Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้กดติดตาม สามารถเข้าไปกดติดตามได้ที่ UA-cam : bit.ly/2UGCvSE
TIMESTAMPs 0:00 - Highlight0:32 - Intro 2:01 - การผ่อนบ้านหมดเร็วดีจริงหรือ!?! 5:36 - ค่าเสียโอกาส จากการโปะบ้าน ที่ทุกคนมองข้าม 8:11 - โปะให้บ้านหมดเร็ว VS แบ่งเงินบางส่วนไปลงทุน 12:13 - สำหรับคนที่คิดว่าโปะบ้านเร็ว จะได้มีเงินไปลงทุนต่อ14:40 - ข้อดี ข้อเสีย ข้อควรระวัง16:14 - สรุป
อยากลงทุนนะคะ ไม่มีความรุ้
เราสามารถทำควบคู่กันได้นิ่ครับ โปะบ้านสัก 20% ของเงินผ่อน แล้วที่เหลือก็นำไปลงทุน แบบนี้ได้ไหมครับ
พึ่งเข้ามาฟังคัพ อยากเรียนรู้เรื่องกองทุนเลยคัพพี่พอล
พี่พอล ทำไมถึฃคำนวณการลงทุนที่ 30 ปี แทนที่จะเป็น 15 ปีครับ
ทั้งโปะ ทั้งลงทุน ควบคู่กันไปเลยค่ะ จะได้มีอิสรภาพ ทางการเงินเร็วขึ้นค่ะ
แนวคิดดีครับ ครบทุกมุมผมเลือกโปะบ้านหมดก่อน 15 ปี แล้วค่อยเอาเงินที่จ่ายค่าบ้านทุกเดือนไปลงทุนก็ได้ครับไม่ต่างกันมาก แถม 15 ปี ไม่ต้องเครียดเพราะไม่มีหนี้ ยิ่งมีความสามารถโปะได้เร็วกว่านี้ เงินลงทุนยิ่งมากขึ้น มากกว่าไม่โปะเลยด้วย เพราะ คิดว่า บางทีเราอาไม่ได้แข็งแรงหาเงินได้เท่าเดิมหรือมากขึ้นในตลอด 30 ปีก็เป็นได้หรือการลงทุนที่ลงไปอาจไม่ได้กำไรอย่างที่คาดหวังก็เป็นได้ สำหรับผมความเสี่ยงคืออนาคตที่ไม่แน่นอนนี่แหล่ะ
อันนี้จริงโปะจบเลยดีกว่าอนาคตไม่มีอะไรแน่นอนเลย
คนที่รู้กับไม่รู้ครับ
ใช่ครับ แล้วการลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนทบต้นทุกเดือนเหมือนในสูตรที่กด เป็นไปได้ยากด้วยครับ
ความเสี่ยงเรื่องอนาคตยังไม่เท่าไหร่คะ มองตามความเป็นจิง คำว่าอนาคต เราจะตายวันไหน ตอนไหน ปีไหนก็ไม่รู้ บางที่อาจจะอยู่ไม่ถึง 60 ปีก็ได้ แล้วทำไมเราจะต้องหาเงินให้ธนาคารใช้ตั้ง 30 ปี เครียดตายเลย ไม่มีหนี้ดีสุดคะ อิสรภาพทางการเงิน เบื่องานก็ลาออกได้ไม่เป็นไร อยากเที่ยวก็เที่ยวได้ตลอด อยากกินอะไรก็ได้กิน
ถูกที่สุดครับ
**เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ดีครับ แต่ก็มีความเสี่ยงมาก และเป็นไปได้ยากเหมือนกัน**1.จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะลงทุนได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ตลอด 30 ปี หากไม่ถึง หรือติดลบจะทำอย่างไร2.จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะทำงานได้รายได้ทุกเดือนจนถึงอายุ 60 ปี หากป่วย ถูกไล่ออก/ให้ออก เกิดอุบัติเหตุ หรือตกงานตอนอายุ 45 ปี จะทำอย่างไร3.ธนาคารยิ้มเลย ได้กินดอกเบี้ยยาวๆ อิ่มๆ ไม่ต้องรับความเสี่ยงอะไร แต่เราต้องมารับความเสี่ยงจากการลงทุน ความเสี่ยงจากสุขภาพ ฯลฯ**สำหรับผมขอเลือกโป๊ะให้หมดเร็วที่สุด มีความเสี่ยงน้อยกว่าครับ**1.หมดหนี้เร็ว บ้านเป็นของเราแล้ว 100% มั่นใจได้ว่าจะมีบ้านอยู่จนหมดอายุขัย2.หากป่วย ถูกไล่ออก/ให้ออก เกิดอุบัติเหตุ หรือตกงาน แต่ไม่มีหนี้แล้ว อย่างน้อยก็มีบ้านให้อยู่3.ไม่มีความเสี่ยงจากการลงทุนในช่วงที่กำลังเป็นหนี้อยู่4.หลังจากผ่อนบ้านหมดค่อยเอาไปลงทุน ถึงจะไม่ได้เยอะเท่าแบบแรก แต่มีความอุ่นใจและสบายใจกว่าแบบแรกหลายปี ซึ่งวัดเป็นตัวเงินไม่ได้5.การลงทุนตอนที่ปลอดหนี้จะทำให้เรามีสติ ไม่เครียดมาก และเรียนรู้ในการลงทุนให้มีผลกำไรได้มากกว่า6.การรีไฟแนนท์ทุกๆ 3 ปี สามารถหาดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า 4%ได้ครับ เฉลี่ยประมาณ 3% นั่นคือเราจะผ่อนหมดเร็วขึ้น7.การโปะมันเหมือนมีพลังบางอย่าง ยิ่งโปะ ยิ่งเห็นเงินต้นลด ยิ่งเห็นดอกเบี้ยลด ยิ่งเห็นเวลาลด มันยิ่งมีกำลังใจ ทำให้เรายิ่งโป๊ะมากขึ้น ยิ่งหมดหนี้เร็วขึ้น บางคนตั้งเป้าหมายว่าจะโปะให้หมดภายใน 10 ปี แต่เอาเข้าจริง 5 ปีก็หมดแล้ว หรือไม่กี่ปีก็หมดแล้ว8.สามารถวางแผนได้เลยว่าจะให้ผ่อนบ้านหมดภายในเวลากี่ปี ต้องโปะเพิ่มแต่ละเดือนเท่าไหร่ ใส่ Excel ให้เห็นตัวเลขชัดๆเลย แล้วนับวันถอยหลังไปสู่วันหมดหนี้ได้เลย แค่คิดก็มีกำลังใจแล้ว*ตอนนี้ผมก็กำลังทำแบบหลังอยู่ ซื้อบ้านสัญญาผ่อน 40 ปี แล้ววางแผนกับแฟนวันที่ซื้อเลยว่าจะผ่อนให้หมดภายใน 10 ปี ใสค่าทุกอย่างลงไปใน Excel คอยปรับตัวเลขอยู่สม่ำเสมอ ผ่อน+โปะมาแล้ว 1 ปีกว่าๆ จากที่คาดการว่าจะหมดภายใน 10 ปี ตอนนี้เหลือแค่ 8 ปีกว่าๆแล้วครับ (ไม่นับรวมกับที่ผ่อนมาแล้วปีกว่าๆนะครับ)
อยากทราบรายละเอียดโปรแกรม excel ที่ใช้อ่ะครับ มีรูปแบบไหมครับ
+1 ค่า ช่วยสอนการลงใน excel และวิธีคิดทีค่ะ 🙏🏻
+1 การลงทุนมีความเสี่ยง อาจมีมูลค่า เพิ่ม หรือลดได้ไม่มีหนี้ สุขภาพจิตดีกว่าเยอะอย่ามองมุมจะได้เพิ่มอย่างเดียว
สอบถามคะ ทำในเอกเซลแบบไหนคะ
+1.
เทคนิคผ่อนบ้าน 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะถูก จากโปรธนาคาร เมื่อครบ 3ปี ให้แจ้งรีไฟแนนซ์ ธนาคารจะเสนอดอกเบี้ยใหม่ เพื่อให้ถูกเท่าเดิมหรือใกล้เคียง 3ปีแรก ในช่วงที่ดอกเบี้ยถูก ให้เน้นเก็บเงินก้อนให้ได้เพื่อ ปิดยอดกู้บ้าน เท่านี้ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยบานเบอะ ไม่ต้องโปะดอกเบี้ยเละเทะ
การลงทุนมีความเสี่ยง ปัจจัยมากมาย ในความไม่แน่นอน เช่นโควิท ถ้าโลภอยากรวย อาจไม่มีบ้านอยู่ ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ลงทุนไม่ใช่ทุกคนจะกำไร กำไรไม่ได้จะกำไรเสมอไป ยิ่งไม่รีบปิดระยะยาว 30 ปี ใน 30 ปี มันจะไม่มีปัจจัยอะไรเกิดขึ้นเลยหรอครับ ธนาคารจะไม่ปลี่ยนเลยหรอครับแล้วมนุษย์ที่ดำรงชีพด้วยความโลภ เดี๋ยวก็ต้องอยากได้รถดีๆ ใช้ชีวืตดีๆ เสื้อผ้าดีๆ ไปต่างประเทศ หึๆๆๆ ผลก็คือ .... ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง อย่าใช้เงินในอนาคต ที่มันยังไม่มีอยู่จริง
แนวคิดดีครับ แต่สำหรับผมขอโปะบ้านให้หมดก่อน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่วางแผนมาตั้งแต่ซื้อบ้าน ซึ่งอีกปีกว่าๆก็จะหมดแล้วตามแผนชีวิตที่ตั้งไว้ เพราะส่วนตัวทำงานบริษัทต่างชาติ และเห็นการจ้างออกในช่วงวิกฤติสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้บ่อยมาก ร้อนๆหนาวๆทุกครั้งที่เห็นคนอื่นๆโดนซองขาว ทำให้ไม่มั่นใจว่าจะมีรายได้เพื่อผ่อนบ้านไปตลอด 20 ปีหรือไม่ เลยขอกระหน่ำโปะบ้านเพื่อความปลอดภัยของตัวเองไปก่อนครับ ความเห็นส่วนตัว ผมอาจจะไม่ถูกก็ได้ แต่ก็ชอบฟังแนวคิดการลงทุนแบบใหม่ๆสม่ำเสมอเพื่อไว้ประยุกต์ใช้ในอนาคตครับ
แต่ละคน มีเหตุผลที่ต่างกัน ไม่มีผิดถูกครับ จริต ของคนก็ต่างกัน สิ่งที่คุณพิมพ์ก็เป็นความคิดที่ดี ไม่ผิด เพราะเป้าหมายชีวิตของแต่ละคนต่างกัน เป็นกำลังใจให้ครับ เยี่ยมมาก บ้านหมดก็สบายใจ✌
จริงๆ การไม่รีบโปะบ้าน ไม่เกี่ยวกับเงินที่จะได้ในอนาคตจริงๆมันก็แค่ถามตัวเองว่า เงินที่เหลือในแต่ละเดือนเราสามารถไปลงทุนได้กำไรมากกว่าดอกเบี้ยบ้านไหม ถ้าได้มากกว่าก็แค่ไปลงทุนครับ แต่ถ้าไม่แน่ใจ หรือทำไม่ได้ ก็แค่เอาเงินที่เหลือไปโปะครับ แทนที่จะออม แล้วเสียทั้งดอกเบี้ยบ้านและเงินเฟ้อ
ถ้าคิดว่างานไม่มั่นคง หรือไม่มีรายได้หลายทาง ไม่มีหนี้ดีที่สุดครับ แต่ถ้าคุณมีรายได้หลากหลายช่องทาง ถ้าช่องทางหนึ่งล้ม คุณก็ยังเหลือช่องทางทำเงินอื่น และจัดสรรเงิน บริหารเงินได้ง่าย ถึงแม้ว่าจะเป็นหนี้ก็ตาม
ส่วนตัว รู้สึกงานไม่มั่นคง และกองทุนบางตัวกำไรที่ได้น้อยกว่าดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่ายทุกเดือน เลยเลือกที่จะโปะบ้านให้หมดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งที่แพลนไว้คือ ให้หมดหนี้บ้านภายใน 3 ปี แล้วปีหลังจากนั้นคือเงินเก็บล้วนๆ ที่จะเริ่มจัดสรรลงทุนเพราะหมดหนี้แล้ว
โปะก็ดีครับ จะได้ไม่มีปัญหาจู้จี้จุกจิก แต่ที่อาจารย์บอก ถ้าไม่โปะ เงินสดก้อนนั้นต้องแบ่งไป วางหรือลงทุน ในที่ทำกำไรมากกว่า เงินที่ไปโปะครับแต่ถ้าตกงาน เราก็สามารถดึงเงินทุนก้อนนั้นกลับมาได้ หรือเทขายหุ้นอะไรประมาณนี้ครับไม่ใช่ไม่โปะแล้ว เงินอีกส่วนที่เหลือเอาไปใช้จ่ายไม่จำเป็นหมดหรือไม่ใช่ต้องมาเริ่มเก็บเงินก้อนใหม่ ไปลงทุน
ซื้อบ้านแผนการผ่อน 15 ปีค่ะ ดอกปีแรก 1.69% ผ่านไป 8 ปี ตั้งแต่โควิดมาจน ตอนนี้ ดอกขึ้นมา 5.68% กำลังจะเอาไปรีไฟแนน ขอลดดอกค่ะ ยังไงก็ขอโป๊ะบ้านก่อนดีกว่า ดีกว่าจ่ายดอกเพิ่ม ล้านสองล้าน เพราะเวลาขายได้ไม่ถึงที่เสียไปแน่นอน การลงทุนมันมีขึ้นมีลงนะคะ ไม่ใช่ว่าจะ + ตลอด ตอนนี้พยายามโป๊ะบ้าน ไปพร้อมๆกับการลงทุนทุกเดือน ทีละนิดหน่อยค่ะ (บ้านยิ่งอายุเยอะราคายิ่งตก)
ควรเทียบระยะเวลาลงทุนที่ 15 ปี จะได้เป็นฐานเวลาเดียวกัน เพราะถ้าผ่อนบ้านหมดใน 15 ปี จะมีเงิน 2 หมื่นกว่าบาทบวกเงินก้อนอีก 1.4 ล้าน สามารถนำมาลงทุนอีก 15 ปี ให้เป็นฐาน 30 ปี เหมือนกัน ถึงจะเห็นความต่างที่ช่วงระยะเวลาเท่ากัน
มีเหตุผล
แนวคิดนี้ดีนะคะ แต่จะใช้ในตลาดหุ้นโดยเฉพาะกองทุนตอนนี้ ตลาดขาลงมากๆๆขาดทุนกันเยอะมากในกองทุนรวม ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวอีกทีเมือไหร่ยังไม่มีใครุรู้ ถ้าโป๊ะบ้านได้ภายในไม่เกิน 3-5ปีนี้แนะนำให้ทำเพราะเป็น peace of mind เงินเฟ้อตอนนี้ไม่รู้ว่าเมือไหร่จะฟื้นตัว การลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้นถ้ามีเงินเย็นอยู่ในมือแนะนำคะ แต่ถ้าช่วงนี้แนะนำให้โป๊ะบ้านดีที่สุดคะ มีเงินลงในกองทุนรวมมาแล้ว 3ปีตอนนี้ยังขาดทุนเลยคะเพราะหุ้นทุกตัวตกหมด กองทุนรวมตอบโจทย์การลงทุนแบบ compound interest ก็จริงแต่สถาณการณ์ตอนนี้ความเสี่ยงสูงมากๆๆ ความเห็นส่วนตัวนะคะ
แต่ก็อย่าลืมว่าอีก 60 ปีข้างหน้าเงิน 13 ล้านแทบจะไม่มีค่าอะไร แล้วยิ่งเอาเงิน 13 ล้านไปลงทุนต่อเพื่อหวังเงินปันผลเดือนละ 5หมื่นกว่า เอาตามตรง 5หมื่นกว่าทุกวันแทบจะไม่มีค่า ยิ่งอีก 60 ปีข้างหน้าน่าจะซื้อทองได้แค่ 1 สลึงมั้ง เราเริ่มซื้อทองเก็บตอนอายุ 17 ตอนนั้นทองราคาบาทละ 5000+ ตอนนี้อายุ 36 ทองราคา 30000 19 ปี จาก 5000+ เป็น 30000+- แล้วแต่ราทองผันผวนเล็กน้อยตอนอายุ 25 ซื้อที่ 200 วา 750000 บาท เงินสด แล้วสร้างบ้านด้วยเงินสด เวลาสร้างบ้าน เราต้องจ่ายช่างเป็นงวดๆ นี่แหละประเด็น รายรับ รายจ่าย ทั้งบ้านของเราเท่าไหร่เราจะรู้ดี คุณสามารถคุยกับช่างได้ ว่างวดไหนขอจ่ายเท่าไหร่ และใช้เวลาในการสร้างนานเท่าไหร่ แล้วช่วงที่สร้างบ้านอยู่ งดช๊อปปิ้ง งดเที่ยว งดทานข้าวนอกบ้าน ซื้อเท่าที่จำเป็น บ้านเราสร้างขนาด 400 ตรม.สร้างปี 54 ราคา 3.8 ล้าน ไม่รวมประตู สุขภัณฑ์ สีทาบ้าน ไฟในบ้าน รวมซื้อของเอง ณ ปี 54 เราจ่ายไป 4.5 ล้านรวมเฟอร์นิเจอร์ รายรับทั้งบ้าน ณ ตอนนั้นเดือนละ 2แสน ค่าเช่าบ้านช่วงสร้างบ้าน ค่ากินรายเดือนเราคุมไว้ที่ไม่เกินเดือนละ 30000 หักค่าเทอมลูกคิดเป็นรายเดือนตก เดือนละ 30000 เราจะเหลือเงินเดือนละ 1แสน4 หมื่น รวมกับเอาทองคำที่เคยซื้อเก็บไว้ไปขายทั้งหมดมาใช้สร้างบ้านด้วย เราใช้เวลาทั้งหมด 2 ปี 2 เดือน ทุกวันนี้อายุ 36 จะบอกพอไม่มีค่างวดบ้านคือเป็นอะไรที่หลับสนิทที่สุด หลังจากนั้นก็ออมเงินในรูปซื้อทองคำแท่งมาเก็บอย่างเดียว ช่วงปี 2017 ช่วงก่อตั้งธุรกิจใหม่ตัวเอง 1 ปีกว่า แทบจะไม่มีรายรับ เอาทองออกไปขาย ใช้เงินเท่าที่จำเป็นจิงๆ จากปี 2017 ที่ไม่มีรายรับจากธุรกิจใหม่เลย ตอนนี้พูดได้เต็มปากว่า ธุรกิจมีมูลค่ารวมพันกว่าล้าน รายเดือนละหลายล้าน เราเลือกที่จะจ่ายเงินเดือนให้ตัวเองที่เดือนละ 7 แสน จากรายได้ของ บ.( ในฐานะกรรมการบริษัท )จะบอกว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน เป็นผึ้งน้อยทำรังแต่พอตัวดีที่สุดคะ และไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐคะ เงินปันผลจากการลงทุนระยะยาวอย่าไปคิดถึงมันคะ เพราะคุณไม่มีวันรู้เลยว่า #คุณจะมีวันพรุ่งนี้ได้อีกสักกี่วัน ??
เค้าหมายถึง อายุในการผ่อนบ้านอย่างผ่อนแบบ30 ปี คุณอายุ30 ผ่อนบ้าน30ปี ตอนนั้นคุณก็จะมีอายุ 60 ปีไง ไม่ได้ หมายถึงว่า ยาวจน60แบบที่คุณเข้าใจนะ เคนะครับ
ผมใช้วิธีนี้แหละครับ แต่ในคลิปคำนวณผิดไปหน่อยตอน compound คือถ้าเราสามารถลงทุนให้เป็น passive ได้ หมายความว่าเราจะได้ passive ตลอดไป ที่จะเอาไปโปะก็ได้ เอามาใช้ก็ได้ ดีกว่ารีบโปะหมด แล้วสุดท้ายต้องมานั่งเริ่มเก็บเงินก้อนใหม่ แต่ในกรณีนี้ ต้องมีความรู้เรื่องลงทุนด้วย ไม่ใช่เงินที่เหลือ เอาไปลงสิ่งที่ไม่รู้จนหมดเนื้อหมดตัวหรือเก็บเข้าตุ่มเข้าไหไม่ทำอะไร แบบนั้นรีบโปะยังจะดีกว่า
เมื่อ20กว่าปีที่แล้ว เคยกู้เงินเพื่อซื้อบ้านจัดสรรแค่ 400,000 สัญญา 20ปี ผ่อนเดือนละ 5,500บาท เดือนแรกที่ส่ง เป็นดอก 5พันกว่า พอมาคำนวณออกมาถ้าผ่อน 20ปีเป็นดอกเบี้ยเกือบล้าน เราจึงส่งมากขึ้น และจ่ายหมดในเวลาไม่ถึง7ปี เพราะเราทำงานในอเมริกาเกษียณมาก็มีเงินประกันสังคมกินทุกเดือนไปจนตาย ไม่ต้องดิ้นรน เพราะ ไม่อยากรวยมาก แค่พอมีพอกิน ก็สุขแล้ว.
แต่ สูตรนี้อยู่บนสมมติฐาน ที่ผลตอบแทนต้องสม่ำเสมอ แล้วให้ผลตอบแทนทบต้นทุกเดือนตลอดจน 360 เดือน ครับ ปัญหาหลักๆคือหากองทุนที่ Return 8% ต่อปีทุกปี แล้วคิดทบต้นให้ทุกเดือน แทบไม่มีครับ NAV มีขึ้นมีลง ขนาด LTF SSF ตอนนี้ยังติดลบอยู่เลยครับ ลงทุนเองยังยากเลยที่จะได้ตามนี้ สำหรับตัวผมเองมองว่าเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งถ้าปีไหนมีวิกฤต return ตลาดรวมน้อยกว่า 3% เลือกโปะบ้านดีกว่า ดูเป็นปีๆไปครับ ส่วนตัวมองว่าระยะเวลายาวนานขนาดนั้น โดยที่ความเสี่ยงไม่มีเลย เป้นไปไม่ได้หรอกครับ ยังไงการลงทุนก็มีความเสี่ยงครับ การนำผลตอบแทนจากการลงทุน มาเทียบกับดอกเบี้ยที่ความเสี่ยงเป็นศูนย์ ผมมองว่าเป็นการมองด้านบวกด้านเดียว คนที่ไม่รู้ จะเข้าใจว่าจะได้ตามนั้นจริงๆ ซึ่งจริงๆแล้วมันมีอีกหลายปัจจัยครับ
+1
จริงครับ หาที่ไหน 8%
แถมเลือกแบบ ทบทุกเดือนอีก ทั้งๆที่แทบจะทุบทุกๆปีเอง8% คิดจากสมัยก่อนอาจจะใช่ เพราะเงินเฟ้อมันโตมาไวแต่ถ้าคิดสมัยนี้ถึง อนาคตคิดว่า % จะน้อยลงเรื่อยๆ 3-5% ก็พอๆกับดอกบ้าน ดังนั้นถ้าไม่มีการลงทุนไหนเยอะกว่าดอกบ้าน ก็ไม่คุ้มหรอก แถมมีความเสี่ยงเป็นหนี้อยู่
พูดทฤษฎีทำได้หมดแหละครับ เจอปฎิบัติแม่งตายกันหมด
จริงครับ
เราปิดไวกว่านั้นอีกค่ะ10ปีจ่ายดอกเบี้ย7แสนกว่า จากที่ต้องจ่าย2ล้านกว่า คำนวณแล้วปลายทางผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนไม่ต่างกันมากค่ะ ถ้าอายุ60แต่ได้ความสบายใจมีมากมายเพราะรู้แน่ๆแล้วมีบ้านอยู่จนถึงตอนแก่ไม่เป็นภาระใคร ไม่มีใครรู้อนาคต เลยรีบแปลงจากหนี้สินเป็นทรัพย์สินค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
เห็าด้วยนะครับว่าสบายใจกว่า แต่ต้องคิดต่อด้วยครับ ว่าปลดหนี้แล้วลงทุนด้วยจำนวนที่ผ่อนปิดเร็ว แบบ10ปีรึเปล่า มากกว่า25k+ต่อเดือน เพื่อปิดภายใน10ปี เงินจำนวนนั้นเอามาลงทุนในทิศทางไดแล้วได้ผลตอบแทนต่างกันเท่าไหร่
ท้ายที่สุดขึ้นกับ กระแสเงินสดและสภาพคล่องครับ ที่เราจ่ายดอกเบี้ยคือเพื่อแลกกับสภาพคล่อง ถ้าคุณมีสภาพคล่องเหลือเฟือ ก็จ่าย 3ปี จบก็ย่อมดีกว่าครับ มันจะมีช่วง overlap ระหว่างปีอยู่ครับ ว่าจุดคุ้มทุน อยู่ตรงไหนอาจจะเป็นช่วง ไม่เกิน 7 - 12ปี แต่ถ้าแลกความสบายใจ ไม่มีหนี้ แน่นอนครับ ถ้าพูดเรือ่งตัวเองก็อีกเรื่องหนึ่ง
จริงครับ เอาไปลงทุนอะไร ความเสี่ยงมากแค่ไหน ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงอีก
สำหรับผมการไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐคือของจริงในทางด้านจิตใจ เนื่องด้วยการเกิดอุบัติเหตุเหตุจนทำงานไม่ได้ ในอายุ 40 ปี ซึ่งมีเงินเก็บพอที่สามารถโป๊ะบ้านได้และเหลือเก็บที่ใช้ลงทุน ซึ่งผมว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความรู้ด้านลงทุนด้วย ถ้ายังมีหนี้และสภาวะทุกตลาดผันผวนในทุกวันนี้ จึงเลือกโป๊ะก่อนลงทุนด้วยเหตุผลทุพพลภาพ ว่างงาน อายุครับ เซฟๆไว้ก่อนครับ
ผมลองแล้วครับสูตรนี้ ขาดทุนไม่พอ แถมบ้านโดนยึด ของแบบนี้น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่างทั้งจังหวะและดวง ขายฝันล้วนๆครับ
เห็นด้วยนะ ลงทุนไม่ใช่ว่าจะมีแต่กำไร 55
โคตรจริงครับ ดอกเบี้ยบ้านมาตลอด แต่การลงทุนที่ชนะดอกเบี้ยบ้านด้วยเงินแค่ยอดผ่อน ไม่มีทางชนะครับ
เห็นหน้าหมอนี่ผมก็ปิดคลิปละครับ ขายฝันไปทั่ว โอกาส 1 ใน 10,000 คน ที่จะฟลุ๊คดวงดี
@@venomgt9380 5555555
คุณ ไปทำตอนไหนวิธีการนี้เค้าซื้อกองทุนดัชนีถึง 30 ปี คุณอายุเท่าไหร่ คุณซื้อกองทุนดัชนีมาตั้งแต่ปี 2537 เลยหรือ หรือแค่ซื้อหุ้นปั่น เลยเจ๊งไม่เป็นท่า เค้าให้ความรู้ด้านการเงินดันมาใส่ความเขาว่าขายฝันก็จมปรัก ในหนี้กันต่อไป ละกัน
เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยโป๊ะบ้านครับ ผ่อนตั้งแต่ 1.8 ล้านจนเหลือ 1.1 ล้าน (หลายปีแล้ว รีมาหลายธนาคารแล้ว)ตอนนี้มีเงินในพอร์ตหุ้น 2.x ล. ปันผลปีละ 8-9 %เคยคิดว่าตัวเองทำไม่เหมือนคนอื่น กลัวจะมาผิดทางเหมือนกัน
ผมแค่จะมาบอกว่ามาทางเดียวกันครับ บริหารจัดการให้เป็น เงินคืออำนาจครับ มีไว้ต่อรองได้ดีกว่าไม่มี
คลิปนี้ดีมากครับ ทำให้มองเห็นช่องว่างที่จะทำกำไรได้ ส่วนตัวผมเองทำควบคู่กันครับ จ่ายบ้านเพิ่ม + ลงทุน ไม่มีถูกผิดครับ เเล้วเเตความถนัดของเ้ต่ละคน
ตอนแรกกก็เคยจะไม่โป๊ะบ้าน และทำการเอาเงินไปลงทุนในกองทุนแทน แต่ด้วยซื้อกองทุนไว้ติดลบ เงินหายทุกเดือน เลยเอาเงินมาโป๊ะบ้านแทน
มันไม่ปลอดภัย T.T
SET50 ครับ
การลงทุนยุคนี้ โคตรเสี่ยงเอาเงินโปะหนี้บ้านดีที่สุด10 ปี ผมโปะ ปิดหนี้บ้านแล้ว
ตอนปีแรกผมโป๊ะเร็วครับ เพราะดอกมันถูก 0.01% (โปร ธ ออมสิน) [คิดเป็นประมาณ 30% รายได้] พอปีที่ 2 ดอกเบี้ยกลับมาเรทปกติ [ผมจ่ายขั้นต่ำ ประมาณ 15% รายได้] เอาส่วนต่างไปลงกองทุน 6 กอง DCA เช่น หุ้นเกิดใหม่, พลังงาน, หุ้นเทค, หุ้นทั่วโลก, หุ้นสหรัฐฯ) [ประมาณ 6% รายได้] + ยักเงินไว้ซื้อ BTC บ้างตามจังหวะ ซื้อช่วงต่ำๆ เก็บ รายเดือนไปเรื่อยๆ [ประมาณ 4% รายได้] , และอีกส่วนซื้อ Alt coin เล่นไม้สั้นๆในกระดานbinance ช่วงไหนขาลง ก็ซื้อ USDT ตุนแทน [ประมาณ 5% รายได้] ตอนนี้ผ่อนบ้าน พร้อมลงทุนไปด้วย เข้าเดือนที่ 18 ตามคลิปคุณพอลเลยความรู้ + วินัย => ความเชื่อมั่นของเราเองปล. ผมยังไม่เล่น future, option (ฝีมือไม่ถึง งบยังไม่แน่น ไม่เสี่ยง leverage) อนาคตไม่แน่ครับ
ปัจจุบันพอร์ตแดงหมดFund (-10%)Crypto (-เกิน 30%)แต่ไม่ซีเรียส เพราะเงินออมมีต่างหากอยู่แล้ว เพราะถ้าลงทุนยาวๆ ช่วงนี้ก็เหมือนซื้อของถูก5555
@@Yggdrasil4Leaf แดงไม่นานหรอกครับ ปลอบใจๆ หัวอกเดียวกัน 55+
@@Zerowolrd สาธุครับ 555
แนวคิดดีค่ะสำหรับคนมีหลายอาชีพ แต่เรากลัวความเสี่ยงไม่แน่นอน เลยต้องรีบโป๊ะ ระหว่างทางมีเงินใหม่เข้าใหม่ ก็สลับไปลงทุนได้กำไรมาก็แบ่งเก็บกับโป๊ะเพิ่ม อยากให้หมดทีละอย่าง เพราะถ้าลงทุนเยอะ บางอย่างก็ขาดทุนเหมือนกัน
เห็นด้วยค่ะ..
ปัญหาคือ ผลตอบแทนในอดีต ไม่สะท้อนไปยังอนาคตเสมอ 8% อาจจะเหลือแค่ 1-2% หรืออาจจะติดลบไปเลยก็ได้ ต้องคิดเผื่อตรงนี้ด้วยครับ ดังนั้นใครคิดจะทำวิธีนี้ ต้องศึกษาด้านการเงินอยู่เสมอเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้ตัวเองครับ
ผมซื้อกองทุนมา2ปีซื้อเดือนละ1000บ้าง2000บ้างบางเดือนก็500-700 ตอนนี้ขาดทุน4000ยอดกองทุนหมื่น3หมื่น4 ช่วง2ปีมานี้หุ้นตกหนักมาก
มุมมองของคุณพอลเหมือนกับวิสัยทัศน์ของคนญี่ปุ่นเลยค่ะ ดีใจที่มีคนนำเสนอแนวคิดนี้:)
พลาดระหว่างทางจะแย่ครับ สภาพจิตใจเรื่องการลงทุนไม่ใช่เรื่องที่เสถียร ขอความมั่นคงในชีวิตไว้ก่อน
ส่งนตัวผม ตอนนี้เป็นหนี้บ้าน โป๊ะส่วนนึง ลงทุนส่วนนึง อย่างน้อยก็มีบ้านอยู่ ท่ามกลางความไม่แน่นอน ยังมีบ้านไว้ให้คนข้างหลัง เพราะสินเชื่อบ้านมีประกัน และเงินลงทุนก็มีถึงจะไม่ได้มากมาย
อยากให้คุณ Paul ได้อ่านหนังสือ เศรษฐีเงินล้านอัตโนมัติ มันมีอีกวิธีที่ธนาคารไม่เคยบอกจริง ๆ คือใช้เงินจำนวนเท่าเดิม แต่สามารถลดต้นลดดอกได้ จะได้นำมาบอกต่อ ช่วยคนได้จำนวนมาก ที่จริงเคยนำเรื่องนี้ไปบอกกับอีก channel นึง แต่ไม่เห็นเขาเคลื่อนไหวอะไร จึงลองมาบอกที่ช่องนี้บ้าง ผมทำมาแล้วได้ผลจริง
ผมว่าน่าจะพูดไม่ได้ครับ ถ้าพูดก็ดราม่าอีกแน่
ขอคำแนะนำทีครับ
รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ
ช่วยบอกหน่อยคะ
ตามค่ะ
เปิดโลกมากสำหรับเรา ดูมาหลาย ep อันนี้ว้าวสุด และคิดว่าเป็นไปได้ เพราะเราคือคนนึงที่คิดโปะบ้าน เพราะตอนนี้เพิ่งกู้เอาบ้านไปเข้า แบงสีเขียว ซึ่งดอกแพงมาก 6-7%/ปี ยังไม่ครบ3ปี กำลังหาย้ายแบงแล้วค่ะเพื่อดอกเบี้ยที่ถูกลง แต่ก็ยากอยู่เพราะต้องใช้สเตทเม้นเยอะพอควรเลย หลังจากดูคลิปนี้จบ สิ่งที่คิด เออ มันก็จริงว่ะ ตอนนี้เรา31ละ เกษียณมา ไม่ต้องลำบากแล้ว มีเงินให้ลูกให้หลานอีกต้องขอ ขอบคุณพี่พอลมากๆ เราจะแชร์คลิปนี้ให้คนที่เรารัก ได้เห็ยอีกด้านนึงต่อไปค่ะ ขอบคุณจากใจ
ขอบคุณแนวคิดดีๆ ครับ เท่าที่ฟัง สรุปคือมันต่างกันที่ ดอกเบี้ย ธนาคาร 4% กับ ดอกเบี้ยที่เราได้ลงทุน 8% แต่ประเด็นคือ 8% ต่อปี มันหายากดิครับ
เอาจริงๆควรผ่อนบ้านส่วนใหญ่จะผ่อนแบบยาวๆเพราะไม่รู้หลอกว่าถ้าผ่อนแบบสั่นจะลดดอกเบี้ย ถ้าคนเงินเดือน 2-3 หมื่นบาทส่วนใหญ่จะผ่อนจนครบ 30 ปี ไม่ค่อยจะโปะ และ50-60% คนพวกนี้ผ่อนไปกลางทางแล้วจะช็อตหรือตกงาน เลยทำให้ไม่มีเงินไปผ่อนบ้านและสุดท้ายดอกเบี้ยท่วมจนแบงค์ฟ้องยึดทรัพย์นั้น นิสัยคนไทยส่วนใหญ่ ชอบสนุก กินเที่ยว ความรับผิดชอบเลยไม่ค่อยจะมีกัน ยํ้าว่าส่วนใหญ่นะ เลยทำให้ธนาคารชอบปล่อยกู้ ถ้าผ่อนไม่ไหว ธนาคารก็ได้ทรัพย์นั้นกลับมาขายอีกทอด
การทำสัญญา 30 ปีผ่อนบ้าน สิ่งที่จะต้องบริหารคือ จ่ายงวดแบบ 5 ปี ก็หมดก่อนสัญญาดอกเบี้ยคิดทุกวันจากเงินต้นคงเหลือ จะจ่ายงวด 1 หมื่น 2 หมื่น 5 หมื่น ดอกเบี้ยก็เท่าเดิม แต่เมื่อหักดอกแล้ว จะไปหักต้นได้เยอะกว่า จ่ายตามจำนวนในสัญญา ผลก็คือ ปิดได้เร็วกว่าสัญญาอันเป็นการประหยัดดอกเบี้ยนั้นเอง
ขอบคุณพี่พอลมากๆๆค่ะ ตอนนี้ผ่อนบ้านอยู่ค่ะเพิ่งจะรีเทนชั่นบ้านไปค่ะ ส่วนตัวไม่โปะบ้านแต่เอาเงินครึ่งหนึ่งของเงินเดือนลงทุนหุ้นปันผล ผลตอบแทน9%ต่อปีอยู่ค่ะ แฮปปี้ดีจ้า👍🏼
แนะนำหุ้นหน่อยได้ไหมคะ
@@surisa4151 จะเป็นหุ้นที่ปันผลทุกไตรมาสนะคะ ตอนโควิดยังปันผลดีทุกปีค่ะ จะมี POPF , DIF , JASIF
คิดเหมือนกันเลยครับ กะจะรีเทนชั้น และเอาส่วนต่างไปลงทุนครับ
@@warakonsirisit2306 เอ ผมรีเทนชั่น ธนาคารไม่ได้ให้จ่ายน้อยลงนะครับ จ่ายเท่าเดิมแต่ดอกเบี้ยลดลง
แนะนำป้าหน่อยได้มัยค่ะอยากมีเงินกินตอนแก่ค่ะ
ประเด็นสำคัญจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่ดูแล้วจะเลียนแบบได้ คือความรู้ในการลงทุน ซึ่งโอกาสล้มเหลวมีมากกว่า เพราะลงทุนไม่ถูกที่และไม่ถูกตัว ผู้ที่จะทำได้ต้องหาความรู้พอสมควร
ถ้ามีน้อยก็ตั้งเป้าหมายโปะบ้านแค่15ปีก่อน.ถ้ามีเยอะก็ซื้อสดไปเลย. เพราะชีวิตการทำงานแบบมนุษย์เงินเดือนชนเดือน ยุคนี้ด้วยรู้สึกจะไม่มั่นคง.เพราะงานก็ไม่แน่นอน บริษัทเริ่มเจอพิษเศรษฐกิจปิดตัวให้เห็นแล้ว คนเริ่มตกงาน ยังโดนพิษเศรษฐกิจค่าครองชีพซ้ำเติมอีก ไหนจะเจอการบริหารของรัฐบาลนี้เข้าไปก็อ่วมแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบ้านเรา (ประเทศกำลังพัฒนา)คือสิ่งที่คาดไม่ถึง เช่น บ้านเราสี่ถึงห้าปี ก็ปฏิวัติบ่อย ขั่วการเมืองก็เปลี่ยนบ่อย ระบบความมั่นคงแบบรัฐสวัสดิการก็ไม่มีไม่ครอบคุม ไหนจะ ,โรคโควิดระบาดไม่จบไม่สิ้น, ไหนจะการภาวะภัยเกิดสงคราม น้ำมันขึ้นราคา ค่าอาหารค่าครองชีพสูงไม่มีลง ผลกระทบเศรษฐกิจระยะยาว ไหนจะภัยธรรมชาติอีก การบริหารนักการเมืองบ้านเราก็เห็นๆกันอยู่ไม่มีอะไรแน่นอน.แม้เซียนหุ่นคลิปโตฯ.ก็ยังตกกระป๋องได้ง่ายๆเลย..บ้านเรามันต้องใช้ระบบคิดแบบยุคศรีปราชญ์..คงจะใช้ระบบพ่อสอนลูกรวย กับวอลเรล แบบตะวันตก คงยากหน่อย คงต้องปรับตัวอยู่แบบไม่มีหนี้..หรือมีน้อยที่สุด รับเงินเดือนเต็ม(ต้องงานราชการถึงได้น้อยแต่มั่นคงระยะยาว)ได้วันหยุดเยอะ มีรายได้เสริม หลายๆช่องทางอย่างยั่งยืนและมั่นคงแบบภาคเกษตรยังไงก็ไม่อดแน่นอน..ความคิดผมน่ะ!!
ขอเห็นต่างเล็กน้อยนะครับ จริงอยู่ว่าถ้าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ ทันอาจจะดีกว่าโป๊ะดอกเบี้ยเงินกู้แต่นั้นหมายความว่า เราต้องสร้างผลตอบแทนการเงินส่วนบุคคล พอร์ตรวม เช่น ลดหย่อนภาษี มารวมกับการลงทุนอื่นๆแล้วเปรียบเทียบกับ ดอกเบี้ยเงินกู้ ถ้าหาก ผลการลงทุนได้ผลตอบแทน มากกว่า ดอกเบี้ยกู้ นั้นถึงจะเรียกว่า ลงทุนดีกว่าครับ อีกแง่คิดหนึ่งการลงทุนมันมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลตอบแทนไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับหลายกรณีเช่น จังหวะเวลาที่เหมาะสม ระยะเวลาลงทุนพอๆกับ ระยะเวลาจ่ายดอกเบี้ย และ สินทรัพย์ลงทุนที่มีความเสี่ยง รวมถึงสิ่งที่ต้องคำนึง คือ การลงทุนมีความเสี่ยงอาจได้รับผลตอบแทนที่ไม่แน่นอนได้ แต่ดอกเบี้ยบ้านเดินต่อ แน่นอน ฝากไว้ให้คิดเพิ่ม แล้วแต่ทุกคนจะพิจารณา บริหารหน้าตักเงินของตัวเองเลยครับ
เห็นด้วย100 % ค่ะ
แบ่งไปโปะบ้าน30 ลงทุน70 ถึงผลตอบแทนน้อยลง แต่มันดูเซฟตัวเองมากกว่า เพราะเรื่องวินัยเรามีน้อยนิดเหลือเกิน/ขอบคุณความรู้ดีดีค่ะ
ความต่างทั้งหมดอยู่ที่อัตราผลตอบแทนสม่ำเสมอ 8% ครับ ถ้าทำได้วิธีคิดนี้ใช้ได้ครับ แต่ด้วยสภาพผันผวนแบบนี้ การโปะ 9000 แบบนี้เท่ากับการันตีผลตอบแทน 4% จากดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงครับ ง่ายๆ คือ โปะเร็วสบาย กับโปะช้าแล้วหวังลุ้นให้ได้ผลตอบแทน 8% ครับ
ความรู้ตรงนี้ดีมากเลยนะคับแต่ตอนนี้ผมอายุ 50 แล้วถ้ารู้แบบนี้ตอนอายุ 20 ต้นๆชีวิตผมตอนนี้คงจะดีกว่านี้มากๆเลยนี่คือโอกาสของการเรียนรู้หรือเปล่า ที่สมัยก่อนถ้าโลกมีอินเตอร์เน็ตมีหนังสือดีๆมีเนื้อหาดีๆแบบนี้ หรือมีคนบอกความคิดดีๆแบบนี้กับเราก็คงจะดีไม่น้อย
โดยหลักการแน่นอนว่าดีครับ ที่จะเอาเงินไปลงทุนให้ชนะดอกเบี้ยบ้านแต่ถ้า worst case แล้วกันครับ เลือกลงทุนใน Set Index แล้วผ่านไป 20-30ปี เศรษฐกิจของประเทศไทยไม่โต (ตกขบวนเศรษฐกิจใหม่ๆ โดนรัฐประหารวนไปเรื่อยๆ ไม่สามารถปรับตัวกับโลกยุคใหม่ได้) ก็ซวยครับ เงินลงทุนไม่โต ดอกเบี้ยก็จ่ายไปเรื่อยๆเช่นกันการลงทุนในกองทุนรวมใดๆก็ตาม จะบอกว่าชัวร์มั้ย มันชัวร์สู้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายแน่ๆไม่ได้ เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวก็เลือกปิดความเสี่ยงจากดอกเบี้ยบ้านไปด้วยแน่ๆครับ (สัดส่วนอาจจะหนักกว่าเอามาลงทุน)
เห็นด้วยเลยค่ะ ดอกเบี้ยบ้านเดินทุกวันต้องจ่ายแน่ๆไม่ควรหลงประเด็น ไม่รวยเงินเหลือจริงๆ ควรจบเรื่องบ้านให้ได้ก่อน หากมีเงินอยากลงทุนก็ไปลงทุนได้ตามชอบ แบกประเด็นกันไป แต่หนี้บ้านรีไฟแนนซ์ทุก 3 ปี มีก็โป๊ะบ่างคือทางที่ชัวร์กว่าซื้อบ้านได้บ้านแน่ๆ
เม้นถูกใจม
ลองคำนวณดอกเบี้ยเป็นรายวันของเงินล้านที่กู้บ้านมาแล้วจะหนาว อย่าดูแต่ดอกเบี้ยรายปีของเงินลงทุน เห็นด้วยปิดหนี้สินก่อนเรื่องเงินอย่าคิดซับซ้อน
เป็นความคิดที่ล้ำลึกมากครับ เกินกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิด!! เพราะคนทั่วไป ย่อมมองว่า รีบๆโปะ จะได้หมดหนี้เร็วๆ ใช่ไหมครับ? มันก็ไม่ผิดหรอก!! แต่อาจจะลืม "ค่าเสียโอกาส" ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างน้อยคือ 1เงินที่จะเอาไปลงทุน ต่อยอดทางธุรกิจ(กรณีคนที่มีแนวคิดแบบเถ้าแก่นะครับ) ก็จะน้อยลง เพราะหาได้เท่าใด ก็เอาไปให้บ้านกินซะหมด 2กำไรชีวิต ที่ควรจะได้ เช่น ท่องเที่ยวพักผ่อน ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ เปิดหูเปิดตา หาประสบการณ์แปลกใหม่ เป็นการชาร์จไฟให้ความคิด อย่าคิดว่าไม่จำเป็นนะครับ เพราะอาจได้เจอไอเดียใหม่ๆ เพื่อเอามาพัฒนาธุรกิจและคุณภาพชีวิตของตนเอง ไม่งั้นก็จะกลายเป็นว่าหาแต่เงิน แต่ไม่ได้ใช้ เลยเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ไปซะงั้น!! แล้วจะมีประโยชน์อันใด? 3 เงินที่รีบโปะนั้น อาจส่งผลให้เงินเก็บที่จะใช้ในบั้นปลายชีวิตน้อยลง คนเราพอแก่ตัวลง ความสามารถที่จะหาเงินได้มากเหมือนสมัยวัยรุ่นก็คงยาก อาจต้องลำบากเหมือนที่เห็นข่าวเรื่องขอเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้ชราภาพที่บรรดาคนแก่ๆ ออกมาเรียกร้อง จริงๆแล้วก็เพราะคนเหล่านั้นไม่รู้จักวางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้า ตอนเป็นวัยรุ่น ก็ใช้เงินเพลิน ไม่ออม ไม่ต่อยอด ไม่วางรากฐานความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย คิดแต่จะอยู่บ้านหลวง หรือเช่าไปเรื่อยๆ โดยไม่เฉลียวใจว่า ไม่ว่าจะเช่าหรือผ่อน มันก็ต้องจ่ายอยู่ดี ทั้งยังสร้างหนี้จากบัตรเครดิต(จริงๆแล้วมันอยู่ที่ตัวคนมากกว่า เพราะคงไม่มีบัตรเครดิตใบไหนสามารถเหาะไปรูดสินค้าได้เองโดยตัวมันเป็นแน่!!) และอาจหนี้นอกระะบบด้วย ชนิดถอนตัวไม่ขึ้น ครั้นพอเกษียณแล้ว หนี้ก็ไม่ได้หมดตามไปแต่อย่างใด เดือดร้อนล่ะสิงานนี้!!! แนวคิดที่คุณพอลเสนอมานี้ ผมเห็นด้วยค่อนข้างมากครับ แม้ว่าจริงๆแล้ว อาจจะมีตัวแปรในอนาคตบ้าง เพราะระยะเวลาเป็น20-30ปีนั้น คงไม่มีใครคาดได้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น??? และแนวความคิดนี้ เชื่อว่า เหมาะกับคนที่มีแนวคิด "เถ้าแก่" นะครับ เพราะถ้าคิดแบบลูกจ้างกินเงินเดือน ไม่มีหัวค้าหัวขาย ก็คงนึกไม่ออกอยู่ดี นี่มิใช่มาดูถูกนะครับ พื้นฐานคนเราไม่เหมือนกัน จะให้คิดตรงกันทุกคนก็คงไม่ใช่แน่ สำหรับผมแล้ว ผมคิดในมุมเถ้าแก่ครับ เพราะมีอาชีพในแนวนี้ ผมเลิกเป็นลูกจ้างมา20กว่าปีแล้ว จริงอยู่ว่า ลูกจ้างนั้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องดิ้นรนมาก ยังไงๆอีก30วันก็มีเงินใช้แน่ๆ แต่อย่างลืมตัวแปรทางธุรกิจนะครับ เพราะเห็นการเลิกจ้าง เชิญออก เป็นเรื่องปกติซะแล้ว ผมเห็นด้วยกับแนวคิดของคนที่จะลาออกจากความเป็นลูกจ้างมาเป็นเถ้าแก่ คงเพราะดวงผมมันเป็นดวงเถ้าแก่นั่นเองครับ ทำด้วยตนเอง ได้เสวยผลเต็มที่ ชีวิตรุ่งโรจน์ มีอะไรๆไม่น้อยหน้าเขาแล้ว ก็คนมันมีดีนี่นา ทำไงได้ครับ?
ขออนุญาตgเห็นต่าง มองในอีกหลายๆมุมนะครับ1. การที่รีบโปะบ้านให้หมดไว ถ้ามองอีกมุมคือการลงทุนอย่างนึง (ซื้อที่ดินแล้วแต่ราคาตามตลาดและทำเล) จริงๆไม่แน่ใจว่าการหักดอกเบี้ย 30 ปีแล้ว ยังต้องบวกราคาบ้านพร้อมที่ดิน หลังจากซื้อไปแล้ว 30 ปี นำส่วนต่างตรงนี้มาคิดด้วยหรือเปล่าครับ2. การลงทุนมีความเสี่ยงหรือเปล่าครับ เราจะได้ 7-8% ตลอดทุก 30 ปี จริงหรือเปล่าครับ มีอะไรการันตีได้บ้างไหม3. ขาดวินัยไม่ได้เลย จริงๆไม่เชิงขาดวินัย ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆหมุนเวียนต่อเดือนอีก เจ็บไข้ได้ป่วยอีก เราจะลงทุนได้ตลอด 30 ปี จริงๆใช่ไหมมม30 ปี ไม่มีอะไรการันตีรายได้ของเราเลยครับ ส่วนตัวเลยมองรีบโปะ รีบจบๆไปดีกว่า พอโปะหมดแล้ว ไม่มีกังวลใดๆ คิดเรื่องลงทุนหรืออย่างอื่นได้เต็มที่คิดไม่เหมือนกันอย่าโกรธกันนะครับ :)
เคยลงทุนแล้วติดดอยเลยหยุด และตอนนี้เพิ่งผ่อนบ้าน15ปี กะจะเทให้หมดแต่อยากใช้ดอกลดภาษี จึงลังเล พอฟังคลิปนี้จบ 😤กลับไปลงทุนอีกที ขอบคุณอาจารย์พอล
โห กำลังมองเรื่องซื้อบ้านซื้อคอนโดเลยค่ะ EP นี้คือเป็นประโยชน์มาก ขอบคุณมากนะคะพี่พอล
เคยมีตัวอย่างให้เห็นเหมือนกันแบบนี้ เพื่อนสนิทเราเอง ผ่อนคอนโดปีแรก โปะไป 5-6 แสน เพราะอยากจะหมดหนี้เร็วๆ จนลืมเรื่องเงินสำรอง พอโควิดมาธุรกิจมีปัญหารายรับน้อยลงทำให้ตัวเองไม่มีเงินทุนสำรองหมุนเวียน สุดท้ายก็ต้องไปหากู้เงินฉุกเฉินเป็นล้าน ทีนี้อาการหนักเลยผ่อน 2 ทางทั้งคอนโดทั้งสินเชื่อธุรกิจ เครียดกว่าเดิม แทนที่จะเอาเงินเหลือตอนโอนคอนโดไว้เป็นเงินสำรองยามฉุกเฉินกลับเอาไปโปะค่างวดคอนโดจนล้ำหน้าไปหลายแสนภายในปีเดียว เพื่อนเตือนก็ไม่ฟัง
เห็นด้วยเลยค่ะ ที่ ตปท ก็เช่นกัน ตอนแรกก็ไม่เชื่อ ตอนซื้อบ้านหลังแรกที่ ตปท ด้วยเงินสด มองย้อนกลับไปคิดผิดจริงๆ บ้านหลังต่อไป คงซื้อผ่อน ในระยะที่ผ่อนได้ และเงินที่เหลือ นำไปลงทุนต่อดีกว่าค่ะ
เป็นทฤษฎีและความคิดที่ดีครับ แต่อาจจะต้องคำนึงถึงหลักความเป็นจริงของชีวิตด้วย นั้นคือ ไม่มีใครรู้แน่นอนว่า ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรสำหรับผม ผมคิดว่าการผ่อนบ้านให้หมดเร็วที่สุด เป็นทางออกของการเงิน สมมติว่า อาจจะเอาเงินไปลงทุนครึ่งนึงจากคลิปพี่พอล ตอนผมอายุ 60 คงมีเงินซัก 4ล้าน(ครึ่งนึงจาก8ล้าน) แต่เมื่อช่วงตอนผมอายุ 46-59 (ช่วงที่ไม่มีหนี้) ผมจะมีเงินใช้มากขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็เอาเงินไปดำรงชีวิตหรือเป็นรางวัลชีวิตได้ ใครที่วางแผนซื้อบ้านก็ลองคิดหลายๆปัจจัยนะครับ
ผม40.. มีเงิน20ล้าน.. เพราะวางแผนมาตั้งแต่อายุ25..นี่คือความจริงของชีวิตครับ..ปล.คำตอบของอนาคต.. คือกระลงมือกระทำวันนี้
เดชบุญของหนูที่ได้มาเจอคลิปนี้ อีกไม่กี่เดือนหนูจะถึงทางแยกชีวิตแล้ว ...ขอบพระคุณมากๆค่ะ🙏🥰
การผ่อนบ้านสวนใหญ่ทั่วไปจะมีการรีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปี นั่นหมานความว่าดอกเบี้ยที่จ่ายรวมต้นก็จะน้อยกว่าสูตรคำนวณแบบที่คุณพอลพูดไว้ครับเลือกได้ทั้ง 2 ทางไม่มีทางไหนผิดครับอยู่ที่คุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน
จริงครับเราไม่ต้องโปะอาศัยรีเทรนชั่นเอาครับ ยังไงดอกเลี้ยก็ไม่ถึง 2 ล้าน ที่ดอกเบี้ยเป็นล้านๆมันคือตัวเงินที่เราผ่อนแบบไม่รีเทรนชั่นหรือลดดอกเบี้ย แต่เป็นการผ่อนดอกลอยตัวปีที่4หรือ3 ตามสัญญาทำให้ดอกเบี้ยแพง เรามีวินัยขอลดดอกเบี้ยทุกๆปี ยังไงก็ผ่อนน้อยครับ
ผ่อนคอนโดทำ 2 แบบค่ะ แบบ 1 โป๊ะเฉพาะปีแรก เพราะดอกเบี้ยมันต่ำแค่ 1.5% เอาไปลงต้นเยอะๆ พอปีที่ 2-3 ค่อยผ่อนแบบเบาๆ โป๊ะเพิ่มบ้างเล็กน้อยตามกำลังทรัพย์ 3 ปีก็หมดไป 1 ใน 3 ของยอดกู้แล้วค่ะ แบบ 2 ผ่อนตามที่ธนาคารกำหนดเลยทั้ง 3 ปี ต้นลดไป 2 แสนเอง ไปลงกับดอกเบี้ยสักครึ่งนึงได้ - - แบบที่ 2 เห็นแล้วเหนื่อยใจค่ะอยากรู้ผลกำไรของ SET50 ย้อนหลัง 30 ปีถึงปัจจุบันมากกว่าอ่ะ ทำไมหยุดที่ปี 58 นั้นมันเกือบ 10 ปีเลยนะ ยุคนั้นเศรษฐกิจยังดีคาดการกำไรมันก็สูง ถ้าลองเป็นยุค 10 ปีหลังสิจะถึง 4% หรือเปล่า ทีของฝรั่ง S&P500 ยังเป็นผลประกอบการถึงปัจจุบันเลย
สมมติฐานที่คิดยังไม่รวม ภาวะเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนของตลาด ผลตอบแทน ~8% ต่อปีเป็นข้อมูลสถิติในอดีต ไม่ได้การันตีว่าอนาคตจะได้ 8% ในอดีตตลาดโตได้มาก market cap น้อย แต่พอมองอนาคตอีก 30 ปี ตลาดจะโตได้อีกเท่าไหร่ แถมยังไม่รวมความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นอีก อย่าง โรคระบาด สงคราม หรืออะไรอื่นๆแน่นอนว่าแนวคิดนี้ดี แค่ต้องมีวินัย และการบิรหารจัดการเงินที่ดีมากๆ รวมถึง 30 ปี ต้องอยู่ในภาวะที่เศรษฐกิจเติบโต ไม่ใช่ถดถอย ไม่มีปัญหาการว่างงาน หรือ ออกจากงานก่อน มีรายได้สม่ำเสมอ แต่จริงๆมีเรื่องที่หลายคนไม่ค่อยสนใจ คือเงื่อนไขการผ่อนกับธนาคาร บาง ธ. คิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอก แต่บาง ธ. จะคิดดอกเบี้ยต่างหาก ต่างกันแค่นี้ก็ประหยัดเงินผ่อนไปได้เยอะมากแล้ว … แต่ส่วนมากแล้วคนผ่อนจะชอบผ่อนแบบเท่ากันทุกเดือนมากกว่า (เงินต้น+ดอกเบี้ย) การผ่อนแบบเงินต้นเท่ากันทุกเดือนแต่ยังไม่รวมดอกเบี้ย ทำให้แต่ละเดือนจ่ายไม่เท่ากัน
เงินกู้ซื้อบ้าน กฎหมายห้ามธนาคารคิดดอกเบี้บทบต้น
8% นี้มันผ่าน วิกฤต ต้มยำกุ้งมาด้วยแล้วนะครับ
ระหว่างโปะบ้านให้หมดเร็ว กับจ่ายเท่าเดิม30ปี สำหรับผมผมจะโปะบ้านให้หมดภายใน15 ปี แล้วเอาเงินทีาตะต้องจ่ายค่าบ้านหลังจากโปะหมดแล้ว ไปซื้อปืน เพื่อจะปล้นร้านทอง เป็นการลงทุนระยะสั้น กำไรงาม คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง
แนวความคิดดีมากเลยค่ะ อยากทำ ตามบ้างนะค่ะ แต่ ติดอยู่ที่ ความรู้ด้านการลงทุนไม่เก่งพอ อีกอย่าง เรามี ลูกที่ต้องรับผิดชอบ เลย เลือก แบบ ผ่อนแบบอาศัย โป๊ะเอา ค่ะ
ก่อนจะมาดูคลิปนี้ ทีแรกท้อ ผ่อนบ้านมา4ปี ยอดแทบเท่าเดิม ทั้งๆที่จ่ายมากกว่าขั้นต่ำ คิดว่าจะหาเงินมาโป๊ะ พอมาฟังคลิปนี้ได้ไอเดียดีๆเยอะเลยคะ ขอบคุณมากนะคะ
ตามที่คุณพอลแนะนำในคลิปวีดีโอนี้ ก็คือคนที่มีรายได้มั่นคงและมีงานที่มั่นคงทำ จะทำได้ดีมากๆ ถ้าเอาเงินที่ไม่ต้องรรบไปโปะบ้านไปลงทุนซื้อเงินกองทุนต่อ 👍👍👍 แต่ถ้าคนไหนมีงานที่ไม่มั่นคงก็รีบโปะบ้านได้ก็ดีด้วย เพราะลดความเครียด เรื่องหนี้สินการหาเงินผ่อนบ้านได้นะคะ 😅
ส่วนตัวใช้วิธีไม่ปิดหนี้บ้านครับ..แต่นำเงินไปลงทุนต่อ..13ปีผ่านไป บ้านก้อยังผ่อนอยู่เหลืออยู่คึ่งๆๆ..ราว3.5ล.แต่เงินที่ไปลงทุนรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ได้มาราว70ล.อยู่ที่แนวคิดจริงๆว่าคุณจะเลือกแบบไหน?ถ้าเลือกสบายๆ.โป๊ะไปเล้ย...!!..แต่อย่าคุณพอลแนะนำ..เสียดายโอกาสมากกกก...!การลงทุนมีความเสี่ยง..ทุกอย่าง..!อยู่ที่คุณทนแรงกดดันได้ทุกสภาวะมั้ย!..ถ้าชอบสบายๆๆไม่ต้องคิดรัยมาก..ชิวๆๆ..ไม่ลำบาก..โป๊ะปิดไปเลย..!!..สบายใจ..😄😄😄😄ตอนนี้เริ่มคิดจะเกษียณโคกหนองนาสวยๆอยู่ตอนแก่..ใช้เงินที่หามาได้ชิวๆๆไป..
ถ้าทุกคนรู้ว่าจะได้ 8% เเน่ๆ ทุกปี ทุกคนคงทำเเบบนี้หมดละครับ เเต่ความเป็นจริง มันไม่ได้สวยหรู
หากใครไม่มีความรู้ทางการลงทุนพักนะครับวิธีนี้เป็นการมองภาพการลงทุนในเชิงบวกอย่างเดียวทำให้ไม่เห็นอีกด้าน แค่คิดง่ายๆ หากอัตราการเติมโตของหุ้นหรือกองทุนนั้นติดลบแบบทบต้นทบดอกแค่นี้ก็เจ็บยิ่งลงทุนยิ่งเจ็บเรื่อย ๆ ครับ ปัจจุบันกองทุนธนาคารเก่งๆ ยังเจ๊งกันเลยครับอย่าว่าแต่เราๆ มือใหม่เลย เชฟสุดผ่อนบ้านเสร็จมีเงินเก็บเอามาลงทุนยังไม่สายครับ
ขอบคุณแนวคิดดีๆค้าบ เราเขื่อว่า ผ่อน 30 ปี แล้วเอาเงินไปลงทุนยังไงก็ดีกว่า ส่วนลงทุนช่องทางไหน เราต้องหาคำตอบเองค้าบ
จริงๆวิธีการนี้ดีนะครับ แต่ก็มีดีเสียต่างกันไป ถ้าลงกองทุน สักคลึ่ง แล้วก็โปะสักคลึ่ง แล้วแต่การเมเนจวิธีนี้ค่อนข้าง เป็นทางเลือกที่ดี เพราะจะรู้สึกเหมือนมีเงินเร่ง และ เงินลงทุนดอง พวกนี้ผมเข้าใจนะแบบ เติมไปนานๆค่อยๆโต ค่อยๆมีผล แต่บางคนเชื่อเถอะ 555 นิสัยไม่เหมาะต่อการนำเงินไปลงทุนอะไรเย็นๆ ยาวๆ เชื่อว่าจังหวะร้อนหนาวต้องมีเลยหละแล้วอยากได้เงินด่วนแต่ผมก็เชียร์วิธีนี้ส่วนนึงเพราะรู้สึก ถ้าเร่งไปผมก็มองว่า มีแววพบความฝืดเหมือนโปะตู้มจบเริ่ม 0 แต่ต้องเสียเวลาหาก้อนมาลงทุน แต่ปีตอนหลังๆจะไปลงทุนเยอะ แต่ก็วัดจำนวนปีที่ลงทุนอีกอยู่ดีในการปันผลนี่หละสิ่งที่คนไม่รู้เลยว่า นอกจากต้องเมเนจเงิน อาจจะต้องเมเนจเวลาระยะยาวด้วยมากๆเลยอะ เริ่มช้าเริ่มไวมีผลมาก ในช่วงระยะยาวเข้าใจเลยว่าการลงทุนระยะ ย๊าวยาว อ่านมาคิดตามผมก็เอ๋อๆนะตอนแรกๆฟังหลายๆที่เรื่องการลงทุนยาวๆ ส่วนมากต้องมีพื้นฐานการเงินมั่นคง ถึงเงินจะไม่มั่นคงตกงาน แต่คนที่จะวินเวย์นี้ส่วนใหญ่ก็ต้องจัดการเงินเก็บ และ ปันส่วนเงินต่างๆในช่วงชีวิตดีขั้นหนึ่งเลยหละ
ตอนนี้ประเทศไทย เป็นระบบกินรวบ คิดได้หมด ว่าจะทำอะไรวางแผนแบบไหน ลงทุนนั้นมันง่าย แต่กำไรนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด *แค่1วินาที เซเว่นCP ก็เงินเข้า19,000 บาทแล้ว หันหน้าชนกัน “ รวบหัวรวบหาง กินกลางตลอดตัว “
เป็นแนวคิดที่ดีครับ แต่ส่วนตัวผม ผมขอโปะบ้านก่อนนะครับ เพราะเป็นปัจจัย4 ที่จำเป็น(ไม่อยากเป็นคนจร) ส่วนเรื่องลงทุนให้เป็นเรื่องรอง เพราะการลงทุนเองก็ยังมีความเสี่ยง ไม่ได้กำไรดีงามเสมอ แต่ถ้าวันใดที่ไม่มีเงิน ตกงาน ผมยังมีบ้านอยู่ อันนี้ไม่เสี่ยงแน่นอน ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะครับ ผมว่าไอดียนี้ดีเลยครับ
มองเห็นภาพเลย คุณพอลมีความรู้เรื่องเงิน มากจริงๆ คนทั่วไปจะคิดแค่ชั้นเดียวคือพยายามให้หมดหนี้ เร็วๆ แต่ไม่เคยคิดแบบคุณพอล อธิบายง่าย ดูแล้วเข้าใจ ขอบคุณนะคะ จะทำตามทีละ step ค่ะ
เจอคลิปนี้ช้าไปค่ะ เป็นฟรีแลนซ์รายได้ไม่แน่นอน ผ่อนบ้านหมดแล้วใช้เวลา 7 ปี ตอนนี้จะเริ่มแบบที่คุณพอลแนะนำค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
ดีมากๆเลยค่ะ ไม่เคยคิดในมุมมองนี้มาก่อนเลย ความรู้ด้านการเงินสำคัญมากจริงๆ👍
เป็นแนวคิดเบื้องต้นเท่านั้นคำนวนในลักษณะนี้ ตอบโจทย์ไม่ชัดเจนรายละเอียดอื่นๆ บอกไม่หมดแต่ในชีวิตจริง ต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกเยอะมาก ต้องศึกษาเพิ่มเติมในอีกหลายเรื่อง ครับ
จากที่ผมดูจบแล้วเอาไปคิดนะ ผมอยากแนะนำคนที่อยากปิดใน 15 ปีทำได้ครับ แต่ให้ใช้วิธีไม่โปะบ้านโดยเอาเงินส่วนต่างไปลงทุนแค่ 15 ปี (ไม่ต้องถึง 30 ปี) แล้วเอาเงินก้อนนั้นออกมาปิดบ้านตอนปีที่ 15 แถมได้เงินเหลือมาด้วย ลองคำนวณดูครับ ***ถ้าผมคำนวณผิดช่วยบอกที เพราะผมกำลังจะเลือกแนวทางนี้
ผมว่าในทางปฎิบัติทำได้ยากครับ เมื่อ40ปีก่อนตลาดหุ้น ประชากรไทยเป็นเด็กเยอะ ตลาดหุ้นมันเลยโตง่าย ปัจจุบันเด็กเกิดน้อย ตลาดหุ้นอาจจะไม่โตเท่านี้นะครับ เพราะคุณพอล เอาตัวเลขย้อนหลังมาวัดถึงแค่ปี 58 ละถ้าดูตัวเลขของตลาดหุ้นหลังปี 60 กองทุนติดลบกันเต็มเลย บางคนกะซื้อไว้ตอนเกษียณ เจอโควิดปี 62อีกเงิน เกษียณหายไปเป็นแสน ละคนส่วนใหญ่ที่ผ่อนบ้าน อายุประมาณ 30+ คุณจะอยู่ถึง70+ แล้วได้ค่าเฉลี่ย นั้นมั้ย
การลงทุนในset 50มันชนะตลาดจริงครับ แต่จะมีกี่กองทุนที่ชนะ ลองหาอ่านรีวิวตามกลุ่มในเฟสดูครับ
โลกการเงินใครเล่นเป็นคนนั้นชนะ
ขอบคุณมากครับ...ทำให้ผมได้เห็นความสำคัญของการศึกษาเรื่องการเงินมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ...มันดูมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ และน่าสนุกกับการเล่นเกมคนรวย
ได้แนวความคิดใหม่ๆ ที่ดีมากๆ ครับผม แต่เราต้องอย่าลืมว่า ในอดีต 40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยโตเร็วมาก ผลตอบแทน 8-12 เปอเซนก็ไม่แปลกครับผม แต่พอไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วประกอบกับไม่มี new s curve ของอุตสาหกรรมใหม่ๆ อีกผมว่า 8 เปอเซนต่อปียากมากครับอันนี้ยังไม่รวมไปถึงในระยะเวลา 30 ปีเราเจอวิกฤตถ้าเราเก็บเงินไว้เราจะซื้อหุ้นได้ถูกมากๆ ครับผม ขอบคุณมากครับ
อันนี้จริง คลิปนี้ทำได้ โดยนั่ง time machine กลับไปทำตอนนี้ซึ่งเงื่อนไขต่างๆก็เปลี่ยน
จริงเลย เคยคิดจะโปะคอนโด ปรากฎว่าเอาไปหักดอก ต้นเหลือเท่าเดิม หลังจากนั้นเลยผ่อนปดติ
ต้องแจ้งธนาคารตอนเราไปจ่ายค่ะ ว่าเราจะโปะเฉพาะเงินต้น
ถูกแค่บางส่วนนะพอล1. ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำ 8% ต่อปีได้2. ส่วนต่าง 9,180 คือช่วง 15 ปี ไม่ใช่ 30 ปี ถ้าโปะบ้านหมด 15 ปีแล้ว 15 ปีหลังคือเหลือเงินเต็มๆ
เค้าก็ทำให้ดูเเล้วไงครับ ขอตอบข้อ 2. ส่วนต่าง ก็9180 ไงครับ ก็เริ่มผ่อนบ้านเลยตั้งเเต่เดือนแรก ปีเเรก คือ 30ปี ไง จะไม่ 30 ปีได้ไง งง??? มันคือส่วนต่าง การที่จะโปะ กับไม่โปะครับ
ขอบคุณจริงๆ ครับคุณพอล ทำให้เห็นอีกมุมหนึ่ง เดิมทีตั้งใจจะโปะครับ ตอนนี้ เห็นทางเลือกที่ดีกว่าละครับ
เปรียบเทียบไม่ใช่ apple to apple ล่ะครับ เพราะส่วนต่าง 9 พันกว่าบาทมันจะต้องคิดแค่ 15 ปี และอีก 15 ปีที่เหลือคนโปะหมดเร็วก็ไม่ต้องผ่อนแล้ว และจะมีเงินเหลือกว่าบาทที่จะไปลงทุนต่อ ซึ่งถ้าเเปรียบเทียบกัน At the end ที่อายุ 60 แล้วมันจะไม่ต่างกันขนาดนี้ครับอีกอย่างผลตอบแทนที่ลงทุนเฉลี่ยใน set 50 ถึงปี 2558 มันก็ไม่ได้การันตีว่าจะได้ผลตอบแทนขนาดนี้ ถ้ามาดูที่ปี 2558-2565 สิผมว่าได้ต่ำกว่านี้แต่ท้ายที่สุดผมก็สนับสนุนความคิดนี้ เพราะผมก็ทำอยู่ แต่ส่วนต่างมันไม่ขนาดนั้น พอมานำเสนอแบบนี้คนเข้าใจผิด ยิ่งเจอคนที่ไม่มีความรู้เยอะหรือคนไม่มีวินัยมาทำตาม สุดท้ายจะกลายเป็นว่าที่อายุ 60 แล้วเงินเก็บนิดเดียวแถมยังต้องเป็นหนี้อยู่อีก
ชัดเจนมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ได้คำตอบที่ชัดเจนอีกครั้ง ที่เหลือคือลงมือทำ ลุย .. เดินตามคนสำเร็จ เราก็จะสำเร็จแน่นอน 🙏❤️ ขอบคุณค่ะ เิาไปสอนลูกต่อ 😊
สำหรับผมโปะหมด แล้วหลังจากโปะหมด สามารถนำเวลาที่เหลือ15ปีและเอาเงินส่วนต่างไปทำอย่างอื่นครับ เพราะอายุคนเรา ไม่สามารถยื่นยันได้ว่าจะอยู่ได้กี่ปี เพิ่มเวลาความสุขให้มากขึ้นโดยการปลอดหนี้ดีกว่าครับ
แนวคิดดีนะค่ะ แต่สำหรับฉันอาจจะทำได้แค่50% เพราะยอมรับว่ากลัวความเสี่ยงที่จะได้รับ ขอบคุณสำหรับคลิปที่ทำให้ดูนะค่ะ
ละถ้าเอา 15 ปี ที่ผ่อนหมดแล้ว เอา 25000 ที่เคยจ่าย (แบบจ่ายจนชินแล้ว) ไปลงทุนเต็มๆ เลย 15 ปี จะได้ 8.5 ล้าน รวมที่ประหยัดดอกเบี้ยไป 1.4 ล้าน เท่ากับ 10 ล้าน จะเท่ากับว่า ขาดทุนค่าเสียโอกาสไป แค่ 3 ล้าน แต่ๆๆๆ peace of mind ในการปลอดหนี้ ก็มีราคาเหมือนกันนะ ประเมินยากหน่อย แต่หลายๆคนก็ให้ค่าและๆๆๆ ใน 15 ปีที่ปลอดหนี้ หากมีโอกาสทางการลงทุน ธุรกิจ หรือ อะไรเข้ามา ที่ให้ผลตอบแทนสูงมากๆ มากกว่า 8% เข้ามา เราสามารถ มีเงินเหลือไปลงได้ทันที เพราะเราไม่มีภาระหนี้ ทำให้ไม่พลาดโอกาส
ผมพิสูจน์มาแล้วด้วยชีวิตจริงเมื่อ20ปีก่อน มนุษย์เงินเดือนต้อง”โป่ะ” หมายถึงว่า= refinance +โป่ะ+refinance +โป่ะ ครับ-แบ่งไปลงทุนได้ 8% ไม่มีใครรับประกันว่าคุณจะทำได้จริง-ได้เงินโบนัสจากที่ทำงาน อย่าชะล่าใจ แบ่งไปโป่ะเป็นก้อน เงินต้นบอดอกเบี้ยจะลดตามไปด้วย อย่าโป่ะรายเดือน อย่าทำเสียดายโอกาสของเงิน-เป็นไทแก่ตัวเองก่อน แล้วมามองการลงทุนความเสี่ยง หรือ ความเครียดจากการลงทุนจะน้อยกว่ามากๆเลย-อนาคตคือความไปแน่นอน แม้แต่มนุษย์เงินเดือน คุณก็อย่าคิดว่า คุณจะต้องได้เงินทุกเดือนไปอีก30ปี{แม้แต่เป็นข้าราชการก็อย่าได้ ชะล่าใจ}-ความสุขของมนุษย์เงินเดือนคือการไม่มีหนี้ หรือพ้นจากการเป็นหนี้ แล้วสมองคุณจะทำงานด้านการลงทุนได้อย่างอิสระ และ มีความสุข ต่างจากเพื่อนๆคุณหลายคน ที่วางแผนผ่อนหนี้ยาวๆขอบคุณครับ
อันนี้เป็นด้วยครับ พอหมดหนี้ สม งยะโล่งทำอะไรก็ คิดได้เยอะแยะไม่ต้องพวงหน้าหลัง ยิ่งลงทุนต้องมีความนิ่งและสติมากๆ
ขอบคุณครับ ผมทำแบบพี่เลย มีเงินเยอะแค่ไหนก็ไม่ปิดหนี้ เอาไปลงทุนให้งอกเงยหมด
ขอบคุณพี่พอลมากๆน่ะค่ะ คลิปนี้มีร้อย ❤ หนูให้ร้อย มีล้าน❤ หนูให้ล้านเลยค่ะ ได้ทั้งความรู้ในการผ่อน และยังได้ความรู้ในการออมดอกทบต้น เห็นภาพชัดมากๆๆๆค่ะ 🙏🙏
คิดแบบคุณ โดนดอกแบงค์กินมากกว่ารายได้ที่เข้ามาอีก เพราะไม่แน่ว่าอนาคตอาจตกงานก็ได้ มีตังก็โปะหมดไปสิดี เป็นไทเร็ว อนาคตอยากใช้เงินก็ค่อยเอาบ้านไปจำนองระยะสั้นได้
ขอบคุณค่ะได้ไอเดีย กะว่าจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุน บ้านยังโปะ เยอะเหมือนเดิมแต่อาจจะไม่ทุ่มเงินไปทั้งหมด เพราะดูๆแล้วยังพอแบ่งได้ค่ะ เป็นส่วนที่จะงอกเงยมาในอนาคตแบบที่คุณพอลบอก ขอบคุณมากเลยค่ะ🙏🏾
คอนเท้นดีมากครับ ผมลองไปคำนวณ ถึงจะผ่อนช้ากว่ากันเเค่ 1 ปีก็ทำเงินได้มากกว่ากันได้ครับ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข %กำไรที่ได้ต้องมากกว่า %กำไรที่จ่าย
คิดในทางขาดทุนด้วยนะครับ สถานการณ์จริงไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด
คลิปนี้พูดดีนะแต่ไม่ได้พูดแง่ ลบ
อาจจะทำแบบในคลิปไม่ได้ทุกคน แต่เป็นทางเลือกที่ดีที่ทางหนึ่งครับผมก็ทำ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผมเลยครับ
เห็นด้วยเลย
คนทำได้ถึง 1/10 รึเปล่าก็ไม่รู้
เป็นความคิดที่ดีค่ะ แต่มันก็เหมาะสำหรับคนที่ลงทุนเป็น มันไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ลงทุนไม่เป็น เพื่อความชัวร์ควรปิดบ้านให้เรียบร้อยก่อน ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิตนี้
ได้ mindsetทางการเงินแบบชัดเจนข้อมูลเข้าใจง่ายสื่อภาษาเห็นภาพ❤️ขอบคุณค่ะ😆
ขอบคุณคะ ได้ฟังแล้ว ตอนพี่อายุ 30 ไม่เห็นมีใครสอนเรื่องนี้เลย ทำงานงง หาเงินมาปิดหนี้บ้าน เสียดายเวลาจังเลยคะ
ส่วนตัวเลือกที่จะเอาเงินจากการเป็นลูกจ้างนำมาลงทุน เพราะการเป็นลูกจ้างมีความเสี่ยงที่อาจจะตกงานได้ ต้องทำให้ตัวเองต้องอยู่รอดเพื่อมาผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เลยเลือกที่จะเอาเงินมาลงทุนและเอาบ้านและรถทีหลัง
ถ้าไม่คิดซื้อคอนโดหลังแรกก็คงไม่หาข้อมูลอะไรเลย ขอบคุณพี่พอลมากๆครับ การวางแผนชีวิตระยะยาวสำคัญจริงๆ ผมจะตั้งใจไปดูทุกคลิปในช่องเลยครับ
ไม่อยากให้บอกว่าการโปะบ้านเป็นวิธีที่ผิดเลย มันเป็นคลิกเบตเกินไป!! วิธีที่คุณแนะนำมันเป็นทฤษฎีที่มีความเสี่ยง เป็นองค์ประกอบ ถ้าคุณเป็นคนรวยเงินเย็นเยอะก็ทำตามที่คุณพอลสอนไปเหอะ แต่ถ้าไม่เป็นคนชั้นกลาง มันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมหาศาลไปเรื่อยๆ ซึ่งปลายทางอาจไม่เป็นไปตามที่คำนวนตามสูตรก็เป็นไปได้ การโปะหนี้จึงสำคัญสำหรับคนชั้นกลางเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่เป็นหนี้ก่อนใหญ่ของชีวิต อายุการทำงานมันก็ค่อยๆ หมดลง การโดนไล่ออก การเกษียณก็มี ในคลิปคุณก็บอกว่าวิธีคิดไม่มีผิดมีถูก แต่ต้นคลิปก็ดันบอกว่าโปะบ้านคือความคิดที่ผิดไปแล้วจะแนะนำการลงทุน ส่งเสริมการลงทุนผมไม่ว่าหรอกแต่อย่าบอกว่าเขาคิดผิด เพราะบางทีคนที่รู้แต่เขามีทุนไม่เยอะ ไปเสี่ยงแบบคุณไม่ได้
ผมว่าคุณพอลน่าจะลืมคิดจุดนี้จริงๆ ถ้าเขาเอามุมมองตัวเอง สามารถทำได้ครับ ผ่อนขั้นตํ่ามึนๆ 30 ปีจนจบสัญญา ระหว่างนั้นเอาเงินบางส่วนหรือโบนัสไปลงทุน ก็ทำได้ครับ เพราะเขามีต้นทุนดีอยู่แล้ว ยอมจ่ายดอก 2 - 3 ล้าน แลกกับผลตอบแทนลงทุน 10 ล้าน ในมุมมองของคนที่พร้อมก็มองว่ายอมจ่ายดอก 2 - 3 ล้านเพื่อผลตอบแทนลงทุน 10 ล้านดีกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนพร้อมจะคิดแบบนี้แต่สำหรับคนชั้นกลาง ทำงานกินเงินเดือนธรรมดา ไม่มีใครอยากเสี่ยงผ่อนขั้นตํ่าจนจบสัญญา แล้วเอาเงิน เอาโบนัสลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน 10 ล้านได้หรอก คือมันไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าได้ผลตอบแทนที่ว่าไหม และไม่มีใครรับรองว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้สามารถทำได้จนเกษียณ หรือมีชีวิตอยู่รอดได้ตลอดระหว่างผ่อน หลายคนก็ไม่ได้ทำประกันชีวิตด้วย บางคนทุนประกันแค่ 1 ล้าน ก็ไม่สามารถปิดหนี้ได้ทั้งหมด ดังนั้นการโปะบ้าน คือ ความเสี่ยงที่ตํ่าที่สุด ผลตอบแทนคือได้บ้านแน่ๆ จบหนี้บ้านได้จะเอาเงินไปลงทุนยังไงก็อีกเรื่อง
การลงทุนคือความเสี่ยง......หากเป็นไปตามคาดหมด ทุกคนรวยหมด แต่ความจริง มันไม่เป็นไปตามคาดมันถึงมีขาดทุน....ติดดอย.....ลงไม่ได้ก็โดดตึก
ชอบฟังพี่พอลมากค่ะ ♥️ พระเอกในดวงใจของเด็กๆยุคหนูเลยก็ว่าได้ คิดถึงการแสดงของพี่พอล
ตั้งอยุ่บนจินตนาการว่า ถ้าๆๆๆๆ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคในชีวิต แล้วก็ใช้คำว่าถ้าๆๆๆ ต่อไปเรื่อยๆๆๆๆ
ทำไมไม่พูดถึงเรื่องความเสี่ยงบ้าง มั่นใจได้ตลอดไหมครับว่าผลตอบแทนที่ได้จะสม่ำเสมอตลอด ในเมื่อการลงทุนก็คือการลงทุน มีความเสี่ยง แล้วหากเกิดกรณีไม่คาดฝันจะทำอย่างไง หรือปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัจจัยที่เราควบคุมได้ละผมมีความคิดว่าหากรีบทำได้ ทำเลยดีกว่าครับ เพราะผมไม่รู้อนาคตว่ามันจะมีปัญหาอะไรในวันพรุ่งนี้ หรือสัปดาห์หน้า หรือปีหน้าผมอาจจะโดนไล่ออก บริษัทปิดตัว อันนี้ผมไม่รู้ หากมีกำลังผมจะทำเต็มที่
กองทุนที่เขาพูด มันเสี่ยงต่ำมากก และผลกำไรน้อย กองทุนดัชนีอะครับ คงเป็นไปได้ยาก ที่ บริษัทใหญ่ 50 แห้งจะล้ม และถ้าอันไหนผลกำไรต่ำ กถูกคัดออกทุก 6 เดือน การลงทุนมีหลายแบบ แต่แบบนี้ปลอดภัยที่สุดแล้ว คือ กองทุนดัชนี
ขอบคุณสำหรับความรู้ ทั้งคุณ Noppol และคุณ M killค่ะ
แสดงว่าดูคลิปไม่จบ
ส่วนตัว โปะ ให้หมด เร็วคือ ดีที่สุด เพราะว่าจะตกงานหรือไม่ไม่รู้ ไม่เงินไม่มีเงิน เอาตังไหนมา ครับ ไม่ได้โลกสวย และ ไม่มีตัง ปิดให้ไว ปิดให้เร็ว หาเงินโปะ คุณ สบายใจจบ
ผลตอบแทน8% ต่อปี ก็ต้องเป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลยนะ
เลือกผ่อนแบบ 30ปี อาเงินส่วนต่างไปลงทุน แต่พอครบ 15 ปีจะมีเงินอยู่ 3ล้านกว่าๆ(ใช้ตัวลขอ้างอิงจากในคลิปนะ) เอาเงินออกมาปิดบ้าน (น่าจะเหลือหนี้ราวๆล้านห้า) ก็จะยังมีเงินลงทุนเหลืออีก ราวๆ2ล้าน แล้วต่อยอดด้วยการ เพิ่มเงินลงทุนเป็นยอดที่ต้องจ่ายบ้านแทน 15ปีที่เหลือ อาจจะได้ไม่เท่าลงทุนต่อเนื่อง 30ปีก็จริง แต่ปิดบ้านหมดใน 15ปี ยังมีเงินเก็บอีกล้านกว่า ก็ดีกว่าเริ่มต้นจาก 0 คุณพอลช่วยลองคำนวนสูตรนี้ได้มั้ยครับ
เยี่ยมครับพี่พอล มองในมุมของ Personal Business มีโอกาส และ ค่าเสียโอกาสในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ลักษณะของ การ cash flow management มี money literacy และ planning ที่ดีครับ ผมอายุ 25 ซื้อบ้านหลังแรก 3.7M คิดว่าจะโปะไม่เกิน 20 ปี ฟังคลิปนี้ได้ไอเดียครับ แต่ผมดันพลาดไป stake ใน Ust เกิน 50% ของ port และ LUNA ไปหนักเอาเรื่องครับ ต้องมาปรับแผนกันใหม่ ปกติลงทุนอยู่แล้ว แต่กระโจนเข้าคริปโต เดี้ยงเลยครับ ที่สะสมจากปันผล หรือหุ้น มา แค่มองว่าเพราะเป็น stable coin
เห็นใจเลยครับ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้กดติดตาม สามารถเข้าไป
กดติดตามได้ที่ UA-cam : bit.ly/2UGCvSE
TIMESTAMPs
0:00 - Highlight
0:32 - Intro
2:01 - การผ่อนบ้านหมดเร็วดีจริงหรือ!?!
5:36 - ค่าเสียโอกาส จากการโปะบ้าน ที่ทุกคนมองข้าม
8:11 - โปะให้บ้านหมดเร็ว VS แบ่งเงินบางส่วนไปลงทุน
12:13 - สำหรับคนที่คิดว่าโปะบ้านเร็ว จะได้มีเงินไปลงทุนต่อ
14:40 - ข้อดี ข้อเสีย ข้อควรระวัง
16:14 - สรุป
อยากลงทุนนะคะ ไม่มีความรุ้
เราสามารถทำควบคู่กันได้นิ่ครับ โปะบ้านสัก 20% ของเงินผ่อน แล้วที่เหลือก็นำไปลงทุน แบบนี้ได้ไหมครับ
พึ่งเข้ามาฟังคัพ อยากเรียนรู้เรื่องกองทุนเลยคัพพี่พอล
พี่พอล ทำไมถึฃคำนวณการลงทุนที่ 30 ปี แทนที่จะเป็น 15 ปีครับ
ทั้งโปะ ทั้งลงทุน ควบคู่กันไปเลยค่ะ จะได้มีอิสรภาพ ทางการเงินเร็วขึ้นค่ะ
แนวคิดดีครับ ครบทุกมุม
ผมเลือกโปะบ้านหมดก่อน 15 ปี แล้วค่อยเอาเงินที่จ่ายค่าบ้านทุกเดือนไปลงทุนก็ได้ครับไม่ต่างกันมาก แถม 15 ปี ไม่ต้องเครียดเพราะไม่มีหนี้
ยิ่งมีความสามารถโปะได้เร็วกว่านี้ เงินลงทุนยิ่งมากขึ้น มากกว่าไม่โปะเลยด้วย
เพราะ คิดว่า บางทีเราอาไม่ได้แข็งแรงหาเงินได้เท่าเดิมหรือมากขึ้นในตลอด 30 ปีก็เป็นได้
หรือการลงทุนที่ลงไปอาจไม่ได้กำไรอย่างที่คาดหวังก็เป็นได้
สำหรับผมความเสี่ยงคืออนาคตที่ไม่แน่นอนนี่แหล่ะ
อันนี้จริงโปะจบเลยดีกว่าอนาคตไม่มีอะไรแน่นอนเลย
คนที่รู้กับไม่รู้ครับ
ใช่ครับ แล้วการลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนทบต้นทุกเดือนเหมือนในสูตรที่กด เป็นไปได้ยากด้วยครับ
ความเสี่ยงเรื่องอนาคตยังไม่เท่าไหร่คะ มองตามความเป็นจิง คำว่าอนาคต เราจะตายวันไหน ตอนไหน ปีไหนก็ไม่รู้ บางที่อาจจะอยู่ไม่ถึง 60 ปีก็ได้ แล้วทำไมเราจะต้องหาเงินให้ธนาคารใช้ตั้ง 30 ปี เครียดตายเลย ไม่มีหนี้ดีสุดคะ อิสรภาพทางการเงิน เบื่องานก็ลาออกได้ไม่เป็นไร อยากเที่ยวก็เที่ยวได้ตลอด อยากกินอะไรก็ได้กิน
ถูกที่สุดครับ
**เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ดีครับ แต่ก็มีความเสี่ยงมาก และเป็นไปได้ยากเหมือนกัน**
1.จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะลงทุนได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ตลอด 30 ปี หากไม่ถึง หรือติดลบจะทำอย่างไร
2.จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะทำงานได้รายได้ทุกเดือนจนถึงอายุ 60 ปี หากป่วย ถูกไล่ออก/ให้ออก เกิดอุบัติเหตุ หรือตกงานตอนอายุ 45 ปี จะทำอย่างไร
3.ธนาคารยิ้มเลย ได้กินดอกเบี้ยยาวๆ อิ่มๆ ไม่ต้องรับความเสี่ยงอะไร แต่เราต้องมารับความเสี่ยงจากการลงทุน ความเสี่ยงจากสุขภาพ ฯลฯ
**สำหรับผมขอเลือกโป๊ะให้หมดเร็วที่สุด มีความเสี่ยงน้อยกว่าครับ**
1.หมดหนี้เร็ว บ้านเป็นของเราแล้ว 100% มั่นใจได้ว่าจะมีบ้านอยู่จนหมดอายุขัย
2.หากป่วย ถูกไล่ออก/ให้ออก เกิดอุบัติเหตุ หรือตกงาน แต่ไม่มีหนี้แล้ว อย่างน้อยก็มีบ้านให้อยู่
3.ไม่มีความเสี่ยงจากการลงทุนในช่วงที่กำลังเป็นหนี้อยู่
4.หลังจากผ่อนบ้านหมดค่อยเอาไปลงทุน ถึงจะไม่ได้เยอะเท่าแบบแรก แต่มีความอุ่นใจและสบายใจกว่าแบบแรกหลายปี ซึ่งวัดเป็นตัวเงินไม่ได้
5.การลงทุนตอนที่ปลอดหนี้จะทำให้เรามีสติ ไม่เครียดมาก และเรียนรู้ในการลงทุนให้มีผลกำไรได้มากกว่า
6.การรีไฟแนนท์ทุกๆ 3 ปี สามารถหาดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า 4%ได้ครับ เฉลี่ยประมาณ 3% นั่นคือเราจะผ่อนหมดเร็วขึ้น
7.การโปะมันเหมือนมีพลังบางอย่าง ยิ่งโปะ ยิ่งเห็นเงินต้นลด ยิ่งเห็นดอกเบี้ยลด ยิ่งเห็นเวลาลด มันยิ่งมีกำลังใจ ทำให้เรายิ่งโป๊ะมากขึ้น ยิ่งหมดหนี้เร็วขึ้น บางคนตั้งเป้าหมายว่าจะโปะให้หมดภายใน 10 ปี แต่เอาเข้าจริง 5 ปีก็หมดแล้ว หรือไม่กี่ปีก็หมดแล้ว
8.สามารถวางแผนได้เลยว่าจะให้ผ่อนบ้านหมดภายในเวลากี่ปี ต้องโปะเพิ่มแต่ละเดือนเท่าไหร่ ใส่ Excel ให้เห็นตัวเลขชัดๆเลย แล้วนับวันถอยหลังไปสู่วันหมดหนี้ได้เลย แค่คิดก็มีกำลังใจแล้ว
*ตอนนี้ผมก็กำลังทำแบบหลังอยู่ ซื้อบ้านสัญญาผ่อน 40 ปี แล้ววางแผนกับแฟนวันที่ซื้อเลยว่าจะผ่อนให้หมดภายใน 10 ปี ใสค่าทุกอย่างลงไปใน Excel คอยปรับตัวเลขอยู่สม่ำเสมอ ผ่อน+โปะมาแล้ว 1 ปีกว่าๆ จากที่คาดการว่าจะหมดภายใน 10 ปี ตอนนี้เหลือแค่ 8 ปีกว่าๆแล้วครับ (ไม่นับรวมกับที่ผ่อนมาแล้วปีกว่าๆนะครับ)
อยากทราบรายละเอียดโปรแกรม excel ที่ใช้อ่ะครับ มีรูปแบบไหมครับ
+1 ค่า ช่วยสอนการลงใน excel และวิธีคิดทีค่ะ 🙏🏻
+1 การลงทุนมีความเสี่ยง อาจมีมูลค่า เพิ่ม หรือลดได้
ไม่มีหนี้ สุขภาพจิตดีกว่าเยอะ
อย่ามองมุมจะได้เพิ่มอย่างเดียว
สอบถามคะ ทำในเอกเซลแบบไหนคะ
+1.
เทคนิคผ่อนบ้าน 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะถูก จากโปรธนาคาร เมื่อครบ 3ปี ให้แจ้งรีไฟแนนซ์ ธนาคารจะเสนอดอกเบี้ยใหม่ เพื่อให้ถูกเท่าเดิมหรือใกล้เคียง 3ปีแรก ในช่วงที่ดอกเบี้ยถูก ให้เน้นเก็บเงินก้อนให้ได้เพื่อ ปิดยอดกู้บ้าน เท่านี้ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยบานเบอะ ไม่ต้องโปะดอกเบี้ยเละเทะ
การลงทุนมีความเสี่ยง ปัจจัยมากมาย ในความไม่แน่นอน เช่นโควิท ถ้าโลภอยากรวย อาจไม่มีบ้านอยู่ ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ลงทุนไม่ใช่ทุกคนจะกำไร กำไรไม่ได้จะกำไรเสมอไป ยิ่งไม่รีบปิดระยะยาว 30 ปี ใน 30 ปี มันจะไม่มีปัจจัยอะไรเกิดขึ้นเลยหรอครับ ธนาคารจะไม่ปลี่ยนเลยหรอครับแล้วมนุษย์ที่ดำรงชีพด้วยความโลภ เดี๋ยวก็ต้องอยากได้รถดีๆ ใช้ชีวืตดีๆ เสื้อผ้าดีๆ ไปต่างประเทศ หึๆๆๆ ผลก็คือ ....
ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง อย่าใช้เงินในอนาคต ที่มันยังไม่มีอยู่จริง
แนวคิดดีครับ แต่สำหรับผมขอโปะบ้านให้หมดก่อน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่วางแผนมาตั้งแต่ซื้อบ้าน ซึ่งอีกปีกว่าๆก็จะหมดแล้วตามแผนชีวิตที่ตั้งไว้ เพราะส่วนตัวทำงานบริษัทต่างชาติ และเห็นการจ้างออกในช่วงวิกฤติสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้บ่อยมาก ร้อนๆหนาวๆทุกครั้งที่เห็นคนอื่นๆโดนซองขาว ทำให้ไม่มั่นใจว่าจะมีรายได้เพื่อผ่อนบ้านไปตลอด 20 ปีหรือไม่ เลยขอกระหน่ำโปะบ้านเพื่อความปลอดภัยของตัวเองไปก่อนครับ ความเห็นส่วนตัว ผมอาจจะไม่ถูกก็ได้ แต่ก็ชอบฟังแนวคิดการลงทุนแบบใหม่ๆสม่ำเสมอเพื่อไว้ประยุกต์ใช้ในอนาคตครับ
แต่ละคน มีเหตุผลที่ต่างกัน ไม่มีผิดถูกครับ จริต ของคนก็ต่างกัน สิ่งที่คุณพิมพ์ก็เป็นความคิดที่ดี ไม่ผิด เพราะเป้าหมายชีวิตของแต่ละคนต่างกัน เป็นกำลังใจให้ครับ เยี่ยมมาก บ้านหมดก็สบายใจ✌
จริงๆ การไม่รีบโปะบ้าน ไม่เกี่ยวกับเงินที่จะได้ในอนาคต
จริงๆมันก็แค่ถามตัวเองว่า เงินที่เหลือในแต่ละเดือนเราสามารถไปลงทุนได้กำไรมากกว่าดอกเบี้ยบ้านไหม ถ้าได้มากกว่าก็แค่ไปลงทุนครับ แต่ถ้าไม่แน่ใจ หรือทำไม่ได้ ก็แค่เอาเงินที่เหลือไปโปะครับ แทนที่จะออม แล้วเสียทั้งดอกเบี้ยบ้านและเงินเฟ้อ
ถ้าคิดว่างานไม่มั่นคง หรือไม่มีรายได้หลายทาง ไม่มีหนี้ดีที่สุดครับ แต่ถ้าคุณมีรายได้หลากหลายช่องทาง ถ้าช่องทางหนึ่งล้ม คุณก็ยังเหลือช่องทางทำเงินอื่น และจัดสรรเงิน บริหารเงินได้ง่าย ถึงแม้ว่าจะเป็นหนี้ก็ตาม
ส่วนตัว รู้สึกงานไม่มั่นคง และกองทุนบางตัวกำไรที่ได้น้อยกว่าดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่ายทุกเดือน เลยเลือกที่จะโปะบ้านให้หมดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งที่แพลนไว้คือ ให้หมดหนี้บ้านภายใน 3 ปี แล้วปีหลังจากนั้นคือเงินเก็บล้วนๆ ที่จะเริ่มจัดสรรลงทุนเพราะหมดหนี้แล้ว
โปะก็ดีครับ จะได้ไม่มีปัญหาจู้จี้จุกจิก
แต่ที่อาจารย์บอก ถ้าไม่โปะ เงินสดก้อนนั้นต้องแบ่งไป วางหรือลงทุน ในที่ทำกำไรมากกว่า เงินที่ไปโปะครับ
แต่ถ้าตกงาน เราก็สามารถดึงเงินทุนก้อนนั้นกลับมาได้ หรือเทขายหุ้นอะไรประมาณนี้ครับ
ไม่ใช่ไม่โปะแล้ว เงินอีกส่วนที่เหลือเอาไปใช้จ่ายไม่จำเป็นหมด
หรือไม่ใช่ต้องมาเริ่มเก็บเงินก้อนใหม่ ไปลงทุน
ซื้อบ้านแผนการผ่อน 15 ปีค่ะ ดอกปีแรก 1.69% ผ่านไป 8 ปี ตั้งแต่โควิดมาจน ตอนนี้ ดอกขึ้นมา 5.68% กำลังจะเอาไปรีไฟแนน ขอลดดอกค่ะ ยังไงก็ขอโป๊ะบ้านก่อนดีกว่า ดีกว่าจ่ายดอกเพิ่ม ล้านสองล้าน เพราะเวลาขายได้ไม่ถึงที่เสียไปแน่นอน การลงทุนมันมีขึ้นมีลงนะคะ ไม่ใช่ว่าจะ + ตลอด ตอนนี้พยายามโป๊ะบ้าน ไปพร้อมๆกับการลงทุนทุกเดือน ทีละนิดหน่อยค่ะ (บ้านยิ่งอายุเยอะราคายิ่งตก)
ควรเทียบระยะเวลาลงทุนที่ 15 ปี จะได้เป็นฐานเวลาเดียวกัน เพราะถ้าผ่อนบ้านหมดใน 15 ปี จะมีเงิน 2 หมื่นกว่าบาทบวกเงินก้อนอีก 1.4 ล้าน สามารถนำมาลงทุนอีก 15 ปี ให้เป็นฐาน 30 ปี เหมือนกัน ถึงจะเห็นความต่างที่ช่วงระยะเวลาเท่ากัน
มีเหตุผล
แนวคิดนี้ดีนะคะ แต่จะใช้ในตลาดหุ้นโดยเฉพาะกองทุนตอนนี้ ตลาดขาลงมากๆๆขาดทุนกันเยอะมากในกองทุนรวม ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวอีกทีเมือไหร่ยังไม่มีใครุรู้ ถ้าโป๊ะบ้านได้ภายในไม่เกิน 3-5ปีนี้แนะนำให้ทำเพราะเป็น peace of mind เงินเฟ้อตอนนี้ไม่รู้ว่าเมือไหร่จะฟื้นตัว การลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้นถ้ามีเงินเย็นอยู่ในมือแนะนำคะ แต่ถ้าช่วงนี้แนะนำให้โป๊ะบ้านดีที่สุดคะ มีเงินลงในกองทุนรวมมาแล้ว 3ปีตอนนี้ยังขาดทุนเลยคะเพราะหุ้นทุกตัวตกหมด กองทุนรวมตอบโจทย์การลงทุนแบบ compound interest ก็จริงแต่สถาณการณ์ตอนนี้ความเสี่ยงสูงมากๆๆ ความเห็นส่วนตัวนะคะ
แต่ก็อย่าลืมว่าอีก 60 ปีข้างหน้าเงิน 13 ล้านแทบจะไม่มีค่าอะไร แล้วยิ่งเอาเงิน 13 ล้านไปลงทุนต่อเพื่อหวังเงินปันผลเดือนละ 5หมื่นกว่า เอาตามตรง 5หมื่นกว่าทุกวันแทบจะไม่มีค่า ยิ่งอีก 60 ปีข้างหน้าน่าจะซื้อทองได้แค่ 1 สลึงมั้ง เราเริ่มซื้อทองเก็บตอนอายุ 17 ตอนนั้นทองราคาบาทละ 5000+ ตอนนี้อายุ 36 ทองราคา 30000 19 ปี จาก 5000+ เป็น 30000+- แล้วแต่ราทองผันผวนเล็กน้อย
ตอนอายุ 25 ซื้อที่ 200 วา 750000 บาท เงินสด แล้วสร้างบ้านด้วยเงินสด เวลาสร้างบ้าน เราต้องจ่ายช่างเป็นงวดๆ นี่แหละประเด็น รายรับ รายจ่าย ทั้งบ้านของเราเท่าไหร่เราจะรู้ดี คุณสามารถคุยกับช่างได้ ว่างวดไหนขอจ่ายเท่าไหร่ และใช้เวลาในการสร้างนานเท่าไหร่ แล้วช่วงที่สร้างบ้านอยู่ งดช๊อปปิ้ง งดเที่ยว งดทานข้าวนอกบ้าน ซื้อเท่าที่จำเป็น บ้านเราสร้างขนาด 400 ตรม.สร้างปี 54 ราคา 3.8 ล้าน ไม่รวมประตู สุขภัณฑ์ สีทาบ้าน ไฟในบ้าน รวมซื้อของเอง ณ ปี 54 เราจ่ายไป 4.5 ล้านรวมเฟอร์นิเจอร์
รายรับทั้งบ้าน ณ ตอนนั้นเดือนละ 2แสน ค่าเช่าบ้านช่วงสร้างบ้าน ค่ากินรายเดือนเราคุมไว้ที่ไม่เกินเดือนละ 30000 หักค่าเทอมลูกคิดเป็นรายเดือนตก เดือนละ 30000 เราจะเหลือเงินเดือนละ 1แสน4 หมื่น
รวมกับเอาทองคำที่เคยซื้อเก็บไว้ไปขายทั้งหมดมาใช้สร้างบ้านด้วย เราใช้เวลาทั้งหมด 2 ปี 2 เดือน
ทุกวันนี้อายุ 36 จะบอกพอไม่มีค่างวดบ้านคือเป็นอะไรที่หลับสนิทที่สุด หลังจากนั้นก็ออมเงินในรูปซื้อทองคำแท่งมาเก็บอย่างเดียว ช่วงปี 2017 ช่วงก่อตั้งธุรกิจใหม่ตัวเอง 1 ปีกว่า แทบจะไม่มีรายรับ เอาทองออกไปขาย ใช้เงินเท่าที่จำเป็นจิงๆ จากปี 2017 ที่ไม่มีรายรับจากธุรกิจใหม่เลย ตอนนี้พูดได้เต็มปากว่า ธุรกิจมีมูลค่ารวมพันกว่าล้าน รายเดือนละหลายล้าน เราเลือกที่จะจ่ายเงินเดือนให้ตัวเองที่เดือนละ 7 แสน จากรายได้ของ บ.( ในฐานะกรรมการบริษัท )
จะบอกว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน เป็นผึ้งน้อยทำรังแต่พอตัวดีที่สุดคะ และไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐคะ เงินปันผลจากการลงทุนระยะยาวอย่าไปคิดถึงมันคะ เพราะคุณไม่มีวันรู้เลยว่า
#คุณจะมีวันพรุ่งนี้ได้อีกสักกี่วัน ??
เค้าหมายถึง อายุในการผ่อนบ้านอย่างผ่อนแบบ30 ปี คุณอายุ30 ผ่อนบ้าน30ปี ตอนนั้นคุณก็จะมีอายุ 60 ปีไง ไม่ได้ หมายถึงว่า ยาวจน60แบบที่คุณเข้าใจนะ เคนะครับ
ผมใช้วิธีนี้แหละครับ แต่ในคลิปคำนวณผิดไปหน่อยตอน compound คือถ้าเราสามารถลงทุนให้เป็น passive ได้ หมายความว่าเราจะได้ passive ตลอดไป ที่จะเอาไปโปะก็ได้ เอามาใช้ก็ได้ ดีกว่ารีบโปะหมด แล้วสุดท้ายต้องมานั่งเริ่มเก็บเงินก้อนใหม่ แต่ในกรณีนี้ ต้องมีความรู้เรื่องลงทุนด้วย ไม่ใช่เงินที่เหลือ เอาไปลงสิ่งที่ไม่รู้จนหมดเนื้อหมดตัวหรือเก็บเข้าตุ่มเข้าไหไม่ทำอะไร แบบนั้นรีบโปะยังจะดีกว่า
เมื่อ20กว่าปีที่แล้ว เคยกู้เงินเพื่อซื้อบ้านจัดสรรแค่ 400,000 สัญญา 20ปี ผ่อนเดือนละ 5,500บาท เดือนแรกที่ส่ง เป็นดอก 5พันกว่า พอมาคำนวณออกมาถ้าผ่อน 20ปีเป็นดอกเบี้ยเกือบล้าน เราจึงส่งมากขึ้น และจ่ายหมดในเวลาไม่ถึง7ปี เพราะเราทำงานในอเมริกาเกษียณมาก็มีเงินประกันสังคมกินทุกเดือนไปจนตาย ไม่ต้องดิ้นรน เพราะ ไม่อยากรวยมาก แค่พอมีพอกิน ก็สุขแล้ว.
แต่ สูตรนี้อยู่บนสมมติฐาน ที่ผลตอบแทนต้องสม่ำเสมอ แล้วให้ผลตอบแทนทบต้นทุกเดือนตลอดจน 360 เดือน ครับ ปัญหาหลักๆคือหากองทุนที่ Return 8% ต่อปีทุกปี แล้วคิดทบต้นให้ทุกเดือน แทบไม่มีครับ NAV มีขึ้นมีลง ขนาด LTF SSF ตอนนี้ยังติดลบอยู่เลยครับ ลงทุนเองยังยากเลยที่จะได้ตามนี้ สำหรับตัวผมเองมองว่าเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งถ้าปีไหนมีวิกฤต return ตลาดรวมน้อยกว่า 3% เลือกโปะบ้านดีกว่า ดูเป็นปีๆไปครับ ส่วนตัวมองว่าระยะเวลายาวนานขนาดนั้น โดยที่ความเสี่ยงไม่มีเลย เป้นไปไม่ได้หรอกครับ ยังไงการลงทุนก็มีความเสี่ยงครับ การนำผลตอบแทนจากการลงทุน มาเทียบกับดอกเบี้ยที่ความเสี่ยงเป็นศูนย์ ผมมองว่าเป็นการมองด้านบวกด้านเดียว คนที่ไม่รู้ จะเข้าใจว่าจะได้ตามนั้นจริงๆ ซึ่งจริงๆแล้วมันมีอีกหลายปัจจัยครับ
+1
จริงครับ หาที่ไหน 8%
แถมเลือกแบบ ทบทุกเดือนอีก ทั้งๆที่แทบจะทุบทุกๆปีเอง
8% คิดจากสมัยก่อนอาจจะใช่ เพราะเงินเฟ้อมันโตมาไว
แต่ถ้าคิดสมัยนี้ถึง อนาคตคิดว่า % จะน้อยลงเรื่อยๆ 3-5% ก็พอๆกับดอกบ้าน
ดังนั้นถ้าไม่มีการลงทุนไหนเยอะกว่าดอกบ้าน ก็ไม่คุ้มหรอก แถมมีความเสี่ยงเป็นหนี้อยู่
พูดทฤษฎีทำได้หมดแหละครับ เจอปฎิบัติแม่งตายกันหมด
จริงครับ
เราปิดไวกว่านั้นอีกค่ะ10ปีจ่ายดอกเบี้ย7แสนกว่า จากที่ต้องจ่าย2ล้านกว่า คำนวณแล้วปลายทางผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนไม่ต่างกันมากค่ะ ถ้าอายุ60แต่ได้ความสบายใจมีมากมายเพราะรู้แน่ๆแล้วมีบ้านอยู่จนถึงตอนแก่ไม่เป็นภาระใคร ไม่มีใครรู้อนาคต เลยรีบแปลงจากหนี้สินเป็นทรัพย์สินค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
เห็าด้วยนะครับว่าสบายใจกว่า แต่ต้องคิดต่อด้วยครับ ว่าปลดหนี้แล้วลงทุนด้วยจำนวนที่ผ่อนปิดเร็ว แบบ10ปีรึเปล่า มากกว่า25k+ต่อเดือน เพื่อปิดภายใน10ปี เงินจำนวนนั้นเอามาลงทุนในทิศทางไดแล้วได้ผลตอบแทนต่างกันเท่าไหร่
ท้ายที่สุดขึ้นกับ กระแสเงินสดและสภาพคล่องครับ ที่เราจ่ายดอกเบี้ยคือเพื่อแลกกับสภาพคล่อง ถ้าคุณมีสภาพคล่องเหลือเฟือ ก็จ่าย 3ปี จบก็ย่อมดีกว่าครับ มันจะมีช่วง overlap ระหว่างปีอยู่ครับ ว่าจุดคุ้มทุน อยู่ตรงไหนอาจจะเป็นช่วง ไม่เกิน 7 - 12ปี แต่ถ้าแลกความสบายใจ ไม่มีหนี้ แน่นอนครับ ถ้าพูดเรือ่งตัวเองก็อีกเรื่องหนึ่ง
จริงครับ เอาไปลงทุนอะไร ความเสี่ยงมากแค่ไหน ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงอีก
สำหรับผมการไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐคือของจริงในทางด้านจิตใจ เนื่องด้วยการเกิดอุบัติเหตุเหตุจนทำงานไม่ได้ ในอายุ 40 ปี ซึ่งมีเงินเก็บพอที่สามารถโป๊ะบ้านได้และเหลือเก็บที่ใช้ลงทุน ซึ่งผมว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความรู้ด้านลงทุนด้วย ถ้ายังมีหนี้และสภาวะทุกตลาดผันผวนในทุกวันนี้ จึงเลือกโป๊ะก่อนลงทุนด้วยเหตุผลทุพพลภาพ ว่างงาน อายุครับ เซฟๆไว้ก่อนครับ
ผมลองแล้วครับสูตรนี้ ขาดทุนไม่พอ แถมบ้านโดนยึด ของแบบนี้น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่างทั้งจังหวะและดวง ขายฝันล้วนๆครับ
เห็นด้วยนะ ลงทุนไม่ใช่ว่าจะมีแต่กำไร 55
โคตรจริงครับ ดอกเบี้ยบ้านมาตลอด แต่การลงทุนที่ชนะดอกเบี้ยบ้านด้วยเงินแค่ยอดผ่อน ไม่มีทางชนะครับ
เห็นหน้าหมอนี่ผมก็ปิดคลิปละครับ ขายฝันไปทั่ว โอกาส 1 ใน 10,000 คน ที่จะฟลุ๊คดวงดี
@@venomgt9380 5555555
คุณ ไปทำตอนไหนวิธีการนี้เค้าซื้อกองทุนดัชนีถึง 30 ปี คุณอายุเท่าไหร่ คุณซื้อกองทุนดัชนีมาตั้งแต่ปี 2537 เลยหรือ หรือแค่ซื้อหุ้นปั่น เลยเจ๊งไม่เป็นท่า
เค้าให้ความรู้ด้านการเงินดันมาใส่ความเขาว่าขายฝันก็จมปรัก ในหนี้กันต่อไป ละกัน
เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยโป๊ะบ้านครับ ผ่อนตั้งแต่ 1.8 ล้านจนเหลือ 1.1 ล้าน (หลายปีแล้ว รีมาหลายธนาคารแล้ว)
ตอนนี้มีเงินในพอร์ตหุ้น 2.x ล. ปันผลปีละ 8-9 %
เคยคิดว่าตัวเองทำไม่เหมือนคนอื่น กลัวจะมาผิดทางเหมือนกัน
ผมแค่จะมาบอกว่ามาทางเดียวกันครับ บริหารจัดการให้เป็น เงินคืออำนาจครับ มีไว้ต่อรองได้ดีกว่าไม่มี
คลิปนี้ดีมากครับ ทำให้มองเห็นช่องว่างที่จะทำกำไรได้ ส่วนตัวผมเองทำควบคู่กันครับ
จ่ายบ้านเพิ่ม + ลงทุน ไม่มีถูกผิดครับ เเล้วเเตความถนัดของเ้ต่ละคน
ตอนแรกกก็เคยจะไม่โป๊ะบ้าน และทำการเอาเงินไปลงทุนในกองทุนแทน แต่ด้วยซื้อกองทุนไว้ติดลบ เงินหายทุกเดือน เลยเอาเงินมาโป๊ะบ้านแทน
มันไม่ปลอดภัย T.T
SET50 ครับ
การลงทุนยุคนี้ โคตรเสี่ยง
เอาเงินโปะหนี้บ้านดีที่สุด
10 ปี ผมโปะ ปิดหนี้บ้านแล้ว
ตอนปีแรกผมโป๊ะเร็วครับ เพราะดอกมันถูก 0.01% (โปร ธ ออมสิน) [คิดเป็นประมาณ 30% รายได้] พอปีที่ 2 ดอกเบี้ยกลับมาเรทปกติ [ผมจ่ายขั้นต่ำ ประมาณ 15% รายได้] เอาส่วนต่างไปลงกองทุน 6 กอง DCA เช่น หุ้นเกิดใหม่, พลังงาน, หุ้นเทค, หุ้นทั่วโลก, หุ้นสหรัฐฯ) [ประมาณ 6% รายได้] + ยักเงินไว้ซื้อ BTC บ้างตามจังหวะ ซื้อช่วงต่ำๆ เก็บ รายเดือนไปเรื่อยๆ [ประมาณ 4% รายได้] , และอีกส่วนซื้อ Alt coin เล่นไม้สั้นๆในกระดานbinance ช่วงไหนขาลง ก็ซื้อ USDT ตุนแทน [ประมาณ 5% รายได้]
ตอนนี้ผ่อนบ้าน พร้อมลงทุนไปด้วย เข้าเดือนที่ 18 ตามคลิปคุณพอลเลย
ความรู้ + วินัย => ความเชื่อมั่นของเราเอง
ปล. ผมยังไม่เล่น future, option (ฝีมือไม่ถึง งบยังไม่แน่น ไม่เสี่ยง leverage) อนาคตไม่แน่ครับ
ปัจจุบันพอร์ตแดงหมด
Fund (-10%)
Crypto (-เกิน 30%)
แต่ไม่ซีเรียส เพราะเงินออมมีต่างหากอยู่แล้ว เพราะถ้าลงทุนยาวๆ ช่วงนี้ก็เหมือนซื้อของถูก
5555
@@Yggdrasil4Leaf แดงไม่นานหรอกครับ ปลอบใจๆ หัวอกเดียวกัน 55+
@@Zerowolrd สาธุครับ 555
แนวคิดดีค่ะสำหรับคนมีหลายอาชีพ แต่เรากลัวความเสี่ยงไม่แน่นอน เลยต้องรีบโป๊ะ ระหว่างทางมีเงินใหม่เข้าใหม่ ก็สลับไปลงทุนได้กำไรมาก็แบ่งเก็บกับโป๊ะเพิ่ม อยากให้หมดทีละอย่าง เพราะถ้าลงทุนเยอะ บางอย่างก็ขาดทุนเหมือนกัน
เห็นด้วยค่ะ..
ปัญหาคือ ผลตอบแทนในอดีต ไม่สะท้อนไปยังอนาคตเสมอ 8% อาจจะเหลือแค่ 1-2% หรืออาจจะติดลบไปเลยก็ได้ ต้องคิดเผื่อตรงนี้ด้วยครับ ดังนั้นใครคิดจะทำวิธีนี้ ต้องศึกษาด้านการเงินอยู่เสมอเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้ตัวเองครับ
ผมซื้อกองทุนมา2ปีซื้อเดือนละ1000บ้าง2000บ้างบางเดือนก็500-700 ตอนนี้ขาดทุน4000
ยอดกองทุนหมื่น3หมื่น4 ช่วง2ปีมานี้หุ้นตกหนักมาก
มุมมองของคุณพอลเหมือนกับวิสัยทัศน์ของคนญี่ปุ่นเลยค่ะ ดีใจที่มีคนนำเสนอแนวคิดนี้:)
พลาดระหว่างทางจะแย่ครับ สภาพจิตใจเรื่องการลงทุนไม่ใช่เรื่องที่เสถียร ขอความมั่นคงในชีวิตไว้ก่อน
ส่งนตัวผม ตอนนี้เป็นหนี้บ้าน โป๊ะส่วนนึง ลงทุนส่วนนึง อย่างน้อยก็มีบ้านอยู่ ท่ามกลางความไม่แน่นอน ยังมีบ้านไว้ให้คนข้างหลัง เพราะสินเชื่อบ้านมีประกัน และเงินลงทุนก็มีถึงจะไม่ได้มากมาย
อยากให้คุณ Paul ได้อ่านหนังสือ เศรษฐีเงินล้านอัตโนมัติ มันมีอีกวิธีที่ธนาคารไม่เคยบอกจริง ๆ คือใช้เงินจำนวนเท่าเดิม แต่สามารถลดต้นลดดอกได้ จะได้นำมาบอกต่อ ช่วยคนได้จำนวนมาก ที่จริงเคยนำเรื่องนี้ไปบอกกับอีก channel นึง แต่ไม่เห็นเขาเคลื่อนไหวอะไร จึงลองมาบอกที่ช่องนี้บ้าง ผมทำมาแล้วได้ผลจริง
ผมว่าน่าจะพูดไม่ได้ครับ ถ้าพูดก็ดราม่าอีกแน่
ขอคำแนะนำทีครับ
รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ
ช่วยบอกหน่อยคะ
ตามค่ะ
เปิดโลกมากสำหรับเรา ดูมาหลาย ep อันนี้ว้าวสุด และคิดว่าเป็นไปได้ เพราะเราคือคนนึงที่คิดโปะบ้าน เพราะตอนนี้เพิ่งกู้เอาบ้านไปเข้า แบงสีเขียว ซึ่งดอกแพงมาก 6-7%/ปี ยังไม่ครบ3ปี กำลังหาย้ายแบงแล้วค่ะเพื่อดอกเบี้ยที่ถูกลง แต่ก็ยากอยู่เพราะต้องใช้สเตทเม้นเยอะพอควรเลย
หลังจากดูคลิปนี้จบ สิ่งที่คิด เออ มันก็จริงว่ะ ตอนนี้เรา31ละ เกษียณมา ไม่ต้องลำบากแล้ว มีเงินให้ลูกให้หลานอีกต้องขอ ขอบคุณพี่พอลมากๆ เราจะแชร์คลิปนี้ให้คนที่เรารัก ได้เห็ยอีกด้านนึงต่อไปค่ะ ขอบคุณจากใจ
ขอบคุณแนวคิดดีๆ ครับ เท่าที่ฟัง สรุปคือมันต่างกันที่ ดอกเบี้ย ธนาคาร 4% กับ ดอกเบี้ยที่เราได้ลงทุน 8% แต่ประเด็นคือ 8% ต่อปี มันหายากดิครับ
เอาจริงๆควรผ่อนบ้านส่วนใหญ่จะผ่อนแบบยาวๆเพราะไม่รู้หลอกว่าถ้าผ่อนแบบสั่นจะลดดอกเบี้ย ถ้าคนเงินเดือน 2-3 หมื่นบาทส่วนใหญ่จะผ่อนจนครบ 30 ปี ไม่ค่อยจะโปะ และ50-60% คนพวกนี้ผ่อนไปกลางทางแล้วจะช็อตหรือตกงาน เลยทำให้ไม่มีเงินไปผ่อนบ้านและสุดท้ายดอกเบี้ยท่วมจนแบงค์ฟ้องยึดทรัพย์นั้น นิสัยคนไทยส่วนใหญ่ ชอบสนุก กินเที่ยว ความรับผิดชอบเลยไม่ค่อยจะมีกัน ยํ้าว่าส่วนใหญ่นะ เลยทำให้ธนาคารชอบปล่อยกู้ ถ้าผ่อนไม่ไหว ธนาคารก็ได้ทรัพย์นั้นกลับมาขายอีกทอด
การทำสัญญา 30 ปีผ่อนบ้าน สิ่งที่จะต้องบริหารคือ จ่ายงวดแบบ 5 ปี ก็หมดก่อนสัญญา
ดอกเบี้ยคิดทุกวันจากเงินต้นคงเหลือ
จะจ่ายงวด 1 หมื่น 2 หมื่น 5 หมื่น ดอกเบี้ยก็เท่าเดิม
แต่เมื่อหักดอกแล้ว จะไปหักต้นได้เยอะกว่า จ่ายตามจำนวนในสัญญา ผลก็คือ ปิดได้เร็วกว่าสัญญา
อันเป็นการประหยัดดอกเบี้ยนั้นเอง
ขอบคุณพี่พอลมากๆๆค่ะ
ตอนนี้ผ่อนบ้านอยู่ค่ะเพิ่งจะรีเทนชั่นบ้านไปค่ะ ส่วนตัวไม่โปะบ้านแต่เอาเงินครึ่งหนึ่งของเงินเดือนลงทุนหุ้นปันผล ผลตอบแทน9%ต่อปีอยู่ค่ะ แฮปปี้ดีจ้า👍🏼
แนะนำหุ้นหน่อยได้ไหมคะ
@@surisa4151 จะเป็นหุ้นที่ปันผลทุกไตรมาสนะคะ ตอนโควิดยังปันผลดีทุกปีค่ะ จะมี POPF , DIF , JASIF
คิดเหมือนกันเลยครับ กะจะรีเทนชั้น และเอาส่วนต่างไปลงทุนครับ
@@warakonsirisit2306 เอ ผมรีเทนชั่น ธนาคารไม่ได้ให้จ่ายน้อยลงนะครับ จ่ายเท่าเดิมแต่ดอกเบี้ยลดลง
แนะนำป้าหน่อยได้มัยค่ะอยากมีเงินกินตอนแก่ค่ะ
ประเด็นสำคัญจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่ดูแล้วจะเลียนแบบได้ คือความรู้ในการลงทุน ซึ่งโอกาสล้มเหลวมีมากกว่า เพราะลงทุนไม่ถูกที่และไม่ถูกตัว ผู้ที่จะทำได้ต้องหาความรู้พอสมควร
ถ้ามีน้อยก็ตั้งเป้าหมายโปะบ้านแค่15ปีก่อน.ถ้ามีเยอะก็ซื้อสดไปเลย. เพราะชีวิตการทำงานแบบมนุษย์เงินเดือนชนเดือน ยุคนี้ด้วยรู้สึกจะไม่มั่นคง.เพราะงานก็ไม่แน่นอน บริษัทเริ่มเจอพิษเศรษฐกิจปิดตัวให้เห็นแล้ว คนเริ่มตกงาน ยังโดนพิษเศรษฐกิจค่าครองชีพซ้ำเติมอีก ไหนจะเจอการบริหารของรัฐบาลนี้เข้าไปก็อ่วมแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบ้านเรา (ประเทศกำลังพัฒนา)คือสิ่งที่คาดไม่ถึง เช่น บ้านเราสี่ถึงห้าปี ก็ปฏิวัติบ่อย ขั่วการเมืองก็เปลี่ยนบ่อย ระบบความมั่นคงแบบรัฐสวัสดิการก็ไม่มีไม่ครอบคุม ไหนจะ ,โรคโควิดระบาดไม่จบไม่สิ้น, ไหนจะการภาวะภัยเกิดสงคราม น้ำมันขึ้นราคา ค่าอาหารค่าครองชีพสูงไม่มีลง ผลกระทบเศรษฐกิจระยะยาว ไหนจะภัยธรรมชาติอีก การบริหารนักการเมืองบ้านเราก็เห็นๆกันอยู่ไม่มีอะไรแน่นอน.แม้เซียนหุ่นคลิปโตฯ.ก็ยังตกกระป๋องได้ง่ายๆเลย..บ้านเรามันต้องใช้ระบบคิดแบบยุคศรีปราชญ์..คงจะใช้ระบบพ่อสอนลูกรวย กับวอลเรล แบบตะวันตก คงยากหน่อย คงต้องปรับตัวอยู่แบบไม่มีหนี้..หรือมีน้อยที่สุด รับเงินเดือนเต็ม(ต้องงานราชการถึงได้น้อยแต่มั่นคงระยะยาว)ได้วันหยุดเยอะ มีรายได้เสริม หลายๆช่องทางอย่างยั่งยืนและมั่นคงแบบภาคเกษตรยังไงก็ไม่อดแน่นอน..ความคิดผมน่ะ!!
ขอเห็นต่างเล็กน้อยนะครับ จริงอยู่ว่าถ้าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ ทันอาจจะดีกว่าโป๊ะดอกเบี้ยเงินกู้
แต่นั้นหมายความว่า เราต้องสร้างผลตอบแทนการเงินส่วนบุคคล พอร์ตรวม เช่น ลดหย่อนภาษี มารวมกับการลงทุนอื่นๆแล้วเปรียบเทียบกับ ดอกเบี้ยเงินกู้ ถ้าหาก ผลการลงทุนได้ผลตอบแทน มากกว่า ดอกเบี้ยกู้ นั้นถึงจะเรียกว่า ลงทุนดีกว่าครับ อีกแง่คิดหนึ่งการลงทุนมันมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลตอบแทนไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับหลายกรณีเช่น จังหวะเวลาที่เหมาะสม ระยะเวลาลงทุนพอๆกับ ระยะเวลาจ่ายดอกเบี้ย และ สินทรัพย์ลงทุนที่มีความเสี่ยง รวมถึงสิ่งที่ต้องคำนึง คือ การลงทุนมีความเสี่ยงอาจได้รับผลตอบแทนที่ไม่แน่นอนได้ แต่ดอกเบี้ยบ้านเดินต่อ แน่นอน ฝากไว้ให้คิดเพิ่ม แล้วแต่ทุกคนจะพิจารณา บริหารหน้าตักเงินของตัวเองเลยครับ
เห็นด้วย100 % ค่ะ
แบ่งไปโปะบ้าน30 ลงทุน70 ถึงผลตอบแทนน้อยลง แต่มันดูเซฟตัวเองมากกว่า เพราะเรื่องวินัยเรามีน้อยนิดเหลือเกิน/ขอบคุณความรู้ดีดีค่ะ
ความต่างทั้งหมดอยู่ที่อัตราผลตอบแทนสม่ำเสมอ 8% ครับ ถ้าทำได้วิธีคิดนี้ใช้ได้ครับ แต่ด้วยสภาพผันผวนแบบนี้ การโปะ 9000 แบบนี้เท่ากับการันตีผลตอบแทน 4% จากดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงครับ ง่ายๆ คือ โปะเร็วสบาย กับโปะช้าแล้วหวังลุ้นให้ได้ผลตอบแทน 8% ครับ
ความรู้ตรงนี้ดีมากเลยนะคับ
แต่ตอนนี้ผมอายุ 50 แล้ว
ถ้ารู้แบบนี้ตอนอายุ 20 ต้นๆชีวิตผมตอนนี้คงจะดีกว่านี้มากๆเลย
นี่คือโอกาสของการเรียนรู้หรือเปล่า ที่สมัยก่อนถ้าโลกมีอินเตอร์เน็ตมีหนังสือดีๆมีเนื้อหาดีๆแบบนี้ หรือมีคนบอกความคิดดีๆแบบนี้กับเราก็คงจะดีไม่น้อย
โดยหลักการแน่นอนว่าดีครับ ที่จะเอาเงินไปลงทุนให้ชนะดอกเบี้ยบ้าน
แต่ถ้า worst case แล้วกันครับ เลือกลงทุนใน Set Index แล้วผ่านไป 20-30ปี เศรษฐกิจของประเทศไทยไม่โต (ตกขบวนเศรษฐกิจใหม่ๆ โดนรัฐประหารวนไปเรื่อยๆ ไม่สามารถปรับตัวกับโลกยุคใหม่ได้) ก็ซวยครับ เงินลงทุนไม่โต ดอกเบี้ยก็จ่ายไปเรื่อยๆเช่นกัน
การลงทุนในกองทุนรวมใดๆก็ตาม จะบอกว่าชัวร์มั้ย มันชัวร์สู้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายแน่ๆไม่ได้ เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวก็เลือกปิดความเสี่ยงจากดอกเบี้ยบ้านไปด้วยแน่ๆครับ (สัดส่วนอาจจะหนักกว่าเอามาลงทุน)
เห็นด้วยเลยค่ะ ดอกเบี้ยบ้านเดินทุกวันต้องจ่ายแน่ๆไม่ควรหลงประเด็น ไม่รวยเงินเหลือจริงๆ ควรจบเรื่องบ้านให้ได้ก่อน หากมีเงินอยากลงทุนก็ไปลงทุนได้ตามชอบ แบกประเด็นกันไป แต่หนี้บ้านรีไฟแนนซ์ทุก 3 ปี มีก็โป๊ะบ่างคือทางที่ชัวร์กว่าซื้อบ้านได้บ้านแน่ๆ
เม้นถูกใจม
ลองคำนวณดอกเบี้ยเป็นรายวันของเงินล้านที่กู้บ้านมาแล้วจะหนาว อย่าดูแต่ดอกเบี้ยรายปีของเงินลงทุน เห็นด้วยปิดหนี้สินก่อนเรื่องเงินอย่าคิดซับซ้อน
เป็นความคิดที่ล้ำลึกมากครับ เกินกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิด!!
เพราะคนทั่วไป ย่อมมองว่า รีบๆโปะ จะได้หมดหนี้เร็วๆ ใช่ไหมครับ?
มันก็ไม่ผิดหรอก!!
แต่อาจจะลืม "ค่าเสียโอกาส" ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างน้อยคือ
1เงินที่จะเอาไปลงทุน ต่อยอดทางธุรกิจ(กรณีคนที่มีแนวคิดแบบเถ้าแก่นะครับ) ก็จะน้อยลง เพราะหาได้เท่าใด ก็เอาไปให้บ้านกินซะหมด
2กำไรชีวิต ที่ควรจะได้ เช่น ท่องเที่ยวพักผ่อน ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ เปิดหูเปิดตา หาประสบการณ์แปลกใหม่ เป็นการชาร์จไฟให้ความคิด อย่าคิดว่าไม่จำเป็นนะครับ เพราะอาจได้เจอไอเดียใหม่ๆ เพื่อเอามาพัฒนาธุรกิจและคุณภาพชีวิตของตนเอง ไม่งั้นก็จะกลายเป็นว่าหาแต่เงิน แต่ไม่ได้ใช้ เลยเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ไปซะงั้น!! แล้วจะมีประโยชน์อันใด?
3 เงินที่รีบโปะนั้น อาจส่งผลให้เงินเก็บที่จะใช้ในบั้นปลายชีวิตน้อยลง คนเราพอแก่ตัวลง ความสามารถที่จะหาเงินได้มากเหมือนสมัยวัยรุ่นก็คงยาก อาจต้องลำบากเหมือนที่เห็นข่าวเรื่องขอเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้ชราภาพที่บรรดาคนแก่ๆ ออกมาเรียกร้อง จริงๆแล้วก็เพราะคนเหล่านั้นไม่รู้จักวางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้า ตอนเป็นวัยรุ่น ก็ใช้เงินเพลิน ไม่ออม ไม่ต่อยอด ไม่วางรากฐานความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย คิดแต่จะอยู่บ้านหลวง หรือเช่าไปเรื่อยๆ โดยไม่เฉลียวใจว่า ไม่ว่าจะเช่าหรือผ่อน มันก็ต้องจ่ายอยู่ดี ทั้งยังสร้างหนี้จากบัตรเครดิต(จริงๆแล้วมันอยู่ที่ตัวคนมากกว่า เพราะคงไม่มีบัตรเครดิตใบไหนสามารถเหาะไปรูดสินค้าได้เองโดยตัวมันเป็นแน่!!) และอาจหนี้นอกระะบบด้วย ชนิดถอนตัวไม่ขึ้น ครั้นพอเกษียณแล้ว หนี้ก็ไม่ได้หมดตามไปแต่อย่างใด เดือดร้อนล่ะสิงานนี้!!!
แนวคิดที่คุณพอลเสนอมานี้ ผมเห็นด้วยค่อนข้างมากครับ แม้ว่าจริงๆแล้ว อาจจะมีตัวแปรในอนาคตบ้าง เพราะระยะเวลาเป็น20-30ปีนั้น คงไม่มีใครคาดได้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น???
และแนวความคิดนี้ เชื่อว่า เหมาะกับคนที่มีแนวคิด "เถ้าแก่" นะครับ เพราะถ้าคิดแบบลูกจ้างกินเงินเดือน ไม่มีหัวค้าหัวขาย ก็คงนึกไม่ออกอยู่ดี นี่มิใช่มาดูถูกนะครับ พื้นฐานคนเราไม่เหมือนกัน จะให้คิดตรงกันทุกคนก็คงไม่ใช่แน่
สำหรับผมแล้ว ผมคิดในมุมเถ้าแก่ครับ เพราะมีอาชีพในแนวนี้ ผมเลิกเป็นลูกจ้างมา20กว่าปีแล้ว จริงอยู่ว่า ลูกจ้างนั้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องดิ้นรนมาก ยังไงๆอีก30วันก็มีเงินใช้แน่ๆ แต่อย่างลืมตัวแปรทางธุรกิจนะครับ เพราะเห็นการเลิกจ้าง เชิญออก เป็นเรื่องปกติซะแล้ว
ผมเห็นด้วยกับแนวคิดของคนที่จะลาออกจากความเป็นลูกจ้างมาเป็นเถ้าแก่ คงเพราะดวงผมมันเป็นดวงเถ้าแก่นั่นเองครับ ทำด้วยตนเอง ได้เสวยผลเต็มที่ ชีวิตรุ่งโรจน์ มีอะไรๆไม่น้อยหน้าเขาแล้ว ก็คนมันมีดีนี่นา ทำไงได้ครับ?
ขออนุญาตgเห็นต่าง มองในอีกหลายๆมุมนะครับ
1. การที่รีบโปะบ้านให้หมดไว ถ้ามองอีกมุมคือการลงทุนอย่างนึง (ซื้อที่ดินแล้วแต่ราคาตามตลาดและทำเล)
จริงๆไม่แน่ใจว่าการหักดอกเบี้ย 30 ปีแล้ว ยังต้องบวกราคาบ้านพร้อมที่ดิน หลังจากซื้อไปแล้ว 30 ปี นำส่วนต่างตรงนี้มาคิดด้วยหรือเปล่าครับ
2. การลงทุนมีความเสี่ยงหรือเปล่าครับ เราจะได้ 7-8% ตลอดทุก 30 ปี จริงหรือเปล่าครับ มีอะไรการันตีได้บ้างไหม
3. ขาดวินัยไม่ได้เลย จริงๆไม่เชิงขาดวินัย ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆหมุนเวียนต่อเดือนอีก เจ็บไข้ได้ป่วยอีก เราจะลงทุนได้ตลอด 30 ปี จริงๆใช่ไหมมม
30 ปี ไม่มีอะไรการันตีรายได้ของเราเลยครับ ส่วนตัวเลยมองรีบโปะ รีบจบๆไปดีกว่า พอโปะหมดแล้ว ไม่มีกังวลใดๆ คิดเรื่องลงทุนหรืออย่างอื่นได้เต็มที่
คิดไม่เหมือนกันอย่าโกรธกันนะครับ :)
เคยลงทุนแล้วติดดอยเลยหยุด และตอนนี้เพิ่งผ่อนบ้าน15ปี กะจะเทให้หมดแต่อยากใช้ดอกลดภาษี จึงลังเล พอฟังคลิปนี้จบ 😤กลับไปลงทุนอีกที ขอบคุณอาจารย์พอล
โห กำลังมองเรื่องซื้อบ้านซื้อคอนโดเลยค่ะ EP นี้คือเป็นประโยชน์มาก ขอบคุณมากนะคะพี่พอล
เคยมีตัวอย่างให้เห็นเหมือนกันแบบนี้ เพื่อนสนิทเราเอง ผ่อนคอนโดปีแรก โปะไป 5-6 แสน เพราะอยากจะหมดหนี้เร็วๆ จนลืมเรื่องเงินสำรอง พอโควิดมาธุรกิจมีปัญหารายรับน้อยลงทำให้ตัวเองไม่มีเงินทุนสำรองหมุนเวียน สุดท้ายก็ต้องไปหากู้เงินฉุกเฉินเป็นล้าน ทีนี้อาการหนักเลยผ่อน 2 ทางทั้งคอนโดทั้งสินเชื่อธุรกิจ เครียดกว่าเดิม แทนที่จะเอาเงินเหลือตอนโอนคอนโดไว้เป็นเงินสำรองยามฉุกเฉินกลับเอาไปโปะค่างวดคอนโดจนล้ำหน้าไปหลายแสนภายในปีเดียว เพื่อนเตือนก็ไม่ฟัง
เห็นด้วยเลยค่ะ ที่ ตปท ก็เช่นกัน ตอนแรกก็ไม่เชื่อ ตอนซื้อบ้านหลังแรกที่ ตปท ด้วยเงินสด มองย้อนกลับไปคิดผิดจริงๆ บ้านหลังต่อไป คงซื้อผ่อน ในระยะที่ผ่อนได้ และเงินที่เหลือ นำไปลงทุนต่อดีกว่าค่ะ
เป็นทฤษฎีและความคิดที่ดีครับ แต่อาจจะต้องคำนึงถึงหลักความเป็นจริงของชีวิตด้วย นั้นคือ ไม่มีใครรู้แน่นอนว่า ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร
สำหรับผม ผมคิดว่าการผ่อนบ้านให้หมดเร็วที่สุด เป็นทางออกของการเงิน สมมติว่า อาจจะเอาเงินไปลงทุนครึ่งนึงจากคลิปพี่พอล ตอนผมอายุ 60 คงมีเงินซัก 4ล้าน(ครึ่งนึงจาก8ล้าน) แต่เมื่อช่วงตอนผมอายุ 46-59 (ช่วงที่ไม่มีหนี้) ผมจะมีเงินใช้มากขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็เอาเงินไปดำรงชีวิตหรือเป็นรางวัลชีวิตได้
ใครที่วางแผนซื้อบ้านก็ลองคิดหลายๆปัจจัยนะครับ
ผม40.. มีเงิน20ล้าน.. เพราะวางแผนมาตั้งแต่อายุ25..นี่คือความจริงของชีวิตครับ..ปล.คำตอบของอนาคต.. คือกระลงมือกระทำวันนี้
เดชบุญของหนูที่ได้มาเจอคลิปนี้ อีกไม่กี่เดือนหนูจะถึงทางแยกชีวิตแล้ว ...ขอบพระคุณมากๆค่ะ🙏🥰
การผ่อนบ้านสวนใหญ่ทั่วไปจะมีการ
รีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปี นั่นหมานความว่าดอกเบี้ยที่จ่ายรวมต้นก็จะน้อยกว่าสูตรคำนวณแบบที่คุณพอลพูดไว้ครับ
เลือกได้ทั้ง 2 ทางไม่มีทางไหนผิดครับ
อยู่ที่คุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน
จริงครับเราไม่ต้องโปะอาศัยรีเทรนชั่นเอาครับ ยังไงดอกเลี้ยก็ไม่ถึง 2 ล้าน ที่ดอกเบี้ยเป็นล้านๆมันคือตัวเงินที่เราผ่อนแบบไม่รีเทรนชั่นหรือลดดอกเบี้ย แต่เป็นการผ่อนดอกลอยตัวปีที่4หรือ3 ตามสัญญาทำให้ดอกเบี้ยแพง เรามีวินัยขอลดดอกเบี้ยทุกๆปี ยังไงก็ผ่อนน้อยครับ
ผ่อนคอนโดทำ 2 แบบค่ะ แบบ 1 โป๊ะเฉพาะปีแรก เพราะดอกเบี้ยมันต่ำแค่ 1.5% เอาไปลงต้นเยอะๆ พอปีที่ 2-3 ค่อยผ่อนแบบเบาๆ โป๊ะเพิ่มบ้างเล็กน้อยตามกำลังทรัพย์ 3 ปีก็หมดไป 1 ใน 3 ของยอดกู้แล้วค่ะ แบบ 2 ผ่อนตามที่ธนาคารกำหนดเลยทั้ง 3 ปี ต้นลดไป 2 แสนเอง ไปลงกับดอกเบี้ยสักครึ่งนึงได้ - - แบบที่ 2 เห็นแล้วเหนื่อยใจค่ะ
อยากรู้ผลกำไรของ SET50 ย้อนหลัง 30 ปีถึงปัจจุบันมากกว่าอ่ะ ทำไมหยุดที่ปี 58 นั้นมันเกือบ 10 ปีเลยนะ ยุคนั้นเศรษฐกิจยังดีคาดการกำไรมันก็สูง ถ้าลองเป็นยุค 10 ปีหลังสิจะถึง 4% หรือเปล่า ทีของฝรั่ง S&P500 ยังเป็นผลประกอบการถึงปัจจุบันเลย
สมมติฐานที่คิดยังไม่รวม ภาวะเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนของตลาด ผลตอบแทน ~8% ต่อปีเป็นข้อมูลสถิติในอดีต ไม่ได้การันตีว่าอนาคตจะได้ 8% ในอดีตตลาดโตได้มาก market cap น้อย แต่พอมองอนาคตอีก 30 ปี ตลาดจะโตได้อีกเท่าไหร่ แถมยังไม่รวมความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นอีก อย่าง โรคระบาด สงคราม หรืออะไรอื่นๆ
แน่นอนว่าแนวคิดนี้ดี แค่ต้องมีวินัย และการบิรหารจัดการเงินที่ดีมากๆ รวมถึง 30 ปี ต้องอยู่ในภาวะที่เศรษฐกิจเติบโต ไม่ใช่ถดถอย ไม่มีปัญหาการว่างงาน หรือ ออกจากงานก่อน มีรายได้สม่ำเสมอ
แต่จริงๆมีเรื่องที่หลายคนไม่ค่อยสนใจ คือเงื่อนไขการผ่อนกับธนาคาร บาง ธ. คิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอก แต่บาง ธ. จะคิดดอกเบี้ยต่างหาก ต่างกันแค่นี้ก็ประหยัดเงินผ่อนไปได้เยอะมากแล้ว … แต่ส่วนมากแล้วคนผ่อนจะชอบผ่อนแบบเท่ากันทุกเดือนมากกว่า (เงินต้น+ดอกเบี้ย) การผ่อนแบบเงินต้นเท่ากันทุกเดือนแต่ยังไม่รวมดอกเบี้ย ทำให้แต่ละเดือนจ่ายไม่เท่ากัน
เงินกู้ซื้อบ้าน กฎหมายห้ามธนาคารคิดดอกเบี้บทบต้น
8% นี้มันผ่าน วิกฤต ต้มยำกุ้งมาด้วยแล้วนะครับ
ระหว่างโปะบ้านให้หมดเร็ว กับจ่ายเท่าเดิม30ปี สำหรับผมผมจะโปะบ้านให้หมดภายใน15 ปี แล้วเอาเงินทีาตะต้องจ่ายค่าบ้านหลังจากโปะหมดแล้ว ไปซื้อปืน เพื่อจะปล้นร้านทอง เป็นการลงทุนระยะสั้น กำไรงาม คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง
แนวความคิดดีมากเลยค่ะ อยากทำ ตามบ้างนะค่ะ แต่ ติดอยู่ที่ ความรู้ด้านการลงทุนไม่เก่งพอ อีกอย่าง เรามี ลูกที่ต้องรับผิดชอบ เลย เลือก แบบ ผ่อนแบบอาศัย โป๊ะเอา ค่ะ
ก่อนจะมาดูคลิปนี้ ทีแรกท้อ ผ่อนบ้านมา4ปี ยอดแทบเท่าเดิม ทั้งๆที่จ่ายมากกว่าขั้นต่ำ คิดว่าจะหาเงินมาโป๊ะ พอมาฟังคลิปนี้ได้ไอเดียดีๆเยอะเลยคะ ขอบคุณมากนะคะ
ตามที่คุณพอลแนะนำในคลิปวีดีโอนี้ ก็คือคนที่มีรายได้มั่นคงและมีงานที่มั่นคงทำ จะทำได้ดีมากๆ ถ้าเอาเงินที่ไม่ต้องรรบไปโปะบ้านไปลงทุนซื้อเงินกองทุนต่อ 👍👍👍 แต่ถ้าคนไหนมีงานที่ไม่มั่นคงก็รีบโปะบ้านได้ก็ดีด้วย เพราะลดความเครียด เรื่องหนี้สินการหาเงินผ่อนบ้านได้นะคะ 😅
ส่วนตัวใช้วิธีไม่ปิดหนี้บ้านครับ..แต่นำเงินไปลงทุนต่อ..13ปีผ่านไป บ้านก้อยังผ่อนอยู่เหลืออยู่คึ่งๆๆ..ราว3.5ล.แต่เงินที่ไปลงทุนรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ได้มาราว70ล.อยู่ที่แนวคิดจริงๆว่าคุณจะเลือกแบบไหน?ถ้าเลือกสบายๆ.โป๊ะไปเล้ย...!!..แต่อย่าคุณพอลแนะนำ..เสียดายโอกาสมากกกก...!การลงทุนมีความเสี่ยง..ทุกอย่าง..!อยู่ที่คุณทนแรงกดดันได้ทุกสภาวะมั้ย!..ถ้าชอบสบายๆๆไม่ต้องคิดรัยมาก..ชิวๆๆ..ไม่ลำบาก..โป๊ะปิดไปเลย..!!..สบายใจ..😄😄😄😄ตอนนี้เริ่มคิดจะเกษียณโคกหนองนาสวยๆอยู่ตอนแก่..ใช้เงินที่หามาได้ชิวๆๆไป..
ถ้าทุกคนรู้ว่าจะได้ 8% เเน่ๆ ทุกปี ทุกคนคงทำเเบบนี้หมดละครับ เเต่ความเป็นจริง มันไม่ได้สวยหรู
หากใครไม่มีความรู้ทางการลงทุนพักนะครับวิธีนี้เป็นการมองภาพการลงทุนในเชิงบวกอย่างเดียวทำให้ไม่เห็นอีกด้าน แค่คิดง่ายๆ หากอัตราการเติมโตของหุ้นหรือกองทุนนั้นติดลบแบบทบต้นทบดอกแค่นี้ก็เจ็บยิ่งลงทุนยิ่งเจ็บเรื่อย ๆ ครับ ปัจจุบันกองทุนธนาคารเก่งๆ ยังเจ๊งกันเลยครับอย่าว่าแต่เราๆ มือใหม่เลย เชฟสุดผ่อนบ้านเสร็จมีเงินเก็บเอามาลงทุนยังไม่สายครับ
ขอบคุณแนวคิดดีๆค้าบ เราเขื่อว่า ผ่อน 30 ปี แล้วเอาเงินไปลงทุนยังไงก็ดีกว่า ส่วนลงทุนช่องทางไหน เราต้องหาคำตอบเองค้าบ
จริงๆวิธีการนี้ดีนะครับ แต่ก็มีดีเสียต่างกันไป ถ้าลงกองทุน สักคลึ่ง แล้วก็โปะสักคลึ่ง แล้วแต่การเมเนจวิธีนี้ค่อนข้าง เป็นทางเลือกที่ดี เพราะจะรู้สึกเหมือนมีเงินเร่ง และ เงินลงทุนดอง พวกนี้ผมเข้าใจนะแบบ เติมไปนานๆค่อยๆโต ค่อยๆมีผล แต่บางคนเชื่อเถอะ 555 นิสัยไม่เหมาะต่อการนำเงินไปลงทุนอะไรเย็นๆ ยาวๆ เชื่อว่าจังหวะร้อนหนาวต้องมีเลยหละแล้วอยากได้เงินด่วน
แต่ผมก็เชียร์วิธีนี้ส่วนนึงเพราะรู้สึก ถ้าเร่งไปผมก็มองว่า มีแววพบความฝืดเหมือนโปะตู้มจบเริ่ม 0 แต่ต้องเสียเวลาหาก้อนมาลงทุน แต่ปีตอนหลังๆจะไปลงทุนเยอะ แต่ก็วัดจำนวนปีที่ลงทุนอีกอยู่ดีในการปันผล
นี่หละสิ่งที่คนไม่รู้เลยว่า นอกจากต้องเมเนจเงิน อาจจะต้องเมเนจเวลาระยะยาวด้วยมากๆเลยอะ เริ่มช้าเริ่มไวมีผลมาก ในช่วงระยะยาว
เข้าใจเลยว่าการลงทุนระยะ ย๊าวยาว อ่านมาคิดตามผมก็เอ๋อๆนะตอนแรกๆฟังหลายๆที่เรื่องการลงทุนยาวๆ ส่วนมากต้องมีพื้นฐานการเงินมั่นคง ถึงเงินจะไม่มั่นคงตกงาน แต่คนที่จะวินเวย์นี้ส่วนใหญ่ก็ต้องจัดการเงินเก็บ และ ปันส่วนเงินต่างๆในช่วงชีวิตดีขั้นหนึ่งเลยหละ
ตอนนี้ประเทศไทย เป็นระบบกินรวบ คิดได้หมด ว่าจะทำอะไรวางแผนแบบไหน ลงทุนนั้นมันง่าย แต่กำไรนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด
*แค่1วินาที เซเว่นCP ก็เงินเข้า19,000 บาทแล้ว หันหน้าชนกัน
“ รวบหัวรวบหาง กินกลางตลอดตัว “
เป็นแนวคิดที่ดีครับ แต่ส่วนตัวผม ผมขอโปะบ้านก่อนนะครับ เพราะเป็นปัจจัย4 ที่จำเป็น(ไม่อยากเป็นคนจร) ส่วนเรื่องลงทุนให้เป็นเรื่องรอง เพราะการลงทุนเองก็ยังมีความเสี่ยง ไม่ได้กำไรดีงามเสมอ แต่ถ้าวันใดที่ไม่มีเงิน ตกงาน ผมยังมีบ้านอยู่ อันนี้ไม่เสี่ยงแน่นอน ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะครับ ผมว่าไอดียนี้ดีเลยครับ
มองเห็นภาพเลย คุณพอลมีความรู้เรื่องเงิน มากจริงๆ คนทั่วไปจะคิดแค่ชั้นเดียวคือพยายามให้หมดหนี้ เร็วๆ แต่ไม่เคยคิดแบบคุณพอล อธิบายง่าย ดูแล้วเข้าใจ ขอบคุณนะคะ จะทำตามทีละ step ค่ะ
เจอคลิปนี้ช้าไปค่ะ เป็นฟรีแลนซ์รายได้ไม่แน่นอน ผ่อนบ้านหมดแล้วใช้เวลา 7 ปี ตอนนี้จะเริ่มแบบที่คุณพอลแนะนำค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
ดีมากๆเลยค่ะ ไม่เคยคิดในมุมมองนี้มาก่อนเลย ความรู้ด้านการเงินสำคัญมากจริงๆ👍
เป็นแนวคิดเบื้องต้นเท่านั้น
คำนวนในลักษณะนี้ ตอบโจทย์ไม่ชัดเจน
รายละเอียดอื่นๆ บอกไม่หมด
แต่ในชีวิตจริง ต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกเยอะมาก ต้องศึกษาเพิ่มเติมในอีกหลายเรื่อง ครับ
จากที่ผมดูจบแล้วเอาไปคิดนะ ผมอยากแนะนำคนที่อยากปิดใน 15 ปีทำได้ครับ แต่ให้ใช้วิธีไม่โปะบ้านโดยเอาเงินส่วนต่างไปลงทุนแค่ 15 ปี (ไม่ต้องถึง 30 ปี) แล้วเอาเงินก้อนนั้นออกมาปิดบ้านตอนปีที่ 15 แถมได้เงินเหลือมาด้วย ลองคำนวณดูครับ ***ถ้าผมคำนวณผิดช่วยบอกที เพราะผมกำลังจะเลือกแนวทางนี้
ผมว่าในทางปฎิบัติทำได้ยากครับ เมื่อ40ปีก่อนตลาดหุ้น ประชากรไทยเป็นเด็กเยอะ ตลาดหุ้นมันเลยโตง่าย ปัจจุบันเด็กเกิดน้อย ตลาดหุ้นอาจจะไม่โตเท่านี้นะครับ เพราะคุณพอล เอาตัวเลขย้อนหลังมาวัดถึงแค่ปี 58 ละถ้าดูตัวเลขของตลาดหุ้นหลังปี 60 กองทุนติดลบกันเต็มเลย บางคนกะซื้อไว้ตอนเกษียณ เจอโควิดปี 62อีกเงิน เกษียณหายไปเป็นแสน ละคนส่วนใหญ่ที่ผ่อนบ้าน อายุประมาณ 30+ คุณจะอยู่ถึง70+ แล้วได้ค่าเฉลี่ย นั้นมั้ย
การลงทุนในset 50มันชนะตลาดจริงครับ แต่จะมีกี่กองทุนที่ชนะ ลองหาอ่านรีวิวตามกลุ่มในเฟสดูครับ
โลกการเงินใครเล่นเป็นคนนั้นชนะ
ขอบคุณมากครับ...ทำให้ผมได้เห็นความสำคัญของการศึกษาเรื่องการเงินมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ...มันดูมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ และน่าสนุกกับการเล่นเกมคนรวย
ได้แนวความคิดใหม่ๆ ที่ดีมากๆ ครับผม แต่เราต้องอย่าลืมว่า ในอดีต 40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยโตเร็วมาก ผลตอบแทน 8-12 เปอเซนก็ไม่แปลกครับผม แต่พอไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วประกอบกับไม่มี new s curve ของอุตสาหกรรมใหม่ๆ อีกผมว่า 8 เปอเซนต่อปียากมากครับ
อันนี้ยังไม่รวมไปถึงในระยะเวลา 30 ปีเราเจอวิกฤตถ้าเราเก็บเงินไว้เราจะซื้อหุ้นได้ถูกมากๆ ครับผม ขอบคุณมากครับ
อันนี้จริง คลิปนี้ทำได้ โดยนั่ง time machine กลับไปทำตอนนี้ซึ่งเงื่อนไขต่างๆก็เปลี่ยน
จริงเลย เคยคิดจะโปะคอนโด ปรากฎว่าเอาไปหักดอก ต้นเหลือเท่าเดิม หลังจากนั้นเลยผ่อนปดติ
ต้องแจ้งธนาคารตอนเราไปจ่ายค่ะ ว่าเราจะโปะเฉพาะเงินต้น
ถูกแค่บางส่วนนะพอล
1. ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำ 8% ต่อปีได้
2. ส่วนต่าง 9,180 คือช่วง 15 ปี ไม่ใช่ 30 ปี ถ้าโปะบ้านหมด 15 ปีแล้ว 15 ปีหลังคือเหลือเงินเต็มๆ
เค้าก็ทำให้ดูเเล้วไงครับ ขอตอบข้อ 2. ส่วนต่าง ก็9180 ไงครับ ก็เริ่มผ่อนบ้านเลยตั้งเเต่เดือนแรก ปีเเรก คือ 30ปี ไง จะไม่ 30 ปีได้ไง งง??? มันคือส่วนต่าง การที่จะโปะ กับไม่โปะครับ
ขอบคุณจริงๆ ครับคุณพอล ทำให้เห็นอีกมุมหนึ่ง เดิมทีตั้งใจจะโปะครับ ตอนนี้ เห็นทางเลือกที่ดีกว่าละครับ
เปรียบเทียบไม่ใช่ apple to apple ล่ะครับ เพราะส่วนต่าง 9 พันกว่าบาทมันจะต้องคิดแค่ 15 ปี และอีก 15 ปีที่เหลือคนโปะหมดเร็วก็ไม่ต้องผ่อนแล้ว และจะมีเงินเหลือกว่าบาทที่จะไปลงทุนต่อ ซึ่งถ้าเเปรียบเทียบกัน At the end ที่อายุ 60 แล้วมันจะไม่ต่างกันขนาดนี้ครับ
อีกอย่างผลตอบแทนที่ลงทุนเฉลี่ยใน set 50 ถึงปี 2558 มันก็ไม่ได้การันตีว่าจะได้ผลตอบแทนขนาดนี้ ถ้ามาดูที่ปี 2558-2565 สิผมว่าได้ต่ำกว่านี้
แต่ท้ายที่สุดผมก็สนับสนุนความคิดนี้ เพราะผมก็ทำอยู่ แต่ส่วนต่างมันไม่ขนาดนั้น พอมานำเสนอแบบนี้คนเข้าใจผิด ยิ่งเจอคนที่ไม่มีความรู้เยอะหรือคนไม่มีวินัยมาทำตาม สุดท้ายจะกลายเป็นว่าที่อายุ 60 แล้วเงินเก็บนิดเดียวแถมยังต้องเป็นหนี้อยู่อีก
ชัดเจนมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ได้คำตอบที่ชัดเจนอีกครั้ง ที่เหลือคือลงมือทำ ลุย .. เดินตามคนสำเร็จ เราก็จะสำเร็จแน่นอน 🙏❤️ ขอบคุณค่ะ เิาไปสอนลูกต่อ 😊
สำหรับผมโปะหมด แล้วหลังจากโปะหมด สามารถนำเวลาที่เหลือ15ปีและเอาเงินส่วนต่างไปทำอย่างอื่นครับ เพราะอายุคนเรา ไม่สามารถยื่นยันได้ว่าจะอยู่ได้กี่ปี เพิ่มเวลาความสุขให้มากขึ้นโดยการปลอดหนี้ดีกว่าครับ
แนวคิดดีนะค่ะ แต่สำหรับฉันอาจจะทำได้แค่50% เพราะยอมรับว่ากลัวความเสี่ยงที่จะได้รับ ขอบคุณสำหรับคลิปที่ทำให้ดูนะค่ะ
ละถ้าเอา 15 ปี ที่ผ่อนหมดแล้ว เอา 25000 ที่เคยจ่าย (แบบจ่ายจนชินแล้ว) ไปลงทุนเต็มๆ เลย 15 ปี จะได้ 8.5 ล้าน รวมที่ประหยัดดอกเบี้ยไป 1.4 ล้าน เท่ากับ 10 ล้าน จะเท่ากับว่า ขาดทุนค่าเสียโอกาสไป แค่ 3 ล้าน
แต่ๆๆๆ peace of mind ในการปลอดหนี้ ก็มีราคาเหมือนกันนะ ประเมินยากหน่อย แต่หลายๆคนก็ให้ค่า
และๆๆๆ ใน 15 ปีที่ปลอดหนี้ หากมีโอกาสทางการลงทุน ธุรกิจ หรือ อะไรเข้ามา ที่ให้ผลตอบแทนสูงมากๆ มากกว่า 8% เข้ามา เราสามารถ มีเงินเหลือไปลงได้ทันที เพราะเราไม่มีภาระหนี้ ทำให้ไม่พลาดโอกาส
ผมพิสูจน์มาแล้วด้วยชีวิตจริงเมื่อ20ปีก่อน มนุษย์เงินเดือนต้อง”โป่ะ” หมายถึงว่า= refinance +โป่ะ+refinance +โป่ะ ครับ
-แบ่งไปลงทุนได้ 8% ไม่มีใครรับประกันว่าคุณจะทำได้จริง
-ได้เงินโบนัสจากที่ทำงาน อย่าชะล่าใจ แบ่งไปโป่ะเป็นก้อน เงินต้นบอดอกเบี้ยจะลดตามไปด้วย อย่าโป่ะรายเดือน อย่าทำเสียดายโอกาสของเงิน
-เป็นไทแก่ตัวเองก่อน แล้วมามองการลงทุนความเสี่ยง หรือ ความเครียดจากการลงทุนจะน้อยกว่ามากๆเลย
-อนาคตคือความไปแน่นอน แม้แต่มนุษย์เงินเดือน คุณก็อย่าคิดว่า คุณจะต้องได้เงินทุกเดือนไปอีก30ปี{แม้แต่เป็นข้าราชการก็อย่าได้ ชะล่าใจ}
-ความสุขของมนุษย์เงินเดือนคือการไม่มีหนี้ หรือพ้นจากการเป็นหนี้ แล้วสมองคุณจะทำงานด้านการลงทุนได้อย่างอิสระ และ มีความสุข ต่างจากเพื่อนๆคุณหลายคน ที่วางแผนผ่อนหนี้ยาวๆ
ขอบคุณครับ
อันนี้เป็นด้วยครับ พอหมดหนี้ สม งยะโล่งทำอะไรก็ คิดได้เยอะแยะไม่ต้องพวงหน้าหลัง ยิ่งลงทุนต้องมีความนิ่งและสติมากๆ
ขอบคุณครับ ผมทำแบบพี่เลย มีเงินเยอะแค่ไหนก็ไม่ปิดหนี้ เอาไปลงทุนให้งอกเงยหมด
ขอบคุณพี่พอลมากๆน่ะค่ะ คลิปนี้มีร้อย ❤ หนูให้ร้อย มีล้าน❤ หนูให้ล้านเลยค่ะ ได้ทั้งความรู้ในการผ่อน และยังได้ความรู้ในการออมดอกทบต้น เห็นภาพชัดมากๆๆๆค่ะ 🙏🙏
คิดแบบคุณ โดนดอกแบงค์กินมากกว่ารายได้ที่เข้ามาอีก เพราะไม่แน่ว่าอนาคตอาจตกงานก็ได้ มีตังก็โปะหมดไปสิดี เป็นไทเร็ว อนาคตอยากใช้เงินก็ค่อยเอาบ้านไปจำนองระยะสั้นได้
ขอบคุณค่ะได้ไอเดีย กะว่าจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุน บ้านยังโปะ เยอะเหมือนเดิมแต่อาจจะไม่ทุ่มเงินไปทั้งหมด เพราะดูๆแล้วยังพอแบ่งได้ค่ะ เป็นส่วนที่จะงอกเงยมาในอนาคตแบบที่คุณพอลบอก ขอบคุณมากเลยค่ะ🙏🏾
คอนเท้นดีมากครับ ผมลองไปคำนวณ ถึงจะผ่อนช้ากว่ากันเเค่ 1 ปีก็ทำเงินได้มากกว่ากันได้ครับ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข %กำไรที่ได้ต้องมากกว่า %กำไรที่จ่าย
คิดในทางขาดทุนด้วยนะครับ สถานการณ์จริงไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด
คลิปนี้พูดดีนะแต่ไม่ได้พูดแง่ ลบ
อาจจะทำแบบในคลิปไม่ได้ทุกคน
แต่เป็นทางเลือกที่ดีที่ทางหนึ่งครับ
ผมก็ทำ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผมเลยครับ
เห็นด้วยเลย
คนทำได้ถึง 1/10 รึเปล่าก็ไม่รู้
เป็นความคิดที่ดีค่ะ แต่มันก็เหมาะสำหรับคนที่ลงทุนเป็น มันไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ลงทุนไม่เป็น เพื่อความชัวร์ควรปิดบ้านให้เรียบร้อยก่อน ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิตนี้
ได้ mindsetทางการเงินแบบชัดเจนข้อมูลเข้าใจง่ายสื่อภาษาเห็นภาพ❤️ขอบคุณค่ะ😆
ขอบคุณคะ ได้ฟังแล้ว ตอนพี่อายุ 30 ไม่เห็นมีใครสอนเรื่องนี้เลย ทำงานงง หาเงินมาปิดหนี้บ้าน เสียดายเวลาจังเลยคะ
ส่วนตัวเลือกที่จะเอาเงินจากการเป็นลูกจ้าง
นำมาลงทุน เพราะการเป็นลูกจ้างมีความเสี่ยง
ที่อาจจะตกงานได้ ต้องทำให้ตัวเองต้องอยู่รอด
เพื่อมาผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เลยเลือกที่จะเอาเงินมาลงทุนและเอาบ้านและรถทีหลัง
ถ้าไม่คิดซื้อคอนโดหลังแรกก็คงไม่หาข้อมูลอะไรเลย ขอบคุณพี่พอลมากๆครับ การวางแผนชีวิตระยะยาวสำคัญจริงๆ ผมจะตั้งใจไปดูทุกคลิปในช่องเลยครับ
ไม่อยากให้บอกว่าการโปะบ้านเป็นวิธีที่ผิดเลย มันเป็นคลิกเบตเกินไป!!
วิธีที่คุณแนะนำมันเป็นทฤษฎีที่มีความเสี่ยง เป็นองค์ประกอบ ถ้าคุณเป็นคนรวยเงินเย็นเยอะก็ทำตามที่คุณพอลสอนไปเหอะ แต่ถ้าไม่เป็นคนชั้นกลาง มันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมหาศาลไปเรื่อยๆ ซึ่งปลายทางอาจไม่เป็นไปตามที่คำนวนตามสูตรก็เป็นไปได้ การโปะหนี้จึงสำคัญสำหรับคนชั้นกลางเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่เป็นหนี้ก่อนใหญ่ของชีวิต อายุการทำงานมันก็ค่อยๆ หมดลง การโดนไล่ออก การเกษียณก็มี ในคลิปคุณก็บอกว่าวิธีคิดไม่มีผิดมีถูก แต่ต้นคลิปก็ดันบอกว่าโปะบ้านคือความคิดที่ผิดไปแล้ว
จะแนะนำการลงทุน ส่งเสริมการลงทุนผมไม่ว่าหรอกแต่อย่าบอกว่าเขาคิดผิด เพราะบางทีคนที่รู้แต่เขามีทุนไม่เยอะ ไปเสี่ยงแบบคุณไม่ได้
ผมว่าคุณพอลน่าจะลืมคิดจุดนี้จริงๆ
ถ้าเขาเอามุมมองตัวเอง สามารถทำได้ครับ ผ่อนขั้นตํ่ามึนๆ 30 ปีจนจบสัญญา ระหว่างนั้นเอาเงินบางส่วนหรือโบนัสไปลงทุน ก็ทำได้ครับ เพราะเขามีต้นทุนดีอยู่แล้ว ยอมจ่ายดอก 2 - 3 ล้าน แลกกับผลตอบแทนลงทุน 10 ล้าน ในมุมมองของคนที่พร้อมก็มองว่ายอมจ่ายดอก 2 - 3 ล้านเพื่อผลตอบแทนลงทุน 10 ล้านดีกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนพร้อมจะคิดแบบนี้
แต่สำหรับคนชั้นกลาง ทำงานกินเงินเดือนธรรมดา ไม่มีใครอยากเสี่ยงผ่อนขั้นตํ่าจนจบสัญญา แล้วเอาเงิน เอาโบนัสลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน 10 ล้านได้หรอก คือมันไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าได้ผลตอบแทนที่ว่าไหม และไม่มีใครรับรองว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้สามารถทำได้จนเกษียณ หรือมีชีวิตอยู่รอดได้ตลอดระหว่างผ่อน หลายคนก็ไม่ได้ทำประกันชีวิตด้วย บางคนทุนประกันแค่ 1 ล้าน ก็ไม่สามารถปิดหนี้ได้ทั้งหมด ดังนั้นการโปะบ้าน คือ ความเสี่ยงที่ตํ่าที่สุด ผลตอบแทนคือได้บ้านแน่ๆ จบหนี้บ้านได้จะเอาเงินไปลงทุนยังไงก็อีกเรื่อง
การลงทุนคือความเสี่ยง......หากเป็นไปตามคาดหมด ทุกคนรวยหมด แต่ความจริง มันไม่เป็นไปตามคาดมันถึงมีขาดทุน....ติดดอย.....ลงไม่ได้ก็โดดตึก
ชอบฟังพี่พอลมากค่ะ ♥️ พระเอกในดวงใจของเด็กๆยุคหนูเลยก็ว่าได้ คิดถึงการแสดงของพี่พอล
ตั้งอยุ่บนจินตนาการว่า ถ้าๆๆๆๆ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคในชีวิต แล้วก็ใช้คำว่าถ้าๆๆๆ ต่อไปเรื่อยๆๆๆๆ
ทำไมไม่พูดถึงเรื่องความเสี่ยงบ้าง มั่นใจได้ตลอดไหมครับว่าผลตอบแทนที่ได้จะสม่ำเสมอตลอด ในเมื่อการลงทุนก็คือการลงทุน มีความเสี่ยง แล้วหากเกิดกรณีไม่คาดฝันจะทำอย่างไง หรือปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัจจัยที่เราควบคุมได้ละ
ผมมีความคิดว่าหากรีบทำได้ ทำเลยดีกว่าครับ เพราะผมไม่รู้อนาคตว่ามันจะมีปัญหาอะไรในวันพรุ่งนี้ หรือสัปดาห์หน้า หรือปีหน้าผมอาจจะโดนไล่ออก บริษัทปิดตัว อันนี้ผมไม่รู้ หากมีกำลังผมจะทำเต็มที่
กองทุนที่เขาพูด มันเสี่ยงต่ำมากก และผลกำไรน้อย กองทุนดัชนีอะครับ คงเป็นไปได้ยาก ที่ บริษัทใหญ่ 50 แห้งจะล้ม และถ้าอันไหนผลกำไรต่ำ กถูกคัดออกทุก 6 เดือน การลงทุนมีหลายแบบ แต่แบบนี้ปลอดภัยที่สุดแล้ว คือ กองทุนดัชนี
ขอบคุณสำหรับความรู้ ทั้งคุณ Noppol และคุณ M killค่ะ
แสดงว่าดูคลิปไม่จบ
ส่วนตัว โปะ ให้หมด เร็วคือ ดีที่สุด เพราะว่าจะตกงานหรือไม่ไม่รู้ ไม่เงินไม่มีเงิน เอาตังไหนมา ครับ ไม่ได้โลกสวย และ ไม่มีตัง ปิดให้ไว ปิดให้เร็ว หาเงินโปะ คุณ สบายใจจบ
ผลตอบแทน8% ต่อปี ก็ต้องเป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลยนะ
เลือกผ่อนแบบ 30ปี อาเงินส่วนต่างไปลงทุน แต่พอครบ 15 ปีจะมีเงินอยู่ 3ล้านกว่าๆ(ใช้ตัวลขอ้างอิงจากในคลิปนะ) เอาเงินออกมาปิดบ้าน (น่าจะเหลือหนี้ราวๆล้านห้า) ก็จะยังมีเงินลงทุนเหลืออีก ราวๆ2ล้าน แล้วต่อยอดด้วยการ เพิ่มเงินลงทุนเป็นยอดที่ต้องจ่ายบ้านแทน 15ปีที่เหลือ อาจจะได้ไม่เท่าลงทุนต่อเนื่อง 30ปีก็จริง แต่ปิดบ้านหมดใน 15ปี ยังมีเงินเก็บอีกล้านกว่า ก็ดีกว่าเริ่มต้นจาก 0 คุณพอลช่วยลองคำนวนสูตรนี้ได้มั้ยครับ
เยี่ยมครับพี่พอล มองในมุมของ Personal Business มีโอกาส และ ค่าเสียโอกาสในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ลักษณะของ การ cash flow management มี money literacy และ planning ที่ดีครับ
ผมอายุ 25 ซื้อบ้านหลังแรก 3.7M คิดว่าจะโปะไม่เกิน 20 ปี ฟังคลิปนี้ได้ไอเดียครับ แต่ผมดันพลาดไป stake ใน Ust เกิน 50% ของ port และ LUNA ไปหนักเอาเรื่องครับ ต้องมาปรับแผนกันใหม่ ปกติลงทุนอยู่แล้ว แต่กระโจนเข้าคริปโต เดี้ยงเลยครับ ที่สะสมจากปันผล หรือหุ้น มา แค่มองว่าเพราะเป็น stable coin
เห็นใจเลยครับ