Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
เป็นคลิปที่ดีมาก ไม่มีโฆษณาคั้นเลย ทำให้การฟังสุตตะลื่นไหลมากๆๆ ท่านใดได้ฟังจะได้เข้าใจมากขึ้น สาธุ สาธุผู้ใดไม่ชอบก็ขอให้ผ่านไปอย่าคิดอกุศล เพราะผลกรรมจะส่งผล อินทรีย์ของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ขอขอบคุณท่านที่โหลดคลิปนี้ขอขอบคุณพระอาจารย์คึกฤทธิ์ที่เป็นผู้เผยแพร่ พระสูตรมาโดยตลอด ท่านทรงเมตตายิ่งนัก พอได้สดับคำสอนของพระศาสดา เป็นสิ่งที่งามในที่สุด พระศาสดา พระตถาคต ผู้เป็นรู้แจ้งที่สุด สัพพัญญู กราบนมัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ขอกุศลนี้ส่งผลแด่ผู้จัดทำ ทั้งหลาย สาธุ สาธุ
กราบนมัสการ สาธุ ค่ะ จะพยายามปฏิบัติให้เข้าถึงฌาน 1-4 ค่ะ
สู้ครับ
กราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ สาธุๆๆ
อนุโมทนาสาธุค่ะ แจ่มแจ้งยิ่งนัก
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ🙏🙏🙏
ขอขอบพระคุณพระอาจารย์ ที่สอนให้ผผมครับ
กราบสาธุสาธุสาธุค่ะ🙏🙏🙏
ขอน้อมกราบนมัสการ พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ครับสาธุ ครับผมจะพยายามปฏิบัติให้เข้าถึงฌาน 1-4 ครับ
สาธุๆๆค่ะ🙏🙏🙏
สาธุค่ะอนุโมทนาสาธุค่ะ
อนุโมทนา สาธุครับ
กราบขอบพระคุณท่านค่ะ เมื่อก่อนไม่ชอบฟังท่านเลยค่ะ มันไม่สนุก และยากมากๆ แต่พอลองแข็งใจฟังท่านครั้งต่อมา ล้วนเป็นความจริง ตามพุทธวจนะ เลยตั้งใจฟังดีกว่าถ้าฟังสิ่งที่ดีแค่นี้ไม่ได้ ก็อย่าไปทำอะไรเลยสมาธิยากกว่าอีก เคยได้รับรู้สิ่งที่ได้มาตอนนั่งภาวนาและพิจรณาได้อะไรมานิดๆหน่อยๆ ดีใจพอดีใจสิ่งนั้นก็หายไป ทำให้ต้องปฏิบัติมาจนทุกวันนี้ ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ดีบ้างไม่ดีบ้างจนกระทั่งไม่หวังว่าจะได้ จิ่งตั้งใจยิ่งไม่ได้ต้องไม่ใส่ใจไม่เพ่ง เกิดดับ เกิดดับ ตลอดเวลา
เป็นผุ้มีวาสนาจ้ามีปัญญาสาธุๆ
@@wasana-yd5hy ขอบคุณค่ะ
ที่ฟังแล้วชอบใจเพราะ อ.คึกฤทธิ์เอาพระไตรปิฎกมาอ่านครับของจริงนั่นแหละบางส่วนแล้วมีเสริมแต่งเองเป็นบางส่วนถ้าคนไม่ได้ศึกษามาอย่างจริงจังจะแยกไม่ออกครับคือมันมีทั้งใช่และไม่ใช่ปนกัน
เก่งกว่าพระคึกฤทธิ์หรือครับถึงได้ยืนยันว่าเป็นความจริง ถ้าไม่เก่งกว่าเอาอะไรมายืนยันหรือครับ? หรือเกิดทันพระพุทธเจ้า🤣🤣🤣🤣🤣เท่าที่ผมทราบคือไปลอกเขามา (ฉบับสยามรัฐ)แล้วดัดแปลงใหม่ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพุทธวจน คนปกติเขาไม่ประพฤติกันหรอกครับมันน่าละอาย🤣🤣🤣🤣🤣
@@user-ju3sd7kn2r ขอลองฟังผู้รู้เทศหน่อยครับ ว่าอะไรยังไง จะได้เอาไปใช้บ้าง
กราบสาธุครับ
ยังปฏิบัติ(สมาธิ)ไม่ได้แต่ได้ฟังธรรมเป็นการสะสมสุตตะ(ได้ฟัง สาธยาย)นี่ก็เป็นบุญเป็นกุศลข้อหนึ่งธรรมจะช่วยขูดเกลาจิตให้ออกจากนิวรณ์เมื่อก่อนรู้แค่รักษาศีลห้าไม่รู้ในอริยสัจสี่ตั้งแต่ฟังพระอาจารย์มาเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งรักศรัทธาพระตถาคตยิ่งพระองค์ได้บอกวิธีปฏิบัติไว้อยู่ที่ว่าใครจะปฏิบัติได้หรือไม่...น้อมกราบพระอาจารย์ผู้มีกรุณามาก🙏🏻🙏🏻สาธุ🙏🏻
เป็นเหมือนกันคะ ให้คุณพิจารณาคำสอนนี้นะคะ การเข้ามารู้ตามซึ่งสัจจธรรมที่มีสิบสองขั้นตอน ก็จะเห็นธรรมที่เป็นเหตุ และธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันเกิดขึ้น เมื่อมีการใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ทำให้เกิดความเข้าใจในธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ เข้าใจในการทำงานของ วิญญาณและนามรูปคะ จะเห็นว่า เป็น สัญญาและใจ
เราสามารถหลุดพ้นด้วยการละอกุศลครับ เมื่ออกุศลเหลือเพียงเล็กน้อยเท่าเม็ดทราย ก็สามารถเข้าอมตะได้ครับ แต่ต้องล้มอกุศลทั้งสังสารวัฏก่อนจึงจะได้ครับ แต่ไม่ต้องกังวล มั่นเดินมรรค8 เมื่อบุรุษปะพรมน้ำบีบคั้นเม็ดงา เขาจะไม่ได้ปรารถนาหรือปรารถนาน้ำมันงา เขาก็จะได้อยู่ดี ฉันใดก็ฉันนั้นหากทำเหตุปัจจัยที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เราเข้านิพพานในสักวันครับ
กราบสาธุค่ะ
สาธุครับ🙏🏼🧘🏼👁🥰
สาธุสาธุสาธุ
กราบสาธุคะ เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต /ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านพูดออกมา คำสอนของท่านจะมี กฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คำสอนของท่าน ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองคะ ทำให้ ตถาคตภาษิต เข้ากันได้รวมกันได้ไม่มีขัดแย้งกันนั่นเองคะ เพราะเหตุนี้ พระพุทธเจ้าท่านจึงถูกขนานนามว่า ตถาคต นั่นเองคะ ยกตัวอย่าง อินทรีย์5 พละ5 (ศรัทธา>วิริยะ)>(วิริยะ>สติ)>(สติ>สมาธิ)>(สมาธิ>ปัญญา)>(ปัญญา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ พระอาจารย์
สาธุครับ
สาธุ ๆ ๆ ครับ
ขอน้อมกราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ
🙏🙏🙏🌷เจ้าค่ะ
น้อมกราบนมัสการสาธุเจ้าค่ะ
สาธุ🙏
อนุโมทนาสาธุครับ🙏
สาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ครับอาจารย์
อนุโมทนาสาธุ🙏🙏🙏
ขออนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ ฟังแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ สาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุ
😘อนุโมทนาสาธุครับ😍
อนุโมทนาสาธุครับผม
กำลังละปิติครับ สาธุ
สาธุสาธุสาธุครับพระอาจาร
ขออนุโมทนา สาธุ 🙏
สาธุค่ะ🙏🌹
อนุโมทนาสาธุครับ
น้อมกราบธรรมสาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุค่ะ
🙏🙏🙏
น้อมกราบสาธุครับ🙏
สาธุขอบคุณมาก
รักศรัทธาพระอาจารย์.คึกฤทธิ์.ครับ
😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊
กราบอนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
อนุโมทนาสาธุครับ🙏🙏🙏
💖อนุโมทนา สาธุคับ💖🧘🙏🤍
การปฏิบัติก็ดี การเรียนรู้กับตำราก็ดี เป็นของต้องพึ่งกัน คนไม่ได้เรียนเขียนไม่ได้ก็มีโอกาสบรรลุธรรม คนอ่านเรียนเขียนได้ก็มีโอกาสบรรลุธรรม
ใช่เเล้วบรรลุได้เหมือนกัน💗
อนุโมทนาสาธุครับ
ขออนุโมทนาสาธุ ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุๆ... ครับ
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
สมณะศากยะปุตติยะ..สาธุ..สาธุ..สาธุ
กราบสาธุ"ค่ะ
น้อมกราบสาธุครับ
กราบสาธุคะ อินทรีย์แก่กล้า อินทรีย์ห้า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ฟังธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า มีศรัทธา มีวิริยะ ความเพียร มีสติ ระลึกได้ มี สมาธิ ตั้งใจมั่นใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ปัญญา ความเข้าใจ เกิดความเข้าใจในธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า อินทรีย์แก่กล้า อินทรีย์ห้า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา อินทรีย์ของ สัทธานุสารี ธรรมมานุสารี โสดาบัน อินทรีย์ของเขาคือมีความอยากที่จะฟังธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ สัญญาและใจ
ไปลอกๆกันมาหลอกคนอื่นอีกทำไมยิ่งเพิ่มความหลงเชื่องมงายอีกมากมายนะสิงงเป็นไก่ตาแตกเลย
น้อมกราบ สาธุ สาธุ สาธุ คะ
อนุโมทนาสาธุ..ครับ
น้อมกราบพระคุณ พระศาสดา พระสงฆ์สาวก ครับ ❤
นั่งไปนานๆแล้วรุ้สึกเหนื่อยหมดแรงคืออะไรหรอครับ พระท่าน
แปลว่าเพ่งนานเกินไปครับ ต้องทิ้งอารมณ์ ด้วยการรู้ลมหายใจ ถ้าตึงมาก็วิเคราห์ธรรมมะในส่วนความไม่เที่ยงครับ แต่ณานจริงๆส่วนใหญ่ทุกคนสามารถเข้าณาน1ได้ง่ายๆ แต่ไม่รู้ตัวครับ
@@nononline5327 ถ้าเป็นความรุ้สึกแบบว่าเหมือนตัวพุ่งขึ้นแบบเร็ววมากๆ เลยอันนี้ไม่แน่ใจว่าเกินจาก ร่างกายเรารึป่าวผมก้อไม่แน่ใจ เพราะพึ่งเคยรุ้สึก มะวานนี้เองครับตั่งแต่เคยนั่งมาครับ
พระอาจารย์ท่านนำพุทธวจน.มาเปิดเราพึ่งรู้ได้ว่า.ที่ผ่านมาเป็นสาวกเท่านั้น.เราจะเลิก.ละ.ให้เร็วที่สุด.และมาปฏิบัติพุทธวจน.ให้เร็วสุด.เพื่อชีวิตที่เหลืออยู่.ที่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเท่าไร.ๆๆๆ.สาธุ
@@natty5731 บรรลุธรรม คือ เห็น สังขตธรรม เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ ซึ่งจะมีอยู่ใน คำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเองค่ะ คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี สังขตธรรม มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ
ฌานที่ 4 อธิบายให้ทุกคนเข้าใจตรงกันคือ สภาวะที่ดวงจิตแยกออกจากร่างกายเกิดแสงสว่างขึ้นเหมือนแสงของระเบิดนิวเคลียร์ ลมหายใจไม่มี ดวงจิตลอยขึ้นสู่อากาศ เมื่อหมดกำลังมันจะกลับมาเข้าร่างกาย จะมีอาการเหมือนถูกไฟช็อต หลังจากนี้จิตก็พร้อมทำงานงานพิจารณาธรรม ผลพลอยได้ มีพลังจิต เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า รู้ความคิดของคนอื่น....มีใครเป็นแบบนี้บ้าง
@@user-kz2jo4se8h สมาธิ มี 9 ระดับ นั่นเองค่ะ มีสัมมาสมาธิ / มีมิจฉาสมาธิ / ท่านจะต้องเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ ถึงจะเป็นการเจริญใน อริยมรรคมีองค์แปด และ รู้จัก สัมมาสมาธิ นั่นเองค่ะ และเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ / ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ ที่เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั่นเองค่ะ ถ้าไม่รู้จัก สัมมาสมาธิ ก็หลุดพ้นไม่ได้นั่นเองค่ะ เพราะว่า วิมุตติญาณทัศนะ คือ ผู้รู้ในการหลุดพ้น ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา นั่นเองค่ะ มาเจริญสัมมาสมาธิ สุตตมยปัญญา นั่นเองค่ะ เริ่มที่ กฏอิทัปปัจจยตา นั่นเองค่ะ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ กฏอิทัปปัจจยตา นั่นเองค่ะ
จตุพล กราบ
ต้องไปเรียนบาลีก่อนถึงจะฟังรุ้เรื่อง ไม่แปลกที่เราไม่สามารถช่วยเด็กๆให้เข้ามารักธรรมะได้ น่าเสียดายที่เรามีของดีแต่ไม่สามารถส่งต่อให้เด็กได้
น้อมกราบสาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุครับ
ผมกำลังฝึกฌานที่2 ครับผม ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้
G R E E T I N G S 💗Buddhawajana Anapanasati Original lmmortalLove Faith Tathagata 💖Smtha Smathi SATHU Sathu sathu 🙏🙏🙏💞🍎🍏💞
ชอบทำได้ตอนง่วงแปลก
สาธุสาธุสาธุค่ะ🙏🙏🙏
ขออนุญาตสอบถามผู้รู้ค่ะ ในขณะนั่งสมาธิ ถ้าเรารู้สึกคันตรงนั้นตรงนี้ของร่างกาย หรือรู้สึกคันเหมือนมดกัด ยุงกัด เราควรเอามือไปเกาได้ไหมคะ หรือว่าแค่กำหนดรู้ว่าคันตรงส่วนนั้นแล้วอดทนไม่เกาไม่เคลื่อนไหวร่างกาย และดึงจิตมาอยู่กับลมหายใจต่อ
อนุโมทนาบุญด้วยครับผม
สาธุๆๆค่ะ
ตอนอนาปาอยู่ในพระ กายเย็นมากเป็นเวลา10กว่านาทีจิตอยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอดคิดว่าตัวเราต้องตายแล้ว แต่ก็ไม่ตายมีเหงือชุ่มเสื้อเลย ต่อมาอีกวันหนึ่งก็เป็นเช่นเดียวกันเวลานานพอๆกันกำลังนั่งขับถ่ายในห้องน้ำก็เช่นกันเวลาพอๆกัน อีกวันหนึ่งนอนอยู่ก็ทำอนาปาอยู่เหมือนกันเวลาก็พอๆกันนี้ถึงเวลาตายแล้วใช่ไหม แต่ก็ยังไม่ตาย จนมีโอกาสได้ฟัง พุทธวจน คิดว่าตายไปไม่เสียดายชีวิตแล้วได้พบพระธรรมอันสูงสุดรู้เหตุเกิดแห่งทุกและเหตุดับไม่เหลือแห่งทุกแล้วตายก็จบชาตินี้เป็นสุด้าย สาธุๆๆ
สาธุครับ🙇
เดี้ยง..อยู่ฌานที่3..เข้าฌานโดยไม่รู้ตัว..ว่าได้ฌาน..หูดับ...
กำลังพยายามกลับมาใหม่ เพื่อเข้าฌามที่1 ให้ได้ก่อน
ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธ พระธรรมพระอริยสงฆ์ ขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
กราบสาธุคับ
สาธุคะ
น้อมกราบพระอาจารย์ขอบคุณค่ะอนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุๆๆ
ถ้าฌานที่ ๕ คือ เบญจฌานใช่ไหมครับ 🙏🙏🙏🤍🤍🤍
ทำตามแล้ว เป็นจริง เหมือนห้วงน้ำอันลึก มีน้ำอันพุ่ง ท่อน้ำเย็นพุ่งขึ้นจากห้วงน้ำนั้น ส่วนไหนที่น้ำเย็น มิถูกต้องแล้วมิได้มี เป็นจริง หายใจเข้า ตามปกติ อาการเย็นจากภายใน น้อมใจไปให้ความเย็นนั้น ทั้่วร่างกาย ครู่นึง อาการเหมือนเดิมแต่มีความสุขอิ่ม น้อมใจไปให้สุข ทั่วร่างกาย อิ่มสุข ครู่นึง ว่างปล่าวน้อมใจให้ไปทั่วร่างกาย จะว่างปล่าวครู่นึงสักครู่ จิตก็ไปคิดอีก ก็มองดูว่าที่คิดนั้น เป็นขันอะไร รู้แล้วก็ดึงมาที่ลม ก็จะวนไปมาแบบนี้ ท่านกล่าวแล้วเป็นไปตามนั้นทั้งหมด แม้สมาธิ นี้ก็เกิดดับ แค่มันช้าลง อยู่ในสมาธินานขึ้น แต่ยังไงมันก็ดับไปอยู่ดี ถ้าเห็นแสงก็ทิ้ง ถ้าไม่ทิ้ง มันก็จะเป็นภพ มันก็จะสร้างเรื่องราวต่อไปมันปรุงต่อไป พอรูตัวว่ามันปรุงแต่งเรื่องราวก็ดึงมาที่ลม อาการก็จะวนๆซ้ำไปมา แต่มันแค่จะเร็วขึ้นและนานมากขึ้น เข้าสมาธิได้คล่องขึ้น ท่านพูดและสอน มันเป็นไป แบบนั้นจริงๆ
น้อมกราบอนุโมทนาบุญ และน้อมกราบขอบพระคุณท่านพระอาจารย์ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ🙏🏿🙏🏿🙏🏿
สาธุจ๊ะ
ใช้สมาธิในการพิจารณา แล้วจะรู้สึก
🙏🏻
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ญาน๔พระพุธทเจ้าก็อธิบายใว้แล้วไงแล้วคุณคิดว่าใครอธิบายกว่าพระตถาคตเล่าผมเป็นศิษตถาคตผมเชื่อคำตะถาคตที่อยู่ในพระไตยปิฏกไม่เชื่อคำอาจารองค์ไหนถ้าไม่ไช้คำตถาคต
ตอนนี้ก็จะมีความชัดเจนแล้วว่า พุทธวจน เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า ตรวจสอบจาก กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ตรวจสอบจากการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเอง คือ สุตตมยปัญญา ต้นทางเป็น สุตตะ ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต สุคตวินิโย ซึ่งมี กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม นั่นเอง เมื่อต้นทางถูก ปลายทางจึงเป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นั่นเอง เพราะเมื่อมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเอง คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี นั่นเอง ก็คือ มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเอง คือหน้าตาของ สัทธานุสารี เมื่อสัทธานุสารีเกิดขึ้นแล้ว บุคคล 4 คู่ 8 พวกก็จะเกิดตามมานั่นเอง เพราะบุคคล 4 คู่ 8 พวก คือ ตถาคตภาษิต นั่นเอง สุคตวินิโย ซึ่งมี กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม นั่นเอง คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ตถาคตภาษิต บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วโดยสิ้นเชิง สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ ภาวนามยปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น ตำหนิ พุทธวจน นั่นคือ สังโยชน์ วิจิกิจฉา และตามมาด้วยสังโยชน์ มานะ สำคัญตนว่ารู้ในสิ่งที่ไม่รู้ จึงเป็นการเดินออกจากเส้นทาง อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเอง ถ้ากองอกุศลมูล ส่งผล ทำให้ อกุศลธรรม เกิดต่อเนื่อง ก็จะตำหนิ พุทธวจน ไม่เลิกนั่นเอง ดูตัวอย่างจาก พระเทวทัต นั่นเอง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถทำให้ใครมามี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ได้ทั้งหมด เพราะมีเหตุปัจจัย คือ มีสังโยชน์ วิจิกิจฉา มานะ และ กองอกุศลมูล ส่งผล นั่นเอง จึงไม่สามารถทำให้เขามามี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ได้นั่นเอง ก็ยังคงเป็น ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด นั่นเอง
จริงๆ ก็เป็นเพียง "ขั้นบันได" เท่านั้นผ่านไปก็ไม่เห็นมีอะไร แค่ทางผ่านเราคิดมากกันไปเอง จริงๆ ญาน 1-4 ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเราทำให้มันซับซ้อนเองเมื่อผ่านไป สุดท้ายแท้จริงก็เหลือเพียง "ลมหายใจเข้าและออก""ปัจจุบันที่มุ่งหน้าสู่การเสื่อมสลาย"ฟัง พูด คิดก็รู้สึก สังเวท เบื่อหน่าย เอื่มระอากับสิ่งที่เป็นอยู่แต่ก็ทนอยู่ในกายที่กำลังดับอยู่ทุกขณะอยู่อย่างนิ่งเฉย ดูความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นจริงไหลอยู่อย่างนั้น และเฝ้ารอ "ความตาย" ครั้งสุดท้ายอย่าง "นิ่งเฉย"เพราะ ญาณ 1-4 หรือ ญาณไหนๆ เป็นแค่การฝึกฝนเพื่อ "ละทิ้ง"ใช่ครับ เราต้องทิ้ง ญาณทั้งหมดที่ฝึกฝน "หมด"มันก็เป็นเพียงสังโยชน์ ที่เราต้องผ่าน มันไปเท่านั้น
สาธุครับสาธุ ขอบคุณครับท่าน ผู้เห็นธรรม เข้าใจแล้วครับ จบลงด้วยปัญญาน่ะครับ สาธุ
เขาอรียก ฌาน1-4 ครับ ไม่ใช่ ญาณ 1-4 ฌาน แปลว่ามีสติตั้งมั่นในสมาธิใดสมาธิหนึ่ง ญาณ แปลว่ายั่งรู้ และ สังเวช ครับ ไม่ใช่ สังเวท /สังเวช แปลว่าความสลดหดหู่ใจต่อสิ่งที่ได้พบเห็น
@@user-wd7dl2pz7q ฌาน ก็คือ เวทนาอุเบกขา นั่นเองคะ คือ รูปภพ นั่นเองคะ สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน คือ ละสังโยชน์ที่สร้างการเกิดใน กามภพ นั่นเองคะ เมื่อละนันทิจิตหลุดพ้นจาก กามภพ แล้ว ก็ดำริออกจาก รูปภพ ต่อนั่นเองคะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ นั่นเองคะ ปลายทางเป็น อานาปานสติ คือ ละนันทิใน รูปขันธ์ ด้วยการเจริญ อานาปานสติ นั่นเองคะ ละนันทิจิตหลุดพ้น ก็เป็นการดำริออกจาก รูปภพ ได้แล้วนั่นเองคะ
ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็น ตถาคตภาษิต เพราะเมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้น เมื่อ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้น นั่นคือ สัมมาสมาธิ นั่นเองคะ เป็นการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ซึ่ง ฌาน1 เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ฌาน2 ก็จะเป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง การเกิดปรากฏขึ้นของ ฌาน 4 ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ก็จะเห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิ นั่นเอง เป็น สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 นั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ต่อ เป็นการเจริญสมาธิอรูปสัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิอรูปสัญญา และ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ก็เป็นการรู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต ที่ท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตามว่า สมาธิ มี 9 ระดับนั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็น ตถาคตภาษิต เพราะมี ธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิ 9 ระดับนั่นเองคะ
ขอปัญญาหน่อยครับ. ดังนั้นคนที่กลับมารู้ในลมหายใจ ก็แสดงประติบัตได้ใช่มั้ยคับ
พระพุทธเจ้าบอกว่า เจริญอานาปานสติ แม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ถือว่า อยู่ไม่เหินห่างจาก ฌาน ทำตามโอวาทของพระศาสดา เมื่อเป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต แล้วและ เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี ทำให้มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ก็คือ เริ่มทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ ก็คือ เริ่มเจริญอานาปานสติ รับรู้ลมหายใจเข้าออก นั่นเองคะ คือเป็นการมี ศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 นั่นเองคะ คือการเจริญ สัมมาสมาธิ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ปลายทางจะเป็น ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน นั่นเองคะ เมื่อปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เกิดปรากฏแล้ว ก็เจริญสมาธิอรูปสัญญาต่อ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ปลายทางเป็น อานาปานสติ คือ การละนันทิใน รูปขันธ์ ด้วยการเจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ เมื่อมาถึงปลายทางก็จะรู้นั่นเองคะว่ามาถึงปลายทางแล้ว ละนันทิจิตหลุดพ้น ก็จะเป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ก็มาสั่งสมสุตตะ เพื่อเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน1234 ที่ปลายทางเป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ
สาธุๆๆๆ
บารมีผมคงไม่ถึง ฟังธรรมมะของท่า ที่ท่านมาสาธยายให้ฟัง แล้วย่อยยากครับ แต่ก่สาธุ ครับ
ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด เป็น ตถาคตภาษิต เพราะ มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ก็เริ่มที่เข้ามาฟัง อริยมรรคมีองค์แปด ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ให้คล่องปากขึ้นใจ ก็เริ่มพิจารณาธรรม อริยมรรคมีองค์แปด เป็น สังขตธรรม เพราะมีคุณสมบัติ เกิดปรากฏ สัมมาทิฏฐิ จะต้องมีเกิดปรากฏขึ้นมาแน่นอนนั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท เมื่อสัมมาทิฏฐิมี สัมมาสังกัปปะย่อมมี เมื่อสัมมาทิฏฐิไม่มี สัมมาสังกัปปะย่อมไม่มี/สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ/เห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาทิฏฐิ ไหม/สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาวาจา/เห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสังกัปปะ ไหม นี่คือการเจริญสัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ปลายทางเป็นการเกิดปรากฏขึ้นของปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ เป็นเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ ก็จะเป็น สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก เป็นการดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน ด้วยเช่นกันนั่นเองคะ
เม
อรหันต์ยุคใหม่ “อรหันต์iPads”
ถอด กิเลส
🌺💗
ท่านผู้นี้ พูดตามหนังสื่ออย่างเดียวเลย พูดกว่างๆ ผมมั่นใจเลยว่าคนนี้ไม่ได้อะไรเลย
มารู้จัก ตถาคตภาษิต กันดีกว่า ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลย ทำให้ ตถาคตภาษิต เข้ากันได้รวมกันได้ไม่มีขัดแย้งกันนั่นเองคะ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้อย่างนี้คะ ปริยัต เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต ปฏิบัติ ก็จะเป็น สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียนเบียน คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สัมมาสมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ปัญญา อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็นปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ คือ รู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ปฏิบัติ เป็น สัมมาสังกัปปะ อย่างนี้อย่างนี้คะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ ปริยัต เป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ เป็น ปฏิบัติ เป็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ ปริยัต เป็น งูพิษ ปฏิบัติ ไม่เป็น สัมมาสังกัปปะ พิจารณาธรรมจาก ผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ที่ตำหนิ ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็น ตถาคตภาษิต มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม
@@user-tl5ws1fe7e คัดลอก และ วางไม่ต้องคิดอะไรมาก
ปริยัต เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต การบอกต่อ ตถาคตภาษิต คือ ปริยัต เป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ ปฏิบัติ เป็น สัมมาสังกัปปะ คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การมีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ปฏิบัติ เป็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน นั่นเองคะ
เมื่อนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ จะมีผู้ที่ฟังด้วยดี และ จะมีผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การเจริญ อตัมมยตา นั่นเองคะ จะเห็น อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้น และ จะเห็น สังโยชน์ ทั้งสิบ เกิดปรากฏขึ้น เห็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม นั่นเองคะ เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ไม่มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ สักกายทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ วิจิกิจฉา เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สังโยชน์ อวิชชา นั่นเองคะ เพราะมี อวิชชา เป็นปัจจัยจึงมี สังขารทั้งหลาย ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด นั่นเองคะ
อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็น ตถาคตภาษิต เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในหนังสือ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ อินทรีย์5 พละ5 เป็น สังขตธรรม เพราะมีคุณสมบัติ เกิดปรากฏ/การเกิดปรากฏขึ้นของ อินทรีย์ 5 พละ5 ศรัทธา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ วิริยะ/การเกิดปรากฏขึ้นของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ/การเกิดปรากฏขึ้นของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน สาวกภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงไม่เกิดปรากฏขึ้น เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ/สาวกภาษิต ไม่มีกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีปฏิจจสมุปบาท ไม่มีสังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน สาวกภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงไม่เกิดปรากฏขึ้น เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ/ศรัทธา-วิริยะ/วิริยะ-สติ/สติ-สมาธิ/สมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ/เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ มิจฉาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ปัญญา/ปัญญา คือ ความเข้าใจ/ เป็นสัมมาสมาธิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์/เป็นมิจฉาสมาธิ เป็นปัญญา ฌาน4 ที่เป็น อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ เพราะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองคะ พระโมคคัลลานะท่านเจริญใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ท่านเป็นพระ อัครสาวกเบื้องซ้าย นั่นเองคะ
สาธุ สาธุ สาธุ ในธรรมอัน บัณฑิตแสดงอยู่
.
Thankyou
เป็นคลิปที่ดีมาก ไม่มีโฆษณาคั้นเลย ทำให้การฟังสุตตะลื่นไหลมากๆๆ
ท่านใดได้ฟังจะได้เข้าใจมากขึ้น สาธุ สาธุ
ผู้ใดไม่ชอบก็ขอให้ผ่านไป
อย่าคิดอกุศล เพราะผลกรรมจะส่งผล อินทรีย์ของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน
ขอขอบคุณท่านที่โหลดคลิปนี้
ขอขอบคุณพระอาจารย์คึกฤทธิ์ที่เป็นผู้เผยแพร่ พระสูตรมาโดยตลอด ท่านทรงเมตตายิ่งนัก
พอได้สดับคำสอนของพระศาสดา เป็นสิ่งที่งามในที่สุด
พระศาสดา พระตถาคต ผู้เป็นรู้แจ้งที่สุด สัพพัญญู
กราบนมัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์
ขอกุศลนี้ส่งผลแด่ผู้จัดทำ ทั้งหลาย สาธุ สาธุ
กราบนมัสการ สาธุ ค่ะ จะพยายามปฏิบัติให้เข้าถึงฌาน 1-4 ค่ะ
สู้ครับ
กราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ สาธุๆๆ
อนุโมทนาสาธุค่ะ แจ่มแจ้งยิ่งนัก
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ🙏🙏🙏
ขอขอบพระคุณพระอาจารย์ ที่สอนให้ผผมครับ
กราบสาธุสาธุสาธุค่ะ🙏🙏🙏
ขอน้อมกราบนมัสการ พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ครับสาธุ ครับผมจะพยายามปฏิบัติให้เข้าถึงฌาน 1-4 ครับ
สาธุๆๆค่ะ🙏🙏🙏
สาธุค่ะอนุโมทนาสาธุค่ะ
อนุโมทนา สาธุครับ
กราบขอบพระคุณท่านค่ะ เมื่อก่อนไม่ชอบฟังท่านเลยค่ะ มันไม่สนุก และยากมากๆ แต่พอลองแข็งใจฟังท่านครั้งต่อมา ล้วนเป็นความจริง ตามพุทธวจนะ เลยตั้งใจฟังดีกว่าถ้าฟังสิ่งที่ดีแค่นี้ไม่ได้ ก็อย่าไปทำอะไรเลยสมาธิยากกว่าอีก เคยได้รับรู้สิ่งที่ได้มาตอนนั่งภาวนาและพิจรณาได้อะไรมานิดๆหน่อยๆ ดีใจพอดีใจสิ่งนั้นก็หายไป ทำให้ต้องปฏิบัติมาจนทุกวันนี้ ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ดีบ้างไม่ดีบ้างจนกระทั่งไม่หวังว่าจะได้ จิ่งตั้งใจยิ่งไม่ได้ต้องไม่ใส่ใจไม่เพ่ง เกิดดับ เกิดดับ ตลอดเวลา
เป็นผุ้มีวาสนาจ้ามีปัญญาสาธุๆ
@@wasana-yd5hy ขอบคุณค่ะ
ที่ฟังแล้วชอบใจเพราะ อ.คึกฤทธิ์เอาพระไตรปิฎกมาอ่านครับของจริงนั่นแหละบางส่วน
แล้วมีเสริมแต่งเองเป็นบางส่วน
ถ้าคนไม่ได้ศึกษามาอย่างจริงจังจะแยกไม่ออกครับ
คือมันมีทั้งใช่และไม่ใช่ปนกัน
เก่งกว่าพระคึกฤทธิ์หรือครับถึงได้ยืนยันว่าเป็นความจริง
ถ้าไม่เก่งกว่าเอาอะไรมายืนยันหรือครับ? หรือเกิดทันพระพุทธเจ้า🤣🤣🤣🤣🤣
เท่าที่ผมทราบคือไปลอกเขามา (ฉบับสยามรัฐ)แล้วดัดแปลงใหม่ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพุทธวจน คนปกติเขาไม่ประพฤติกันหรอกครับมันน่าละอาย🤣🤣🤣🤣🤣
@@user-ju3sd7kn2r ขอลองฟังผู้รู้เทศหน่อยครับ ว่าอะไรยังไง จะได้เอาไปใช้บ้าง
กราบสาธุครับ
ยังปฏิบัติ(สมาธิ)ไม่ได้แต่ได้ฟังธรรมเป็นการสะสมสุตตะ(ได้ฟัง สาธยาย)นี่ก็เป็นบุญเป็นกุศลข้อหนึ่งธรรมจะช่วยขูดเกลาจิตให้ออกจากนิวรณ์เมื่อก่อนรู้แค่รักษาศีลห้าไม่รู้ในอริยสัจสี่ตั้งแต่ฟังพระอาจารย์มาเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งรักศรัทธาพระตถาคตยิ่งพระองค์ได้บอกวิธีปฏิบัติไว้อยู่ที่ว่าใครจะปฏิบัติได้หรือไม่...น้อมกราบพระอาจารย์ผู้มีกรุณามาก🙏🏻🙏🏻สาธุ🙏🏻
เป็นเหมือนกันคะ ให้คุณพิจารณาคำสอนนี้นะคะ การเข้ามารู้ตามซึ่งสัจจธรรมที่มีสิบสองขั้นตอน ก็จะเห็นธรรมที่เป็นเหตุ และธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันเกิดขึ้น เมื่อมีการใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ทำให้เกิดความเข้าใจในธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ เข้าใจในการทำงานของ วิญญาณและนามรูปคะ จะเห็นว่า เป็น สัญญาและใจ
เราสามารถหลุดพ้นด้วยการละอกุศลครับ เมื่ออกุศลเหลือเพียงเล็กน้อยเท่าเม็ดทราย ก็สามารถเข้าอมตะได้ครับ แต่ต้องล้มอกุศลทั้งสังสารวัฏก่อนจึงจะได้ครับ แต่ไม่ต้องกังวล มั่นเดินมรรค8 เมื่อบุรุษปะพรมน้ำบีบคั้นเม็ดงา เขาจะไม่ได้ปรารถนาหรือปรารถนาน้ำมันงา เขาก็จะได้อยู่ดี
ฉันใดก็ฉันนั้นหากทำเหตุปัจจัยที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เราเข้านิพพานในสักวันครับ
กราบสาธุค่ะ
สาธุครับ🙏🏼🧘🏼👁🥰
สาธุสาธุสาธุ
กราบสาธุคะ เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต /ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านพูดออกมา คำสอนของท่านจะมี กฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คำสอนของท่าน ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองคะ ทำให้ ตถาคตภาษิต เข้ากันได้รวมกันได้ไม่มีขัดแย้งกันนั่นเองคะ เพราะเหตุนี้ พระพุทธเจ้าท่านจึงถูกขนานนามว่า ตถาคต นั่นเองคะ ยกตัวอย่าง อินทรีย์5 พละ5 (ศรัทธา>วิริยะ)>(วิริยะ>สติ)>(สติ>สมาธิ)>(สมาธิ>ปัญญา)>(ปัญญา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ พระอาจารย์
สาธุครับ
สาธุ ๆ ๆ ครับ
ขอน้อมกราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ
🙏🙏🙏🌷เจ้าค่ะ
น้อมกราบนมัสการสาธุเจ้าค่ะ
สาธุ🙏
อนุโมทนาสาธุครับ🙏
สาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ครับอาจารย์
อนุโมทนาสาธุ🙏🙏🙏
ขออนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ ฟังแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ สาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุ
😘อนุโมทนาสาธุครับ😍
อนุโมทนาสาธุครับผม
กำลังละปิติครับ สาธุ
สาธุสาธุสาธุครับพระอาจาร
ขออนุโมทนา สาธุ 🙏
สาธุค่ะ🙏🌹
อนุโมทนาสาธุครับ
น้อมกราบธรรมสาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุค่ะ
🙏🙏🙏
น้อมกราบสาธุครับ🙏
สาธุ
ขอบคุณมาก
รักศรัทธาพระอาจารย์.คึกฤทธิ์.ครับ
😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊
กราบอนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
อนุโมทนาสาธุครับ🙏🙏🙏
💖อนุโมทนา สาธุคับ💖🧘🙏🤍
การปฏิบัติก็ดี การเรียนรู้กับตำราก็ดี เป็นของต้องพึ่งกัน คนไม่ได้เรียนเขียนไม่ได้ก็มีโอกาสบรรลุธรรม คนอ่านเรียนเขียนได้ก็มีโอกาสบรรลุธรรม
ใช่เเล้วบรรลุได้เหมือนกัน💗
อนุโมทนาสาธุครับ
ขออนุโมทนาสาธุ ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุๆ... ครับ
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
สมณะศากยะปุตติยะ..สาธุ..สาธุ..สาธุ
กราบสาธุ"ค่ะ
น้อมกราบสาธุครับ
กราบสาธุคะ อินทรีย์แก่กล้า อินทรีย์ห้า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ฟังธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า มีศรัทธา มีวิริยะ ความเพียร มีสติ ระลึกได้ มี สมาธิ ตั้งใจมั่นใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ปัญญา ความเข้าใจ เกิดความเข้าใจในธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า อินทรีย์แก่กล้า อินทรีย์ห้า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา อินทรีย์ของ สัทธานุสารี ธรรมมานุสารี โสดาบัน อินทรีย์ของเขาคือมีความอยากที่จะฟังธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ สัญญาและใจ
ไปลอกๆกันมาหลอกคนอื่นอีกทำไมยิ่งเพิ่มความหลงเชื่องมงายอีกมากมายนะสิงงเป็นไก่ตาแตกเลย
น้อมกราบ สาธุ สาธุ สาธุ คะ
อนุโมทนาสาธุ..ครับ
น้อมกราบพระคุณ พระศาสดา พระสงฆ์สาวก ครับ ❤
นั่งไปนานๆแล้วรุ้สึกเหนื่อยหมดแรงคืออะไรหรอครับ พระท่าน
แปลว่าเพ่งนานเกินไปครับ ต้องทิ้งอารมณ์ ด้วยการรู้ลมหายใจ ถ้าตึงมาก็วิเคราห์ธรรมมะในส่วนความไม่เที่ยงครับ แต่ณานจริงๆส่วนใหญ่ทุกคนสามารถเข้าณาน1ได้ง่ายๆ แต่ไม่รู้ตัวครับ
@@nononline5327 ถ้าเป็นความรุ้สึกแบบว่าเหมือนตัวพุ่งขึ้นแบบเร็ววมากๆ เลยอันนี้ไม่แน่ใจว่าเกินจาก ร่างกายเรารึป่าวผมก้อไม่แน่ใจ เพราะพึ่งเคยรุ้สึก มะวานนี้เองครับตั่งแต่เคยนั่งมาครับ
พระอาจารย์ท่านนำพุทธวจน.มาเปิดเราพึ่งรู้ได้ว่า.ที่ผ่านมาเป็นสาวกเท่านั้น.เราจะเลิก.ละ.ให้เร็วที่สุด.และมาปฏิบัติพุทธวจน.ให้เร็วสุด.เพื่อชีวิตที่เหลืออยู่.ที่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเท่าไร.ๆๆๆ.สาธุ
@@natty5731 บรรลุธรรม คือ เห็น สังขตธรรม เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ ซึ่งจะมีอยู่ใน คำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเองค่ะ คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี สังขตธรรม มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ
ฌานที่ 4 อธิบายให้ทุกคนเข้าใจตรงกันคือ สภาวะที่ดวงจิตแยกออกจากร่างกายเกิดแสงสว่างขึ้นเหมือนแสงของระเบิดนิวเคลียร์ ลมหายใจไม่มี ดวงจิตลอยขึ้นสู่อากาศ เมื่อหมดกำลังมันจะกลับมาเข้าร่างกาย จะมีอาการเหมือนถูกไฟช็อต หลังจากนี้จิตก็พร้อมทำงานงานพิจารณาธรรม ผลพลอยได้ มีพลังจิต เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า รู้ความคิดของคนอื่น....มีใครเป็นแบบนี้บ้าง
@@user-kz2jo4se8h สมาธิ มี 9 ระดับ นั่นเองค่ะ มีสัมมาสมาธิ / มีมิจฉาสมาธิ / ท่านจะต้องเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ ถึงจะเป็นการเจริญใน อริยมรรคมีองค์แปด และ รู้จัก สัมมาสมาธิ นั่นเองค่ะ และเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ / ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ ที่เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั่นเองค่ะ ถ้าไม่รู้จัก สัมมาสมาธิ ก็หลุดพ้นไม่ได้นั่นเองค่ะ เพราะว่า วิมุตติญาณทัศนะ คือ ผู้รู้ในการหลุดพ้น ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา นั่นเองค่ะ มาเจริญสัมมาสมาธิ สุตตมยปัญญา นั่นเองค่ะ เริ่มที่ กฏอิทัปปัจจยตา นั่นเองค่ะ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ กฏอิทัปปัจจยตา นั่นเองค่ะ
จตุพล กราบ
ต้องไปเรียนบาลีก่อนถึงจะฟังรุ้เรื่อง ไม่แปลกที่เราไม่สามารถช่วยเด็กๆให้เข้ามารักธรรมะได้ น่าเสียดายที่เรามีของดีแต่ไม่สามารถส่งต่อให้เด็กได้
น้อมกราบสาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุครับ
ผมกำลังฝึกฌานที่2 ครับผม ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้
G R E E T I N G S 💗
Buddhawajana Anapanasati Original lmmortal
Love Faith Tathagata 💖
Smtha Smathi SATHU Sathu sathu 🙏🙏🙏💞🍎🍏💞
ชอบทำได้ตอนง่วงแปลก
สาธุสาธุสาธุค่ะ🙏🙏🙏
ขออนุญาตสอบถามผู้รู้ค่ะ ในขณะนั่งสมาธิ ถ้าเรารู้สึกคันตรงนั้นตรงนี้ของร่างกาย หรือรู้สึกคันเหมือนมดกัด ยุงกัด เราควรเอามือไปเกาได้ไหมคะ หรือว่าแค่กำหนดรู้ว่าคันตรงส่วนนั้นแล้วอดทนไม่เกาไม่เคลื่อนไหวร่างกาย และดึงจิตมาอยู่กับลมหายใจต่อ
อนุโมทนาบุญด้วยครับผม
สาธุๆๆค่ะ
ตอนอนาปาอยู่ในพระ กายเย็นมากเป็นเวลา10กว่านาทีจิตอยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอดคิดว่าตัวเราต้องตายแล้ว แต่ก็ไม่ตายมีเหงือชุ่มเสื้อเลย ต่อมาอีกวันหนึ่งก็เป็นเช่นเดียวกันเวลานานพอๆกันกำลังนั่งขับถ่ายในห้องน้ำก็เช่นกันเวลาพอๆกัน อีกวันหนึ่งนอนอยู่ก็ทำอนาปาอยู่เหมือนกันเวลาก็พอๆกันนี้ถึงเวลาตายแล้วใช่ไหม แต่ก็ยังไม่ตาย จนมีโอกาสได้ฟัง พุทธวจน คิดว่าตายไปไม่เสียดายชีวิตแล้วได้พบพระธรรมอันสูงสุดรู้เหตุเกิดแห่งทุกและเหตุดับไม่เหลือแห่งทุกแล้วตายก็จบชาตินี้เป็นสุด้าย สาธุๆๆ
สาธุครับ🙇
เดี้ยง..อยู่ฌานที่3..เข้าฌานโดยไม่รู้ตัว..ว่าได้ฌาน..หูดับ...
กำลังพยายามกลับมาใหม่ เพื่อเข้าฌามที่1 ให้ได้ก่อน
ข้าพเจ้า ขอถึง
พระพุทธ
พระธรรม
พระอริยสงฆ์
ขอพระรัตนตรัย
เป็นที่พึ่ง
กราบสาธุคับ
สาธุคะ
น้อมกราบพระอาจารย์ขอบคุณค่ะอนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุๆๆ
ถ้าฌานที่ ๕ คือ เบญจฌานใช่ไหมครับ 🙏🙏🙏🤍🤍🤍
ทำตามแล้ว เป็นจริง เหมือนห้วงน้ำอันลึก มีน้ำอันพุ่ง ท่อน้ำเย็นพุ่งขึ้นจากห้วงน้ำนั้น ส่วนไหนที่น้ำเย็น มิถูกต้องแล้วมิได้มี เป็นจริง หายใจเข้า ตามปกติ อาการเย็นจากภายใน น้อมใจไปให้ความเย็นนั้น ทั้่วร่างกาย ครู่นึง อาการเหมือนเดิมแต่มีความสุขอิ่ม น้อมใจไปให้สุข ทั่วร่างกาย อิ่มสุข ครู่นึง ว่างปล่าวน้อมใจให้ไปทั่วร่างกาย จะว่างปล่าวครู่นึงสักครู่ จิตก็ไปคิดอีก ก็มองดูว่าที่คิดนั้น เป็นขันอะไร รู้แล้วก็ดึงมาที่ลม ก็จะวนไปมาแบบนี้ ท่านกล่าวแล้วเป็นไปตามนั้นทั้งหมด แม้สมาธิ นี้ก็เกิดดับ แค่มันช้าลง อยู่ในสมาธินานขึ้น แต่ยังไงมันก็ดับไปอยู่ดี ถ้าเห็นแสงก็ทิ้ง ถ้าไม่ทิ้ง มันก็จะเป็นภพ มันก็จะสร้างเรื่องราวต่อไปมันปรุงต่อไป พอรูตัวว่ามันปรุงแต่งเรื่องราวก็ดึงมาที่ลม อาการก็จะวนๆซ้ำไปมา แต่มันแค่จะเร็วขึ้นและนานมากขึ้น เข้าสมาธิได้คล่องขึ้น ท่านพูดและสอน มันเป็นไป แบบนั้นจริงๆ
น้อมกราบอนุโมทนาบุญ และน้อมกราบขอบพระคุณท่านพระอาจารย์ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ🙏🏿🙏🏿🙏🏿
สาธุจ๊ะ
ใช้สมาธิในการพิจารณา แล้วจะรู้สึก
🙏🏻
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ญาน๔พระพุธทเจ้าก็อธิบายใว้แล้วไงแล้วคุณคิดว่าใครอธิบายกว่าพระตถาคตเล่าผมเป็นศิษตถาคตผมเชื่อคำตะถาคตที่อยู่ในพระไตยปิฏกไม่เชื่อคำอาจารองค์ไหนถ้าไม่ไช้คำตถาคต
ตอนนี้ก็จะมีความชัดเจนแล้วว่า พุทธวจน เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า ตรวจสอบจาก กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ตรวจสอบจากการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเอง คือ สุตตมยปัญญา ต้นทางเป็น สุตตะ ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต สุคตวินิโย ซึ่งมี กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม นั่นเอง เมื่อต้นทางถูก ปลายทางจึงเป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นั่นเอง เพราะเมื่อมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเอง คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี นั่นเอง ก็คือ มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเอง คือหน้าตาของ สัทธานุสารี เมื่อสัทธานุสารีเกิดขึ้นแล้ว บุคคล 4 คู่ 8 พวกก็จะเกิดตามมานั่นเอง เพราะบุคคล 4 คู่ 8 พวก คือ ตถาคตภาษิต นั่นเอง สุคตวินิโย ซึ่งมี กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม นั่นเอง คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ตถาคตภาษิต บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วโดยสิ้นเชิง สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ ภาวนามยปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น ตำหนิ พุทธวจน นั่นคือ สังโยชน์ วิจิกิจฉา และตามมาด้วยสังโยชน์ มานะ สำคัญตนว่ารู้ในสิ่งที่ไม่รู้ จึงเป็นการเดินออกจากเส้นทาง อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเอง ถ้ากองอกุศลมูล ส่งผล ทำให้ อกุศลธรรม เกิดต่อเนื่อง ก็จะตำหนิ พุทธวจน ไม่เลิกนั่นเอง ดูตัวอย่างจาก พระเทวทัต นั่นเอง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถทำให้ใครมามี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ได้ทั้งหมด เพราะมีเหตุปัจจัย คือ มีสังโยชน์ วิจิกิจฉา มานะ และ กองอกุศลมูล ส่งผล นั่นเอง จึงไม่สามารถทำให้เขามามี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ได้นั่นเอง ก็ยังคงเป็น ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด นั่นเอง
จริงๆ ก็เป็นเพียง "ขั้นบันได" เท่านั้น
ผ่านไปก็ไม่เห็นมีอะไร แค่ทางผ่าน
เราคิดมากกันไปเอง จริงๆ ญาน 1-4 ไม่ได้ซับซ้อนอะไร
เราทำให้มันซับซ้อนเอง
เมื่อผ่านไป สุดท้ายแท้จริงก็เหลือเพียง "ลมหายใจเข้าและออก"
"ปัจจุบันที่มุ่งหน้าสู่การเสื่อมสลาย"
ฟัง พูด คิดก็รู้สึก สังเวท เบื่อหน่าย เอื่มระอากับสิ่งที่เป็นอยู่
แต่ก็ทนอยู่ในกายที่กำลังดับอยู่ทุกขณะ
อยู่อย่างนิ่งเฉย ดูความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นจริง
ไหลอยู่อย่างนั้น และเฝ้ารอ "ความตาย" ครั้งสุดท้าย
อย่าง "นิ่งเฉย"
เพราะ ญาณ 1-4 หรือ ญาณไหนๆ เป็นแค่การฝึกฝนเพื่อ "ละทิ้ง"
ใช่ครับ เราต้องทิ้ง ญาณทั้งหมดที่ฝึกฝน "หมด"
มันก็เป็นเพียงสังโยชน์ ที่เราต้องผ่าน มันไปเท่านั้น
สาธุครับสาธุ ขอบคุณครับท่าน ผู้เห็นธรรม เข้าใจแล้วครับ จบลงด้วยปัญญาน่ะครับ สาธุ
เขาอรียก ฌาน1-4 ครับ ไม่ใช่ ญาณ 1-4 ฌาน แปลว่ามีสติตั้งมั่นในสมาธิใดสมาธิหนึ่ง ญาณ แปลว่ายั่งรู้ และ สังเวช ครับ ไม่ใช่ สังเวท /สังเวช แปลว่าความสลดหดหู่ใจต่อสิ่งที่ได้พบเห็น
@@user-wd7dl2pz7q ฌาน ก็คือ เวทนาอุเบกขา นั่นเองคะ คือ รูปภพ นั่นเองคะ สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน คือ ละสังโยชน์ที่สร้างการเกิดใน กามภพ นั่นเองคะ เมื่อละนันทิจิตหลุดพ้นจาก กามภพ แล้ว ก็ดำริออกจาก รูปภพ ต่อนั่นเองคะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ นั่นเองคะ ปลายทางเป็น อานาปานสติ คือ ละนันทิใน รูปขันธ์ ด้วยการเจริญ อานาปานสติ นั่นเองคะ ละนันทิจิตหลุดพ้น ก็เป็นการดำริออกจาก รูปภพ ได้แล้วนั่นเองคะ
ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็น ตถาคตภาษิต เพราะเมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้น เมื่อ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้น นั่นคือ สัมมาสมาธิ นั่นเองคะ เป็นการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ซึ่ง ฌาน1 เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ฌาน2 ก็จะเป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง การเกิดปรากฏขึ้นของ ฌาน 4 ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ก็จะเห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิ นั่นเอง เป็น สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 นั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ต่อ เป็นการเจริญสมาธิอรูปสัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิอรูปสัญญา และ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ก็เป็นการรู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต ที่ท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตามว่า สมาธิ มี 9 ระดับนั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็น ตถาคตภาษิต เพราะมี ธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิ 9 ระดับนั่นเองคะ
ขอปัญญาหน่อยครับ. ดังนั้นคนที่กลับมารู้ในลมหายใจ ก็แสดง
ประติบัตได้ใช่มั้ยคับ
พระพุทธเจ้าบอกว่า เจริญอานาปานสติ แม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ถือว่า อยู่ไม่เหินห่างจาก ฌาน ทำตามโอวาทของพระศาสดา เมื่อเป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต แล้วและ เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี ทำให้มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ก็คือ เริ่มทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ ก็คือ เริ่มเจริญอานาปานสติ รับรู้ลมหายใจเข้าออก นั่นเองคะ คือเป็นการมี ศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 นั่นเองคะ คือการเจริญ สัมมาสมาธิ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ปลายทางจะเป็น ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน นั่นเองคะ เมื่อปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เกิดปรากฏแล้ว ก็เจริญสมาธิอรูปสัญญาต่อ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ปลายทางเป็น อานาปานสติ คือ การละนันทิใน รูปขันธ์ ด้วยการเจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ เมื่อมาถึงปลายทางก็จะรู้นั่นเองคะว่ามาถึงปลายทางแล้ว ละนันทิจิตหลุดพ้น ก็จะเป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ก็มาสั่งสมสุตตะ เพื่อเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน1234 ที่ปลายทางเป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ
สาธุๆๆๆ
บารมีผมคงไม่ถึง ฟังธรรมมะของท่า ที่ท่านมาสาธยายให้ฟัง แล้วย่อยยากครับ แต่ก่สาธุ ครับ
ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด เป็น ตถาคตภาษิต เพราะ มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ก็เริ่มที่เข้ามาฟัง อริยมรรคมีองค์แปด ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ให้คล่องปากขึ้นใจ ก็เริ่มพิจารณาธรรม อริยมรรคมีองค์แปด เป็น สังขตธรรม เพราะมีคุณสมบัติ เกิดปรากฏ สัมมาทิฏฐิ จะต้องมีเกิดปรากฏขึ้นมาแน่นอนนั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท เมื่อสัมมาทิฏฐิมี สัมมาสังกัปปะย่อมมี เมื่อสัมมาทิฏฐิไม่มี สัมมาสังกัปปะย่อมไม่มี/สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ/เห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาทิฏฐิ ไหม/สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาวาจา/เห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสังกัปปะ ไหม นี่คือการเจริญสัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ปลายทางเป็นการเกิดปรากฏขึ้นของปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ เป็นเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ ก็จะเป็น สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก เป็นการดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน ด้วยเช่นกันนั่นเองคะ
เม
อรหันต์ยุคใหม่ “อรหันต์iPads”
ถอด กิเลส
🌺💗
ตอนนี้ก็จะมีความชัดเจนแล้วว่า พุทธวจน เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า ตรวจสอบจาก กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ตรวจสอบจากการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเอง คือ สุตตมยปัญญา ต้นทางเป็น สุตตะ ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต สุคตวินิโย ซึ่งมี กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม นั่นเอง เมื่อต้นทางถูก ปลายทางจึงเป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นั่นเอง เพราะเมื่อมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเอง คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี นั่นเอง ก็คือ มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเอง คือหน้าตาของ สัทธานุสารี เมื่อสัทธานุสารีเกิดขึ้นแล้ว บุคคล 4 คู่ 8 พวกก็จะเกิดตามมานั่นเอง เพราะบุคคล 4 คู่ 8 พวก คือ ตถาคตภาษิต นั่นเอง สุคตวินิโย ซึ่งมี กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม นั่นเอง คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ตถาคตภาษิต บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วโดยสิ้นเชิง สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ ภาวนามยปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น ตำหนิ พุทธวจน นั่นคือ สังโยชน์ วิจิกิจฉา และตามมาด้วยสังโยชน์ มานะ สำคัญตนว่ารู้ในสิ่งที่ไม่รู้ จึงเป็นการเดินออกจากเส้นทาง อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเอง ถ้ากองอกุศลมูล ส่งผล ทำให้ อกุศลธรรม เกิดต่อเนื่อง ก็จะตำหนิ พุทธวจน ไม่เลิกนั่นเอง ดูตัวอย่างจาก พระเทวทัต นั่นเอง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถทำให้ใครมามี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ได้ทั้งหมด เพราะมีเหตุปัจจัย คือ มีสังโยชน์ วิจิกิจฉา มานะ และ กองอกุศลมูล ส่งผล นั่นเอง จึงไม่สามารถทำให้เขามามี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ได้นั่นเอง ก็ยังคงเป็น ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด นั่นเอง
ท่านผู้นี้ พูดตามหนังสื่ออย่างเดียวเลย พูดกว่างๆ ผมมั่นใจเลยว่าคนนี้ไม่ได้อะไรเลย
มารู้จัก ตถาคตภาษิต กันดีกว่า ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลย ทำให้ ตถาคตภาษิต เข้ากันได้รวมกันได้ไม่มีขัดแย้งกันนั่นเองคะ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้อย่างนี้คะ ปริยัต เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต ปฏิบัติ ก็จะเป็น สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียนเบียน คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สัมมาสมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ปัญญา อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็นปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ คือ รู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ปฏิบัติ เป็น สัมมาสังกัปปะ อย่างนี้อย่างนี้คะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ ปริยัต เป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ เป็น ปฏิบัติ เป็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ ปริยัต เป็น งูพิษ ปฏิบัติ ไม่เป็น สัมมาสังกัปปะ พิจารณาธรรมจาก ผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ที่ตำหนิ ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็น ตถาคตภาษิต มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม
@@user-tl5ws1fe7e คัดลอก และ วาง
ไม่ต้องคิดอะไรมาก
ปริยัต เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต การบอกต่อ ตถาคตภาษิต คือ ปริยัต เป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ ปฏิบัติ เป็น สัมมาสังกัปปะ คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การมีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ปฏิบัติ เป็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน นั่นเองคะ
เมื่อนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ จะมีผู้ที่ฟังด้วยดี และ จะมีผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การเจริญ อตัมมยตา นั่นเองคะ จะเห็น อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้น และ จะเห็น สังโยชน์ ทั้งสิบ เกิดปรากฏขึ้น เห็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม นั่นเองคะ เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ไม่มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ สักกายทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ วิจิกิจฉา เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สังโยชน์ อวิชชา นั่นเองคะ เพราะมี อวิชชา เป็นปัจจัยจึงมี สังขารทั้งหลาย ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด นั่นเองคะ
อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็น ตถาคตภาษิต เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในหนังสือ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ อินทรีย์5 พละ5 เป็น สังขตธรรม เพราะมีคุณสมบัติ เกิดปรากฏ/การเกิดปรากฏขึ้นของ อินทรีย์ 5 พละ5 ศรัทธา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ วิริยะ/การเกิดปรากฏขึ้นของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ/การเกิดปรากฏขึ้นของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน สาวกภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงไม่เกิดปรากฏขึ้น เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ/สาวกภาษิต ไม่มีกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีปฏิจจสมุปบาท ไม่มีสังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน สาวกภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงไม่เกิดปรากฏขึ้น เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ/ศรัทธา-วิริยะ/วิริยะ-สติ/สติ-สมาธิ/สมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ/เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ มิจฉาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ปัญญา/ปัญญา คือ ความเข้าใจ/ เป็นสัมมาสมาธิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์/เป็นมิจฉาสมาธิ เป็นปัญญา ฌาน4 ที่เป็น อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ เพราะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองคะ พระโมคคัลลานะท่านเจริญใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ท่านเป็นพระ อัครสาวกเบื้องซ้าย นั่นเองคะ
สาธุ สาธุ สาธุ
ในธรรมอัน บัณฑิตแสดงอยู่
.
Thankyou