✅ ทำไมน้ำมันเครื่อง Liqui Moly จึงไม่ใช้ Ester Base หรือน้ำมันตั้งต้นกรุ๊ป 5 เพื่อใช้การผลิตน้ำมันเครื่องที่จัดจำหน่ายทั่วโลก จริงๆไม่ใช่ Ester นั้นจะไม่มีข้อดี แต่มันเป็นเรื่องของมาตรฐานสำหรับการใช้งานในระยะยาวที่สามารถคงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องโดยมีผลทางลบน้อยที่สุด สำหรับ Base Oil group ที่เหมาะสมกับการทำน้ำมันเครื่องสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ทั่วไปและมีเอฟเฟคในทางลบน้อยที่ทางผู้ผลิตจากเยอรมนีแนะนำก็คือ Group I, Group II, Group III, Group III+, Group IV / (PAO = Polyalphaolefines) ☑️ ⚡Base oil Group 5 = Naphthenics, Esters, etc จะถือเป็นกลุ่มเฉพาะที่เหมาะสมกับรถแข่งที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์เป็นพิเศษแล้ว เช่นใช้เชื้อเพลิงจำพวกแอลกอฮอลล์ตั้งแต่85%ขึ้นไป หรือ Ethanol-100% และพวก Octance ผสมพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน อาทิรถแข่ง F1 หรือ การแข่งขันประเภท Drag Racing แต่อาจไม่เหมาะสมในการใช้กับรถยนต์ทั่วไปหรือรถที่ไม่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์มามากหรือรถยนต์วิ่งบนถนน (Street Use) ทั่วๆไป ❗เนื่องจาก Ester Base นั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของโมเลกุลในการยึดเกาะผิวโลหะและคงสภาพได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความร้อนและแรงเฉือนสูงแต่มันก็มีผลข้างเคียงคือมีเอฟเฟคในการกัดกร่อนที่สูงซึ่งอาจจะทำปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับซีลยางอุตสาหกรรมที่ใช้ในรถทั่วไปถ้าผสม Ester ในอัตราส่วนที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์ / เครื่องยนต์จะไม่มีการ Approve API GroupV เพียวๆนี้สำหรับรถที่เป็นกลุ่ม Street Use หรือที่ใช้งานปกติทั่วไปรวมถึงรถ Standard จากโรงงานผู้ผลิตยานยนต์นั่นเอง กลุ่มนี้จึงเหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขันเป็นหลักเท่านั้น 🔥 ส่วนตัวสินค้าประเภทน้ำมันเครื่องของแบรนด์ Liqui Moly ที่เรานำเข้ามานั้นใช้ Base oil ตั้งต้นที่เป็น Group III และ Group IV ชนิด Hi-Spec Level + Special Additives สูตรเฉพาะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งแต่ละสูตรนั้นก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปซึ่งเหมาะสมและใช้งานได้ดีรวมทั้งมีมาตรฐานการรับรองจากสถาบันต่างๆและค่ายผู้ผลิตยานยนต์มากมายทั่วโลก ซึ่งแต่ละปรูฟหรือมาตรฐานต่างๆบนฉลากสินค้าต้องมีการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากผู้ผลิตยานยนต์ค่ายต่างๆแล้วเท่านั้นจึงเหมาะสมกับยานยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันทั้งรถทั่วไปรวมไปถึงรถที่สำหรับใช้ในการแข่งขันนั้นก็ย่อมได้ เพียงแค่เลือกให้ถูกเบอร์ ถูกสเปคและตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ของเรานั่นเอง. 🔵 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นในกลุ่ม 3 Hydrocrack-Spec ในเยอรมนีและโซนยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Synthetics-Technology (เกรดสังเคราะห์ที่ผสม Additives สเปคสูง) / หรือถ้าอิงตามมาตรฐาน API ในแถบเอเชียก็คือเทียบเท่าเกรด Fully Synthetics 🔴 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นกลุ่ม 4 หรือ (PAO) ในเยอรมนีและยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Vollsynthetic / Fully Synthetics (เกรดสังเคราะห์แท้ที่ผสม Additives สเปคสูง) #LiquiMolyThailand 🇩🇪 🇹🇭 ☑️ www.liqui-moly.com/ liqui-molythai.com/ ✅
✅ ทำไมน้ำมันเครื่อง Liqui Moly จึงไม่ใช้ Ester Base หรือน้ำมันตั้งต้นกรุ๊ป 5 เพื่อใช้การผลิตน้ำมันเครื่องที่จัดจำหน่ายทั่วโลก จริงๆไม่ใช่ Ester นั้นจะไม่มีข้อดี แต่มันเป็นเรื่องของมาตรฐานสำหรับการใช้งานในระยะยาวที่สามารถคงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องโดยมีผลทางลบน้อยที่สุด สำหรับ Base Oil group ที่เหมาะสมกับการทำน้ำมันเครื่องสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ทั่วไปและมีเอฟเฟคในทางลบน้อยที่ทางผู้ผลิตจากเยอรมนีแนะนำก็คือ Group I, Group II, Group III, Group III+, Group IV / (PAO = Polyalphaolefines) ☑️ ⚡Base oil Group 5 = Naphthenics, Esters, etc จะถือเป็นกลุ่มเฉพาะที่เหมาะสมกับรถแข่งที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์เป็นพิเศษแล้ว เช่นใช้เชื้อเพลิงจำพวกแอลกอฮอลล์ตั้งแต่85%ขึ้นไป หรือ Ethanol-100% และพวก Octance ผสมพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน อาทิรถแข่ง F1 หรือ การแข่งขันประเภท Drag Racing แต่อาจไม่เหมาะสมในการใช้กับรถยนต์ทั่วไปหรือรถที่ไม่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์มามากหรือรถยนต์วิ่งบนถนน (Street Use) ทั่วๆไป ❗เนื่องจาก Ester Base นั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของโมเลกุลในการยึดเกาะผิวโลหะและคงสภาพได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความร้อนและแรงเฉือนสูงแต่มันก็มีผลข้างเคียงคือมีเอฟเฟคในการกัดกร่อนที่สูงซึ่งอาจจะทำปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับซีลยางอุตสาหกรรมที่ใช้ในรถทั่วไปถ้าผสม Ester ในอัตราส่วนที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์ / เครื่องยนต์จะไม่มีการ Approve API GroupV เพียวๆนี้สำหรับรถที่เป็นกลุ่ม Street Use หรือที่ใช้งานปกติทั่วไปรวมถึงรถ Standard จากโรงงานผู้ผลิตยานยนต์นั่นเอง กลุ่มนี้จึงเหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขันเป็นหลักเท่านั้น 🔥 ส่วนตัวสินค้าประเภทน้ำมันเครื่องของแบรนด์ Liqui Moly ที่เรานำเข้ามานั้นใช้ Base oil ตั้งต้นที่เป็น Group III และ Group IV ชนิด Hi-Spec Level + Special Additives สูตรเฉพาะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งแต่ละสูตรนั้นก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปซึ่งเหมาะสมและใช้งานได้ดีรวมทั้งมีมาตรฐานการรับรองจากสถาบันต่างๆและค่ายผู้ผลิตยานยนต์มากมายทั่วโลก ซึ่งแต่ละปรูฟหรือมาตรฐานต่างๆบนฉลากสินค้าต้องมีการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากผู้ผลิตยานยนต์ค่ายต่างๆแล้วเท่านั้นจึงเหมาะสมกับยานยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันทั้งรถทั่วไปรวมไปถึงรถที่สำหรับใช้ในการแข่งขันนั้นก็ย่อมได้ เพียงแค่เลือกให้ถูกเบอร์ ถูกสเปคและตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ของเรานั่นเอง. 🔵 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นในกลุ่ม 3 Hydrocrack-Spec ในเยอรมนีและโซนยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Synthetics-Technology (เกรดสังเคราะห์ที่ผสม Additives สเปคสูง) / หรือถ้าอิงตามมาตรฐาน API ในแถบเอเชียก็คือเทียบเท่าเกรด Fully Synthetics 🔴 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นกลุ่ม 4 หรือ (PAO) ในเยอรมนีและยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Vollsynthetic / Fully Synthetics (เกรดสังเคราะห์แท้ที่ผสม Additives สเปคสูง) #LiquiMolyThailand 🇩🇪 🇹🇭 ☑️ www.liqui-moly.com/ liqui-molythai.com/ ✅
✅ ทำไมน้ำมันเครื่อง Liqui Moly จึงไม่ใช้ Ester Base หรือน้ำมันตั้งต้นกรุ๊ป 5 เพื่อใช้การผลิตน้ำมันเครื่องที่จัดจำหน่ายทั่วโลก จริงๆไม่ใช่ Ester นั้นจะไม่มีข้อดี แต่มันเป็นเรื่องของมาตรฐานสำหรับการใช้งานในระยะยาวที่สามารถคงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องโดยมีผลทางลบน้อยที่สุด สำหรับ Base Oil group ที่เหมาะสมกับการทำน้ำมันเครื่องสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ทั่วไปและมีเอฟเฟคในทางลบน้อยที่ทางผู้ผลิตจากเยอรมนีแนะนำก็คือ Group I, Group II, Group III, Group III+, Group IV / (PAO = Polyalphaolefines) ☑️ ⚡Base oil Group 5 = Naphthenics, Esters, etc จะถือเป็นกลุ่มเฉพาะที่เหมาะสมกับรถแข่งที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์เป็นพิเศษแล้ว เช่นใช้เชื้อเพลิงจำพวกแอลกอฮอลล์ตั้งแต่85%ขึ้นไป หรือ Ethanol-100% และพวก Octance ผสมพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน อาทิรถแข่ง F1 หรือ การแข่งขันประเภท Drag Racing แต่อาจไม่เหมาะสมในการใช้กับรถยนต์ทั่วไปหรือรถที่ไม่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์มามากหรือรถยนต์วิ่งบนถนน (Street Use) ทั่วๆไป ❗เนื่องจาก Ester Base นั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของโมเลกุลในการยึดเกาะผิวโลหะและคงสภาพได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความร้อนและแรงเฉือนสูงแต่มันก็มีผลข้างเคียงคือมีเอฟเฟคในการกัดกร่อนที่สูงซึ่งอาจจะทำปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับซีลยางอุตสาหกรรมที่ใช้ในรถทั่วไปถ้าผสม Ester ในอัตราส่วนที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์ / เครื่องยนต์จะไม่มีการ Approve API GroupV เพียวๆนี้สำหรับรถที่เป็นกลุ่ม Street Use หรือที่ใช้งานปกติทั่วไปรวมถึงรถ Standard จากโรงงานผู้ผลิตยานยนต์นั่นเอง กลุ่มนี้จึงเหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขันเป็นหลักเท่านั้น 🔥 ส่วนตัวสินค้าประเภทน้ำมันเครื่องของแบรนด์ Liqui Moly ที่เรานำเข้ามานั้นใช้ Base oil ตั้งต้นที่เป็น Group III และ Group IV ชนิด Hi-Spec Level + Special Additives สูตรเฉพาะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งแต่ละสูตรนั้นก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปซึ่งเหมาะสมและใช้งานได้ดีรวมทั้งมีมาตรฐานการรับรองจากสถาบันต่างๆและค่ายผู้ผลิตยานยนต์มากมายทั่วโลก ซึ่งแต่ละปรูฟหรือมาตรฐานต่างๆบนฉลากสินค้าต้องมีการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากผู้ผลิตยานยนต์ค่ายต่างๆแล้วเท่านั้นจึงเหมาะสมกับยานยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันทั้งรถทั่วไปรวมไปถึงรถที่สำหรับใช้ในการแข่งขันนั้นก็ย่อมได้ เพียงแค่เลือกให้ถูกเบอร์ ถูกสเปคและตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ของเรานั่นเอง. 🔵 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นในกลุ่ม 3 Hydrocrack-Spec ในเยอรมนีและโซนยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Synthetics-Technology (เกรดสังเคราะห์ที่ผสม Additives สเปคสูง) / หรือถ้าอิงตามมาตรฐาน API ในแถบเอเชียก็คือเทียบเท่าเกรด Fully Synthetics 🔴 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นกลุ่ม 4 หรือ (PAO) ในเยอรมนีและยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Vollsynthetic / Fully Synthetics (เกรดสังเคราะห์แท้ที่ผสม Additives สเปคสูง) #LiquiMolyThailand 🇩🇪 🇹🇭 ☑️ www.liqui-moly.com/ liqui-molythai.com/ ✅
✅ ทำไมน้ำมันเครื่อง Liqui Moly จึงไม่ใช้ Ester Base หรือน้ำมันตั้งต้นกรุ๊ป 5 เพื่อใช้การผลิตน้ำมันเครื่องที่จัดจำหน่ายทั่วโลก จริงๆไม่ใช่ Ester นั้นจะไม่มีข้อดี แต่มันเป็นเรื่องของมาตรฐานสำหรับการใช้งานในระยะยาวที่สามารถคงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องโดยมีผลทางลบน้อยที่สุด สำหรับ Base Oil group ที่เหมาะสมกับการทำน้ำมันเครื่องสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ทั่วไปและมีเอฟเฟคในทางลบน้อยที่ทางผู้ผลิตจากเยอรมนีแนะนำก็คือ Group I, Group II, Group III, Group III+, Group IV / (PAO = Polyalphaolefines) ☑️ ⚡Base oil Group 5 = Naphthenics, Esters, etc จะถือเป็นกลุ่มเฉพาะที่เหมาะสมกับรถแข่งที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์เป็นพิเศษแล้ว เช่นใช้เชื้อเพลิงจำพวกแอลกอฮอลล์ตั้งแต่85%ขึ้นไป หรือ Ethanol-100% และพวก Octance ผสมพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน อาทิรถแข่ง F1 หรือ การแข่งขันประเภท Drag Racing แต่อาจไม่เหมาะสมในการใช้กับรถยนต์ทั่วไปหรือรถที่ไม่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์มามากหรือรถยนต์วิ่งบนถนน (Street Use) ทั่วๆไป ❗เนื่องจาก Ester Base นั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของโมเลกุลในการยึดเกาะผิวโลหะและคงสภาพได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความร้อนและแรงเฉือนสูงแต่มันก็มีผลข้างเคียงคือมีเอฟเฟคในการกัดกร่อนที่สูงซึ่งอาจจะทำปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับซีลยางอุตสาหกรรมที่ใช้ในรถทั่วไปถ้าผสม Ester ในอัตราส่วนที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์ / เครื่องยนต์จะไม่มีการ Approve API GroupV เพียวๆนี้สำหรับรถที่เป็นกลุ่ม Street Use หรือที่ใช้งานปกติทั่วไปรวมถึงรถ Standard จากโรงงานผู้ผลิตยานยนต์นั่นเอง กลุ่มนี้จึงเหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขันเป็นหลักเท่านั้น 🔥 ส่วนตัวสินค้าประเภทน้ำมันเครื่องของแบรนด์ Liqui Moly ที่เรานำเข้ามานั้นใช้ Base oil ตั้งต้นที่เป็น Group III และ Group IV ชนิด Hi-Spec Level + Special Additives สูตรเฉพาะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งแต่ละสูตรนั้นก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปซึ่งเหมาะสมและใช้งานได้ดีรวมทั้งมีมาตรฐานการรับรองจากสถาบันต่างๆและค่ายผู้ผลิตยานยนต์มากมายทั่วโลก ซึ่งแต่ละปรูฟหรือมาตรฐานต่างๆบนฉลากสินค้าต้องมีการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากผู้ผลิตยานยนต์ค่ายต่างๆแล้วเท่านั้นจึงเหมาะสมกับยานยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันทั้งรถทั่วไปรวมไปถึงรถที่สำหรับใช้ในการแข่งขันนั้นก็ย่อมได้ เพียงแค่เลือกให้ถูกเบอร์ ถูกสเปคและตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ของเรานั่นเอง. 🔵 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นในกลุ่ม 3 Hydrocrack-Spec ในเยอรมนีและโซนยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Synthetics-Technology (เกรดสังเคราะห์ที่ผสม Additives สเปคสูง) / หรือถ้าอิงตามมาตรฐาน API ในแถบเอเชียก็คือเทียบเท่าเกรด Fully Synthetics 🔴 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นกลุ่ม 4 หรือ (PAO) ในเยอรมนีและยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Vollsynthetic / Fully Synthetics (เกรดสังเคราะห์แท้ที่ผสม Additives สเปคสูง) #LiquiMolyThailand 🇩🇪 🇹🇭 ☑️ www.liqui-moly.com/ liqui-molythai.com/ ✅
ลิควิโมลี10w40 0.8
กับ วาโวลีนสังเคราะห์ร้อย10W40
อันไหนดีกว่ากันครับ
เท่าที่ลอง ส่วนตัวเทไปทาง Moly
ขอบคุณครับกดติดตามแล้วครับ
เห็นคนบอกว่ามีของแท้ ของปลอม พอจะมีวิธีเช็คไหมครับว่าของแท้ ปลอม เป็นยังไงครับ ?
Fonza350
ใช้ scooter race
ได้ใช่มั้ยครับคุณพี่
ใช้ได้ครับ
ตัว Scooter ตัวนี้วิ่งได้ ถึง5,000 โล ไหมครับพี่
ของ150เกียร์ ควรใช่ตัวใหนคับ
่ช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่านำ้มันเครื่อง แต่ล่ะยี่ห้อ อยู่Grop ไหน บ้าง
พี่ครับตัวฉลากแดงผมไปดูมา มันจะของ scooter กับ street มันต่างกันยังไงหรอครับผมดูในช๊อปปี้ รายละเอียดบอกเหมือนกันเป๊ะเลย
มันบอกว่าใช้กับครัชเปียกได้ แต่กล่องเขียน scooter
street กับ formula ต่างกันยังไงครับ (เห็นว่าเป็น กึ่งสังเคราะห์ group 3 เหมือนกัน) ทำไม street แพงกว่า
Liqui Moly เค้าเน้นที่ Additive ครับ ดังนั้น ที่ทำให้ราคา 2 รุ่นนี้ต่างกันหลักๆ เลยคือ สารเติมแต่งที่แตกต่างไปในแต่ละสูตรครับ
ที่ผมชอบของแบนนี้คือ น้ำยาทำความสะอาดเครื่อง และน้ำยาล้างหัวฉีด😊
ถูกครับ 3ตัวนี้คนเข้าใจกันว่ามันคือสังเคราะห์100 จิงไม่ใช่ มันกึ่งสังเคราะห์
✅ ทำไมน้ำมันเครื่อง Liqui Moly จึงไม่ใช้ Ester Base หรือน้ำมันตั้งต้นกรุ๊ป 5 เพื่อใช้การผลิตน้ำมันเครื่องที่จัดจำหน่ายทั่วโลก จริงๆไม่ใช่ Ester นั้นจะไม่มีข้อดี แต่มันเป็นเรื่องของมาตรฐานสำหรับการใช้งานในระยะยาวที่สามารถคงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องโดยมีผลทางลบน้อยที่สุด สำหรับ Base Oil group ที่เหมาะสมกับการทำน้ำมันเครื่องสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ทั่วไปและมีเอฟเฟคในทางลบน้อยที่ทางผู้ผลิตจากเยอรมนีแนะนำก็คือ Group I, Group II, Group III, Group III+, Group IV / (PAO = Polyalphaolefines) ☑️
⚡Base oil Group 5 = Naphthenics, Esters, etc จะถือเป็นกลุ่มเฉพาะที่เหมาะสมกับรถแข่งที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์เป็นพิเศษแล้ว เช่นใช้เชื้อเพลิงจำพวกแอลกอฮอลล์ตั้งแต่85%ขึ้นไป หรือ Ethanol-100% และพวก Octance ผสมพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน อาทิรถแข่ง F1 หรือ การแข่งขันประเภท Drag Racing แต่อาจไม่เหมาะสมในการใช้กับรถยนต์ทั่วไปหรือรถที่ไม่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์มามากหรือรถยนต์วิ่งบนถนน (Street Use) ทั่วๆไป
❗เนื่องจาก Ester Base นั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของโมเลกุลในการยึดเกาะผิวโลหะและคงสภาพได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความร้อนและแรงเฉือนสูงแต่มันก็มีผลข้างเคียงคือมีเอฟเฟคในการกัดกร่อนที่สูงซึ่งอาจจะทำปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับซีลยางอุตสาหกรรมที่ใช้ในรถทั่วไปถ้าผสม Ester ในอัตราส่วนที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์ / เครื่องยนต์จะไม่มีการ Approve API GroupV เพียวๆนี้สำหรับรถที่เป็นกลุ่ม Street Use หรือที่ใช้งานปกติทั่วไปรวมถึงรถ Standard จากโรงงานผู้ผลิตยานยนต์นั่นเอง กลุ่มนี้จึงเหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขันเป็นหลักเท่านั้น
🔥 ส่วนตัวสินค้าประเภทน้ำมันเครื่องของแบรนด์ Liqui Moly ที่เรานำเข้ามานั้นใช้ Base oil ตั้งต้นที่เป็น Group III และ Group IV ชนิด Hi-Spec Level + Special Additives สูตรเฉพาะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งแต่ละสูตรนั้นก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปซึ่งเหมาะสมและใช้งานได้ดีรวมทั้งมีมาตรฐานการรับรองจากสถาบันต่างๆและค่ายผู้ผลิตยานยนต์มากมายทั่วโลก ซึ่งแต่ละปรูฟหรือมาตรฐานต่างๆบนฉลากสินค้าต้องมีการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากผู้ผลิตยานยนต์ค่ายต่างๆแล้วเท่านั้นจึงเหมาะสมกับยานยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันทั้งรถทั่วไปรวมไปถึงรถที่สำหรับใช้ในการแข่งขันนั้นก็ย่อมได้ เพียงแค่เลือกให้ถูกเบอร์ ถูกสเปคและตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ของเรานั่นเอง.
🔵 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นในกลุ่ม 3 Hydrocrack-Spec ในเยอรมนีและโซนยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Synthetics-Technology (เกรดสังเคราะห์ที่ผสม Additives สเปคสูง) / หรือถ้าอิงตามมาตรฐาน API ในแถบเอเชียก็คือเทียบเท่าเกรด Fully Synthetics
🔴 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นกลุ่ม 4 หรือ (PAO) ในเยอรมนีและยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Vollsynthetic / Fully Synthetics (เกรดสังเคราะห์แท้ที่ผสม Additives สเปคสูง)
#LiquiMolyThailand 🇩🇪 🇹🇭
☑️ www.liqui-moly.com/ liqui-molythai.com/ ✅
แอมซอย "จบสุด ไม่เคยเปลี่ยนใจ
ลากเกียร์ยาวๆอัดข้ามจังหวัดสบายๆ
ตัว scooter สีส้มเป็นน้ำกรุ๊ปอะไรครับ และ ทำไมกึ่งสังเคราะห์ตัวนี้ราคา 290 ถึงแพงกว่าเจ้าอื่นครับ
โดนป้ายยามาจากช่องๆนึง แล้วมาช่องนี้เอ้าโดนต้ม5555
แบรนด์นี้กับโมตุลสังเคราะแท้ตัวไหนน่าใช้กว่ากันครับ
ผมเอาความคุ้มค่าเป็นตัวตั้งนะครับ ถ้าราคาสังเคราะห์แท้ ผมเลือก Motul 7100 ครับ ถูกกว่าและ ได้ Ester ซึ่งเป็น Base oil กรุ๊ป 5
@@house_husband งั้นผมใช้โมตุลต่อไปครับ ขอบคุณมากครับพี่ พวกนี้ได้กี่โลครับ
ก็ว่าละ แบรนนี้ก็โคตรดัง แต่ไม่ค่อยเห็นมีใครเล่น ไม่เจอใครแนะนำกัน กึ่งสังเคราะห์ราคานี้ไปสังเคราะห์100 ตัวอื่นดีกว่า
✅ ทำไมน้ำมันเครื่อง Liqui Moly จึงไม่ใช้ Ester Base หรือน้ำมันตั้งต้นกรุ๊ป 5 เพื่อใช้การผลิตน้ำมันเครื่องที่จัดจำหน่ายทั่วโลก จริงๆไม่ใช่ Ester นั้นจะไม่มีข้อดี แต่มันเป็นเรื่องของมาตรฐานสำหรับการใช้งานในระยะยาวที่สามารถคงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องโดยมีผลทางลบน้อยที่สุด สำหรับ Base Oil group ที่เหมาะสมกับการทำน้ำมันเครื่องสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ทั่วไปและมีเอฟเฟคในทางลบน้อยที่ทางผู้ผลิตจากเยอรมนีแนะนำก็คือ Group I, Group II, Group III, Group III+, Group IV / (PAO = Polyalphaolefines) ☑️
⚡Base oil Group 5 = Naphthenics, Esters, etc จะถือเป็นกลุ่มเฉพาะที่เหมาะสมกับรถแข่งที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์เป็นพิเศษแล้ว เช่นใช้เชื้อเพลิงจำพวกแอลกอฮอลล์ตั้งแต่85%ขึ้นไป หรือ Ethanol-100% และพวก Octance ผสมพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน อาทิรถแข่ง F1 หรือ การแข่งขันประเภท Drag Racing แต่อาจไม่เหมาะสมในการใช้กับรถยนต์ทั่วไปหรือรถที่ไม่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์มามากหรือรถยนต์วิ่งบนถนน (Street Use) ทั่วๆไป
❗เนื่องจาก Ester Base นั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของโมเลกุลในการยึดเกาะผิวโลหะและคงสภาพได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความร้อนและแรงเฉือนสูงแต่มันก็มีผลข้างเคียงคือมีเอฟเฟคในการกัดกร่อนที่สูงซึ่งอาจจะทำปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับซีลยางอุตสาหกรรมที่ใช้ในรถทั่วไปถ้าผสม Ester ในอัตราส่วนที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์ / เครื่องยนต์จะไม่มีการ Approve API GroupV เพียวๆนี้สำหรับรถที่เป็นกลุ่ม Street Use หรือที่ใช้งานปกติทั่วไปรวมถึงรถ Standard จากโรงงานผู้ผลิตยานยนต์นั่นเอง กลุ่มนี้จึงเหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขันเป็นหลักเท่านั้น
🔥 ส่วนตัวสินค้าประเภทน้ำมันเครื่องของแบรนด์ Liqui Moly ที่เรานำเข้ามานั้นใช้ Base oil ตั้งต้นที่เป็น Group III และ Group IV ชนิด Hi-Spec Level + Special Additives สูตรเฉพาะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งแต่ละสูตรนั้นก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปซึ่งเหมาะสมและใช้งานได้ดีรวมทั้งมีมาตรฐานการรับรองจากสถาบันต่างๆและค่ายผู้ผลิตยานยนต์มากมายทั่วโลก ซึ่งแต่ละปรูฟหรือมาตรฐานต่างๆบนฉลากสินค้าต้องมีการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากผู้ผลิตยานยนต์ค่ายต่างๆแล้วเท่านั้นจึงเหมาะสมกับยานยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันทั้งรถทั่วไปรวมไปถึงรถที่สำหรับใช้ในการแข่งขันนั้นก็ย่อมได้ เพียงแค่เลือกให้ถูกเบอร์ ถูกสเปคและตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ของเรานั่นเอง.
🔵 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นในกลุ่ม 3 Hydrocrack-Spec ในเยอรมนีและโซนยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Synthetics-Technology (เกรดสังเคราะห์ที่ผสม Additives สเปคสูง) / หรือถ้าอิงตามมาตรฐาน API ในแถบเอเชียก็คือเทียบเท่าเกรด Fully Synthetics
🔴 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นกลุ่ม 4 หรือ (PAO) ในเยอรมนีและยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Vollsynthetic / Fully Synthetics (เกรดสังเคราะห์แท้ที่ผสม Additives สเปคสูง)
#LiquiMolyThailand 🇩🇪 🇹🇭
☑️ www.liqui-moly.com/ liqui-molythai.com/ ✅
กึ่งสังเคราะห์ที่ดีกว่าสังเคราะห์ 100% ของหลายๆแบรน เพราะมาตรฐานของเขาสูงใช้น้ำมันกรุ๊ป3 อย่างต่ำถ้าเป็นแบรนอื่นจะติดป้ายเป็นสังเคราะห์100%
ผมใช่มาตั้งเเต่ออกรถ ถือว่าดีนะครับ
ขนาดกึ่งสังเคราะห์เเต่ก็โอเคเลย
ถ้าเทียบของศูนย์ที่เป็นสังเคราะห์แท้ตัวไหนดีกว่า
@@channaronglappa6036 ลิควิโมลี่ดีกว่าอยู่แล้วครับ นมค.ศูนย์มันไม่ได้เรื่อง
ไม่ดีครับ แพง แค่กึ่งสังเคราะห์ราคาแพงกว่าสังเคราะห์แท้ของยี่ห้ออื่น ผมลองแล้วสู้สังเคราะห์แท้100%ของยี่ห้ออื่นไม่ได้ ตอนวิ่งความเร็วสูงเครื่องร้อนๆแตกต่างชัดเจน เสียงเครื่องดังกว่า ผมซื้อมาก็คิดว่าสังเคราะห์100% เหมือนโดนหรอก เสียตังค์ฟรีต้องถ่ายออก เอาเชลล์100%ใส่เหมือนเดิม
อย่าหาใส่ เสียความหวังและตั้งใจมากกะว่าใส่ของดีๆราคาแรงหน่อยก็เอา แต่ห่วยขั้นเทพเมื่อเทียบกับราคา เอาง่ายๆเชลล์สังเคราะห์100% ราคา350. แต่Liqui Molyกึ่งสังเคราะห์ตัวนี้แหล่ะ 450. ผมว่ามีเล่ห์เหลี่ยมทางการตลาดเพื่อทำราคาเกินไป มาดูคลิปนี้ถึงบางอ้อ แค่กึ่งสังเคราะห์ ถึงว่าผมขี่มันสัมผัสได้เลยว่ามันต่างกันชัดผมก็คิดทำไมมันห่วยกว่าน้ำมันเครื่องเดิมที่ถ่ายออก คงต้องบอกลา กลับไปกินเชลล์เหมือนเดิมคุ้มค่าไม่ผิดหวัง บ่นซะเยอะขอสักที
ยี่ห้ออื่นที่บอกเป็นสังเคราะห์แท้ สังเคราะห์ 100 เท่าที่เห็น ก็เป็น กรุ๊ป3 นะครับ ซึ่งหลายๆประเทศก็ให้การยอมรับว่า กรุ๊ป 3 เทียบเท่ากับ fully แต่บางประเทศที่เข้มงวดเรื่องกฏหมายสิ่งแวดล้อมก็อาจจะไม่ให้การยอมรับ
โดยสังเคราะห์แท้(แท้ๆ) มันคือกรุ๊ป 4 ที่เป็น pao หรือ กรุ๊ป 5 ซึ่งราคาค่อนข้างโดดไปเยอะ 1ลิตร ไม่ต่ำกว่า 600-700 บาท หลายๆยี่ห้อก็จะระบุไปด้วยเลยว่าเป็น pao หรือ ester
มองในแง่ดี liqui moly เค้าอาจจะไม่ได้หลอกครับ เผลอๆจะตรงไปตรงมากว่าหลายๆยี่ห้อที่เลียงบาลีด้วยซ้ำ ซึ่งเค้าไม่ระบุว่า fully แต่เค้ามาเน้นในเรื่องของเทคโนฯไฮโดรแคร็คที่เป็นเทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิ่ภาพน้ำมันและ สารเติมแต่งที่เค้าขึ้นชื่อแทน
ส่วนในเรื่องการใช้งาน ไม่ทราบเหมือนกันเพราะยังไม่เคยลอง แต่ก็เคยเห็นหลายๆคนลองแล้วก็แตกต่างกันไปในทัศนะ ครับ
ไม่ได้อวยนะครับ เพราะยังไม่เคยลอง และกำลังจะลองของเชลล์อยู่
ผมก็ไม่รู้หรอก แต่เขาเขียนชัดว่า 100% SYNTHETIC ผมอาศัยความรู้สึกเวลาขี่มันหรอกผมไม่ได้เหมือนตัวหนังสือ
ua-cam.com/video/xfuxe8_KOi0/v-deo.html
@@foreverlucky6287 สอบถามหน่อยครับพี่สังเคราะห์ 100 ของเชลล์กับของแอมซอย 2 ตัวนี้อันไหนดีกว่ากันครับในราคาที่ไล่เลี่ยกัน 290บาทขอบคุณครับ
@@สานิตย์มณีล้ํา-ณ2ญผมเชียร์แอม ซอยครับ ลื่นเลยถ้ารถบ้านเดิมๆลากไปได้4-5พันเลยเกียร์ไม่แข็งนิ่มๆ
ข้อเสียข้อเดียวของแร่ในน้ำมัน ก็คือ แร่พวกนี้เวลาผสมกับเขม่าจากห้องเผาไหม้ มันจะจับตัวเหนียวเลอะฝังแน่นเกาะติดผนังเครื่องได้ง่ายกว่าFullyทั่วไป ต้องถอดมาล้าง ฟลัชเครื่อง บ่อยกว่า แต่มันจะไม่บ่อยเท่า ไม่เหนียวติดหนักหนาเท่าน้ำมันแร่ราคาถูกธรรมดาๆแน่นอน
ส่วนข้อดีของแร่พวกนี้ ก็คือ มันดักจับเขม่าที่มาจากห้องเผาไหม้ได้ดี ทำให้ห้องเผาไหม้สะอาด เขม่าในห้องเผาไหม้จะน้อย ทำให้อัตราเร่ง ระบบไฟ ไอดี ไอเสีย ไหลเวียนดีขึ้น เผาไหม้สะอาดขึ้น แถมยืดอายุการใข้งานทั้งห้องเผาไหม้ ชุดลูกสูบ ระบบวาล์ว น้ำมัน ไอดี ไอเสีย ลดเขม่าที่จะเข้าไปสะสมเป็นขี้เกลือในระยะยาว จนชิ้นส่วนติดขัด ลามไปถึงขั้นเครื่องสึกอีกด้วย ( คุณจะเลือกล้างห้องเผาไหม้ เปลี่ยนอะไหล่วาล์ว ลูกสูบ
หรือ แค่ล้างผิวๆ อุปกรณ์ทั่วไปในเครื่อง แต่ไม่ลึกถึงห้องเผาไหม้ล่ะ ? )
จริงๆแล้ว Fully ยี่ห้อทั่วไป มันก็มีเทคโนโลยีเเบบเเร่ช่วยดักจับเขม่าห้องเผาไหม้อยู่แล้ว แถมไม่ต้องล้างเครื่องบ่อยด้วย แต่เขาขายความวินเทจขายแบรนด์แหละ ขายคุณภาพด้วยการสื่อว่า น้ำมันเครื่องที่ดี มันควรจะมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น หล่อลื่นดี คงทนสถานะความหนืดความไขในอุณหภูมิสุดขั้วทั้งร้อนทั้งเย็นได้ดี มีหัวเชื้อวิตามินสารหล่อลื่นเคลือบผิวเครื่องลดการสึกหรอผสมอยู่ มีคุณสมบัติดักจับสิ่งสกปรกจากเขม่าการเผาไหม้ได้ดี ซึ่ง liqui moly มีครบ
เรื่องความลื่น ความถนอมผิวเครื่อง ดักจับเขม่า อายุการใช้งาน ไม่เเพ้Fullyเลย แถมมีวิตามินเช้มข้นที่Fullyบางตัว ไม่มี
ของแพงมันต้องมีคุณภาพอยู่แล้ว อย่าอัคติเพราะแค่มันเป็นน้ำมันแร่ มันก็มีข้อดี
คงจะเหมาะกับพวกสายวินเทจ ชอบรสดั้งเดิม
พวกเน้นเเบรนด์เก่าแก่ ชอบของมีคุณภาพ
และก็พวกหมั่นดูแลดีจัดๆอ่ะ มีเงิน มีเวลา ฟลัชเครื่องทุกครั้งที่ถ่ายน้ำมัน ผ่าล้างเครื่องปีละ1-2ครั้ง รักรถยิ่งกว่าเมีย ถึงจะตอบโจทย์กับตัวนี้ที่สุด
หลายคนไม่รู้ เพราะ เยอรมันเขาไม่เรียกกรุ๊ป3 100% แต่ในไทยกรุ๊ป3 ก็เรียกตัวเอง100%แล้ว เลยพิมพ์มา100%ไม่ได้
แต่น้ำมันเขาคุณภาพมาก
✅ ทำไมน้ำมันเครื่อง Liqui Moly จึงไม่ใช้ Ester Base หรือน้ำมันตั้งต้นกรุ๊ป 5 เพื่อใช้การผลิตน้ำมันเครื่องที่จัดจำหน่ายทั่วโลก จริงๆไม่ใช่ Ester นั้นจะไม่มีข้อดี แต่มันเป็นเรื่องของมาตรฐานสำหรับการใช้งานในระยะยาวที่สามารถคงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องโดยมีผลทางลบน้อยที่สุด สำหรับ Base Oil group ที่เหมาะสมกับการทำน้ำมันเครื่องสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ทั่วไปและมีเอฟเฟคในทางลบน้อยที่ทางผู้ผลิตจากเยอรมนีแนะนำก็คือ Group I, Group II, Group III, Group III+, Group IV / (PAO = Polyalphaolefines) ☑️
⚡Base oil Group 5 = Naphthenics, Esters, etc จะถือเป็นกลุ่มเฉพาะที่เหมาะสมกับรถแข่งที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์เป็นพิเศษแล้ว เช่นใช้เชื้อเพลิงจำพวกแอลกอฮอลล์ตั้งแต่85%ขึ้นไป หรือ Ethanol-100% และพวก Octance ผสมพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน อาทิรถแข่ง F1 หรือ การแข่งขันประเภท Drag Racing แต่อาจไม่เหมาะสมในการใช้กับรถยนต์ทั่วไปหรือรถที่ไม่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์มามากหรือรถยนต์วิ่งบนถนน (Street Use) ทั่วๆไป
❗เนื่องจาก Ester Base นั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของโมเลกุลในการยึดเกาะผิวโลหะและคงสภาพได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความร้อนและแรงเฉือนสูงแต่มันก็มีผลข้างเคียงคือมีเอฟเฟคในการกัดกร่อนที่สูงซึ่งอาจจะทำปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับซีลยางอุตสาหกรรมที่ใช้ในรถทั่วไปถ้าผสม Ester ในอัตราส่วนที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์ / เครื่องยนต์จะไม่มีการ Approve API GroupV เพียวๆนี้สำหรับรถที่เป็นกลุ่ม Street Use หรือที่ใช้งานปกติทั่วไปรวมถึงรถ Standard จากโรงงานผู้ผลิตยานยนต์นั่นเอง กลุ่มนี้จึงเหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขันเป็นหลักเท่านั้น
🔥 ส่วนตัวสินค้าประเภทน้ำมันเครื่องของแบรนด์ Liqui Moly ที่เรานำเข้ามานั้นใช้ Base oil ตั้งต้นที่เป็น Group III และ Group IV ชนิด Hi-Spec Level + Special Additives สูตรเฉพาะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งแต่ละสูตรนั้นก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปซึ่งเหมาะสมและใช้งานได้ดีรวมทั้งมีมาตรฐานการรับรองจากสถาบันต่างๆและค่ายผู้ผลิตยานยนต์มากมายทั่วโลก ซึ่งแต่ละปรูฟหรือมาตรฐานต่างๆบนฉลากสินค้าต้องมีการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากผู้ผลิตยานยนต์ค่ายต่างๆแล้วเท่านั้นจึงเหมาะสมกับยานยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันทั้งรถทั่วไปรวมไปถึงรถที่สำหรับใช้ในการแข่งขันนั้นก็ย่อมได้ เพียงแค่เลือกให้ถูกเบอร์ ถูกสเปคและตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ของเรานั่นเอง.
🔵 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นในกลุ่ม 3 Hydrocrack-Spec ในเยอรมนีและโซนยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Synthetics-Technology (เกรดสังเคราะห์ที่ผสม Additives สเปคสูง) / หรือถ้าอิงตามมาตรฐาน API ในแถบเอเชียก็คือเทียบเท่าเกรด Fully Synthetics
🔴 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นกลุ่ม 4 หรือ (PAO) ในเยอรมนีและยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Vollsynthetic / Fully Synthetics (เกรดสังเคราะห์แท้ที่ผสม Additives สเปคสูง)
#LiquiMolyThailand 🇩🇪 🇹🇭
☑️ www.liqui-moly.com/ liqui-molythai.com/ ✅
ผ่า ล้างเครื่องปีละครั้งสองครั้งเลยเหรอ????😢😢😢
มันมี 15w50 มีมาตรฐาน SL แต่ตัว 10w40 มีมาตรฐาน SN Plus ผมยังงงอยู่ครับ
slตัวเก่าครับ ไม่ดี ต้องsn
สังเคราะห์แท้ 100% คือ กรุ๊ป 4,5 ใช่ไหม
ถ้ายี่ห้อนี้ สังเคราะห์ 100 ใช้กรุ๊ป 4 ครับ PAO (Polyalphaolefin)
ผม ผู้ใช้ ตัวสตรีทมาตลอด พึ่งรู้ว่า มันไม่ใช่สังเคราะห์ 100% 😅😅😅
ข้อมูลถูกหมดครับ ตัวสตีท10-40 เกือบทุกคนคิดว่ามันคือสังเคราะ100 ที่จิงมันคือกึ่งสังเคราห์ ตรงฉลากไม่เขียนเลยว่า สังเคราะ100
เพราะมาตรฐานเยอรมันเขาไม่เรียกกรุ๊ป3 100%ครับ แต่ถ้าไทยผลิตกรุ๊ป3 ก็เรียกตัวเอง100%แล้ว
✅ ทำไมน้ำมันเครื่อง Liqui Moly จึงไม่ใช้ Ester Base หรือน้ำมันตั้งต้นกรุ๊ป 5 เพื่อใช้การผลิตน้ำมันเครื่องที่จัดจำหน่ายทั่วโลก จริงๆไม่ใช่ Ester นั้นจะไม่มีข้อดี แต่มันเป็นเรื่องของมาตรฐานสำหรับการใช้งานในระยะยาวที่สามารถคงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องโดยมีผลทางลบน้อยที่สุด สำหรับ Base Oil group ที่เหมาะสมกับการทำน้ำมันเครื่องสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ทั่วไปและมีเอฟเฟคในทางลบน้อยที่ทางผู้ผลิตจากเยอรมนีแนะนำก็คือ Group I, Group II, Group III, Group III+, Group IV / (PAO = Polyalphaolefines) ☑️
⚡Base oil Group 5 = Naphthenics, Esters, etc จะถือเป็นกลุ่มเฉพาะที่เหมาะสมกับรถแข่งที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์เป็นพิเศษแล้ว เช่นใช้เชื้อเพลิงจำพวกแอลกอฮอลล์ตั้งแต่85%ขึ้นไป หรือ Ethanol-100% และพวก Octance ผสมพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน อาทิรถแข่ง F1 หรือ การแข่งขันประเภท Drag Racing แต่อาจไม่เหมาะสมในการใช้กับรถยนต์ทั่วไปหรือรถที่ไม่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์มามากหรือรถยนต์วิ่งบนถนน (Street Use) ทั่วๆไป
❗เนื่องจาก Ester Base นั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของโมเลกุลในการยึดเกาะผิวโลหะและคงสภาพได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความร้อนและแรงเฉือนสูงแต่มันก็มีผลข้างเคียงคือมีเอฟเฟคในการกัดกร่อนที่สูงซึ่งอาจจะทำปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับซีลยางอุตสาหกรรมที่ใช้ในรถทั่วไปถ้าผสม Ester ในอัตราส่วนที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์ / เครื่องยนต์จะไม่มีการ Approve API GroupV เพียวๆนี้สำหรับรถที่เป็นกลุ่ม Street Use หรือที่ใช้งานปกติทั่วไปรวมถึงรถ Standard จากโรงงานผู้ผลิตยานยนต์นั่นเอง กลุ่มนี้จึงเหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขันเป็นหลักเท่านั้น
🔥 ส่วนตัวสินค้าประเภทน้ำมันเครื่องของแบรนด์ Liqui Moly ที่เรานำเข้ามานั้นใช้ Base oil ตั้งต้นที่เป็น Group III และ Group IV ชนิด Hi-Spec Level + Special Additives สูตรเฉพาะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งแต่ละสูตรนั้นก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปซึ่งเหมาะสมและใช้งานได้ดีรวมทั้งมีมาตรฐานการรับรองจากสถาบันต่างๆและค่ายผู้ผลิตยานยนต์มากมายทั่วโลก ซึ่งแต่ละปรูฟหรือมาตรฐานต่างๆบนฉลากสินค้าต้องมีการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากผู้ผลิตยานยนต์ค่ายต่างๆแล้วเท่านั้นจึงเหมาะสมกับยานยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันทั้งรถทั่วไปรวมไปถึงรถที่สำหรับใช้ในการแข่งขันนั้นก็ย่อมได้ เพียงแค่เลือกให้ถูกเบอร์ ถูกสเปคและตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ของเรานั่นเอง.
🔵 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นในกลุ่ม 3 Hydrocrack-Spec ในเยอรมนีและโซนยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Synthetics-Technology (เกรดสังเคราะห์ที่ผสม Additives สเปคสูง) / หรือถ้าอิงตามมาตรฐาน API ในแถบเอเชียก็คือเทียบเท่าเกรด Fully Synthetics
🔴 น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาก Base Oil ตั้งต้นกลุ่ม 4 หรือ (PAO) ในเยอรมนีและยุโรปจะใช้ชื่อบนฉลากกำกับไว้ว่า Vollsynthetic / Fully Synthetics (เกรดสังเคราะห์แท้ที่ผสม Additives สเปคสูง)
#LiquiMolyThailand 🇩🇪 🇹🇭
☑️ www.liqui-moly.com/ liqui-molythai.com/ ✅
สอบถามครับฉลากอันแรกที่ติดกับขวดที่เป็นภาษาต่างประเทศนั้นทำไมมันมีตัวหนังรางๆใต้ตัวหนังสืออีกอะครับ