ส่วนตัว ในฐานะ Gen Y เท่าที่ดูในที่ทำงาน เราว่า Gen Z ก็ต้องแสดงให้เห็นว่า อะไรใหม่ๆ นั้น ดีกว่าเดิมยังไง ไม่ใช่แค่เพราะมันใหม่จึงดีกว่า หรือ ดีเพราะบอกตามๆกันมา และควรเรียนรู้การเข้าหา และรู้จัก Gen อื่นๆด้วย เพราะ เท่าที่เห็น Gen Z ต้องการให้คน Gen อื่นเข้าใจตน แต่ตนเองก็อาจจะไม่ปรับให้เข้าถึงคน gen อื่น เหมือนกัน
เคยได้ยิน แต่เพิ่งไปหาอ่านแบบจริงจังวันนี้ งั้นเราก็คงเป็นGen X ที่ผ่านสมรภูมิกับ BB มาทั้งชีวิต แถมหอบ Gen Z หนีด้วย ในเมื่อเขาไม่ฟังแต่เราก็มีทางของเรางั้นก็เจอกันเฉพาะเทศกาลเถอะ 55555
ก็ตอนเป็นผู้ใหญ่เราปฏิบัติกับเด็กยังไง เด็กในที่นี้คือเด็กทุกคนที่เราเจอๆนั่นแหละ ซึ่งถ้าเกิดเราคุ้นเคยกันดีคงไม่ต้องสงสัยหรอกมั้งว่าทำไมคนแก่ไม่มีเซฟโซน
ความรู้หมดอายุไว นี่จริงมาก เป็นช่วงที่พิสูจน์กันได้แทบจะทุกอย่างแล้ว
แต่สิ่งที่ไม่หมดอายุคือ “ประสบการณ์” เพราะมันทำให้เรารู้จักพลิกแพลง มีลูกล่อ ลูกชน เค้าถึงเรียกว่า “ยิ่งแก่ ยิ่งเก๋า” ไงครับ 😄😄😄
งานบางอย่างก็ต้องใช้ประสบการณ์ครับ เช่นการดูแลคนไข้ เราคงอยากได้หมอที่รักษาผ่าตัดคนหายมามาก มากกว่า หมอที่รักษาผ่าตัดคนไข้เป็นครั้งแรก จริงมะ แต่การจะได้ประสบการณ์ ก็ต้องใช้เวลาในการหา เช่นเดียวกับความรู้ทางการแพทย์ เราคงอยากได้ยาที่พิสูจน์ผ่านกาลเวลาว่ารักษาหาย มกกกว่า เป็นหนูลองยาใหม่ๆมากกว่า
เปลี่ยนจากคำว่า"ประสบการณ์" เป็น"ความฉลาด"ดีไหม เพราะฉลาดสำคัญกว่า
เราเลือกคนมีประสบการณ์สำหรับแรงงาน แต่เลือกคนฉลาดเพื่อเป็นผู้นำ
พอดีผมอยู่ในวงการที่เค้าว่า “คนฉลาด” เยอะ แต่เชื่อมั้ยครับ พอถึงเวลาต้องตัดสินใจ choice A or B มันจะ ถูก/ผิด พอกันเสมอ และ “ประสบการณ์” นี่แหละครับ จะเป็นตัวช่วยที่มีค่ากว่า “ความฉลาด” ของคนที่ต้องตัดสินใจอีก 😊😊😊
คน Gen X ปลายๆ กับ Gen Y ที่เข้าใจทั้ง 2 ยุค แต่เป็น Buffer ตรงกลาง ก็เหนื่อยนะ เครียดด้วย ที่ต้องพยายามประนีประนอมกับืั้ง 2 Gen ที่ตรงข้ามกันสุดขั้ว BB หลายคนยังมีอำนาจสั่งการ และกำหนดทิศทางที่ล้าหลัง เถียงก็ไม่ได้ กับ GenZ ที่เป็นลูกน้องที่ต้องชักจูง จูงใจให้ทำงาน ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ใช่
ชอบ Xennial (เกิดระหว่างX กับ Y
ยิ่งใกล้ชิด ยิ่งต้องคิด ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบครอบครัว คนรัก เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่เพื่อนสนิท
ยิ่งเรารู้จักกัน เราต้องยิ่งเกรงใจกันเกรงใจในที่นี้ หมายถึง การรู้จักระมัดระวังการกระทำที่อีกฝ่าย ไม่ชอบหรือเป็นการทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย ความสัมพันธ์จะยืนยาวเป็นแน่แท้ ถ้าเรายิ่งเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ชอบของกันและกัน และรู้จักระมัดระวังไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ถึงแม้ในครอบครัวอาจจะมีบาดหมางกันบ้าง สุดท้าย ครอบครัวควรใช้เวลาดีดีร่วมกัน ดีกว่ามาห้ำหั่นกันด้วยคำพูดแทงใจ
พ่อเเม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีพอให้ลูกเชื่อฟัง เพราะถ้าสอนไรไปไม่ฟังไม่เคารพนั่นเพราะเด็กเห็นการกระทำไม่สอดคล้องกับที่สอน เช่น ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามทำร้ายร่างกาย ตบตีคนอื่น เเต่ถ้าพ่อเเม่ทำให้เห็นไม่ว่าจะใครในครอบครัวที่เลี้ยงเด็กทำให้เห็น เด็กจะจำทันที ว่า นี่ไม่ใช่เซฟโซน เเละถ้าไม่ดีกับเด็ก เด็กก็จะทำกลับ
การมีลูกไม่ใช่แค่เพื่อหาความสุขของพ่อแม่ ควรมีลูกเมื่อ"พร้อม"ความไม่อบอุ่นในครอบครัวฝังใจเด็กมากกว่าที่คิด
สงสัยนิดนึง พร้อม คือ ต้องพร้อมแค่ไหน
ถ้าพร้อมในแง่ ฐานะ อารมณ์ ความรู้ เห็นด้วย เพราะ การเลี้ยงลูก ให้มีความสุข ก็เป็นความสุขของพ่อแม่ที่ดี
แต่ถ้าต้องพร้อม เพื่อให้มาเป็นเจ้านาย เพื่อตามใจ สอนไม่ได้ ต้องเห็นด้วยในทุกๆอย่าง เพียงแค่บอกว่า เป็นอนาคต จนต้องทิ้งความคิดของคนเป็นพ่อเป็นแม่ไปเลย เออออตามลูกทุกอย่าง ด้วยตรรกะที่ว่า ลูกไม่ได้เลือกพ่อแม่ได้ หรือ ไม่ได้ขอทำให้เกิดมา อันนี้เราไม่เห็นด้วยเท่าไหร่
@@psychophagex นั่นมันก็แล้สแต่คุณจะคิดนะคะ โดยรวมอย่าเอาประสบการณ์ตัวเองอย่ามาวัดเลย ยังมีเด็กหลายคนที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดี บางครอบครัวเลี้ยงอย่างอื่นได้ดีกว่าลูกในไส้ และถ้าถามความพร้อม คือแค่ไหน จะอธิบายนะคะ
1.เงิน ต้องมั่นใจว่าจะส่งเสียเขาได้ในระยะยาว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเงิน สามารถซื้อสังคม โรงเรียนดี ๆ สภาพแวดล้อม ความสะดวกสบาย ทุนซัพพอร์ตลูก และการเป็นอยู่ที่ดีมีคุณภาพได้ วุฒิภาวะ พ่อแม่ที่ดีไม่ใช่แค่ให้กำเนิด ต้องคำนึงถึงอนาคตของตัวเองและลูกที่จะเกิดมาด้วย ว่าตัวเองพร้อมที่จะรับผิดชอบ-ดูแลชีวิตใครหรือยัง ถ้ายังรักสนุก ยังไม่อยากมีข้อผูกมัดในชีวิตก็อย่าเพิ่งหาทำ
2.ความรู้ หากมีเงินมีเวลา แต่ขาดความรู้ในการเข้าใจวิธีการเลี้ยงลูก ก็ทำให้เกิดการปลูกฝังแบบผิดๆได้ เพราะลูกจะได้รับอิทธิพลในการใช้ชีวิตจากพ่อแม่ หากชี้นำในทางไม่ดีก็ส่งผลให้ลูกซึมซับเรื่องไม่ดีไปด้วยเช่นกัน
3.วุฒิภาวะ พ่อแม่ที่ดีไม่ใช่แค่ให้กำเนิด ต้องคำนึงถึงอนาคตของตัวเองและลูกที่จะเกิดมาด้วย ว่าตัวเองพร้อมที่จะรับผิดชอบ-ดูแลชีวิตใครหรือยัง ถ้ายังรักสนุก ยังไม่อยากมีข้อผูกมัดในชีวิตก็อย่าเพิ่งหาทำ
4.เวลา ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้ ว่าการมีลูกทำให้ต้องเสียสละเวลาส่วนตัว มีเวลาบ่มเพาะเลี้ยงดู คอยดูแล ต้องบาลานซ์ชีวิตครอบครัวและการทำงานให้ดียิ่งขึ้นด้วย
การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะเลี้ยงให้ดีนั้นยากกว่าคิด หากไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งเพิ่มภาระให้ตัวเอง ไม่ใช่แค่เพื่อตัวพ่อแม่เองหรือลูก แต่เพื่อสังคมด้วยเช่นกัน คิดให้ดีก่อนตัดสินใจ 'พ่อแม่เลี้ยงมาดี' 'เติบโตมาอย่างดี' ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ
ส่วนท้ายๆขอตอบว่า เราไม่ได้มีความคิดที่จะสอนเด็กไม่ได้ เเต่สอนแล้วต้องทำให้ได้ก่อน ผู้ใหญ่บางคน สอนเเต่การกระทำตรงกันข้าม เช่น ดุด่าระบายอารมณ์มากกว่าสอนเเละทำให้ดู
เป็นตัวอย่างว่าสิ่งที่ถูกต้อง มีมารยาทคืออะไรและทำยังไง หลายคนเลี้ยงด้วยความเห็นแก่ตัวและโทษเด็ก อะไรที่เราเกลียดหรือไม่ชอบมันก็คือพฤติกรรมที่เราเคยเป็น จำไว้ค่ะ ไม่ใช่เพราะเขาเกิดมาเห็นแก่ตัวหรือเพราะนิสัยไม่ดี หรือเพราะเป็นเด็กไม่ได้เรื่องอะไรทั้งนั้น แต่เขาไม่รู้เพราะไม่มีใครเคยสอนต่างหาก ก็แค่เพราะยังเด็กอยู่ทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่สําหรับเขา ยกเว้นเด็กที่ซึมซับมากพอ เด็กถึงจะมีความคิดและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง เด็กบางคนโชคดีที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์อะไร ครอบครัวที่ลูกมีพฤติกรรมไม่เหมือนพ่อกับแม่ นั่นเพราะครอบครัวที่ไม่อบอุ่น ลูกจะไม่อยากเป็นเหมือนพ่อแม่
เด็กเขาเลือกไม่ได้ การที่เขาได้เกิดจากแม่คนใดคนนึงนั่นคือโชคดีอย่างนึงเเล้ว อันนี้ความคิดจากคุณแม่ตุ๊กนะคะ "เป็นคนให้เขามาเกิดเอง ควรเลี้ยงลูกด้วยการไม่ทวงบุญคุณควรขอบคุณเขามากกว่าการเกิดคือการสร้างกรรมเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งเรามีหน้าที่เลี้ยงเขาจนดูแลตัวเองได้ก็จบ ลูกจะทำอะไรให้เราให้มันเกิดจากความรัก"ตอนนี้ครอบครัวพี่เขาก็มีความสุขดีค่ะ เขามีความคิดที่จะทำให้ลูกมีความสุข ท้ายที่สุดถ้าลูกมีความสุขยังไงก็ทำให้แม่หรือพ่อมีความสุขเช่นกัน ถ้าเป็นคุณมีลูก คงไม่ยัดเยียดหรือบอกให้ลูกต้องทำนั่นนี่เพื่อให้ตัวเองพอใจใช่ไหมคะ ฝ่ายให้ก็ต้องเป็นฝ่ายรับ ไม่ใช่ให้แค่ช่วงชีวิตนึงกับเด็ดเเละอ้างอยากรับอยากได้สิ่งที่ต้องการ คนทำดีได้ดีค่ะ ไม่ใช่ทำชั่วหวังได้ดีจากคนอื่น หรือหวังผลประโยชน์
ไม่ต้องระวังขนาดนั้น สร้างความเชื่อใจกันก็พอ
@@PoychAn1520 เห็นด้วยครับ ในส่วนที่บอกว่า ควรพร้อมอะไรบ้าง แต่ถ้าจะบอกไม่ให้ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวเลยเนี่ย อาจจะดูใจแคบไปนิดนะครับ ถึงแม้ว่า ผมจะไม่ได้มีประสบการณ์ครอบครัวที่แย่ มีเพียงแต่ประสบการณ์เติบโตปกติ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กหลายคนอาจจะยังมีประสบการณ์ไม่ดี แต่หลายๆครอบครัวก็พยายามอย่างดีที่สุด เพราะไม่ใช่ทุกครอบครัว จะส่งลูกเรียนโรงเรียนดีๆ หรือ อินเตอร์ ได้หมด ไม่นับครอบครัวที่แย่ๆ ที่ออกข่าวไปเลย ซึ่ง ผมว่าน่าจะเป็นส่วนน้อย อันนั้นก็ต้องลงโทษตามตัวบทกฏหมาย
สมมติ ถ้าเราเทียบการเลี้ยงลูกนี้กับเคสเอ้ ชุติมา ได้ไหม อันนั้นถึงได้สามีแต่ก็เหมือนได้ลูกเลี้ยงและส่งเสีย เหมือนที่คุณหนุ่มกรรชัยว่าไว้ในรายการ รักก็ส่วนรัก ส่วนที่คุณได้นั้นคือ extra แปลว่า ผู้ใหญ่เค้ารัก แต่ที่ให้ตามใจเด็กๆ ซื้อของฟุ่มเฟือย เช่น รถ ไอโฟน เครื่องประดับ etc ให้นี่ก็ไม่ถือเป็นบุญคุณหรือเปล่า ถ้าเช่นนั้น ก็เลี้ยงด้วยการให้แค่ปัจจัย 4 กับ การศึกษาภายใต้กรอบกฏหมาย เพื่อให้เติบโต ก็ถือว่าเพียงพอแล้วไหมครับ อย่างนั้น
(เอาจริงๆ ผมว่า สามัญสำนึกพ่อแม่ปกติส่วนใหญ่ ตอนซื้อของพวกนี้ให้ คงไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกครับ ที่นึกจะมาทวงบุญคุณอะไร นึกถึงแต่รอยยิ้มลูก )
ผมชอบคำคุณหนุ่มที่บอกแฟนเก่าคุณเอ้ ประมาณว่า “คุณเป็นผู้รับมาตลอด เราต้องย้อนกลับมาดูว่า เราได้อะไรให้บ้างเลยหรือยัง”
@@PoychAn1520 ลูกผม ก็สอนเค้าให้อยู่ในกฏระเบียบ อะไรที่ทำไม่ได้ ก็คือทำไม่ได้ อะไรที่ไม่ดี ก็ไม่ให้ทำ บางอย่างก็คงขัดใจเค้าบ้าง แต่ก็เพื่อตัวเค้าเอง เพราะ เค้ายังไม่บรรลุ”นิติภาวะ” หากเกิดอะไรมา ก็ยังรับผิดชอบอะไรไม่ได้ และด้วยคำว่า “นิติภาวะ” จึงต้องมีผู้ใหญ่ชี้บอกว่าอะไรผิดอะไรถูก ไม่ใช่ให้เด็กชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ในทุกไเรื่องครับ
ปรึกษาอะไนกับแม่ไม่ได้เลยค่ะ โดนซ้ำตลอด ว่าตอนโดนทำเจ็บแล้ว จะมาหาที่พึ่งในบ้านสรุปเจ็บหนักแบบกู่ไม่ขึ้นเลย😂 จนทุกวันนี้เป็นซึมเศร้าแล้วค่ะ แต่ไม่ร้ายแรงมาก❤
หาหมอด้วนนะครับ
ผมยิ่งหนัก
กอดๆๆ
ค่ะ เราก็เจอ ครอบครัวไม่เป็นเซฟโซนเราเลย แม่เราfix mindsetสุดๆเลย พอเราทำอะไรไม่ตรงกับmindsetเขา เขาก็จะวีนใส่เรา ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด เขาพยายามควบคุมเราเสมอเลย ไม่ให้เราทำนู้นไม่ให้ทำนี่ ทำอะไรต้องอยู่ในสายตาของเขา แต่เราก็เข้าใจเขานะ พอโลกเปลี่ยนเขาปรับตัวไม่ทัน(ไม่รับด้วยแหละ)เขาเลยจะให้เรายังอยู่ในเซฟโซนของเขาเพื่อเป็นพื้นที่เซฟโซนให้ แต่นั่นก็ทำร้ายเราสุดๆเลยค่ะ เหมือนถูกควบคุมตลอดเวลา พอเราพยายามคุยพยายามให้เขาปรับตัวเขาก็วีนใหญ่ กลายเป็นเรื่องใหญ่โตไป บวกกับที่เราก็เข้าช่วงวัยรุ่นเต็มตัวแล้ว เขาก็วัยทองพอดี ตอนนี้ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ แต่อยากแชร์ค่ะ😢
ปล.เป็นกำลังใจให้นวลค่ะ
เราเองนั่นล่ะครับ ที่ต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
ถ้างั้นก็เดินออกมาครับ ใช้ชีวิตด้วยตัวเองครับ แบบเด็กฝรั่ง ถ้ารู้สึกว่าที่ผ่านมา เค้าไม่ได้ดีพอ สำหรับเรา
ไม่ได้จะว่าพ่อแม่ของคุณนะแต่ พวกเขาไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้วเพราะงั้นปล่อยว่างแล้วเดินออกมาเท่านั้นครับ
มีหลายทางเลือกค่ะเช่น
เปลี่ยนmindsetที่รักตัวเองให้มากขึ้น เผื่อในวันข้างหน้า เราจะต้องดูแลตัวเองและหลายๆสิ่งที่ต้องรับผิดชอบแม้จะไม่ใช่หน้าที่เลย
เงียบ ที่ไม่ได้แปลว่ายอมรับแต่ คือการหันหลังให้กับทุกสิ่งที่toxic อย่าลืมต้องเป็นตัวของตัวเอง ให้ได้เต็มที่ สุดท้ายแล้ว ถ้าเกิดคุณทําแล้ว คุณไม่มีความสุขวันนึงคุณก็ต้องเลิกไป
[Toxic] ที่นี้จะรู้ได้ไงว่าเป็นที่แม่ หรือเรา คิดง่ายๆเลยค่ะ การที่เราอยู่ร่วมกับใครเเละเรา ไม่สบายใจจริงๆว่าร่างกายหรือจิตใจ นั่นคืออึกฝ่ายtoxic (ตัวเราจะต้องไม่ได้wanna be)
แต่ถ้าเราเห็นใครทำไรไม่ถูกใจเราไปซะหมด ไม่ชอบความเห็นต่าง ไม่ชอบการกระทำ ไม่ให้เกียรติความชอบ ทัศนคติ อายุ เชื้อชาติ ไปซะหมด นั่นคือตัวเราที่toxicคนอื่นเอง
ก็ทำตัวอ่อนแอหรือไม่ก็ทำตัวโง่ให้เขาเห็นน่ะสิ
3:34 ขอติงนิดนึง (บางคน)ข้อมูล(บางส่วน)มักเอามาเพื่อสนับสนุนทัศนคติของตัวเอง ที่ตัวเองอยากจะเห็น โดยไม่สนข้อพิสูจน์ใดๆ
แล้วโยนว่าข้อพิสูจน์อื่นๆนั้นล้าหลัง
สังคมมันเปลี่ยน แต่ความคิดคนไม่เปลี่ยน ปัญหาเลยเกิดขึ้น
ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบ
@@sleepingfish3 .....
การปรับตัวไม่เป็นมากกว่ามั้ง
อดีต>ขยันก็มีที่ดินทำกิน ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ทำเกษตรผลิตอาหารได้ ความรู้ไม่มากก็ยังไม่อดตาย
ปัจจุบัน>เรียน ทำงานหาเงินมาซื้ออาหาร อายุมากเกษียณหรือความรู้ความสามารถไม่เป็นที่ต้องการ หาเงินได้น้อย เงินเกษียณอาจไม่เพียงพอถ้าเจอวิกฤตเงินเฟ้อหนักๆเพียงครั้งเดียว ยิ่งไม่มีที่ดิน บ้านพักอาศัย เช่าเขาอยู่ ไปกันไม่เป็น
อดีต มีที่ดินผลิตอาหารได้ ไม่ต้องเปลี่ยนยังไงก็รอด เมล็ดพันธุ์เก็บเอง ปุ๋ยยาผลิตเอง
ปัจจุบัน ความสามารถไม่ทันยุคสมัย วางแผนการเงินไม่ดี พลาดหนักสักครั้งก็ยากที่จะตั้งตัว เพราะเมื่อสังคมตกต่ำ หนี้สาธารณะพุ่งสูง การขอกู้หนี้ยืมสินถูกกฏหมายก็ยากขึ้นหากเครดิตไม่ดีพอ
จริง
เมื่อก่อน งานมีมากกว่าคน แค่ไม่เป็นอะไร เขาก็อยากรับแล้วถ้าพร้อมทำ เราเคยฟังแม่เราเล่า เป็นสมัยนี้นะ แบบนั้นให้ตายก็ไม่ได้งานหรอก
ผิดแล้วครับ เมื่อก่อนงานน้อยกว่านี้ ไม่มีนักลงทุน ทำมาหากินกันเอง พอนักลงทุนเข้ามา คนก็เริ่มแห่มาแย่งงานกัน ไม่กลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อน พอถึงเวลาต้องกลับก็ไม่ได้เตรียมพร้อม
ปัญหาคือ Generation gap ช่องว่างระหว่างวัยล้วนๆ รุ่นก่อนๆเข้าใจโลกแบบนึง แต่เด็กรุ่นใหม่จะเข้าใจโลกไปอีกแบบ
แล้วใครล่ะที่เข้าใจโลกจริงๆ
@@สมจิตรอาทญาทาไม่มี
@@Youo00989"โลกทั้งใบคือความคิดในหัวเรา"
อาร์เทอร์ ชโฮเพนฮาวเฮอร์
ปัญหาคือ"ทิฐิ"
@@คนสร้างชีวิต-ญ4ค ถ้าเป็นงั้นจริงๆ ปานนี้คงมี Omnitrix แล้วแหละครับ55555
ต่อไปทำเรื่อง "รักร่วมเพศแล้วผิดอะไร"
ได้ยินเพื่อนพูดแต่ เรื่องมึงเป็นเกเป็นเกอะไรก็ไม่รู้อะ
ใจเย็นพี่มันเป็นมุก บ้างคนชายแท้หญิงยังบอกเล่นๆเลยว่ากูเป็นเก/เลสเบี้ยนนะ
ใจเย็นๆนะครับ มันเเค่มีม
มันเป็นแค่คำที่เอาไว้ล้อกันครับ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเพื่อนกันเล่นซะส่วนใหญ่ เช่น ไอเก เอ้ยอย่าเก อะไรประมาณนี้ครับ ส่วนตัวผมก็ใช้คำนี้เล่นกับเพื่อนนะ และ เรื่องที่ว่า รักร่วมเพศเนี่ย ผมก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเทาสไหรหรอกเพราะดร่าม่าหลายอย่างที่เคยเจอจากเรื่องพวกนี้ผมก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเท่าไหร แต่ถ้าเป็นก็เรื่องของเขา สรุปก็คือ มันเป็นคำที่ใช้เป็นมุก
ดันๆค่ะ คือมันเป็นมุกเล่นๆ เพื่อนเราที่เป็นlgbtก้อโอเคแต่บางคนมันเล่นเกินคำว่ามุกไปไกลกว่านั้นมากจนเพื่อนเรายังอึดอัด รวมถึงผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจอะไรแบบนี้ อยากรู้มากว่าทำไมเค้ามองว่ามันแย่
@th-rr7gy2xy7g เขาไม่โอเคนั่นแระ ถ้าคนโอเคก้ว่าไป เหมือนมีคนมาว่าคุณเรื่องที่คุณไม่ถนัดว่ากระจอก แล้วเขาบอกอย่าคิดมากเป็นแค่มุก คุณจะคิดยังไง เห็นเขาย้ำว่าพูดแต่ แสดงว่าเขาโดนมานานมากๆ มันคงตั้งใจบูลลี่กลายๆแระเราว่า
คลิปนี้ดีนะครับ แต่จะดียิ้งขึ้น ถ้า เป็นทุกคนปรับตัวเข้าหากันนะ
เพราะในความเป็นจริง ผู้ใหญ่ ก็ควรปรับตัวเข้าหาเด็ก และ เด็กก็ต้องปรับตัวเข้าหาผูัใหญ่ด้วย เหมือนกัน ครอบครัวถึงจะเป็น เซฟโซนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การปรับตัวควรเป็นแต่สิง่ที่ผู้ใหญ่ควรทำเท่านั้น แต่เด็กก็เช่นกัน ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องอาศัยผู้ใหญ่ในครอบครัวเลี้ยงดู และ อนาคตของครอบครัว ก็ขึ้นกับเด็กเองเช่นกัน
ใช่ แต่ผู้ใหญ่ควรพยายามมากกว่าเด็ก เพราะผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะมากกว่าแถมมีประสบการณ์และองค์ความรู้ต้องคิดวิธีที่จะปรับและเกลี่ยกล่อมเด็กมากกว่าตัวเด็ก
ไม่เคยได้ยินสินะ "เลี้ยงได้แต่ตัว"
@@marketplacegurun4547 ต้องดูเป็นเรื่องๆไปครับผมว่า บางเรื่องผู้ใหญ่ควรถอย บางเรื่องเด็กก็ต้องถอย จะให้เป็นแต่ผู้ใหญ่ปรับ แบบเด็กชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป้นไม้ เพราะอ้างว่า วุฒิภาวะมากกว่าในทุกๆเรื่องก็คงไม่ได้ครับ
ใช่
เห็นด้วยมากๆ
แสดงว่าไม่ได้เป็นแค่เฉพาะบ้านเราสินะ ขอบคุณช่องนวลมากค่ะ
เห็นด้วยเรื่อง safe zone นะครับ แต่ไม่เห็นด้วยที่แบ่งเป็นเจน เพราะหลายคนในเจน baby boom ก็เปลี่ยนแปลงได้ดี ขณะที่เจน C บางคนก็ยึดติดมาก มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคลนะครับ การเหมารวมปัจจุบันนี้ไม่น่าจะเหมาะแล้ว
หมายถึง gen z ใช่ไหมครับ มันก็จริงแหละแต่ถ้ามองภาพรวมแล้ว gen z ดูเหมือนจะปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าเยอะมากๆๆๆๆ
ส่วนตัว ในฐานะ Gen Y เท่าที่ดูในที่ทำงาน เราว่า Gen Z ก็ต้องแสดงให้เห็นว่า อะไรใหม่ๆ นั้น ดีกว่าเดิมยังไง ไม่ใช่แค่เพราะมันใหม่จึงดีกว่า หรือ ดีเพราะบอกตามๆกันมา และควรเรียนรู้การเข้าหา และรู้จัก Gen อื่นๆด้วย เพราะ เท่าที่เห็น Gen Z ต้องการให้คน Gen อื่นเข้าใจตน แต่ตนเองก็อาจจะไม่ปรับให้เข้าถึงคน gen อื่น เหมือนกัน
ใช่
4:58 ทำไมแค่แขนขวาครับ
กวักเยอะแหละ
ปัญหาอยู่ที่ อีโก้ อคติ ความยึดติด ไม่เปิดรับ ไม่ปรับตัว นี่แหละ ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้ คนแก่ๆ ปรับตัวยาก
สิ่งสำคัญก็คือการปรับเข้าหากันของทั้ง 2 ฝั่งเลยครับ รุ่นใหญ่ก็ต้องยอมปล่อยบางอย่าง เด็กก็ต้องยอมปล่อยบางอย่างเหมือนกัน ไม่ใช่คิดว่าฉันถูกกันอยู่ตลอด เป็นกำลังใจให้หลายๆคนแล้วก็ปรับตัวเองกันด้วยนะครับไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหน ไม่อยากให้เจอเหตุการณ์อะไรที่ไม่ดีแล้วก็มานั่งด่าโทษนู่นนี่ โดยที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนอะไรโดยเฉพาะ "ตัวเอง"
ใช่
ถึงจะบอกไปแต่สุดท้ายก็ติ ทำไมถึงไม่ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ แล้วตอนนั้นตู้จะมีความคิดที่จะแก้ปัญหาหรือไม่
ก็ต้องปรับตัวกันไป...
สัจจะธรรมของชีวิต ไม่มีอะไรได้ดั่งใจทุกอย่าง แต่ก็ต้องผ่านมันไป ชีวิตไม่ได้อยู่แค่นี้
บางคนมันโรคจิตมาก บอกไปๆ ตัวคนบอกก็ทำไม่ได้หรอกเผลอๆอะ ดีแต่พูดไปงั้นเหมือนตัวเองยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายก็ดูสภาพที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็รู้เหมือนเป็นปมของคนพวกนี้
พอยกเรื่อง เซฟโซน ขึ้นมา บางคนก็หาว่ากระiiดะอีก
บ้างก็ว่า งั้นก็อย่ามานอนบ้าน อย่ามาขอข้าวกิน จะไปที่ไหนก็ไป
พวกนี้แหละที่เป็นพวก Toxic ที่ทำให้บ้านไม่ใช่เซฟโซน
คือจะอ้างไม่ได้ว่า "แค่ได้นอนบ้านแค่มีข้าวกิน จะมาเรียกว่าไม่ใช่เซฟโซนไม่ได้"
เพราะเด็กที่โดนผู้ใหญ่ล่วงละเมิดทางเพศ ก็ยังมักอยู่ที่บ้านกัน น้อยรายเท่านั้นที่จะหนีออกจากบ้าน
ดังนั้นการเป็น Toxic หรือไม่ใช่เซฟโซนหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่เด็กยังต้องพึ่งที่บ้านอยู่หรือไม่ ถึงต้องพึ่ง บ้านก็ไม่ใช้เซฟโซนได้
และเอาจริง ๆ พ่อแม่ผู้ปกครองไม่เคยสอนให้คิดเองเลย ขนาดชุดไปโรงเรียนยังให้ใส่แค่ชุดนักเรียน แล้วแบบนี้เด็กมันจะคิดเองยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ที่ไหนกัน เพราะคิดแทนเด็กหมด จนเด็กไม่มีโอกาสที่จะคิดเองเลย คิดเองก็โดนด่าโดนลงโทษอีก
-----
หนำซ้ำ การเลี้ยงลูกที่คนไทยเชื่อว่าดี ที่จริงมันคือการเลี้ยงแบบ Toxic ที่ไม่ใช่เซฟโซน
เพราะพ่อแม่คนไทยเชื่อว่า การสอนที่ดีต้องทำให้เด็กทุกข์กายทุกข์ใจ ให้พบกับความลำบากที่เมคขึ้นมาเอง หรือโกรธเครียดอะไรมา ก็ระบายใส่เด็กแบบไม่ยั้ง แถมเด็กไม่มีวันถูก เวลาขัดแย้งกัน พ่อแม่ผู้ใหญ่ถูกเสมอส่วนเด็กผิดตลอด บางคนก็ติดนิสัยนี้ในโซเชียล เวลาเกิดความขัดแย้งโดยที่ยังไม่รู้รายละเอียด ก็จะให้เด็กผิดก่อนเสมอ
แถมการลงโทษก็ผิดมนุษยมนาอีก ทำผิดนิดเดียวกลับลงโทษซะเวอร์เกินเหตุ แถมบางทีไม่ใช่ว่าผิดจริง ๆ เสียด้วย แค่มุมมองต่างกันเท่านั้น
เช่นไม่ใส่ชุดนักเรียนแล้วถูกลงโทษด้วยการไล่ออก... ไม่มีสากลไหนเขาให้ทำแบบนั้นหรอก แม้แต่กฎหมายไทย หน่วยงานทางการศึกษาหรือรัฐมนตรีก็บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าจะลงโทษต้องลงโทษด้วยวิธีอื่น แต่บางคนก็จะให้เด็กผิดต้องไล่เด็กออกอย่างเดียวโดยไม่สนใจหลักการอะไรสักอย่าง
กลับกันการสอนที่ทำให้เด็กสุขกายสบายใจ อย่างพูดชมหรือให้รางวัลกลับมองว่าเดี๋ยวทำให้เด็กเหลิง อยากทำดีเพราะหวังรางวัล พูดสุภาพไม่ระบายอารมณ์ใส่เด็กก็ถูกมองว่าตามใจเด็กเลี้ยงลูกให้เป็นลูกเทวดา
ทั้งที่เอาเข้าจริง ไอ้สิ่งที่ทำกับเด็กเนี่ย มันไม่เหมือนกับสิ่งที่ทำกับมนุษย์ด้วยกันเลย เพราะถ้าทำแบบนี้กับผู้ใหญ่ เขาก็ไม่ชอบ และโดนฟ้องกันง่าย ๆ แต่กลับคิดว่าทำกับเด็กได้ ทำกับเด็กแล้วดี กันหน้าตาเฉย
-----
แล้วอย่าอ้างว่าต้องลงโทษโหด ๆ เพราะสอนดี ๆ ไม่ทำ
เพราะที่จริงก็ลงโทษโหด ๆ มาแต่ไหนแต่ไร จนพอสอนดี ๆ เด็กก็ไม่สนแทนแล้วไหมอะ ?
ถ้าจะสอนดี ๆ มันก็ต้องเริ่มสอนตั้งแต่แรก จู่ ๆ จะเปลี่ยนมาสอนดี ๆ มันสอนยากแล้วอะ... แต่ทำได้นะ แค่ต้องใช้เทคนิคและความพยายามมากขึ้น
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือ สอนดี ๆ แค่ไม่กี่นาทีก็เลิกกันแล้ว แต่ลงโทษด้วยความรุนแรงทั้งกายวาจา กลับทำได้เป็นชั่วโมง ๆ ซะงั้น
-----
ส่วนฝั่งผู้ใหญ่... มีวุฒิภาวะแล้วอะนะเมื่อเทียบกับเด็ก แถมมีอำนาจที่จะบังคับให้เด็กให้ทำตามใจตนเองอีก
เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยในบางประเด็นครับ
- เรื่อง กระแดะ นี่ ต้องยอมรับอย่างนึง ว่า เด็ก ก็ยังต้องพึ่งพาผู้ใหญ่ในครอบครัว ทั้งเรื่องปัจจัย 4 และการศึกษาที่จำเป็นในการเติบโต ดังนั้น จะว่าไม่เกี่ยวก็คงไม่ได้ รวมถึง เด็กนั้นก็ยังอยู่ภายใต้ "การปกครอง" ตาม"สิทธิ์ในการเลี้ยงดู" ตามกฏหมาย นะครับ ถ้าปล่อยปละละเลย จนเด็กหาปัญหาเข้าบ้านทุกวัน ครอบครัว ก็ย่อมไม่ใช่เซฟโซนของตัวเด็กเองและคนในครอบครัว
- กรณี ที่ครอบครัวนั้น ทำผิดกฏหมาย เช่น ล่วงละเมิดทางเพศ ทำร้ายร่างกายจนสาหัส ทอดทิ้งบุตร อันนั้น คิดว่า คงเป็นส่วนน้อย และ ต้องได้รับการจัดการทางกม อย่างเต็มที่ กับพ่อแม่ ที่ไม่ดีอย่างนั้น
- เรื่องชุดนักเรียน นี่ ทำให้เด็กไม่มีโอกาสคิดเองนี่ ผมว่า มุมมองมันดูแคบไปนะครับ ถ้าหมายถึงโอกาสในการแต่งตัว มันก็มีช่วงเวลาอยู่ที่จะให้เด็กคิดได้เต็มที่ เช่น เสาร์ อาทิตย์ หลังเลิกเรียน ถ้ามองแค่ว่า การใส่ชุดนักเรียน แล้วเด็กจะคิดเองไม่เป็นเลยนี่ ผมว่า เป็นการด่วนสรุปเกินไปครับ
- การเลี้ยงลูก แบบ รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตีนั้น ล้าสมัยไปแล้วจริงๆ และ การลงโทษในปัจจุบัน ไม่ควรเป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ ทั้งทางร่างกาย หรือวาจา แต่ทั้งนี้ควรเริ่มจากการตักเตือน หรือตามระดับความผิดที่เด็กกระทำ ก็เพื่อให้เด็กนั้นได้รับรู้ว่า ถ้าทำผิด ก็ต้องมีผลที่ได้รับตามมา ได้รับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ในหน่วยครอบครัว ก่อนถึงหน่วยสังคม เช่น หากเด็กอยากได้ของเล่นมาก จนลงไปอาละวาดดิ้นบนพื้นเพราะไม่ได้ดั่งใจ ถามว่า ผู้ใหญ่ควรจะต้องซื้อของเล่นชิ้นนั้น เพื่อให้หยุดงอแงไหม แล้วอนาคต เด็กจะติดชุดความคิดที่ว่า แค่งอแง แค่ประท้วง ก็จะได้สิ่งที่ต้องการจากผู้ใหญ่หรือไม่ ปัจจุบันก็ไม่แนะนำให้ตีแล้ว แต่แนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากกว่า เช่น การให้เข้าไปอยู่มุมห้องเงียบๆ ให้นึกถึงสิ่งที่ตัวเองกระทำ หรือ การบอกกล่าวตักเตือน เป็นต้น
- บางมุม การเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง ที่พอ ครบ 18 ปี ก็หยุดส่งเสีย ให้ออกจากบ้าน ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ส่งเสียตัวเอง หาเงิน หางานทำ อาจจะตอบโจทย์ที่คุณต้องการได้มั้งครับ แต่ก็นั่นล่ะครับ ก่อน 18 เค้าก็อบรมให้มีความรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ รู้จักสิทธิที่พึงมีในกรอบสังคมบ้าง ก่อนน่ะครับ
- เด็กยังขาดวุฒิภาวะอยู่บ้าง ความคิดบางอย่างอาจจะดี แต่บางอย่างก็ไม่ จึงควรมีผู้ใหญ่นำทางบ้างในบางเรื่อง อย่างน้อยจนกว่าจะบรรลุ "นิติภาวะ" ที่สามารถรับผิดชอบการกระทำตัวเองได้ ตามกม. หาก ผู้ใหญ่ ยอมให้เด็ก ชิ้นกเป็นนก ชิ้ไม้เป็นไม้ ไปซะทุกอย่าง จะว่า ลูกเทพก็คงไม่แปลก อย่างนั้น คงไม่ดีต่ออนาคตเด็กเท่าไหร่ เพราะเด็กก็คงไม่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงที่ โลกไม่ได้หมุนรอบตัวพวกเค้าไปซะทุกเรื่อง
@@psychophagex
(1)
เรื่องที่เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่พ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องเลี้ยงดูนี่ ประเทศเรายังมีปัญหาอยู่
คือ การกระทำหลายอย่างที่ทำกันเป็นปรกติในบ้านเรา เข้าข่าย "ทารุณกรรมเด็ก" ที่มากพอจะให้เจ้าหน้าที่รัฐตักเตือนพ่อแม่ มีการฟ้องร้องลงโทษ หรือนำเด็กให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลี้ยงแทนกันได้เลยทีเดียว
ซึ่งที่จริงไม่ต้องถึงขั้นระดับที่ว่านี้ก็สามารถพูดว่าไม่ใช่เซฟโซนได้ด้วยซ้ำ
แต่หลายคนกลับมองว่า แม้จะเป็นขั้นระดับที่ยกตัวอย่างนี้ การที่เด็กพูดว่าไม่ใช่เซฟโซน ก็เป็นการกระแดะแทนเสียอีก
(ส่วนล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ก็เพื่อยกตัวอย่างให้เห็นว่า ระดับที่ไม่ใช่เซฟโซนชัวร์ ๆ เด็กหลายคนยังหนีไปไหนไม่ได้เลย ดังนั้นจะบอกว่าเด็กต้องพึ่งพ่อแม่ เลยไม่ให้เรียกไม่ใช่เซฟโซน นั้นไม่ได้ อะนะ)
----
เรื่องชุดนี่ เห็นด้วยกับท่านอะนะ ถ้าเป็นตรง ๆ ตามที่เรายกตัวอย่างก็เถอะ
แต่พอดีเราไม่ได้หมายถึงแค่ที่เรายกตัวอย่างอย่างเดียว แต่หมายถึงทัศนคติที่ซ่อนอยู่หลังเรื่องการบังคับใส่ชุดนักเรียนด้วย
คือหลายคนอ้างว่า ที่ไม่ให้ใส่ไปรเวทไปโรงเรียน เพราะเดี๋ยวจะแข่งสวยแข่งหล่อกัน...
แต่นั่นมันหมายถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่พบปะเพื่อนด้วยไม่ใช่เหรอ ? ถ้ากลัวว่าไปโรงเรียนแล้วเป็นแบบนั้น มันย่อมเหมารวมถึงวันหยุดด้วยสิ
แล้วไม่ให้แต่งสวยแต่งหล่อ นี่่เป็นทัศนคติที่เป็นปัญหา ไม่ปล่อยให้ลูกได้คิดเป็นกันแล้ว
----
เรื่องเลี้ยงแบบรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เอาเข้าจริงตอนยุคร.5ฝรั่งมาเห็นก็ยังตกใจเลย ว่าจะเน้นให้ครูตีลูกตัวเองอะไรมากขนาดนั้นกัน เคยเห็นบทความจากเพจสารคดีอยู่
ซึ่งการสอนนี่ มันสามารถใช้วิธีที่ทำให้เด็กสุขกายสุขใจเพื่อให้เด็กรู้ผิดชอบชั่วดีได้
และหมอเด็ก จิตแพทย์เด็ก แนะนำให้ใช้วิธีนี้กันเสียด้วย
แต่เช่นกัน การลงโทษก็สามารถทำได้หากไม่เข้าข่ายทารุณกรรมเด็ก แต่วิธีเชิงบวกที่แนะนำจะดีกว่า ถึงแม้จะทำได้ยากกว่าก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การจะลงโทษเด็ก หรือกล่าวหาว่าเด็กผิด มันต้องเป็นเรื่องที่ผิดจริง ๆ เท่านั้น
บางเรื่องมันแค่ต่างมุมมอง แต่ไม่ได้ผิดด้วยตัวของมันเอง
หลายครั้งกฎที่ตั้งให้เด็กทำตามมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เมคเซนส์ มันจึงสำคัญที่จะให้เด็กเลือกที่จะเรียนรู้กับการตั้งคำถามและเปลี่ยนแปลงกฎให้เหมาะสมได้
ตั้งกฎระเบียบขึ้นมาแล้วบังคับให้เด็กทำตาม แต่กฎระเบียบที่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เมคเซนส์ มันคือปัญหามากกว่า
ซึ่งเด็กที่สมควรเป็นที่สุดคือ เด็กที่กล้าที่จะถามและเปลี่ยนกฎที่ไม่เมคเซนส์ แล้วเลือกปฏิบัติในสิ่งที่สมควรจะทำโดยแม้ไม่มีกฎบังคับ
เพียงแต่ มันก็แยกยากอยู่อะนะ ระหว่างเด็กแบบที่ว่า กับเด็กต่อต้านสังคมที่ต้านหมดทุกกฎ หรือเด็กที่ไม่แคร์อะไรเลยแม้สิ่งที่ควรทำ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นปัญหาคือ ผู้ใหญ่มักจะเหมารวมว่าเด็กทั้งสามแบบคือแค่เด็กที่ต่อต้านสังคมและคิดจะแหกหมดทุกกฎซะงั้น
ซึ่งเห็นได้ชัดจากเรื่องชุดเนี่ยแหละ ผู้ใหญ่หลายคนมองว่าพอให้ใส่ชุดไปรเวทได้ เด็กจะต้องแต่งตัวแบบเอ็กซ์ตรีมกันซะงั้น
@@psychophagex
(2)
เรื่องการเลี้ยงแบบฝรั่ง
จริง ๆ คนไทยเราเริ่มมาก็มีทัศนคติที่ไม่เหมือนฝรั่งตั้งแต่ต้นแล้วอะนะ
เพราะมีแนวโน้มที่พ่อแม่จะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชีวิตของลูก ลูกจะคบใคร เรียนอะไร ทำงานอะไร ตัดสินว่าควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้หมดทุกอย่าง
ส่วนความรับผิดชอบ หน้าที่ หรือสิทธิที่พึงมีอะไรพวกนี้ เอาจริง ๆ เด็กเรียนรู้จากการกระทำของผู้ใหญ่เองนั่นแหละ
หลายครั้งปากสอนอย่างนึง แต่การกระทำอย่างนึง เด็กก็มีแนวโน้มที่จะเลือกทำในทางที่สะดวกกับตัวเองมากกว่า
----
เรื่องนิติภาวะนี่ มันมีกำหนดทางกฎหมายอยู่นะ เพราะ "นิติ" แปลว่ากฎหมาย
อะไรที่กฎหมายไม่กล่าวถึง แปลว่าเด็กทำได้... ถ้ามันไม่ละเมิดใครร้ายแรงจนผิดกฎหมายอื่นอะนะ
----
ทั้งนี้ เอาเข้าจริง เมื่อเทียบกับประเทศเสรีนิยมแล้ว สิ่งที่เด็กไทยเราถูกมองว่าให้ทำได้มีน้อยกว่ามาก กลับกันสิ่งที่เด็กไทยถูกมองว่าไม่สมควรทำได้นั้นมีเยอะกว่ามาก
ดังนั้นเมื่อทำให้เด็กไทยเราทำสิ่งที่ประเทศเสรีนิยมมองว่าทำได้ แต่ประเทศเราก็จะมองว่าไม่ดี ไม่ควรทำ หรือเป็นความเห็นแก่ตัวของเด็กไปซะงั้น
แต่ก็นะ... ความเห็นแก่ตัวของเด็กมันก็มีจริง ๆ นั่นแหละ
เพียงแต่ หลายคนไม่ได้มองรายละเอียดหรือเจตนา ก็ด่วนสรุปไปว่าเห็นแก่ตัวไปแล้วก็มี
ซึ่งก็ไม่ใช่แค่เด็ก ผู้ใหญ่ที่โดนมองงี้ก็เช่นกัน เช่นสมัย 10 ปีที่แล้วขึ้นไป ใครมาบอกว่าจะยกเลิกเกณฑ์ทหาร จะโดนรุมถล่มว่าเห็นแก่ตัวต้องการหนีทหารในทันที แม้ว่าเขาจะมีเหตุผลที่ดีที่สมเหตุสมผลแค่ไหนก็ตาม
เราในตอนเด็กไม่เคยเข้าใจที่บ้านเลย จนพอมหาลัยก็พยายามเข้าใจให้มากขึ้นจนกระทั่งเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเป็นวัยทำงานถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ครอบครัวทำกับเราคือการไม่มีความรับผิดชอบในฐานะผู้ใหญ่ยิ่งโตยิ่งรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมกับเด็กมันโหดร้ายมากๆจนไม่อยากให้อภัย
สังคมเปลี่ยน ความคิดก็เปลี่ยน แต่คนบางคนยังไงก็ไม่เปลี่ยนจริงๆ
ความคิดเปลี่ยน คนเปลี่ยน สังคมก็เปลี่ยน คนที่ไม่เปลี่ยนอีโก้ล้วนๆ
ใช่โดยเฉพาะเรื่องการเลือกอาชีพนี่แหละ ไม่รู้เป็นอะไรถึงอยากให้เป็นหมอกันจัง😢
คลิปดีครับ
อยากให้ใส่ซับลงในคลิปด้วย บ้านเรารถวิ่งทั้งวัน เสียงเจี๊ยวจ๊าวเต็มไปหมด ฟังไม่ค่อยถนัดเลยว่าพูดว่าไงบ้าง 😅
เป็นกำลังใจให้ทำคอนเท้นท์ดีดีต่อไปนะคะ ❤
คือจริงหมดเลย เจอมากับตัว
ผู้ใหญ่ไม่เคยเป็นเซฟโซนให้แต่ตอนนี้กลับมาขอให้เราเป็นเซฟโซนเพื่อให้เขาสบายใจ ฟิลได้ตบหัวแล้วลูบหลังอยู่นะ
งั้นก็ไม่ต้องกลับไปเป็นเซฟโซนให้ผู้ใหญ่ก็ได้มั้งครับ ถ้าไม่สบายใจ เพราะยังไง ตัวเราก็น่าจะสำคัญที่สุด กว่าผู้ใหญ่เหล่านั้น ใช่ม่ะ?
เซฟไม่เซฟอยู่ที่ความคิด
@@เทพพยากรณ์-อ8ฟ อย่าโลกสวยครับ ดูที่สถานการณ์ด้วยครับ555
อยู่ๆน้ำตาก็ซึม😢
ในคนเจนเก่าๆ ประสบการณ์นั้นจำเป็นแต่มีบางสิ่งที่ควรปลับตามสภาพของสังคม
ส่วนคนเจนไหม่ๆ ต้องเข้าใจว่าประสบการณ์ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ และควรอยู่ร่วมกันด้วยความเกื้อกูลกัน
น่าสนใจเรื่องนี้
ชอบขายของตอนท้าย เพลงคือได้มาก
โอ้โหขายเก่งจริงๆเลยทำเหมือนกับช่องๆๆหนึ่งที่เขาทำโมเดลพระอิศวรพระเจ้าเบอร์ 1เลยพี่
เจ็บแต่จริง Gen Y ก็เช่นเดียวกันกับ Gen Z
ขอถามหน่อยครับคุณนวล การกดดันหรือมู่ลี่หรือด่าตัวเองเนี่ยมันผิดไหมครับเเละไม่ใช่กดดันธรรมดาเเต่เป็นการกดดันที่เหมื่อนคนรุ่นเก่ากดดันคนรุ่นใหม่นึกภาพออกใช่ไหมครับ
โอทูมาได้ไงเนี่ย
@@saverpred ก็เราติดตามเขาไงแล้วก็อีกอย่างเราก็ควรถามนายก่อน
ทำตัวเองหรือ ถ้าทำตัวเองก็ไม่ผิด
danger zone ทำผิดนิดหน่อยก็บ่นยาวถึง3-4ทุ่มบางวันก็เที้ยงคืน😢
ผมที่เป็นคนGen Z คุยกับผู้ใหญ่ช่วง Gen X (พ่อ-แม่ หรือครูแค่บางคน)แล้วเวลาจะอธิบายอะไรเขาไม่เข้าใจผมเลยอะ เขาหาว่าเถียงอย่างเดียว เวลาคุยด้วยเหตุผล ก็ไม่มีสิทธิ์ชนะเลยครับ เพราะ มักจะเอาเหตุผลที่ว่าเป็น พ่อ-แม่ ครูมา ตลอด พูดไปไม่มีทางชนะจนผมปลงแล้วครับ แถมครูมักมีกฎแปลกๆ อย่างเช่น ห้ามใส่hoodในห้องเรียน(แอร์หนาวมากๆนะ) หรือ ห้ามดื่มน้ำระหว่างคาบ แม้แต่บางที ออดดังแล้วแต่ว่าครูยังไม่เข้าห้องมาสอนเลย แล้วครูอยู่ข้างนอกห้องตรงทางเดิน ผมเดินไปหยิบหนังสือที่ล็อคเกอร์ก็ยังโดนว่าเลย ความคิดมันต่างกันมากๆครับ
ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ
ดูครึ่งแรกกำลังคิดจะเม้นว่า คลิปดีนะแต่มันสื่อสารทางเดียวรึเปล่าคือเด็กดูแล้วอิน แต่ผู้ใหญ่ดูแล้วคงเหมือนโดนเหน็บเบาๆ
แต่พอดูไปเรื่อยๆจนจบ เออ เก็ทละ เพราะคนทำตั้งใจจะสื่อสารกับกลุ่มtargetหลัก(เจนเด็ก)จริงๆ เมสเสจคือชัดเลยตอนท้าย สื่อให้รู้ว่าผู้ใหญ่ก็insecureเหมือนกันนะ ให้ปรับมุมมองและเปิดใจลองทำความเข้าใจเค้าให้มากขึ้น❤
ก็คงต้องทำให้พวกเด็กเจนนี้ดูแหละ
ไม่ใช่แค่ลดอะ ปล่อยมั่ง พอโดนตัดการ์ดแล้วล้ม มันเจ็บอะนะ (ระวัง ดิสนีย์ด้วยละ)
ผมอยู่กลางๆของแต่ละรุ่นยิ่งโครตสับสน ไม่ถึง 60 แต่ไม่ต่ำ20 หาที่เซฟไม่ได้แต่กำลังจะล้มละลายแล้วครับเนี่ยเฮ้อ 😥
สู้ๆ❤ครับ
ทุกเจนต้องการคนเข้าใจ คนเข้าใจคือเซฟโซน หาเซฟโซนให้คน gen yหน่อยค้าบ
ข้อ2เข้ากูเต็มๆเลย🤣🤣คนอื่นเขาเริ่มใช้เงินดิจิตอลกูยังใช้เงินสดอยู่เลยก็แบบว่ามันวางใจไม่ได้เพราะจับต้องไม่ได้แหละนะ😂😂
เคยได้ยิน แต่เพิ่งไปหาอ่านแบบจริงจังวันนี้ งั้นเราก็คงเป็นGen X ที่ผ่านสมรภูมิกับ BB มาทั้งชีวิต แถมหอบ Gen Z หนีด้วย ในเมื่อเขาไม่ฟังแต่เราก็มีทางของเรางั้นก็เจอกันเฉพาะเทศกาลเถอะ 55555
ตามาจากtiktiok
วิธีแก้ปัญหาแบบนี้กลายเป็นว่าเด็กรุ่นใหม่ที่ควรได้วันนี้ใช้ชีวิตในช่วงวัยอย่างมีความสุข ต้องมาแบกรับอะไรเกิดจำเป็น ทั้งที่ชีวิตตัวเองแทบจะเอาไม่รอดอยู่แล้ว
เจ็บปวดกับการทำดีไม่ได้ดี เอากำลังใจที่มีพลังอยู่ในตัวเราไปทำงาน ทุ่มกับการสอบดีกว่า😢
gen Y พร้อมเป็นกันชนร่วมกัน gen X
จริง
โฆษณาช๊อตฟิลมากค่ะ😔👉👈
แล้วเจน Y/Zอย่างเรานี่ควรอยู่ตรงไหนนะ 55555555
ก็ลองเรียนรู้ตาม Gen Z Alpha ไปก่อนแล้วกันนะ
ก็อยู่เชื่อมระหว่าง 2 รุ่นนี้ ถ่ายทอดสิ่งดีๆจากรุ่นก่อนๆ อันไหนไม่ดี ก็ไม่ต้องทำ สงสัยก็แต่ รุ่นใหม่ๆจะยอมให้สอนไหมนะ
@@psychophagex อยู่ที่ตัวคนเลย หัวรั้นก็มี คนพร้อมฟังก็มี
ก็อยู่กับตัวเองสิ ทำไมต้องเป็นแบบไหน
@@marketplacegurun4547จริง
ก็ว่าท้ายคริปเพลงคุ้นๆ อ๋อเพลง โอมจงรวย 555
😅
วันที่ง่ายที่สุดคือเมื่อวาน
พ่อผมติดเหล้า ทะเลาะกับแม่ ตบตี สุดท้ายรถชนตาย แม่มีผัวใหม่ เอาเงินไปพลาญจนล้มละลาย ชีวิตผมแย่มากไม่ได้เรียนหนังสือ แถมมาโดนแม่ที่เราไม่ได้รักรีดไถเงินอีก โคตรแย่ และครอบครัวอื่นๆก็เป็นครับ
สุดท้ายคือรุ่นใหญ่รวมหัวกันลากเอาไว้ เพราะมันมีอำนาจที่ทำได้
ลายเส้นของใครครับ
pasulol ครับ
Hi
ใหม่โคตรดี😊
ครอบครัวจะเป็นเชพโซนถ้าไม่โดนระบบศึกษาไทยครอบงำ ไม่งั้นต้องทะเลาะกันเรื่องเกรดคะแนนไม่รู้จบ การศึกษาไทยคือปีศาจของเด็ก วัยรุ่น ไทย😂
ไม่ใช้แมวกวัก😂 แต่เป็น🎉หมากวัก
1500 นี่ ทำพิธี วัดไหนครับบบ
หยอก ๆ ถึกกก หวยละเจอกัลลลล 😝😝
ผู้ใหญ่ก็อีโก้เยอะจัด ชอบใช้บ่อยมากวลีเด็ดสว. ชั้นอาบน้ำน้อนมาก่อน ชั้นฉลาดกว่ารู้เยอะกว่าเธอเพราะเกิดก่อน แต่ยังแยกเฟคนิวส์ไม่ออกเลย พอลูกหลานจะช่วยก็ไปไล่ ไปด่า บอกไม่ต้องมายุ่ง ส่วนลูกหลานก็อย่างชิล บอกไม่ให้ยุ่งก็คือไม่ยุ่งเลยจนแม่ตัวเองโดนหลอกโอนเงินซื้อกล่องสุ่มแต่ดีที่หมดไปแค่หมื่นเดียวไม่หมดมากไปกว่านี้ เรื่องช่องว่างระหว่างวัยเป็นอะไรที่หาทางไกล่เกลี่ยยากจริงๆ ถ้ารุ่นสว.กับรุ่นใหม่ยอมถอยคนละก้าวมันก็ดี แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ยอมถอยกันเพราะพอถอยปุ๊บก็จะโดนอีกฝ่ายถล่มยับทันที 😅
😚😚😚😚
พี่นวลลองทําpodcastมั้ยคะฟังเพลินมากเลย
wOw
1
นวลกวักมาด้วยหรอคลิปนี้?!
แม่ผมไม่เคยโดนหลอก😊
แม่ผมรู้ทันแก๊งค์คอลเซนเตอร์ตลอด
Make content using 48 rules of power by Robert Greene
แค่มาเม้น
เม้น28
เพ้อ
ส่วนใหญ่เห็นแต่ “รุ่นใหม่” แบมือขอตัง “รุ่นใหญ่” จบเมืองนอกกลับมา แรกๆก็ไฟแรงออกไปทำงานนอกบ้าน ผ่านไป 3ปี 5ปี กลับมาหาเตี่ยทุกราย 😆😆😆
ปกติคับเดี๋ยวพอรุ่นใหม่เป็นรุ่นใหญ่ก็ต้องโดนขอตัง
งานในฝันไม่ได้มีพอสำหรับทุกคน
ก็ไม่ใช่ทุกคน แล้วเหตุผลนี้ก็ไม่ได้ช่วยแย้งว่าปัญหารุ่นเก่าความคิดไม่ทันโลกมันหายไปยังไง นี้แระคือตัวอย่างของคนไม่เคยเรียนตรรกศาสตร์ ยกเหตุผลที่ไม่เกี่ยวมาประกอบแถมไม่ช่วยแย้งประเด็นหลักอีก สาเหตุของรุ่นเก่าที่ชอบแสดงเหตุผลกันประมาณนี้ก็น่าจะเพราะการศึกษาของคนรุ่นเก่าที่ไม่เคยมีสอนตรรกศาสตร์ด้วยละมั้ง เน้นแต่ค่านิยมคลั่งชาติ คลั่งประเพณีล้างสมองเกินไป ถ้าคิดว่าแสดงความคิดเห็นจบด้วยอีโมหัวเราะแล้วคิดว่าตัวเองถูก ก็สะท้อนแระล่ะว่าไม่มีตรรกศาสตร์พอในการใช้เหตุผลจริงๆ
แล้ววิชาตรรกศาสตร์ เขาก็ไม่ได้สอนเรื่องแนวคิด แต่สอนความจริงของตัวเลข
ประเด็น คือ ในชีวิตจริงคนที่ต้องปรับตัวส่วนใหญ่ไม่ใช่ “รุ่นใหญ่” หรอก “รุ่นใหม่” ที่บอกว่า “ทันโลก” นี่แหละ พอได้หาเงินเองซักพักเดี๋ยวก็เข้าใจว่า EGO มันกินไม่อิ่ม กลับบ้านมาทำตามวิธีเตี่ยชีวิตสบายกว่าเยอะ 😆😆😆
คลิปนี้ นวลหาย
หากินก็เครียดชิบหายแล้ว
ยังต้องมาเจอผู้อาวุโสในบ้านบอก
"สมัยกูน่ะนะ..."
จนบางทีไม่อยากไหว้อ่ะ
ชีวิตมันก็หลายเเบบเเหละครับอยู่ที่ตัวเราเเล้วเเหละ
เราไม่เคยรู้สึกว่ามีที่ไหนเป็นเซฟโซนเลย