Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
ง่วง,รู้ทันว่าง่วง,กลับมาที่ฐานกายแล้วยังไงต่อค่ะ/ความง่วงยังมีอยู่
ตอนที่เราตามรู้ตามดูจิตที่ไหลออกไปนั้นเราไม่ได้ทำเพื่อทำลายความง่วงครับ แต่ทำเพื่อให้ รู้ทันจิตที่หลงไหลหรือเพ่งออกไปจากฐานแล้วหมันกลับมาที่ฐานให้บ่อยจนจิตจำอารมณ์ได้ เราฝึกจิตให้วางอารมณ์ด้วยการรู้ทันจิตที่ไหลออกไป แล้วกลับมาที่ฐานให้บ่อยด้วยความเพียรแล้วเลยเป็นเหตุทำให้จิตนั้นตื่นตั้งมั่นอยุัที่ฐาน มีกำลังตั้งมั่นแยกออกจากความง่วง เมื่อจิตตั้งมั่นแยกออกจากความง่วงแล้วจิตจะมีกำลังของสมาธิเรียกว่าสัมมาสมาธิ จะเห็นความง่วงเกิดขึ้นตั้งอยู่บีบคั้น บังตับไม่ได้ ง่วงอาจจะไม่ดับ แต่จิตมีกำลังพอที่จะสามารถเดินปัญญาท่ามกลางความง่วง แล้วเห็นใจที่มีปฏิกิริยาต่อความง่วง ต่อทุกข์ที่มาจากความง่วงได้แล้วต่อไปเมื่อจิตมีกำลังสว่างไสวขึ้นมาความง่วงจะทำลายตัวมันเองและหายไป ทำให้จิตสามารถที่จะสลัดวางความทุกข์ที่มาจากความง่วงและสว่างขึ้นมาต่อไปจิตจะเป็นกลางกับความง่วง และเป็นกลางกับขันธิทั้งหมด หากใช้วิธีนี้ปฏิบัติร่วมกับทุกๆอารมณ์ที่เกิดและไม่ดับ หรือยังคับไม่ได้ครับที่สำคัญที่เราฝึกไม่ได้ฝึกเพื่อทำลายความง่วงหรือทำลาย ควบคุมขันธื แต่เราฝึกเพื่อมีสติสมาธิและปัญญา เพื่อเรียนรู้ขันธตามความเป็นจริง แล้วต่อไปจิตเองจะเป็นตัววางทุกข์ที่มาจากความง่วงและจะเข้มแข็งและง่วง และทุกข์จะไม่เข้ามาบีบคั้นใจเราครับลองทำดูนะครับจะได้มีวิธีบริหารจัดการจิตให้อยู่กับทุกข์ที่รายล้อมเราได้ อนุโมทนาสาธุครับ
@@AjarnWillieขอบคุณค่ะ สาธุๆๆ
@@AjarnWillieความง่วง เป็นรูปหรือนามครับ ผมสงสัยว่าเราง่วงเพราะร่างกายต้องการพักผ่อน "ง่วง" จึงเป็นรูป เราไม่ได้ง่วงเพราะความอยากหรือไม่อยากง่วง ได้ยินว่าเขาเถียงกันมาแต่โบราณแล้ว ผมยังไม่เข้าใจ
🙏😇 เป็นการบรรยายธรรม ที่เข้าใจง่ายและกระจ่างแจ้ง มากคะ ขอขอบคุณและอนุโมทนาสาธุบุญ กับอาจารย์ผู้บรรยาย ด้วยนะคะ สาธุๆๆคะ
สาธุๆเป็นความโชคดีที่ได้ฟังค่ะ
ขอน้อมกราบสาธุๆเจ้าค่ะ
Clip นี้ดีมากๆคะอาจารย์. ฟังทุกวันแล้วทำสมาธิไปด้วย. เหมือนได้เรียนสิ่งใหม่ๆทุกวันคะ. กราบขอบพระคุณอาจารย์ อนุโมทนาสาธุคะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ สาธุค่ะ
รูปนามคืออุปาทานแห่งจิต.แห่งอัตตา.(อุปปาธัมยะมิโน_อุปปัชชิตะวานิรุชชันติเตสังวูปสโมสุขโข)ิ_อนิจจังทุกข์ขังอนัตตา.ความไม่เที่ยงความไม่จีรังความไม่มีตัวตน.
ขอบคุณมากๆค่ะ ขอบคุณ สาธุ
สาธุสาธสาธุ
สาธุค่ะ❤
❤สาธุ❤
น้อมกราบสาธุในธรรมะเพื่อการละอวิชชาค่ะ
กราบสาธุค่ะ
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง เจ้าค่ะ
อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุ
กราบอนุโมทนาสาธุคะ
ชัดเจน ละเอียดละออน้อมกราบสาธุ
อนุโมทนาบุญ..ท่านผู้เจริญ.. ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป..ในทุกวิถีจิต..และภวังคจิต..* สาธุ .สาธุ..*
คำสอนของอาจารย์ empowering มากค่ะ สาธุ
กราบนอบน้อมพระธรรมด้วยเศียรเกล้าบุญที่ยังได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์กราบอนุโมทนาสาธุ
อนุโมทนาสาธุครับ
❤🙏
อนุโมทนาสาธุในธรรมนิยาม
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ ในธรรม คำ สอน กรรมฐาน ดี มากๆ เจ้าค่ะสาธุ
น้อมกราบนมัสการพระคุณเจ้าและโอวาทธรรม ด้วยความเคารพยิ่ง สาธุ สาธุ สาธุ
กราบสาธุธรรมค่ะอาจารย์ ขอเรียนถามอาจารย์ว่าอาจารย์มีจัดคอร์สปฏิบัติไหมคะ รบกวนท่านอาจารย์ตอบให้หน่อยนะคะกราบขอบพระคุณค่ะ
มีคอร์สออนไลน์ ข้อมูลตามด้านล่างค่ะ ตอนนี้เปิดรับสมัครคอร์สที่ศูนย์ฟลอริดา อเมริกาค่ะ ส่วนคอร์สที่ศูนย์เพชรบุรีตอนนี้เต็มหมดแล้วค่ะ ลงประกาศรับสมัครคอร์สช่วงเดือน สค-กย อีกทีนะคะคอร์สเนกขัมมะไฮบริด เดือนมิถุนายน 2567เปิดรับสมัครแล้ว!!! 😇สอบถามกันเข้ามามาก สำหรับคอร์สเนกขัมมะแบบไฮบริด ทั้งรูปแบบออนไลน์ หรือ ปฏิบัติร่วมกันที่ศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 15-19 มิถุนายน 2567 ฟรี! ขอเรียนเชิญญาติธรรมร่วมถือศีลแปด ฝึกการภาวนาในรูปแบบและเรียนรู้ธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า บรรยายธรรมโดย อาจารย์ วิลลี่ พุฒซ้อน  📆 Date: 15-19 มิถุนายน 2567 (ปฐมนิเทศ 14 มิถุนายน 2567) ท่านสามารถเข้าร่วมได้ 2 รูปแบบ 1) 🧘🏻 มาปฏิบัติด้วยตัวเองที่ศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี และเข้าชมการบรรยายธรรมผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ร่วมกัน (รับเฉพาะท่านที่เคยเข้าคอร์สที่ศูนย์เพชรบุรี) หรือ 2) 👩💻 เข้าร่วมแบบออนไลน์ มีการบรรยายธรรมผ่านเฟสบุ้คไลฟ์ และถือศีลแปด รวมถึงปฏิบัติภาวนาที่บ้านในเวลาของท่าน สมัครฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดคอร์ส กรอกใบสมัครที่ tinyurl.com/bd3jnca3💬 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่Facebook facebook.com/trisikkhapetchaburi LINE @trisikkha (มีเครื่องหมาย @)
@@TrisikkhaMeditationCenter ขอบพระคุณค่ะ
สาธุในธรรมเจ้าค่ะ🙏
น้อมกราบสาธุในธรรม กัมฐานอันละเอียดบทนี้ด้วยค่ะ
อนุโมทนา สาธุในธรรมครับ
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุค่ะ
สักว่านามรูป อ.อริยเจ้า
สาธุ.เป็นเช่นนั้นครับ
สาธุสาธุสาธุ เจ้าค่ะ
สาธุคะ
😊
สิ่งที่เรียนไม่เรียน
ขอน้อมกราบสาธุในพระธรรมคำสอนอันประเสริฐยิ่งเจ้าค่า❤❤❤
ที่ว่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี.. ความหมายคืออย่างไรครับ .....แล้วในพระไตรปิฎก ระบุไว้ว่าอย่างไรครับ และ ภาษาบาลี ว่าไว้อย่างไรครับ.. ขอขอบพระคุณ ครับ.
อนุโมทนากับคำถาม และสนใจในธรรมบรรยายครับ เมื่อเราฝึกจิตให้ตื่นตั้งมั่นเป็นผู้ดูผู้รู้โดยใช้กำลังของสัมมาสมาธิอันประกอบด้วยสัมมายามะสัมมาสติและสัมมาสมาธิเป็นเหตุให้จิตนั้นแยกออกจากรูปและนามเป็นผู้ดูผู้รู้ เมื่อจิตนั้นเป็นผู้ดูผู้รู้เลยไปเห็นสภาวะตามความเป็นจริง โดยจะมีผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ คืออารมณ์รูปและอารมณ์นาม ซึ่งในขณะนั้นจะเห็นอนัตลักขณะ ซึ่งจะพออธิบายได้ดังนี้อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตา, ลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นของมิใช่ตัวตน โดยอรรถต่างๆ ๑. เป็นของสูญ คือ เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ ๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง ๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ ๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่หรือเป็นตามธรรมดาของมัน เช่น ธรรมที่เป็นสังขตะ คือสังขาร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไม่มีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่กับสิ่งอื่นๆ ๕. โดยสภาวะของมันเอง ก็แย้งหรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา;ซึ่งขณะนั้นจิตจะวางสมมติหรือบัญญัติทั้งหลายเข้าสู่ระดับการเห็นในปรมัตรอารมณ์ จะมีแต่ผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ ส่วนในเรื่องของภาษาบาลีนั้นต้องขอขมาด้วย เพราะผู้สอนไม่ได้มีความชำนาญในเรื่องการเรียนภาษาบาลี แต่ได้ศึกษาอภิธรรมมาครับ และได้ลงมือปฏิบัติกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาจึงจะเน้นไปที่สภาวะธรรมและหลักของการฝึกจิตที่เข้าทางสายกลาง โดยใช้อภิธรรมรองรับครับผมอนุโมทนาครับ
@@AjarnWillie ที่ว่า เป็นรูป กับ นาม หมายความว่า รูปที่เป็นคนผู้ชาย คนผู้หญิง เป็นพระ เป็นสัตว์ เป็นรถ เป็น้ก้าอี้ มีอยู่จริงหรือไม่ครับ..
เมื่อเราฝึกจิตให้ตื่นตั้งมั่นแยกออกออกจากอารมณ์เป็นผู้ดูผู้รู้แล้ว หลักของการแยกรูปแยกนามก็มีด้วยกันหกภูมิด้วยกัน อาจดูเป็นขันห้า อายแตะ ปฏิจสมุปบาท อริยสัจสี่ ธาตุ18 ก็ได้ทั้งหมดคือการ ฝึกให้จิตตื่นและแยกออกมาเห็นตัวเราเอาเป็นรูปนามตามแต่จริตของแต่ละคนครับเมื่อเราแยกแล้วก็เป็นแค่รูปและนามไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์ ไม่มีผู้ชายผู้หญิงไม่มีชื่อเรียกไม่มีสมมุติเป็นแค่แค่รูปและนามเป็นแค่สภาพทำไม่มีผู้ชายผู้หญิงไม่มีชื่อเรียกไม่มีสมมุติเป็นแค่แค่รูปและนามเป็นแค่สภาพธรรมเกิดขึ้นเช่นเมื่อมีการเห็นเกิดขึ้น สภาพธรรมขณะเห็นไม่มีคนไม่มีสัตว์มีแค่ตายเห็นรูปจิตอธิษฐานแยกออกเป็นผู้ดูเวลาเบื่อเกิดขึ้นไม่มีคนไม่มีสัตว์มีแต่สภาวะของความเบื่อเกิดขึ้นทางใจจิตเป็นคนรู้การฝึกแยกออกจากตัวเราออกเป็นขันเป็นธรตตอนนั้นจิตจะขึ้นสู่สภาวะของปรมัตอารมณ์ แล้วจะเห็นแยกออกมาเป็นแค่รูปประนามครับอนุโมทนา
มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ครับ แล้วอะไรเป็นตัวบอกว่ามีหรือไม่มี
@@ธานีเหมือนนุช สิ่งที่มีอยู่จริง เห็นอยู่ว่ามี จับต้องได้ เราจะปฏิเสธหรือไม่ ว่า สิ่งนั้นไม่มี.. เช่น ผู้ชายมี ผู้หญิงมี.. ถ้าไม่มี พระก็จับผู้หญิงได้.. สัตว์ ไม่มี ฆ่าสัตว์ ก็ไมาบาป.. พระไม่มี เอาของไปถวายพระ ก็ไม่ได้บุญ..... ความเห็นเหล่านี้ ถือว่าเป็น ทิฐิ วิปลาส... ไปปฏิเสธ สิ่งที่มีอยู่จริง ทั้งที่ ผลจากการเกิดสิ่งนั้น ก็มีอยู่จริง.. เช่น เสียงนกร้อง มาจากการเกิดมีของตัวนก ..... พระพุทธเจ้า และ พระอรหันต์ ทั้งหลาย ท่านยอมรับในการมี ของสิ่งนั้น ๆ ไม่ได้ไปคัดค้าน ว่าไม่มี เพียงท่าน ไม่ไปยึดติด ไปยินดี ยินร้าย นั่นเอง.... พุทธกิจ ทำไมต้องดูว่าจะไปโปรดใคร.... ออกจากนิโรธสมาบัติ ทำไมต้องเลือกบุคคล.... จะแผ่เมตตา เพื่ออะไร อุทิศส่วนกุศล ทำไม... ขอให้พิจารณา สิ่งเหล่านี้ ....
ที่ว่ากลับมาที่ฐาน หมายถึงฐานกายเหรอคะ
น้อมกราบสาธุธรรม และอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
กราบสาธูๆคะ
สาธุครับ
สาธุอาจารย์แสดงธรรมไดัพิศดารเขัาใจง่าย
ง่วง,รู้ทันว่าง่วง,กลับมาที่ฐานกายแล้วยังไงต่อค่ะ/ความง่วงยังมีอยู่
ตอนที่เราตามรู้ตามดูจิตที่ไหลออกไปนั้นเราไม่ได้ทำเพื่อทำลายความง่วงครับ แต่ทำเพื่อให้ รู้ทันจิตที่หลงไหลหรือเพ่งออกไปจากฐานแล้วหมันกลับมาที่ฐานให้บ่อยจนจิตจำอารมณ์ได้ เราฝึกจิตให้วางอารมณ์ด้วยการรู้ทันจิตที่ไหลออกไป แล้วกลับมาที่ฐานให้บ่อยด้วยความเพียรแล้วเลยเป็นเหตุทำให้จิตนั้นตื่นตั้งมั่นอยุัที่ฐาน มีกำลังตั้งมั่นแยกออกจากความง่วง เมื่อจิตตั้งมั่นแยกออกจากความง่วงแล้วจิตจะมีกำลังของสมาธิเรียกว่าสัมมาสมาธิ จะเห็นความง่วงเกิดขึ้นตั้งอยู่บีบคั้น บังตับไม่ได้ ง่วงอาจจะไม่ดับ แต่จิตมีกำลังพอที่จะสามารถเดินปัญญาท่ามกลางความง่วง แล้วเห็นใจที่มีปฏิกิริยาต่อความง่วง ต่อทุกข์ที่มาจากความง่วงได้แล้วต่อไปเมื่อจิตมีกำลังสว่างไสวขึ้นมาความง่วงจะทำลายตัวมันเองและหายไป ทำให้จิตสามารถที่จะสลัดวางความทุกข์ที่มาจากความง่วงและสว่างขึ้นมาต่อไปจิตจะเป็นกลางกับความง่วง และเป็นกลางกับขันธิทั้งหมด หากใช้วิธีนี้ปฏิบัติร่วมกับทุกๆอารมณ์ที่เกิดและไม่ดับ หรือยังคับไม่ได้ครับ
ที่สำคัญที่เราฝึกไม่ได้ฝึกเพื่อทำลายความง่วงหรือทำลาย ควบคุมขันธื แต่เราฝึกเพื่อมีสติสมาธิและปัญญา เพื่อเรียนรู้ขันธตามความเป็นจริง แล้วต่อไปจิตเองจะเป็นตัววางทุกข์ที่มาจากความง่วงและจะเข้มแข็งและง่วง และทุกข์จะไม่เข้ามาบีบคั้นใจเราครับ
ลองทำดูนะครับจะได้มีวิธีบริหารจัดการจิตให้อยู่กับทุกข์ที่รายล้อมเราได้
อนุโมทนาสาธุครับ
@@AjarnWillieขอบคุณค่ะ สาธุๆๆ
@@AjarnWillieความง่วง เป็นรูปหรือนามครับ ผมสงสัยว่าเราง่วงเพราะร่างกายต้องการพักผ่อน "ง่วง" จึงเป็นรูป เราไม่ได้ง่วงเพราะความอยากหรือไม่อยากง่วง ได้ยินว่าเขาเถียงกันมาแต่โบราณแล้ว ผมยังไม่เข้าใจ
🙏😇 เป็นการบรรยายธรรม ที่เข้าใจง่ายและกระจ่างแจ้ง มากคะ ขอขอบคุณและอนุโมทนาสาธุบุญ กับอาจารย์ผู้บรรยาย ด้วยนะคะ สาธุๆๆคะ
สาธุๆเป็นความโชคดีที่ได้ฟังค่ะ
ขอน้อมกราบสาธุๆเจ้าค่ะ
Clip นี้ดีมากๆคะอาจารย์. ฟังทุกวันแล้วทำสมาธิไปด้วย. เหมือนได้เรียนสิ่งใหม่ๆทุกวันคะ. กราบขอบพระคุณอาจารย์ อนุโมทนาสาธุคะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ สาธุค่ะ
รูปนามคืออุปาทานแห่งจิต.แห่งอัตตา.(อุปปาธัมยะมิโน_อุปปัชชิตะวานิรุชชันติเตสังวูปสโมสุขโข)ิ_อนิจจังทุกข์ขังอนัตตา.ความไม่เที่ยงความไม่จีรังความไม่มีตัวตน.
ขอบคุณมากๆค่ะ ขอบคุณ สาธุ
สาธุสาธสาธุ
สาธุค่ะ❤
❤สาธุ❤
น้อมกราบสาธุในธรรมะเพื่อการละอวิชชาค่ะ
กราบสาธุค่ะ
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง เจ้าค่ะ
อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุ
กราบอนุโมทนาสาธุคะ
ชัดเจน ละเอียดละออ
น้อมกราบสาธุ
อนุโมทนาบุญ..
ท่านผู้เจริญ..
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป..
ในทุกวิถีจิต..
และภวังคจิต..
* สาธุ .สาธุ..*
คำสอนของอาจารย์ empowering มากค่ะ สาธุ
กราบนอบน้อมพระธรรมด้วยเศียรเกล้า
บุญที่ยังได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์
กราบอนุโมทนาสาธุ
อนุโมทนาสาธุครับ
❤🙏
อนุโมทนาสาธุในธรรมนิยาม
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ ในธรรม คำ สอน กรรมฐาน ดี มากๆ เจ้าค่ะสาธุ
น้อมกราบนมัสการพระคุณเจ้าและโอวาทธรรม ด้วยความเคารพยิ่ง สาธุ สาธุ สาธุ
กราบสาธุธรรมค่ะอาจารย์ ขอเรียนถามอาจารย์ว่าอาจารย์มีจัดคอร์สปฏิบัติไหมคะ รบกวนท่านอาจารย์ตอบให้หน่อยนะคะกราบขอบพระคุณค่ะ
มีคอร์สออนไลน์ ข้อมูลตามด้านล่างค่ะ ตอนนี้เปิดรับสมัครคอร์สที่ศูนย์ฟลอริดา อเมริกาค่ะ ส่วนคอร์สที่ศูนย์เพชรบุรีตอนนี้เต็มหมดแล้วค่ะ ลงประกาศรับสมัครคอร์สช่วงเดือน สค-กย อีกทีนะคะ
คอร์สเนกขัมมะไฮบริด เดือนมิถุนายน 2567
เปิดรับสมัครแล้ว!!! 😇สอบถามกันเข้ามามาก สำหรับคอร์สเนกขัมมะแบบไฮบริด ทั้งรูปแบบออนไลน์ หรือ ปฏิบัติร่วมกันที่ศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 15-19 มิถุนายน 2567 ฟรี!
ขอเรียนเชิญญาติธรรมร่วมถือศีลแปด ฝึกการภาวนาในรูปแบบและเรียนรู้ธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า บรรยายธรรมโดย อาจารย์ วิลลี่ พุฒซ้อน

📆 Date: 15-19 มิถุนายน 2567 (ปฐมนิเทศ 14 มิถุนายน 2567)

ท่านสามารถเข้าร่วมได้ 2 รูปแบบ
1) 🧘🏻 มาปฏิบัติด้วยตัวเองที่ศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี และเข้าชมการบรรยายธรรมผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ร่วมกัน (รับเฉพาะท่านที่เคยเข้าคอร์สที่ศูนย์เพชรบุรี) หรือ
2) 👩💻 เข้าร่วมแบบออนไลน์ มีการบรรยายธรรมผ่านเฟสบุ้คไลฟ์ และถือศีลแปด รวมถึงปฏิบัติภาวนาที่บ้านในเวลาของท่าน

สมัครฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดคอร์ส กรอกใบสมัครที่ tinyurl.com/bd3jnca3
💬 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Facebook facebook.com/trisikkhapetchaburi
LINE @trisikkha (มีเครื่องหมาย @)
@@TrisikkhaMeditationCenter ขอบพระคุณค่ะ
สาธุในธรรมเจ้าค่ะ🙏
น้อมกราบสาธุในธรรม กัมฐานอันละเอียดบทนี้ด้วยค่ะ
อนุโมทนา สาธุในธรรมครับ
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุค่ะ
สักว่านามรูป อ.อริยเจ้า
สาธุ.เป็นเช่นนั้นครับ
สาธุสาธุสาธุ เจ้าค่ะ
สาธุคะ
😊
สิ่งที่เรียนไม่เรียน
ขอน้อมกราบสาธุในพระธรรมคำสอนอันประเสริฐยิ่งเจ้าค่า❤❤❤
ที่ว่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี.. ความหมายคืออย่างไรครับ ...
..แล้วในพระไตรปิฎก ระบุไว้ว่าอย่างไรครับ และ ภาษาบาลี ว่าไว้อย่างไรครับ.. ขอขอบพระคุณ ครับ.
อนุโมทนากับคำถาม และสนใจในธรรมบรรยายครับ
เมื่อเราฝึกจิตให้ตื่นตั้งมั่นเป็นผู้ดูผู้รู้โดยใช้กำลังของสัมมาสมาธิอันประกอบด้วยสัมมายามะสัมมาสติและสัมมาสมาธิเป็นเหตุให้จิตนั้นแยกออกจากรูปและนามเป็นผู้ดูผู้รู้ เมื่อจิตนั้นเป็นผู้ดูผู้รู้เลยไปเห็นสภาวะตามความเป็นจริง โดยจะมีผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ คืออารมณ์รูปและอารมณ์นาม ซึ่งในขณะนั้นจะเห็นอนัตลักขณะ ซึ่งจะพออธิบายได้ดังนี้
อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตา,
ลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นของมิใช่ตัวตน โดยอรรถต่างๆ
๑. เป็นของสูญ คือ เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ
๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง
๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ
๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่หรือเป็นตามธรรมดาของมัน เช่น ธรรมที่เป็นสังขตะ คือสังขาร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไม่มีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่กับสิ่งอื่นๆ
๕. โดยสภาวะของมันเอง ก็แย้งหรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา;
ซึ่งขณะนั้นจิตจะวางสมมติหรือบัญญัติทั้งหลายเข้าสู่ระดับการเห็นในปรมัตรอารมณ์ จะมีแต่ผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้
ส่วนในเรื่องของภาษาบาลีนั้นต้องขอขมาด้วย เพราะผู้สอนไม่ได้มีความชำนาญในเรื่องการเรียนภาษาบาลี แต่ได้ศึกษาอภิธรรมมาครับ และได้ลงมือปฏิบัติกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาจึงจะเน้นไปที่สภาวะธรรมและหลักของการฝึกจิตที่เข้าทางสายกลาง โดยใช้อภิธรรมรองรับครับผม
อนุโมทนาครับ
@@AjarnWillie
ที่ว่า เป็นรูป กับ นาม หมายความว่า รูปที่เป็นคนผู้ชาย คนผู้หญิง เป็นพระ เป็นสัตว์ เป็นรถ เป็น้ก้าอี้ มีอยู่จริงหรือไม่ครับ..
เมื่อเราฝึกจิตให้ตื่นตั้งมั่นแยกออกออกจากอารมณ์เป็นผู้ดูผู้รู้แล้ว หลักของการแยกรูปแยกนามก็มีด้วยกันหกภูมิด้วยกัน อาจดูเป็นขันห้า อายแตะ ปฏิจสมุปบาท อริยสัจสี่ ธาตุ18 ก็ได้ทั้งหมดคือการ ฝึกให้จิตตื่นและแยกออกมาเห็นตัวเราเอาเป็นรูปนามตามแต่จริตของแต่ละคนครับ
เมื่อเราแยกแล้วก็เป็นแค่รูปและนามไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์ ไม่มีผู้ชายผู้หญิงไม่มีชื่อเรียกไม่มีสมมุติเป็นแค่แค่รูปและนามเป็นแค่สภาพทำไม่มีผู้ชายผู้หญิงไม่มีชื่อเรียกไม่มีสมมุติเป็นแค่แค่รูปและนามเป็นแค่สภาพธรรมเกิดขึ้น
เช่นเมื่อมีการเห็นเกิดขึ้น สภาพธรรมขณะเห็นไม่มีคนไม่มีสัตว์มีแค่ตายเห็นรูปจิตอธิษฐานแยกออกเป็นผู้ดู
เวลาเบื่อเกิดขึ้นไม่มีคนไม่มีสัตว์มีแต่สภาวะของความเบื่อเกิดขึ้นทางใจจิตเป็นคนรู้
การฝึกแยกออกจากตัวเราออกเป็นขันเป็นธรตตอนนั้นจิตจะขึ้นสู่สภาวะของปรมัตอารมณ์ แล้วจะเห็นแยกออกมาเป็นแค่รูปประนามครับ
อนุโมทนา
มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ครับ แล้วอะไรเป็นตัวบอกว่ามีหรือไม่มี
@@ธานีเหมือนนุช สิ่งที่มีอยู่จริง เห็นอยู่ว่ามี จับต้องได้ เราจะปฏิเสธหรือไม่ ว่า สิ่งนั้นไม่มี.. เช่น ผู้ชายมี ผู้หญิงมี.. ถ้าไม่มี พระก็จับผู้หญิงได้.. สัตว์ ไม่มี ฆ่าสัตว์ ก็ไมาบาป.. พระไม่มี เอาของไปถวายพระ ก็ไม่ได้บุญ...
.. ความเห็นเหล่านี้ ถือว่าเป็น ทิฐิ วิปลาส... ไปปฏิเสธ สิ่งที่มีอยู่จริง ทั้งที่ ผลจากการเกิดสิ่งนั้น ก็มีอยู่จริง.. เช่น เสียงนกร้อง มาจากการเกิดมีของตัวนก ...
.. พระพุทธเจ้า และ พระอรหันต์ ทั้งหลาย ท่านยอมรับในการมี ของสิ่งนั้น ๆ ไม่ได้ไปคัดค้าน ว่าไม่มี เพียงท่าน ไม่ไปยึดติด ไปยินดี ยินร้าย นั่นเอง..
.. พุทธกิจ ทำไมต้องดูว่าจะไปโปรดใคร..
.. ออกจากนิโรธสมาบัติ ทำไมต้องเลือกบุคคล..
.. จะแผ่เมตตา เพื่ออะไร อุทิศส่วนกุศล ทำไม...
ขอให้พิจารณา สิ่งเหล่านี้ ....
ที่ว่ากลับมาที่ฐาน หมายถึงฐานกายเหรอคะ
น้อมกราบสาธุธรรม และอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
กราบสาธูๆคะ
สาธุครับ
สาธุอาจารย์แสดงธรรมไดัพิศดารเขัาใจง่าย
สาธุครับ