Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
จิตหนึ่งตั้งมั่นตรงจุดญาณทวาร คือการเข้าหาธรรมจริง มุ่งสู่กระแสพระนิพพานทุกขณะจิตเช่นกันศิษย์อนุตตรธรรม สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องรีบแจ้งที่พุทธะเข้าจึงธรรมญาณตนให้เร็วที่สุดค่ะ สู้ๆค่ะ
พุทธทุกนิกาย ต่างกันแค่เปลือกแต่มีหัวใจเดียวกัน คือสุญญตา
ผู้รู้ย่อมไม่พูด ผู้พูดย่อมไม่รู้
หากไม่มีบรรพอาจารย์มาก่อนวิถีอนุตตรธรรมก็คงไม่มีการสืบทอดยาวนานมาจนถึงพวกเรา ---บัดนี้ได้รับแล้วต้องบำเพ็ญจริงค่ะฝึกฝนมันตั้งสติให้มันคงที่จุดนี้ไม่ออกห่างเมื่อนั้นก็บรรลุธรรมค่ะ
ua-cam.com/video/xwAhnIWfEdA/v-deo.html ตอนตัดแขน
.........
🙏🙏🙏
ก่อนหน้าเกิดมาใครเป๊นข้า เกิดมาแล้วไชร้ข่าเป็นใคร
ใครคือ อนาคตแห่งเราใครคือ อดีตแห่งเราปัจจุบันการกระทำแห่งเรา คือสายทางที่เชื่อมโยงเราสู่การกระทำและตัวตนของบุคคลทั้งสองนั้นคำตอบที่ถูกต้องก็คือ ตัวเราเองในปัจจุบันนี่แหละคือ สิ่งที่เป็นทั้งก่อนหน้าและหลังจากนั้น
@@Prasa_Yiaedin คำตอบที่แท้จริงคือ..อนัตตาธรรมต่างหาก..ว่างแล้วจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน..อามิตตาพุท🙏😇
@@เอเทรนนอล์มอร ความหมายของคำกล่าวที่ว่า ก่อนหน้าเกิดมาใครเป็นข้า เกิดมาแล้วไชร้ข้าเป็นใคร นั้นเป็นนุสติให้ผู้ใฝ่รู้ได้มีเป้าหมายทางความคิดไปตามแนวทางที่เน้นย้ำไปบนหลักของการเวียนว่ายตายเกิด และหลักของกรรมอันเป็นผลสร้างให้เกิด อดีตชาติ และอนาคตชาติ ซึ่งเมื่อคิดวิเคราะห์กันไปถึงจุดที่จะสร้างกระทำให้สิ้นสุดใน ชาติ ภพ ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว เราก็จะเห็นได้ว่าเรานั้นไม่สามารถที่จะย้อนเวลาเพื่อไปกระทำให้สิ้นที่อดีตชาติได้ หรือแม้แต่จะก้าวล่วงหน้ามิติของเวลาไปทำให้เราสิ้นการเวียนว่ายตายเกิดที่อนาคตชาติได้ สิ่งที่เรากระทำได้นั้นจะอยู่ที่ในปัจจุบันทั้งสิ้นดังนั้นเป้าหมายของคำตอบของคำกล่าวนี้จึงเป็นการมุ่งให้เราเห็นจุดกระทำหลุดพ้นที่อยู่ในปัจจุบันนั่นเอง
@@เอเทรนนอล์มอร ส่วนอนัตตาธรรม นั้นคือรูปธรรมของตัวตนที่ไม่เที่ยง เหมือนคำกล่าวที่ว่า ทำมือเป็นกำปั้นหรือทำกำปั้นเป็นมือ จะเห็นได้ว่ามือและกำปั้นนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน แหละจริงๆแล้วทั้งรูปตัวตนและความไม่เที่ยง มันก็ไม่ต่างไปจากมือและกำปั้นซึ่งคือสิ่งเดียวกัน อนัตตาและอัตตานั้นแท้จริงแล้วเป็นสิ่งเดียวกัน ขึ้นอยู่กับผลของช่วงเวลาสถานะที่แสดงว่าเป็นอะไรเท่านั้น ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า ว่างจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน มันก็เป็นได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งของสถานะแห่งความไม่มีตัวตนที่เมื่อถึงเวลาก็จะแสดงออกมาเท่านั้น แต่สายโซ่ของตัวตนหาได้ถูกตัดขาดไปไม่ มันยังคงคล้องคู่ขนานไปเหมือนดั่งเงาของวัตถุ ซ่อนไปกับความว่างเปล่าของเราอันปิติที่คิดว่าหลุดพ้นนั้น
@@เอเทรนนอล์มอร ดังนั้น การรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ การฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน และเห็นในสิ่งที่ไม่เห็น จึงถือได้ว่าเป็นสัจจะธรรมโดยแท้
จิตหนึ่งตั้งมั่นตรงจุดญาณทวาร คือการเข้าหาธรรมจริง มุ่งสู่กระแสพระนิพพานทุกขณะจิตเช่นกันศิษย์อนุตตรธรรม สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องรีบแจ้งที่พุทธะเข้าจึงธรรมญาณตนให้เร็วที่สุดค่ะ สู้ๆค่ะ
พุทธทุกนิกาย ต่างกันแค่เปลือก
แต่มีหัวใจเดียวกัน คือสุญญตา
ผู้รู้ย่อมไม่พูด ผู้พูดย่อมไม่รู้
หากไม่มีบรรพอาจารย์มาก่อนวิถีอนุตตรธรรมก็คงไม่มีการสืบทอดยาวนานมาจนถึงพวกเรา
---บัดนี้ได้รับแล้วต้องบำเพ็ญจริงค่ะฝึกฝนมันตั้งสติให้มันคงที่จุดนี้ไม่ออกห่างเมื่อนั้นก็บรรลุธรรมค่ะ
ua-cam.com/video/xwAhnIWfEdA/v-deo.html ตอนตัดแขน
.........
🙏🙏🙏
ก่อนหน้าเกิดมาใครเป๊นข้า เกิดมาแล้วไชร้ข่าเป็นใคร
ใครคือ อนาคตแห่งเรา
ใครคือ อดีตแห่งเรา
ปัจจุบันการกระทำแห่งเรา คือสายทางที่เชื่อมโยงเราสู่การกระทำและตัวตนของบุคคลทั้งสองนั้น
คำตอบที่ถูกต้องก็คือ ตัวเราเองในปัจจุบันนี่แหละคือ สิ่งที่เป็นทั้งก่อนหน้าและหลังจากนั้น
@@Prasa_Yiaedin คำตอบที่แท้จริงคือ..อนัตตาธรรมต่างหาก..ว่างแล้วจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน..อามิตตาพุท🙏😇
@@เอเทรนนอล์มอร ความหมายของคำกล่าวที่ว่า ก่อนหน้าเกิดมาใครเป็นข้า เกิดมาแล้วไชร้ข้าเป็นใคร นั้นเป็นนุสติให้ผู้ใฝ่รู้ได้มีเป้าหมายทางความคิดไปตามแนวทางที่เน้นย้ำไปบนหลักของการเวียนว่ายตายเกิด และหลักของกรรมอันเป็นผลสร้างให้เกิด อดีตชาติ และอนาคตชาติ ซึ่งเมื่อคิดวิเคราะห์กันไปถึงจุดที่จะสร้างกระทำให้สิ้นสุดใน ชาติ ภพ ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว เราก็จะเห็นได้ว่าเรานั้นไม่สามารถที่จะย้อนเวลาเพื่อไปกระทำให้สิ้นที่อดีตชาติได้ หรือแม้แต่จะก้าวล่วงหน้ามิติของเวลาไปทำให้เราสิ้นการเวียนว่ายตายเกิดที่อนาคตชาติได้ สิ่งที่เรากระทำได้นั้นจะอยู่ที่ในปัจจุบันทั้งสิ้น
ดังนั้นเป้าหมายของคำตอบของคำกล่าวนี้จึงเป็นการมุ่งให้เราเห็นจุดกระทำหลุดพ้นที่อยู่ในปัจจุบันนั่นเอง
@@เอเทรนนอล์มอร ส่วนอนัตตาธรรม นั้นคือรูปธรรมของตัวตนที่ไม่เที่ยง เหมือนคำกล่าวที่ว่า ทำมือเป็นกำปั้นหรือทำกำปั้นเป็นมือ จะเห็นได้ว่ามือและกำปั้นนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน แหละจริงๆแล้วทั้งรูปตัวตนและความไม่เที่ยง มันก็ไม่ต่างไปจากมือและกำปั้นซึ่งคือสิ่งเดียวกัน อนัตตาและอัตตานั้นแท้จริงแล้วเป็นสิ่งเดียวกัน ขึ้นอยู่กับผลของช่วงเวลาสถานะที่แสดงว่าเป็นอะไรเท่านั้น ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า ว่างจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน มันก็เป็นได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งของสถานะแห่งความไม่มีตัวตนที่เมื่อถึงเวลาก็จะแสดงออกมาเท่านั้น แต่สายโซ่ของตัวตนหาได้ถูกตัดขาดไปไม่ มันยังคงคล้องคู่ขนานไปเหมือนดั่งเงาของวัตถุ ซ่อนไปกับความว่างเปล่าของเราอันปิติที่คิดว่าหลุดพ้นนั้น
@@เอเทรนนอล์มอร ดังนั้น การรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ การฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน และเห็นในสิ่งที่ไม่เห็น จึงถือได้ว่าเป็นสัจจะธรรมโดยแท้