ยุค2d ช่วง90-00นี่ดีกว่าเยอะ ลายเส้น การขยับ เนื้อเรื่งคลาสสิคมากๆ มีความดั้งเดิมและเป็นตัวเองสูงอย่าง Treasure planet, Atlantis, Iron giant, Lilo & stitch อยากให้ดิสนี่กลับไปสร้างอะไรแบบนั้นมากกว่าเอาใจตลาดชาวwoke gen z หรือหากินกับการremake live action ไปวันๆ
อยากให้ดิสนีย์มันตื่นซักทีเมื่อไหร่จะรู้ว่าแฟนๆอยากเห็นแคสนักแสดงให้ตรงบท ถ้าอยากได้ความหลากหลายก็ทำตัวละครใหม่ขึ้นมาสิ ไม่ใช่มาเปลี่ยนแปลงภาพจำแล้วมาบอกให้ยอมรับ
เห็นด้วยมากๆ
เห็นด้วยครับ ของเดิมที่มีอยู่เขาก็เป็นในสิ่งที่เขาเป็นอยู่แล้ว ถ้าอยากใส่อะไรใหม่ๆ ทำไมไม่ทำใหม่ไปเลย?
บางทีเอเรียลต้องผิวขาวผมสีแดงภาพจำในตอนเราเด็กที่ดูการ์ตูน❤
เขาเพิ่งเปลี่ยนทีมบริหารไปเร็ว ๆ นี้เองครับ นอกจากโปรเจคที่กำลังจ่อคิวออกต่อจากนี้น่าจะมีอะไรเปลี่ยนบ้าง
นี่คือ เอเรียล อีกยูนิเวิร์สนึง
เหมือน spiderman Mile Morales ก็แล้วกัน😭😭😭
Aladdin สำหรับนี่เป็นอีกเรื่องที่ชอบมาก รู้สึกไม่ติดขัดกับตัวนักแสดงเลย ฉากเอย คอสตูมเอย ลงตัวนะ ที่ชอบที่สุดคือเพลงในเรื่อง
เห็นด้วยยย💯
Cruella ไม่ถือว่าเป็นรีเมคซะทีเดียว แต่เป็นการเล่าเรื่องในชีวิตตอนสาวๆของCruella ครับ แต่อาจจะเรียกว่าเอามาเล่าใหม่ก็ได้
จริงตามที่ว่าเลยครับ และความจริง Cruella ได้ถูกนับในโปรเจกต์ Live action ยุคใหม่ของ Disney ด้วยซ้ำ แต่เราอยากเอามาเล่าเฉยๆ เพราะชอบมากครับ 😁
รัก Beauty and the beast ที่สุด วนดูหลายรอบมากแบบมากกกกกก เพลงเพราะ ตรงปก แต่ก็เสียดาย Mulan ที่สุด องค์ประกอบหลายอย่างมาดีแล้ว สุดท้ายช็อกบทมาก ใส่อะไรมาไม่รู้ กลิ่นอายความ Disney princess หายหมด พอผลงานระยะหลังเป็นแบบนี้ เริ่มไม่อยากให้หยิบ Rapunzel มาทำเลยย
รักมากเจ็บมากครับสำหรับ Mulan เหมือนหลงทาง แล้วไม่รู้จะเอาไง และที่สำคัญคือหลงลืมและทิ้งความเป็น มูหล่าน ไปเสียหมด 🥺
ส่วน เบล กับ เจ้าชายอสูร ก็เป็นหนังที่หยิบมาดูได้เรื่อยๆจริงแหละครับ🥰
จะเห็นว่าดิสนีย์หาจุดขายไม่ถูกมากกว่า ส่วนตัวนะเราอยากเห็นการเล่าเรื่องมุมมองอื่นมากกว่าการปรับเรื่องราวแล้วนำเสนออะไรใหม่ เช่น มาเลฟิเซนท์ 1 ที่เอามุมมองผ่านตัวร้ายแทนเจ้าหญิงเราว่ามันน่าดูมากกว่าการ copy paste อีกและจะเห็นหายนะสุดๆคือ บทพังสุด
ดิสนีย์เหมาะกับคำนี้มาก ก่อนจะพังเคยปังมาก่อน😂
จริงๆตอนนั้นก็ดีนะ... 🤣
ยุค2d ช่วง90-00นี่ดีกว่าเยอะ ลายเส้น การขยับ เนื้อเรื่งคลาสสิคมากๆ มีความดั้งเดิมและเป็นตัวเองสูงอย่าง Treasure planet, Atlantis, Iron giant, Lilo & stitch อยากให้ดิสนี่กลับไปสร้างอะไรแบบนั้นมากกว่าเอาใจตลาดชาวwoke gen z หรือหากินกับการremake live action ไปวันๆ
จริงครับ🤣 เรื่องของความเป็นตัวของตัวเอง คือสิ่งสำคัญมากแต่ Disney Liveaction ยุคหลังกลับหาไม่เจอ
แคสอาจจะเป็นประเด็นรอง ประเด็นหลักคือเสน่ห์ของตัวละครที่ในหายไปค่ะ
แคสตรงปก เสน่ห์ตรงตามเรื่อง = ทำเงิน เช่น ซินเดอเรลล่า Beauty & the Beast อาละดิน Jungle Book
แคสตรงปก เสน่ห์ตัวละครเปลี่ยน นิสัยใจคอเปลี่ยน = โดนด่า ทำเงินไม่ได้ (ขอยกเว้นมาเลฟิเซนนะ อันนี้ไม่ตรงแต่ตีความได้มีเสน่ห์มาก) เช่น มู่หลาน พิน็อคคิโอ้
แคสไม่ตรงปก เสน่ห์ตัวละครเปลี่ยน ยัดเยียดแนวความคิด = ไม่ทำเงิน (ขายได้เฉพาะกลุ่มมาก คนส่วนใหญ่ไม่ซื้อ) เช่น The little Mermaid และคาดว่า Snow White คงได้เอามาใส่ในช่องนี้ 555
ปล. เรื่องครูเอล่าน่าดูแหะ ตัวละครเท่ ชึดคือจึ้งมาก ดีย์
เห็นด้วยเลย... เรื่องแคสอะแต่ก่อนคือไม่ได้เป็นประเด็นใหญ่เลย เพราะถึงไม่ตรงปกแต่ก็ทำให้มันดีได้ กลับกันพักหลังๆมาคือความไม่ตรงปกนั้น มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร
ส่วน Snow White ส่วนตัเราเชียร์นะ ได้นักแสดงคนเก่ง Rachel Zegler ถ้าบทมันไม่ห่วยแบบจริงๆก็คงจะพอไหว รอติดตาม
ปล. Cruella คือ สนุกจริง
สำหรับผม
สาเหตุที่เจ๊ง แยกออกเป็น 2 ส่วนเลย
1. แคสติ้ง
2. บทหนัง
อย่างเรื่องมู่หลาน แคสติ้งดีมากกกกกกกกกก หลิวอี้เฟยนี่คือเหมาะทุกองศา เหมาะทุกกระเบียดนิ้ว
แต่ะงเพราะบทจริงๆ ตอนแรกที่ประกาศว่าจะไม่มีมูชู จิ้งหรีด ผมพอรับได้นะ เพราะตอนเด็กๆ ที่ดูการ์ตูน ก็แอบแปลกๆ กับการที่มังกรจีน ซึ่งทีฐานะเป็นเทพ ลงมาทำตัวแปลกๆ คือโดยรวมมันตลก แต่พอดูตามวัฒนธรรม มันเลยแปลก
ทีแรกเลยคาดหวังว่า ของดิสนีย์ที่จะตีความใหม่ ต้องออกมาแนวหนังจีนกำลังภายใน เน้นฉากต่อสู้ฟาดฟันอะไรแน่ๆ กลายเป็นพอหนังฉายปุ๊บ เป็นหนังโปรโมทเพื่อนหญิงพลังหญิง โดยไม่สนใจเลย ว่าบทมันพังแค่ไหน เห็นด้วยกับแอดเลย ว่าเสียดายทรัพยากรนักแสดงมากๆ
บทหนัง ถ้าคิดจะตีความใหม่มันต้องอิมแพคจริงๆ แบบมาลิฟิเซนต์ไปเลย ต้องละเอียดรอบคอบมากๆ ถึงจะทำออกมาได้ดี อารมณ์เหมือนที่ทำไมโฟรสเซนถึงดัง เพราะมันเป็นการตีความใหม่จากเรื่อง snow queen
ส่วนเรื่องแคสติ้ง ยอมรับว่ายากนะ กับการเอาตัวละครมาแล้วแคสไม่ตรงต้นฉบับ เพราะเด็กทุกคน ล้วนโตมากับการ์ตูนเรื่องเหล่านั้น ก็ย่อมอยากเห็นตัวการ์ตูนของพวกเขา ออกมาโลดแล่นเป็นคนแสดงอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่ใช่ต้องการ woke โดยการยัดใครก็ได้มาแสดงในบทนั้นๆ
มาเลฟิเซนต์ 2 คือยัยออโรร่าคันกีมาก อยากได้ผู้เวอร์ ภาค 3 ขอบทดีๆหน่อยนะดิสนีย์ คาดหวังนะคะ
คือเค้าเป็นมืออาชีพในเรื่องราวแนวเทพนิยายอยู่แล้ว เค้าน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าการจะทำให้หนังสนุกต้องทำยังไง แต่บางทีหลังๆอาจจะหลุดโฟกัสไปหน่อย ต้องปรับโฟกัสซะใหม่ การทีมีจุดโฟกัสที่มากเกินไปบางครั้งก็ไม่เป็นผลดี ถ้าไม่เป๊ะจริงๆคือยับหมาแน่นอน ต้องเรียงลำดับความสำคัญซะใหม่ อันไหนควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกและอันไหนควรรองๆลงมา
เฮดหลักของแต่ละโปรเจกต์ไม่สามารถคุมทั้งหมดได้จริงๆ พอหลากหลายความคิดก็หลากหลายโฟกัสจริงๆแหละครับ
อย่างว่าแหละครับ ความฝีมือของดิสนีย์แกทำได้ แค่ทางค่ายเขาไม่เลือกทำเฉย ๆ
มันจะมีอยู่2เรื่อง ที่ผมผิดหวังชัดเจน
1. Little mermaid // ความประทับใจเเรกพบ (Frist impression) ไม่ดีเลย อารมณ์เเบบผมชอบเเบบเดิม แต่พอเจอเเบบนี้คือไม่ชอบผิดหวัง เหมือนโดนอกหักไรงี้
2. ปีเตอร์เเพน (เป็นการ์ตูนที่ผมรักที่สุด ชนิดจำบทพูดได้หมดทั้งเรื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ) บอกเลยว่าชืดมากกว่า Hook (ปีเตอร์เเพนโตเป็นผู้ใหญ่) ซะอีก แต่ที่สงสารคือ คนที่รับบท กัปตันฮุค คือเเสดงดีจริงๆ น่าจะอยู่หนังอีกเรื่อง แต่เวอร์ชั่น ปี2003 อันนี้ผมรักเลย
ปล. เเม่ผมผิดหวังใน ทิงเกอร์เบลมาก เพราะแม่ชอบมากชนิดที่อะไรๆก็ทิงเกอร์เบล เเต่มาเจอเวอร์ชั่นล่าสุดคือ สายหัวเลยทีเดียว
Mulan ถ้าสร้างจาก ฉบับ แล้วแก้วัฒนนธรรมที่มีปัญหาอาจจะขายได้มากกว่านี้ เปลี่ยนบทเพื่อ Woke ซะจนเละเทะ เป็น Super hero Mulan ทำให้คนส่วนหนึ่ง ไม่เลือกที่จะดูหนังกลุ่มเจ้าหญิงนี้อีก รอดูกระแสล้วนๆแล้วค่อยดู
จับตรงไหนก็มีแต่จุดผิดพลาด Mulan อะ😵
ไม่มีร้องเพลงด้วยแหละ หนังมันดูเป็นเส้นตรง น่าเบื่อ เพลงดีๆมีก็ไม่ใช้
พูดจากใจเลยเห็น Mermaid version 2023 กลัวนะ พูดจริงๆ คิดได้นะ disney
The Little Mermaid ดูไม่สนุกเพราะใช้เนื้อเรื่องเดิม ทำให้เออร์ซูล่ามันดูเป็นตัวร้ายแบบไม่มีมิติอ่ะ บทก็น้อย ถ้าเล่าผ่านมุมมองของเออร์ซูล่าแบบเรื่อง Maleficent แล้วใช้ชื่อเรื่องว่า Ursula ไปเลยจะดีมาก ๆ ถึงแอเรียลจะไม่ตรงต้นฉบับก็ไม่ขัดใจเพราะเป็นเรื่องของเออร์ซูล่า
เรื่องอื่นผมยังโอเคนะครับ แต่เรื่องเงือกน้อยผจญภัย..นักแสดง แคสไม่ตรง ผิดหวังนะ แต่พอทำใจได้...แต่พอไปดูภาพรวมมันไม่ได้จริงๆเมื่อเทียบ live action เรื่องที่ผ่านมา ....ฉากที่ไม่มีความเป็นเทพนิยาย ไม่ออกแบบใหม่เช่นวังเจ้าชายอิริค ภาพในการ์ตูนวังเจ้าชาย ที่ดูอบอุ่นชวนฝัน แต่ในหนังกลับใช้โลเคชั่นที่มีอยู่แล้ว แทนที่จะออกแบบเพิ่ม ทำให้ปราสาทเจ้าชายดูทะมึน มืดหม่น, ชุดเงือกเอเรียลตอนเป็นมนุษย์ ใส่ชุดเดียวทั้งเรื่อง, ฉากจบที่รวบรัดแบบแย่ๆ อย่างให้อภัยไม่ได้, ตัดบทเจ้าชายให้อ่อนแอ ตอนท้าย ต้องให้เงือกมาช่วย ตรงนี้รับไม่ได้สุดๆ, ใครดราม่า ฮัลลี่ ผมไม่ซีเรียสนะ ทำใจรับได้ในระดับนึง.. แต่ภาพรวมมันไม่ไหว ลองเอาต้นฉบับมาดู และดู live action เรื่องที่ผ่านมา จะรู้ว่าทำไมผมถึงไม่โอเคกับเรื่องเงือกน้อย....สรุป แย่ที่สุดเท่าที่เคยดู live action มาครับ
เห็นด้วยครับ.. Halle Bailey ไม่ใช่พอยท์หลักที่เราบ่นถึงหนังกันอยู่ทุกวันนี้ แต่ที่ต้องด่าอยู่เนี่ยเพราะหนังมันไม่สนุก องค์ประกอบไปด้วยกันไม่ได้ ตลอดทั้งเรื่องคือน่าเบื่อ ผมว่าต่อให้เป็นนางเงือกผมแดงตรงปก แต่ถ้าหนังเป็นแบบนี้ก็คือห่วยอยู่ดี
อยากเห็นเจ้าชายกบ (The Frog Prince) เวอร์ชั่นคนแสดง
เช่นกันครับ ผมก็สงสัยนะว่าทำไมไม่ทำสักที เพราะถ้าดิสนีย์จะมาเวย์นี้ เรื่องราวที่ควรเอามาทำที่สุดคือ เจ้าชายกบ ปะ🫢
เดี๋ยวได้เจอเทียน่าเป็นLGBTQ+ผิวขาวจินเจอร์ได้เลอ มาทางเวย์ Woke สะขนาดนี้ละ เราสาปไปก็เท่านั้น ดีสกีหาได้แคร์ไม่ 🤣😂🤣
@@rainbowskychannel9003 ไม่นะเรื่องโปรด5555555555
@@rainbowskychannel9003 ไม่หรอก เดี๋ยวบรรดาสาวผิวสีในเมกาจะมาฉีกอกโวยวายในทวิตกัน สาว ๆ ผมแดงชนส่วนน้อยก็ต้อง speechless กันไป
เจ้าชายกบที่เราพูดถึง คือ
-ต้นฉบับจากนิทานกริมม์ (เอากบฟาดผนังห้อง)
-เวอร์ชั่นนิทานแบบใสๆที่คุ้นเคยกัน (จูบกบ)
ส่วนเจ้าชายนาวีนกับเทียน่า เราไม่ได้ดูค่ะ
Malificent คือ ดีมากๆ
ใครบ้างจะไม่รัก ออโรร่าและคุณแม่ปีศาจของเธอ🥰
หลังจบอลาดดินเป็นต้นมา ผมก็ไม่ได้ตามหนังดิสนี่ย์อีกเลย พอมาเช็คๆ โอโห จะบ้าตาย ดิสนี่ย์ ทำอะไรเนี่ย.
ดูหน่อย..จะได้บ่นได้เต็มปาก😆
เราดูงานดิสนีย์หลายเรื่องอยู่ แม่ชอบด้วยเลยมีวีดีโอให้ดูตอนเด็กๆเยอะอยู่ ตอนที่เค้าทำ Live Action แรกๆ ทางนี้ไม่ได้ให้ความสนใจเลยนะ มาดูจริงๆคือดูอาลาดินในดิสนีย์พลัส สนุกมาก สนุกกว่าที่คิดอลังการดี ชอบที่เค้าแกะมาจากการ์ตูนเกือบทั้งหมด และด้วยอาละดินเป็นเด็กผู้ชายที่โลดโพนโจนทะยาน ฉากหนีทหารในตลาดนี่เอาใจเราไปเลยชอบมาก รวมถึงอาบู พี่พรม จินนี่ ส่วนประกอบมันดี เขียนบทโอเค น้องมีนาที่เล่นเป็นอาละดินคือเหมือนยันรอยยิ้ม ความฮาจินนี่ที่ปนบุคลิกของวิลล์ สมิธลงไป มันไม่ขัดตา เพราะเดิมทีอนิเมชั่นเค้ามีฉากล้อดาราตลกของเอมริกาอยู่แล้ว
มา The Little Mermaid เราเห็นแคสแล้วเดิมทีไม่ชอบ แล้วก็โดนคนเอารีแอคเด็กผิวดำให้ดู เราก็โอเคไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่เสียดายที่แอเรียลไม่ใช่อะไรที่เรารู้จักอีกแล้ว จนหนังมันฉายมันก็มีกระแสหลายอย่าง นักแสดงให้สัมภาษณ์ว่า ‘คนไม่ดูคือคนไม่เปิดใจ ‘
ผู้กำกับ ร็อบ มาแชลล์ที่เรารู้จักตั้งแต่ชิคาโก้ ให้สัมภาษณ์ว่า ‘เราต้องทำเหมือนมันไม่เคยมีอนิเมชั่นมาก่อน’ ทางนี้ขมวดคิ้วเลยนะ
การที่ดิสนีย์อนุมัติการทำหนังเรื่องนี้ เหมือนต้องการย้อมสีผลงานที่เคยทำให้ดิสนีย์ผ่านช่วงวิกฤตของบริษัทมาก่อน เราเสียใจมากนะที่มันออกมาแบบนี้ และนั่นแหละ เราไม่ไปดู เพราะเค้าไม่ได้ต้องการจะขายแฟนดิสนีย์ที่อยู่ในวัยมีกำลังซื้อ ไม่สนใจความต้องการของแฟนคลับ
เราเคยโดนว่าด้วยว่าไม่พอใจก็กลับไปดูการ์ตูนสิ และใช่ค่ะ เราดูการ์ตูนวนไป เพราะสมัครดิสนีย์พลัสไว้ ซึ่งมันถูกกว่าไปดูในโรงหนัง แต่ต่อให้หนังมันเข้าดิสนีย์พลัส มันก็ไม่ใช่การดูเพื่อความบันเทิงแล้วอะ ดูเพื่อจับผิดล้วนๆ
ขอบคุณช่องนี้ที่ทำคลิปนี้นะคะ เราเพิ่งรู้ว่า 101ดัลเมเชี่ยน มันเก่ามาก เรายังไม่เกิดเลย 🤣🤣
จริงมากๆ.. Aladin เป็นหนังที่มีเสน่ห์ในตัวจากรวมกันของหลายองค์ประกอบ ทำให้มันดูมีความเป็นหนัง Live action จริงๆ ไม่ใช่แค่การเอาการ์มาให้คนแสดงตามบท
แต่กับ The Little Mermed นี่ตรงข้ามกันเลย คือ เอาจริง แอเรียล จะเป็นแบบไหนเราไม่ได้ติดขัดหรอก แต่ประเด็นคือ หนังมันไม่สนุกอะ แล้วก็อย่างว่า เวลาให้สัมภาษณ์ก็มั่นกันเหลือเกินแต่ละคน เราไม่ชอบเพราะหนังไม่สนุกแต่กลับโดนว่าเราไม่เปิดกว้างเอง What!!!!
ส่วนในพื้นที่ของแพล็ตฟอร์สตรีมมิ่ง ก็อย่างว่าแหละ เข้าถึงคนได้มากกว่า ความเห็นก็จะยิ่งมากตามเช่นกัน เวลามีหนังห่วยจากจะโดนด่าในวงแคบๆ ก็กลายเป็นว่าจะถูกสับเละ ภายในไม่กี่เดือนหลังฉายโรง..
แต่แหม่..101 Dalmatians พอดีเราทันแต่เวอร์ชั่น Cruella อะ อุ้บบส์🤭
ทำดีก็ทำได้แต่แค่ไม่ยอมทำแล้วก็หาเหตุผลร้อยแปดมายัดเยียดให้เป็นเหตุผลแล้วสุดท้ายพอไปดูจริงๆก็ผิดหวังแบบสุดๆ
อย่างว่าแหละครับ... เราอย่าปล่อยให้ค่ายหนังมันมา " ตีตราคนไม่ซื้อ "
แอบเสียดายพินอคคิโอที่ทำออกมาแบบไม่พัฒนาปมปัญหาเลย ซึ่งถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นของกิลเลอโม เดล โทโรแล้ว พินอคคิโอของดิสนี่ย์คือจืดไปเลย
Meleficent 2 ไม่ได้แย่นะ แต่คิดว่ามาผิดเวลาไปหน่อย ช่วงนั้นดิสนีย์คิดว่า หนังกำลังทำเงินเลยยัดไลฟ์แอคชั่นในปีนั้นไปตั้ง 4 เรื่อง แล้วแม่มาลีเป็นเรื่องที่ 4 คนส่วนใหญ่ก็มองว่ามันเยอะไป และเลี่ยนกับแนวนี้ บวกกับตอนฉายก็ชนกับกระแสโจ๊คเกอร์ที่กำลังมาแรงพอดี เลยโดนกลบ ปิดจบรายได้ที่ $492 ล้าน ถือว่าก็ไปต่อได้ ถ้าวิเคราะห์ตัวกนังจริงๆ ถ้าฉายสักช่วง 2018 หรือ 2021 หนังมีศักยภาพทำเงินถึง $600 - $700 ล้าน ได้สบายๆ
ตามนั้นฮะ..
ทำไมดีสนี่ย์ถึงไม่ทำPocahontasเป็นไลฟ์แอคชั่นสักทีครับ...น่าสนใจนะ...เรื่องที่ดังน้อยกว่ายุคเดียวกันอย่างHunchbackกับHerculesกลับได้ดำเนินงานสร้างก่อน...
ช่วงเอา Villians มาเป็นตัวเอก เราว่าดีทุกอัน
คือเหมือนเป็น spin off ไม่ใช่รีเมค
แต่ก่อนสร้างตรงปกก็ปังดีอยู่แล้ว มันเพิ่งจะมาพังก็ตอนที่เริ่มสร้างไม่ตรงปกเนี่ยแหละ
เป็นส่วนหนึ่งครับ..
มันมีอะไรที่ดูแล้วคิดว่าเป็นเงือกน้อยบ้างครับ ถ้าชื่อเรื่อง The black mermaid น่าจะเหมาะกว่า
มู่หลานนี่บทเ ี้ยสุดละเชื่อว่าเด็กประถมยังเขียนบทได้ดีกว่านี้
แม่งไม่มีมิติไม่มีเรื่องราวอะไรเลย เส้นเรื่อง ฝึกวิชา-ไปสู้-ชนะ โครตเหลือเชื่อ55555
ภาคคนแสดง อาลาดินดีสุด
สนุกดีครับ
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับที่เขาเอามาทำเป็น life action คือเรื่อง Mary Poppins แต่ว่าอย่าไปหาดูเลยนะครับ หนังมันแบบต้องใช้คำว่า อิหยังวะ มากๆ คือผมไม่เคยดูฉบับการ์ตูนมาก่อนนะครับ แต่มาดูแบบคนเเสดงเลย หนังยาวประมาณ2ชั่วโมง ทุกอย่างในหนังดูตื่นเต้น มีเพลง เยอะ เยอะจนฟังจนเบื่ออะ เอาเป็นว่าอย่าไปหาดูเลยครับ หนังมันแบบเยอะเกินไปอะ มันเวอร์เกิน หาที่มาที่ไปของหนังไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะหลายๆตัวละคน เช่น แมรี่ป๊อบปิ้น ชายจุดตะเกียงไฟอะไรสักอย่าง คือหนังทั้งเรื่องมันต้องการหาแค่กระดาษที่ปู่เคยลงทุนหุ้นธนาคารไว้ เพื่อเอามาจ่ายหนี้ สรุปตอนสุดท้ายกูรู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นมันโผล่มาให้เราเห็นตั้งแต่เเรกแล้ว แล้วงงมากที่ว่าหากันทั้งบ้่นไม่เจอ เพราะว่าลูกของพระเอก ดันเอากระดาษชิ้นนั้นไปซ่อมว่าว ตลอดทั้งเรื่องมันมีความแปลกแบบมากๆ แมรี่ป๊อบปิ้นคือตัวแบก ทำแทบจะทุกอย่าง ทั้งๆที่ นางมาจากไหนยังไงใครไม่รู้ ไม่มีใครเล่าถึงนางเลยว่านางใช้เวทมนตร์หรือเปล่าหรือนางเป็นใครมาจากไหน แล้วนางมีหน้าที่แค่ดูแลเด็กๆ ที่ขาดการดูแลจากพ่อแม่ ตลอดทั้งเรื่องนี้ฉันคาดหวังว่าจะมีอะไรพีคๆ สรุป ไม่มีเลย มีแต่ร้องเพลงกันทั้งเรื่อง ผ่านไป10นาที อ่าวร้องเพลงละ อีก5นาทีต่อมา อ่าวมึงร้องเพลงอีกละ แล้วแต่ละเพลงก็ไม่ได้น่าจดจำขนาดนั้น มันเหมือนกับเพลงที่แต่งส่งๆ ให้เนื่อเรื่องมันดูมีอะไรมาก็ขึ้น ทั้งที่ เนื้อหาในเพลง ก็คือ เอามาทำเป็นบทพูดเฉยๆก็ยังได้ มันไม่เหมือนเพลงแบบ น่าจดจำขนาดนั้นอะ มันก็แค่แบบ เออ มึงพูดเอาก็ได้มึงจะร้องเพลงทำไมนักหนา ร้องเพลงทั้งเรื่อง ไม่ทำอะไรเลย พูดได้คำเดียวให้หนังเรื่องนี้คือ ‘‘อิหยังวะ''😅
ถ้าจำไม่ผิดเหมือนlittle mermaid ver.นี้เข้าโรงในไทยพร้อมชิน คาเมนไรเดอร์รึเปล่าครับเพราะช่วงนั้นในfeedผมมีเเต่ชินคาเมนไรเดอร์หมดเลยเเถมมีเพื่อนผมบางคนที่ชอบดิสนี่กับโทคุนะเค้ายังบอกเลยว่ายอมดูชิน3รอบดีว่าถ้าดูlmmรอบเดียวเห็นละขัดใจไปในบางที
อลาดินชุดสวยมากๆ เพลงเพราะ อลังการขบวนพาเรด
พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามี Lady and the tramp แล้ว
กระแสที่บ้านเราเงียบมากๆ
สำหรับผมหนัง Disney จะดีได้ต้องมีอย่างใดอย่างนึง เส้นเรื่องแข็งแรง หรือ ตัวละครแข็งแรง
บางเรื่องเป็นนิทานยุคเก่า เนื้อเรื่องง่ายๆ ตัวละครง่ายๆ ต้องดัดไปเล่าผ่านตัวที่มีมิติกว่า อย่าง Maleficent หรือ Cuella
ถ้าเล่าผ่าน Aurora หรือ หมานี่จบเห่แน่ๆ ตัวละครฝั่งดีมันไม่มีมิติให้เล่า หลายเรื่องที่ทื่อๆเลยก็ยับๆไป
อย่างที่ทำเงินมี 2 อย่างนี้ และได้เปรียบยิ่งขึ้นไปอีกเพราะมันมีเพลง มันเป็นสิ่งที่แข็งแรงลำดับต้นๆของ Disney เลย
Beauty นี่ Emma แบกทั้งเรื่องตีความพัฒนาตัวละครขึ้นไปอีก
แตกต่างจาก Little mermaid ที่จริงๆแล้วเส้นเรื่องมันไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น แล้วผมรู้สึกว่าการตีความ Ariel มัน contrast กับภาพจำ
แล้วโน้มให้เราอินกับตัวละครตามไม่ได้ จนถึงช่วงร้องเพลงเลยไม่ได้อินอะไรกับมันเลย
ที่แย่ที่สุดคือ Mulan ที่โยนสิ่งดีๆทั้งหมดที่ตัวเองมีลงชักโครก พร้อมกับหนังตัวเอง
เห็นด้วยครับ.. 💯 เรื่องราวหรือการลำดับภาพในแบบการ์ตูนเดิม มันเป็นสิ่งที่ออกแบบมาเพื่อการ์ตูน และแน่นอนการกลับเอามาทำเป็นหนัง ถ้าหากขี้เกียจตีความใหม่ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือหาจุดลงล็อกและใส่ความเป็นหนังให้เรื่องราวหรือตัวละครนั้นให้มากที่สุด ซึ่ง Cinderrella (2015) , Beauty and the Beast (2017) หรือ Aladin (2019) ทำแบบนั้นได้ แต่กลับกันหนังหลังจากนั้นส่วนใหญ่ทำไม่ได้(หรือไม่ทำเองก็ไม่รู้) ทำให้วิธีการดำเนินเรื่องตามแบบเดิมมันจึงดูเชยและตกยุคเอามากๆ เพราะประเด็นที่ร่วมสมัยมันจะให้ไปเนียบเนียน100%กับนิทานก่อนนอนยุคอนาล็อคก็คงไม่ไหว..
ส่วนเรื่องที่ตีความใหม่อย่าง Maleficent หรือ Cruella เอง ผมมองว่า ในเมื่อผู้สร้างมีความตั้งใจจริง เห็นอะไรบางอย่างและมีเรื่องที่จะเล่า ผลงานจึงออกมาดี แต่กับ Mulan ผมว่าเขาก็อยากจะตีความใหม่เหมือนกันแหละ แต่ปัญคือ ไม่รู้จะเล่าอะไร ที่สำคัญคือไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลยในตัวละคร มู่หลาน ผลงานจึงออกมาอย่างที่เห็น..🤔
Mulan เข้าฉายทางดิสนีย์พลัสเป็นหลัก โดยได้รายได้จาก premiere access ในทุกประเทศที่มีดิสนีย์พลัส และประเทศเหล่านั้น ส่วนใหญ่คือตลาดหลักของดิสนีย์อยู่แล้ว เช่น อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น และอีกหลายๆ ประเทศในยุโรป นั่นหมายถึงว่า ประเทศเหล่านี้ "ไม่มีการฉายโรง" การที่บอกว่า มู่หลานเจ๊ง จึงไม่ค่อยเป็นธรรม และไม่ตรงความจริงสักเท่าไร เพราะประเทศที่ได้ฉาย หากดูเทียบกับเรื่องอื่นๆ ในเจ้าหญิงดิสนีย์ด้วยกันแล้ว ไม่ได้ต่างกันมากเลย แม้ว่าจะเปิดโรงได้ไม่ 100% ดูง่ายๆ อย่างบ้านเราตอนนั้น โรงก็จำกัดที่นั่ง ต้องมีระยะห่าง มีเว้นที่ แต่มู่หลานก็ทำเงินได้ไม่ด้อยเลย จีนเองที่ว่าแป้กๆ เปิดตัวสูงกว่าอะลาดินนะ แล้วรวมรายได้ตลอดการฉาย ก็ไม่ได้ทิ้งห่างเรื่องอื่นๆ ของเจ้าหญิงดิสนีย์ด้วยกันเยอะเลย ทั้งที่เปิดโรงได้เพียง 30-40% เท่านั้น ลองคิดดูละกันว่าถ้าเปิดได้เต็มที่ ในภาวะปกติ จะได้มากแค่ไหน การที่เอาตัวเลขจากโรงภาพยนตร์ที่เปิดได้แค่กะปริดกะปรอย และไม่มีฉายในตลาดหลักๆ ของดิสนีย์เลย มันออกจะเป็นการสรุปโดยข้อมูลที่ไม่รอบด้านไปสักหน่อย อันนี้พูดในแง่รายได้เท่านั้นนะคะ ไม่เกี่ยวกับความชอบหรือไม่ชอบในตัวหนัง
ขอบคุณสำหรับความเห็นและข้อมูล
จริงตามนั้นครับ.. เพราะหากนับรวมรายได้จากทุกช่องทาง (ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ Disney+ ที่ฉายทั่วโลกได้มากกว่าโรงหนังอยู่แล้ว ) Mulan ก็ทำรายได้ทะลุหลัก 250 ล้านเหรียญ และก็จริงอีกนั่นแหละครับว่าถ้าเทียบกับ กับหนังที่ฉายในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน Mulan ก็ทำเงินได้ไม่เลวเลย (ได้เยอะกว่า TENET หนังของโนแลนอีก) และก็จริงครับที่เราให้ข้อมูลไม่รอบด้าน เพราะตัวเลข 70 ล้านเหรียญ ที่เราเอามานำเสนอ ก็เป็นตัวเลขจากเว็บไซต์ Box office Mojo ที่นับการฉายโรงเพียงอย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับสตรีมมิ่ง
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า เวลาเราพูด เรื่องเจ๊ง ไม่เจ๊ง มันไม่ได้อยู่แค่ที่ตัวเลขรายได้เพียงอย่างเดียว "ทุนสร้าง"ก็เป็นตัวเลขที่ต้องนำมาคำนวณด้วย ซึ่ง Mulan เงินลงทุนเฉพาะขั้นตอนโปรดักชั่นก็ 200 ล้านเหรียญแล้ว ไม่รวมที่ต้องลงทุนโปรโมทกันอีกยกใหญ่กว่าจะได้ปล่อยฉายโรงและลงสตรีมิ่งกันจริงๆ
เรายอมรับครับว่าในคลิปนี้เราพูดในกรอบแคบๆเพียงว่าหนังเจ๊งหรือไม่เจ๊ง เท่านั้น ไม่ได้ไปเจาะลึกหรือหาเหตุผลอื่นมาเสริม แต่ด้วยตัวเลขทั้งหมดที่ว่ามา ผมว่าทางดิสนีย์เองก็คงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่หรอกกับรายได้ประมาณนี้ ไม่ว่าตัวหนังจะดีหรือไม่ดี แต่หนังไม่มีกำไรแถมบางทีอาจจะเข้าเนื้อค่ายเองด้วย ซึ่งมันก็หมายความว่า เจ๊ง อยู่ดีครับ มันคือความจริง จะเป็นธรรมกับหนังหรือเปล่าผมก็ตอบไม่ได้หรอกครับ บอกได้แต่เพียงว่าเจ๊งก็คือเจ๊ง ครับ
@@justforfilms5675 ที่คิดว่าไม่เป็นธรรม เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างกันค่ะ เรื่องอื่นๆ ได้ฉายเต็มที่ ในสถานการณ์ปกติ คนออกจากบ้านกัน ไม่เหมือนช่วงโควิด ที่แม้บางประเทศจะเปิดโรงแล้ว ก็ยังเปิดได้แค่ไม่ถึงครึ่ง ยังไม่นับคนที่ไม่กล้าออกไปดูในโรงอีก และตัวเลขของดิสนีย์พลัส ไม่เคยเปิดเผยออกมาจริงๆ ค่ะ จึงตอบไม่ได้ว่ารวมแล้วเจ๊งหรือไม่เจ๊ง แต่ถ้ามานับแค่รายได้จากโรงแล้วบอกเจ๊ง คือไม่เป็นธรรมแน่นอนค่ะ
ธุรกิจสตรีมมิ่ง วิธีเก็บและคำนวณรายได้ก็คนละบริบทกับฉายโรงแน่นอน แต่สตรีมมิ่งคนดูเยอะ ไม่เท่ากับ รายได้จะดี
และตัวเลข 250 โดยประมาณ ที่เราเขียนข้างบน ก็คือรายได้ที่ถูกเปิดเผยออกมา ว่า ช่วงเวลาการมาถึงของ Mulan แพล็ตฟอร์มอย่าง Disney+ มีคนสมัครใหม่ (เพื่อดู Mulan) กว่า 10 ล้านบัญชี รวมไปถึงมีการจ่ายเงินซื้อโดยตรงเพื่อรับชมในช่องทางอื่นๆนอกเหนือจากโรงภาพยนต์กว่า 8 ล้านครั้ง รายได้ส่วนนี้เข้าดิสนีย์โดยตรงไม่โดนหักเหมือนฉายโรง
แต่บวกไปบวกมา รายได้ทั้งหมด ก็ยังไม่ผ่านหลัก 500 ล้านอยู่ดี และเราก็มองว่าแม้อาจจะยังมีรายได้ที่ไม่ถูกเปิดเผย มันก็ไม่น่าเยอะไปกว่านี้ ซึ่งจุดคุ้มทุนของหนังที่ลงเงินระดับนี้มันไม่น่าจะน้อยกว่า 700 - 800 ล้าน ด้วยข้อมูลเหล่านี้เราจึงกล้าพูดออกไปและยืนยันว่ามัน เจ๊ง ครับ หลังจากนั้น ความคิดเห็นของคุณผู้ฟังจะเป็นอย่างไรก็ล้วนแล้วแต่วิจารณญาณได้เลยครับผม🫡
@@justforfilms5675 ตัวเลขจาก Disney+ ที่คุณอ้างอิง คือนับเฉพาะในอเมริกาเท่านั้นค่ะ เทียบเท่ากับการนับรายได้หนังเฉพาะ Domestic ของเว็บ mojo นั่นเอง ซึ่งเจ้าหญิงดิสนีย์ไลฟ์แอคชั่นเรื่องอื่นๆ ก็มีรายได้ domestic อยู่ที่ 100++ ถึง 500++ ไม่เกินนี้ (และเป็นตัวเลขที่ยังไม่หารรายได้กับโรงหนังด้วย) แต่ 260+ ของมู่หลาน คือไม่ต้องหารกับโรง ฉะนั้นวัดด้วยตัวเลขนี้จึงเทียบได้กับอเมริกาส่วนเดียวเท่านั้น และดิสนีย์พลัสไม่ได้เปิดเผยรายได้รวมจากทุกประเทศที่มีสตรีมมิ่ง ประเทศตลาดหลักๆ ของหนังเจ้าหญิงที่ไม่มีโอกาสได้ฉายโรงเช่นเดียวกัน การที่บอกว่า "ไม่น่าเยอะไปกว่านี้" ก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น เราจึงถือว่าสรุปไม่ได้ชัดเจน และไม่เป็นธรรมค่ะ ในเมื่อปัจจัยที่ชัดเจนว่ามู่หลานเสียเปรียบเรื่องอื่นๆ คือโควิดไม่สามารถฉายในโรงได้เทียบเท่าเรื่องอื่น แต่กลับเอาแค่ตัวเลข 70 ล้านมาพูด เหมือนกับว่าฉายเทียบเท่าเรื่องอื่น แต่ได้แค่นี้ ถ้าไม่มีตัวเลข total ที่แท้จริงยืนยันได้ชัดเจน แต่ยังกล้ายืนยันว่าเจ๊ง ด้วยคำที่ว่า ไม่น่าจะเยอะกว่านี้ ก็แล้วแต่วิจารณญาณเช่นกันค่ะ
@@justforfilms5675สนุกดีนะครับ ว่ามะ🤭
ตัดต่อคลิปได้น่าดูมากครับ เป็นกำลังใจให้นะ❤
นี่คิดว่านะ ดิสนีย์ไม่ได้พลาดเสียทีเดียว ทีมงานเขาตั้งใจให้มันออกมาแบบนี้เองจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการอ้างอิงจากสถานที่ที่ทีมงานลงพื้นที่สำรวจ เขาเจออะไรมาก็เอามาใส่ในหนัง คือต้นฉบับลุงดิสนีย์เขาอยากจะวาดคิดอยากจะออกแบบยังไงก็ได้ตามจินตนาการของเขาเอง ต่างกันตั้งแต่เริ่มเลย อีกอย่างนึงคือความต้องการจะ empowering กลุ่มชนต่างๆผ่านสื่อในหลายช่องทางให้คนกลุ่มนี้ที่มีผลต่อเศรษฐกิจของเมกามากๆอย่างตลาดแรงงาน ช่วงนี้คนดำ/คนลาติน/แขก ค่อนข้างจะมีผลมากทีเดียว ไม่ใช่แค่ดิสนีย์ที่จำใจต้องทำๆไป สื่ออื่นก็เป็นแต่มันมีความแนบเนียนกว่า
เราเข้าใจนะว่า.. สื่อแขนงต่างๆในยุคนี้การที่จะต้อง empowering กลุ่มคนต่างๆมันเป็นสิ่งที่ควรมี หนังดิสนีย์ต้องทำซึ่งไม่แปลก แต่ point หลักที่เราพยายามจะบอกคือ หนังมันไม่สนุก บางเรื่องที่ว่าแย่ๆมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการ empower เลยด้วยซ้ำ แต่มันก็คือหนังที่จัดได้ว่ามันแย่ ซึ่งเวลามีคนวิจารณ์หนังดิสนีย์แบบที่เขาวิจารณ์หนังห่วยทั่วๆไป ผู้ที่พูดกลับถูกเหมารวมว่าด่าหนังเพราะ ไม่เห็นด้วยกับการ empower ในหนัง
@@justforfilms5675 เข้าใจความรู้สึกเลย แต่เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ เหมือนสื่อต่างๆค่อนข้างจะพากันทำ ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับการควบคุมของภาครัฐด้วยมั๊ย ฟีล กสxชบ้านเราไรงี้
ชอบ เรื่องมาลิฟิเซนท์ สุดละ
สนุกดีครับ
💙Little Mermaid ดูไป 3 รอบบ
บรรยายใด้ดีครับ จอให้ยอดซับเยอะๆ เร็วๆ นะครับ
น่าจะถึงยุคมืดdisneyแล้วละ หลังโควิทมาเจ๊งแทบทุกเรื่องเลย
ถ้าหนังในอนาคตข้างหน้ายังเจ๊งแบบนี้อยู่ เตรียมโบมือลาเลย
น่าจะดีขึ้นอยู่...
@@justforfilms5675ไม่น่าจะดีขึ้นนะคะ สโนไวท์กำลังรอฉายอยู่..แต่ไม่มีความสโนและไวท์เลย😅
มู่หลาน ถึงเรื่องมันจะห่วยแต่มันก็ยังดูออกว่าตัวละเอกตัวนี้ คือ มู่หลาน จริงๆ แต่แอเรียลมันไม่ใช่อะ แวปแรกที่เห็นตัวอย่างในหัวคือแบบ หนังเรื่องไรวะ งี้ ถึงใต้คลิปจะเขียนชื่อว่า the little mermaid แต่ตัวเอกมันไม่ใช่อะ 😅
อยากเห็นมู่หลานผิวสีอ่ะ
น่าจะไม่ได้ของค่ายดิสนีย์
จำได้ว่า มีเรื่อง เจ้าหญิงสโนไวท์ด้วย 2 แบบ (ไม่ได้ดู)
หมู่หลาน ซี่รีย์ สนุกนะ
สโนวไวน์ ที่กำลังจะฉายปีหน้า ยังน่าสนใจอยู่ครับ นำแสดง โดย Rachel Zegler แม้จะไม่ตรงปก 100% แต่เธอคนนี้เก่งครับ ส่วนเวอร์ชั่นที่ทำมาแล้วนั้น น่าจะหมายถึง สโนวไวน์กับพรานป่า ซึ่งตามนั้นฮะ.... มี 2 ภาคแต่ไม่มีอะไรน่าจดจำ
เกลียดความไม่ตรงปกแบบล่าสุด (ถ้ากุเป็นเจ้าชายนะ ไม่เลือกแอเรียล เลือกวาเนสซ่าดีกว่า)
อุ้ยย..เบาๆได้เบาครับ🤭
รัก Alladin ❤❤❤❤❤❤❤
ส่วนตัวคิดว่าแอเรีลควรเลีอกให้เหมือนต้นฉบับการ์ตูนอ่ะ ไม่ใช่นางเอกไม่สวยนะแต่มันไม่ได้จริงๆ
ผมมองว่าแอเรียลจะเป็นคนนี้ก็ได้นะครับ แต่ก็ต้องหาวิธีเล่าเรื่องใหม่มาใช้ แต่นี่คือแบบเล่าแบบเดิมแต่อยากใส่สิ่งใหม่ที่ต่าง..มันเลยดูไปกันไม่ได้🤨
อาลาดินจัสมินสวยเพอเฟค
Mulan นี่กูเจ็บมาก
ใครคาดหวังไว้มาก ก็แหกโค้งไปตามๆกันครับสำหรับ Mulan เราเองก็เป็นคนกลุ่มนั้น🫣
ถ้าตรงปก อาทิตย์แรกคืนทุนแล้ว แอเรียลช้านนนน
หืมมม..มันก็หลายอย่างอยู่ Mermed เราอะ🧐 😁
มู่หลานเป็นอะไรที่ผิดหวังมาก ไม่ได้หวังหรอกว่าต้องตรงตามต้นฉบับ เพียงแต่การตีความใหม่ของเขามันดูไม่มีอะไร ไม่มีเสน่ห์ และบทก็ห่วยเอามากๆ
The little mermaidพวกwokeบอกไม่เจ๊งก็...จ้าาา จ้าสาระอาล้านตัว555
นี่ตั้งแต่อกหักกับมู่หลานlive actionมาก็สาปดิสนีย์มาตลอด ถ้าดูได้จะเน้นดูอนิเมชั้นแต่ขอไม่ดูlive actionไม่ใช่เพราะแคสนะ แค่แบบไม่อยากให้ความทรงจำดีๆที่ดูเป็นตอนเด็กเปลี่ยนเป็นความเกลียด
สภาพดิสนีย์ตอนนี้เหมือนคนที่หากินกับความสำเร็จเก่าๆไม่มีอะไรใหม่ๆ คนที่รักดิสนีย์ตอนนี้ผิดหวังรัวๆ เห้อ
ขอชื่นชมในการหาประเด็นมานำเสนอในคลิปนี้ครับ รู้เลบว่าช่องนี้มีของ เก่งมากมากครับ
The little mermaid คือแย่สุดละ
ดำเนินเรื่องแบบต้นฉบับ100% แต่นักแสดงดันไม่ตรงต้นฉบับซะงั้น
อะลาดิน❤️
ใครจะไม่รัก A Whole New World เวอร์ชั่นนี้บ้าง💕
ติดโรค disney syndrome จากตัวเอง
ดูถูกคนดูยัดเยียดอะไรก็ได้😂
เงือกไม่น้อยแล้วนะ.. อิอิ
the lionking มันคือหนังก๊อปเกรด A
ตรงๆดี🤣
มู๋หลานคือไม่ดูเลยย
แอเรียล ดูได้ครึ่งเรื่อง
หนังเรื่อง Little Mermaid ทำไรได้กว่า 350 ล้านเหรียญ ที่อเมริกา ทั่วโลกอยู่ที่กว่า 1,000 ล้านเหรียญ
ข้อมูลอัพเดต ณ วันที่ 24 /6/23 จากเว็บไซต์ Box Office Mojo
รายได้ในอเมริกาอยู่ที่ $261,567,764
รายได้นอกอเมริกาอยู่ที่ $212,947,592
ทำให้รายได้แบบ Worldwide นั้นอยู่ที่ประมาณ 474 ล้านเหรียญ
นางเงือกไม่สวยเลยจริงๆ
อุ้ยยย..🤐 สวยไม่สวยผมว่าเป็นเรื่องรองๆไปเลยครับ เพราะข้อสำคัญคือหนังมันไม่สนุก นางเงือกจะผมแดงหรือผมถัก แต่ถ้าหนังเป็นแบบนี้มันก็คือไม่สนุกอยู่ดี 🤨
@@justforfilms5675 รวมๆคือ ไม่ได้สนุกเลย
ยิ่งเอาใบเฟริน์มาพากย์ มู่หลาน ด้วยแล้ว ไปกันใหญ่.แต่อย่างว่า.ดูเพื่อความบันเทิง อย่าคิดมาก🤪
ก็เพราะเมื่อก่อนมันดีไง มันถึงโดนด่าในวันนี้ ทำดีก็ทำได้ เจือกไม่ทำ ไม่ทำด้วยความดื้ออ่ะ ไม่ใช่เพราะฝีมือไม่ถึง มันหลงทางเละละตอนนี้
หลงทางไปไกลตอนนี้ ก็หวังว่าจะกลับมาได้ในเร็ววัน 🤭
ฟังเพลินครับ ทำคอนเทนของหนัง และซีรีสมาร์เวลด้วยก็ดีนะครับ^^
ขอบคุณครับ... เรื่องมาเวลเราจะทำแน่นอนครับ อาจจะใช้เวลาหน่อย เพราะต้องระวังมากๆ😁
เอาฮาลี่ มาเทียบกับ ลิลลี่เจม
ถึงขั้นที้ไปเทียบนักแสดง อาจจะดูไม่แฟร์กับพวกเธอเท่าไหร่ ผมว่าเรามองแค่ที่ตัวหนังก็เทียบได้ชัดแล้วครับว่ามันต่างกันจริงๆ..
ถ้าอยากสนับสนุนความหลากหลายก็ควรทำตัวละครที่เป็นผิวสีอยู่แล้วไม่ดีกว่าหรอเทียน่าก็มีนะ
การจะส่งพลังเคลื่อนสังคม..มันก็ไม่ได้มีแค่เรื่องผิวสีด้วยครับ
หนังคริสโตเฟอร์โรบินถูกแบนในจีนรายได้เลยหายไปเยอะ