ตีกระจ่างลงลึกมาก All is one and One is all ความสอดคล้อง เวลาผมปลุกใจผมจะดูหนังของมาร์เวลนะ สัมผัสได้ถึงองค์ประกอบประสบการณ์ความตั้งใจของผู้สร้าง ผมไม่ได้มาอวยค่ายหนังแต่ภาพนะ คลิปนี้ผมก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจของทางช่อง ต่อไปขอคลิป จุดกำเนิดของทุกสรรพสิ่งนะ ถ้ามีต้นกำเนิดของควอนตัมจะสุดยอดมากครับ
แม้ก้าวหน้า สุดปัญญา วิทยาศาสตร์ แม้เก่งกาจ ท่องอวกาศ ไปถึงไหน แข่งเจริญ วัตถุได้ หมายดั่งใจ ล้วนเร็วไว ก้าวไปสู่ สุญญตา From Anatta, Sunyata and Tathata. Although most progressive, most intelligent in science, most talented to travel in the space, most advanced for materials and objects, all lives quickly proceed to nothingness, emptiness, vanity, vacuity, non-substantiality, insubstantiality, the Dark Energy, evanescence and being devoid of self.
ชีวิตหรือ คืออะไร ไหนตอบที คือการมี ชีวิตเพื่อ การสูญสลาย และอย่าปอง เป็นเจ้าของ แม้ร่างกาย และอย่าหมาย เอาไปได้ บุญใดใด From Anatta, Sunyata and Anantakarn. ( What is LIFE ??? It's " Living is for evanescence " Don't expect to have ownership of even our bodies or our selves. And don't hope to take even one coin of money. )
แม้ยากไร้ แม้ยิ่งใหญ่ รวยล้นฟ้า จ้าวปัญญา อวดวิชาการ ด้านอวกาศ แม้ต้อยต่ำ แม้ผู้นำ มหาอำนาจ มิบังอาจ เก่งกาจหนี อนัตตา Although very poor, very great, limitlessly rich , extremely intelligent, showing their academy to travel in the space, very inferior, and leading the greatest power, all lives are unable to courageously escape non-substantiality, insubstantiality, emptiness, vanity, vacuity, nothingness, evanescence, and having no true selves at all. From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
พุทธ ของแท้. พระพุทธศาสนา คือ ศาสนา ที่ ดีที่สุด ในโลก และใน จักรวาล ที่ ผู้คน ระดับสุง นอกศาสนา ต่างก็ ยกย่องสรรเสริญ ยอมรับ ให้ เป็น ศาสนา ที่ ดีที่สุเของโลก ไม่ใช่ ขี้ มโน โกหก หลอกลวง กันเอง เหมือน บางลัทธิ 👍☝️☝️☝️☝️ สาธุๆๆ🇹🇭🙏🙏🙏
ท่านไม่อยากให้ไปเปรียบเทียบกับใคร
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ผู้ใดมีบุญถึงพร้อมด้วยปัญญาจึงจะเข้าใจ ศาสนาพุทธ สาธุ🙏🙏
วิญญานในศาสนาพุทธ ไม่ใช่สัตตานังที่เวียนตายเวียนเกิด วิยญานในศาสนาพุทธ คือตัวรู้ มี 6อย่างเรียกว่าวิญญาน6 คือ ๑. จักขุวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางตา)
๒. โสตวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางหู)
๓. ฆานวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางจมูก)
๔. ชิวหาวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางลิ้น)
๕. กายวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางกาย)
๖. มโนวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางใจ)
จิตที่ระเอียด.จะไปได้ทุกมิติ.แม้แต่อดีตชาติก็ระลึกได้.ความจำต่างๆกลับมาหมด🙏🧡
+1
เพ้อเจ้อ
@@TheHunmaBaki ขอบคุณค่ะที่ชม..เดี๋ยวสักวันจะรุ้เองค่ะ.ดีใจด้วยนะที่ตาบอด🙏☺️
@@nutchapukna7241ผมเชื่อครับเพราะเกิดกับตัวและคนรอบข้าง พวกที่ว่าเราเพ้อเจ้อเป็นพวกจิตใจตกต่ำ จิตอกุศล ไม่มีการตื่นรู้พื้นขั้นพื้นฐาน
มันไม่ใช่ความจำของอดีตชาติ แต่มันเป็นความทรงจำปลอมๆที่สมองมนุษย์สร้างขึ้นมา
เอกภพนี้ หาได้มี อยู่จริงไม่
สมุตติไว้ ในอวกาศ ความว่างเปล่า
เกิดดับไป ในความว่าง ทุกหมู่ดาว
อยู่ชั่วคราว แล้วก้าวสู่ สุญญตา
อนิจจา อนัตตา และทุกขัง
ใครจะหวัง ครองอะไร สมใจได้
ทุกชีวี เป็นธุลี เมื่อมลาย
สิ่งทั้งหลาย ได้คืนสู่ ผู้สร้างมา
สร้างคุณค่า ให้ชีวา ได้อย่างไร
เพียงร่วมใจ สร้างสรรค์ไว้ ให้โลกนี้
ทิ้งร่องรอย คนคอยตาม บนปฐพี
ทิ้งรอยดี ที่เกื้อโลก ตอบพระคุณ
ถ้ามัวขุน อัสมิมานะ จะหมดค่า
ทุ่มปัญญา เป็นอาวุธ แย่งคว้าไขว่
ผลสุดท้าย ได้ความว่าง เปล่าตลอดไป
ชีพใดใด ล้วนมิใช่ สิ่งใดเลย
(ผู้สร้างมา=the nature=ธรรมชาติ ที่ฉันรักชื่นชม
มาตลอดเวลา)
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
พลังงานบุญ ที่บอกว่าเพิ่มพลังสัญญาณได้นั้นคือ ความถี่สูงครับ เมื่อเรามีความถี่สูงเท่าไรนั่นคือความสุข จากความสุขที่ทำต่อผู้อื่นการให้ ความเมตตา รึกำลังช่วยเหลือคนอื่นเเล้วเราเกิดสุขทางใจ รึการทำบุญให้ข้าวพระสงฆ์ คือบุญของการให้ เมื่อเรามีความสุขเเล้วนึกถึงญาติมิตรสหายที่ล้วงลับพลังงานความถี่จะเชื่อมไปยังจิตรผู้ตาย เเล้วผู้ตายปิติยินดีต่อการกระทำเราความถี่จะเพิ่มมากขึ่น จนมีพลังงานนำพาตัวเองไปยังสถานที่อื่นๆได้ รึไปยังภพใหม่ได้
ตถาคตอรหันต์สัมมาสัมพุทธผู้เดียวที่พูดไม่ขัดเเย้งกันตั้งเเต่ราตรีตรัสรู้จนถึงปรินิพพาน
ทุกบทพุยัญชนะ กำหนดจิตทุกครั้งตอนพูดไม่ขัดเเย้งไคร
ไม่มีสาวก คนไหนทำได้
ทั้งโลกนี้ทำได้ คนเดียว
เป็นอกาลิโก ตรง จริงไม่จำกันการ😊😊🎉
ตถาคตคือ 1 เดียวในจักรวาลครับ
สุคตวินิโย
@@ยอดนักสี่-ฒ9บ: สาธุครับ
@@emptinessbykhem1536: ใช่ครับ
รูปธาตุ อรูปธาตุ ขาดปัญญา
รูปบูชา สารพัด ขัดสัจธรรม
กามธาตุ ยิ่งระบาด ครอบคลุมซ้ำ
มิอาจนำ ยุคมืดใด ให้พ้นเลย
พุทธองค์ มิประสงค์ คนกราบไหว้บูชา
ทรงสอนว่า เป็นตัณหา กิเลสล่อ
พระมากมาย กลับกระหาย อยากได้ส่อ
เป็นตัวล่อ สิ่งถวาย อยากได้บุญ
ร่วมกันขุน ศาสนาพุทธ สุดจอมปลอม
เพื่อหว่านล้อม ประโยชน์ผล จนล้นหลาม
ความโด่งดัง ความมั่งมี พระสวาปาม
สนองความ โลภกระหาย พระได้มา
From Anatta, Sunyata and Tathata.
(รูปธาตุ=บ้าหลงใหลคลั่งไคล้พวกวัตถุและรูปลักษณ์
อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของ วัตถุและรูปลักษณ์
อรูปธาตุ= การตกเป็นทาสของ สิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง สิ่งงมงาย สิ่งทั้งหลายที่สมมุติขึ้นมา สิ่งปรุงแต่งขึ้นมา
สิ่งอุปาทาน สิ่งไสยศาสตร์ ปมอวิชชา ปมเทวนิยม
ปมพระเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อภินิหาร ปาฏิหาริย์ มหัศจรรย์
สิ่งวิเศษ อิทธิฤทธิ์ สิ่งเพ้อเจ้อเพ้อฝัน ความบ้าบุญ ,เมาบุญ,บ้าบุญ ซึ่งพุทธองค์ทรงสอนว่า บุญเป็นกิเลสตัวหลอกล่อ ให้ใครๆ อยากได้ ,สวรรค์ ชาติหน้า ,การกราบไหว้บูชา ,
กามธาตุ= การตกเป็นทาสของ กิเลสตัณหาความอยากสารพัด )
สมาธิ เพิ่มความจำ เพิ่มความไว เพิ่มความแม่นยำลดข้อผิดพลาด แทงทลุเกือบทุกปัญหา แก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มการตื่นตัวขยัน เพิ่มความสุขสงบใจครับ.
รักษาศีล 5 ขึ้นไปคือฝ่ายแสงอหิงสา ไม่เบียดเบียน.
ละเมิดศีล 5 คือฝ่ายมืดหิงสา เบียดเบียน.
Metavers = จักรวาลนฤมิต.
Multivers = จักรวาลเสมือนคู่ขนาน.
Metahuman = มนุษย์เสมือนสมจริง.
ศีล สมาธิ ปัญญา ฝึกนั่งสมาธิเยอะๆครับ เราเหลือเวลาบนโลกใบนี้น้อยมากครับ
@@barber8458สาธุค่ะ
ทุกอย่างคือพลังงาน..พลังงานจะไร้ซึ่งกาลเวลาและสามารถคลื่นที่ไปได้ในทุกมิติทุกภพภูมิ....แต่ทุกอย่างก้อตกอยู่ภายใต้สนามพลังงานควอนตัมแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกไกอา..เราจึงมีความหลากหลายและอยู่ในอีกหลายมิติตามวาระเหตุปัจจัยของพันธสัญญาที่ทับซ้อน..❤
ตีกระจ่างลงลึกมาก All is one and One is all ความสอดคล้อง เวลาผมปลุกใจผมจะดูหนังของมาร์เวลนะ สัมผัสได้ถึงองค์ประกอบประสบการณ์ความตั้งใจของผู้สร้าง ผมไม่ได้มาอวยค่ายหนังแต่ภาพนะ คลิปนี้ผมก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจของทางช่อง ต่อไปขอคลิป จุดกำเนิดของทุกสรรพสิ่งนะ ถ้ามีต้นกำเนิดของควอนตัมจะสุดยอดมากครับ
5:55 ตกใจเลย
17นาทีฟังคลิปนี้มีคุณค่ามากค่ะได้ความรู้.
จากประสบการณ์และการตื่นรู้ การกระทำเป็นตัวกำหนดจริงๆค่ะ พลังงาน ความรู้สึก เช่นกัน ทำดีก็ได้ดีค่ะ ทำดีต้องทำให้ถูกด้วยนะคะ รักตัวเอง อย่าเบียดเบียนใคร อย่าให้ใครเบียดเบียนเรา อยู่บนความสมเหตุสมผล บางทีใจดีมากกก็ไม่ส่งผลดีเพราะคนรับไม่ได้สำนึกอะไร แต่ไม่ได้จะให้ทำชั่วนะคะ แค่การปฏิเสธอะไรที่ทำให้เราลำบากโดยที่ไม่แฟร์นั้นย่อมดีกว่า ทำเองรับเอง ไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็แบ่งปันได้ค่ะ แต่อยากให้รักตัวเองมากๆ ที่สุดท้ายกรรมใครกรรมมัน ถึงจุดนึงจะรู้สึกไม่อยากจะใช้ชีวิตแล้วเพราะจิตเริ่มพอกับกิเลสและเห็นธรรมจริงๆ
จริงเลยครับ เพราะมีแต่มนุษย์ที่ทำบุญได้ ทาน ศีล ภาวนา ฯ
แต่ แต่สิ่งเป็นพลังงาน ทำเหมือนมนุษย์ไม่ได้ เช่น เทวดา วิญญาณ ฯต่างๆ 😢
ตถาคตสอนให้ปฏิบัติตนในแนวทางที่ถูกต้องสำหรับปุถุชน สอนให้หลุดพ้นสำหรับ อริยะ ไม่มีไครสร้างเรา ไม่มีใครกำหนดตัวเรา เราต้องทำความดีเพื่อตัวเราเอง ไม่มีไครล้างบาปให้เราได้ ฝากพุทธวจน พระอาจารย์คึกฤทธิ์ด้วยครับ
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคลิปดีๆแบบนี้
การกระทำของคุณเปลี่ยนโลกได้จริง ❤️
อธิบายได้ละเอียด และเข้าใจง่ายมากๆ ขอบคุณค่ะ🎉🎉🎉
ลัทธิแขก ลัทธิผี อีศวรพรหม
พราหมณ์ร่วมบ่ม ปมบิดเบือน พุทธปัญญา
พุทธองค์ มิทรงสอน ศาสนา
สอนปัญญา อย่าหลงแบก แอกทั้งปวง
พุทธองค์ มิทรงตั้ง ศาสนา
สอนปัญญา ที่เกิดมา พร้อมโลกนี้
ศาสนา เพิ่งมีมา ห้าพันปี
ทรงเน้นชี้ เอกภพนี้ ล้วนมายา
ไม่เอาใจ ไปเกาะเกี่ยว สิ่งใดใด
อิสระใจ ไม่ยึดถือ ไม่ยึดมั่น
เลิศสติ เลิศปัญญา ค่าอนันต์
จิตเช่นนั้น พลันเข้าสู่ พุทธปัญญา
From Anatta, Sunyata and Anantakarn
อนัตตา(ไม่สามารถยึดเป็นตัวตน) ไม่ใช่สูญญาตา(ความว่างเปล่า) แต่เป็นการตระหนักรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง(ธาตุรู้) ทุกอย่างเป็นอนิจจัง(ความไม่เที่ยง) แต่ไม่ใช่สูญญาตา(ความว่างเปล่า) ปฏิจจสมุปบาทคือทฤษฎีการเรียนรู้ ที่แม้ในปัจจุบันยังถูกนำไปใช้กับปัญญาประดิษฐ์ คือเรียนรู้ธรรมชาติตามที่เกิดขึ้นจริงผ่านประสาทสัมผัสทั้ง5เพื่อขจัดความไม่รู้ ไม่ใช่การเพิกเฉย ครั้นเมื่อเรียนรู้ธรรมชาติอย่างแท้จริงแล้ว เราแค่ไม่จำเป็นต้องใช้ขันธ์ 5 มาเรียนรู้อีก เพราะไม่ว่าจะเป็นภพภูิมใด(ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบพลังงานหรือสสารแบบไหนหากคงสภาพที่เป็นprotocolที่เป็นpatternย้อนกลับได้ เราสามารถเดินทางไปได้หมด)
เลือกแต่ละครั้งมีความเสี่ยง มิติที่4เวลากาลอวกาศความเป็นไปได้ของเอกภพในช่วงหนึ่งเหตุการณ์อาจเกิดขึ้นได้ในมิติที่4แต่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในมิติที่3แค่เราอยู่ในเส้นเวลาอันนี้มีโอกาสที่จะพิสูจน์ในอนาคต...ทำไมพระพุทธเจ้าจึงอยากให้เราหลุดพ้น...เป้าหมายให้มนุษย์ออกจากวัฏสงสาร นั่นคือ นิพพาน
โลกมายา มาครอบงำ คนทั้งหลาย
ตะเกียกตะกาย หมายยึดถือ และยึดมั่น
เห็นแก่ตัว มัวปรุงแต่ง จิตเพ้อฝัน
ทุกชีวัน นั้นไม่มี แก่นสารจริง
สรรพสิ่ง เร็ววิ่งสู่ อนัตตา
กาลเวลา มาร่วมพร่า กลืนเร็วไว
สุญญตา มาล้อมกลืน เอกภพใหญ่
ควรยกใจ ให้เหนือมาร ตัวกูของกู
From Anatta, Sunyata and Anantakarn
(พลังธรรมชาติที่ทรงพลังมากที่สุดเหนือเอกภพ
และทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีวันดับ ตลอดไป คือ
อนัตตา สุญญตา = ความว่างเปล่า,การเกิดขึ้นแล้วดับไปในความว่างเปล่า และอนันตกาล )
อือ เหมือนที่ผมคิดไว้เลยดีมากช่องนี้ ความตายไม่มีจริงได้ฟังช่องหนึ่งที่อ้างว่าคลิปสัมภาษณ์มนุษยต่สงดาวที่อปลออกมาแต่มันคลุมเครือยุไม่ชัดเจนอาจเพราะฝรั่งพูดผิดๆก็ได้ใครหลายคนคงไเด้ฟังมาแล้วหาดูได้
สรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ ความว่างเปล่า
ชีพชั่วคราว ตัวตนใด ไม่มีจริง
เห็นแก่ตน ผลใจต่ำ เลวอย่างยิ่ง
ตามความจริง ทุกสิ่งเพียง ภาพลวงตา
จับไขว่คว้า มายึดมั่น นั้นอย่าหมาย
อย่ากระหาย หมายได้บุญ หรือชาติหน้า
พระเจ้าใด สวรรค์ไหน อย่าโหยหา
เป็นทาสา โลกมายา หมดค่าคน
ทุกแห่งหน ทะเยอทะยาน การไขว่คว้า
ปรารถนา หาอะไร ที่ไหนกัน
ทุกข์เท่าใด กว่าจะไป ถึงจุดนั้น
ได้สิ่งฝัน ความสุขนั้น จริงหรือไร ?
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
สรุปกาลามสูตรของพระพุทธองค์ดังนี้
1. อย่าเพิ่งเชื่อ พวกตำนาน เรื่องปรำปรา เรื่องที่เล่าต่อกันมา
2. . อย่าเพิ่งเชื่อ พวกหนังสือสือตำรา สิ่งสลักจารึกไว้ตาม หิน ผนัง ที่ต่างๆ
3. .อย่าเพิ่งเชื่อตามประเพณีธรรมเนียม วัฒนธรรมที่ทำต่อๆ กัน มา
4. .อย่าเพิ่งเชื่อ ข่าวลือในสังคม
5. .อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเป็นตรรกศาสตร์ เพราะมิได้ผล 100% เสมอไป
6. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรงกับความคิด ความเชื่อของตน ที่มีอยู่ใน ใจ
7. อย่าเพิ่งเชื่อ สิ่งที่เปรียบเทียบทาง ปรัชญาต่างๆๆ เช่น เหมือน ขี่ช้างจับตั๊กแตน
8. .อย่าเพิ่งเชื่อ เมื่อเห็นแต่รูปลักษณ์ภายนอก อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นด้วยตา คิดว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น มีถมเถไปสิ่งพรางตา ตบตา ภาพลวงตา ภาพจัดฉาก
9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูด น่าเชื่อถือ เช่นเป็น อาวุโส ผู้สูงอายุ เป็นผู้นำ เป็นผู้เชี่ยวชาญ
10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ที่สอนเรา อย่าเพิ่งเชื่อแม้ พระพุทธองค์ ทรงเป็นผู้กล่าวสอน
แต่จงเชื่อ เมื่อได้คิดพิจารณาไตร่ตรอง ทดลองเห็นแล้วก็ทำการพิสูจน์ทดสอบ ดู ด้วยวิจารณญาณ
From Anatta, Sunyata and Tathata.
.เข้าใจในการนำเสนอ.ใช้อุบาย แห่งความเจริญได้ดี...
พุทธองค์ มิประสงค์ คนกราบไหว้บูชา
ทรงสอนว่า คือตัณหา กิเลสลวง
อนัตตา สุญญตา พาพ้นบ่วง.
อย่าหลงลวง การบูชา สารพัน
พุทธองค์ ทรงสละ ทุกสมบัติ
สงฆ์อยากจัด โกยสมบัติ โกยที่ดิน
กิเลสตัณหา ใต้ผ้าเหลือง หลอกโกยสิน
หลอกหากิน พวกงมงาย ตายปัญญา
เหนืออัตตา ย่อมพาสู่ ใกล้องค์พุทธ
ความคิดผุด พึงปล่อยวาง อย่างสายฟ้า
เมื่อไตร่ตรอง มองลึกดู สุญญาตา
พลันแจ่มจ้า เรามิใช่ สิ่งใดเลย
From Anatta, Sunyata and Tathata.
(องค์พุทธ= สิ่งที่พระพุทธองค์ ทรงสอนมากที่สุด,
คืออะไร ???? เป็นปัญญา ความรู้อันไปถึงที่สุดแล้วของเอกภพ สามารถ ครอบคลุม เหนือโลกและเอกภพได้ อย่างไร ??? พระพุทธองค์ ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตรงกันได้อย่างไรในวันวิสาขบูชา ???
พระพุทธองค์ ทรง เพียรพยายามหลายแสนชาติ
ก่อนตรัสรู้ หมายความว่าอะไร ????
ทำไมคำสอนของพระพุทธองค์ จึง มิใช่ศาสนา แต่เหนือศาสนา ใดใด???
ถ้าพวกพระ และชาวพุทธ ทั้งหลาย ตอบคำถามทั้งสี่ นี้ไม่ได้ ถือว่า เป็นพวก pseudoBuddhists และถ้าเกี่ยวข้องกับ
อภินิหาร ปาฏิหาริย์ มหัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ ย่อมคือคนบ้า
ถ้าสิ่งใด ขัดกับ ธรรมชาติบริสุทธิ์ วิวัฒนาการธรรมชาติบริสุทธิ์ วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ อนัตตา และ สุญญตา
ย่อมมิใช่คำสอนของพระพุทธองค์ แต่ตามใต้เงา ของ
ลัทธิแขก พราหมณ์ ปมเทวนิยม อวิชชา ไสยศาสตร์ ,ลัทธิผีวิญญาณ บ้าบอ คอแตก
"พระเลวร้าย เก่งลวดลาย หลอกหากิน
กอบโกยสิน หากินจาก เหยื่องมงาย
ไสยศาสตร์ ระบาดทั่ว ชั่วเลวร้าย
มารทำลาย พุทธปัญญา หลอกบ้าบุญ" )
สิ้นสุดได้สิ สิ้นสุดได้จะต้องเห็น สัตตานังตัวของเรา ผู้มายึดติดขันธ์ 5 ก่อน ตัวนี้มันมีอวิชชาไงเราเลยไม่รู้หลายคนคิดว่าจิตเป็นของเรา แต่จิตไม่ใช่ของเราไงพระพุทธเจ้าบอกไว้ถ้ามันเป็นของเราอ่ะบางทีเรานั่งเผลอคิดไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจเห็นไหมแล้วเราดึงกลับมาได้แสดงว่ามันไม่ใช่ตัวของเรา แต่ตัวที่สังเกตจิตนี่ต่างหากเรา ที่เรียกว่าสัตตานังเนี่ยตัวนี้สำคัญมากเลย ตัวนี้ต้องกลับบ้านเก่าพร้อมอริยสัจ 4
ถ้าจะเปรียบเทียบเรื่อง สาขาเวลาในศาสนาพุทธ ก้อ อาจเป็นเทียบได้กับเรื่องภพ การสร้างภพ ดังคำที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสบอกตรัสสอนว่า หากเธอคิดถึง สิ่งใด ดำริถึงสิ่งใด นั่นก้อคือการสร้างภพ โดย ถ้าจะนำมาเปรียบเทียบกับทางเรื่องสาขาเวลา นั่นก้อคือ ทุกครั้งที่ คนเราคิดอะไรอยู่ และเพลินกับสิ่งที่คิดที่ปรุงแต่ง ก้อเท่ากับเราได้สร้างสาขาเวลา หรือ โลกคู่ขนานตรียมเอาไว้รองรับ การสร้างชาติ หลังจากสิ้นจากชาติที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ยิ่งคิดหลายเรื่องเพลินกับหลายเรื่อง ภพ หรือ สาขาเวลายิ่งแต่ออกไปเยอะ แต่ หลังจากตายไปแล้วจะไปภพชาติไหนก่อน ขึ้นอยู่กับแรงกรรมที่คุ้นเคยและเคยชินจนเป็นกมลสันดาน ส่วนสาขาเวลา หรือภพ อื่นๆที่เกิดขึ้น ก้อจะให้ผลกันตามลำดับ จนกว่า ที่มนุษย์สามารถหลุดพ้นจากวัฎสงสาร หรือนิพพานได้
อันนี้คือเข้าใจง่ายมากครับ และอธิบายได้ชัดเจนสุดเลยครับ😍
ชีพทั้งหลาย ต่างได้เป็น เพื่อนร่วมทาง
สู่ความว่าง เปล่าปลายทาง อย่างนิรันดร์
ทุกใจกาย ใครอย่าหมาย ได้ยึดมั่น
ล้วนแปรผัน พลันกลับกลาย เป็นธุลี
วิญญาณผี เป็นสิ่งที่ บ้าสมมุติ
ต้องสิ้นสุด สูญสลาย มลายพลัน
แข่งคว้าไขว่ อะไรจริง สิ่งใฝ่ฝัน
ผลเท่ากัน นั้นคือความ ว่างเปล่าเอย
From Anatta, Sunyata and Tathata
ผมคิดว่า Multiverse ถ้าเทียบกับพุทธศาสนา มันอาจจะมีก็ได้ เหมือนเคยอ่านมาว่า จักรวาลในมุมของพระพุทธศาสนามีเป็นหลายล้านโกฏิจักรวาลมีจำนวนเยอะเป็นอนันต์
.
คิดว่าทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้วจากกรรมเก่า (หรือพลังงานควอนตัมที่สะสมมาหลายล้านชาติ) ทางเลือกหรือทางเดินเวลาเมื่อเทียบกับในหนัง marvel คือ สิ่งที่ถูกกำหนดต่อไปจากสภาวะจิตปัจจุบัน ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้จิตปัจจุบันนี้ไปจับกับ channel ใดในแสนล้านจักรวาลนี้ ทุกอย่างมีโอกาสเกิดได้ทั้งหมด และอาจจะเกิดขึ้นแล้วตามแต่ timeline ของแต่ละจักรวาล
.
Destiny or Freewill
คิดว่าโหราศาสตร์ชะตาชีวิตนั้น เกิดมาจากกรรมเก่าที่สะสมมาและถูกสร้าง timeline ชีวิตไว้คร่าวๆแล้วเพียงแต่ สิ่งที่ยังเลือกได้ และเป็นของจริงนี้คือจิตปัจจุบัน ดังนั้น สติในการใช้จิตปัจจุบันนี้จึงสำคัญที่สุด
.
ชีวิตจริงหรือโลกเมทริก
การจะบอกว่าอะไร คือสิ่งจริง สิ่งที่เป็นตัวคุณจริงๆ มันไม่สามารถบอกได้เลย เพราะมันมีคุณอยู่ในทุกรูปแบบความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ทั้งหมด มีแต่เพียงความรู้สึกหรือจิตปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นของจริง ที่จะไปจับ ไปยึดกับสิ่งใด ก็ผูกผันไปกับ timeline นั้นจนไม่สามารถหลุดไปได้
.
ทุกอย่างอาจเป็นแค่สิ่งสมมุติ โดยเราอนุมานจากการรับรู้ ภายใต้มิติที่เราสัมผัสได้ เหมือนของจะมีอยู่ได้ก็เกิดจากคนไปรับรู้ว่ามันมีอยู่ มันถึงเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แต่ความจริงแล้ว ถ้าเราดูลึกเข้าไป ซูมเข้าไปจนเล็กที่สุด เข้าไปในสภาพควอนตัมแล้ว ข้างในมันคืออะไร
.
เวลาเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่เดินย้อนกลับหรือเปล่า
อันนี้บอกยาก ถ้าดูจากหนัง marvel Loki คือ timeline เดินทางเป็นวงกลมแล้วย้อนกลับไปจุดเดิมอีก ผมเข้าใจว่ามิติของเวลาถ้ามองเป็นภาพมันน่าจะเป็นวงแหวนแล้วซ้อนกันเป็นอนันต์ในทุกความเป็นไปได้ ซึ่งสุดท้ายมันคือเรื่องการเกิดและดับตามหลักอนิจจังของพุทธศาสนา อ่านพระไตรปิฏกเรื่องกำเนิดจักรวาล ผมเข้าใจว่าจริงๆแล้วก่อนจะมีจักรวาลนี้ น่าจะมีจักรวาลเกิดและดับมาหลายรอบมากจนนับไม่ถ้วนมาแล้ว
..เลยตั้งสมมติฐานว่าจริงๆ แล้วเราอาจจะเคยเกิดแบบนี้ ทำแบบนี้ไปแล้วก็ได้ แต่ timeline มันวนมาที่เดิม แล้วให้เราใช้เพียงจิตปัจจุบัน เลือกจะไปเส้นมิติไหน ใน timeline
..แล้วเวลาเดินย้อนกลับได้ไหม เข้าใจว่ามันไม่มีเดินหน้าหรือย้อนกลับ เพียงแต่เราจะไปสังเกตตรงจุดไหนของ timeline แค่นั้นเอง เพราะทุกรูปแบบเหตุการณ์ได้ถูกเรียงตัวไว้เรียบร้อยแล้ว
.
สุดท้าย ความคิดเรื่องจักรวาลในทางพุทธศาสนา พระไตรปิฎกได้ระบุไว้ว่าถือเป็นสิ่งอจินไตย ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดจำแนก และไม่ได้ช่วยให้บรรลุธรรม และเป้าหมายสุดท้าย คือ นิพพาน
จริง ๆ ภพภูมิ สามารถใช้กลศาสตร์ควอนตัมเหนือสามัญสำนึก อธิบายได้ ดังนี้ พระพุทธเจ้า ตรัสว่า จิตเป็นปรมัตถธาตุ ประกอบด้วยสองส่วน คือ อสังคตธาตุ และสังคตธาตุ และจิตจะวิ่งไปตั้งบน วิญญาณขันธ์ หรือ ขันธ์ 5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีที่ตั้งวิญญาณ 4 หรือสติปัจฐาน4
เมื่อจิตมีขนาดเล็กมาก จึงเป็นไปตามกฎควอนตัม คือ เป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาค หรือ ทวิภาคคลื่น ดังนั้น เมื่อ เอา จิตปรมัตถธาตุ สติปัจฐาน 4 และทวิภาคคลื่นมารวมกัน รวมเป็น 2+4+2 = 8 และแน่นอน เมื่อเป็นคลื่น ก็จะเกิดการแทรกสอดของคลื่น เหมือนการทดลอง double slit experiment ที่มีข่อง 2 ช่อง และยิงลำแสงอิเล็คตรอนไปที่ละเม็ด ไปยัง สองช่องนั้น และกระทบฉาก เมื่อไม่มีการจับภาพลำแสง ก็จะเกิดการแทรกสอดขึ้น โดยมีการแทรกสอดแบบเสริมกัน คือ 1,2,3,4,5,6,7,8 และแทรกสอดแบบหักล้างกัน คือ -1,-2,-3,-4,-5,-6,-7,-8 ดังนั้น จิตจะวิ่งอยู่ใน 16 ตำแหน่งนี้ หากแบ่งเป็นกามภูมิ ตามพุทธศาสนา จะแยกได้ดังนี้ ได้แก่
สวรรค์ภูมิ 6 ชั้น
โลกภูมิ 2 ชั้น คือมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน
นรกภูมิ 8 ชั้น
ฉะนั้น จิตของพวกเราจะเวียนว่ายอยู่ใน 16 ภพภูมินี้ หรืออยู่ใน วัฎจักรนี่ฝ้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกรงขังขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถหนืออกไปได้ ยกเว้นผู้คลายอวิชา หรือความไม่รู้ ออกจากความคิดได้ โดยอาศัย มรรควิธีที่พระพุทธเจ้า ทรงได้วางแนวทางไว้จึงจะหลุดพ้นในห้วงวัฎฏสงสารนี้ สิ่งที่พระพุทธเจ้ากับไอสไตล์คล้ายกันคือ เป็นผู้มีปัญญาระดับ จินตมยะปัญญาเหมือนกัน เป็นนักทฤษฎีฟิสิกส์เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่พระพุทธเจ้า สอนมรรควิธีแห่งการออกจากการเวียนว่ายตายเกิด ไว้ด้วย
ขอบคุณมาก ผมปฏิบัติธรรมมานานเหมือนมันม่านบางๆมากั้นทางเอาไว้ระหว่างกายกับจิต ได้ฟังคลิปของคุณแล้วผมได้เข้า แจ่มแจ้งขึ้นมาอีกขั้นนึง ขอบคุณจริงๆ
เนื้อเสียงกับจังหวะคุ้นๆครับ เหมือนประทานเหมียวเลย🙂🙂
ขอบคุณความรู้เพิ่มเติมครับ
ดีมากอะ โชคดีที่มาเจอคลิปนี้
ดวงตาของมนุษย์ กับหลุมดำ ทำงานเหมือนกันครับ ประดุจ หลุมดำดึงดูดแสงสว่างและมวลของสสาร แต่ในแง่ของความเป็นจริง ใจกลางหลุมดำมีอะไรอยู่ มวลมหาศาลหายไปไหน แฉกเช่นดวงตาของมนุษย์ กลับเป็นที่อาศัยให้นามเกิดขึ้น นามนี้เรียกว่า จิต ที่เรียกว่าจิตเห็น เพราะ มวลที่เป็นพลังงาน ส่องแสงสะท้อนออกมากระทบตา เป็นรูปร่างสีสันแตกต่างกัน สิ่งที่รู้สีสันของมวลสสาร เรียกว่า จิตเห็น หรือธาตุรู้ แต่ธาตุรุกลีบมีแค่ชื่อ ไม่มีตัวตน ตัวธาตุรู้มีการเกิดและดับทุกๆขณะ เพื่อความต่อเนื่องของมวลสสารว่า มันมีอยู่ หากมีแค่ ดวงตา แต่ไม่มี จิต หรือธาตุรู้ ที่เรียกว่า จิตเห็น การมีสีสันของสสาร ก็ไม่มี เพราะธรรมชาติ นั้น เกิดขึ้นมา ด้วยกฏ อิทปตยตา หรือเรียกว่ากฏของเหตุผล
การที่อย่างหนึ่งมีเพราะมีอย่างหนึ่งอยู่แล้ว และเพราะอย่างหนึ่งที่มีแล้วก็จำเป็นต้องมีอีกอย่างหนึ่ง อันนี้ คือการ มีที่มาและที่ไป
เช่นเดียวกับการมีดวงตา และการมีหลุมดำในอวกาศเกิดในจักรวาล ก็อาศัยกฏเดียวกัน มันจึงไม่มีจุดกำเนิดและจุดจบจริงๆ รายการนี้สนุกดีครับ แต่การศึกษาธรรมะในพุทธศาสนา มันลึกซึ้งจริงๆ เพราะเข้าใจความลึกซึ้ง การหาจุดจบ จึงเป็นจริง จงทำลายพระเจ้าเสีย คุณจึงเข้าสู่นิพพานได้แท้จริง
เพราะพระเจ้านั่นล่ะ คุณจึงไม่มีทางออกจากตัวตนของคุณ แต่เพราะคุณละลายความไม่รู้ในการมีตัวตนของคุณได้ ด้วยปัญญา พระเจ้าจึงจับตัวตนคุณไม่ได้ยังไงล่ะ เพราะมันไม่มีจริง.....นั่นล่ะ....เช่นเดียวกับที่ความตาย มันไม่อาจจับต้องคุณได้อีก เพราะคุณไม่มียังไงล่ะ ....
สุดยอดครับ แกมจะติ แกมจะชม จะติก็ไม่ใช่ จะว่าก็ไม่เชิง จะชมก็ไม่ใช่ 555 เป็นกลางๆ เอาไปล้านๆไลค์ครับท่าน 😂😂😂
คลิปนี้คนมีพื้นฐานพุทธวจน เข้าใจได้ง่าย
แก่,เจ็บ,มลาย กายเปื่อยเน่า เท่ากันแล
แก่นสารแท้ ทุกชีวี หามีไม่
อัสมิมานะ จะทำค่า คนหมดไป
ควรยกใจ ให้เหนือตัว กูของกู
เกิดมีอยู่ เพียงชั่วครู่ แล้วดับไป
สิ่งใดใด วิ่งไปสู่ สุญญตา
จับคว้าไขว่ อะไรได้ จริงเล่าหนา
อนัตตา พาว่างเปล่า สิ่งทั้งปวง
(อัสมิมานะ =ความยึดมั่นถือมั่น ในตัวกูของกู)
(พลังธรรมชาติ ที่ทรงพลังมากที่สุด เหนือเอกภพ ทำให้ให้ เอกภพว่างเปล่า ไม่มีอยู่จริง เป็นอวกาศ ว่างเปล่าทั้งสิ้น,
สามพลังธรรมชาติ ที่ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดดับ ทรงพลัง
เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ก็คือ อนัตตา สุญญตา และ
อนันตกาล นั่นเอง พวกสิ่งมีชีวิต มีประสาทการรับรู้อยู่
ชั่วคราว จึงเกิดมีเอกภพ ดาวต่างๆ ที่ต่างเรียกสมมุติกัน
, เมื่อประสาท การรับรู้ดับไป พวกเอกภพ และพวกดาวต่างๆ
ก็ดับไป กลายเป็นความว่างเปล่า สำหรับแต่ละชีวิต นั้นๆ)
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
เยี่ยมกามสิ่งขาดครับผมสุดๆ😅
เวลาคือ สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
เวลาคือ เอกภาพ
เมื่อมีเวลา เท่ากับว่าเรามีตัวตน
เมื่อไม่มีเวลา เราจึงไม่มีตัวตน
สรุปแล้ว เวลาคือเอาภาพ
ถ้าเวลาไม่มีจริงแล้ว เมื่อวาน กับ พรุ่งนี้ คืออะไร สิ่งที่ผ่านมาแล้วของเมื่อวานคืออะไร เราอยู่ในโลกสามมิติเราต้องใช้เวลาในการเวียนว่ายตายเกิด
ลองดูเรื่องลูซี่ครับ
ที่ยังติดอยู่ก็เพราะไม่รู้
และไม่คิดอยากจะรู้
การจะได้รู้ว่าใครรู้จริง
ก็ไม่ใช่ฐานนะที่เป็นได้
พลาดไปไม่เข้าใจบอกเลยครับเสียชาติเกิด
แต่บุคคลเหล่านั้นพุทธองค์เปรียบมีเท่าดินมหาปฐพีคนเข้าใจแค่ดินปลายเล็บ
ขอท่านจงเป็นผู้ที่ไม่ต้องมาเสียใจ ในภายหลังเถิด
ลูซี่ นี่ผมว่า มันแสดงออกเป็นรูปธรรมเห็นได้ชัดมากนะครับ ทำได้ดีทีเดียวหนังเรื่องนี้
@@lomasystem อธิบายได้สอดคล้อง
ตามหลักวิทยาศาสตร์ ส่วนใครสนใจจริงแนะนำให้ศึกษาคำพูดพุทธองค์ล้วนๆครับ เหมือนเข้าใจยากแต่ยิ่งทำซ้ำยิ่งเห็นได้ลึกขึ้นเรื่อยๆ ที่แนะนำเพราะท่านเป็นคนเดียวที่มีสติในการพูดทุกครั้งไม่ให้พลาด ทุกอย่างที่พูดสอดรับไม่ขัดแย้ง ไม่จำกัดกาล กันตั้งแต่ท่านตรัสจนถึงปรินิพพาน
ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้
เกิดขึ้น ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ให้มีคนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่าวให้เป็น
มรรคที่กล่าวกันแล้ว ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้มรรค) เป็นมัคควิทู (รู้แจ้งมรรค)
เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค). ภิกษุทั้งหลาย! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้
เป็นมัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค) เป็นผู้ตามมาในภายหลัง.
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แล เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมาย
ที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้แตกต่างกัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมา-
สัมพุทธะกับภิกษุผู้ปัญญาวิมุตติ
ขอบคุณมากคะ สาธุๆๆม ากคะ
ถ้าคุณเห็นคลิปนี้ศึกษาคลิปนี้ดีๆ คุณจะรู้ว่าทุกอย่างไม่ใช่สิ่งบังเอิญ ทุกอย่างถูกเรา สำคัญผิดว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นตัวตน เพราะอาศัยสิ่งนี้สิ่งทั้งหลายจึงปรากฏขึ้น ในช่องนี้เต็มไปด้วยคำถามและคำตอบแต่ทุกคนจะรับรู้ด้วยตนเอง❤
เอกภพนั้น มันไม่มี อยู่จริงแท้
ลวงตาแล แค่สมมุติ สุดโต่งไว้
กาลเวลา และอนัตตา มากลืนไป
สิ่งใดใด วิ่งไปสู่ สุญญตา
พวกขันธ์ห้า มารับรู้ ชั่วครู่ได้
แล้วมลาย กลายเป็นสิ่ง ว่างเปล่าไป
กูของกู ดูให้ดี มีจริงไหม
ล้วนดับไป ไม่กลับคืน เช่นทุกดาว
พวกสามหาว ราวเป็นทาส กูของกู
น่าอดสู อยู่ด้วยความ เห็นแก่ตัว
ทรัพย์มายา ศักดิ์ยศถา ล่อได้ทั่ว
ให้เมามัว ชั่วหลงตัว กูของกู
แย่งโหยหา คว้าอะไร ที่ไหนกัน
ทุกชีวัน นั้นร่วมทาง ไปแห่งใด
ทุกข์มากมาย ไขว่คว้าได้ จริงที่ไหน
รวดเร็วไป ในความว่าง เปล่าและกลวง
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ
สนุกมากครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ขออีกเบื้ม ๆ ครับเรื่องพวกนี้
ขอขอบคุณมากครับ สุดยอดจริงๆ
กรรม ใช้แยกเอามาเรียกการกระทำของสัตว์โลก ซื่งก็เป็นส่วนเล็กน้อยของคำว่า เหตุปัจจัย ในธรรมชาติ แท้จริงแล้วกรรมมันก็คือเหตุปัจจัยทั้งหมดแหละ แต่แยกเรียกเพื่อให้เข้าใจว่า อันนี้เกิดจากมนุษย์ อันนี้เกิดจากธรรมชาติ เท่านั้นเอง เหตุปัจจัย ที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้ง มีอยู่ในทุกอนูของจักรวาลทั้งหลาย จะเกิดจะดับ กลับกลายเป็นโน่น นี่ นั่น ล้วนแล้วแต่เหตุและปัจจัยช่วยกันเปลี่ยนแปลงผลักดันิตลอดเวลา ง่ายๆสังเกตเมฆบนท้องฟ้าดิ่ มันจะเกิดดับเปลี่ยนแปลงไปตามแรงเหตุปัจัยนั่นเอง
แม้ก้าวหน้า สุดปัญญา วิทยาศาสตร์
แม้เก่งกาจ ท่องอวกาศ ไปถึงไหน
แข่งเจริญ วัตถุได้ หมายดั่งใจ
ล้วนเร็วไว ก้าวไปสู่ สุญญตา
From Anatta, Sunyata and Tathata.
Although most progressive, most intelligent in
science, most talented to travel in the space,
most advanced for materials and objects, all lives
quickly proceed to nothingness, emptiness, vanity, vacuity, non-substantiality, insubstantiality, the Dark Energy, evanescence and being devoid of self.
สาธุคุณเก่งมากคุณเป็นใคร
ขอชมเลยครับกับช่องนี้แต่หากจะอัพตัวท่านเองจริงๆและตรงๆ คืออ่านพระไตรฯปิฏิก หรืออ่านพระอภิธรรม (ปฏิจจสมุปบาท) อีกคือ พระสุตันตปิ สำหรับฟิสิกฯ ท่านพัฒนามากขึ้นแน่นอน อีกเรื่องคือ
ต้นของวิชชาความรู้มีแค่วิชชาเดียวคือคณิต ที่ปู่พระพุทธฯท่านได้คำนวนดวงดวงและเป็นต้นตระกูล สริยะโคตร และท่านได้บวชเป็นฤษี1ใน7องค์ ที่มีหลักฐานเห็นชัดเจน100% คับ
อนัตตา สุญญตา มาล้อมไว้
สิ่งใดใด วิ่งไปสู่ ความว่างเปล่า
แก่นสารใด ไม่มีจริง ชีพชั่วคราว
รวดเร็วก้าว เท้าสิ้นไป ในความกลวง
พุทธองค์ ทรงสอนอย่า หลงใหลบุญ
เป็นตัวขุน กิเลสตัณหา มาล่อลวง
อย่างมงาย ตายปัญญา พาติดบ่วง
อย่าหลงลวง โลกมายา มาครอบงำ
อย่าเพ้อพร่ำ ถูกจองจำโดย อัสมิมานะ
ให้ตะกละ ตัวกูของกู อยู่ไร้ค่า
ไม่มีใคร ได้อะไร แม้ไขว่คว้า
สร้างรอยค่า บนพสุธา คุ้มค่าเทอญ
From Anatta, Sunyata and Tathata.
(อัสมิมานะ= ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู
,บุญ= หัวใจบวม พอง ฟูขึ้นมา เพราะสิ่งที่ตน
คาดหวัง สิ่งที่ตนปรารถนา สิ่งที่ตนอยากได้
สิ่งที่ตนคิดว่าได้แล้ว (เป็นภาษาสันสกฤต
ตามคำสอนของพระพุทธองค์ )
พุทธทั้งหลาย สุดงมงาย พุทธไม่แท้
เกิดมาแค่ เป็นทาสา ขันธ์ห้าได้
ใต้ตาข่าย ของโลกีย์ ที่ตะเกียกตะกาย
แข่งกระหาย ได้แต่ความ ว่างเปล่าเอย
แข่งสังเวย รูปธาตุ อรูปธาตุ
ยิ่งระบาด กามธาตุ แพร่ไปทั่ว
พระมากมาย ได้เป็นมาร ที่แฝงตัว
หลอกมืดมัว มั่วถวาย ได้มั่งมี
พุทธกระพี้ ดีแต่บ้า เมาหลงบุญ
โง่ร่วมขุน พระทั้งหลาย ได้มั่งคั่ง
อิทธิพล ชั่วยกตน ให้โด่งดัง
กิเลสพลัง หวังกอบโกย สินมากมาย
ธรรมหลากหลาย มีมากมาย อย่ายึดติด
อิสระจิต อย่าเสพติด โลกความกลวง
อิสระใจ ไม่เกาะเกี่ยว ทุกโซ่บ่วง
เอกภพกลวง ธรรมทั้งปวง อนัตตา
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
(รูปธาตุ=การตกเป็นทาสบ้าหลงใหลคลั่งไคล้
พวกวัตถุและรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์
ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ได้
อรูปธาตุ= ตกเป็นทาสบ้าหลงใหล ในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง,สิ่งอุปาทาน สิ่งงมงาย ปมอวิชชา ไสยศาสตร์ ความบ้าบุญเมาบุญหลงบุญ กระหายบุญ ซึ่งเป็นกิเลส ,โลกมายา ,มายาคติ,
สิ่งสมมุติ สิ่งที่ปรุงแต่งใจขึ้นมา สิ่งที่กุขึ้นมา
กามธาตุ= การตกเป็นทาสของ กิเลสตัณหาราคะ ความอยาก
สารพัด )
ผมชอบคลิปแบบนี้ ละเอียดดีคับ ทำคลิปออกมาเลื่อยๆน่ะคับ😊😊😊😊
เรื่อยๆ
@@geronimoominoreg..... 555เลื่อยๆคับ
ฟังพุทธวจนมาก่อนแล้วยิ่่งเข้าใจมากขึ้นอีก ขอบคุณที่ทำคลิปดีค่ะ
ขอบคุณครับ
ยาวมากครับ กดข้าม ไปบ้างครับ ตอนจบ คล้าย ๆ จะสรุปว่า คิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
ปฏิจจสมุปบาท🙏🙏🙏
เมื่อมีสิ่งนี้เป็นปัจจัย จึงมีสิ่งนี้เกิดขึ้น
อิทัปปัจยตา😊😊😊😊😊
ตถตา
ว้าว ยอดเยี่ยมมากครับ
คล้ายๆหนังหรือซีรี่อะไรสักอย่างที่เคยดู อยากดูอีกแต่จำชื่อเรื่องไม่ได้ สนุกดี
ออเรื่องนั้นนั่นนะ
💜👍ขอบคุณมากค่ะ👍💜
เป็นช่องที่คุณภาพมากๆ นี้ศึกษามาหลายทฤษฎี หลายลัทธิ หลายความเชื่อ แต่ช่องนี้อธิบายได้เห็นภาพมากๆเลย คลิบที่อธิบายนิพพานก็สุดยอด อธิบายมุมมองมนุษย์และสามารถนำไปปฎิบัติได้จริง ที่เหลือก็ลงมือปฎิบัติเนาะ 555 1M sub ไวๆนะครับ :)
ถ้าท่านกล่าวว่า จักนี้เป็นที่มาของท่านทุกคน แล้วท่านจะอธิบายต่ออย่างไร ที่ท่านขึ้นด้วยสมมุติว่าจักรวาลของที่ ที่ท่านนำเสนอนี้ คำที่ท่านนำมาอ้างถึง เป็นเรื่องที่เหมือนท่านยกไม้ตำข้าว คล้ายกับร่างกายมนุษย์ ความรู้สึก การรับรู้มันล่องลอง ที่มาไม่มีอะไรยึดโยง เชื่อมต่อ เพียงต้ดตอนทอนเอามาเพื่สร้างตนเองเป็นนักปราชญ์ กลไกของชีวิตน่าจะมาจากจักรวาล จักรวาลเป็นที่มีเราในลักษณะอะตอมมิคที่เต็มห้วงจักรวาล จักรวาลตอนนั้นเป็นลักษณะที่เงียบนิ่งสงบ เย็นยะเยือก มืดยิ่งกว่ามืด ว่างเปล่า มีอะติมมิคที่สะเทิน ในความสมบูรณ์คู่ของอะตอมมิคเกิดมีคู่หนึ่งคู่ใดถูกเบียดแล้วทำให้เกิดการแยกหลุดจากกัน ทั้งสองฝ่ายพยายามวิ่งเข้าหากัน แล้วกระทบกระเทือนคู่อื่นๆ ทำให้คําอื่นๆต้องหลึดออกจากกัน แล้ววิ่งเข้าจับคู่กัน พลังความร้อนจึงเกิดขึ้นในจักรวาล ความร้อนสร้างสีขึ้นมา สี่ที่เกิดขึ้นรวมตัวเป็นแสง ความสว่างจึงเกิดขึ้นในจักรวาล ความร้อนรวมตัวกันในจุดใดจุดหนึ่งในหลายจุดในจักรวาลหมันวนเข้าหาใจกลางเกิดดวงสว่างขึ้นความร้อนจากดวงสว่างทำให้อุณหภูมิในจักรวาลเพิ่มขึ้นแผ่รังสีออกไป ความร้อนในจุดสว่างได้กระชับอะตอมมิคให้ยึดเกาะกันในลักษณะยืดหยุ่นเป็นกลุ่มก๊าซร้อน ความร้อนที่เกิดขึ้นช่วยสร้างแร่ธาตุขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น เมื่อแร่ธาตุไฮโดรเจนจับรวมกับออกซิเจน เกิดธาตุน้ำเป็นตัวช่วยพาความร้อน ควบคุมความร้อน การควบแน่น การรวมตัวของก๊าซยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความร้อนคลายตัวจากจุดสว่างปรากฏของเหลวหนืดร้อนรวมตัวจากใจกลางจุดสว่างเป็นก้อนกลม เมื่อ ทุกอย่างทำการต่อไป การพาความร้อนหนีออกด้วยการแผ่รังสี ด้วยธาตุน้ำในลักษณะเป็นไอน้ำ ทำให้ความร้อนลดลงของเหลวหนืดร้อนก็เย็นตัวลงเกิดหินจำนวนหนึงปกคลุมของเหลวหนืดร้อนในลักษณะเป็นหลุมเป็นเนิน การรวมตัวของไอนำ้เมื่อพาความร้อนไปในห้วงจักรวาลวนกลับมาเป็นไออุ่น ไอเย็น
ทุกอย่างเป็นการเกิดดับของ ปฏิกิริยาความสัมพันธ์ธาตุ ถ้าไม่มีธาตุต่างๆเลยในกฎจักรวาลนี้สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดย่อมไม่ปรากฏขึ้น😅
วิญญาณธาตุ ก็เป็นอนัตตา เหมือนรูป-เวทนา-สัญญา-สังขารครับ
วิญญาณเป็น1ในขันธ์5(ส่วนประกอบของสรรพสัตว์ในคติต่างๆ มี5หรือ 4 ขันธ์คือรูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ)
แต่มีสิ่งที่ต้องเวียนตาย-เวียนเกิดไปในภพภูมิต่างๆ (นรก-กำเนิดเดรัจฉาน-เปรตวิสัย-มนุษย์-เทวดา) คือสิ่งๆหนึ่ง (หากสิ่งๆหนึ่งยังหลงในขันธ์ อยู่พระพุทธเจ้าเรียก ว่าสัตตานัง สิ่งๆหนึ่งจะยึดวิญญาณไปตามอารมณ์ที่เป็นอยู่ นำไปสู่คติต่างๆ(ตามกรรมที่ได้กระทำ)
แต่หากสิ่งๆหนึ่งหายหลงในขันธ์5เมื่อไหร่ สิ่งๆหนึ่งนั้นก็จะหยุดการเวียนว่ายตายเวียนเกิด
พระพุทธเจ้าเรียกว่า "นิพพาน"(ดับเน็น) สิ่งๆหนึ่งนั้นพระพุทธเจ้าเปลี่ยนชื่อเรียก จากสัตตานังเป็น"วิมุตติ"หรือ"วิมุตติญาณทัศนะ" เช่นพระพุทธเจ้าเองหรือพระอรหันต์คนอื่นๆ ครับ.
สตฺตานํ (บาลี) แยกศัพท์ สตฺต (สัตว์ คำนาน)+ นํ ฉัฏฐีวิภัติ (แปลว่า แห่ง , ของ, เมื่อ) = สตฺตานํ แปลว่า แห่งสัตว์ทั้งหลาย, ของสัตว์ทั้งหลาย, เมื่องสัตว์ทั้งหลาย แล้วแต่ว่ามันเป็นคำขยายของคำนานประเภทไหน สรุปคือเรียกว่า สัตว์ นะแหละ อย่าเรียกว่า สัตตานัง มันดูตลก
@@Kantaphon-js3xv :ผมก็นำคำบาลีมาเขียนแบบคาราโอเกะละครับ ไม่อยากใช้คำว่า "สัตว์" เกรงว่าจะมีการเข้าใจผิดคิดไปว่าหมายถึง พวกสัตว์เดรัจฉานหมูหมากาไก่ ทำนองนั้น..
แต่ที่แท้หมายถึง"การติด" ในขันธ์ของสรรพสัตว์(สัตว์นรก-สัตว์เดรัจฉาน-แปรตวิสัย-มนุษย์-เทวดา)
ปัญหาคือวิญญาณธาตุมาจากไหน _จุดเริ่มต้นจากไหน _ นรก สวรรค์ นิพพาน มาจากไหน ? เป็นสิ่งที่พุทธ ไม่เคยตอบให้ชัดเจน ว่า สิงต่างๆ เหล่านี้มาจากไหน _จะตอบว่าเกิดจากเหตุปัจจัยใครๆก็ตอบได้ _ คำถาม เหตุปัจจัยใดที่ทำให้เกิด นรก สวรรค์ นิพพาน ฐาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ฯ ?
@@sshinesaranakom8627 :ก็คุณไม่ศึกษาพุทธศาสนาให้ถึงที่สุดไงละครับ.
หากคุณรู้จักสิ่งสิ่งหนึ่ง คุณจะคลายปัญญาที่มีอยู่ว่า วิญญาณธาตุมาจากไหน.คำตอบที่พุทธศาสนา(พระพุทธเจ้า)บอกสอนไว้คือ
วิญญาน มาจากเหตุเกิดคือ สังขารทั้งหลาย แล้วสังขารทั้งหลายมาจากเหตุเกิดคือ อวิชชา ครับ
เพราะความไม่รู้(อวิชชา) สิ่งสิ่งหนึงจึงยึดติดสังขารทั้งหลายและยึดติดวิญญาน.
สิ่งสิ่งหนึ่งนั้นไปมี ฉันทะ(พอใจ)ราคะ(กำหนัด)นันทิ(เพลิน)ตัณหา(อยาก) ในขันธ์ทั้ง5 สิ่งสิ่งหนึ่งนั้นพระพุทธเจ้าเรียกว่า สัตว์-สัตโต-หรือสัตตานัง แปลว่า"ยึดติด" สัตว์จึงเวียนตาย- เวียนเกิด อยู่ในสังสารวัฏ ไม่มีวันจบ
อยู่ใน5คติ คือ นรก-เดรัจฉาน-เปรตวิสัย-มนุษย์-เทวดา ตามกรรมที่ให้กระทำมา ครับ.
@@User_ub3ts9mh5x อะไรคือสิ่งๆหนึ่ง ไหนตอบสิ,,ฯ
ถ้าเชื่อในเรื่องราวพระพุทธเจ้า การบอกว่าเรากำหนดชีวิตตัวเองได้ก็ไม่จริง เพราะหากคิดตามเรื่องเล่าต่างๆ ที่บอกว่าพระพุทธเจ้าเล่าว่า เกิดมาหลายชาติเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า และเคยพบพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ก็ตามเรื่องเล่าเลยที่พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ยังสามารถบอกได้ว่า ต่อไปใครจะได้เป็นพระพุทธเจ้าคนล่าสุด ใครจะเป็นใตน สาวกองค์ไหน หรือแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ต้องดับขันธ์ตามที่พระองค์ก็รู้ ไม่สามารถหนีได้ แม้จะใบ้ให้สาวกขอให้ไม่ดับขันธ์แล้วก็ตาม
สนุกมากค่ะชอบ🌟🌟🌟🌟🌟
อาตมาอยากให้ทุกคนทุกศาสนาเข้าใจความอัศจรรย์แห่งพระพุทธองค์ที่ตรัสรู้
้-ทุกสรรพสิ่งจริงๆ
คำตอบ ของทุกสิ่ง ในสากล จักรวาล
อยู่ ใน การตรัสรู้ ของพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุกๆ พระองค์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ถ้าใคร อยากรู้ ก้อให้ปรารถ ความเพียร เพื่อปราถนาเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทอญ
สิบปากว่า หาได้ดี เท่าตาเห็น
สิบตาเห็น ไม่ดีเช่น การพิสูจน์
หลอนจิตใจ ภาพลวงตา สารพัดพูด
สิ่งดึงดูด ประดิษฐ์ได้ หมายล่อลวง
From Anatta, Sunyata and Tathata.
จิตเราแสวงหาบัญญา และบัญญาเพิ่มพูนความรู้อีกแม้เราจะสูญสิ้นไปแต่บัญญายังคงรอผู้แสวงหาต่อไป ศรัทธา
ขอเรื่องกฎแรงดึงดูดหน่อยครับ❤
ชีวิตหรือ คืออะไร ไหนตอบที
คือการมี ชีวิตเพื่อ การสูญสลาย
และอย่าปอง เป็นเจ้าของ แม้ร่างกาย
และอย่าหมาย เอาไปได้ บุญใดใด
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
( What is LIFE ??? It's " Living is for evanescence "
Don't expect to have ownership of even our bodies
or our selves. And don't hope to take even one coin
of money. )
ไม่เคยเห็นจ่ะๆรูปร่าง แต่ได้ยินเสียงคนเดิน บนเสื่อน้ำมัน,ใบไม้,หินกรวด เดินเหมือนคนแต่เขามีน้ำหนักเบามาก
สู้ๆครับผมเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลาครับ ขอบคุณครับ
#ทำได้ดีมากคับ.ชอบๆ
ทำไมผมคิดเหมือนกันนะ เคยคิดแบบนี้ตอนที่เริ่มเรียนเคมีฟิสิกส์ แล้วเกิดคำถามมากมาย
ที่เขาเรียกว่าเส้นเวลาใช่ไหมครับ
วิญานเดินทางด้วยความเร็วแสงคับ
น่าจะเร็วกว่าด้วยซ้ำนะเพราะวิญญานก็ไม่สะท้อนแสง
ฟังสปีด1.25 กำลังดีเลย
กรรม อ่านว่า กำ ไม่ใช่กรัมค่ะ
ตราประทับ ไม่ใช่ ตาประทับ
ควอนตัม เอนเทงเกิลเมนท์ ไม่ใช่แอดแทค
😊..ขออนุญาต..1คำถามไดัป่ะครับ..! ❤😊
..ก็เท่ากับว่า.. เราใช้'เวลา'เป็นหน่วยวัดค่าการมีตัวตน(อัตรา) ของเราขึ้นมาใช่ป่ะครับ..?
ฉะนั้น..! .."เวลา(Time)"..
จึงเป็น.. ..'เอกภาพ'..
...ถ้าปราศจากเวลา..
..เราก็ 'ไม่มีตัวตน(อนัตตา)'
ขออนุญาตนะครับ..!
และขอขอบคุณไว้เลยนะครับ.❤
วิญญาณธาตุที่กล่าวนั้นถ้าศึกษาพุทธศาสนาจริงๆ ท่านไม่ได้หมายถึงวิญญาณแบบที่ทางโลกเข้าใจ
วิญญาณที่ท่านหมายถึงในพุทธศาสนา หมายถึง (ธาตุรู้)ใช่ไหมครับ
แปลเปนภาษาอังกฤษได้มั๊ยคะ
ความไม่แน่นอนคือความจริงครับ
จิตวิญญานสัตว์โลก.ปรมาณู_อนุภาค_อะตอม_สะสาร.ในจักรวาล.ฟิสิกส์ฟิวชั่น.จิตวิญญานจักรวาล.จิตวิญญานสรระสัตว์ในโลก.สปาคร์ทางจิตวิญญานสัมพันธ์.ในสภาวะสมดุลย์
ดีมาก
ชอบครับเข้าใจง่่าย
ศาสนาพุทธ สังขตธรรม จักรวาลนั้น เกิดจากธรรมธาตุที่มีการตั้งอยู่ก่อนแล้ว ใช้อภิญญาย้อนดูอดีตธรรมธาตุนี้ก็ไม่ปรากฏ จักรวาลนี้ไม่สามารถกำหนดเบื้องต้น ท่ามกลาง และจุดสิ้นสุดไม่ได้ เช่นเดียวกับ กรรม กรรมแรกนั้นไม่มีเพราะ จุดเริ่มต้นมันไม่มี แต่จะทำให้สิ้นสุดกรรมได้ จบสิ้นกรรมได้ คืออสังขตธรรม
👍❤
อาจจะงงกว่าเดิมอีก😂😂
แล้วใครเป็นกำหนดโทษว่าจะต้องชดใช้กรรมเท่าไหร่ยังไง? แล้วทุกสิ่งที่มีอยู่นั่นเกิดขึ้นได้อย่างไร?หาคำตอบนี้ให้ได้ก่อน..แล้วเกิดคำถามอีก ทำไมมันต้องเกิดขึ้น? หาเหตุผลมาให้ได้ก่อน แล้วผมยังมีคำถามสังสัยอีกมากก?? แต่ต้องตอบคำถามนั้นให้ได้ก่อน
@@ABalqis1987 ทุกสิ่งที่มีอยู่เกิดขึ้นเพราะมีการอาศัยเหตุปัจจัยซึ่งกันและกัน จะให้ตอบเรื่องอะไร คำถามมันกว้าง ยกตัวอย่างมาให้เป็นคำถามสักอันพอ
@@ABalqis1987 ใครเป็นตัวกำหนด การกำหนดเกิดมากได้อย่างไร
กรรม ออกเสียงว่า กำครับ จึงจะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ครับ..เกือบจะได้เต็ม 100 คะแนนอยู่แล้ว
คิดเหมือนกันครับ อาจมาแบบ กุศโลบาย โลกนี้ไม่ทีอะไรสมบูรณ์แบบ
น้อยคนนักที่จะบรรลุธรรมชั้นสูงได้ คือหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าคนสว่นมากบรรลุธรรมได้มากๆ โลกเราก้จักจะไม่วุ่นวายอย่างทุกวันนี้ ขอให้ทุกๆท่านจงเข้าถึงธรรมอันสูงสุดให้ได้นะครับ สาธุ ๆๆ
ไม่ต้องถึงการหลุดพ้น แค่มนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้ รักษาศีลธรรม ละเว้นจากอบายมุขทั้งปวง มั่นทำความดี ละเว้นจากการทำชั่ว ทำใจให้ผ่องใส เท่านี้โลกใบนี้ก็สงบสุข ปราศจากความวุ่นวาย แน่นอน...
ทำไมมีแต่วิญาณหรือผีที่เคยเป็นมนุษย์ พวกสัตว์ที่ตายไปแล้วทำไมไม่เคยเห็นมาปรากฎในรูปแบบของผีหรือวิญญาณบ้างครับ องค์ประกอบของสัตว์ก็น่าจะเป็นพลังงานคล้ายๆมนุษย์เหมือนกัน ผมคิดเองนะครับเลยสงสัย
เวลาไม่มีอยู่ มันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น สิ่งที่จริง แท้ และแน่นอนคือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีแค่นี้ สนับสนุนครับ ดูแล้วยิ่งเข้าใจชีวิตแบบง่ายๆ
เวลาเปรียบเหมือน ละติจูด ลองจิจูด แต่ละภพชาติ หากไม่มีเส้นเวลาเราก็จะแยกมิติอนันไม่ได้ เมื่อจิตเราหลุดจากกายหยาบจะสามารถอยู่เหนือเส้นเวลาและรับรู้ทุกภพมิติ เส้นเวลาจึงเป็นดั่งพิกัดให้จิตเรารู้ตำแหน่งของเราแต่ละภพภูมิ
@@งงงวย-ฉ5ฅ คอมเม้นนี้เห็นภาพเลยครับ เวลาเป็นเพียงพิกัดแสดงผลความเป็นไปได้ต่างๆ แสดงผล ณ จุดช่วงเวลาๆนั้น แสดงว่าเหนือมิติที่4 ขึ้นไปกาลเวลาไม่มีอยู่ มันจะเหนือจินตนาการของมนนุษย์ขนาดไหนกันนะ
@@pwlppwlp5159 หากเราอยูุ่เหนือเส้นเวลา เราจะเห็นทุกภพชาติ เรารับรูุ้ได้เลยว่า อดีตหรืออนาคต ไม่ได้มีผลพวงอะไรมากมายเท่ากับปัจจุบัน เพราะการกระทำ ณ ช่วงเวลาปัจจุบันส่่งผลถึงทุุกมิติภพ ทุกช่วงเวลา จะอดีต อนาคตส่่งผลหมด เพราะมันคือ วัฏจักร ที่หมุุนวนไม่่มีวันจบสิ้น จักรวาลเกิดและดับ ดังนั้นอดีตของการเกิดใหม่ ย่อมคืออนาคตของสิ่งที่เคยมีอยู่ จะอดีตหรืออนาคตจึงไม่มีจริง ทุกสิ่งล้วนหมุนวนในระนาบเดียวกัน ไม่มีเริ่ม ไม่มีดับ เราทุกคนจึงต้องหาทางหลุดพ้น ด้วยนิพพาน
พระตถาคตตรัส..การเกิดขึ้นของคืนวันเวลา..เนื่องมาจากเหตุปัจจัยคือการบังเกิดของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์..(วิวัฏฏะ)การนับเป็นปี/ปีทิพย์..จึงมีเฉพาะในกามภพ /ส่วนรูปภพ,อรูปภพ.นับเป็น กัปป์..แต่ที่แน่ๆคือ ทุกอย่างในโลกหรือระบบขันธ์5หรือระบบสังขตะธรรม..ล้วนตั้งอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)ทั้งสิ้น..ดังนั้น สิ่งใดมีความเกิดขึ้น ก็ล้วนมีความด้บไปเป็นธรรมดา!! จนกว่าจะได้สดับพระส้ทธรรมได้รับรู้และเห็นแจ้งความจริงด้วยปัญญา..ดับอวิชชา(ความไม่รู้ในอริยสัจ)+ละความพอใจ(ฉันทะ,ราคะ,นันทิ,ตัณหา)..ในอัตภาพที่เปลี่ยนไปๆตามแรงกรรม.(คติทั้ง5..สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน..เปรตวิสัย..มนุษย์..เทวดา)...การเวียนว่ายตายเกิดก็จะสิ้นสุดลงได้../แต่หากยังพอใจ,ยังหลงพร้อมอยู่ในอัตภาพที่ได้...ตราบนั้นก็ยังต้องวนเวียนอยู่ในกองทุกข์ต่อไป.😢😢 ตัวอย่างที่พระศาสดาตรัสเรื่องเวลาและอายุ 👇👇
ฯลฯ
[๕๖] ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ มีสมัยบางครั้งบางคราว โดยล่วง ระยะกาลยืดยาวช้านานที่โลกนี้จะพินาศ เมื่อโลกกำลังพินาศอยู่ โดยมากเหล่า สัตว์ย่อมเกิดในชั้นอาภัสสรพรหม สัตว์เหล่านั้นได้สำเร็จทางใจ มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากกายตนเองสัญจรไปได้ในอากาศ อยู่ในวิมานอันงาม สถิต อยู่ในภพนั้นสิ้นกาลยืดยาวช้านาน
ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ มีสมัยบางครั้ง บางคราว โดยระยะกาลยืดยาวช้านาน ที่โลกนี้จะกลับเจริญเมื่อโลกกำลังเจริญ อยู่โดยมาก เหล่าสัตว์พากันจฺติจากชั้นอาภัสสรพรหมลงมาเป็นอย่างนี้ และสัตว์นั้น ได้สำเร็จทางใจ มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากกายตนเอง สัญจรไปได้ในอากาศอยู่ในวิมานอันงาม สถิตอยู่ในภพนั้นสิ้นกาลยืดยาวช้านาน ก็แหละ สมัยนั้นจักรวาลทั้งสิ้นนี้แลเป็นน้ำทั้งนั้น มืดมนแลไม่เห็นอะไร ดวงจันทร์และ ดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ปรากฎ ดวงดาวนักษัตรทั้งหลายก็ยังไม่ปรากฎ กลางวันกลาง คืนก็ยังไม่ปรากฎ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ยังไม่ปรากฎฤดูและปีก็ยังไม่ปรากฎ เพศชายและเพศหญิงก็ยังไม่ปรากฎ สัตว์ทั้งหลาย ถึงซึ่งอันนับเพียงว่าสัตว์เท่า นั้น ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้นต่อมา โดยล่วงระยะกาลยืดยาวช้านาน เกิดง้วนดินลอยอยู่บนน้ำทั่วไป ได้ปรากฎแก่สัตว์เหล่านั้นเหมือนนมสดที่บุคคลเคี่ยว ให้งวด แล้วตั้งไว้ให้เย็นจับเป็นฝาอยู่ข้างบน ฉะนั้นง้วนดินนั้นถึงพร้อมด้วยสี กลิ่น รส มีสีคล้ายเนยใสหรือเนยข้นอย่างดี ฉะนั้น มีรสอร่อยดุจรวงผึ้ง เล็กอันหาโทษมิได้ ฉะนั้น ฯ
ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ต่อมามีสัตว์ผู้หนึ่งเป็นคนโลนพูดว่า ท่าน ผู้เจริญทั้งหลายนี่จักเป็นอะไร แล้วเอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดู เมื่อเขาเอา นิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดูอยู่ ง้วนดินได้ซาบซ่านไปแล้ว เขาจึงเกิดความอยาก ขึ้น ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ แม้สัตว์ พวกอื่นก็พากันกระทำตามอย่างสัตว์นั้น เอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดู เมื่อสัตว์เหล่านั้นพากัน เอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลอง ลิ้มดูอยู่ ง้วนดินได้ซาบซ่านไปแล้ว สัตว์เหล่านั้นจึงเกิดความอยากขึ้น ต่อมาสัตว์ เหล่านั้นพยายามเพื่อจะปั้นง้วนดินให้เป็นคำๆ ด้วยมือแล้วบริโภค ดูกรเสฏฐะและ ภารทวาชะ ในคราวที่พวกสัตว์พยายามเพื่อจะปั้นง้วนดินให้เป็นคำๆ ด้วยมือแล้วบริโภคอยู่ นั้น เมื่อรัศมีกายของสัตว์เหล่านั้นก็หายไปแล้ว ดวงจันทร์และดวง อาทิตย์ก็ปรากฏ เมื่อดวงจันทร์และ ดวงอาทิตย์ปรากฏแล้ว ดวงดาวนักษัตรทั้งหลาย ก็ปรากฏ เมื่อดวงดาวนักษัตรปรากฏ แล้ว กลางคืนและกลางวันก็ปรากฏ เมื่อ กลางคืนและกลางวันปรากฏแล้ว เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ปรากฏ เมื่อเดือนหนึ่ง และกึ่งเดือนปรากฏอยู่ ฤดูและปีก็ปรากฏ ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ด้วย เหตุเพียงเท่านี้แล โลกนี้จึงกลับเจริญขึ้นมาอีก ฯ
(พระไตรปิฏกฉบับหลวง เล่ม ๑๔ หน้า๖๕ ข้อ ๔๖)
แม้ยากไร้ แม้ยิ่งใหญ่ รวยล้นฟ้า
จ้าวปัญญา อวดวิชาการ ด้านอวกาศ
แม้ต้อยต่ำ แม้ผู้นำ มหาอำนาจ
มิบังอาจ เก่งกาจหนี อนัตตา
Although very poor, very great, limitlessly
rich , extremely intelligent, showing their
academy to travel in the space, very inferior,
and leading the greatest power, all lives
are unable to courageously escape
non-substantiality, insubstantiality, emptiness, vanity, vacuity, nothingness, evanescence, and having
no true selves at all.
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
เมื่อใดที่นักวิทยาฯหันมาศึกษาพุทธศาสตร์เมื่อนั้นนักวิทฯจะเจอทางออก
เขาศึกษาทุกศาสนานั้นแหละ
ต้องลองศึกษาเรื่อง จิตมโนวิญญาณ แค่เราคิด ภพใหม่ก็เกิดขึ้นแล้ว ถ้าใครเข้าใจเรื่องนี้ จะเข้าใจทุกอย่างเลย ไม่ต้องสนใจ หลักหรือทฤษฎีต่างๆเลย เพราะรู้ไปมันก้ไม่ได้ช่วย ให้เราหลุดออกจากระบบการเกิดนี่ได้เลย ต้องหมั่นฝึก การทำอนาปาณสติ หยุดคิดเรื่องฟุ้งซ่าน เรื่องไม่ดีก่อนเก่งแล้วก็หยุด คิดเรื่องดีตามไปด้วย ให้เหลือแต่ อุเบกขาไม่สุขไม่ทุกข์ หลักการง่ายๆ แต่ทำโคตรยาก เพราะกิเลศเป็นของมีกำลังอันมนุษย์ ปุถุชนละได้ ยาก
แข่งฟุ้งซ่าน สร้างวิมาน ในอากาศ
ยิ่งเกลื่อนกลาด บ้าทำบุญ ขุนชาติหน้า
พระต้มตุ๋น หนุนเป็นทาส กิเลสตัณหา
บอดปัญญา หาได้เห็น โลกความจริง
สรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ อนัตตา
กาลเวลา รวดเร็วพร่า ทุกสิ่งไป
สุญญตา มาล้อมรอบ เอกภพไว้
ไม่มีใคร ได้อะไร สักอย่างเลย
From Anatta, Sunyata and Tathata.
สำหรับผมนั้นผมก้อไม่ได้ฉลาดและผมก้อไม่ได้ดูถูกหลักของทฤสดีของอาจารย์หลายๆึน..ผมว่าความคิดของเราเราควรจะแหกกฏหลักทรสดีได้แล้วเพราะโลกเปลื่อนคนก้อเปลบื่อนคนเปลื่อน ำให้โลกเปลื่อนถ้าเราลองแหกหลักกฎ..แล้วมาวาวางหลักกดของเราถ้ามันผิดอย่าท้อการเรียนรุ้อะไรไม่เท่าหมั่ฝึกฝนขวนขวายหาวิชาความรุ้😢🎉❤❤❤
พูดเรวเกินไปพูดเรื่องแบบนี้น่าจะพูดให้ช้าลงหน่อยแต่อย่าให้ช้าจนเกินไป..พูดให้คนฟังพอได้คิดตามได้บ้างคงจะสวยงามและผู้ฟังคงได้สาระมากกว่านี้...นี่คุณพูดไม่มีเว้นวรรค..ไม่มีจัวหวะจะโคนเลย..แบบว่าคุนรีปพูดให้จบๆไป😮😮😢😢😢
สาธุครับ🙏🙏🙏😇👑🌷❤☂️🧘♂️🔑🔓🦁🐀
ผมคิดว่าคนทุกคนกลัวตายแต่จะตายตอนไหนไม่รู้ ผีจึงเกิดขึ้นจากความกลัวตายพุทธะจึงให้พระเข้าป่าไปหาตายถ้าเมื่อไหร่รู้ว่าเราจะต้องตายเมื่อนั้นเราจะเป็นอิสระจากความกลัว
แต่คนมันไม่คิดว่ามันจะต้องตายมันเลยหาเอาแต่ความสุขสนุกสนานเอาเปลียบชาวบ้านชาวเมื่องพอเกิดทุกก็ไปหาพระมันก็วลอยู่แบบนี้จบที่ตายเหมือนเดิมเขาใจนะเลิกถามได้แล้ว
กลัวตายเพราะไม่รุ้จักอิสลาม