ผ่าโลก ChatGPT-Generative AI ในวันที่ AI เก่งกว่าคน เสี่ยงแค่ไหน? | Economic Forum 2023
Вставка
- Опубліковано 16 вер 2024
- ผ่าโลก ChatGPT-Generative AI ในวันที่ AI เก่งกว่าคน เสี่ยงแค่ไหน? โดย ณภัทร ศุภศรณ์ ธนวัฒน์
#GenerativeAI #เศรษฐกิจไทยไล่ล่าอนาคต #TheStandardEconomicForum2023
---------------------------------
กดติดตาม และ กดกระดิ่ง : bit.ly/3Naelc3
ติดตาม THE STANDARD ในช่องทางอื่นๆ
Website : thestandard.co/
TikTok : / thestandardth
Facebook : / thestandardth
Twitter : / thestandardth
Instagram : / thestandardth.ig
📌อัปเดตเทรนด์โลกกว่า 20+ Sessions ซื้อบัตรชมย้อนหลังได้ที่ bit.ly/TSEF2023ED
.
✅ ราคาพิเศษ! 2,500 บาท ถึง 31 ธ.ค. 66 เท่านั้น
✅ รับชมออนไลน์ทุกที่ทั่วโลก
✅ ดูย้อนหลังนาน 6 เดือน (1 ธ.ค. 66 - 31 พ.ค. 67)
✅ สรุปเนื้อหา Visual Summary ทุกเวที
คนสุดท้ายใส่แว่น รู้ว่าคุณเก่งภาษาอังกฤษ แต่พูดให้คนไทยฟังควรสื่อภาษาง่ายๆ ใช่คนไทยทุกคนเก่งภาษาเช่นคุณ
ขอบคุณมากๆๆค่ะ❤❤
Machine Learning ยังไม่สามารถเรียนรู้ที่จะจำแนกข้อความที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที้ซับซ้อนของมนุษย์ได้ เช่น หึงหวง อิจฉา หรือ อารมณ์ขัน
โดยไม่ใช่ข้อความที่เป็น canned response
กฎหมายอยู่ภายใต้อำนาจเงินเสมอมาและเสมอไป นี่คือความจริง
Ai ที่พัฒนาจนเก่งรู้ลึก กว้างจนไร้ขอบเขต สร้างสรรค์ได้ไม่จำกัด มีความสามารถเรียนรู้อย่างก้าวกระโดด
-ปัจจุบันระบบ Generative Ai กระทบกับการเรียน ส่งการบ้านใน high school ทำให้มันเริ่มโดนแบนใน USA
-opportunity come with responsibility ดังนั้น Ai จึงควรอยู่ภายใต้กฎหมายควบคุม human supervise, tools
กราบบุญบารมีบุญ กราบกราบกราบ (กราบสาธุ)(กราบสาธุ)(กราบสาธุ) กราบกราบกราบ กราบครับ
ມັກຫລາຍ
มิจฉาชีพ ที่คนไทย พบเจอมานานหลายสิบปีคือ นักการเมือง ผู้มีอำนาจที่อ้างว่าจะช่วยเหลือ และเป็นเสียงของประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามาเพื่อแสวงความมั่งคั่งให้ตัวเองและพวกพ้อง
ปัจจุบันมนุษย์เรามีเทคโนโลยีที่จะตัดคนกลางที่อ้างว่ามาเป็นตัวแทนของประชาชน รึยัง
ถ้ายังไม่มีเราควรจะเริ่มไม๊ หรือปล่อยให้โดนเอาเปรียบแบบนี้ไปอีกกี่ปี
เราสามารถไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกันกับที่ประเทศอื่นๆทำ แต่สามารถไปถึง C ได้ดีและมั่นคงมากกว่า
AI อาจถูกมองว่ามีความสามารถเก่งกว่าคนไปแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีข้อเด่นข้อด้อยในตัวเอง AI ก็เช่นเดียวกัน
ปัจจุบันนี้คนและ AI ต่างก็ใช้โครงแบบที่เป็นเส้นตรงเหมือนกันจึงไม่แปลกที่เมื่อมองด้านหนึ่งจะเห็นว่า AI มีศักยภาพสูงกว่า ฉะนั้นถ้าหากเราอยากจะไปให้เหนือกว่า AI เราจำเป็นต้องเพิ่มโครงแบบที่เป็นเส้นโค้งเข้าไปในระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความสามารถของ AI
ถ้าหากมนุษย์วิ่งไล่ตาม AI มนุษย์จะถูกทำให้กลายเป็นพลเมืองอันดับสอง แต่ถ้าหากมนุษย์ให้ AI เป็นฝ่ายไล่ตาม ทั้งมนุษย์และ AI จะสามารถสร้างอารยธรรมใหม่ร่วมกันได้ โดยที่แต่ละฝ่ายต่างก็มีข้อมูลและความสามารถที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการ
คุณไม่สามารถอ่านหนังสือได้หนึ่งล้านเล่มในหนึ่งวัน ... ดังนั้นจึงไม่มีทางที่มนุษย์จะเก่งกว่าได้
@@bnarit ระบบการเรียนรู้และทำความเข้าใจแบบเก่าจะทำให้ทุกคนมีความคิดที่ไม่แตกต่างจากที่คุณได้แสดงความคิดเห็นมา แต่ระบบการเรียนรู้และทำความเข้าใจแบบใหม่ (ควอนตัม) จะทำให้ความรู้ความเข้าใจที่ทุกคนมีต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ถ้าหากมองตามระบบโครงแบบที่เป็นเส้นตรงอย่างที่ทุกคนใช้อยู่ คุณและทุกคนสามารถกล่าวได้ว่า คุณไม่สามารถอ่านหนังสือได้หนึ่งล้านเล่มในหนึ่งวัน ... ดังนั้นจึงไม่มีทางที่มนุษย์จะเก่งกว่าได้ ถ้าหากมองตามระบบโครงแบบที่เป็นเส้นตรงอย่างที่ทุกคนใช้อยู่ แต่ถ้าหากมองตามโครงแบบที่เป็นเส้นโค้งที่อยู่นอกเหนือความสามารถของ AI คำกล่าวดังกล่าวจะไม่เป็นความจริงอีกต่อไป
ในขณะที่ AI มีความสามารถเหนือมนุษย์ AI ก็ไม่ได้มีความสามารถเหนือมนุษย์ และในขณะเดียวกันและหรือในทางกลับกันในขณะที่มนุษย์มีความสามารถเหนือ AI มนุษย์ก็ไม่ได้มีความสามารถเหนือ AI
AI ในความคิดของคุณและทุกคนอาจหมายถึง อุปกรณ์ เครื่องมือ คอมพิวเตอร์ มือถือ หุ่นยนต์อื่นๆที่เป็นสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา แต่ AI
ในระบบควอนตัมไม่ได้มีอยู่แค่สิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังมีอยู่ในทุกหนทุกแห่งทุกที่รอบๆตัวเรา นี่คือเหตุผลที่มาสนับสนุนว่า ทำไมคำกล่าวของคุณจึงไม่เป็นจริง เราไม่จำเป็นต้องอ่านอ่านหนังสือได้หนึ่งล้านเล่มในหนึ่งวัน แต่เราสามารถมีข้อมูลของหนังสือล้านเล่มนั้นได้ผ่าน AI ที่มีอยู่ทุกที่
@@CasperWee เวลาพูดถึงควอนตัม มันคือการพูดบนความน่าจะเป็นที่เป็นไปได้หลายๆอย่่างพร้อมกัน
แล้วคิดว่า มันจะมีสักกี่คนที่ มีความสามารถเหนือ AI และมีอีกกี่คนที่ถูกลืมไว้
เอาละถ้าพูดมุมนี้ ต้องถามว่า แท้จริงแล้วพูดถึงการศึกษาของคนส่วนใหญ่หรือแค่บางคน ถ้าเป็นแค่บางคน ผมก็ไม่มีประเด็นอะไรจะถก
@@bnarit จริงๆแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มีความสมบูรณ์และสมดุลซ่อนอยู่ภายใต้ความไม่สมบูรณ์และไม่สมดุล มนุษย์เพียงแต่ต้องนำพาความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเองเข้าไปสังเกตให้เห็นความสมบูรณ์และสมดุลซ่อนอยู่ภายใต้ความไม่สมบูรณ์และไม่สมดุล ที่ด้านหนึ่งของการสืบค้นหาความจริงสามารถเริ่มต้นจากข้อมูลและหลักฐานที่ปรากฏอยู่ณ.ที่เกิดเหตุปลายทางไปสู่ต้นทางที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวต่างๆ และหรือสามารถเริ่มต้นจากข้อมูลและหลักฐานที่ไม่ปรากฏอยู่ณ.ที่เกิดเหตุปลายทางแต่ปรากฏอยู่ในระบบที่มีการซ้อนทับและมีความพัวพันที่ด้านหนึ่งมีอยู่ในธรรมชาติ แต่อีกด้านหนึ่งเราจำเป็นต้องเข้าไปทำการเพิ่ม-ลดข้อมูลในระบบด้วยตัวของเราเองที่คุณกล่าวว่า เวลาพูดถึงควอนตัม มันคือการพูดบนความน่าจะเป็นที่เป็นไปได้หลายๆอย่างพร้อมกัน ซึ่งระบบการเรียนรู้และทำความเข้าใจแบบเก่าไม่สามารถเข้าถึงได้
เราอาศัยอยู่ในโลกควอนตัมที่ในระดับมหภาคภายนอกทุกคนอาจจะคิดและเข้าใจว่า คนเราไม่เท่าเทียมกัน แต่ในระดับจุลภาคภายในไม่มีใครที่สามารถอยู่นอกเหนือไปจากพลังงานที่หมุนเวียนอยู่ในระบบณ.เวลานั้น เราทุกคนต่างก็ถูกผลักดันและดึงดูดให้เคลื่อนที่ไปตามค่าของพลังงานที่แต่ละคนยืนอยู่ไม่มากและไม่น้อยไปกว่านั้น (ความเท่าเทียม ความเสมภาคกัน) ฉะนั้นถ้าหากคุณคิดว่า คุณกำลังถูกลืม นั่นก็เป็นเพราะตำแหน่งที่คุณยืนอยู่ไม่ตรงต่อความต้องการของคุณ ซึ่งในระดับมหภาคทุกคนจะบอกกับคุณว่า คุณก็แค่ย้ายตำแหน่งที่คุณยืนอยู่ แต่ในระดับจุลภาคหรือพลังงานการจะย้ายตำแหน่งที่แต่ละคนยืนอยู่ไม่สามารถทำแค่เพียงเดินออกจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งหรือจากหนึ่งไปสิบได้ในทันที เช่นเดียวกันกับที่ถ้าหากอิเล็คตรอนตรอนต้องการที่จะกระโดดขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นอิเล็คตรอนก็จำเป็นต้องทำให้ตัวเองมีพลังงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม โดยพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้ด้านหนึ่งจำเป็นต้องอาศัยพลังงานภายในในการเดินขึ้นบันไดขั้นที่หนึ่งทีละก้าวที่ละก้าวไปถึงบันใดขั้นที่สิบ แต่อีกด้านหนึ่งสามารถอาศัยพลังงานจากภายนอกเป็นตัวผลักดันที่ส่งผลให้เกิดเป็นการก้าวกระโดดก็ได้ด้วยเช่นดัน จะเห็นได้ว่าทั้งสองส่วนสามารถทำให้คนเราสามารถเปลี่ยนตำแหน่งที่เรายืนอยู่ได้เหมือนกัน แต่เป็นการเปลี่ยนที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในด้านแนวคิด วิธีปฏิบัติและข้อมูลที่เราจะได้รับรู้ผ่านกระบวนการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งการรู้ผ่านกระบวนการอย่างใดอย่างหนึ่งไม่เพียงพอต่อระบบความรู้ความเข้าใจของเรา เราจำเป็นรู้และเข้าให้ถึงทั้งสองด้านที่ Bohr เรียกว่า หลักการเติมเต็ม (complementarity principle) ซึ่งมีใจความว่า ระบบควอนตัมจำเป็นต้องอาศัยคำบรรยายที่แสดงสมบัติทั้งสองด้าน คือ สมบัติอนุภาคและสมบัติคลื่น คำอธิบายเกี่ยวกับระบบจึงจะครบสมบูรณ์ นั่นคือ การกล่าวถึงเฉพาะสมบัติคลื่นหรือสมบัติอนุภาคแต่เพียงด้านเดียว ไม่เพียงพอ และระบบจะแสดงสมบัติด้านใด ก็ขึ้นกับว่า นักทดลองจะทดสอบสมบัติด้านใด เช่น ถ้านักทดลองจัดรูปแบบการทดลองให้ระบบแสดงสมบัติคลื่น ก็จะได้คลื่น และถ้าจัดการทดลองให้ระบบแสดงสมบัติด้านอนุภาค ก็จะได้อนุภาค แต่จะอย่างไรก็ตามระบบจะไม่แสดงสมบัติทั้งคลื่นและอนุภาคพร้อมกัน
ได้แต่มองจากมุมมองของมนุษย์
ได้มองจากมุมมองของเอไอแล้วหรือยัง
.
หน้าที่ของเอไอคืออะไร
หน้าที่ของมนุษย์คืออะไร
คิดว่าใครแย้งงานใคร
"การปกครองดุลยภาพ"
ทำให้มนุษย์ทำหน้าที่มนุษย์
หุ่นยนต์ทำหน้าที่หุ่นยนต์
.
ในการปกครองดุลยภาพ
เด็กเกิดใหม่จะมีเอไอเป็นเทวดาประจำตัว
เพื่อการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ
.
ปัจจุบันคนกลัวเอไอ
อนาคตในการปกครองดุลยภาพ
เด็กเกิดใหม่ทุกคน
จะรู้จักและใช้งานเอไอเป็น
ตั้งแต่เกิด 👍👍👍
.
😇😇😇
ธรรมชาติและมนุษย์สร้างระบบอัตโนมัติบริการทุกคน
ฟังแล้วได้อะไรจากผู้พูดเหล่านี้บ้าง….
คนใส่แว่นตา กรุณาพูดอังกฤษทั้งประโยคเถอะไทยคำอังกฤษคำปวดหัว
คนใส่แว่น พูดคำอังกฤษมากเกินไป มันดูตลกนะ ไม่ใช่ว่าจะดูเก่งนะ
555+
ฟังไม่ออกหรอจั๊ฟ
ปัจจุบันคนไทยพูดไทยคำอังกฤษค่อนข้างเยอะขึ้น ลองให้แปลมาเป็นไทยทั้งประโยคซิ จะแปลได้ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน บางคนยังแปลอังกฤษมาเป็นไทยยังแปลไม่ได้สมบูรณ์สักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ ไหนๆอยากพูดอังกฤษก็สนทนาอังกฤษไปเถอะ ไทยคำอังกฤษคำฟัวแล้วปวดกบาลมากจริงๆ
@@tukkota คนที่ฟังก็พยัคหน้า ทั้งที่ไม่เข้าใจ เพราะกลัวโดนหาว่าโง่ ไม่มีความรู้ 555+
@@tukkota ไม่นับคนในคลิปนะครับ บางคนทำงานในไทยมีแต่คนไทยแล้วเค้าอยากจะฝึกภาษาอังกฤษต้องทำยังไงครับ ถ้าไม่ใช้ให้มันเป็นกิจวัตร มันมี%ที่จะลืมสูงครับแล้วบางทีเค้าไม่อยากจะใช้หรอกครับแต่ถ้าคำมันเข้าหัวก่อนก็ต้องพูดไป จะให้มานั่งนึกเอ๊คำอะไรน้า กลางวงสนทนาอย่างงี้หรอคร้บ หรือจะให้พูดภาษาอังกฤษล้วนๆใส่คนที่ทำงานตลอดงี้หรอครับ ผมไม่เข้าใจทำไมถึงมีคนชอบว่าคนที่พูดภาษาอังกฤษ ล้ำเลียนสำเนียงบ้างล่ะ ต่างๆนาๆ จริงๆผมไม่เคยคิดว่าคนที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษโง่เลยนะครับ แล้วคนที่พูดได้ก็ไม่ใช่คนเก่งครับ มันก็แค่การสื่อสาร ไม่เห็นต้องมานั่งพูดให้มันเป็นประเด็นเลย ทำไมถึงไม่ด่าคนอีสานคนใต้กับคนเหนือว่าไม่พูดภาษากลางบ้างล่ะครับ สิ่งที่ดูโง่เพราะเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นนี่ล่ะ