Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
ผมก็มีเรื่อองทำให้ผมไม่คุยกับเพื่อนสนิทตอนม.ปลาย จนไม่คุยกันเป็นปีๆ ผมก็เหมือนพี่บิ๊กที่ไม่มีความกล้าจะไปขอโทษเพราะตัวเองก็ผิด แม้พยายามแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายโชคดีที่มีเพื่อนช่วยกับเพื่อนคนนั้นเขาก็ไม่อยากทิ้งความสัมพันธ์นี้ผมก็คิดมาตลอดอยู่แล้วด้วยต่างคนก็เลยกลับมาคุยกันเลย 😊
ย้อนกลับไปเคยมีรุ่นพี่ที่สนิท แต่เพราะความเห็นการเมืองไม่ตรงกัน กลายเป็นปัญหาใหญ่ซะงั้น แทนที่จะเออต่างคนต่างไม่ยกเรื่องนี้มาพูดกันจะได้ไม่ทะเลาะ แต่เขาก็ยังคอยแซะอยู่เรื่อยๆ โพสแซะ แท็กแซะไม่หยุด ต่อหน้าทำตัวปกติคุยปกติ งั้นก็โอเค ขอไม่คบค้ากับคนแบบนี้ละกัน ถ้าบางเรื่องยังไม่รู้จักแยกแยะ ก็ไม่ต้องมานับถือเป็นพี่เป็นน้องกัน แยกย้ายไปสบายใจกว่า
บิ๊กบ่วงวงแตก! 😢
ถ้าเพื่อนคนนั้นมีประโยชน์ก็ควรเก็บไว้ เวลาอีโก้ขึ้นต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ ขอโทษให้ได้ ยอมแพ้ให้เป็น แต่ถ้าวิเคราะห์ดูแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรก็ตัดๆแม่งไปเหอะ555+ สำหรับผมช่างแม่งอะ คบกันแล้วมีแต่ความทุกข์มีแต่ความอึดอัดจะคบกันทำไม คนเราเคมีมันไปกันไม่ได้ก็คือไปกันไม่ได้ ผมก็เก็ทนะ คนไหนที่ผมก็รู้ว่าเขาอยู่กับผมละเราก็ไม่รู้จะคุยอะไร หรือผมอยู่กับเขาละเขาดูอึดอัด ผมก็เป็นฝ่ายถอยหรือบางทีเขาก็เป็นฝ่ายถอยออกมา ชีวิตเรามีอะไรทำให้เจออีกเยอะ ถ้าคุณมีประโยชน์เดี๋ยวมันก็มีคนมาเข้าหาคุณเอง หรือคุณไปเข้าหาเขาถ้าคุณมีประโยชน์เขาก็อยากจะรู้จักคุณ ประโยชน์ในที่นี้ไม่ใช่แค่วัตถุอย่างเช่น เงิน,ความเก่ง,ความสามารถ อย่างเดียวมันยังรวมถึงความสนุก ความเข้ากันได้ คุยกันถูกคอ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี พวกนี้ก็คือประโยชน์ทั้งสิ้น
และวันนี้เรา เหนียวแน่นกว่าเดิม ❤
4:37 จริงครับผมโคตรเข้าใจ ผมก็เป็นบ่อย
12:24 ในส่วนตรงนี้สำหรับคนที่อยากรู้นะครับ สำหรับผมจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่ความรู้สึกหรืออะไรใดๆเลย แต่เพราะคนเราปกติมีความคาดหวังกับผลลัพธ์ แล้วเมื่อผลลัพธ์มันจะออกมาไม่ดีหรือแย่ ก็จะกลัวกัน บางคนคิดไปก่อนแล้วกลัวไปเองจนไม่ได้ทำแม้ว่าบางครั้งมันจะไม่ได้แย่เสมอไปก็มี ในส่วนนี้คือการ "ยอมรับ" กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นครับ ถ้าทำใจยอมรับได้ทั้งดีและแย่ แต่ขอแค่คิดว่าทำให้มันถูกหรือควรจะทำก็คือจบครับ คนส่วนใหญ่ติดปัญหาตรงนี้เยอะมากๆเพราะเรื่องของการดูถูก เหยียดหยาม แพ้ใครไม่ได้ เป็นรองใครไม่เป็นและบางครั้งอาจเป็นเพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคอไว้เยอะไปจนหวงมันมากเหลือเกิน(เข้าใจง่ายๆก็คืออีโก้) เลยทำให้ในส่วนนี้เกิดขึ้นยากพอสมควรในสังคมครับ (ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าส่วนไหนผมยังขาดตกบกพร่องก็สามารถเพิ่มเสริมเติมแต่งและแนะนำได้นะครับ เพราะในส่วนนี้มันแค่ส่วนหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์โดยตรงที่เกิดขึ้นในชีวิตผมและปรับใช้เพื่อให้เป็นคนที่ดีขึ้นในสังคม (หรือเรียกง่ายๆผมก็แค่อยากไม่ถูกมองว่าโตแต่ตัวหรือเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่าเคารพครับ) เพราะฉะนั้นแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่ครับ มันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นด้วย และผมก็จะได้แนะนำหรือสอนคนรุ่นถัดๆไปได้ดีขึ้นด้วยครับ)
อีโก้ เป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับผม ทำไมธรรมชาติถึงโปรแกรมเราให้มาเป็นแบบนี้ เวลาที่เราทะเลาะกับใครสักคน อาจจะเถียงกันมีเรื่องไม่พอใจกัน เรามักจะพยายามเอาชนะและไม่อยากจะเป็นฝ่ายแพ้ แม้ว่าบางทีลึกๆก็รู้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดหรือเป็นฝ่ายผิดเลยแหละแต่ไม่กล้าพูดคำว่าขอโทษ หรือสารภาพว่าผิดเอง เพราะอีโก้มันบอกว่าถ้าทำแบบนั้นเราจะดูด้อยกว่า ดูอ่อนแอ ดูไม่เท่ห์ ดูไม่มีศักดิ์ศรี สารพัดความหมายที่เราประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อตอบสนองอีโก้ของตัวเอง ว่าแพ้ไม่ได้ต้องชนะ แม้ว่าก็รู้ทั้งรู้นะว่าชนะไปก็ไม่มีประโยชน์เท่ากับยอมแพ้ เพราะต่อให้ชนะเราก็เสียเพื่อน ถ้าแพ้เรายังมีโอกาสใจเย็นลงแล้วปรับความเข้าใจกันใหม่ได้ ผิดก็ยอมรับผิด ต่อให้ไม่ผิดถ้าเรากล้าพูดขอโทษฝ่ายที่อารมณ์ขึ้นและกำลังเป็นไปตามอีโก้ของเขาก็อาจจะเริ่มใจเย็นลง เพราะคนเรามันใจเย็นสติหรือสมองส่วนเหตุผลก็เริ่มกลับมา เราจะได้คิดไตร่ตรองกันให้ดีว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้มันยังไงกันแน่ ให้อภัยได้มั้ย? ถ้าไม่ได้ต้องชดใช้ด้วยอะไร? จะประณีประนอมกันได้ไหม ? สารพัดทางรอดจะออกมาเต็มไปหมด ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของเรามันยังคงเดินไปต่อได้ พื้นฐานแล้วจากหนังสือ Selfish gene อีโก้ในมนุษย์มันมีขึ้นมาเพื่อทำให้มนุษย์มีชีวิตรอดและส่งต่อยีนไปเรื่อยๆ นั่นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นวัตถุประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ทางชีวภาพ ทำให้ตนแข็งแรง มีเพื่อนมีฝูง ทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอด แต่แปลกมากที่เรื่องนี้การมีอีโก้เป็นหนึ่งในวิธีพิสูจน์ก็จริงว่าเราเหนือกว่าแข็งแกร่งกว่าแต่สิ่งที่ต้องแลกมามันก็คือความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือคนรักที่อาจขาดแบบหลุดลุ่ย (ผมว่ายกเว้นแบบลูกน้องหัวหน้า ถ้าหัวหน้ามีอีโก้มากอาจเป็นข้อดีเพราะจะทำให้ลูกน้องเชื่อฟังและทำให้หัวหน้าคุมฝูงลูกน้องได้) ในอดีตสมัยยุคที่เราอยู่ในป่าธรรมชาติ อีโก้แบบนี้คงจำเป็นมากๆ แต่พอมายุคนี้ ยุคสมัยใหม่การมีอีโก้แบบนี้ในเชิงความสัมพันธ์แล้วมันเป็นข้อเสียมากกว่า มนุษย์ต่างไม่ชอบให้คนอื่นมาเหนือกว่าตน โดดเด่นกว่า รวยกว่าตนอยู่แล้วทั้งนั้น เราอยากเป็นพระเอกของเรื่องโดยสัญชาตญาณลึกๆแล้ว ดังนั้นการที่คนอื่นบอกว่าเราผิดและบอกว่าตัวเองถูกจึงเป็นสิ่งที่เราในฐานะเครื่องบรรทุกอีโก้นั้น ยอมรับไม่ได้ ทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง ไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมา สรุป ทั้งหมดที่ผมอยากบอกก็คือ ในอดีตอีโก้คงมีประโยชน์ของมัน ธรรมชาติหรือยีนจึงรังสรรค์ให้เราเป็นแบบนี้ แต่พอมายุคนี้มันไม่ใช่ เรากลับต้องรู้จักใช้อีโก้ให้เป็น ถ้าเพื่อนคนนั้นมีประโยชน์กับเรา เราควรต้องรักษาเขาไว้ด้วยการลดอีโก้ของตัวเรา เริ่มที่ตัวเองแล้วค่อยเริ่มไปบอกคนอื่น แต่ถ้ามันไม่มีประโยชน์ผมว่าช่างแม่งบ้างก็ได้ ได้เถียงชนะก็สะใจดีเหมือนกัน 555+ (มีความสุขเพราะตอบสมอง need ของ Ego)
@@Armwattikorn สำหรับทุกวันนี้ยังมองว่าอีโก้ก็ยังสำคัญครับ แค่บางเรื่องจริงๆเช่น หากว่าเรารู้ว่าอะไรควรที่จะทำ แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ทำและยุยงให้เราไม่ทำตาม(ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือเพื่อนบอกไม่ต้องเข้าคลาสเรียนเพราะอยากไปเที่ยว แต่ผมอยากเข้าเรียนเพราะผมต้องการเกรดเลยไม่สนใจ อะไรทำนองนี้) อีโก้ก็จะดูดีขึ้นมาในบางกรณีถ้ารู้จักวิธีใช้งานมัน แต่สังคมเราไม่ได้ถูกสอนให้ใช้งานให้ถูกหรือพอเหมาะพอควร เลยกลายเป็นว่า ไม่รู้จักใช้วิธีการคุบควมอีโก้ และก็ส่งผลต่อไปเรื่อยๆ แต่สิ่งนึงที่สามารถเอาชนะอีโก้ได้จริงๆก็คือการชนะใจ ซึ่งก็ดันเป็นเรื่องที่ยากมากๆๆๆๆเข้าไปอีก เพราะต้องใช้ทั้งเรื่องการศึกษาบุคลิกและนิสัย ไม่เท่านั้นยังต้องเป็นคนยอมก่อนเพื่อการเปิดใจ เมื่ออีกคนทีเรากำลังดีลด้วยเริ่มเห็นว่าเรานั้นสามารถยอมรับในตัวเขาได้ ก็จะเริ่มฟังเราขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ก็ใช้เวลาอีก จึงทำให้การดีลกับคนที่มีอีโก้สูงๆนั้นค่อนข้างยากจริงๆครับ หรือวิธีที่ค่อนข้างรุนแรงเลยก็คือการหักหน้า(จริงๆใช้คำนี้ไม่ได้เต็มร้อยเสียทีเดียวแต่ผมชอบ) มันคือการพิสูจน์ความจริงให้เห็นกันไปเลยว่าผลลัพธ์คืออะไร คนที่มีอีโก้ก็อาจจะทำได้แค่บ่นไปเรื่อย หรืออ้างไปเรื่อย แต่ถ้าเจอคนที่ดีหน่อยก็อาจจะเริ่มฟังความคิดเห็นคนอื่นบ้างก็มีเหมือนกันครับ แต่น้อยมาก โดยรวมแล้วสำหรับผมการดีลกับคนมีอีโก้คือการเริ่มจากการเปิดใจแหล่ะครับ และวิธีที่ต้องควบคู่กันคือการยอมรับที่แม้เราอาจต้องเป็นฝ่ายเดียวที่ต้องทำก็ตาม ต่อมาสำหรับสิ่งที่ไม่แน่นอนที่สุดก็คือการรอ ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่สามารถเดาได้จริงๆครับว่าผลลัพธ์จะดีจริงหรือเปล่า ท้ายที่สุดสำหรับผมถ้าใช้เวลานานเกินไปหรือเริ่มเหนื่อยก็คือต้องปล่อยและถอยออกมาแหล่ะครับ แม้คนๆนั้นจะเป็นเพื่อนหรือคนรักแม้กระทั่งคนในครอบครัวก็ตาม(ครับ ผมเจอกับคนในครอบครัว) เพราะฉะนั้นยังไงก็แล้วแต่ คนเราทุกคนมีทางเดินและชีวิตเป็นของตัวเองครับ ขอแค่เคารพในการตัดสินใจกันและยอมรับมันว่าเกิดอะไรขึ้นก็พอแล้ว ไม่งั้นปวดหัวตายแน่ๆครับ ผมบอกเลย XDD
เพิ่มเติมอีกอย่างเพราะอาจจะมีคนที่สงสัยแน่ๆว่าสังคมไม่สอนจริงๆหรือ สำหรับผมเท่าที่เจอมา มันไม่ได้เรียกว่าสอนอ่ะครับ สำหรับผมมองว่ามันคือการ "ห้าม" และคำว่าห้ามนั้นเป็นคำเด็กฟังแล้วรู้สึกไม่อยากทำตาม เพราะจะสงสัยและอยากรู้ขึ้นมาในใจสำหรับเด็กส่วนใหญ่ คำว่าห้ามเลยใช้สอนไม่ได้จริงๆครับ แต่การสอนจริงๆมันคือการบอกว่าะไรคืออะไร เช่นถ้าเราอยากจะสอนเด็กสักคน เราต้องบอกว่าทำแบบไหนแล้วอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งผลลัพธ์ที่ดีและไม่ดี แล้วให้เด็กคนนั้นเลือกเองครับ ว่าอยากได้แบบไหนพร้อมยกตัวอย่างให้เด็กได้เข้าใจง่าย เด็กจะฟังเรามากกว่าใช้คำว่าห้ามครับ อันนี้อิงจากสิ่งที่เจอมากับตัว สามารถเพิ่มเติมได้เช่นเคยครับ เพราะประสบการณ์ผมมันแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเองครับ
ตัวเราเองก็เคยไม่ถูกกับคนในบ้านเลยสักคน แล้วก็ทะเลาะกับเพื่อนจนไม่คุยกันเลยเป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 5 ปี ส่วนตัวคิดว่าเป็นเพราะช่วงอายุ เพราะตอนเราเป็นแบบนั้นคือช่วงเราอายุ 18-23 ปี แต่พอผ่านเวลามาผ่านเรื่องราวมาพอมาเจอดันอีกทีก็ตึงๆนะ แต่ก็กลับมาสนิทกันมากๆ ส่วนที่บ้านดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้คือคนละคนกะตอนนั้นมากๆ กลับไปนึกทีไรคือ ตอนนั้นเราไร้สาระมาก แล้วเรื่องที่ทะเลาะกันคือเป็นเรื่องเล็กมากๆ สำหรับตอนนี้😂😂😂
ไม่รู้จะอินโทรยังไง เอาแบบนี้เลยแล้วกันใช่ครับ ปัญหาที่ผมเจอคือไม่รู้จะเริ่มต้นขอโทษยังไง เวลาทำผิดกับเพื่อนเอาเป็นว่าผมสารภาพบาปเลยแล้วกัน สมัยก่อนตอนเรียน ม.ต้นในระดับ top 5 ของประเทศเพราะโชคดีจับฉลากเข้าไปได้ บอกตามตรงผมเรียนไม่ได้เลย มาตรฐานผมจากโรงเรียนเอกชนชานเมืองตัวผมที่เคยเป็นระดับหัวกะทิของระดับชั้น มาเจอโรงเรียนระดับนี้ แล้วเพื่อนในห้องก็มาจากโรงเรียนเดียวกันซะส่วนมาก เค้าเลยจับกลุ่มกันได้เร็วจนกลายเป็นที่โหล่ของห้อง แถมโชคร้ายโดนจับไปอยู่ห้อง Queen ด้วยสักพักนึงเลยเริ่มหนีไปเล่นเกม แล้วก็ถึงขั้นโดดเรียนไป แต่หนักสุดคือยืมเงินเพื่อนแล้วเพื่อนคนนั้นมีปัญหาจิตระดับนึง แล้วผมก็ take advantage ตรงนั้น ยืมเงินมาได้ (ใช่ครับ เด็กส้นตีนนั้นเอง)ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คืน จำนวนเงินมันไม่ได้มาก น่าจะประมาณหลักสิบ แต่ระหว่างเรียนมีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมได้ไปบ้านเค้า แล้วก็ได้รู้ว่าบ้านเค้าก็ฐานะไม่ดีด้วย รู้สึกผิดสุดๆแต่ไม่รู้จะเข้าไปพูดยังไงเพราะช่วงนั้นทางบ้านก็รู้ว่าติดเกมเลยให้เงินมาเรียนแบบพอดีเป๊ะๆ ค่ากินและเดินทาง = หมดผ่านมาน่าจะ 15 ปีได้แล้ว ความผิดมันก็ยังตามหลอกหลอนอยู่เรื่อยๆ ทุกครั้งที่เห็นคนบ้าข้างทางหรือเวลาเจอเคสยืมเงินแล้วไม่คืน ทุกครั้งได้โบนัสหรือได้ขึ้นเงินเดือนผมจะนึกถึงเพื่อนคนนี้ตลอด ทำได้แค่รู้สึกผิด เพราะคงจะหากันไม่เจอแล้ว- สรุปสำหรับคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ ตามที่พี่บิ๊กพูดครับ รอเวลาให้เรื่องมันซาได้ แต่พอถึงวันนั้นอาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอกัน พยายามลดอีโก้ ขุดความกล้าของคุณออกมาแล้วขอโทษออกไปครับถ้าทำได้ให้พยายามทำ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมก็เข้าใจครับ แต่พยายามให้ได้ ลองทำเหมือนพี่บ่วงคุณอาจจะได้เพื่อนแท้เพิ่มขึ้นมาอีกคน ที่เข้าใจคุณจริงๆ เพราะเพื่อนคนนั้นเคยผ่านเหตุการณ์แย่ๆกับคุณมากก่อน
ผมเข้าใจพวกพี่เลย ไอ้พวกธุรกิจเครือข่ายที่มันเป็นสิ่งที่ทำมาเพื่อให้มิตรสหายของพวกเราทุกคนเกิดความแตกแยกได้ ผมมีเพื่อนแบบนี้อยู่คนนึง ค่อนข้างสนิทกันระดับขอพูดคุยเรื่องส่วนตัวบางเรื่องได้บ้าง ซึ่งหลังจบมหาลัยแล้วเข้าสู่วัยทำงาน เขาก็ยังเป็นหนึ่งในเพื่อนที่คอยทักคุยเราหาอยู่เป็นประจำเสมอ แต่หลังจากที่เห็นช่วงหลังๆกำลังฟิตหุ่น ผมก็เลยทักเขาไปว่าเออหุ่นดีจัง ไปๆมาๆเหมือนชวนคุยว่าเออเห็นเราอยากลดน้ำหนักอยากจะรู้ไหมว่าเราทำยังไง ผมให้ผมเองก็ค่อนข้างศึกษาเรื่องนี้มาพอตัวก็คือรู้เลยว่ามาแพทเทิร์นแบบนี้ขายตรงชัวร์ ไอ้ความที่เราก็อยากลองของก็เลยลองเป็นนั่งฟังมันคุย สรุปคุยกัน 2-3 ชั่วโมงขายสินค้าพร้อมกับส่วนลดอะไรสักอย่าง เป็นเราก็เสียดายแหละ ทั้งความสัมพันธ์ที่เราก็ผ่านมากันก็เยอะ ถึงยังไงสุดท้ายก็กลายเป็นต้องตัดความสัมพันธ์ทิ้งเพราะสำหรับเรามีมุมมองว่าเราเป็นเครื่องมือหาเงินอะไรสักอย่างสำหรับเขา(ในลักษณะที่เขาได้ฝ่ายเดียว) ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้นก็ตาม แต่เราต่างคนต่างชีวิตถ้ามันไม่ได้อยู่ในจุดที่มีประโยชน์ร่วมกัน อย่างเช่นคนนึงตั้งใจขายตรงเพื่อให้คุณเข้ามาอยู่ในธุรกิจเดียวกับเขาตัวที่ตอนแรกคุณไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ มันก็ต้องตัดทิ้งเพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับมันอยู่แล้วยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับที่พี่บ่วงกลับมาและพี่บิ๊กก็ให้โอกาส เพราะขนาดเพื่อนบางคนที่ผมเคยแบบว่าอยู่ด้วยกันตลอดก็ต้องตีความแบบตัดความสัมพันธ์ไป เพราะบางคนอาจจะแบบเรื่องความต้องการส่วนตัวเขา ความเข้าใจผิดกัน ถึงขนาดบางเรื่องตั้งใจจะเปิดอกคุยกันเขาก็ยังไม่ฟัง
ผมว่าถ้าเจอคนไม่ดีมาขายยังไงก็แตกแยก แต่ถ้าเขาไม่ได้มาหาผลประโยชน์อย่างเดียว (อาจจะหวังขายได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร) ฝ่ายที่ทำให้พังน่าจะไม่ใช่คนที่ทำธุรกิจเครือข่าย แต่น่าจะเป็นคนที่่ไม่เปิดรับ และไม่มีการตัดสินใจที่ดีถ้าคุณซื้อ = มันต้องมีประโยชน์สำหรับคุณ = มันเป็นผลประโยชน์ของคนขายด้วยแต่ถ้าไม่มีประโยชน์ก็ตัดสินใจง่ายๆไม่ซื้อไม่เข้าร่วม เพราะฉะนั้นคำว่าได้ฝ่ายเดียวไม่คววรเกิดขึ้นได้ ยิ่งคนที่ชอบพูดแนวๆ "ค่อนข้างศึกษาเรื่องนี้มาพอตัว" พูดไรงี้ออกมาจริงๆไม่ค่อยรู้หรอกผมว่า
ผมเห็นด้วยในกรณีที่สองฝ่ายอยากได้ประโยชน์จากสินค้าทั้งคู่ แต่ตามความคิดเห็นผม ถ้าเกิดผู้ที่ต้องการขายเป็นคนที่เราไม่รู้จักอันนี้ไม่เป๊นไร แต่ตามชื่อของธุรกิจเครือข่าย การขายลักษณะนี้มักจะขายกับคนที่อยู่ใกล้ตัวพวกเขาเสมอ อีกอย่างในมุมมองของคนไทยมีภาพลักษณ์บวกกับเหตุการณ์ต่างๆที่มันไปทางด้านลบเป็นส่วนใหญ่ มันก็เลยดูเหมือนไม่ต่างกับเขาเอาระเบิดเวลามาฝากไว้กับเราแล้วบอกว่าฝากเขาไว้ก่อนเพื่อป้องกันตัว แล้วถ้าระเบิดเวลามันดันทำงานจริงๆ ตัวเรานี่แหละที่จะเสียหายกับตรงนั้น แล้วคนที่เราจะด่าได้ก็คงจะไม่ใช่บริษัทก็คงจะเป็นคนที่มาขายตรงที่ดันเป็นคนที่เรา(และเขาเอง)เชื่อใจ อันนี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของสัดส่วนหรือวิธีการหาเงินของธุรกิจเครือข่าย ซึ่งจากเหตุการณ์ข่าวที่ผ่านมาทุกคนก็น่าจะทราบอยู่แล้วคือให้สรุปตามความเห็นของผม ก็คือเหมือนเอาความเชื่อใจมาแลกขายเป็นตัวเงินก็เท่านั้นเอง ประมาณนี้ครับ
@@Beambumbut_Horoscopeผมคิดว่าอันนี้คิดเองเออเองนะ ในมุมมองคนขายเครือข่ายเขาก็ต้องเริ่มจากเพื่อนหรือคนใกล้ตัวอยู่แล้ว ซึ่งเพื่อนผมก็ทำและผมเคารพทางเลือกเขามาก และพร้อมจะรับฟังโดยไม่เอาอีโก้ตัวเองมาคิดเองเออเองจึงรู้ว่า เขาไม่ได้ต้องการเอาความเชื่อใจ หรือความเกรงใจมาแลก เพื่อขายสินค้าให้ได้ แต่เขาอยากได้คนที่เข้าใจในประโยชน์ของสินค้าจริงๆ ถ้ามันเหมาะกับผม ผมก็ซื้อและอุดหนุนต่อเพราะเข้าใจว่ามีประโยชน์ แต่ถ้าไม่เหมาะกับผม ผมก็แค่ไม่ใช้แต่อาจจะลอง ซึ่งกรณีนี้ผมไม่ได้เสียความเชื่อใจไปกับเพื่อน เพราะเราทดลองด้วยสติไม่ใช่ความเกรงใจธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่เซลล์ขายบ้านอะครับ ขายจบรับเงินก้อน ทิ้งได้ ทิ้งความเชื่อใจได้เพราะของแบบนี้มันต้องใช้กันไปยาวๆโครงสร้างเครือข่ายถึงจะไปต่อได้ ถ้าใช้ครั้งเดียวแล้วเสียความเชื่อใจธุรกิจมันก็พังอะครับผมก็เจอคนที่ไม่ดีมาขายของ ผมก็แค่ไม่คบเพราะตัวของเขาจริงๆ ไม่ใช่เพราะตัวของธุรกิจที่เขาทำ ผมว่ามันหาอะไรมาโทษง่ายเฉยๆคนเลยเอาธุรกิจแนวนี้มาเป็นแพะรับบาปคนที่ทำตัวแย่ๆ
ผมเข้าใจผิดมาตั้งนาน เหมือนพี่บ่วงเคยเล่าว่าเปิดหนัง**ดูแล้วโน๊ตบุ๊คพี่บิ๊กพังเลยทะเลาะกันแล้วแยกทางกัน สงสัยผมอาจจะจำมาผิด
พี่บิ๊กซ่อมคอมได้นะครับ อย่าลืม เคาะๆเอา
อาจจะลุงไนท์หรือเปล่าเคยเห็นเล่าเเนวๆนี้ เพื่อนมาเปิดหนัง***เเล้วลุงไนท์โกรธเพราะตอนนั้นเเกเชื่อว่าพระเจ้าดูอยู่เลยไล่เพื่อนออกจากบ้าน555
@@godenfur ป๊อกๆ
#หมดศรัทธา
เดี่ยวนะพระเต้าศาสนาไหนเนี่ยห้ามดูหนัง... @@yakisouba2091
อยู่ปีสามแล้ว เกือบไม่รอด 😂
มูดดีมากคลิปนี้
พอวันที่ฟ้าฝนเป็นใจ เราก็ได้ขอโทษไปแล้ว มันเป็นงั้นเสมอเลยครับ
ป๊อกๆๆๆ
ขอสากตำส้มตำหน่อยครับพี่ ป๊อกๆ
😄
เม้น2
ไม่รู้เลยค่ะว่าเกือบ วงแตก 😅
บิ้ก บ่วง ตอนไม่ dota 2
คนแก่คุยกัน สารภาพบาปกัน อี๊ๆๆๆๆ XD
ผมก็มีเรื่อองทำให้ผมไม่คุยกับเพื่อนสนิทตอนม.ปลาย จนไม่คุยกันเป็นปีๆ ผมก็เหมือนพี่บิ๊กที่ไม่มีความกล้าจะไปขอโทษเพราะตัวเองก็ผิด แม้พยายามแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายโชคดีที่มีเพื่อนช่วยกับเพื่อนคนนั้นเขาก็ไม่อยากทิ้งความสัมพันธ์นี้ผมก็คิดมาตลอดอยู่แล้วด้วยต่างคนก็เลยกลับมาคุยกันเลย 😊
ย้อนกลับไปเคยมีรุ่นพี่ที่สนิท แต่เพราะความเห็นการเมืองไม่ตรงกัน กลายเป็นปัญหาใหญ่ซะงั้น แทนที่จะเออต่างคนต่างไม่ยกเรื่องนี้มาพูดกันจะได้ไม่ทะเลาะ แต่เขาก็ยังคอยแซะอยู่เรื่อยๆ โพสแซะ แท็กแซะไม่หยุด ต่อหน้าทำตัวปกติคุยปกติ งั้นก็โอเค ขอไม่คบค้ากับคนแบบนี้ละกัน ถ้าบางเรื่องยังไม่รู้จักแยกแยะ ก็ไม่ต้องมานับถือเป็นพี่เป็นน้องกัน แยกย้ายไปสบายใจกว่า
บิ๊กบ่วงวงแตก! 😢
ถ้าเพื่อนคนนั้นมีประโยชน์ก็ควรเก็บไว้ เวลาอีโก้ขึ้นต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ ขอโทษให้ได้ ยอมแพ้ให้เป็น แต่ถ้าวิเคราะห์ดูแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรก็ตัดๆแม่งไปเหอะ555+ สำหรับผมช่างแม่งอะ คบกันแล้วมีแต่ความทุกข์มีแต่ความอึดอัดจะคบกันทำไม คนเราเคมีมันไปกันไม่ได้ก็คือไปกันไม่ได้ ผมก็เก็ทนะ คนไหนที่ผมก็รู้ว่าเขาอยู่กับผมละเราก็ไม่รู้จะคุยอะไร หรือผมอยู่กับเขาละเขาดูอึดอัด ผมก็เป็นฝ่ายถอยหรือบางทีเขาก็เป็นฝ่ายถอยออกมา
ชีวิตเรามีอะไรทำให้เจออีกเยอะ ถ้าคุณมีประโยชน์เดี๋ยวมันก็มีคนมาเข้าหาคุณเอง หรือคุณไปเข้าหาเขาถ้าคุณมีประโยชน์เขาก็อยากจะรู้จักคุณ ประโยชน์ในที่นี้ไม่ใช่แค่วัตถุอย่างเช่น เงิน,ความเก่ง,ความสามารถ อย่างเดียวมันยังรวมถึงความสนุก ความเข้ากันได้ คุยกันถูกคอ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี พวกนี้ก็คือประโยชน์ทั้งสิ้น
และวันนี้เรา เหนียวแน่นกว่าเดิม ❤
4:37 จริงครับผมโคตรเข้าใจ ผมก็เป็นบ่อย
12:24 ในส่วนตรงนี้สำหรับคนที่อยากรู้นะครับ สำหรับผมจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่ความรู้สึกหรืออะไรใดๆเลย แต่เพราะคนเราปกติมีความคาดหวังกับผลลัพธ์ แล้วเมื่อผลลัพธ์มันจะออกมาไม่ดีหรือแย่ ก็จะกลัวกัน บางคนคิดไปก่อนแล้วกลัวไปเองจนไม่ได้ทำแม้ว่าบางครั้งมันจะไม่ได้แย่เสมอไปก็มี ในส่วนนี้คือการ "ยอมรับ" กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นครับ ถ้าทำใจยอมรับได้ทั้งดีและแย่ แต่ขอแค่คิดว่าทำให้มันถูกหรือควรจะทำก็คือจบครับ คนส่วนใหญ่ติดปัญหาตรงนี้เยอะมากๆเพราะเรื่องของการดูถูก เหยียดหยาม แพ้ใครไม่ได้ เป็นรองใครไม่เป็นและบางครั้งอาจเป็นเพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคอไว้เยอะไปจนหวงมันมากเหลือเกิน(เข้าใจง่ายๆก็คืออีโก้) เลยทำให้ในส่วนนี้เกิดขึ้นยากพอสมควรในสังคมครับ (ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าส่วนไหนผมยังขาดตกบกพร่องก็สามารถเพิ่มเสริมเติมแต่งและแนะนำได้นะครับ เพราะในส่วนนี้มันแค่ส่วนหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์โดยตรงที่เกิดขึ้นในชีวิตผมและปรับใช้เพื่อให้เป็นคนที่ดีขึ้นในสังคม (หรือเรียกง่ายๆผมก็แค่อยากไม่ถูกมองว่าโตแต่ตัวหรือเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่าเคารพครับ) เพราะฉะนั้นแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่ครับ มันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นด้วย และผมก็จะได้แนะนำหรือสอนคนรุ่นถัดๆไปได้ดีขึ้นด้วยครับ)
อีโก้ เป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับผม ทำไมธรรมชาติถึงโปรแกรมเราให้มาเป็นแบบนี้ เวลาที่เราทะเลาะกับใครสักคน อาจจะเถียงกันมีเรื่องไม่พอใจกัน เรามักจะพยายามเอาชนะและไม่อยากจะเป็นฝ่ายแพ้ แม้ว่าบางทีลึกๆก็รู้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดหรือเป็นฝ่ายผิดเลยแหละแต่ไม่กล้าพูดคำว่าขอโทษ หรือสารภาพว่าผิดเอง เพราะอีโก้มันบอกว่าถ้าทำแบบนั้นเราจะดูด้อยกว่า ดูอ่อนแอ ดูไม่เท่ห์ ดูไม่มีศักดิ์ศรี สารพัดความหมายที่เราประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อตอบสนองอีโก้ของตัวเอง ว่าแพ้ไม่ได้ต้องชนะ แม้ว่าก็รู้ทั้งรู้นะว่าชนะไปก็ไม่มีประโยชน์เท่ากับยอมแพ้ เพราะต่อให้ชนะเราก็เสียเพื่อน ถ้าแพ้เรายังมีโอกาสใจเย็นลงแล้วปรับความเข้าใจกันใหม่ได้ ผิดก็ยอมรับผิด ต่อให้ไม่ผิดถ้าเรากล้าพูดขอโทษฝ่ายที่อารมณ์ขึ้นและกำลังเป็นไปตามอีโก้ของเขาก็อาจจะเริ่มใจเย็นลง เพราะคนเรามันใจเย็นสติหรือสมองส่วนเหตุผลก็เริ่มกลับมา เราจะได้คิดไตร่ตรองกันให้ดีว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้มันยังไงกันแน่ ให้อภัยได้มั้ย? ถ้าไม่ได้ต้องชดใช้ด้วยอะไร? จะประณีประนอมกันได้ไหม ? สารพัดทางรอดจะออกมาเต็มไปหมด ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของเรามันยังคงเดินไปต่อได้
พื้นฐานแล้วจากหนังสือ Selfish gene อีโก้ในมนุษย์มันมีขึ้นมาเพื่อทำให้มนุษย์มีชีวิตรอดและส่งต่อยีนไปเรื่อยๆ นั่นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นวัตถุประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ทางชีวภาพ ทำให้ตนแข็งแรง มีเพื่อนมีฝูง ทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอด แต่แปลกมากที่เรื่องนี้การมีอีโก้เป็นหนึ่งในวิธีพิสูจน์ก็จริงว่าเราเหนือกว่าแข็งแกร่งกว่าแต่สิ่งที่ต้องแลกมามันก็คือความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือคนรักที่อาจขาดแบบหลุดลุ่ย (ผมว่ายกเว้นแบบลูกน้องหัวหน้า ถ้าหัวหน้ามีอีโก้มากอาจเป็นข้อดีเพราะจะทำให้ลูกน้องเชื่อฟังและทำให้หัวหน้าคุมฝูงลูกน้องได้) ในอดีตสมัยยุคที่เราอยู่ในป่าธรรมชาติ อีโก้แบบนี้คงจำเป็นมากๆ แต่พอมายุคนี้ ยุคสมัยใหม่การมีอีโก้แบบนี้ในเชิงความสัมพันธ์แล้วมันเป็นข้อเสียมากกว่า มนุษย์ต่างไม่ชอบให้คนอื่นมาเหนือกว่าตน โดดเด่นกว่า รวยกว่าตนอยู่แล้วทั้งนั้น เราอยากเป็นพระเอกของเรื่องโดยสัญชาตญาณลึกๆแล้ว ดังนั้นการที่คนอื่นบอกว่าเราผิดและบอกว่าตัวเองถูกจึงเป็นสิ่งที่เราในฐานะเครื่องบรรทุกอีโก้นั้น ยอมรับไม่ได้ ทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง ไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมา
สรุป ทั้งหมดที่ผมอยากบอกก็คือ ในอดีตอีโก้คงมีประโยชน์ของมัน ธรรมชาติหรือยีนจึงรังสรรค์ให้เราเป็นแบบนี้ แต่พอมายุคนี้มันไม่ใช่ เรากลับต้องรู้จักใช้อีโก้ให้เป็น ถ้าเพื่อนคนนั้นมีประโยชน์กับเรา เราควรต้องรักษาเขาไว้ด้วยการลดอีโก้ของตัวเรา เริ่มที่ตัวเองแล้วค่อยเริ่มไปบอกคนอื่น แต่ถ้ามันไม่มีประโยชน์ผมว่าช่างแม่งบ้างก็ได้ ได้เถียงชนะก็สะใจดีเหมือนกัน 555+ (มีความสุขเพราะตอบสมอง need ของ Ego)
@@Armwattikorn สำหรับทุกวันนี้ยังมองว่าอีโก้ก็ยังสำคัญครับ แค่บางเรื่องจริงๆเช่น หากว่าเรารู้ว่าอะไรควรที่จะทำ แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ทำและยุยงให้เราไม่ทำตาม(ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือเพื่อนบอกไม่ต้องเข้าคลาสเรียนเพราะอยากไปเที่ยว แต่ผมอยากเข้าเรียนเพราะผมต้องการเกรดเลยไม่สนใจ อะไรทำนองนี้) อีโก้ก็จะดูดีขึ้นมาในบางกรณีถ้ารู้จักวิธีใช้งานมัน แต่สังคมเราไม่ได้ถูกสอนให้ใช้งานให้ถูกหรือพอเหมาะพอควร เลยกลายเป็นว่า ไม่รู้จักใช้วิธีการคุบควมอีโก้ และก็ส่งผลต่อไปเรื่อยๆ แต่สิ่งนึงที่สามารถเอาชนะอีโก้ได้จริงๆก็คือการชนะใจ ซึ่งก็ดันเป็นเรื่องที่ยากมากๆๆๆๆเข้าไปอีก เพราะต้องใช้ทั้งเรื่องการศึกษาบุคลิกและนิสัย ไม่เท่านั้นยังต้องเป็นคนยอมก่อนเพื่อการเปิดใจ เมื่ออีกคนทีเรากำลังดีลด้วยเริ่มเห็นว่าเรานั้นสามารถยอมรับในตัวเขาได้ ก็จะเริ่มฟังเราขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ก็ใช้เวลาอีก จึงทำให้การดีลกับคนที่มีอีโก้สูงๆนั้นค่อนข้างยากจริงๆครับ หรือวิธีที่ค่อนข้างรุนแรงเลยก็คือการหักหน้า(จริงๆใช้คำนี้ไม่ได้เต็มร้อยเสียทีเดียวแต่ผมชอบ) มันคือการพิสูจน์ความจริงให้เห็นกันไปเลยว่าผลลัพธ์คืออะไร คนที่มีอีโก้ก็อาจจะทำได้แค่บ่นไปเรื่อย หรืออ้างไปเรื่อย แต่ถ้าเจอคนที่ดีหน่อยก็อาจจะเริ่มฟังความคิดเห็นคนอื่นบ้างก็มีเหมือนกันครับ แต่น้อยมาก โดยรวมแล้วสำหรับผมการดีลกับคนมีอีโก้คือการเริ่มจากการเปิดใจแหล่ะครับ และวิธีที่ต้องควบคู่กันคือการยอมรับที่แม้เราอาจต้องเป็นฝ่ายเดียวที่ต้องทำก็ตาม ต่อมาสำหรับสิ่งที่ไม่แน่นอนที่สุดก็คือการรอ ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่สามารถเดาได้จริงๆครับว่าผลลัพธ์จะดีจริงหรือเปล่า ท้ายที่สุดสำหรับผมถ้าใช้เวลานานเกินไปหรือเริ่มเหนื่อยก็คือต้องปล่อยและถอยออกมาแหล่ะครับ แม้คนๆนั้นจะเป็นเพื่อนหรือคนรักแม้กระทั่งคนในครอบครัวก็ตาม(ครับ ผมเจอกับคนในครอบครัว) เพราะฉะนั้นยังไงก็แล้วแต่ คนเราทุกคนมีทางเดินและชีวิตเป็นของตัวเองครับ ขอแค่เคารพในการตัดสินใจกันและยอมรับมันว่าเกิดอะไรขึ้นก็พอแล้ว ไม่งั้นปวดหัวตายแน่ๆครับ ผมบอกเลย XDD
เพิ่มเติมอีกอย่างเพราะอาจจะมีคนที่สงสัยแน่ๆว่าสังคมไม่สอนจริงๆหรือ สำหรับผมเท่าที่เจอมา มันไม่ได้เรียกว่าสอนอ่ะครับ สำหรับผมมองว่ามันคือการ "ห้าม" และคำว่าห้ามนั้นเป็นคำเด็กฟังแล้วรู้สึกไม่อยากทำตาม เพราะจะสงสัยและอยากรู้ขึ้นมาในใจสำหรับเด็กส่วนใหญ่ คำว่าห้ามเลยใช้สอนไม่ได้จริงๆครับ แต่การสอนจริงๆมันคือการบอกว่าะไรคืออะไร เช่นถ้าเราอยากจะสอนเด็กสักคน เราต้องบอกว่าทำแบบไหนแล้วอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งผลลัพธ์ที่ดีและไม่ดี แล้วให้เด็กคนนั้นเลือกเองครับ ว่าอยากได้แบบไหนพร้อมยกตัวอย่างให้เด็กได้เข้าใจง่าย เด็กจะฟังเรามากกว่าใช้คำว่าห้ามครับ อันนี้อิงจากสิ่งที่เจอมากับตัว สามารถเพิ่มเติมได้เช่นเคยครับ เพราะประสบการณ์ผมมันแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเองครับ
ตัวเราเองก็เคยไม่ถูกกับคนในบ้านเลยสักคน แล้วก็ทะเลาะกับเพื่อนจนไม่คุยกันเลยเป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 5 ปี ส่วนตัวคิดว่าเป็นเพราะช่วงอายุ เพราะตอนเราเป็นแบบนั้นคือช่วงเราอายุ 18-23 ปี แต่พอผ่านเวลามาผ่านเรื่องราวมาพอมาเจอดันอีกทีก็ตึงๆนะ แต่ก็กลับมาสนิทกันมากๆ ส่วนที่บ้านดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้คือคนละคนกะตอนนั้นมากๆ กลับไปนึกทีไรคือ ตอนนั้นเราไร้สาระมาก แล้วเรื่องที่ทะเลาะกันคือเป็นเรื่องเล็กมากๆ สำหรับตอนนี้😂😂😂
ไม่รู้จะอินโทรยังไง เอาแบบนี้เลยแล้วกัน
ใช่ครับ ปัญหาที่ผมเจอคือไม่รู้จะเริ่มต้นขอโทษยังไง เวลาทำผิดกับเพื่อน
เอาเป็นว่าผมสารภาพบาปเลยแล้วกัน สมัยก่อนตอนเรียน ม.ต้นในระดับ top 5 ของประเทศ
เพราะโชคดีจับฉลากเข้าไปได้ บอกตามตรงผมเรียนไม่ได้เลย มาตรฐานผมจากโรงเรียนเอกชนชานเมือง
ตัวผมที่เคยเป็นระดับหัวกะทิของระดับชั้น มาเจอโรงเรียนระดับนี้ แล้วเพื่อนในห้อง
ก็มาจากโรงเรียนเดียวกันซะส่วนมาก เค้าเลยจับกลุ่มกันได้เร็ว
จนกลายเป็นที่โหล่ของห้อง แถมโชคร้ายโดนจับไปอยู่ห้อง Queen ด้วย
สักพักนึงเลยเริ่มหนีไปเล่นเกม แล้วก็ถึงขั้นโดดเรียนไป แต่หนักสุดคือยืมเงินเพื่อน
แล้วเพื่อนคนนั้นมีปัญหาจิตระดับนึง แล้วผมก็ take advantage ตรงนั้น ยืมเงินมาได้ (ใช่ครับ เด็กส้นตีนนั้นเอง)
ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คืน จำนวนเงินมันไม่ได้มาก น่าจะประมาณหลักสิบ แต่ระหว่างเรียนมีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผม
ได้ไปบ้านเค้า แล้วก็ได้รู้ว่าบ้านเค้าก็ฐานะไม่ดีด้วย รู้สึกผิดสุดๆแต่ไม่รู้จะเข้าไปพูดยังไง
เพราะช่วงนั้นทางบ้านก็รู้ว่าติดเกมเลยให้เงินมาเรียนแบบพอดีเป๊ะๆ ค่ากินและเดินทาง = หมด
ผ่านมาน่าจะ 15 ปีได้แล้ว ความผิดมันก็ยังตามหลอกหลอนอยู่เรื่อยๆ ทุกครั้งที่เห็นคนบ้าข้างทาง
หรือเวลาเจอเคสยืมเงินแล้วไม่คืน ทุกครั้งได้โบนัสหรือได้ขึ้นเงินเดือน
ผมจะนึกถึงเพื่อนคนนี้ตลอด ทำได้แค่รู้สึกผิด เพราะคงจะหากันไม่เจอแล้ว
- สรุปสำหรับคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ ตามที่พี่บิ๊กพูดครับ รอเวลาให้เรื่องมันซาได้ แต่พอถึงวันนั้น
อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอกัน พยายามลดอีโก้ ขุดความกล้าของคุณออกมาแล้วขอโทษออกไปครับ
ถ้าทำได้ให้พยายามทำ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมก็เข้าใจครับ แต่พยายามให้ได้ ลองทำเหมือนพี่บ่วง
คุณอาจจะได้เพื่อนแท้เพิ่มขึ้นมาอีกคน ที่เข้าใจคุณจริงๆ เพราะเพื่อนคนนั้นเคยผ่านเหตุการณ์แย่ๆกับคุณมากก่อน
ผมเข้าใจพวกพี่เลย ไอ้พวกธุรกิจเครือข่ายที่มันเป็นสิ่งที่ทำมาเพื่อให้มิตรสหายของพวกเราทุกคนเกิดความแตกแยกได้
ผมมีเพื่อนแบบนี้อยู่คนนึง ค่อนข้างสนิทกันระดับขอพูดคุยเรื่องส่วนตัวบางเรื่องได้บ้าง ซึ่งหลังจบมหาลัยแล้วเข้าสู่วัยทำงาน เขาก็ยังเป็นหนึ่งในเพื่อนที่คอยทักคุยเราหาอยู่เป็นประจำเสมอ แต่หลังจากที่เห็นช่วงหลังๆกำลังฟิตหุ่น ผมก็เลยทักเขาไปว่าเออหุ่นดีจัง ไปๆมาๆเหมือนชวนคุยว่าเออเห็นเราอยากลดน้ำหนักอยากจะรู้ไหมว่าเราทำยังไง ผมให้ผมเองก็ค่อนข้างศึกษาเรื่องนี้มาพอตัวก็คือรู้เลยว่ามาแพทเทิร์นแบบนี้ขายตรงชัวร์ ไอ้ความที่เราก็อยากลองของก็เลยลองเป็นนั่งฟังมันคุย สรุปคุยกัน 2-3 ชั่วโมงขายสินค้าพร้อมกับส่วนลดอะไรสักอย่าง
เป็นเราก็เสียดายแหละ ทั้งความสัมพันธ์ที่เราก็ผ่านมากันก็เยอะ ถึงยังไงสุดท้ายก็กลายเป็นต้องตัดความสัมพันธ์ทิ้งเพราะสำหรับเรามีมุมมองว่าเราเป็นเครื่องมือหาเงินอะไรสักอย่างสำหรับเขา(ในลักษณะที่เขาได้ฝ่ายเดียว) ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้นก็ตาม แต่เราต่างคนต่างชีวิตถ้ามันไม่ได้อยู่ในจุดที่มีประโยชน์ร่วมกัน อย่างเช่นคนนึงตั้งใจขายตรงเพื่อให้คุณเข้ามาอยู่ในธุรกิจเดียวกับเขาตัวที่ตอนแรกคุณไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ มันก็ต้องตัดทิ้งเพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับมันอยู่แล้ว
ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับที่พี่บ่วงกลับมาและพี่บิ๊กก็ให้โอกาส เพราะขนาดเพื่อนบางคนที่ผมเคยแบบว่าอยู่ด้วยกันตลอดก็ต้องตีความแบบตัดความสัมพันธ์ไป เพราะบางคนอาจจะแบบเรื่องความต้องการส่วนตัวเขา ความเข้าใจผิดกัน ถึงขนาดบางเรื่องตั้งใจจะเปิดอกคุยกันเขาก็ยังไม่ฟัง
ผมว่าถ้าเจอคนไม่ดีมาขายยังไงก็แตกแยก แต่ถ้าเขาไม่ได้มาหาผลประโยชน์อย่างเดียว (อาจจะหวังขายได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร) ฝ่ายที่ทำให้พังน่าจะไม่ใช่คนที่ทำธุรกิจเครือข่าย แต่น่าจะเป็นคนที่่ไม่เปิดรับ และไม่มีการตัดสินใจที่ดี
ถ้าคุณซื้อ = มันต้องมีประโยชน์สำหรับคุณ = มันเป็นผลประโยชน์ของคนขายด้วย
แต่ถ้าไม่มีประโยชน์ก็ตัดสินใจง่ายๆไม่ซื้อไม่เข้าร่วม เพราะฉะนั้นคำว่าได้ฝ่ายเดียวไม่คววรเกิดขึ้นได้ ยิ่งคนที่ชอบพูดแนวๆ "ค่อนข้างศึกษาเรื่องนี้มาพอตัว" พูดไรงี้ออกมาจริงๆไม่ค่อยรู้หรอกผมว่า
ผมเห็นด้วยในกรณีที่สองฝ่ายอยากได้ประโยชน์จากสินค้าทั้งคู่ แต่ตามความคิดเห็นผม ถ้าเกิดผู้ที่ต้องการขายเป็นคนที่เราไม่รู้จักอันนี้ไม่เป๊นไร แต่ตามชื่อของธุรกิจเครือข่าย การขายลักษณะนี้มักจะขายกับคนที่อยู่ใกล้ตัวพวกเขาเสมอ อีกอย่างในมุมมองของคนไทยมีภาพลักษณ์บวกกับเหตุการณ์ต่างๆที่มันไปทางด้านลบเป็นส่วนใหญ่ มันก็เลยดูเหมือนไม่ต่างกับเขาเอาระเบิดเวลามาฝากไว้กับเราแล้วบอกว่าฝากเขาไว้ก่อนเพื่อป้องกันตัว แล้วถ้าระเบิดเวลามันดันทำงานจริงๆ ตัวเรานี่แหละที่จะเสียหายกับตรงนั้น แล้วคนที่เราจะด่าได้ก็คงจะไม่ใช่บริษัทก็คงจะเป็นคนที่มาขายตรงที่ดันเป็นคนที่เรา(และเขาเอง)เชื่อใจ อันนี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของสัดส่วนหรือวิธีการหาเงินของธุรกิจเครือข่าย ซึ่งจากเหตุการณ์ข่าวที่ผ่านมาทุกคนก็น่าจะทราบอยู่แล้ว
คือให้สรุปตามความเห็นของผม ก็คือเหมือนเอาความเชื่อใจมาแลกขายเป็นตัวเงินก็เท่านั้นเอง ประมาณนี้ครับ
@@Beambumbut_Horoscopeผมคิดว่าอันนี้คิดเองเออเองนะ ในมุมมองคนขายเครือข่ายเขาก็ต้องเริ่มจากเพื่อนหรือคนใกล้ตัวอยู่แล้ว ซึ่งเพื่อนผมก็ทำและผมเคารพทางเลือกเขามาก และพร้อมจะรับฟังโดยไม่เอาอีโก้ตัวเองมาคิดเองเออเอง
จึงรู้ว่า เขาไม่ได้ต้องการเอาความเชื่อใจ หรือความเกรงใจมาแลก เพื่อขายสินค้าให้ได้ แต่เขาอยากได้คนที่เข้าใจในประโยชน์ของสินค้าจริงๆ ถ้ามันเหมาะกับผม ผมก็ซื้อและอุดหนุนต่อเพราะเข้าใจว่ามีประโยชน์ แต่ถ้าไม่เหมาะกับผม ผมก็แค่ไม่ใช้แต่อาจจะลอง ซึ่งกรณีนี้ผมไม่ได้เสียความเชื่อใจไปกับเพื่อน เพราะเราทดลองด้วยสติไม่ใช่ความเกรงใจ
ธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่เซลล์ขายบ้านอะครับ ขายจบรับเงินก้อน ทิ้งได้ ทิ้งความเชื่อใจได้
เพราะของแบบนี้มันต้องใช้กันไปยาวๆโครงสร้างเครือข่ายถึงจะไปต่อได้ ถ้าใช้ครั้งเดียวแล้วเสียความเชื่อใจธุรกิจมันก็พังอะครับ
ผมก็เจอคนที่ไม่ดีมาขายของ ผมก็แค่ไม่คบเพราะตัวของเขาจริงๆ ไม่ใช่เพราะตัวของธุรกิจที่เขาทำ ผมว่ามันหาอะไรมาโทษง่ายเฉยๆคนเลยเอาธุรกิจแนวนี้มาเป็นแพะรับบาปคนที่ทำตัวแย่ๆ
ผมเข้าใจผิดมาตั้งนาน เหมือนพี่บ่วงเคยเล่าว่าเปิดหนัง**ดูแล้วโน๊ตบุ๊คพี่บิ๊กพังเลยทะเลาะกันแล้วแยกทางกัน สงสัยผมอาจจะจำมาผิด
พี่บิ๊กซ่อมคอมได้นะครับ อย่าลืม เคาะๆเอา
อาจจะลุงไนท์หรือเปล่าเคยเห็นเล่าเเนวๆนี้ เพื่อนมาเปิดหนัง***เเล้วลุงไนท์โกรธเพราะตอนนั้นเเกเชื่อว่าพระเจ้าดูอยู่เลยไล่เพื่อนออกจากบ้าน555
@@godenfur ป๊อกๆ
#หมดศรัทธา
เดี่ยวนะพระเต้าศาสนาไหนเนี่ยห้ามดูหนัง... @@yakisouba2091
อยู่ปีสามแล้ว เกือบไม่รอด 😂
มูดดีมากคลิปนี้
พอวันที่ฟ้าฝนเป็นใจ เราก็ได้ขอโทษไปแล้ว มันเป็นงั้นเสมอเลยครับ
ป๊อกๆๆๆ
ขอสากตำส้มตำหน่อยครับพี่ ป๊อกๆ
😄
เม้น2
ไม่รู้เลยค่ะว่าเกือบ วงแตก 😅
บิ้ก บ่วง ตอนไม่ dota 2
คนแก่คุยกัน สารภาพบาปกัน อี๊ๆๆๆๆ XD