Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
ช่องนนี้ดีมากครับ มีเขียนอธิบาย ธรรมมะล้วนๆไม่มีโฆษณา ขอบคุณที่สละเวลาทำให้ผู้คนได้ศึกษาพระธรรมครับ
พระอาจารย์เปรียบเหมือนเพชรเม็ดงาม ในยุคชาวพุทธปัจจุบัน
ใช่เลยค่ะเพราะบรรยายธรรมให้คนธรรมดาอย่างเช่นโยมได้เข้าใจในพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธะได้รู้และลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นเจ้าค่ะ🙇♀️🙇♀️🙇♀️🌻🌻🌻
ขอนอบน้อมกราบนมัสการองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธะในพระธรรมวินัยของพระองค์โดยไม่หวั่นไหวเจ้าค่ะสาธุ สาธุ สาธุค่ะ🙇♀️🙇♀️🙇♀️🌻🌻🌻ขอนอบน้อมกราบนมัสการท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์และท่านภันเตพระเถระทุกรูปแห่งวัดนาป่าพงเจ้าค่ะ ที่มีเมตตากรุณาเปิดธรรมที่ถูกปิดเจ้าค่ะ🙇♀️🙇♀️🙇♀️🌻🌻🌻
กราบพระธรรม...กราบพระอาจารย์....เมื่อ.10..กว่าปีที่แล้ว...ก่อนที่โยม...จะไดัเจอ...พุทธวจน....โยมเคยมีประสบการ...ในการนั่งสมาธิ....ได้ตรงณาน...ที่..4..ตรงตามทิ่พระอาจารย์...อธิบายมา...แต่ตอนนั้นโยมยังไม่ได้...ศึกษา...พระธรรมจากพระโอษฐ์...เลยเป็นแค่ปุถุชน...ปัจจุบันนี้...โยมฟังการถ่ายทอดสอน...พุทธวจน..จากพระอาจารย์...มาตลอด...ร่วม..10...ปีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ. .และถ่ายทอด...ด้วยการแชร์...พระธรรม...จากพระโอษฐ์...มาตลอดราวฯ...5..6ปีแล้ว...หลังจากที่ฟัง...พ.อ.จ.มานาน..4.5.ปี..ฟัง..พ.อ.จ....เทศนาสอนเมื่อใด...ก็รู้สึกว่า...ตัวโยมเอง ...ได้ทบทวน...ความจำ...ขออนุโมทนา ..สาธุ..สาธุ...เจ้าค่ะ
การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ และ เส้นทาง เจโตวิมุตติ นั่นเองคะ สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ(สัมมาทิฏฐิ>สัมมาสังกัปปะ)สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาวาจา(สัมมาสังกัปปะ>สัมมาวาจา)การเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน/การเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสังกัปปะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ปลายทางจะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ เมื่อเข้ามาสั่งสมสุตตะ ก็จะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ
น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ
❤สาธุในการแยก จะชี้ไปข้อจำแนก (สฬายตนะวิภังค์)จนครบดีแล้ว ว่าเกิดที่จุดใด (และ เป็น สังโยชน์ (ตำ่)และตัว (สูง ๕ ข้อ)จึงควรรู้โดยรอบ )นี้คือ สะสม สุตตะจน พอจำได้ ชี้ไปส่วน (อนุสัย )อีก จึง โยงกันแบบ ปัญญา ฃ้อน ๆๆๆกัน แต่ไม่ใช่รู้แบบ มั่ว ๆๆ ที่บางท่านไม่คล่อง จึงใช้เวลาจำแบบ อริยะ ที่บ่มไว้ดีแล้วผู้เก่า จะพอ คุ้นเคยค่ะ จึงต้องย้อนฟังให้บ่อยๆๆจะแน่นขึ้นนะคะสาธุๆๆ❤❤❤
กราบนมัสการสาธุ
❤ฟังและจด (ทำผังที่ตนเอง )ฟังให้ดี รอบครอบแล้ว )ลงมือ จดจะทรงจำได้เมื่อจำได้ (เราจะใคร่ครวญว่า มีในยะ สูง และต่ำ ได้อย่างอัศจรรย์ค่ะ(จะเป็น อนุสา สนีย์ แห่ง ถ้อยคำ (คือเข้าใจธรรมมะ (ชั้นลึกได้)สาธุค่ะ❤❤❤
เป็น สายปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ มีศรัทธา เข้าไปหา เข้าไปนั่งใกล้ เงี่ยโสตลงสดับ ได้ฟังธรรม ทรงจำธรรมนั้นไว้ ใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ ฉันทะย่อมเกิด มีอุตสาหะ พิจารณาหาความสมดุลแห่งธรรม ตั้งตนไว้ในธรรม เห็นสายปฏิจจสมุปบาทนั่นเองคะ คือเห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทางปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ
สาธุค่ะ ขอบคุณที่ตอบมาให้ยาวครบถ้วยเลยค่ะ พ อ จ จะใช้เป็นสุคติวินีโย และให้เรานำไปสดับสายเกิดสมุทัย และสายดับใน นิโรธ ข้อ ๒ และ ๓ พร้อมทั้ง ผู้ที่เคยฟัง ปฏิจจสมุปันนา ธัมมา และปฏิจจสมุป ปาโท ที่นับย้อนขึ้นเป็นคู่สาย เพื่อโยงไป ญาณวัตถุ ๔๔ และ ๗๗ จึงเป็น ธรรมอันเป็นเหตุและธรรมที่เกิดจากเหตุ(ตามกฏ อิทัปปัจจยตา )ที่ฃับฃ้อนกันอยู่ค่ะ พ อ จ นำเคร็ตการเข้าถึงแยกเป็นหลายประเด็นมากอนุโทนาสาธุค่ะ
ส่วน มานะ คือสังโยชน์ ที่เป็นเบื้องสูง มานะข้อ ๘ ใช้ ชี้ถึง (แสงและฉาก ที่จะมีผลทำงาน สัมผัส กับ ผัสสะ (ทำงานกัน )ข้อ ๙ อุทธัจจะ การฟุ้ง เบื้องสูงตรงนี้ ผู้ผ่านอาริยะ (จะตกผืนนา อันปราณีต ก็เป็นได้ ค่ะ จนถึง อนาคามี จึง (เข้าถึง ชั้น อธิบายไปถึง สมาธิ ใน ๑ ถึง ๔ถ้าขึ้น อรูป ก็จะเป็น ญาณ ๕ ถึง ๙ แต่ในกรณีนี้ คือ การไล่สาย มาถึง อวิชา (จึงชี้มาที่ จิต มโน ที่กำลัง น้อม โน้มมาได้ ภพ (คือมีสังขาร กับนามรูป ) ผู้ไม่ชำนาญ จะกล่าวว่า (สัมภเวสี กำลัง ก้าวลงสู่ (ครรถ์ มารดา )เพื่อ อุบัติ ได้ที่ตั้งอีกทันทีค่ะ สาธุ เจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
น้อมกราบพระธรรมคำสอนสาธุค่ะ🙏🙏🙏
ສາທຸ🙏🙏🙏
🌺🌺โมทนาสาธุครับ🌺🌺
สาธุ ขออนุโมทนา ครับ
น้อมกราบสาธุสาธุครับ
❤❤❤😊
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
กราบสาธุกำเนิดสี่ส่วนกำเนิดสามมีรูปร่างเป็นดินน้ำไฟลมโอปปาติกะโยนิเป็นสัตว์ทางจิตมโนวิณญาณของบุคคลนั้นไปหลงฉ้นทะราคะนันทิตัณหาเมื่อตาหูจมูกลิ้นร่างสรีระสัมผัสใจเช่นตากระทบเสื้อพอใจไม่พอใจเกิดตัณหาปับก็เป็นสัตตานังแต่จะเป็นสัตว์ชนิดไหนในจิตมโนวิณญาณของบุคคลนั้นตามอัตภาพอารมย์ของบุคคลนั้นเป็นไปหลงรูปหกเมื่อกระทบลึกซึงเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นนามไม่มีตัวตนสาธุ
❤ขอบคุณที่อธิบายให้เข้าใจก็ขอให้ท่านให้ความรู้แก่คนไม่รุ้ต่อไปครับ❤
เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด (สังสารวัฏ) คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สัตตานัง นั่นเองคะ ฉันทะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ราคะ(ฉันทะ>ราคะ)ราคะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/ราคะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ นันทิ(ราคะ>นันทิ)นันทิ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/นันทิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ตัณหา(นันทิ>ตัณหา)ตัณหา เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/ตัณหา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ อุปาทาน(ตัณหา>อุปาทาน)ภพ ชาติ ชรามรณะ เพราะความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้
❤ครับทุกคนฟัง❤ธรรมแล้วรู้เรื่องรู้ลึกและเข้าใจพุทธวจนแล้วท่านก็ดูลมหายใจเข้าหายใจออก❤ท่านก็อาปานาสติถ้าเป็นอย่างนี้ท่านก็เข้าสู่โสดาบันแล้วท่านต้องปฏิบัติไปเรื่อยๆๆคับต้องทําความเพียรเรื่อยๆๆเพราะถถึงโสดาบันแล้วท่านจะรู้เองนิสัยท่านจะเปลี่ยนไปมีเหตุมีผลคับท่านขอให้ท่านผู้ที่เข้าสู่โสดาแล้วโชคดีและสําเร็จตามจุดประสงค์ของท่านคัรบ❤❤❤❤❤❤❤❤
หาคนมีปัญญาอย่างพระอาจารย์ในยุคนี้คงหาได้ยากและการอธิบายของท่านทำให้เข้าใจได้ง่ายจากคำสอนของพระศาสดาฟังมาหลายปีท่านก็ยังพูดในคำสอนเหมือนเดิมฟังซ้ำๆบ่อยๆได้เรื่อยๆสาธุครับ
เป็น ลิขสิทธิ์ ทางปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ ต้องก๊อปปี้คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต มาบอกต่อนั่นเองคะ เพราะมีเพียง ตถาคตภาษิต เท่านั้นคะที่เป็น สัมมาทิฏฐิ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คำสอน การเขียน การพูดออกมา และ ความคิดเห็น ที่ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท ไม่มี สังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ เป็น สาวกภาษิต นั่นเองคะ
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภสำหรับผู้สนใจที่จะเริ่มปฏิบัติต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนครับ
@@SchiitMagni ธรรมที่เป็นเหตุ จะต้องเกิดปรากฏขึ้นมาก่อนนั่นเองคะ พระพุทธเจ้าท่านบอกเหตุปัจจัยถูกไว้ให้รู้ตาม คือ ต้องเป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ซึ่งพระพุทธเจ้าบอกว่า ถึงแม้เขาจะรู้ ธรรม ที่เราแสดงแล้วแม้เพียงบทเดียวก็จะเป็นไปเพื่อ สุคติ โลกสวรรค์
@@SchiitMagni ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ เหตุปัจจัยถูก คือ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ
@@SchiitMagni พระพุทธเจ้าบอกว่า มีอยู่นะ สังขตธรรม คุณสมบัติ เกิดปรากฏ เสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังขตธรรม เกิด เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ เสื่อม(เกิด>เสื่อม) การเกิดปรากฏขึ้นของ สังขตธรรม จะมีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ( เกิด>เสื่อม)>(เสื่อม>ดับ)>(ดับ>อนัตตา)>(อนัตตา>เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา)
ขอนอบน้อมกราบนมัสการสาธุสาธุเจ้าค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะพระอาจารย์ได้นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาอธิบายให้ญาติโยมถั่วโลกได้ฟังย่างชัดเจน🙏🙏🙏🌷น้อมกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
ช่องนนี้ดีมากครับ มีเขียนอธิบาย ธรรมมะล้วนๆไม่มีโฆษณา ขอบคุณที่สละเวลาทำให้ผู้คนได้ศึกษาพระธรรมครับ
พระอาจารย์เปรียบเหมือนเพชรเม็ดงาม ในยุคชาวพุทธปัจจุบัน
ใช่เลยค่ะเพราะบรรยายธรรมให้คนธรรมดาอย่างเช่นโยมได้เข้าใจในพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธะได้รู้และลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นเจ้าค่ะ🙇♀️🙇♀️🙇♀️🌻🌻🌻
ขอนอบน้อมกราบนมัสการองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธะในพระธรรมวินัยของพระองค์โดยไม่หวั่นไหวเจ้าค่ะสาธุ สาธุ สาธุค่ะ🙇♀️🙇♀️🙇♀️🌻🌻🌻
ขอนอบน้อมกราบนมัสการท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์และท่านภันเตพระเถระทุกรูปแห่งวัดนาป่าพงเจ้าค่ะ ที่มีเมตตากรุณาเปิดธรรมที่ถูกปิดเจ้าค่ะ🙇♀️🙇♀️🙇♀️🌻🌻🌻
กราบพระธรรม...กราบพระอาจารย์....เมื่อ.10..กว่าปีที่แล้ว...ก่อนที่โยม...จะไดัเจอ...พุทธวจน....โยมเคยมีประสบการ...ในการนั่งสมาธิ....ได้ตรงณาน...ที่..4..ตรงตามทิ่พระอาจารย์...อธิบายมา...แต่ตอนนั้นโยมยังไม่ได้...ศึกษา...พระธรรมจากพระโอษฐ์...เลยเป็นแค่ปุถุชน...ปัจจุบันนี้...โยมฟังการถ่ายทอดสอน...พุทธวจน..
จากพระอาจารย์...มาตลอด...ร่วม..10...ปีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ. .และถ่ายทอด...ด้วยการแชร์...พระธรรม...จากพระโอษฐ์...มาตลอดราวฯ...5..6ปีแล้ว...หลังจากที่ฟัง...พ.อ.จ.มานาน..4.5.ปี..ฟัง..พ.อ.จ....เทศนาสอนเมื่อใด...ก็รู้สึกว่า...ตัวโยมเอง ...ได้ทบทวน...ความจำ...ขออนุโมทนา ..สาธุ..สาธุ...เจ้าค่ะ
การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ และ เส้นทาง เจโตวิมุตติ นั่นเองคะ สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ(สัมมาทิฏฐิ>สัมมาสังกัปปะ)สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาวาจา(สัมมาสังกัปปะ>สัมมาวาจา)การเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน/การเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสังกัปปะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ปลายทางจะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ เมื่อเข้ามาสั่งสมสุตตะ ก็จะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ
น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ
❤สาธุในการแยก จะชี้ไปข้อจำแนก (สฬายตนะวิภังค์)จนครบดีแล้ว ว่าเกิดที่จุดใด (และ เป็น สังโยชน์ (ตำ่)และตัว (สูง ๕ ข้อ)จึงควรรู้โดยรอบ )นี้คือ สะสม สุตตะจน พอจำได้ ชี้ไปส่วน (อนุสัย )อีก จึง โยงกันแบบ ปัญญา ฃ้อน ๆๆๆกัน แต่ไม่ใช่รู้แบบ มั่ว ๆๆ ที่บางท่านไม่คล่อง จึงใช้เวลาจำแบบ อริยะ ที่บ่มไว้ดีแล้ว
ผู้เก่า จะพอ คุ้นเคยค่ะ จึงต้องย้อนฟังให้บ่อยๆๆจะแน่นขึ้นนะคะสาธุๆๆ❤❤❤
กราบนมัสการสาธุ
❤ฟังและจด (ทำผังที่ตนเอง )ฟังให้ดี รอบครอบแล้ว )ลงมือ จดจะทรงจำได้
เมื่อจำได้ (เราจะใคร่ครวญว่า มีในยะ สูง และต่ำ ได้
อย่างอัศจรรย์ค่ะ(จะเป็น อนุสา สนีย์ แห่ง ถ้อยคำ (คือเข้าใจธรรมมะ (ชั้นลึกได้)
สาธุค่ะ❤❤❤
เป็น สายปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ มีศรัทธา เข้าไปหา เข้าไปนั่งใกล้ เงี่ยโสตลงสดับ ได้ฟังธรรม ทรงจำธรรมนั้นไว้ ใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ ฉันทะย่อมเกิด มีอุตสาหะ พิจารณาหาความสมดุลแห่งธรรม ตั้งตนไว้ในธรรม เห็นสายปฏิจจสมุปบาทนั่นเองคะ คือเห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทางปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ
สาธุค่ะ ขอบคุณที่ตอบมาให้ยาวครบถ้วยเลยค่ะ พ อ จ จะใช้เป็นสุคติวินีโย และให้เรานำไปสดับ
สายเกิดสมุทัย และสายดับใน นิโรธ ข้อ ๒ และ ๓ พร้อมทั้ง ผู้ที่เคยฟัง ปฏิจจสมุปันนา ธัมมา และปฏิจจสมุป ปาโท ที่นับย้อนขึ้นเป็นคู่สาย เพื่อโยงไป ญาณวัตถุ ๔๔ และ ๗๗
จึงเป็น ธรรมอันเป็นเหตุ
และธรรมที่เกิดจากเหตุ
(ตามกฏ อิทัปปัจจยตา )ที่ฃับฃ้อนกันอยู่ค่ะ พ อ จ นำเคร็ตการเข้าถึงแยกเป็นหลายประเด็นมากอนุโทนาสาธุค่ะ
ส่วน มานะ คือสังโยชน์ ที่เป็นเบื้องสูง มานะข้อ ๘ ใช้ ชี้ถึง (แสงและฉาก ที่จะมีผลทำงาน สัมผัส กับ ผัสสะ (ทำงานกัน )
ข้อ ๙ อุทธัจจะ การฟุ้ง เบื้องสูงตรงนี้ ผู้ผ่านอาริยะ (จะตกผืนนา อันปราณีต ก็เป็นได้ ค่ะ จนถึง อนาคามี จึง (เข้าถึง ชั้น อธิบายไปถึง สมาธิ ใน ๑ ถึง ๔
ถ้าขึ้น อรูป ก็จะเป็น ญาณ ๕ ถึง ๙ แต่ในกรณีนี้ คือ การไล่สาย มาถึง อวิชา (จึงชี้มาที่ จิต มโน ที่กำลัง น้อม โน้มมาได้ ภพ (คือมีสังขาร กับนามรูป ) ผู้ไม่ชำนาญ จะกล่าวว่า (สัมภเวสี กำลัง ก้าวลงสู่ (ครรถ์ มารดา )เพื่อ อุบัติ ได้ที่ตั้งอีกทันทีค่ะ สาธุ เจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
น้อมกราบพระธรรมคำสอนสาธุค่ะ🙏🙏🙏
ສາທຸ🙏🙏🙏
🌺🌺โมทนาสาธุครับ🌺🌺
สาธุ ขออนุโมทนา ครับ
น้อมกราบสาธุสาธุครับ
❤❤❤😊
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
กราบสาธุกำเนิดสี่ส่วนกำเนิดสามมีรูปร่างเป็นดินน้ำไฟลมโอปปาติกะโยนิเป็นสัตว์ทางจิตมโนวิณญาณของบุคคลนั้นไปหลงฉ้นทะราคะนันทิตัณหาเมื่อตาหูจมูกลิ้นร่างสรีระสัมผัสใจเช่นตากระทบเสื้อพอใจไม่พอใจเกิดตัณหาปับก็เป็นสัตตานังแต่จะเป็นสัตว์ชนิดไหนในจิตมโนวิณญาณของบุคคลนั้นตามอัตภาพอารมย์ของบุคคลนั้นเป็นไปหลงรูปหกเมื่อกระทบลึกซึงเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นนามไม่มีตัวตนสาธุ
❤ขอบคุณที่อธิบายให้เข้าใจก็ขอให้ท่านให้ความรู้แก่คนไม่รุ้ต่อไปครับ❤
เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด (สังสารวัฏ) คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สัตตานัง นั่นเองคะ ฉันทะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ราคะ(ฉันทะ>ราคะ)ราคะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/ราคะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ นันทิ(ราคะ>นันทิ)นันทิ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/นันทิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ตัณหา(นันทิ>ตัณหา)ตัณหา เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/ตัณหา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ อุปาทาน(ตัณหา>อุปาทาน)ภพ ชาติ ชรามรณะ เพราะความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้
❤ครับทุกคนฟัง❤ธรรมแล้วรู้เรื่องรู้ลึกและเข้าใจพุทธวจนแล้วท่านก็ดูลมหายใจเข้าหายใจออก❤ท่านก็อาปานาสติถ้าเป็นอย่างนี้ท่านก็เข้าสู่โสดาบันแล้วท่านต้องปฏิบัติไปเรื่อยๆๆคับต้องทําความเพียรเรื่อยๆๆเพราะถถึงโสดาบันแล้วท่านจะรู้เองนิสัยท่านจะเปลี่ยนไปมีเหตุมีผลคับท่านขอให้ท่านผู้ที่เข้าสู่โสดาแล้วโชคดีและสําเร็จตามจุดประสงค์ของท่านคัรบ❤❤❤❤❤❤❤❤
หาคนมีปัญญาอย่างพระอาจารย์ในยุคนี้คงหาได้ยากและการอธิบายของท่านทำให้เข้าใจได้ง่ายจากคำสอนของพระศาสดาฟังมาหลายปีท่านก็ยังพูดในคำสอนเหมือนเดิมฟังซ้ำๆบ่อยๆได้เรื่อยๆสาธุครับ
เป็น ลิขสิทธิ์ ทางปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ ต้องก๊อปปี้คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต มาบอกต่อนั่นเองคะ เพราะมีเพียง ตถาคตภาษิต เท่านั้นคะที่เป็น สัมมาทิฏฐิ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คำสอน การเขียน การพูดออกมา และ ความคิดเห็น ที่ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท ไม่มี สังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ เป็น สาวกภาษิต นั่นเองคะ
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภสำหรับผู้สนใจที่จะเริ่มปฏิบัติต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนครับ
@@SchiitMagni ธรรมที่เป็นเหตุ จะต้องเกิดปรากฏขึ้นมาก่อนนั่นเองคะ พระพุทธเจ้าท่านบอกเหตุปัจจัยถูกไว้ให้รู้ตาม คือ ต้องเป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ซึ่งพระพุทธเจ้าบอกว่า ถึงแม้เขาจะรู้ ธรรม ที่เราแสดงแล้วแม้เพียงบทเดียวก็จะเป็นไปเพื่อ สุคติ โลกสวรรค์
@@SchiitMagni ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ เหตุปัจจัยถูก คือ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ
@@SchiitMagni พระพุทธเจ้าบอกว่า มีอยู่นะ สังขตธรรม คุณสมบัติ เกิดปรากฏ เสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังขตธรรม เกิด เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ เสื่อม(เกิด>เสื่อม) การเกิดปรากฏขึ้นของ สังขตธรรม จะมีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ( เกิด>เสื่อม)>(เสื่อม>ดับ)>(ดับ>อนัตตา)>(อนัตตา>เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา)
ขอนอบน้อมกราบนมัสการสาธุสาธุเจ้าค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะพระอาจารย์ได้นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาอธิบายให้ญาติโยมถั่วโลกได้ฟังย่างชัดเจน🙏🙏🙏🌷น้อมกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ