ดราม่า “คนเลือดบวก” เปิดคอร์ส “สอนเพศสัมพันธ์” : ตอบโจทย์ (3 ก.พ. 63)
Вставка
- Опубліковано 18 жов 2024
- ผู้ดำเนินรายการ วราวิทย์ ฉิมมณี
ผู้ร่วมรายการ
ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย
ร่วมสนทนาประเด็น
กรณี พีท คนเลือดบวก เปิดคอร์สสอนคนติดเชื้อ HIV มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย และหลักการ U เท่ากับ U หรือไม่เจอเท่ากับไม่แพร่
ติดตามชมรายการตอบโจทย์ วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 20.30 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมย้อนหลังทาง www.thaipbs.or....
#เลือดบวก #สอนเพศสัมพันธ์ #โรคเอดส์
-------------------------------------------------------
กด Subscribe
ติดตามรายการดีๆของช่อง ได้ที่ : goo.gl/hdy2ye
และ ติดตามไทยพีบีเอสออนไลน์ ได้ที่
Website : www.thaipbs.or.th
Facebook : www. Thai...
Twitter : / thaipbs
Instagram : / thaipbs
LINE : www.thaipbs.or....
UA-cam : / thaipbs
จุดประสงค์ของอาจารย์ คือ ควรไปตรวจ และควรกินยาให้สม่ำเสมอครับ ไม่อยากให้บางคนเข้าใจผิด เพราะ ท่านพูดในกรณีที่ "คนเป็นคู่กันครับ"(บางครั้งคนเป็นคู่กันเขาก็ไม่อยากใส่ครับ) ไม่ใช่คนต่างคู่ครับ(ที่มีอะไรกับคนอื่นไปเรื่อยครับ)
ซึ่งพีทสดกับคนเป็นพันๆค่ะ
จัญไรมาก
@@MsLookaew ขอบคุฯที่เข้าใจอาจารย์ พอมีดราม่ากลัวใครเลือดร้อนครับ
ไม่ได้รังเกียจคนติดเชื้อ แต่ไม่ชอบวิธีการสื่อสารของคุณพีท และคุณหมอก็ไม่ควรสปอยคุณพีท ค่ะ
เรื่องu=uเป็นเรื่องจริงครับ ผมยุเยอรมันเป็นเรื่องทั่วโลก 100เปอร์เซนไม่ติด แต่ที่รณรงค์ไม่ใส่ถุงผมไม่เห็นด้วย เพราะโรคอื่นก็มี
เขัาใจอ.ที่อยากจะให้ผู้ติดเชื้ออยู่ในสังคมได้ แต่คำพูดของพีทคือจะสื่อว่าถึงจะมีไรกับใครก็จะไม่ติด และพฤติกรรมของพีทก็มั่วเรื่องเซ็กมาก จริงๆแล้วประเด็นหลักน่าจะรณรงค์ให้้้คนไม่มั่วเซ็กและใส่ถุงยางดีกว่า ไม่ใช่มาสนับสนุนให้...สดๆกันแบบนี้
อาจารย์อธิบายเข้าใจง่ายดีครับ
แต่ 4 ปี 1000 คน ควรใส่ถุงยางไหมคะ
พฤติกรรมแบบนั้นบ้านผมเรียกสำส่อนครับ
เข้าใจในสิ่งที่อ.หมอพูดนะ แต่ที่คนเค้าออกมาดราม่าพีทเพราะ พีทมีชุดความคิดที่ต่อให้ผู้อยู่ร่วมกับhivจะมีผลเลือดเป็นu=uแล้วไปสดและไปมั่วsexมีหลายคู่นอนผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อhivก็ยังคือผู้ที่ปลอดภัย และพีทยังมีชุดความคิดที่อยากให้ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อhivที่ผลเลือดเป็นu=uสามารถทำงานด้านsex workerแบบไม่ใส่ถุงยางได้ นั่นแหละคือชุดความคิดของพีทที่มันเป็นอันตราย ตัวพีทเองก็นัดเยตามแอพต่างๆไปทั่วโดยที่ไม่ป้องกัน หมอยังอยากจะสนับสนุนเค้าอีกหรือ???? เรื่องผลวิจัยU=Uคนรุ่นใหม่ๆส่วนใหญ่ในปัจจุบันเราว่าส่วนใหญ่เข้าใจและเข้าถึงข้อมูลของผลวิจัยนี้ แต่ที่ดราม่าเค้าไม่ได้ดราม่าที่ผลวิจัยเค้าดราม่าที่วิธีการคิดและตรรกะความคิดจองพีทที่เป็นผู้ส่งสาร
ควรไหมคะ นางค่อยข้างมั่วนะคะ
ถ้าแบบนี้ก็ต้องอาศัยความไว้ใจล้วนๆเลย ใครจะการัณตีได้ว่าคู่นอนกินยาแล้วไม่สามารถแพร่เชื้อได้100เปอร์เซน
เอาจริงน่ะใส่เถอะทั้งคนมีเชื้อและไม่มีเชื้อ มันปลอดภัยกว่าเยอะ
ฟังอาจารย์หมอพูดเข้าใจแจ่มแจ้งเลย
ศูนย์วิจัยผู้รับเชื้อคุณหมอเจ้าหน้าที่ทุกท่านทำงานอย่างหนักเพื่อให้คนรับเชื้อได้มีที่ยืนในสังคมอย่างสง่างาม
เพราะคนที่มีเชื้อก็ต่างจาก เบาหวานความดันไขมัน
แต่มีคนเลวเพียง1คนจะมาทำให้ความตั้งใจในการทำงานของหมอพัง.....
ถุงยางคือการป้องกัน ตัดไฟตั้งแต่ตั้งลม ไม่ให้ถุงยางขาดด้วยนะครับ ไม่งั้นเกมส์😁😁🤣
ผมสรุปในความคิดผม คนที่ไม่เป็น HIV ก็อย่าทำตัวให้เป็น HIV / คนที่เป็นก็อย่าเที่ยวทำให้คนที่ไม่เป็นเข้าติด ทางที่ดีเราต้องป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้ติด
เข้าใจที่อาจารย์หมออธิบายทุกอย่างครับ ที่ไม่เข้าใจคือการที่นายคนหนึ่งบอกว่าตัวเองมีเซ็กส์เป็นพันคนไม่มีใครติดเชื้อ การพิสูจน์เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสำส่อนครับ
แล้วการติดเชื้อข้ามสายพันธ์หล่ะคะ ไม่กลัวเชื้อดื้อยาหรอ???? ยังไงก็ยังไม่เชื่อเรื่อง U=U ยืดอกพกถุงดีที่สุด 🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻
KhunJi Jang ผมว่าควรห่วงโรคอื่นๆที่ไม่ใช่เชื้อhiv เถอะครับ
เชื้อข้ามสายพันธ์ เป็นไปได้ยากมากๆ ส่วน เชื้อดื้อยา มันเกิดได้กรณี ไม่มีวินัยในการกินยาครับ
U=U มันไม่ติด hiv
แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่า
1.ผัวเดียวเมียเดียว
2.มีวินัยในการทานยาครับ
taltal anawin ขอเปเปอร์ที่บอกว่าข้ามสายพันธ์เป็นไปได้ยากมากๆ หน่อยค่ะ เพราะที่เรียนมามันมีโอกาสนะคะ และถ้ามันข้ามสายพันธ์มันก็ดื้อยาได้ไม่ใช่หรอคะ ???
ตลกอ่ะ เรียนมาแต่ไม่เชื่อ u=u 5555555 เราไม่ได้เรียนเรื่องนี้หรอก แต่ขออนุญาตอธิบายให้ฟังนะ
u=u เนี่ย u ตัวแรกคือ Undetectable (ตรวจไม่พบ) ส่วน u ตัวที่สอง Untransmittable (ไม่ส่งต่อเชื้อ) ซึ้งหมายความว่า ทานยาจนตรวจไม่พบเชื้อ = จะไม่สามารถส่งต่อเชื้อให้ใครได้
ทีนี้ไอ้ u ตัวแรก ที่แปลว่าตรวจไม่พบเนี่ย มันต้องกินยาต้านสม่ำเสมอ ตรงเวลาทุกวัน จนมีไวรัสในเลือดน้อยกว่า 40 copies ถึงจะเรียกว่า”ตรวจไม่พบ” เมื่อมีไวรัสน้อย นั่นจึงทำให้เชื้อไม่ถูกส่งต่อ เลยมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางได้นั่นเอง
แต่ถ้าเกิดใครที่ไม่มีวินัยในการกินยาต้าน กินบ้างไม่กินบ้าง จะทำให้เชื้อมันดื้อยาขึ้นมาได้ และพวกที่ดื้อยาเนี่ย ถ้าจับมันไปตรวจเลือด จะพบว่ามีไวรัสในเลือดมากกว่า 200 copies แน่นอน หรืออาจจะเป็นพันเป็นหมื่นตัวเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นถ้าดื้อยาขึ้นมา จะไม่เรียกว่า undetectable แล้ว อย่างที่บอก คนที่ undetectable ต้องมีไวรัสในเลือดน้อยมากๆ
เพราะฉะนั้น u=u เชื่อถือได้จ้า เพราะเชื้อดื้อยาไม่เกี่ยวกับ u=u
it's me เข้าใจค่ะว่ามันไม่แพร่ แต่มันเฉพาะ HIV ป่ะคะ โรคอื่นไม่มองเลย ??? ระวังติดเชื้อหนองในนะคะ สาวกคุณพีท ❤️❤️❤️❤️❤️
it's me คำว่าเชื้อดื้อยานี่สงสัยคุณจะไม่เข้าใจจริงๆนะคะ รบกวนไปเรียน รึไม่ก็หาเปเปอร์มาอ่านก่อนค่ะ 55555
4:49 เริ่มรายการ -*-
พีทบอกตอนนี้ผ่านการมี่เพศสัมพันธ์กับผู้หญิงมาเป็นพันคน อุแม่เจ้า
เธอช่างกล้าเสี่ยงทั้ง
ที่รู้ๆตอนนี้อยู่ดีมีสุขกันหรือปล่าว
เค้าเป็นตุ้ดค่ะ
ไม่เคยได้กับ ผญ. ซักคน
1000 คนเนี่ยชายล้วนครับ
@@MsLookaew นางออกรายการว่า ล่าสุดไปนอนกับ ผญ ด้วย เพื่อจะได้สำรวจให้สมบรูณ์แบบ แต่ผมก้อไม่เชื่อว่านอน กับ ผญ
ขอบคุณ...ความรู้ดีๆๆในการปฎิบัติตนเกี่ยวกับข้อมูล..ทั้งคนเป็น/ไม่เป็น..เพราะเป็นความรู้ในการปฎิบัติตนในสังคม...ทั้งที่เป็น/ไม่เป็น/รู้ตัว/ไม่รู้ตัว..เพราะทุกวันนี้สังคมอยู่กับแบบไหน..เพราะตัวคุณเท่านั้นที่รู้ดี???เคารพทุกฝ่าย/ทุกคน/+_- !!!!????ข้อคิด?
ให้มันกินไปคนเดียวเถอะจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่ไม่ต้องชักจูงคนอื่น ตอนนี้มั่นใจเพราะมันต้องทานยาต้าน แต่คนอื่นเค้าไม่ได้ติดอย่าแนะในสังคม เดียวเด็กๆๆจะเอาไปคิดว่าไม่ต้องใช้ถุงยาง แต่ถ้าใครติดไปแล้ว ก้อรักษาตัวเองเถอะอย่าเสนอแนะให้สังคมสับสน เค้าใช้ถุงน่ะดีอยู่แล้ว
เข้ามาฟังคุณหมอ
ทฤษฎี # ปฏิบัติ
มั่นใจขนาดไหน ว่าจะไม่ติด ไม่แพร่เชื้อ โรคอื่นล่ะ...??? กล้าขนาดไม่ใส่ถุงยางเลย ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะต้องกินยา ตลอดชีวิต
100เปอร์เซนไม่ติดhiv ,แต่อาจติดโรคอื่นแทน
แล้วคนที่ติดจากพีทไป ใน1000คนนั้นอ่ะถ้าเค้าไม่มีความรับผิดชอบเท่าพีชล่ะ
ไม่มีใครติดนะ เพราะพีทกินยาต้านอยู่ มันไม่แพร่เชื้อค่ะ
ใส่ถุง น่าจะโอสุด
มันจะไม่เกิดถ้าไม่มากคู่จนเกินไปแต่ถ้ายังมั่วไม่เลิกก็ช่วยไม่ได้หย่าโทษไครเขาเพราะคุณมัวกันเองหยากมากคู่ก็ต้องป้องกันไม่มีไครหยากเป็นโรคกับคุณหลอก
🤒🤕