาจบรรลุได้ เพราะกำลังแสวงหาสิ่งที่ไม่มี แล้วจะเจอได้อย่างไร หยุดหาหยุดคิดหยุดพูด หยุดอยากหยุดยึดติดหยุดทุกอย่างได้จริงเมื่อไหร่ ธรรมะก็อยู่ตางนั้นแหละ และผู้มีวาสนาด้านการพูดสอนก็สามรถแนะนำคนอื่นต่อได้ คนที่บรรลุแล้วไร้วาสนาด้านการสื่อสารก็อยู่ไปอย่างนั้นในสังคมทั่วไปแหละ ทำไหมตลอดสี่สิบห้าปีของพุทธเจ้า สาวกที่โด่งดังมีขื่อเสียงมาถึงปัจจุบันนี้ มีแค่ 80 รูป เพราะผู้บรรลุทุกคนไม่ใช่จะสอนใครได้ทุกคนนั้นเองืเพราะว่าธรรมะนั้นไร้ภาษาจริง ผู้ที่สอนได้เขาก็ต้องใช้ความคิดปรุงแต่งมาเป็นภาษาอีกทีจึงพูดออกมาได้ บางคนที่บรรลุแล้ว มันก็สงบสุขอยู่ตามลำพังตัวเองแล้ว ไม่อยากวุ่นวายกับใครอีก แค่ใช้ชีวิตปกติสบายๆไปแค่นั้น คนก็ไม่รู้คิดอย่างไรไม่เข้าใจทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่บรรลุอะไร ยังไม่รู้เลยว่าพระพุทธเจ้าท่านเองสอนอะไรกันจริงๆ แต่ตั้งตนเป็นผู้รู้เจ้าสำนัก นักเทศน์ รวบรวมคนเชื่อง่ายไปกองกันตามสถานที่ต่าง หลักสิบบ้างหลักร้อยบ้างหลักพันบ้าง จงกลับมาสำนึกดูให้ดีเถอะมันใช่จริงไหมที่ตนสอนอยู่นั้น มันใช่ไหมตนเชื่ออยู่นั้น ก่อนจะตายไปเปล่าๆนะ.tom success
กราบพระอาจารย์ครับ
สาธุครับ
สาธุๆๆครับพระอาจารย์
การม้างกาย มันต้องเรียนการนั่งสมาธิขั้นต้นก่อน ถึงจะทำได้
สาธุๆๆ
สาธุ
โยมเห็นกายเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ได้ผ่านการนั่งสมาธิจนจิตดิ่ง สงบ เอกคตารมณ์เลยเจ้าค่ะ ยากมากสำหรับจริตโยม ได้จากการ ลืมตาพินาธาตุขณะกินข้าว เอาธาตุเข้าเอาธาตุออก สองวันค่ะ เห็นความเป็นธาตุจริงๆไม่ใช่คนแล้ว หลวงพ่อให้โยมพินา นามทั้งสี่เริ่มทำงานตัวไหนก่อนส่งต่อกันเปนทีมจนจบ วนเรื่องใหม่ วนแล้ววนเล่าวัฏจักร บนหัวเรา เหนเหมือนหลวงพ่อที่สอนโยมว่าไว้จริงๆ ว่าถ้าทำลายกายหยาบได้ ที่เหลือนามมันจะง่าย วันที่สาม เห็นการทำงานกลมกลืนกลืนกันสอดคล้องกัน นามและรูปองอาศัยกัน จนจบกระบวนการ เหนความมหัศจรรย์ที่เข้าไปแบบไม่มีคำบรรยายบอกโยมว่าอะไรเปนอะไร มันเข้าใจด้วยภาพขึ้นมาในจิตแสดงให้ละครใบ้ให้เราเข้าใจจุดนี้ไปจุดนี้ส่งต่อไปจนครบที่วิญญาณ จึงได้เข้าใจ เราทุกข์เพราะเรา "หลงในรู้" เพราะการทำงานของธาตุรู้อวิญญาณนี้เอง รุ้แล้วมีความหมาย รุ้แล้วตัดสิน มันไปบางอ้อที่เราถุกสอนมาตั้งแต่แรกเมื่อหลายปีก่อนสายลป.ดุลย์ ให้รุ้เฉยๆ รักษาจิตเปนกลาง ไม่ผลักออก ไม่ดึงเข้า สักว่ารุ้ เพียงแค่รู้ นี่คือที่มาของการเข้าใจวันนี้นี่เอง ...
และเข้าใจอะไรต่อมิอะไรตามมาอีกกระจ่างแจ้งต่อเนื่องเปนช็อตๆ เหมือนฟ้าร้องคำรามตี้งแต่เริ่มจนหมดพลังงาน เงียบสงบ รอดูจิตจะเปนยังไง นั่งกอดเข่านะคะตอนที่พินาเห็นความมหัศจรรย์นี้หนะ รอไปสองนาที สามนาที ไม่เหน หมดแล้ว ไม่เห็นจิต เลยมานั่งทวน ตะกี้เห็นอะไรยังไง กระจ่างต่ออีกเกิดความเฉยอัตโนมัติรอบสองจากตอนหัวค่ำที่เฉยไปรอบนึงแล้ว จากการที่เห็นธาตุสี่ไม่ใช่คนแล้วนั้น มารอบนี้อีก เหนหน้าคนที่ทำให้เราเจ็บแค้นขึ้นมา กลับไม่มีอารมณ์แค้นใจอยากฆ่าแกงเลย มือแขนล่อย ง่อยเปลี้ยเพลีย จิตใจไม่พุ่ง เหมือนนอนแน่นิ่ง อัศจรรย์หลายประการเจ้าค่ะ เล่าให้หลวงพ่อฟังรุ่งเช้า ทำไมเราไม่เหนจิต ท่านอธิบายให้ฟัง เห็นแล้วยังไงบ้าง
...หลายเดือนต่อมา มาทบทวนอีก ทำไมเราเหนในขณะปฏิบัติแบบนั้นมันเหลือเชื่อ เพราะที่เราฟังลต.บัว ลป.มั่นสอนกันมา ทรมานสังขารร่างกาย เดินจงกรมวันหลายชั่วโมง ธุดงค์เข้าป่าเสี่ยงเปนเสี่ยงตาย นั่งสมาธิจนก้นแตก ฝ่าเท้าแตก โยมฟังแล้ว มาเปรียบเทียบเราเปนอุบาสิกา ไม่ได้ทนขนาดนั้น นั่งก็มีแต่หลับ เดินจงกรมก็มีแต่โมโหขึ้น ของขึ้นพรึ้บๆ ยังกะเอาน้ำมันราดบนกองไฟ อยู่วัดก็ปัญหาเยอะ ชาตินี้ไม่หวังอะไรเลย ไม่เหนแม้แสงปลายปลายอุโมงรึหิ่งห้อย ตายคาอุโมงค์นี้แหละชาตินี้ชาติหน้าก็ไม่หวัง ชาตินี้ได้แค่ถือศีล ทำทาน ปฏิบัติก็กระท่อนกระแท่นตามเวรกรรม หนักที่งานครัวงานวัดมากกว่ากว่าอย่างอื่น นี้คือความสิ้นหวังอย่างแท้จริง จนได้มาเจอหลวงพ่อที่สอนโยม มันสวนกระแสสวนทาง มาแบบ เล่าคนอื่นฟัง นี่อ้าปากค้าง ตัวเองยังทึ่ง มันเปนไปได้ไง ในวัดที่ไปปฏิบัติ สบายมากสบายใจสุดๆ ไม่ได้ตื่นดึกทรมานร่างกาย อดหลับนอน มาหลังแข็งนั่งสมาธิไม่ใช่เลย มีแต่ตื่นตีห้ามากวาดใบไม้สบายๆคนเดียว ท่านให้อยู่คนเดียวที่กุฏิของใครของมัน กินข้าวช่วยเก็บล้างแล้วเข้าที่พัก ฟังคำแนะนำจากหลงงพ่อเปนแนวทางสั้นๆ แล้วเข้าที่พักไปปฏิบัติ คือพินา ไม่ได้นั่งสมาธิ การพินาทั้งที่ลืมตา มันคือขณิกกะ โยมทึ่งตัวเองตรงนี้แหละค่ะ ขณิกกะก็ไปได้นี่หว่า เลยได้มองเห็นว่าทำไม มีคนบรรลุธรรมที่นั่งฟังต่อหน้าพระพุทธเจ้า ตอนนั้นไม่มีใครสวดมนต์ก่อน ขอศีลก่อน นุ่งเครื่องแบบก่อนเลยสักคน รึ ทำฌานก่อนนะ พระพุทธองค์ค่อยสอน ไม่มีแบบนี้เลย คนเห็นธรรมกันมากมายในขณิกกะ เชื่อแล้วมีได้จริง โยมกราบเรียนถามหลวงพ่อเยื่อนในสภาวะตัวเอง ที่มัน งง ว่า เราเห็นจิตแล้ว แต่ทำไมเราไม่รุ้ว่าอัรไหนจิต เคยฟังจิตคือพุทธะมาก่อนหน้านี้แล้ว
ครั้นพอวันนั้น มันไม่แสดงให้เราเห็น แบบชัดเจน ก็ สงสัยถึงได้กราบเรียนถามท่าน ท่านก็บอกที่เห็นนั้นแหละจิต
เข้าใจแท้จริงว่า ทุกข์อยุ่ที่ขันห้านี้จริงๆ มุ่งมาที่ทำลายการประกอบ กันขึ้นเปนรุปร่างจิตใจนี้แหละ ไม่ต้องไปศึกษาอย่างอื่นเลย หญ้าในกำมทอพระพุทธองค์จริงๆค่ะ
รุ้ตัวเองอยุ่ค่ะว่า ยังไม่ถึงที่สุด
🙏🏽🙏🏽🙏🏽
โมทนาสาธุการขอรับ
สาธุ
ไม่ผิดไม่ใช่ทางสู่ทางที่แสนไกล
อธิบายได้กระจ่างแท้พระอาจารย์... สาธุ(ม้างบ้าน คือ รื้อบ้าน/ภาษาอีสาน)ไทยไม่เคยสิ้นพระอรหันต์
สมาธิมีสองแบบ มิจฉาสมาธิกับสัมมาสมาธิ
ที่ท่านพูดว่าจิตใส
ยกตย. นั่งอย่างเดียว ๓ ชม. ทำวันละกี่รอบก็ได้ ผ่านเวทนากล้ามาก่อน ปีติเกิด จิตเข้าสู่ความสงบ
จิตเป็นสมาธิ แสงสว่างเจิดจ้ากับใจที่รู้อยู่
คำว่าใส ที่ท่านพูด หมายถึงตรงนี้ อรูปฌาน แสงสว่างเจิดจ้า
แต่ยังเป็นมิจฉาสมาธิ
ยิ่งทำให้ถึงเนวสัญญาฯ จะมีความรู้เห็นอะไรมากมายมีเกิดขึ้น
เช่น ถอดกายทิพย์ บางคนเรียกว่าถอดจิต รู้ภาษาสัตว์ รู้ล่วงหน้า รู้ใจของคนอื่น ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้เกิดจากกำลังของสมาธิในอรูปฌาน
ส่วนมากจะเป็นเนวสัญญาฯมีเกิดขึ้นทั้งมิจฉาสมาธิและสัมมาสมาธิ
สาธุ สาธุ พหุปกาโร เม โภ ภนฺเต
มหาปรินิพพานสูตรและพระสาวกภาษิต
สมาธิไม่มีครูชำระกายไม่ใด้ตกหลุมพระธรรม เสียรังวัด อาจเป็นผีแต่ยังไม่ตายได้
หมายถึงยังไงครับ
เห็นอะไรโดดลงน้ำกระเพื่อม ด้านหลังทาง ซ้ายมือพระอาจารย์
คำว่า ม้างกายเป็นภาษาทางภาคอิสาน
แปลว่า แยกส่วน แยกอวัยวะส่วนต่างๆของร่าง แยกโดยจิตนาการทางจิต
คือแยกหู ออกจากหัว วางกองไว้เฉพาะหู ไม่เอาสิ่งส่วนอื่นมาปนกับหู แยกผม ,ขน
เล็บ,ฟัน,หนัง,กระดูก,ใส้ใหญ่,ใส้เล็ก,สิ่งปฏิกูล แยกเลือด ทุกส่วนต่างๆของร่างกาย แยกได้ทุกส่วนแล้วนำมาวิเคราะห์ หาเหตุและผล สิ่งที่ถือว่าตัวเรา ตัวเขา ตัวตน นำสิ่งที่กล่าวมานั้น น้อมมาสอนใจ ให้ใจเห็นความจริง
ตามหลักความเป็นจริง
บารมีของแต่ละคนแตกต่างกัน.เพียรพยายายาม.ไม่ย่อท้อ.สักวันคงจะถึง
สาธุๆๆ🙏🙏🙏ครับ
กิริยาอาการท่านเป็นธรรมชาติในอาการสำรวมน่าเลื่อมใส ท่านไม่เหลียวมองผู้ถามที่เป็นสตรี สำรวมอินทัพย์ และมีสัมปชัญญะพร้อม ที่สำคัญท่านเห็นความผ่องใสของจิตซึ่งเป็นจิตเดิมแท้ เรื่องนี้ค่อนข้างยาก เพราะความสงบนั้นไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ความผ่องใสเสมอ จะต้องมีทั้งสติ สัมปชัญญะ ปัญญาพร้อม คือตัวสมถะนั้นนำไปสู่วิปัสสนา หรือความสงบนำไปสู่การเห็นแจ้ง
คำว่า " เกิดปัญญา"
- คือเกิดความเข้าใจ ก่อนที่จะเข้าใจ
ต้องมีความตั้งใจ เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่า เป็นอนิจจัง เห็นรูปและนามว่าเป็น อนัตตา
ต่อไปจึงเป็นการรู้ รู้ในรูป รู้ในนาม ทั้งรูปและนาม ก็ล้วนอยู้ในกรอบ ไตรลักษณ์
สรุป คือ ทั้งเห็นและทั้งรู้
เห็น ก่อนรู้ เรียกว่า ทัศนะญาณ [ข้อนี้ดี]
รู้ ก่อนเห็น เรียกว่า ญาณทัศนะ [ข้อนี้ยังไม่ดีเพราะว่า สักแต่รู้ ยังไม่เห็นจริง]
ฉะนั้น ดีที่สุดนั้น ต้องทั้งเห็นและทังรู้
เรื่อง สมาธินั้น มีอยู่ 2 แบบ คือ 1. สมาธิ ความสงบ เรียกว่า สมถะ[ ยังใช้คำว่า "ทำ"อยู่ ]
2. สมาธิความตั้งใจมั่น เรียกว่า วิปัสนา
ความหมายของ สมาธิความสงบ คือ ห้ามคิด ห้ามนึก ฝึกจิตสงบดิ่ง เข้า-คณิกสมาธิ เข้า-อุปจารสมาธิ เข้า-อัปปนาสมาธิ ยังเป็นแบบ เจโตวมุติ อยู่ เป็นของฤษีชีไพร เข้าชาญ ออกชาญ กลับไปมาอยู่ไปไม่ถึงใหน จากต่ำสุด ไปสูงสุด สูงสุดอยู่แค่ พรมโลก หรือ อรูปพรหม หลังจากนั้นก็ จุติ อีก เหมือนเดิม
2. สมาธิความตั้งใจมั่น คือการตั้งใจ ปริยัติ ศึกษาเล่าเรียนตามตำรา หาข้อเปรียบเทียบ ถูกหรือผิด ปฏิบัติได้แก่การลงมือทำเรื่องทั้งปวงที่คิดวิเคราะห์มาดีแล้ว ปฏิเวธ คือผลของการ เรียนรู้ ผลของการปฏิบัติ เห็นประจักษ์ทั้งรูปธรรมและนามธรรม หายวิจิกิจฉา [เคลือบแคลงสงสัย]
อุปมาเหมือน การกินข้าว การกินข้าวคือการลงมือทำ หรือลงมือปฏิบัติ ลงมือกิน หยิบจับอาหารใส่ปาก เคี้ยวของในปาก แล้วกลืนลงคอ ของในคอไหลลงสู่ กระเพาะ พอปริมาณมากเข้า ก็เต็มกระเพาะ จึงเกิดการแน่น หรืออิ่ม ผลของการกิน การกลืน เรียกว่า อิ่ม นั้นแหละ การอิ่มเป็นเช่นไร ปฏิเวธ ก็ฉัน นั้น แลฯ.
สาธุ
ม้างกายคืออะไรครับ เพิ่งเคยได้ยิน
ม้างกาย เป็นภาษาทางภาคอิสาน แปลว่า แยกส่วน แยกอวัยวะของร่างกาย แยกโดย จินตนาการ ทางจิต คือ แยกหู ออกจากหัว วางกองไว้เฉพาะหู แยกฟันกองไว้ แยกผมออกมากองไว้ แยกใส้ แยกปอด แยกโครงกระดูก แยกเลือด แยกสิ่งปฏิกูลฯลฯ
แยกได้ทุกส่วนแล้ว วิเคราะห์ พิจารณาสิ่งเหล่านั้น จึงสรุปทุกส่วนว่า ส่วนใหนหรือที่เรียกว่าคน เรียกว่าตน เรียกเขา เรียกเรา
ตายก็เป็นผี นิพานได้เส้นทางเเสนไกล
น้อมกราบพระอาจารย์เป็นความรู้มากเลยค่ะสาธุค่ะ
นางเข้าไกล้พระเกินไปน่ะ
ฟังแล้วงงมาก ไม่เข้าใจครับ
ตามหลักกิโล คิดนานไหมชื่อนี้
พิธีกรดูไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าพื้นฐานไม่พอก็ควรเริ่มต้นคำถามง่ายๆ ก่อน
พระอาจารย์ตอบแล้ว ก็ยังดูเหมือนไม่เข้าใจอยู่เลย
ม้าง?
ผมอยากฝึกจิต อยากฝึกธรรมะ แต่ทำไมผมฟัง ไม่ค่อยรู้เรื่อง ใครรู้ช่วยบอกที่ขั้นแรกต้องเริ่ม ปฎิบัติ แบบให้นก่อนครับ
เรียนรู้ปฎิจมุบาท.ให้แจ้ง.คือการเรียนรู้ลัด.สั้น.ๆตัวตน.คนสัตว์ไม่มี.คือสิ่งสำคัญ.แล้วใครมาทำสมาธิ.พิจรนาร่างกายยังไง.ในเมื่อมันไม่มี.ทั้งหมดแค่รู้.
@@adddyg2430 ยากไปครับ ธรรมมะจริงๆควรทำให้ง่าย แต่คนทุกวันนี้ทำให้ยาก เพราะเยอะเกิน ผมฝึกกรรมฐานมาสิบปีแล้ว ตั้งแต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย วิ่งไปหาอาจารย์ ฟังวิธีปฏิบัติของพระทุกสาย ทั้งหลวงพ่อชา หลวงตาบัว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อจรัญแนวสติปัฏฐานสี่ ที่พูดมาคือไปฝึกมาเป็นปีๆนะครับ ไม่ใช่แค่อ่านหรือฟังธรรม สรูปแล้วเราควรทิ้งหลักการทุกอย่าง ทุกสายอาจารย์แล้วมองย้อนมาที่ตัวเองดูชีวิตตัวเองตั้งแต่เด็กจนโต พิจารณาชีวิตคนและสัตว์ทั่วไปโดยให้มีสติอยู่แต่เฉพาะหน้า เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกเริ่มเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ที่ต้องมีภาระมากมาย ต้องกิน ขี้ อาบน้ำ แปลงฟัน ต้องคอยรักษาโรคภัยที่เกิดกับตัวเองประจำ ไหนจะภาระที่เงินเรื่องคู่ครอง เรื่องเศรษฐกิจอีกมากมาย
เมื่อเริ่มเบื่อหน่ายกับสิ่งเหล่านี้แสดงว่ามาถูกทางแล้วครับ
@@tarosoccer ไม่ถึงกาล.เวลาบรรลุไม่ใด้ถึงเวลา.ง่ายมาก.ข้ามบุญ.ข้ามบาป.แห่งสมมุติบัณญัติ.ใด้เอง.รู้ว่ามันเป็นเพียงเรื่องของโลก.
สาธุ
มหาปรินิพพานสูตรและพระสาวกภาษิต
ม้างกายอาจไห้ตกหลุมพระธรรมได้จะทะไห้เสียทรัพย์ไม่รู้ตัวพึงระวัง
สาธุ
พระอาจารย์อยู่วัดไหนอยู่จังหวัดอะไรคะอยากไปให้ท่านสอนม้างกายเจ้าค่ะ
สาธุ
ผมนั่งจิตสงบสบายแต่ไม่เห็นอะไรรู้สึกแต่ว่าสงบดีจิตไม่ฟุ้งซ่านครับเข้าไม่ถึงติดอยู่ที่อะไรครับพระอาจารย์
ระวังม้างกายผีจะยึดร่างจะเสียทรัพย์ไม่รู้ตัว
สมาธิมีคุณมีโทษพึงระวังไม่มีใครสอนเรื่องโทษ