Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
สาธุ กาย ว่าง วาจา ว่าง จิตใจ ว่าง กาย บริสุทธิ์ วาจา บริสุทธิ์ จิตใจ บริสุทธิ์ ก็ หลุด พ้น จาก ทุกข์ ทั้งปวง❤❤
สุญญตาก็คือยอดของปรมัตถธรรมที่ท่านพุทธทาสเรียกว่าจิตว่างที่หลวงปู่ดุลย์เรียกจิต 1
จิตหนึ่งหรือจิตเดิมแท้เป็นธาตุอสังขตสังขารความคิดนึกก็ออกมาจากจิต 1
❤ น้อมจิตกราบอนุโมทนา สาธุธรรมเพื่อการไม่เกิดแก่เจ็บและตายค่ะ
ขอขอบพระคุณจากใจถึงท่านที่ได้นำสิ่งที่มีค่ายิ่งมาเผยแพร่ให้ได้ฟังครับ
* จิตหนึ่ง *จิตหนึ่ง ใฝ่ฝัน แน่ชัดฮึดฮัด ดั่นด้น ค้นหาเจนจบ ภพกัลป์ จนล้าพกพา กับตัว ไป่รู้สรรพสัตว์ เกิดจาก จิตหนึ่งประหนึ่ง มวลคลื่น ซัดซู่เป็นเพียง มายา ตรองดูน้ำอยู่ ส่วนน้ำ ว่างเบาขอแค่ รับรู้ แล้วตื่นเริงรื่น ทิ้งความ ขลาดเขลาจักพบ มุกแท้ งามเงาที่เฝ้า โหยหา มานานละวาง ความคิด ปรุงแต่งผาดแผลง ตัวตน สืบสานภพชาติ ลบเลือน อุปาทานไม่นาน ความว่าง สำแดงฯ
สาธุ....!
อนุโมทนาสาธุ
บารมีของแต่ละคนไม่เท่ากัน ระดับความรู้ของจิตก็ไม่เท่ากัน ผู้ทรงแล้วซึ่งวิมุติ ย่อมไม่เอาแล้วซึ่งสมมุติ รวมถึงความรู้ใดๆของตน และว่ามีตนด้วย แม้แต่นิด เหลือแต่ ธรรมรูปนามที่เป็นไปเองของมันไป ที่ยากยิ่งคือเข้าไปเห็นจริงๆว่ามันเป็นของมันเอง ในทุกสัพสิ่ง ไม่มีใครเป็นเลย ถึงต้องอาศัยหนทางกลางที่พระพุทธเจ้าทรงสอน มันไม่ง่ายเลย เพราะเรายังติดตัวตนมานานมากกก
ผมนั่งแพกลางกระแสน้ำเชี่ยว อยู่ๆแพก๊จอดผมเปรียบเทียบได้แค่นี้
15:13 คำชี้แจง : พุทธทาส33:12 ภาคหนึ่ง บันทึกชึนเชา2:21:45 ภาคสอง บันทึกวาน-ลิง3:44:17 ภาค ปกิณณกะ
นอมกราบสาธุครับ(อยู่เป็นธรรมชาติในกายใจตนที่สงบเรียบง่ายปกติอย่างเสรีย์เป็นกลางๆครับ
กราบสาธุสาธุ❤💯🙏🙏🙏
ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
กราบสาธุเจ้าค่ะ
ไม่นิยาม ไม่จับคู่ = ว่างเปล่า 👌
ขอบคุณมากครับ บรรลุมาแต่ปี 2552 ครับ
ทุกอย่างแสนจะธรรมดา ถูกๆๆๆดีๆเป๊นคำพูดที่ดี ผมเจอคำตอบหนึ่ง แต่ผมยังพูดมันออกมาเป๊นภาษามนุษย์ไม่ได้
ท่านพุทธทาส ช่วยกลั่นกรองให้เข้าใจ เข้าได้กับทางพุทธเราได้ดีที่สุด
จิตนี้ไม่ใช่เรามันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราไปยึดเอาเองทั้งนั้นว่าเป็นเราของเราเป็นตัวกูของกู นิพพานคือความว่าง ไม่ใช่ตัวกูของกูมันเป็นเช่นนั้นเอง โลกนี้หมุนด้วยปฏิจจสมุปบาทที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันแล้วเกิดขึ้นทำให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสาร เมื่อเราตัดกระแสวงรอบของมันได้เราก้อไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก นี่เป็นภพชาติสุดท้ายของเราแล้ว ภพต่อไปสำหรับเราไม่มีแล้ว นิพพานหรือ โลกอุดรที่เค้าว่ากันมาก้อมีอยู่จริง ไม่ทุกข์ไม่สุขมีแต่ความว่างเข้าสู่สภาวะเดิมที่ไม่มีการเกิดการแก่การเจ็บการตาย หรือว่าอยู่เหนือโลก
การบำเพ็ญธรรมสิ่งสำคัญคือการบำเพ็ญที่จิตตรงจุดญาณทวารวิธีเดียวเท่านั้น ที่จะนำพาจิตพุทธะตนเข้าสู่กระแสธรรม ได้อย่างต่อเนื่อง จึงจะก่อเกิดการรู้ตื่นรู้แจ้งในหลักสัจธรรมแท้จริงค่ะ ไม่บำเพ็ญขัดเกลาที่จิตจะกลับคืนไม่ได้จริงค่ะ
อนุโมทนาบุญ สาธุๆๆคะ
จิตมิใช่จิตเป็นนามสมมุติเท่านั้น__ความว่างไม่มีที่มาที่ไปไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีแสงสีเสียงกลิ่นรสน้ำหนักที่อาศัยไม่มีๆอะไรเลยเมื่อหยุดจิตความจริงก็ปรากฎให้รู้แจ้ง
อวดรู้อยู่นั่นแหละ แสดงจิตออกมาโต้งๆ ยังไม่รู้อีก
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป นี่แหละภาวะของจิต ที่นี่ เดี๋ยวนี้ now
@@pothongthongkaew7750 จิตที่ไม่ใช่่จิตเป็นสภาวะนิพพานเป็นของแท้ไม่ใช่สมมุติ
สาธุ
ขอบคุณการเผยแพร่ธรรมะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ ฟังแล้วจิตใจสงบสุขด้วยน้ำเสียงของผู้อ่าน และได้ความเข้าใจง่ายขึ้น🙏🙏🙏
คนที่จะขึ้นตึกสูง(นิพพาน)ถ้าขึ้นบันไดอยู่ก็เหนื่อยและช้าแต่ถ้ามีคนพาขึ้นลิฟท์มันก็ดีและไม่เหนื่อยไม่เสียเวลา....ขึ้นที่สูง(นิพพาน)ด้วยจิตที่เป็นพุทธะไม่เหนื่อยไม่เสียเวลา ไม่หลง ไม่ยึด ไม่เขลา
1แบบแบบๅ
🪷
เมื่อไม่มีตึกจึงไม่มีบันไดไม่มีลิฟท์ไม่มีที่สูงไม่ที่ต่ำและเมื่อเราไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี"
@@user-ij4kr7zt4oแพร่มเก่งนะไอ้หอกหัก
"มันไม่เคยมีมันจึงไม่มี""มันมีเพราะเราให้มี"ลองเอาสตางค์ เอายศ ไปให้สัตว์มันก็ไม่เอาดอก มันเอาแต่อาหาร กลับกันจิตเรา คิดว่ามันมีค่าเพราะคิดว่ามีค่า ทุกอย่างเกิดจากจิต จิตเดิมแท้จึงยังไม่ใช่อริยะเสียทีเดียวแต่เป็นสภาวะฉับพลันในการได้อริยะหรือ หายวิจิกิจฉาไปเลย แต่ข้อเสียของเซนก็มีคือการไปต่อไม่ได้ ควรศึกษาธรรมควบคู่ไปด้วย อริยสัจ4 ขันธ์5 ปฏิจจสมุปบาท อตัมยัมตา ประมาณนึงเพื่อดูดวงจิต เข้าใจก็ดี
อนุโมทนาสาธุครับผมโชคดีที่ได้รู้ธรรมะแบบนี้เพราะมันถูกจริตและเป็นเหมือนกับทัศนคติสิ่งที่ผมเคยคิดและสงสัยเอาไว้นี่แหละ พุทธะ หรือ อัมตะธาตุ มันเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน อัตตาหิอัตโนนาโถตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คนไหนใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้มีสติรู้ลมหายใจเข้า - ออก อานาปานสติ มีสติรู้ธรรมเฉพาะหน้า สติปัฏฐาน 4หยุดความคิดปรุงแต่งอย่างสิ้นเชิงได้ วิญญาณขันธ์ก็ดับไปสาธุ
ขอบคุณฟ้าเบื้องบนเมตตา
ขอน้อมกราบไหว้ท่านพุทธทาสภิกขุที่กรุณาชี้นำแสงสว่างแห่งชีวิตในแนวทางนิกายเซ็นในพระพุทธศาสนา__ขอบุญบารมีจงได้บังเกิดแก่ทุกท่านเทอญ___สาธุสาธุสาธุ.
สาธุคะ
สาธุๆ ค่ะขออนุโมทนาบุญขอขอบคุณค่ะทุกอย่างจงปรากฎเกิดขึ้นสิ่งที่ดีๆ ทั้งหลายในตัวข้าพเจ้าครอบครัวจงบังเกิดโดยพลันสาธุๆ ค่ะจงสำเร็จเจ้าค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณท่านพุทธทาสภิกขุผู้แปลและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิมพ์และการเผยแพร่คำสั่งสอนที่ลึกซึ้งและแสนล้ำค่ามากๆของท่านฮวงโป ขอกราบอนุโมทนาค่ะ
วาง......... ว่าง.......................................................................
สาธุอนุโมทาม ิ
สาธุ สาธุ ขอบคุณค่ะ เสียงอ่านไพเราะนุ่มนวลและมีน้ำหนัก เหมาะเหลือเกินในการอ่านเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์ คนไทยและชาวโลกที่สัมผัสคำสอนเผยแพร่พุทธศาสนาของท่านพุทธทาส เป็นหนี้บุญคุณท่านเหลือเกิน ท่านเป็นสงฆ์สาวกผู้บริสุทธิ์โดยแท้ แม้ท่านจะนิพพานไปแล้ว แต่ผลงานของศากยะบุตรของท่านพุทธทาสจะยังคงอยู่สืบศาสนาของพระพุทธองค์ต่อไปๆๆ...
งง
ธรรมทั้งมวลมาจากจุดเดียว.รูป.นามใด.ทั้งหมดไม่มีอะไรเกิดนอกจากทุกข์.ไม่มีอะไรดับ.นอกจากทุกข์.บ่าว.สกลฯ
นั่นเป็นธรรมยังไม่ใช่ธรรมแท้จริง ธรรมแม้จริงคือธรรมที่ไม่ใช่ธรรม แต่มีธรรมอยู่ในตัวมันเอง
คำว่าว่าง ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไร ทุกอย่างมันมีอยู่ เป็นอยู่อย่างนั้น ตามธรรมชาติของมัน ถ้าอยากรู้จริงๆ ก็เข้าปฏิบัติ กินคนเดียว อยู่คนเดียว สำรวมอินทรีย์ มีสติระลึกรู้ ที่ กาย เวทนา จิต ธรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง จนกว่าความรู้สึกตัวทั่วพร้อมจะบังเกิดขึ้น จิตแจ่มชัดในอารมณ์ ไม่มีนิวรณ์ อินทรีย์ 5 พละ 5 ปรากฏ เสมอกันด้วยกำลัง ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เป็นจิตที่ทรงพลานุภาพชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน การพิจารณาธรรมสัจจ์ เกิดขึ้น เมื่อถึงที่สุดแล้วจิตจะเป็นอุเบกขา คือยึดอะไรไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีอะไรให้ต้องยึด เป็นหน้าที่ของอินทรีย์ต่างก็ทำหน้าที่ไป เกิดและดับที่เดียวกัน บ้านหลังหนึ่งมีองค์ประกอบ เยอะ เช่น เสา ขื่อ แปร หน้าต่าง ประตู ฝา อะไรต่อมิอะไร รวมกันสมมุติว่าบ้าน พอแยกชิ้นส่วนออก รูปบ้านก็หมดไป อินทรีย์ ทั้ง 6 ก็ทำหน้าที่เหมือนกับชิ้นส่วนของบ้าน ทั้งหมดจะเรียกเป็นธาตุก็ได้ สิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้นทั้งหมด ล้วนเป็นสภาวธรรม ไม่สามารถยึดเอาอะไรเป็นจริงเป็นจังที่ถาวรได้ แม้ตัวเราเองก็เช่นเดียวกัน
พูดเหมือนเข้าถึงแล้ว อยากรู้ความรู้สึกว่ามันเปนยังงัย
@@user-bf7cf2wv3g เค้าคิดเอา...........ยังคิดอยู่......🌱
@@user-bf7cf2wv3g การเข้าถึงสภาวะนั้น จะต้องอาศัยความเพียร สติ และมีโยนิโสมนสิการ ในอารมณ์ อารมณ์มีในทวารทั้ง 6 อารมณ์เหล่านี้เกิด ดับอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณสังเกตุ ใส่ใจ มีสมาธิ คุณก็จะเข้าใจว่า ทั้งหมดทั้งปวงไม่มีพระเจ้าสร้าง หวาน เค็ม มีจริง สวรรค์นรกมีจริง นิพพานมีจริง ทั้งหมดรู้ได้จากการเข้าถึง หยั่งรู้ หรือ สัมผ้ส ธรรมชาตินั้นตามที่มันเป็น สรุปแล้วบุคคลเข้าถึงด้วยตนเอง และเข้าถึงได้ทุกคนที่ปฏิบัติ เมื่อเข้าถึงแล้วก็จะเลิกโง่เอง ความโศกเศร้าเสียใจ ผิดหวังต่างๆ นาๆ ก็จะหายไป พระพุทธองคชี้ทางออกบอกทางถูกให้แล้วจงเข้าสู่ภาคปฏิบัติ ไม่เกิน 3 เดือนก็จะเข้าใจเอง ไปสำนักที่สอนตามแนวสติปัฏฐาน 4 นะครับ โชคดีทุกคน
ปฎิบัติ ก็ไม่ใช่แล้ว
ทางทางนี้ ไม่มีการปฎิบัติใดๆเลย
อังคาร ๒๔\๘\๖๔ กราบเท้าท่านอาจารย์พุทธทาส 🦶 🌻🇮🇳🇹🇭☸✝️☪️🔯✡🕉☮🙏
🦶
สาธุครับ ธรรมดีๆฟังแล้วสงบเย็น อนุโมทนาทั้งผู้เผยแพร่และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายครับ 🙏🙏🙏
เเใ
เท่าที่ผมใช้ชีวิตมา พ่อของผมน่าจะเป็นเซน
จะอยากหรือไม่อยาก ไม่มีก็คือไม่มี 🙏🙏🙏🙏🙏
กราบสาธุขอเพิ่มเพิ่มคลิปใหม่ด้วย
ฟังแล้วได้ความรู้ ได้แนวทางแห่งธรรม...จริงๆแล้วจุดศูนย์รวมก็อยู่ตรงที่ใจนี่แหล่ะ...
📕บทความเรื่อง "ความจริงสูงสุด"📕 27 กรกฎาคม 2565🟦 บทที่5 "การมิได้บำบัดโรค เป็นการบำบัดโรคอยู่ในตัว"🌏ปริศนาธรรมข้างต้น มีที่มา.....เริ่มจากท่านฮวงโปกล่าว "ไม่มีอะไร ที่จะต้องบรรลุถึง"ตามด้วย "ไม่มีอะไรบรรลุถึงอะไร"และ "การมิได้ปฏิบัติธรรม เป็นธรรมอยู่ในตัว"🌍หมายความว่า ไม่มีธรรมะสูงสุด ที่จะต้องบรรลุถึงเพราะธรรมะสูงสุดหรือความว่างสูงสุด หรือธรรมชาติแท้มีเป็นประจำอยู่แล้วกับตนเอง และรอบๆตัวเพียงแต่ลืมตา(เข้าใจเข้าถึง)ให้เห็นสักหน่อยไม่ได้หรือ?นั่นเองเป็นที่มาของถ้อยคำเทียบเคียงที่กล่าวว่า..."การมิได้บำบัดโรค เป็นการบำบัดโรคอยู่ในตัว"เหตุเพราะ "ทุกสิ่ง"มิได้มีอยู่จริงคนเป็นสมมุติ โรคและอาการก็เป็นสมมุติ มิได้มีอยู่จริงดังนั้นหากเราเข้าใจและเข้าถึงสัจธรรมสูงสุดดังกล่าวซึ่งมีประจำอยู่แล้วกับตัวเรา ตรงหน้าแวดล้อมตัวเรานั่นคือการรู้เท่าทันความจริงสูงสุด ที่มีประจำอยู่แล้วสิ่งสมมุติที่อุปโลกน์ยึดปรุงขึ้นมาแบบปลอมๆอันเป็นมายาก็จะพลันอันตรธานหายไปในทันที🌏นั่นเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้พิสูจน์เป็นจริงแล้วกับผู้ป่วยนับแสนราย ทั้งระยะใกล้ ระยะไกล โดยมิได้แตะตัวผู้ป่วย ยื่สิบกว่าปีมานี้ทั้งการบำบัดประจำในร.พ. การสัญจรไปยังชุมชนได้แก่ร.พ.และหน่วยงานของรัฐหลายแห่ง วัด โรงแรม ฯลฯเกือบทั่วประเทศ และต่างประเทศหลายประเทศ หรือบำบัดทางสื่อsocialวันละหลายพันคนทั้งหมดเป็นการบำบัดฟรี เป็นประจำตลอดมายี่สิบกว่าปีโดยอาศัยประโยคที่ว่านั้น "มิได้บำบัดคือบำบัด"ใครก็ได้ที่เพียงพลิกจิต เข้าใจเข้าถึงความว่างฯเหมือนข้าพเจ้า ก็สามารถบำบัดผู้ป่วยได้สำเร็จภายในฉับพลันทันที🌍ทั้งหมดเป็นการพิสูจน์ได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า...สิ่งที่ท่านฮวงโปกล่าวไว้ถึงความว่างฯ อันเป็นเป้าหมายสุดท้ายในศาสนาพุทธนั้น เป็นความจริง.
555
สาธุครับ
ขอบคุณที่อ่านให้ฟังค่ะ เสียงอ่านฟังแล้วรู้สึกดีค่ะ...สาธุสาธุค่ะ เพราะยังค้นหาความว่างของจิตใจเพื่อความสงบทางใจ....
เพียงเมื่อเราปฎิบัติถึงความว่าง ชาณ 4 เพียงดูรับรู้ความว่างอย่างเดี่ยวตลอดทุกกริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน โดยไม่ยึดมั่นถือมั่น เมื่อดูไปเรื่อยก็จะถึงความว่างในความว่างอีกชั้นหนึ่งก็จะบรรลุโดยฉบับพลันคือนิพพานนั่นเอง
สาธุๆ ค่ะขออนุโมทนาบุญข้าพขอขอบคุณค่ะข้าพได้ฟั่งได้พิจารณา
พวกมึงเอาของเดิมให้มันได้นิกกายอัไรก็ไม่ดีเท่าพระพุทธเจ้า นี้คือครูบาอาจารย์ที่ดีที่สุดแล้วเท่าที่โลกมีมา
ถูกต้องแล้วครับเป็นพระในพุทธศาสนาแต่ไม่เอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนคำสอนของพระพุทธเจ้าถูกต้องที่สุดแล้วคำสอนของพระพุทธเจ้าดีที่สุดแล้วคำสอนของพระพุทธเจ้ามี 84,000 บทท่านสอนหมดแล้วหรืออย่างเรื่องผีและเทวดาในนิกายเซนก็สอนตรงกันข้ามกับศาสนาพุทธท่านก็เอาของนิกายเซนมาสอนไม่เอาของศาสนาพุทธมาสอน
@@tigrugrungreung7989 แค่ใบไม้ในกำมือ
คำสอนในธรรมนี้เป็นการสอนธรรมสายทางตรงโดยมุ่งสอนสายโดยตรงทางลัดสู่จิตเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าพูดเกี่ยวสภาวะนิพพานหลายอย่าง จึงเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้
คุณไม่รุ้ก้อพูดไป ไปดูต่ะว่าแก่สอนแต่เซนอย่างเดียวม้าย ไปพูดมั่วๆบาปอิกินหัวเอา นี้แหละของแท้ มีครบหมดแต่ไม่ยึดติดใดใดทั้งสิ้น ถ้าคนมีปัญญาคงจะเข้าใจ ไปไปไปยังฝากฝั่งโน้นนนน คเต คเต ปารคเต ปารสังคเต โพธิสวายะ
ถ้าเชื่ออย่างนั้น ก็จงท่องบทนี้ว่า เว่ยหล่างฮวงโปสรนณัง คัจฉามิ เถิด อย่าใช้คำว่าพุทธังสรณัง คัจฉามิ เลยทุกวันนี้ประเทศจีนนับถืออะไร โปรดใช้พิจารณญาน ของแต่ละท่านคิดเอาเถิดสาธุ🙏
กราบนมัสการหลวงพ่อท่านครับ สาธุ สาธุ สาธุ
โพล่ง หายสงสัย...เข้าใจโดยไม่ต้องคิด ขอบคุณมากครับ
ขอน้อมกราบสาธุสาธุสาธุค่ะThank youค่ะ
*ธรรมะน่าคิด*=========#เป้าหมายการเดินทาง===============การเดินทางไปยอดดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ มิได้จำกัดเฉพาะให้เดินทางโดยรถยนต์ ที่จะต้องมีแผนที่เดินทางโดยละเอียด เป็นขั้นเป็นตอนที่ต้องบอกว่าต้องผ่านถนนตำบล อำเภอ จังหวัดนั้นๆเท่านั้น แต่อาจจะไปโดยพาหนะอื่น เช่นรถไฟ มอเตอร์ไซค์ เดิน วิ่ง ซาเล้งจักรยาน หรือลงเรือ หรือไปโดยฮ. ฯลฯ ก็ได้ เส้นทาง ความช้าเร็วก็ต่างกัน....แต่ก็ไปถึงยอดดอยที่หมายที่เดียวกันได้.#วิธีการคิดเลขคณิตเพื่อหาผลลัพธ์=============ก็เช่นกัน อาจจะคิดโดยแสดงวิธีทำโดยละเอียด หรือแสดงโดยย่อ หรืออาจจะใช้วิธีคิดในใจ ก็จะได้ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน..***การบรรลุธรรมะ***================ก็เฉกเช่นกัน ย่อมมีทางบรรลุธรรมะได้หลายทางเช่น ทางที่ต้องมีขั้นตอน อันมีให้เลือกหลายแบบ หรือทางที่บรรลุโดยธรรมชาติโดยแวบเดียวโดยอาศัยกำลังธรรมกระโดดข้ามทีเดียวถึง ดังปรากฏในครั้งพุทธกาล ที่พระพุทธองค์ทรงเทศนาด้วยธรรมะแยบคายเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้บางท่านบรรลุอรหันต์ทันทีฉะนั้นการที่โบราณได้ยึดมั่นถือมั่นกันต่างๆนานา ว่าจะต้องทำตามธรรมะแบบนั้น แบบโน้น แบบนี้ จึงจะถูกต้องนั้น ก็น่าจะไม่ถูกต้อง น่าจะแล้วแต่จริต และกำลังปัญญาของบุคคลบัว4เหล่าไม่เท่ากันบางคนปฏิบัติไปไม่สำเร็จ เกิดวิจิกิจฉาสงสัยอยู่ร่ำไปตกเป็นทาสของความพยายามไม่มีที่สิ้นสุด บางคนจึงต้องออกมาคิดนอกกรอบเข้าถึงธรรมะได้ด้วยใจ โพล่งเดียวถึงโดยวิธีธรรมชาติ โดยอาศัยกำลังธรรมโดยตรงคือหนทางแห่งการพ้นทุกข์ ซึ่งถูกกับจริตของเขา อันย่อมเป็นปัจจัตตัง ทำเองได้เองกำจัดอาสวะกิเลส อนุสัย ด้วยตัวของเขาเอง #อีกประการหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงเฉลยธงคำตอบแล้วว่าจุดหมายปลายทางของท่านคือ"นิพพาน"ดังนั้นเหตุไฉน จึงไม่เปลี่ยนวิธีนำเอาธงคำตอบของพระพุทธองค์มาเป็นตัวตั้งโดยนำเอา "นิพพานหรือความว่าง" มาศึกษาก่อนเล่า ?ซึ่งจะได้ความชัดเจนชัดแจ้ง ตั้งแต่เริ่มแรกเลย***ท่านฮวงโป ท่านยังคงอยู่ในแนวทางพุทธศาสนาเพียงแต่คิดนอกกรอบ เอานิพพานหรือความว่างหรือธรรมชาติแท้อันเป็นธงชัยของพุทธศาสนิกชน มาเป็นตัวตั้งในการศึกษาพุทธศาสนาด้วยวิธีธรรมชาติ เท่านั้นเอง.
จิตหนึ่ง ถ้าเราดูพระไตรปิฎก เราก็จะเทียบได้ กับที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส ว่ามีสิ่งๆหนึ่ง ที่เข้ามายึดขัณฑ์ทั้งห้า เมื่อเกิดยึดติดแทนที่จะเรียกว่าสิ่งๆหนึ่ง ก็จะเรียกผู้ยึดติด ว่าสัตตานัง อันนี้ก็ใช่ครับ ความว่าง จิตหนึ่ง นิพพาน ไม่สามารถอธิบายได้ ก็คือพุทธะ การหลุดพ้นนั่นเองครับ
ขันธ์ คือ ร่างกาย ขันธ์ทั้ง5ขัณฑ์ คือ พื้นที่
ขอบคุณที่เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เข้าใจง่ายมาสาธยายให้สัตว์ผู้สับสนในวัฏสงสาร!เพราะนี่คือ"พุทธแท้!
สาธุ สาธุ สาธุ
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ในนิยามของคำว่าจิตนั้นคือสังขารความคิดปรุ่งแต่ง การไม่ยึดมั่นในจิต คือการวางจิตให้เป็นดังพื้นดินไท่ว่าใครจะทำดีทำร้ายแผ่นดินก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ซึ่งนั้นความหมดจิตไม่ถือจิต ไม่ว่าสภาวะธรรมไดๆหมดไม่มีจิตไม่มีสิ่งไดให้ได้ให้ลุถึงได้แม้แต่จิตยังไม่มี นี้คือนิยามของสภาวะสูญญะตา
จริงแล้วสาธุ
เสียงอ่านดีมากนะครับ เป็นวรรคเป็นตอน จังหวะจะโคนดี เข้าใจง่าย ขอชม
ขอน้อมจิตกราบนมัสการสาธุค่ะ
🔊ถามมาอาจารย์พอจะบอกเคล็ดลับในการใช้ความว่างแท้บำบัดรักษาโรคได้ไหมครับ? ขอบคุณครับ👤ตอบไป💐ได้ครับ 💐อจ.ใช้ความว่างแท้นั่นแหละ บำบัดรักษาโรคเมื่ออจ.รับข้อมูล คืออาการป่วยของแต่ละคนไม่ว่าจะกี่โรค และอาการหนักเบาแค่ไหนการได้รับข้อมูลมา ไม่ว่าจากทางใดเช่นการบอกเล่า ฯลฯอจ.ก็ทำหน้าที่เสมือนคอมพิวเตอร์ คือการรับข้อมูลทั้งหมดเพื่อการประมวลผล นำไปสู่การบำบัดรักษาออกมาเป็นผลสัมฤทธิ์ของการบำบัดรักษา💐แต่ในการบำบัดรักษาด้วยความว่างแท้เป็นวิธีพิเศษเหนือระบบคอมพิวเตอร์💐💐คือเพียงรับข้อมูล ที่ผู้ป่วยบอกกล่าวมาแต่ไม่นำไปยึดปรุงแต่งต่อ โดยเด็ดขาดเพราะในความว่างแท้ไม่มีการยึดปรุงไม่ยึดปรุงว่ามีผู้ป่วย ว่ามีการป่วยว่าป่วยมากป่วยน้อย ว่ามีผู้บำบัดรักษา💐💐ไม่ต้องการรายละเอียดมากมายยิ่งยึดปรุง ยิ่งช้า ยิ่งเป็นตัวถ่วงการบำบัดรักษา💐เพราะในความว่างแท้ ไม่มีอะไรเลยไม่มีการป่วยจริง 💐💐การไม่ได้ปฏิบัติธรรม เป็นธรรมอยู่ในตัวการไม่ได้บำบัดโรค เป็นการบำบัดโรคอยู่ในตัว
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุ
สาธุครับสาธุ
ฟังแล้วอบอุ่นดี
เชนไม่เชื่อการทำบุญทำกุศล ไม่สนใช่กรรม เพียงทำให้จืตว่างก็เข้านิพานได้ โดยเพียงทำให้จิตว่าง
เมื่อจิตว่างโดยทิ้งกรรมไว้ช้างหลังก็เข่านืพพานได้ เหมืิอนตนได้ทำอาชญากรรมแล้วหนืถูกจับเข้วคุกแล่วเสวยสุกไป ถูกจับเมื่อไรก็ต้องเข้าคุกอยู๋ดี การทำให้จิตว่างเพือหนีกรรมเข่านิพพานไปด้วยสมาธิให้จิตว่างซึงเป็นอรูปพรหมซค่งไม่ใช่นิพพาน เมื่อสมาธิหมดกำลังก็ต้องลงนรกไป เช่นเดียวกับอาชญากรถูกจับตืดคุก
ในพุทธศาสนามีกว่าวไว้ว่าที่สุดของจิตว่างคือ "อรูปพรหม" อาจารย์สองคนแรกของพระพุทธเจ้าก็เป็น "อรูปพรหมฎ คืออาราฬะดาบทและอุทกะดาบท เป็นจิตแบบ"อากาสานัญจายะตนะ (เพ่งความว่างของอากาสว่างไม่มีที่สิ้นสึด)หรือ สัญญานาสัญญายะตนะ(ลบสัญญาคือความจำทิ้งจึงคิดอะไรไม่ได่ พระพุมธเจ้าเห็นว่ายังไม่พ้นทุกข์ และไม่ใช่นืพพาน จิตว่างหรือจิตเดืมแท้ชองฮวงโปก้ตือจิตอรูปพรหมนี้เอง ไม่ใช่นิพพาน เพราะปราวจากปัญญา จิตในนิพพานต้องเป็นโลกุตรจืตของอริยลุคคลกอ่นแล้วเพิ่มปัญญาเพื่อเข้าอรหีนต์ ถ้าไม่มีปัญญาก็เข้าอรหันต์ไม่ได้ ในลัทธิเชนให้ทิ้งปัญญาให้หมดจะเช้านิพพานได้อย่างไร
@@chaiyenratanavijarn4675 เมื่อก่อนฉันเคยเข้าใจแบบคุณเหมือนกันแต่ เมื่อได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้องนานวันเข้าจะรู้แจ้งได้ด้วยตัวเองไม่ต้องคอยถำมใครอีก(ปัญญาที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการค่ิด หรือกำรจำแต่เกิดจากประสบการณ์จากจิตที่ว่างจากตัวตน)
@@chaiyenratanavijarn4675 ขอบคุณนะคะที่ช่วยอธิบายเรื่องของสัญญา
@@chaiyenratanavijarn4675 สภาวะของจิตนั้นว่างอยู่แล้วโดยธรรมชาติใยจะต้องทำให้ว่างอีกเล่าเพียงแค่หันกลับเข้ามาดูภายในก็จะเรียนรู้ได้เองว่าอะไรเป็นสิ่งที่จรเข้ามาบดบังความว่างเดิมของจิตนั้น เมื่อรู้ชัดแล้วก็ขจัดเหตุนั้นเสีย
ไม่มีคำบรรยาย รุ้แค่ว่านำ้ตาไหลออกมาเอง สาธุ สาธุ สาธุ
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ ผมนิตั้งใจฟังมากๆเลยครับ
สาธุ สาธุ
❤ขอน้อมกราบสาธุสาธุสาธุค่ะ
Sadhu sadhu sadhu kha
สาธุๆๆน้อมกราบขอบพระคุณมากๆครับจิตเดิมแท้โฉมหน้าเดิม จิตเป็นหนึ่งเดียวคือพุทธะเป็นธรรมชาติที่เป็นปกติอยู่ในตนไร้รูปลักษณะใดๆทั้งสิ้นเป็นธรรมดาปกติเป็นธรรมชาติอย่างเสรีย์ที่หยุดนิ่งสงบเย็นเป็นปกติด้วยมีปัญญารู้ถึงความเป็นชาติในจิตใจตนครับ❤😊)
โสโส
อนุโมทนาบุญครับ
อนุโมทนาสาธุครับ
สาธุๆ มรรคเฉียบพลัน
การที่ท่านกล่าวว่าคำสอนของเซนนั้นเป็นคำสอนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ปฏิบัติจนได้ปัญญาญานแล้ว จึงจะฟังให้รู้เรื่องและเข้าใจแจ่มแจ้งได้นั้น ถูกต้องที่สุดแล้วเพราะจะเห็นทั้งสองอย่างคือตาในเห็นและตาปัญญาก็เห็นซึ่งผู้ที่ยังไม่ได้ไม่ถึงจะไม่สามารถเห็นและรู้เข้าใจได้เลย เช่นที่กล่าวว่ามันมีโดยไม่ต้องมีความมี นั้น สำหรับผู้ที่ได้ปัญญาญาณแล้วจะเห็นและรู้เข้าใจแจ่มแจ้งตามนี้นจริงๆ ไม่ใช่เดาหรือคิดเอา แต่เห็นและรู้ตามนั้นจริงๆ ดังนั้นคำกล่าวคำสอนนี้จึงถูกต้อง ไม่ใช่มิฐฉาทิฏิ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ปัญญาญาณจึงไม่สามารถฟังและอ่านคำสอนนี้ให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งได้เลยแต่สำหรับผู้ ที่ได้ปัญญาญาณจะรู้เห็นจริงตามนั้นทุกประการ
2ตามอง1ตาเห็น
ใช่ครับสาธุ
น้อมกราบสาธุธรรมคำสอนขอรับกระผม สาธุ
น้อมกราบสาธุ🙏🙏🙏ค่ะ
นี้คือความจริงพระธรรม(พุทธแท้)
สาธุสาธุสาธุครับผม
ขอบคุณครับ
... สาธุครับ
ต้องมีสักวันต้องไป ชมเซ็นพระไตรปิฏก ที่คลองเตย
พระไตรปิฏกที่แท้จริงอยู่ที่ตัวเรา
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ เบอร์จดไม่ทันค่ะขอเบอร์อีกครั้งเจ้าค่ะ
🎒คำถามเพิ่มเติมเรื่องความว่างแท้🎒28 กุมภาพันธ์ 2565💥ข้อ25❓ถาม.....ในเมื่อการบำบัดโรคด้วยความว่างแท้คือการทำความจริงสูงสุดให้ประจักษ์ถ้าเช่นนั้น ในภาคปฏิบัติ อจ.บำบัดโรคอย่างไรครับ?🅰️ตอบ.....🌍ยกตัวอย่าง มีผู้ป่วยชื่อนายA มาขอรับการบำบัดรักษาจากอจ. ด้วยโรค7อย่างในตัว เช่นโรคหัวใจ เบาหวาน เก็าต์ปวดศรีษะไมเกรน ภูมิแพ้SLE ปวดหลัง และมะเร็งปอด พร้อมทั้งเล่ารายละเอียดของอาการโรค ของแต่ละโรคแทนที่อจ.จะใชพลังจิตทิพยอำนาจธรรมดา เช่นใช้กสิณ มโนมยิทธิ ความรู้จักระ ฯลฯ ในการขจัดโรคซึ่งทั้งหมดเป็นการยึดปรุงสิ่งที่เป็นมายา ที่ไม่จริงอยู่แล้วได้แก่ผู้ป่วย โรคและอาการและตัวอจ.เองไม่ใช่ตัวตนจริงให้มีการยึดปรุงซับซ้อนขึ้นไปอีก ซื่งประสิทธิผลการบำบัดอาจจะได้ดีบ้างในระดับสมมุติ กินเวลานานขณะหนึ่งเพราะมีการยื้อการต่อต้านพลังในระดับสมมุติ🌍อจ.ใช้ความว่างแท้ โดยทำความจริงสูงสุดให้ประจักษ์คือความเข้าใจเข้าถึงความว่างแท้ในระดับว่างแท้บริสุทธิ์ด้วยตัวของมันเอง ที่ปราศจากทุกสิ่ง ปราศจากยึดปรุงแม้เรื่องของการปล่อยวางก็ไม่ต้องมี เพราะความว่างแท้มีความบริสุทธิ์ด้วยตัวของมันเองมาตั้งแต่แรกแล้วอำนาจของความจริงสูงสุดดังกล่าว จะเคลียร์(Clear)ทำให้สิ้นสงสัยสิ้นนิวรณ์เป็นที่ประจักษ์แจ้งชัดในพริบตาว่าไม่มีตัวตนจริงของผู้บำบัด ผู้ป่วย โรคและอาการต่างๆ นั้น.
🙏🙏🙏
🎒คำถามเพิ่มเติมเรื่องความว่างแท้🎒7 ก.พ. 2565💥ข้อ12❓ถาม.....คำว่า"ทะลุ" มีความสำคัญแค่ไหนครับ?🅰️ตอบ.....🌍 เป็นถ้อยคำพื้นฐานธรรมดาทั่วๆไป ที่หมายถึง....การทำให้เป็นรูเป็นช่องผ่านตลอดออกไปอีกข้างหนึ่งแต่มันมามีความสำคัญอย่างเอกอุ ในเมื่อในทางๆนี้ถีอว่าในภาษาสัจธรรมสูงสุดคือความว่างแท้มันคือการทะลุออกจากมายา ออกจากการยึดปรุงไปสู่อีกมิติหนึ่งที่ปราศจากการยึดปรุงออกจากความหลง หลงผิดเกลือกกลั้วยึดปรุงอยู่กับมายาเผยอใบหน้าขึ้นไปรับไปสูดโอโซนแห่งการไม่ยึดปรุงใดๆโดยเด็ดขาดทะลุทั้งดีและชั่ว ทะลุสองสิ่งตรงข้ามกัน ไม่ยึดปรุงทั้งดีและชั่ว เพราะทั้งดีและชั่วก็ยังไม่พ้นขึ้นลงดีมากดีน้อยชั่วมากชั่วน้อย วนอยู่ในวังวนเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด ดังที่เคยกล่าวว่าบุตรสองคนทะเลาะกันก็ให้ลงโทษตีทั้งคู่ เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะกันอีกเด็ดขาดไม่ใช่ไปตีเฉพาะบุตรที่นิสัยไม่ดีฝ่ายเดียว อย่างนั้นมันไม่มีการสิ้นสุด ยังคงทะเลาะกันในโอกาสต่อไป🌍 "การทะลุ" จึงเป็นการออกไปจากวังวนการยึดปรุงดี-ชั่วถูก-ผิด บุญ-บาปฯลฯ อย่างเด็ดขาด มิใช่ว่าการยึดปรุงความดี เป็นเรื่องไม่ดีไม่เหมาะไม่ควรซึ่งที่จริงมันเป็นเรื่องถูกต้องหน้าที่ศีลธรรม เป็นเรื่องที่ดีแต่ดีแค่ในระดับมายา ระดับสมมุติ ระดับโลกียธรรมเราต้องหวังผลที่สูงกว่า คือทะลุผ่านโลกียะเข้าสู่โลกุตระอย่างเด็ดขาดเพิกถอนมายาดี-ชั่ว ถูก-ผิด บุญ-บาป ฯลฯ ออกเสียทั้งคู่เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดมาเป็นเพื่อนสนิทกับตัวทุกข์ ตัวไม่เที่ยง ตัวไม่ใช่ตัวตนจริง นั้น อย่างเด็ดขาด ตลอดกาล แล้วท่านจะได้พบกับการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ อันเป็นความสูงสุดอย่างแท้จริง🌍 อนึ่ง เมื่อท่านลึกซึ้งลุ่มลึกกับคำว่า"ทะลุ"แล้วคือเพียงแค่ท่านคิดถึงคำนี้คำเดียว.....จะเกิดปรากฏการณ์ที่คำบรรยายทั้งหมดของอจ.จะไปรวมเป็นหนึ่งเดียวภายในเสี้ยววินาทีในรูปสัจธรรมที่ตกผลึกอันมิใช่ภาษาพูดภาษาเขียนนั่นคือสัมมาทิฏฐิสูงสุด อันจะนำไปต่อยอดในด้านต่างๆได้อีกอย่างเป็นที่มหัศจรรย์เช่นบำบัดโรคทางไกลหรือใกล้ได้อย่างรวดเร็ว ฯลฯ
ถ่ายทอดธรรมะสู่ประชาชนดีค่ะ
❤❤❤❤❤❤❤
ขอแนะนำนะ อย่าพยายามไปอธิบายสภาวะนิพพานให้มันมาก ยิ่งพูดยิ่งเหมือนลิงติดตัง ยิ่งแต่ทำให้คนตีความหมายไปเตลิด ไปไกลอีก ของมันง่ายๆแต่พยายามจะให้มันดูซับซ้อน คนจะเข้าไม่ถีงถ้ายังมานั่นเปรียบเทียบมั่วไปหมด
เวลาอินั่งเรือข้ามฝากก้อต้องมีเรือแต่พอถึงฝั่งคุณก้อต้องจอดเรือไว้ที่ท่า ก่อนที่อิไปนิพพานก้อต้องปฏิบัติแต่พอถึงแล้วมันคือความว่างไม่มีอะไหร่เลยสักอย่างนั้นแหละนิพพาน จำไว้
เข้าไม่ถึงถ้าไม่มีปัญญาอย่าใช้จิตปรุงแต่งบิดเบือน. อย่าหลงตัวว่าดีอย่าหลงตัวว่าเด่นอย่าว่าร้ายผู้อื่น
สาธุแล้วเป็นความจริงแท้ที่อยู่ว่างเปล่าแต่มีอยู่จริงสาธุ
ขออนุโมทนาสาธุครับ
สาธุอนุโมทนามิ
กราบสาธุครับ
สาธุอนุโมทามิ
สาธุสาธุสาธุคะ
จิตหนึ่งเมือรู้สึกกับผู้ไดเมือนั้นโลกทั้งสามก็ดับหายไปกับความว่างเปล่าหมดเลย
มีคือเห็นได้ด้วยตาไม่มีตัวมีตนก็จิตจะเห็นได้ด้วยจิตเองแล้วก็เอาจิตทีบ่อเห็นได้ด้วยตาคือเอาจิตมาว่าเป็นเราทีเห็นได้ด้วยตามาว่าเรา
เมือเราไม่คิดอะไรจะรู้ว่าเราก็เป็นเราและจิตกะเป็นจิตกายกับจิตกะรู้สึกว่าแยกกันเป็นจิตหนึ่งเราชิรู้สึกตีนสงบว่างเบาสำบายอย่างพูดบ่อถูกต้องทำเอาถึงจะรู้สึกอย่างทีว่าได้เท่านี้ละต่อนั้นชิรู้ว่าขันธ์ห้ากับจิตบ่อไช้คนละอย่างแต่อาไสอยู่
การที่หยุดคิดนั้นคือหยุดหาทุกอย่างแมแต่ธรรมะหรีอจิตก็จะรู้สึกอย่างหนึ่งเทานั้นคือไม่คิดว่าว่างและไม่ว่างไม่มีหรือมีรู้สึกตืนว่างสงบสบายและเบาแล้วก็จบ
จิตก็บ่อมีตัวขันธ์หาเราจะว่าเป็นเราบ่อได้เพราะว่าเมือมีจิตก็มีอาการทั้งหาหรือว่าขันธ์ทั้งห้าความคิดหรือความจำม่ายว่าเราว่าเขาไม่ไห้เกิดบ่อได้รู้จักกับจิตหนึ่งแล้วจิตจะบอกไห้เราเข้าอยู่ทีสบายทีสุดคือทีว่างเปล่าจิตหึ่งเท่านั้นทีรู้จักทีว่างเปล่าได้และก็มีผู้เดืยวทีจะไปได้นะ
เราคิดเองว่าบ่อรู้ธรรมะทีหลวงปู่สอนรองดูว่าไม่คิดชีรู้อะไรมัยทีจิตรู้ว่าอะไรไม่ได้คิดทีรู้เพราะคิดกะมีไม่มากเลยจิตรู้สึกจริงแต่จิตบ่อมีตัวตนและก็มีชีว่าบ่อมีกะไดมีอาการทั้งห้ากะคือกันบ่อมีอยู่จริงจิตมีรู้สึกแต่ว่าจิตว่างบ่อมีตัวแต่ว่าเป็นผู้รู้ไห้ตัวเรารู้อยู่เสมอไปเลยนะ
ไห้เข้าใจอย่างเดียวว่าไม่ไช้ตัวรู้คือรูปตัวเรานั้นไม้รู้ด้วยจิตทีรู้สึกว่าบ่อไช้เรารู้จิตทีบ่อมีตัวเป็นผู้รู้ทีบ่อสงบก็เพาระเข้าใจว่าเรารู้ทีเป็นเหตุไห้ไม้รู้จิตเจ้าของเท่านีละ
หยุดคิดว่าเรารู้อยู่ทีปับจุบันขันธ์ห้าก็หยุดทำงานก็ว่ามีสติมองโลกเป็นของว่างบ่เข้าใจเมื่อตาเห็นก็ว่าเราเห็นธรรมะนั้นรู้ด้วยจิตใจตาหูก็รวมว่ารูปตัวคนเท่านีละ
สาธุ กาย ว่าง วาจา ว่าง จิตใจ ว่าง กาย บริสุทธิ์ วาจา บริสุทธิ์ จิตใจ บริสุทธิ์ ก็ หลุด พ้น จาก ทุกข์ ทั้งปวง❤❤
สุญญตาก็คือยอดของปรมัตถธรรมที่ท่านพุทธทาสเรียกว่าจิตว่างที่หลวงปู่ดุลย์เรียกจิต 1
จิตหนึ่งหรือจิตเดิมแท้เป็นธาตุอสังขตสังขารความคิดนึกก็ออกมาจากจิต 1
❤ น้อมจิตกราบอนุโมทนา สาธุธรรมเพื่อการไม่เกิดแก่เจ็บและตายค่ะ
ขอขอบพระคุณจากใจถึงท่านที่ได้นำสิ่งที่มีค่ายิ่งมาเผยแพร่ให้ได้ฟังครับ
* จิตหนึ่ง *
จิตหนึ่ง ใฝ่ฝัน แน่ชัด
ฮึดฮัด ดั่นด้น ค้นหา
เจนจบ ภพกัลป์ จนล้า
พกพา กับตัว ไป่รู้
สรรพสัตว์ เกิดจาก จิตหนึ่ง
ประหนึ่ง มวลคลื่น ซัดซู่
เป็นเพียง มายา ตรองดู
น้ำอยู่ ส่วนน้ำ ว่างเบา
ขอแค่ รับรู้ แล้วตื่น
เริงรื่น ทิ้งความ ขลาดเขลา
จักพบ มุกแท้ งามเงา
ที่เฝ้า โหยหา มานาน
ละวาง ความคิด ปรุงแต่ง
ผาดแผลง ตัวตน สืบสาน
ภพชาติ ลบเลือน อุปาทาน
ไม่นาน ความว่าง สำแดงฯ
สาธุ....!
อนุโมทนาสาธุ
บารมีของแต่ละคนไม่เท่ากัน ระดับความรู้ของจิตก็ไม่เท่ากัน ผู้ทรงแล้วซึ่งวิมุติ ย่อมไม่เอาแล้วซึ่งสมมุติ รวมถึงความรู้ใดๆของตน และว่ามีตนด้วย แม้แต่นิด เหลือแต่ ธรรมรูปนามที่เป็นไปเองของมันไป ที่ยากยิ่งคือเข้าไปเห็นจริงๆว่ามันเป็นของมันเอง ในทุกสัพสิ่ง ไม่มีใครเป็นเลย ถึงต้องอาศัยหนทางกลางที่พระพุทธเจ้าทรงสอน มันไม่ง่ายเลย เพราะเรายังติดตัวตนมานานมากกก
ผมนั่งแพกลางกระแสน้ำเชี่ยว อยู่ๆแพก๊จอดผมเปรียบเทียบได้แค่นี้
15:13 คำชี้แจง : พุทธทาส
33:12 ภาคหนึ่ง บันทึกชึนเชา
2:21:45 ภาคสอง บันทึกวาน-ลิง
3:44:17 ภาค ปกิณณกะ
นอมกราบสาธุครับ(อยู่เป็นธรรมชาติในกายใจตนที่สงบเรียบง่ายปกติอย่างเสรีย์เป็นกลางๆครับ
กราบสาธุสาธุ❤💯🙏🙏🙏
ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
กราบสาธุเจ้าค่ะ
ไม่นิยาม ไม่จับคู่ = ว่างเปล่า 👌
ขอบคุณมากครับ บรรลุมาแต่ปี 2552 ครับ
ทุกอย่างแสนจะธรรมดา ถูกๆๆๆดีๆเป๊นคำพูดที่ดี ผมเจอคำตอบหนึ่ง แต่ผมยังพูดมันออกมาเป๊นภาษามนุษย์ไม่ได้
ท่านพุทธทาส ช่วยกลั่นกรองให้เข้าใจ เข้าได้กับทางพุทธเราได้ดีที่สุด
จิตนี้ไม่ใช่เรามันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราไปยึดเอาเองทั้งนั้นว่าเป็นเราของเราเป็นตัวกูของกู นิพพานคือความว่าง ไม่ใช่ตัวกูของกูมันเป็นเช่นนั้นเอง โลกนี้หมุนด้วยปฏิจจสมุปบาทที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันแล้วเกิดขึ้นทำให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสาร เมื่อเราตัดกระแสวงรอบของมันได้เราก้อไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก นี่เป็นภพชาติสุดท้ายของเราแล้ว ภพต่อไปสำหรับเราไม่มีแล้ว นิพพานหรือ โลกอุดรที่เค้าว่ากันมาก้อมีอยู่จริง ไม่ทุกข์ไม่สุขมีแต่ความว่างเข้าสู่สภาวะเดิมที่ไม่มีการเกิดการแก่การเจ็บการตาย หรือว่าอยู่เหนือโลก
การบำเพ็ญธรรมสิ่งสำคัญคือการบำเพ็ญที่จิตตรงจุดญาณทวารวิธีเดียวเท่านั้น ที่จะนำพาจิตพุทธะตนเข้าสู่กระแสธรรม ได้อย่างต่อเนื่อง จึงจะก่อเกิดการรู้ตื่นรู้แจ้งในหลักสัจธรรมแท้จริงค่ะ ไม่บำเพ็ญขัดเกลาที่จิตจะกลับคืนไม่ได้จริงค่ะ
อนุโมทนาบุญ สาธุๆๆคะ
จิตมิใช่จิตเป็นนามสมมุติเท่านั้น__ความว่างไม่มีที่มาที่ไปไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีแสงสีเสียงกลิ่นรสน้ำหนักที่อาศัยไม่มีๆอะไรเลยเมื่อหยุดจิตความจริงก็ปรากฎให้รู้แจ้ง
อวดรู้อยู่นั่นแหละ แสดงจิตออกมาโต้งๆ ยังไม่รู้อีก
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป นี่แหละภาวะของจิต ที่นี่ เดี๋ยวนี้ now
@@pothongthongkaew7750 จิตที่ไม่ใช่่จิตเป็นสภาวะนิพพานเป็นของแท้ไม่ใช่สมมุติ
สาธุ
ขอบคุณการเผยแพร่ธรรมะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ ฟังแล้วจิตใจสงบสุขด้วยน้ำเสียงของผู้อ่าน และได้ความเข้าใจง่ายขึ้น🙏🙏🙏
คนที่จะขึ้นตึกสูง(นิพพาน)ถ้าขึ้นบันไดอยู่ก็เหนื่อยและช้าแต่ถ้ามีคนพาขึ้นลิฟท์มันก็ดีและไม่เหนื่อยไม่เสียเวลา....ขึ้นที่สูง(นิพพาน)ด้วยจิตที่เป็นพุทธะไม่เหนื่อยไม่เสียเวลา ไม่หลง ไม่ยึด ไม่เขลา
1แบบแบบๅ
🪷
เมื่อไม่มีตึกจึงไม่มีบันไดไม่มีลิฟท์ไม่มีที่สูงไม่ที่ต่ำและเมื่อเราไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี"
@@user-ij4kr7zt4oแพร่มเก่งนะไอ้หอกหัก
"มันไม่เคยมีมันจึงไม่มี"
"มันมีเพราะเราให้มี"
ลองเอาสตางค์ เอายศ ไปให้สัตว์มันก็ไม่เอาดอก มันเอาแต่อาหาร กลับกันจิตเรา คิดว่ามันมีค่าเพราะคิดว่ามีค่า ทุกอย่างเกิดจากจิต จิตเดิมแท้จึงยังไม่ใช่อริยะเสียทีเดียวแต่เป็นสภาวะฉับพลันในการได้อริยะหรือ หายวิจิกิจฉาไปเลย แต่ข้อเสียของเซนก็มีคือการไปต่อไม่ได้ ควรศึกษาธรรมควบคู่ไปด้วย อริยสัจ4 ขันธ์5 ปฏิจจสมุปบาท อตัมยัมตา ประมาณนึงเพื่อดูดวงจิต เข้าใจก็ดี
อนุโมทนาสาธุครับผมโชคดีที่ได้รู้ธรรมะแบบนี้เพราะมันถูกจริตและเป็นเหมือนกับทัศนคติสิ่งที่ผมเคยคิดและสงสัยเอาไว้นี่แหละ พุทธะ หรือ อัมตะธาตุ มันเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน อัตตาหิอัตโนนาโถตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คนไหนใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
มีสติรู้ลมหายใจเข้า - ออก อานาปานสติ
มีสติรู้ธรรมเฉพาะหน้า สติปัฏฐาน 4
หยุดความคิดปรุงแต่งอย่างสิ้นเชิงได้ วิญญาณขันธ์ก็ดับไปสาธุ
ขอบคุณฟ้าเบื้องบนเมตตา
ขอน้อมกราบไหว้ท่านพุทธทาสภิกขุที่กรุณาชี้นำแสงสว่างแห่งชีวิตในแนวทางนิกายเซ็นในพระพุทธศาสนา__ขอบุญบารมีจงได้บังเกิดแก่ทุกท่านเทอญ___สาธุสาธุสาธุ.
สาธุคะ
สาธุๆ ค่ะขออนุโมทนาบุญขอขอบคุณค่ะทุกอย่างจงปรากฎเกิดขึ้นสิ่งที่ดีๆ ทั้งหลายในตัวข้าพเจ้าครอบครัวจงบังเกิดโดยพลันสาธุๆ ค่ะจงสำเร็จเจ้าค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณท่านพุทธทาสภิกขุผู้แปลและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิมพ์และการเผยแพร่คำสั่งสอนที่ลึกซึ้งและแสนล้ำค่ามากๆของท่านฮวงโป ขอกราบอนุโมทนาค่ะ
วาง......... ว่าง.......................................................................
สาธุอนุโมทาม ิ
สาธุ สาธุ ขอบคุณค่ะ เสียงอ่านไพเราะนุ่มนวลและมีน้ำหนัก เหมาะเหลือเกินในการอ่านเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์ คนไทยและชาวโลกที่สัมผัสคำสอนเผยแพร่พุทธศาสนาของท่านพุทธทาส เป็นหนี้บุญคุณท่านเหลือเกิน ท่านเป็นสงฆ์สาวกผู้บริสุทธิ์โดยแท้ แม้ท่านจะนิพพานไปแล้ว แต่ผลงานของศากยะบุตรของท่านพุทธทาสจะยังคงอยู่สืบศาสนาของพระพุทธองค์ต่อไปๆๆ...
งง
ธรรมทั้งมวลมาจากจุดเดียว.รูป.นามใด.ทั้งหมดไม่มีอะไรเกิดนอกจากทุกข์.ไม่มีอะไรดับ.นอกจากทุกข์.บ่าว.สกลฯ
นั่นเป็นธรรมยังไม่ใช่ธรรมแท้จริง ธรรมแม้จริงคือธรรมที่ไม่ใช่ธรรม แต่มีธรรมอยู่ในตัวมันเอง
คำว่าว่าง ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไร ทุกอย่างมันมีอยู่ เป็นอยู่อย่างนั้น ตามธรรมชาติของมัน ถ้าอยากรู้จริงๆ ก็เข้าปฏิบัติ กินคนเดียว อยู่คนเดียว สำรวมอินทรีย์ มีสติระลึกรู้ ที่ กาย เวทนา จิต ธรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง จนกว่าความรู้สึกตัวทั่วพร้อมจะบังเกิดขึ้น จิตแจ่มชัดในอารมณ์ ไม่มีนิวรณ์ อินทรีย์ 5 พละ 5 ปรากฏ เสมอกันด้วยกำลัง ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เป็นจิตที่ทรงพลานุภาพชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน การพิจารณาธรรมสัจจ์ เกิดขึ้น เมื่อถึงที่สุดแล้วจิตจะเป็นอุเบกขา คือยึดอะไรไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีอะไรให้ต้องยึด เป็นหน้าที่ของอินทรีย์ต่างก็ทำหน้าที่ไป เกิดและดับที่เดียวกัน บ้านหลังหนึ่งมีองค์ประกอบ เยอะ เช่น เสา ขื่อ แปร หน้าต่าง ประตู ฝา อะไรต่อมิอะไร รวมกันสมมุติว่าบ้าน พอแยกชิ้นส่วนออก รูปบ้านก็หมดไป อินทรีย์ ทั้ง 6 ก็ทำหน้าที่เหมือนกับชิ้นส่วนของบ้าน ทั้งหมดจะเรียกเป็นธาตุก็ได้ สิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้นทั้งหมด ล้วนเป็นสภาวธรรม ไม่สามารถยึดเอาอะไรเป็นจริงเป็นจังที่ถาวรได้ แม้ตัวเราเองก็เช่นเดียวกัน
พูดเหมือนเข้าถึงแล้ว อยากรู้ความรู้สึกว่ามันเปนยังงัย
@@user-bf7cf2wv3g เค้าคิดเอา...........ยังคิดอยู่......🌱
@@user-bf7cf2wv3g การเข้าถึงสภาวะนั้น จะต้องอาศัยความเพียร สติ และมีโยนิโสมนสิการ ในอารมณ์ อารมณ์มีในทวารทั้ง 6 อารมณ์เหล่านี้เกิด ดับอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณสังเกตุ ใส่ใจ มีสมาธิ คุณก็จะเข้าใจว่า ทั้งหมดทั้งปวงไม่มีพระเจ้าสร้าง หวาน เค็ม มีจริง สวรรค์นรกมีจริง นิพพานมีจริง ทั้งหมดรู้ได้จากการเข้าถึง หยั่งรู้ หรือ สัมผ้ส ธรรมชาตินั้นตามที่มันเป็น สรุปแล้วบุคคลเข้าถึงด้วยตนเอง และเข้าถึงได้ทุกคนที่ปฏิบัติ เมื่อเข้าถึงแล้วก็จะเลิกโง่เอง ความโศกเศร้าเสียใจ ผิดหวังต่างๆ นาๆ ก็จะหายไป พระพุทธองคชี้ทางออกบอกทางถูกให้แล้วจงเข้าสู่ภาคปฏิบัติ ไม่เกิน 3 เดือนก็จะเข้าใจเอง ไปสำนักที่สอนตามแนวสติปัฏฐาน 4 นะครับ โชคดีทุกคน
ปฎิบัติ ก็ไม่ใช่แล้ว
ทางทางนี้ ไม่มีการปฎิบัติใดๆเลย
อังคาร ๒๔\๘\๖๔ กราบเท้าท่านอาจารย์พุทธทาส 🦶 🌻🇮🇳🇹🇭☸✝️☪️🔯✡🕉☮🙏
🦶
สาธุครับ ธรรมดีๆฟังแล้วสงบเย็น อนุโมทนาทั้งผู้เผยแพร่และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายครับ 🙏🙏🙏
เเใ
เท่าที่ผมใช้ชีวิตมา พ่อของผมน่าจะเป็นเซน
จะอยากหรือไม่อยาก ไม่มีก็คือไม่มี 🙏🙏🙏🙏🙏
กราบสาธุขอเพิ่มเพิ่มคลิปใหม่ด้วย
ฟังแล้วได้ความรู้ ได้แนวทางแห่งธรรม...จริงๆแล้วจุดศูนย์รวมก็อยู่ตรงที่ใจนี่แหล่ะ...
📕บทความเรื่อง "ความจริงสูงสุด"📕
27 กรกฎาคม 2565
🟦 บทที่5 "การมิได้บำบัดโรค เป็นการบำบัดโรคอยู่ในตัว"
🌏ปริศนาธรรมข้างต้น มีที่มา.....
เริ่มจากท่านฮวงโปกล่าว "ไม่มีอะไร ที่จะต้องบรรลุถึง"
ตามด้วย "ไม่มีอะไรบรรลุถึงอะไร"
และ "การมิได้ปฏิบัติธรรม เป็นธรรมอยู่ในตัว"
🌍หมายความว่า ไม่มีธรรมะสูงสุด ที่จะต้องบรรลุถึง
เพราะธรรมะสูงสุดหรือความว่างสูงสุด หรือธรรมชาติแท้
มีเป็นประจำอยู่แล้วกับตนเอง และรอบๆตัว
เพียงแต่ลืมตา(เข้าใจเข้าถึง)ให้เห็นสักหน่อยไม่ได้หรือ?
นั่นเองเป็นที่มาของถ้อยคำเทียบเคียงที่กล่าวว่า...
"การมิได้บำบัดโรค เป็นการบำบัดโรคอยู่ในตัว"
เหตุเพราะ "ทุกสิ่ง"มิได้มีอยู่จริง
คนเป็นสมมุติ โรคและอาการก็เป็นสมมุติ มิได้มีอยู่จริง
ดังนั้นหากเราเข้าใจและเข้าถึงสัจธรรมสูงสุดดังกล่าว
ซึ่งมีประจำอยู่แล้วกับตัวเรา ตรงหน้าแวดล้อมตัวเรา
นั่นคือการรู้เท่าทันความจริงสูงสุด ที่มีประจำอยู่แล้ว
สิ่งสมมุติที่อุปโลกน์ยึดปรุงขึ้นมาแบบปลอมๆอันเป็นมายา
ก็จะพลันอันตรธานหายไปในทันที
🌏นั่นเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้พิสูจน์เป็นจริงแล้ว
กับผู้ป่วยนับแสนราย ทั้งระยะใกล้ ระยะไกล
โดยมิได้แตะตัวผู้ป่วย ยื่สิบกว่าปีมานี้
ทั้งการบำบัดประจำในร.พ. การสัญจรไปยังชุมชน
ได้แก่ร.พ.และหน่วยงานของรัฐหลายแห่ง วัด โรงแรม ฯลฯ
เกือบทั่วประเทศ และต่างประเทศหลายประเทศ
หรือบำบัดทางสื่อsocialวันละหลายพันคน
ทั้งหมดเป็นการบำบัดฟรี เป็นประจำตลอดมายี่สิบกว่าปี
โดยอาศัยประโยคที่ว่านั้น "มิได้บำบัดคือบำบัด"
ใครก็ได้ที่เพียงพลิกจิต เข้าใจเข้าถึงความว่างฯ
เหมือนข้าพเจ้า ก็สามารถบำบัดผู้ป่วยได้สำเร็จ
ภายในฉับพลันทันที
🌍ทั้งหมดเป็นการพิสูจน์ได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า...
สิ่งที่ท่านฮวงโปกล่าวไว้ถึงความว่างฯ
อันเป็นเป้าหมายสุดท้ายในศาสนาพุทธนั้น เป็นความจริง.
555
สาธุครับ
ขอบคุณที่อ่านให้ฟังค่ะ เสียงอ่านฟังแล้วรู้สึกดีค่ะ...สาธุสาธุค่ะ เพราะยังค้นหาความว่างของจิตใจเพื่อความสงบทางใจ....
เพียงเมื่อเราปฎิบัติถึงความว่าง ชาณ 4 เพียงดูรับรู้ความว่างอย่างเดี่ยวตลอดทุกกริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน โดยไม่ยึดมั่นถือมั่น เมื่อดูไปเรื่อยก็จะถึงความว่างในความว่างอีกชั้นหนึ่งก็จะบรรลุโดยฉบับพลันคือนิพพานนั่นเอง
สาธุๆ ค่ะขออนุโมทนาบุญข้าพขอขอบคุณค่ะข้าพได้ฟั่งได้พิจารณา
พวกมึงเอาของเดิมให้มันได้นิกกายอัไรก็ไม่ดีเท่าพระพุทธเจ้า นี้คือครูบาอาจารย์ที่ดีที่สุดแล้วเท่าที่โลกมีมา
ถูกต้องแล้วครับ
เป็นพระในพุทธศาสนา
แต่ไม่เอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอน
คำสอนของพระพุทธเจ้าถูกต้องที่สุดแล้ว
คำสอนของพระพุทธเจ้าดีที่สุดแล้ว
คำสอนของพระพุทธเจ้ามี 84,000 บท
ท่านสอนหมดแล้วหรือ
อย่างเรื่องผีและเทวดาในนิกายเซน
ก็สอนตรงกันข้ามกับศาสนาพุทธ
ท่านก็เอาของนิกายเซนมาสอน
ไม่เอาของศาสนาพุทธมาสอน
@@tigrugrungreung7989 แค่ใบไม้ในกำมือ
คำสอนในธรรมนี้เป็นการสอนธรรมสายทางตรงโดยมุ่งสอนสายโดยตรงทางลัดสู่จิตเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าพูดเกี่ยวสภาวะนิพพานหลายอย่าง จึงเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้
คุณไม่รุ้ก้อพูดไป ไปดูต่ะว่าแก่สอนแต่เซนอย่างเดียวม้าย ไปพูดมั่วๆบาปอิกินหัวเอา นี้แหละของแท้ มีครบหมดแต่ไม่ยึดติดใดใดทั้งสิ้น ถ้าคนมีปัญญาคงจะเข้าใจ ไปไปไปยังฝากฝั่งโน้นนนน คเต คเต ปารคเต ปารสังคเต โพธิสวายะ
ถ้าเชื่ออย่างนั้น ก็จงท่องบทนี้ว่า เว่ยหล่างฮวงโปสรนณัง คัจฉามิ เถิด อย่าใช้คำว่าพุทธังสรณัง คัจฉามิ เลย
ทุกวันนี้ประเทศจีนนับถืออะไร โปรดใช้พิจารณญาน ของแต่ละท่านคิดเอาเถิดสาธุ🙏
กราบนมัสการหลวงพ่อท่านครับ สาธุ สาธุ สาธุ
โพล่ง หายสงสัย...เข้าใจโดยไม่ต้องคิด ขอบคุณมากครับ
ขอน้อมกราบสาธุสาธุสาธุค่ะThank youค่ะ
อนุโมทนาสาธุ
*ธรรมะน่าคิด*
=========
#เป้าหมายการเดินทาง
===============
การเดินทางไปยอดดอยอินทนนท์ เชียงใหม่
มิได้จำกัดเฉพาะให้เดินทางโดยรถยนต์
ที่จะต้องมีแผนที่เดินทางโดยละเอียด เป็นขั้นเป็นตอน
ที่ต้องบอกว่าต้องผ่านถนนตำบล อำเภอ จังหวัดนั้นๆเท่านั้น
แต่อาจจะไปโดยพาหนะอื่น
เช่นรถไฟ มอเตอร์ไซค์ เดิน วิ่ง ซาเล้ง
จักรยาน หรือลงเรือ หรือไปโดยฮ. ฯลฯ ก็ได้
เส้นทาง ความช้าเร็วก็ต่างกัน....
แต่ก็ไปถึงยอดดอยที่หมายที่เดียวกันได้.
#วิธีการคิดเลขคณิต
เพื่อหาผลลัพธ์
=============
ก็เช่นกัน อาจจะคิดโดยแสดงวิธีทำโดยละเอียด
หรือแสดงโดยย่อ
หรืออาจจะใช้วิธีคิดในใจ
ก็จะได้ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน..
***การบรรลุธรรมะ***
================
ก็เฉกเช่นกัน ย่อมมีทางบรรลุธรรมะได้หลายทาง
เช่น ทางที่ต้องมีขั้นตอน อันมีให้เลือกหลายแบบ
หรือทางที่บรรลุโดยธรรมชาติโดยแวบเดียวโดย
อาศัยกำลังธรรมกระโดดข้ามทีเดียวถึง
ดังปรากฏในครั้งพุทธกาล
ที่พระพุทธองค์ทรงเทศนาด้วยธรรมะแยบคาย
เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้บางท่านบรรลุอรหันต์ทันที
ฉะนั้นการที่โบราณได้ยึดมั่นถือมั่นกันต่างๆนานา
ว่าจะต้องทำตามธรรมะแบบนั้น แบบโน้น แบบนี้
จึงจะถูกต้องนั้น
ก็น่าจะไม่ถูกต้อง น่าจะแล้วแต่จริต
และกำลังปัญญาของบุคคลบัว4เหล่าไม่เท่ากัน
บางคนปฏิบัติไปไม่สำเร็จ เกิดวิจิกิจฉาสงสัยอยู่ร่ำไป
ตกเป็นทาสของความพยายามไม่มีที่สิ้นสุด
บางคนจึงต้องออกมาคิดนอกกรอบ
เข้าถึงธรรมะได้ด้วยใจ โพล่งเดียวถึง
โดยวิธีธรรมชาติ โดยอาศัยกำลังธรรมโดยตรง
คือหนทางแห่งการพ้นทุกข์ ซึ่งถูกกับจริตของเขา
อันย่อมเป็นปัจจัตตัง ทำเองได้เอง
กำจัดอาสวะกิเลส อนุสัย ด้วยตัวของเขาเอง
#อีกประการหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงเฉลยธงคำตอบแล้วว่า
จุดหมายปลายทางของท่านคือ"นิพพาน"
ดังนั้นเหตุไฉน จึงไม่เปลี่ยนวิธี
นำเอาธงคำตอบของพระพุทธองค์มาเป็นตัวตั้ง
โดยนำเอา "นิพพานหรือความว่าง" มาศึกษาก่อนเล่า ?
ซึ่งจะได้ความชัดเจนชัดแจ้ง ตั้งแต่เริ่มแรกเลย
***ท่านฮวงโป ท่านยังคงอยู่ในแนวทางพุทธศาสนา
เพียงแต่คิดนอกกรอบ เอานิพพานหรือความว่างหรือธรรมชาติแท้
อันเป็นธงชัยของพุทธศาสนิกชน มาเป็นตัวตั้ง
ในการศึกษาพุทธศาสนาด้วยวิธีธรรมชาติ เท่านั้นเอง.
จิตหนึ่ง ถ้าเราดูพระไตรปิฎก เราก็จะเทียบได้ กับที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส ว่ามีสิ่งๆหนึ่ง ที่เข้ามายึดขัณฑ์ทั้งห้า เมื่อเกิดยึดติดแทนที่จะเรียกว่าสิ่งๆหนึ่ง ก็จะเรียกผู้ยึดติด ว่าสัตตานัง อันนี้ก็ใช่ครับ ความว่าง จิตหนึ่ง นิพพาน ไม่สามารถอธิบายได้ ก็คือพุทธะ การหลุดพ้นนั่นเองครับ
ขันธ์ คือ ร่างกาย ขันธ์ทั้ง5
ขัณฑ์ คือ พื้นที่
ขอบคุณที่เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เข้าใจง่ายมาสาธยายให้สัตว์ผู้สับสนในวัฏสงสาร!เพราะนี่คือ"พุทธแท้!
สาธุ สาธุ สาธุ
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ในนิยามของคำว่าจิตนั้นคือสังขารความคิดปรุ่งแต่ง การไม่ยึดมั่นในจิต คือการวางจิตให้เป็นดังพื้นดินไท่ว่าใครจะทำดีทำร้ายแผ่นดินก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ซึ่งนั้นความหมดจิตไม่ถือจิต ไม่ว่าสภาวะธรรมไดๆหมดไม่มีจิตไม่มีสิ่งไดให้ได้ให้ลุถึงได้แม้แต่จิตยังไม่มี นี้คือนิยามของสภาวะสูญญะตา
จริงแล้วสาธุ
เสียงอ่านดีมากนะครับ เป็นวรรคเป็นตอน จังหวะจะโคนดี เข้าใจง่าย ขอชม
ขอน้อมจิตกราบนมัสการสาธุค่ะ
🔊ถามมา
อาจารย์พอจะบอกเคล็ดลับ
ในการใช้ความว่างแท้บำบัดรักษาโรค
ได้ไหมครับ? ขอบคุณครับ
👤ตอบไป
💐ได้ครับ
💐อจ.ใช้ความว่างแท้นั่นแหละ บำบัดรักษาโรค
เมื่ออจ.รับข้อมูล คืออาการป่วยของแต่ละคน
ไม่ว่าจะกี่โรค และอาการหนักเบาแค่ไหน
การได้รับข้อมูลมา ไม่ว่าจากทางใด
เช่นการบอกเล่า ฯลฯ
อจ.ก็ทำหน้าที่เสมือนคอมพิวเตอร์ คือการรับข้อมูลทั้งหมด
เพื่อการประมวลผล นำไปสู่การบำบัดรักษา
ออกมาเป็นผลสัมฤทธิ์ของการบำบัดรักษา
💐แต่ในการบำบัดรักษาด้วยความว่างแท้
เป็นวิธีพิเศษเหนือระบบคอมพิวเตอร์
💐💐คือเพียงรับข้อมูล ที่ผู้ป่วยบอกกล่าวมา
แต่ไม่นำไปยึดปรุงแต่งต่อ โดยเด็ดขาด
เพราะในความว่างแท้ไม่มีการยึดปรุง
ไม่ยึดปรุงว่ามีผู้ป่วย ว่ามีการป่วย
ว่าป่วยมากป่วยน้อย ว่ามีผู้บำบัดรักษา
💐💐ไม่ต้องการรายละเอียดมากมาย
ยิ่งยึดปรุง ยิ่งช้า ยิ่งเป็นตัวถ่วงการบำบัดรักษา
💐เพราะในความว่างแท้ ไม่มีอะไรเลย
ไม่มีการป่วยจริง
💐💐การไม่ได้ปฏิบัติธรรม เป็นธรรมอยู่ในตัว
การไม่ได้บำบัดโรค เป็นการบำบัดโรคอยู่ในตัว
อนุโมทนาสาธุ
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุ
สาธุครับสาธุ
ฟังแล้วอบอุ่นดี
เชนไม่เชื่อการทำบุญทำกุศล ไม่สนใช่กรรม เพียงทำให้จืตว่างก็เข้านิพานได้ โดยเพียงทำให้จิตว่าง
เมื่อจิตว่างโดยทิ้งกรรมไว้ช้างหลังก็เข่านืพพานได้ เหมืิอนตนได้ทำอาชญากรรมแล้วหนืถูกจับเข้วคุกแล่วเสวยสุกไป ถูกจับเมื่อไรก็ต้องเข้าคุกอยู๋ดี การทำให้จิตว่างเพือหนีกรรมเข่านิพพานไปด้วยสมาธิให้จิตว่างซึงเป็นอรูปพรหมซค่งไม่ใช่นิพพาน เมื่อสมาธิหมดกำลังก็ต้องลงนรกไป เช่นเดียวกับอาชญากรถูกจับตืดคุก
ในพุทธศาสนามีกว่าวไว้ว่าที่สุดของจิตว่างคือ "อรูปพรหม" อาจารย์สองคนแรกของพระพุทธเจ้าก็เป็น "อรูปพรหมฎ คืออาราฬะดาบทและอุทกะดาบท เป็นจิตแบบ"อากาสานัญจายะตนะ (เพ่งความว่างของอากาสว่างไม่มีที่สิ้นสึด)หรือ สัญญานาสัญญายะตนะ(ลบสัญญาคือความจำทิ้งจึงคิดอะไรไม่ได่ พระพุมธเจ้าเห็นว่ายังไม่พ้นทุกข์ และไม่ใช่นืพพาน จิตว่างหรือจิตเดืมแท้ชองฮวงโปก้ตือจิตอรูปพรหมนี้เอง ไม่ใช่นิพพาน เพราะปราวจากปัญญา จิตในนิพพานต้องเป็นโลกุตรจืตของอริยลุคคลกอ่นแล้วเพิ่มปัญญาเพื่อเข้าอรหีนต์ ถ้าไม่มีปัญญาก็เข้าอรหันต์ไม่ได้ ในลัทธิเชนให้ทิ้งปัญญาให้หมดจะเช้านิพพานได้อย่างไร
@@chaiyenratanavijarn4675 เมื่อก่อนฉันเคยเข้าใจแบบคุณเหมือนกันแต่ เมื่อได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้องนานวันเข้าจะรู้แจ้งได้ด้วยตัวเองไม่ต้องคอยถำมใครอีก(ปัญญาที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการค่ิด หรือกำรจำแต่เกิดจากประสบการณ์จากจิตที่ว่างจากตัวตน)
@@chaiyenratanavijarn4675 ขอบคุณนะคะที่ช่วยอธิบายเรื่องของสัญญา
@@chaiyenratanavijarn4675 สภาวะของจิตนั้นว่างอยู่แล้วโดยธรรมชาติใยจะต้องทำให้ว่างอีกเล่าเพียงแค่หันกลับเข้ามาดูภายในก็จะเรียนรู้ได้เองว่าอะไรเป็นสิ่งที่จรเข้ามาบดบังความว่างเดิมของจิตนั้น เมื่อรู้ชัดแล้วก็ขจัดเหตุนั้นเสีย
ไม่มีคำบรรยาย รุ้แค่ว่านำ้ตาไหลออกมาเอง สาธุ สาธุ สาธุ
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ ผมนิตั้งใจฟังมากๆเลยครับ
สาธุ สาธุ
❤ขอน้อมกราบสาธุสาธุสาธุค่ะ
Sadhu sadhu sadhu kha
สาธุๆๆน้อมกราบขอบพระคุณมากๆครับจิตเดิมแท้โฉมหน้าเดิม จิตเป็นหนึ่งเดียวคือพุทธะเป็นธรรมชาติที่เป็นปกติอยู่ในตนไร้รูปลักษณะใดๆทั้งสิ้นเป็นธรรมดาปกติเป็นธรรมชาติอย่างเสรีย์ที่หยุดนิ่งสงบเย็นเป็นปกติด้วยมีปัญญารู้ถึงความเป็นชาติในจิตใจตนครับ❤😊)
โสโส
อนุโมทนาบุญครับ
อนุโมทนาสาธุครับ
สาธุๆ มรรคเฉียบพลัน
การที่ท่านกล่าวว่าคำสอนของเซนนั้นเป็นคำสอนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ปฏิบัติจนได้ปัญญาญานแล้ว จึงจะฟังให้รู้เรื่องและเข้าใจแจ่มแจ้งได้นั้น ถูกต้องที่สุดแล้วเพราะจะเห็นทั้งสองอย่างคือตาในเห็นและตาปัญญาก็เห็นซึ่งผู้ที่ยังไม่ได้ไม่ถึงจะไม่สามารถเห็นและรู้เข้าใจได้เลย เช่นที่กล่าวว่ามันมีโดยไม่ต้องมีความมี นั้น สำหรับผู้ที่ได้ปัญญาญาณแล้วจะเห็นและรู้เข้าใจแจ่มแจ้งตามนี้นจริงๆ ไม่ใช่เดาหรือคิดเอา แต่เห็นและรู้ตามนั้นจริงๆ ดังนั้นคำกล่าวคำสอนนี้จึงถูกต้อง ไม่ใช่มิฐฉาทิฏิ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ปัญญาญาณจึงไม่สามารถฟังและอ่านคำสอนนี้ให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งได้เลย
แต่สำหรับผู้ ที่ได้ปัญญาญาณจะรู้เห็นจริงตามนั้นทุกประการ
2ตามอง1ตาเห็น
ใช่ครับสาธุ
น้อมกราบสาธุธรรมคำสอนขอรับกระผม สาธุ
น้อมกราบสาธุ🙏🙏🙏ค่ะ
นี้คือความจริงพระธรรม(พุทธแท้)
สาธุ
สาธุสาธุสาธุครับผม
ขอบคุณครับ
... สาธุครับ
ต้องมีสักวันต้องไป ชมเซ็นพระไตรปิฏก ที่คลองเตย
พระไตรปิฏกที่แท้จริงอยู่ที่ตัวเรา
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ เบอร์จดไม่ทันค่ะขอเบอร์อีกครั้งเจ้าค่ะ
🎒คำถามเพิ่มเติมเรื่องความว่างแท้🎒
28 กุมภาพันธ์ 2565
💥ข้อ25
❓ถาม.....
ในเมื่อการบำบัดโรคด้วยความว่างแท้
คือการทำความจริงสูงสุดให้ประจักษ์
ถ้าเช่นนั้น ในภาคปฏิบัติ อจ.บำบัดโรคอย่างไรครับ?
🅰️ตอบ.....
🌍ยกตัวอย่าง มีผู้ป่วยชื่อนายA มาขอรับการบำบัดรักษา
จากอจ. ด้วยโรค7อย่างในตัว เช่นโรคหัวใจ เบาหวาน เก็าต์
ปวดศรีษะไมเกรน ภูมิแพ้SLE ปวดหลัง และมะเร็งปอด
พร้อมทั้งเล่ารายละเอียดของอาการโรค ของแต่ละโรค
แทนที่อจ.จะใชพลังจิตทิพยอำนาจธรรมดา เช่นใช้กสิณ
มโนมยิทธิ ความรู้จักระ ฯลฯ ในการขจัดโรค
ซึ่งทั้งหมดเป็นการยึดปรุงสิ่งที่เป็นมายา ที่ไม่จริงอยู่แล้ว
ได้แก่ผู้ป่วย โรคและอาการและตัวอจ.เองไม่ใช่ตัวตนจริง
ให้มีการยึดปรุงซับซ้อนขึ้นไปอีก ซื่งประสิทธิผลการบำบัด
อาจจะได้ดีบ้างในระดับสมมุติ กินเวลานานขณะหนึ่ง
เพราะมีการยื้อการต่อต้านพลังในระดับสมมุติ
🌍อจ.ใช้ความว่างแท้ โดยทำความจริงสูงสุดให้ประจักษ์
คือความเข้าใจเข้าถึงความว่างแท้ในระดับว่างแท้บริสุทธิ์
ด้วยตัวของมันเอง ที่ปราศจากทุกสิ่ง ปราศจากยึดปรุง
แม้เรื่องของการปล่อยวางก็ไม่ต้องมี เพราะความว่างแท้
มีความบริสุทธิ์ด้วยตัวของมันเองมาตั้งแต่แรกแล้ว
อำนาจของความจริงสูงสุดดังกล่าว จะเคลียร์(Clear)
ทำให้สิ้นสงสัยสิ้นนิวรณ์เป็นที่ประจักษ์แจ้งชัดในพริบตาว่า
ไม่มีตัวตนจริงของผู้บำบัด ผู้ป่วย โรคและอาการต่างๆ นั้น.
🙏🙏🙏
🎒คำถามเพิ่มเติมเรื่องความว่างแท้🎒
7 ก.พ. 2565
💥ข้อ12
❓ถาม.....
คำว่า"ทะลุ" มีความสำคัญแค่ไหนครับ?
🅰️ตอบ.....
🌍 เป็นถ้อยคำพื้นฐานธรรมดาทั่วๆไป ที่หมายถึง....
การทำให้เป็นรูเป็นช่องผ่านตลอดออกไปอีกข้างหนึ่ง
แต่มันมามีความสำคัญอย่างเอกอุ ในเมื่อในทางๆนี้
ถีอว่าในภาษาสัจธรรมสูงสุดคือความว่างแท้
มันคือการทะลุออกจากมายา ออกจากการยึดปรุง
ไปสู่อีกมิติหนึ่งที่ปราศจากการยึดปรุง
ออกจากความหลง หลงผิดเกลือกกลั้วยึดปรุงอยู่กับมายา
เผยอใบหน้าขึ้นไปรับไปสูดโอโซนแห่งการไม่ยึดปรุงใดๆ
โดยเด็ดขาด
ทะลุทั้งดีและชั่ว ทะลุสองสิ่งตรงข้ามกัน
ไม่ยึดปรุงทั้งดีและชั่ว เพราะทั้งดีและชั่วก็ยังไม่พ้นขึ้นลง
ดีมากดีน้อยชั่วมากชั่วน้อย วนอยู่ในวังวนเวียนว่ายตายเกิด
ไม่มีที่สิ้นสุด ดังที่เคยกล่าวว่าบุตรสองคนทะเลาะกัน
ก็ให้ลงโทษตีทั้งคู่ เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะกันอีกเด็ดขาด
ไม่ใช่ไปตีเฉพาะบุตรที่นิสัยไม่ดีฝ่ายเดียว
อย่างนั้นมันไม่มีการสิ้นสุด ยังคงทะเลาะกันในโอกาสต่อไป
🌍 "การทะลุ" จึงเป็นการออกไปจากวังวนการยึดปรุงดี-ชั่ว
ถูก-ผิด บุญ-บาปฯลฯ อย่างเด็ดขาด
มิใช่ว่าการยึดปรุงความดี เป็นเรื่องไม่ดีไม่เหมาะไม่ควร
ซึ่งที่จริงมันเป็นเรื่องถูกต้องหน้าที่ศีลธรรม เป็นเรื่องที่ดี
แต่ดีแค่ในระดับมายา ระดับสมมุติ ระดับโลกียธรรม
เราต้องหวังผลที่สูงกว่า คือทะลุผ่านโลกียะเข้าสู่โลกุตระ
อย่างเด็ดขาด
เพิกถอนมายาดี-ชั่ว ถูก-ผิด บุญ-บาป ฯลฯ ออกเสียทั้งคู่
เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดมาเป็นเพื่อนสนิท
กับตัวทุกข์ ตัวไม่เที่ยง ตัวไม่ใช่ตัวตนจริง นั้น
อย่างเด็ดขาด ตลอดกาล แล้วท่านจะได้พบกับการหลุดพ้น
จากสังสารวัฏ อันเป็นความสูงสุดอย่างแท้จริง
🌍 อนึ่ง เมื่อท่านลึกซึ้งลุ่มลึกกับคำว่า"ทะลุ"แล้ว
คือเพียงแค่ท่านคิดถึงคำนี้คำเดียว.....
จะเกิดปรากฏการณ์ที่คำบรรยายทั้งหมดของอจ.
จะไปรวมเป็นหนึ่งเดียวภายในเสี้ยววินาที
ในรูปสัจธรรมที่ตกผลึกอันมิใช่ภาษาพูดภาษาเขียน
นั่นคือสัมมาทิฏฐิสูงสุด อันจะนำไปต่อยอด
ในด้านต่างๆได้อีกอย่างเป็นที่มหัศจรรย์
เช่นบำบัดโรคทางไกลหรือใกล้ได้อย่างรวดเร็ว ฯลฯ
ถ่ายทอดธรรมะสู่ประชาชนดีค่ะ
❤❤❤❤❤❤❤
ขอแนะนำนะ อย่าพยายามไปอธิบายสภาวะนิพพานให้มันมาก ยิ่งพูดยิ่งเหมือนลิงติดตัง ยิ่งแต่ทำให้คนตีความหมายไปเตลิด ไปไกลอีก ของมันง่ายๆแต่พยายามจะให้มันดูซับซ้อน คนจะเข้าไม่ถีงถ้ายังมานั่นเปรียบเทียบมั่วไปหมด
เวลาอินั่งเรือข้ามฝากก้อต้องมีเรือแต่พอถึงฝั่งคุณก้อต้องจอดเรือไว้ที่ท่า ก่อนที่อิไปนิพพานก้อต้องปฏิบัติแต่พอถึงแล้วมันคือความว่างไม่มีอะไหร่เลยสักอย่างนั้นแหละนิพพาน จำไว้
เข้าไม่ถึงถ้าไม่มีปัญญาอย่าใช้จิตปรุงแต่งบิดเบือน. อย่าหลงตัวว่าดีอย่าหลงตัวว่าเด่นอย่าว่าร้ายผู้อื่น
สาธุแล้วเป็นความจริงแท้ที่อยู่ว่างเปล่าแต่มีอยู่จริงสาธุ
ขออนุโมทนาสาธุครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุครับ
อนุโมทนาสาธุครับ
สาธุอนุโมทนามิ
ขอบคุณครับ
กราบสาธุครับ
สาธุอนุโมทามิ
สาธุสาธุสาธุคะ
จิตหนึ่งเมือรู้สึกกับผู้ไดเมือนั้นโลกทั้งสามก็ดับหายไปกับความว่างเปล่าหมดเลย
มีคือเห็นได้ด้วยตาไม่มีตัวมีตนก็จิตจะเห็นได้ด้วยจิตเองแล้วก็เอาจิตทีบ่อเห็นได้ด้วยตาคือเอาจิตมาว่าเป็นเราทีเห็นได้ด้วยตามาว่าเรา
เมือเราไม่คิดอะไรจะรู้ว่าเราก็เป็นเราและจิตกะเป็นจิตกายกับจิตกะรู้สึกว่าแยกกันเป็นจิตหนึ่งเราชิรู้สึกตีนสงบว่างเบาสำบายอย่างพูดบ่อถูกต้องทำเอาถึงจะรู้สึกอย่างทีว่าได้เท่านี้ละต่อนั้นชิรู้ว่าขันธ์ห้ากับจิตบ่อไช้คนละอย่างแต่อาไสอยู่
การที่หยุดคิดนั้นคือหยุดหาทุกอย่างแมแต่ธรรมะหรีอจิตก็จะรู้สึกอย่างหนึ่งเทานั้นคือไม่คิดว่าว่างและไม่ว่างไม่มีหรือมีรู้สึกตืนว่างสงบสบายและเบาแล้วก็จบ
จิตก็บ่อมีตัวขันธ์หาเราจะว่าเป็นเราบ่อได้เพราะว่าเมือมีจิตก็มีอาการทั้งหาหรือว่าขันธ์ทั้งห้าความคิดหรือความจำม่ายว่าเราว่าเขาไม่ไห้เกิดบ่อได้รู้จักกับจิตหนึ่งแล้วจิตจะบอกไห้เราเข้าอยู่ทีสบายทีสุดคือทีว่างเปล่าจิตหึ่งเท่านั้นทีรู้จักทีว่างเปล่าได้และก็มีผู้เดืยวทีจะไปได้นะ
เราคิดเองว่าบ่อรู้ธรรมะทีหลวงปู่สอนรองดูว่าไม่คิดชีรู้อะไรมัยทีจิตรู้ว่าอะไรไม่ได้คิดทีรู้เพราะคิดกะมีไม่มากเลยจิตรู้สึกจริงแต่จิตบ่อมีตัวตนและก็มีชีว่าบ่อมีกะไดมีอาการทั้งห้ากะคือกันบ่อมีอยู่จริงจิตมีรู้สึกแต่ว่าจิตว่างบ่อมีตัวแต่ว่าเป็นผู้รู้ไห้ตัวเรารู้อยู่เสมอไปเลยนะ
ไห้เข้าใจอย่างเดียวว่าไม่ไช้ตัวรู้คือรูปตัวเรานั้นไม้รู้ด้วยจิตทีรู้สึกว่าบ่อไช้เรารู้จิตทีบ่อมีตัวเป็นผู้รู้ทีบ่อสงบก็เพาระเข้าใจว่าเรารู้ทีเป็นเหตุไห้ไม้รู้จิตเจ้าของเท่านีละ
หยุดคิดว่าเรารู้อยู่ทีปับจุบันขันธ์ห้าก็หยุดทำงานก็ว่ามีสติมองโลกเป็นของว่างบ่เข้าใจเมื่อตาเห็นก็ว่าเราเห็นธรรมะนั้นรู้ด้วยจิตใจตาหูก็รวมว่ารูปตัวคนเท่านีละ