Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
#สำหรับผู้ไม่สะดวกรับฟังด้วยเสียง#7สิ่งที่ไม่ควรประมาทในชีวิต1. ไม่ประมาทในเวลามีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า “วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่” อย่ ามัวเมาทำในสิ่งไร้สาระ เช่น เ ล่ น ไ พ่คุยโม้ ดูแฟชั่น ให้เร่งรีบทำงานให้เต็มที่แข่งกับเวลา เพราะเวลามีน้อย เมื่อกลืนกินชีวิตไปแล้วก็เรียกกลับคืนไม่ได้2. ไม่ประมาทในวัยมีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า อย่ าคิดว่าตัวยังเป็น เด็กอยู่ จึงเที่ยวเล่นเพลิดเพลินไปวันๆหนึ่ง เพราะถ้านับอายุตั้งแต่ชาติแรกๆ จนถึงบัดนี้ แต่ละคนต่างมีอายุคนละหลายกัปป์แล้ว3. ไม่ประมาทในความไม่มีโ ร คมีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า อย่ าคิดว่าเราจะแข็งแรงอยู่อย่ างนี้ตลอดไป ถ้าก ร ร มชั่วในอดีตตามมาทันอาจป่วยเป็นโ ร คไม่สบายเมื่อไรก็ได้ เพราะฉะนั้นในขณะที่สุขภาพยังดีอยู่นี้ ต้องรีบขวนขวายสร้างความดีให้เต็มที่4. ไม่ประมาทในชีวิตมีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า อย่ าคิดว่าเรายังมีชีวิตอยู่สุขสบายดี เราจะยังมีชีวิตอยู่อีกนาน เพราะจริงๆแล้วเราอาจจะต า ย เมื่อไรก็ได้ มัจจุราชไม่มีเครื่องหมายนำหน้าจึงเร่งรีบขวนขวายในการละความชั่ว สร้างความดีและทำจิตใจให้ผ่องใสอย่ างเต็มที่ ทุกรูปแบบ ทุกโอกาส5. ไม่ประมาทในการงานมีสติเตือนตนอยู่เสมอว่าจะทำงานทุกอย่ างที่มาถึงมือให้ดีที่สุด ทำอย่ างทุ่มเทไม่ออมมือทำงานไม่ให้คั่งค้าง ไม่ท้อถอย ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง6. ไม่ประมาทในการศึกษามีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า จะขวนขวายหาความรู้อย่ างเต็มที่ อะไรที่ควรอ่ า นควรท่องก็จะรีบอ่ า นรีบท่องโดยไม่แชเชือนตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการศึกษาหาความรู้ ซึ่งจะเป็นกุญแจไขปัญหาชีวิต7. ไม่ประมาทในการปฏิบัติธรรมมีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า จะปฏิบัติธรรมอย่ างสม่ำเสมอไม่ย่อท้อ โดยเริ่มตั้งแต่บัดนี้ ไม่ใช่รอจนแก่ค่อยเข้าวัดจะฟังเทศน์ก็หูตึงฟังไม่ถนัด จะนั่งสมาธิก็ปวดเมื่อยขัดยอกไปหมด ลุกก็โอย นั่งก็โอยเมื่อระลึกได้เช่นนี้จึงมีความเพียรใส่ใจในการปฏิบัติธรรม เพราะทราบดีว่าการปฏิบัติธรรมนั้นทำให้เกิดความสุขแก่ตนทั้งโลกนี้และโลกหน้า และเป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่ทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายอันสูงสุดแห่งชีวิต คือนิพพาน“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจะเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยงมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”
#นิทานชาดกปลุกมันขึ้นมาฆ่า (สัญชีวชาดก)ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ ปรารภการยกย่องอสัตบุรุษของพระเจ้าอชาตศัตรู ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ มีลูกศิษย์ประมาณ ๕๐๐ คน ในนั้นมีมานพคนหนึ่งชื่อ สัญชีวะ ได้เรียนมนต์ทำคนตายให้ฟื้นคืนมาได้แต่ไม่ได้เรียนมนต์สำหรับป้องกันวันหนึ่ง เขาเข้าไปหาฟืนกับเพื่อน เห็นเสือตายตัวหนึ่งนอนตายอยู่ ก็พูดกับเพื่อนๆ ว่า" เราจะทำเสือตายตัวนี้ ให้ฟื้นคืนมา พวกท่านจะเชื่อเราหรือไม่ "พวกเพื่อนๆไม่เชื่อและท้าว่า " ถ้าท่านมีความสามารถ ก็จงปลุกให้มันตื่นขึ้นมาเถิด "แล้วก็ต่างรีบปีนขึ้นต้นไม้ไปส่วนนายสัญชีวะ ร่ายมนต์แล้วขว้างเสือตายด้วยก้อนหิน ทันใดนั้นเอง เสือได้ลุกขึ้น กระโดดกัดที่ก้านคอของเขา ทำให้เขาเสียชีวิตล้มลงตรงนั้นเอง ทั้งคนและสัตว์นอนตายในที่เดียวกัน พวกมานพขนฟืนไปแล้ว บอกเรื่องนั้นแก่อาจารย์ อาจารย์จึงกล่าวคาถาว่า" ผู้ใดยกย่องและคบหาคนชั่วคนชั่วย่อมกระทำผู้นั้นแหละ ให้เป็นเหยื่อเหมือนเสือโคร่งที่สัญชีวมานพทำให้ฟื้นขึ้น แล้วทำเขานั้นแล ให้เป็นเหยื่อ "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การที่นิยมยกย่องคนไม่ดี ย่อมประสบความเดือดร้อน
#ใช้ความคิดให้มาก ใช้ปากให้น้อย น้อยคนนักที่จะทำได้คำว่า คิดก่อนพูด และ ลงมือทำให้มากกว่าคำพูดเป็นคำที่เราได้ยินกันมานาน แต่น้อยคนที่จะทำได้ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องที่ทำยากหรือลำบากแต่คนเรามักถนัดที่จะพูดมากโดยหารู้ไม่ว่าการพูดให้น้อย คิดให้มากทำให้เยอะ เป็นหนทางที่ดีกว่าเยอะธรรมชาติสร้างให้เรามี “สองหู” และ “หนึ่งปาก”เพื่อที่จะ “ฟัง” ให้มากกว่า “พูด” แต่คนส่วนใหญ่…กลับทำตรงกันข้าม คือ “เอาแต่พูดมาก” และ “ไม่ฟังใครเลย”ฟังให้มากบางคนพูดเยอะ พูดไปแล้วก็ทำไม่ได้อย่างที่พูดหรือมัวแต่พูดจนลืมที่ฟัง เพราะ เมื่อพูดมากสมาธิ จะลดน้อยลง และเมื่อไม่มีสมาธิโอกาสในการที่จะขาดสติสัมปชัญญะก็จะมีมากขึ้นเพราะฉะนั้นเราไม่ควรพูดเยอะ หรือพูดมากควรพูดแต่เรื่องที่ดี ที่จะนำประโยชน์มาให้ตนเองจะดีกว่าอย่าเอาแต่พูดเพราะอารมณ์ทางที่ดีหันมาฝึกตัวเองให้เป็นคนพูดน้อยลงและ รับฟังให้มากขึ้นจะดีกว่าเพราะการฟังทำให้มีสติ มีสมาธิกับเรื่องที่ฟังคนเราจึงควรฟังให้มากกว่าพูด เพราะถ้ามัวแต่พูดก็หมดโอกาสที่จะฟัง อย่าลืมว่าการฟัง สร้างความสำเร็จได้ดีกว่าการพูด และ คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ก็จะฟังมากกว่าพูดเพราะการฟังทำให้เกิดความคิดและปัญญาสามารถนำเรื่องที่ฟังไปต่อยอดได้หลากหลายพูดให้น้อย และ ต้องใช้สมองคิดก่อนจะพูด
“คิดก่อนพูด” เป็นประโยคทองที่ทุกคนต้องเคยได้ยินแต่น้อยคนที่จะทำได้ บางคนนึกอยากจะพูดก็พูดไม่เคยคิดว่าคำพูด ที่ออกจากปากนั้นจะส่งผลอะไรบ้าง แต่นอกจาก “คิดก่อนพูด” แล้วเราต้องคิดให้มากด้วย ไตร่ตรองให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกไปเพราะพูดไปแล้วเอาคำพูดกลับคืนมาไม่ได้คิดให้มากในที่นี้ หมายถึง การคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลละเอียดรอบคอบ คำนึงผลที่จะตามมาแต่ไม่ใช่การใช้เวลาคิดนาน ๆ เพราะบางครั้งการใช้เวลามากๆก็ใช่ว่าจะดี แค่มีสมาธิอยู่กับความคิดให้มากที่สุดตริตรองให้ดี ใช้สติและปัญญาอย่างรอบคอบความคิดดีๆ ก็จะออกมาเองทำให้เยอะ“พูด” “คิด” แต่ “ไม่ทำ” ก็ไม่มีประโยชน์เหมือนอย่างที่พี่ตูนบอก “ผมชอบทำมากกว่าพูด”ซึ่งคนที่ทำมากกว่าพูดมักจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นเสมอเพราะเขาเหล่านั้นไม่ต้องเสียเวลาเปลืองแรงที่จะพูดตอบโต้กับใครหรืออะไรพอใช้ความคิดที่ผ่านการตริตรองมาเป็นอย่างดีแล้วก็ลงมือทำได้ทันทีพอไม่ “พูด” มากก็ ทำให้ “ทำ” ได้เยอะ และพอทำได้เยอะเราก็ทำให้เห็นผลมากด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลยใครที่ลดการพูด เปลี่ยนมาคิดและทำแทนก็มักจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นเสมอบางคนคิดว่าการพูดให้น้อย คิดให้มาก ทำให้เยอะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้ยากอะไรแต่ธรรมชาติของคนเรามักไม่เป็นอย่างนั้นคนส่วนใหญ่จะพูดเยอะ คิดน้อย และไม่ทำเลยมากกว่าเพราะฉะนั้นถ้าอยากเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นประสบความสำเร็จมากขึ้น ก็ต้องพูดให้น้อยคิดให้มาก ทำให้เยอะเสียก่อน#ขอให้ได้พิจารณาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยภูมิธรรม คุณพระรักษาเทวดาคุ้มครอง ขอให้มีความเจริญในธรรม ทุกท่าน ทุกคนครับ
สวัสดีมีสุขยามดึกค่ะคุณอานนท์.กรบ🙏🙏🙏อนุโมทามิ.🪴🪴🪴
เจริญในธรรม สาธุๆๆค่ะท่านอานนท์🌿🌹🙏🙏🙏🌹🌿
สวัสดีค่ะ คุณอานนท์ เล่าเรื่องค่ะขอขอบคุณข้อคิดคติธรรมค่ะ สาธุนะค่ะ 🙏
#สำหรับผู้ไม่สะดวกรับฟังด้วยเสียง
#7สิ่งที่ไม่ควรประมาทในชีวิต
1. ไม่ประมาทในเวลา
มีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า “วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่” อย่ ามัวเมาทำในสิ่งไร้สาระ เช่น เ ล่ น ไ พ่
คุยโม้ ดูแฟชั่น ให้เร่งรีบทำงานให้เต็มที่แข่งกับเวลา เพราะเวลามีน้อย เมื่อกลืนกินชีวิตไปแล้วก็เรียกกลับคืนไม่ได้
2. ไม่ประมาทในวัย
มีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า อย่ าคิดว่าตัวยังเป็น เด็กอยู่ จึงเที่ยวเล่นเพลิดเพลินไปวันๆ
หนึ่ง เพราะถ้านับอายุตั้งแต่ชาติแรกๆ จนถึงบัดนี้ แต่ละคนต่างมีอายุคนละหลายกัปป์แล้ว
3. ไม่ประมาทในความไม่มีโ ร ค
มีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า อย่ าคิดว่าเราจะแข็งแรงอยู่อย่ างนี้ตลอดไป ถ้าก ร ร มชั่วในอดีตตามมาทันอาจป่วยเป็นโ ร ค
ไม่สบายเมื่อไรก็ได้ เพราะฉะนั้นในขณะที่สุขภาพยังดีอยู่นี้ ต้องรีบขวนขวายสร้างความดีให้เต็มที่
4. ไม่ประมาทในชีวิต
มีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า อย่ าคิดว่าเรายังมีชีวิตอยู่สุขสบายดี เราจะยังมีชีวิตอยู่อีกนาน เพราะจริงๆ
แล้วเราอาจจะต า ย เมื่อไรก็ได้ มัจจุราชไม่มีเครื่องหมายนำหน้า
จึงเร่งรีบขวนขวายในการละความชั่ว สร้างความดีและทำจิตใจให้ผ่องใสอย่ างเต็มที่ ทุกรูปแบบ ทุกโอกาส
5. ไม่ประมาทในการงาน
มีสติเตือนตนอยู่เสมอว่าจะทำงานทุกอย่ างที่มาถึงมือให้ดีที่สุด ทำอย่ างทุ่มเทไม่ออมมือ
ทำงานไม่ให้คั่งค้าง ไม่ท้อถอย ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
6. ไม่ประมาทในการศึกษา
มีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า จะขวนขวายหาความรู้อย่ างเต็มที่ อะไรที่ควรอ่ า นควรท่องก็จะรีบอ่ า นรีบท่องโดยไม่แชเชือน
ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการศึกษาหาความรู้ ซึ่งจะเป็นกุญแจไขปัญหาชีวิต
7. ไม่ประมาทในการปฏิบัติธรรม
มีสติเตือนตนอยู่เสมอว่า จะปฏิบัติธรรมอย่ างสม่ำเสมอไม่ย่อท้อ โดยเริ่มตั้งแต่บัดนี้ ไม่ใช่รอจนแก่ค่อยเข้าวัด
จะฟังเทศน์ก็หูตึงฟังไม่ถนัด จะนั่งสมาธิก็ปวดเมื่อยขัดยอกไปหมด ลุกก็โอย นั่งก็โอย
เมื่อระลึกได้เช่นนี้จึงมีความเพียรใส่ใจในการปฏิบัติธรรม เพราะทราบดีว่าการปฏิบัติธรรมนั้น
ทำให้เกิดความสุขแก่ตนทั้งโลกนี้และโลกหน้า และเป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่ทำ
ให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายอันสูงสุดแห่งชีวิต คือนิพพาน
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจะเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง
มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”
#นิทานชาดกปลุกมันขึ้นมาฆ่า (สัญชีวชาดก)
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ ปรารภการยกย่องอสัตบุรุษของพระเจ้าอชาตศัตรู ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ มีลูกศิษย์ประมาณ ๕๐๐ คน ในนั้นมีมานพคนหนึ่งชื่อ สัญชีวะ ได้เรียนมนต์ทำคนตายให้ฟื้นคืนมาได้แต่ไม่ได้เรียนมนต์สำหรับป้องกัน
วันหนึ่ง เขาเข้าไปหาฟืนกับเพื่อน เห็นเสือตายตัวหนึ่งนอนตายอยู่ ก็พูดกับเพื่อนๆ ว่า
" เราจะทำเสือตายตัวนี้ ให้ฟื้นคืนมา พวกท่านจะเชื่อเราหรือไม่ "
พวกเพื่อนๆไม่เชื่อและท้าว่า " ถ้าท่านมีความสามารถ ก็จงปลุกให้มันตื่นขึ้นมาเถิด "
แล้วก็ต่างรีบปีนขึ้นต้นไม้ไป
ส่วนนายสัญชีวะ ร่ายมนต์แล้วขว้างเสือตายด้วยก้อนหิน ทันใดนั้นเอง เสือได้ลุกขึ้น กระโดดกัดที่ก้านคอของเขา ทำให้เขาเสียชีวิตล้มลงตรงนั้นเอง ทั้งคนและสัตว์นอนตายในที่เดียวกัน พวกมานพขนฟืนไปแล้ว บอกเรื่องนั้นแก่อาจารย์ อาจารย์จึงกล่าวคาถาว่า
" ผู้ใดยกย่องและคบหาคนชั่ว
คนชั่วย่อมกระทำผู้นั้นแหละ ให้เป็นเหยื่อ
เหมือนเสือโคร่งที่สัญชีวมานพทำให้ฟื้นขึ้น แล้วทำเขานั้นแล ให้เป็นเหยื่อ "
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การที่นิยมยกย่องคนไม่ดี ย่อมประสบความเดือดร้อน
#ใช้ความคิดให้มาก ใช้ปากให้น้อย น้อยคนนักที่จะทำได้
คำว่า คิดก่อนพูด และ ลงมือทำให้มากกว่าคำพูด
เป็นคำที่เราได้ยินกันมานาน แต่น้อยคนที่จะทำได้
ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องที่ทำยากหรือลำบาก
แต่คนเรามักถนัดที่จะพูดมาก
โดยหารู้ไม่ว่าการพูดให้น้อย คิดให้มาก
ทำให้เยอะ เป็นหนทางที่ดีกว่าเยอะ
ธรรมชาติสร้างให้เรามี “สองหู” และ “หนึ่งปาก”
เพื่อที่จะ “ฟัง” ให้มากกว่า “พูด” แต่คนส่วนใหญ่…
กลับทำตรงกันข้าม คือ “เอาแต่พูดมาก” และ “ไม่ฟังใครเลย”
ฟังให้มาก
บางคนพูดเยอะ พูดไปแล้วก็ทำไม่ได้อย่างที่พูด
หรือมัวแต่พูดจนลืมที่ฟัง เพราะ เมื่อพูดมาก
สมาธิ จะลดน้อยลง และเมื่อไม่มีสมาธิ
โอกาสในการที่จะขาดสติสัมปชัญญะก็จะมีมากขึ้น
เพราะฉะนั้นเราไม่ควรพูดเยอะ หรือพูดมาก
ควรพูดแต่เรื่องที่ดี ที่จะนำประโยชน์มาให้ตนเองจะดีกว่า
อย่าเอาแต่พูดเพราะอารมณ์
ทางที่ดีหันมาฝึกตัวเองให้เป็นคนพูดน้อยลง
และ รับฟังให้มากขึ้นจะดีกว่า
เพราะการฟังทำให้มีสติ มีสมาธิกับเรื่องที่ฟัง
คนเราจึงควรฟังให้มากกว่าพูด เพราะถ้ามัวแต่พูด
ก็หมดโอกาสที่จะฟัง อย่าลืมว่าการฟัง สร้างความสำเร็จ
ได้ดีกว่าการพูด และ คนที่ประสบความสำเร็จ
ส่วนใหญ่ก็จะฟังมากกว่าพูด
เพราะการฟังทำให้เกิดความคิดและปัญญา
สามารถนำเรื่องที่ฟังไปต่อยอดได้หลากหลาย
พูดให้น้อย และ ต้องใช้สมองคิดก่อนจะพูด
“คิดก่อนพูด” เป็นประโยคทองที่ทุกคนต้องเคยได้ยิน
แต่น้อยคนที่จะทำได้ บางคนนึกอยากจะพูดก็พูด
ไม่เคยคิดว่าคำพูด ที่ออกจากปากนั้น
จะส่งผลอะไรบ้าง แต่นอกจาก “คิดก่อนพูด” แล้ว
เราต้องคิดให้มากด้วย ไตร่ตรองให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกไป
เพราะพูดไปแล้วเอาคำพูดกลับคืนมาไม่ได้
คิดให้มากในที่นี้ หมายถึง การคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ละเอียดรอบคอบ คำนึงผลที่จะตามมา
แต่ไม่ใช่การใช้เวลาคิดนาน ๆ เพราะบางครั้งการใช้เวลามากๆ
ก็ใช่ว่าจะดี แค่มีสมาธิอยู่กับความคิดให้มากที่สุด
ตริตรองให้ดี ใช้สติและปัญญาอย่างรอบคอบ
ความคิดดีๆ ก็จะออกมาเอง
ทำให้เยอะ
“พูด” “คิด” แต่ “ไม่ทำ” ก็ไม่มีประโยชน์
เหมือนอย่างที่พี่ตูนบอก “ผมชอบทำมากกว่าพูด”
ซึ่งคนที่ทำมากกว่าพูดมักจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นเสมอ
เพราะเขาเหล่านั้นไม่ต้องเสียเวลา
เปลืองแรงที่จะพูดตอบโต้กับใครหรืออะไร
พอใช้ความคิดที่ผ่านการตริตรองมาเป็นอย่างดีแล้ว
ก็ลงมือทำได้ทันที
พอไม่ “พูด” มากก็ ทำให้ “ทำ” ได้เยอะ และพอทำได้เยอะ
เราก็ทำให้เห็นผลมากด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
ใครที่ลดการพูด เปลี่ยนมาคิดและทำแทน
ก็มักจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นเสมอ
บางคนคิดว่าการพูดให้น้อย คิดให้มาก ทำให้เยอะ
เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้ยากอะไร
แต่ธรรมชาติของคนเรามักไม่เป็นอย่างนั้น
คนส่วนใหญ่จะพูดเยอะ คิดน้อย และไม่ทำเลยมากกว่า
เพราะฉะนั้นถ้าอยากเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น
ประสบความสำเร็จมากขึ้น ก็ต้องพูดให้น้อย
คิดให้มาก ทำให้เยอะเสียก่อน
#ขอให้ได้พิจารณาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยภูมิธรรม คุณพระรักษาเทวดาคุ้มครอง ขอให้มีความเจริญในธรรม ทุกท่าน ทุกคนครับ
สวัสดีมีสุขยามดึกค่ะคุณอานนท์.กรบ🙏🙏🙏อนุโมทามิ.🪴🪴🪴
เจริญในธรรม สาธุๆๆค่ะท่านอานนท์
🌿🌹🙏🙏🙏🌹🌿
สวัสดีค่ะ คุณอานนท์ เล่าเรื่องค่ะ
ขอขอบคุณข้อคิดคติธรรมค่ะ สาธุนะค่ะ 🙏