Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
นักการเมืองและเจ้าสัว ปล้นประชาชน
ขยายสัมปทาน = ขายชาติเอื้อนายทุน
🎉🎉🎉แอบต่อสัมปทานรับแซ่บใครได้ป่าว.? แต่ ปชช. มีแต่เสียๆๆๆๆๆ😮
ประชาชนจ่ายแพงเอกชนรวยๆๆๆๆโกยลูกเดียว..ควรเป็นของรัฐ100%ครับ
ใช้เส้นนี้ทีไร❤เหมือนโดนเอาเปรียบ ถ้าไม่รีบจริงๆ ไม่ขึ้นแน่นอนครับ
จากขาดทุน... กลายมากำไรกระจาย... ช่วยกันอย่าใช้เส้นทางนี้เลย กำไร40%ขนาดนี้ยอมให้ขึ้นราคาและจะไปต่ออายุสัมปทานเพื่ออะไร
ตั้งแต่ สนามกอล์ฟ Pinehurst ถึง ม. ธรรมศาสตร์ หอพัก คอนโด ของ รมต. เกือบหมด
ทำธุรกิจอันใดถ้าเอาแต่ได้ ก็ชั่วมาก
บ้านอยู่แถวสโมสรตำรวจ เมื่อก่อนรถไม่ติดมีสะพานลอยข้ามวิภาวดีตลอดตั้งแต่แยกลาดพร้าว บางเขน หลักสี รถจะไม่ติดไฟแดงวิ่งข้ามสะพานได้ มีรถยูเทิร์นใต้สะพานลอยทุกจุด แต่รัฐให้ทุบสะพานบางเขน หลักสี่ เพื่อให้สัมปทานโทลล์เวย์ สมัยทักษิณนี่ล่ะ จำได้ รวมทั้งการขยายอายุสัมปทานด้วย อ่านประวัติการให้สัมปทานทางด่วนโทลเวย์ช่วงสมัยทักษิณกดราคาค่าผ่านทางปลายปี2540และโดนฟ้องก่อนถูกปฏิวัติจนมาถึงรัฐบาลใหม่เข้ามา
21 สิงหาคม 2532 ลงนามสัมปทาน เปิดใช้งาน 14 ธันวาคม 2537 จะเป็นรัฐบาลของดร.ทักษิณได้ยังไงครับ หน้ามืดจำผิดหรือเปล่าครับ
สรุปเรื่องเกี่ยวกับดอนเมืองโทลล์เวย์โครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ มีอายุสัมปทาน 25 ปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 สิ้นสุดสัมปทานปี พ.ศ. 2557พ.ศ. 2537 เปิดให้บริการช่วงดินแดง-หลักสี่พ.ศ. 2539 รัฐบาลขยายอายุสัมปทานเพิ่มอีก 7 ปี โดยจะสิ้นสุดสัมปทานปี 2564 จากเดิมปี 2557 เพราะไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ตามกำหนดเนื่องจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่ยอมส่งมอบพื้นที่ให้พ.ศ. 2541 เปิดให้บริการช่วงหลักสี่-อนุสรณ์สถานแห่งชาติและช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิตพ.ศ. 2549 วอลเตอร์ บาว ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทย-เยอรมนี ปี พ.ศ. 2545 โดยคณะอนุญาโตตุลาการมีที่ตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ แต่กระบวนการไต่สวนดำเนินการในฮ่องกง โดยอ้างว่าได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลไทยผิดสัญญาในโครงการก่อสร้างโทลล์เวย์หลายประเด็น เช่น1) ไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าผ่านทางตามกำหนดในปี 2542 และ ปี 25472) ขอให้ลดค่าผ่านทางตามนี้ - 20 บาทตลอดสาย (สำหรับรถ 4 ล้อ) และ 50 บาท (สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป) ในปี 2548 - 30 บาทตลอดสาย (สำหรับรถ 4 ล้อ) และ 50 บาท (สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป) ในปี 2549-2550 - 35 บาท (สำหรับรถ 4 ล้อ) และ 65 บาท (สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป) ในปี 2550-2552(รัฐบาลสมัยนั้นไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าผ่านทางในปี 2547 และขอให้ลดค่าผ่านทางในปี 2548-2552ตามรายละเอียดด้านบน พูดง่ายๆคือเพิ่งลดราคาได้ไม่ถึง 2 ปี ทาง วอลเตอร์ บาว ก็ยื่นฟ้องในปี 2549)ผลพวงจากการที่รัฐเข้ามาแทรกแซงการปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางครั้งนั้น ไม่เพียงแต่จะกลายมาเป็นมูลเหตุให้บริษัทนำเรื่องขึ้นร้องต่อศาลปกครองและตั้งอนุญาโตตุลาการเพื่อเจรจาชดเชยความเสียหายหลายระลอกเท่านั้น แต่กรณีดังกล่าวยังทำให้รัฐบาลต้องแก้ไขสัญญาให้อีกครั้งในปี 2550พ.ศ. 2550 รัฐบาลแก้ไขสัญญาขยายอายุสัมปทานเพิ่มอีก 13 ปี โดยสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี 2577โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องถอนฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการทุกกรณี แต่สุดท้าย วอลเตอร์ บาว ก็ไม่ได้ถอนฟ้องทั้งๆที่รัฐบาลเยียวยาให้แล้วพ.ศ. 2552 อนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ระบุว่าประเทศไทยผิดพันธกรณีภายใต้ความตกลงและต้องชำระค่าชดเชยจำนวน 29.21 ล้านยูโร พร้อมดอกเบี้ยคำนวณตามอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารในกลุ่มยูโร (6 month successive Euribor) ในอัตรา 2% ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2549จนกว่าถึงวันชำระเงินพร้อมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีของฝ่ายวอลเตอร์ บาว จำนวน 1,806,560 ยูโรรวมทั้งดอกเบี้ยตามอัตราเดียวกับค่าชดเชยความเสียหาย(ในสำนักข่าวอิศราระบุไว้ว่า เป็นค่าโง่ 1.2 พันล้านบาทที่ต้องจ่ายให้ทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ เหตุเพราะรัฐไม่ยอมให้เขาปรับขึ้นค่าทางด่วนตามข้อตกลง ถ้าย้อนขึ้นไปดูด้านบนก็คือปี 2542 กับปี 2547)ประเด็นสำคัญก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เยียวยาจากที่โทลล์เวย์เรียกค่าชดเชยไปแล้ว เช่น ขยายสัมปทานออกไปอีกถึงปี 2577 (ตามสัญญาที่แก้ไขปี 2550) ให้ปรับค่าผ่านทางได้ตามสัญญาเดิม รวมถึงการปรับค่าผ่านทางขึ้นรถยนต์ 4 ล้อ จาก 55 บาทเป็น 85 บาท (22 ธันวาคม 2552) ส่วนค่าชดเชยรายได้จากการให้ลดค่าผ่านทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย กรมทางหลวงจ่ายชดเชยไปแล้ว 30 ล้านบาท เป็นต้นถึงแม้จะมีคำชี้ขาดจากอนุญาโตตุลาการออกมาแล้วในปี 2552 แต่รัฐบาลไทยไม่ยอมจ่ายเงินให้กับกลุ่มเจ้าหนี้ของ วาลเทอร์ เบา ซึ่งล้มละลาย กลุ่มเจ้าหนี้เหล่านั้นก็พยายามตามยึดทรัพย์สินแทนหนี้ ลามปามไปจนขอให้ศาลเยอรมนีสั่งอายัด "เครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์"พ.ศ. 2554 ศาลเยอรมนี มีคำพิพากษาให้ดำเนินการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2554ต่อมาศาลเยอรมนีได้ถอนอายัดแต่ให้วางเงินประกัน 20 ล้านยูโรพ.ศ. 2555 ศาลอุทธรณ์ในสหรัฐฯ (US 2nd Cir.) วินิจฉัยยืนยันเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 ว่าคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการที่ให้ประเทศไทยแพ้คดี "ค่าโง่ทางด่วนดอนเมือง" นั้น กฎหมายสหรัฐฯให้การรับรองได้ที่มา:topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2012/08/P12512944/P12512944.htmloknation.nationtv.tv/blog/nun2504/2011/07/28/entry-8www.isranews.org/isranews-article/76497-megaproject.htmlth.wikipedia.org/wiki/ทางยกระดับอุตราภิมุขwww.thairath.co.th/content/465035
@@Sankalakiri เงินแค่ 1,200 ล้านบาท ไม่มีปัญญาจ่าย แต่ไปต่อสัญญาสัมปทานให้เขาอีก 13 ปี เป็นอะไรที่โง่ยิ่งกว่าโง่หรือเปล่าครับ เวลา 13 ปีถ้าเขาขึ้นเป็นเที่ยวละ 500 บาทต่อคัน เขาจะได้เงินแค่ไหนครับ ความสามารถในการต่อรองเป็น 0 หรือเปล่าถึงไก้กลายเป็นค่าโง่สัมปทาน 13 ปี คิดดีๆใครโง่กันแน่ครับ เพราะรัฐก็มีหน้าที่ต้องดูแลประชาชนของตัวเอง ถ้าต้องจ่ายเงินย้อนหลังก็แค่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมองได้ว่าทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่นิ่งดูดายปล่อยประชาชนตามยถากรรม ซึ่งตอนนั้นเพิ่งผ่านวิกฤติต้มยำกุ้ง คุณจะให้ประชาชนแบกรับภาระมากมายขนาดไหนและแน่จริงก็อย่าแก้ไขข้อความที่ปรักปรำคนอื่นเขา
เงิน 1,200 ล้านบาทไม่มีปัญญาจ่าย แต่ไปจ่ายเป็นค่าโง่สัมปทาน 13 ปี ไม่รู้ว่าใครโง่กันแน่ ถ้าเขาขึ้นเป็นเที่ยวละ 500 บาทต่อคัน ประชาชนจะเดือดร้อนขนาดไหน เป็นปกติของรัฐอยู่แล้วที่ต้องเขามาดูแลสุขทุกข์ของประชาชน เงิน 1,200 ล้านบาทถ้าจ่ายไปก็มองได้ว่าทำเพื่อประชาชน ซึ่งณ ขณะนั้นเพิ่งผ่านวิกฤติต้มยำกุ้ง ทุกคนมีปัญหารัฐจึงเข้ามาแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือประชาชนของตน ถ้ารัฐไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยจะปล่อยให้ประชาชนเผชิญกับความยากลำบากตามยถากรรมหรือ รัฐบาล พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัฒน์ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด มันควรจะเป็นคำขอบคุณมากกว่า คนที่น่าด่าก็พวกที่ร่างสัญญาสัมปทานให้เค้าอีก 13 ปี ที่ให้เขาสามารถปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางได้โดยไม่ต้องขออนุม้ติแน่จริงก็อย่าแก้ไขข้อความที่ปรักปรำคนอื่น และอย่าลบข้อความผมอีก ขี้เกียจพิมพ์ใหม่ (2 ข้อความเหมือนกัน)
เหมือนคุยใต้โต๊ะมาแล้ว ค่อยมาแสดงละครต่อหน้านักข่าว
ประเทศนี้ขูดรีดกับประชาชนทุกอย่าง!
แม่ง ขึ้นราคา ทุกปี
ขอให้ท่านรัฐมนตรี เห็นใจประชาชน อย่าเอื้อภาคเอกชนมากนักท่านมาจากประชาชน ท่านไม่ได้มาจากเอกชน หรือจะให้ประชาชนคิดเป็นอย่างอื่นในสมัยท่านดำรงตำแหน่ง
กำไรหักค่าขยายสัญญาที่ตัองจ่าย ลมต รึยังล่ะ
พยายาม ทุกรูปแบบ ให้ ถนนพื้นราบ รถติดคอขวด.....ช่วงเร่งด่วน บางครั้งเลยต้องขึ้นทางด่วน ทำไง ชนชั้นล่าง ต้อง ทน จำยอม
เป็นเส้นที่เลี่ยงได้จะเลี่ยงครับแพงมากๆ
แล้วที่ขึ้นราคา?
ถ้าไม่รีบจริงๆ จะไม่ขึ้นครับ
พึ่งกฎหมาย พึ่งใครไม่ได้ พึ่งโซเชี่ยลกดดันดูจะมีความหวังกว่า สื่อเพลาๆเรื่อง มโนสาเร่บ้าง มาช่วยกันเล่นตระกูลนี้ด้วยเถอะ หน้าเงินมาก พานิชชีวะ
โซเชียลก็ทำอะไรไม่ได้ครับ ไม่สนไม่แคร์ ไม่อยากขึ้นก็เชิญตามสบาย
ยอมปล่อยให้หมดสัมปทาน เรารักเก็บเงินเองไปเลยยาวๆดีกว่าครับ หรือไม่ก็ให้ประชาชนใช้ฟรีไปเลย
ไม่ควรขยายสัมปทาน หมดสัญญาควรยึดมาเป็นของรัฐ
กำไรมันไม่พอใช้ ต้องแบ่งหลายฝ่าย หลายก๊ก หลายก๊วน
เมื่อไม่นานมีพณฯกล่าวว่า "ถ้าแพงก็วิ่งข้างล่างได้"
ปีนี้จะต่อสัมประทานให้เขาอีกมั้ยท่านรัฐมนโท หลังจากเขาประกาศจะขึ้นราคาอีก ต่อสัมประทาตไปเรื่อยทางออกที่รวย
ลงทุนเท่าไหร่ บอกข้อมูลลด้วยดิ
แบบนี้..เราไม่ขยายสัมปทานได้มั้ยครับ😂😂😂
เขาแลกการขยายสัมปทานกับการไม่ยอมให้ขึ้นราคา ทำมาหลายรัฐบาล มันเลยยืดจากปี 64 ไปอีกสิบกว่าปีพอมายุค คสช ตัดสินใจไม่ขยายสัมปทานให้อีกแล้ว เอกชนก็กอดสัญญาขึ้นราคาอย่างเต็มที่
ประชาชนได้อะไรบ้าง
ลงทุนไปเท่าไร แล้วได้มาเท่าไรแล้ว ยังไม่คุ้มอีกหรอ.
มันขูดเลือดจากปู !
รัฐบาลไทยรักไทยยุคทักษิณ เจรจากับดอนเมืองโทลล์เวย์ ลดค่าผ่านทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย เรื่องแบบนี้ก้าวไกลมีปัญญาคิดไหม หรือในหัวมีแต่เรื่องแก้ 112 และนิรโทษกรรมพวกหมิ่นสถาบัน
กำลังจะหาเรื่องขยายสัมปทานรอบใหม่ ถ้ารัฐมนตรีไม่โกง และมีสมองควรจะคำนวนได้ว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม อย่าเอาประชาชนมาเป็นข้ออ้าง "ทำแบบสำรวจความคิดเห็นเหมือนกรณี ทับลานสิ"
แล้วมันยังมีหน้าจะขึ้นราคาอีกนะ ไม่ต้องต่อสัมปทานเลยนะใครเอื้อต่อสัญญาให้นึกไว้ก่อนเลยว่ากินใต้โต๊ะ
ทำไมต้องคกใจวะ ก็เขาทำธุรกิจ
เค้าบังคับให้ปาชนคนใช้รถใช้ขึ้นรึปล่าว
นักการเมืองและเจ้าสัว ปล้นประชาชน
ขยายสัมปทาน = ขายชาติเอื้อนายทุน
🎉🎉🎉แอบต่อสัมปทานรับแซ่บใครได้ป่าว.? แต่ ปชช. มีแต่เสียๆๆๆๆๆ😮
ประชาชนจ่ายแพงเอกชนรวยๆๆๆๆโกยลูกเดียว..ควรเป็นของรัฐ100%ครับ
ใช้เส้นนี้ทีไร❤เหมือนโดนเอาเปรียบ ถ้าไม่รีบจริงๆ ไม่ขึ้นแน่นอนครับ
จากขาดทุน... กลายมากำไรกระจาย... ช่วยกันอย่าใช้เส้นทางนี้เลย กำไร40%ขนาดนี้ยอมให้ขึ้นราคาและจะไปต่ออายุสัมปทานเพื่ออะไร
ตั้งแต่ สนามกอล์ฟ Pinehurst ถึง ม. ธรรมศาสตร์ หอพัก คอนโด ของ รมต. เกือบหมด
ทำธุรกิจอันใดถ้าเอาแต่ได้ ก็ชั่วมาก
บ้านอยู่แถวสโมสรตำรวจ เมื่อก่อนรถไม่ติดมีสะพานลอยข้ามวิภาวดีตลอดตั้งแต่แยกลาดพร้าว บางเขน หลักสี รถจะไม่ติดไฟแดงวิ่งข้ามสะพานได้ มีรถยูเทิร์นใต้สะพานลอยทุกจุด แต่รัฐให้ทุบสะพานบางเขน หลักสี่ เพื่อให้สัมปทานโทลล์เวย์ สมัยทักษิณนี่ล่ะ จำได้ รวมทั้งการขยายอายุสัมปทานด้วย
อ่านประวัติการให้สัมปทานทางด่วนโทลเวย์ช่วงสมัยทักษิณกดราคาค่าผ่านทางปลายปี2540และโดนฟ้องก่อนถูกปฏิวัติจนมาถึงรัฐบาลใหม่เข้ามา
21 สิงหาคม 2532 ลงนามสัมปทาน เปิดใช้งาน 14 ธันวาคม 2537 จะเป็นรัฐบาลของดร.ทักษิณได้ยังไงครับ หน้ามืดจำผิดหรือเปล่าครับ
สรุปเรื่องเกี่ยวกับดอนเมืองโทลล์เวย์
โครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ มีอายุสัมปทาน 25 ปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 สิ้นสุดสัมปทานปี พ.ศ. 2557
พ.ศ. 2537 เปิดให้บริการช่วงดินแดง-หลักสี่
พ.ศ. 2539 รัฐบาลขยายอายุสัมปทานเพิ่มอีก 7 ปี โดยจะสิ้นสุดสัมปทานปี 2564 จากเดิมปี 2557 เพราะ
ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ตามกำหนดเนื่องจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่ยอมส่งมอบพื้นที่ให้
พ.ศ. 2541 เปิดให้บริการช่วงหลักสี่-อนุสรณ์สถานแห่งชาติและช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต
พ.ศ. 2549 วอลเตอร์ บาว ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศภายใต้
ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทย-เยอรมนี ปี พ.ศ. 2545 โดยคณะอนุญาโต
ตุลาการมีที่ตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ แต่กระบวนการไต่สวนดำเนินการในฮ่องกง โดยอ้างว่า
ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลไทยผิดสัญญาในโครงการก่อสร้างโทลล์เวย์หลายประเด็น เช่น
1) ไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าผ่านทางตามกำหนดในปี 2542 และ ปี 2547
2) ขอให้ลดค่าผ่านทางตามนี้
- 20 บาทตลอดสาย (สำหรับรถ 4 ล้อ) และ 50 บาท (สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป) ในปี 2548
- 30 บาทตลอดสาย (สำหรับรถ 4 ล้อ) และ 50 บาท (สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป) ในปี 2549-2550
- 35 บาท (สำหรับรถ 4 ล้อ) และ 65 บาท (สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป) ในปี 2550-2552
(รัฐบาลสมัยนั้นไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าผ่านทางในปี 2547 และขอให้ลดค่าผ่านทางในปี 2548-2552
ตามรายละเอียดด้านบน พูดง่ายๆคือเพิ่งลดราคาได้ไม่ถึง 2 ปี ทาง วอลเตอร์ บาว ก็ยื่นฟ้องในปี 2549)
ผลพวงจากการที่รัฐเข้ามาแทรกแซงการปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางครั้งนั้น ไม่เพียงแต่จะกลายมาเป็นมูลเหตุ
ให้บริษัทนำเรื่องขึ้นร้องต่อศาลปกครองและตั้งอนุญาโตตุลาการเพื่อเจรจาชดเชยความเสียหายหลายระลอก
เท่านั้น แต่กรณีดังกล่าวยังทำให้รัฐบาลต้องแก้ไขสัญญาให้อีกครั้งในปี 2550
พ.ศ. 2550 รัฐบาลแก้ไขสัญญาขยายอายุสัมปทานเพิ่มอีก 13 ปี โดยสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี 2577
โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องถอนฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการทุกกรณี แต่สุดท้าย วอลเตอร์ บาว ก็ไม่ได้ถอนฟ้อง
ทั้งๆที่รัฐบาลเยียวยาให้แล้ว
พ.ศ. 2552 อนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ระบุว่าประเทศไทยผิดพันธกรณีภายใต้
ความตกลงและต้องชำระค่าชดเชยจำนวน 29.21 ล้านยูโร พร้อมดอกเบี้ยคำนวณตามอัตราดอกเบี้ยระหว่าง
ธนาคารในกลุ่มยูโร (6 month successive Euribor) ในอัตรา 2% ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2549
จนกว่าถึงวันชำระเงินพร้อมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีของฝ่ายวอลเตอร์ บาว จำนวน 1,806,560 ยูโร
รวมทั้งดอกเบี้ยตามอัตราเดียวกับค่าชดเชยความเสียหาย
(ในสำนักข่าวอิศราระบุไว้ว่า เป็นค่าโง่ 1.2 พันล้านบาทที่ต้องจ่ายให้ทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ เหตุเพราะรัฐ
ไม่ยอมให้เขาปรับขึ้นค่าทางด่วนตามข้อตกลง ถ้าย้อนขึ้นไปดูด้านบนก็คือปี 2542 กับปี 2547)
ประเด็นสำคัญก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เยียวยาจากที่โทลล์เวย์เรียกค่าชดเชยไปแล้ว เช่น ขยายสัมปทานออกไป
อีกถึงปี 2577 (ตามสัญญาที่แก้ไขปี 2550) ให้ปรับค่าผ่านทางได้ตามสัญญาเดิม รวมถึงการปรับค่าผ่านทาง
ขึ้นรถยนต์ 4 ล้อ จาก 55 บาทเป็น 85 บาท (22 ธันวาคม 2552) ส่วนค่าชดเชยรายได้จากการให้ลดค่าผ่าน
ทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย กรมทางหลวงจ่ายชดเชยไปแล้ว 30 ล้านบาท เป็นต้น
ถึงแม้จะมีคำชี้ขาดจากอนุญาโตตุลาการออกมาแล้วในปี 2552 แต่รัฐบาลไทยไม่ยอมจ่ายเงินให้กับกลุ่มเจ้าหนี้
ของ วาลเทอร์ เบา ซึ่งล้มละลาย กลุ่มเจ้าหนี้เหล่านั้นก็พยายามตามยึดทรัพย์สินแทนหนี้ ลามปามไปจนขอให้
ศาลเยอรมนีสั่งอายัด "เครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์"
พ.ศ. 2554 ศาลเยอรมนี มีคำพิพากษาให้ดำเนินการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2554
ต่อมาศาลเยอรมนีได้ถอนอายัดแต่ให้วางเงินประกัน 20 ล้านยูโร
พ.ศ. 2555 ศาลอุทธรณ์ในสหรัฐฯ (US 2nd Cir.) วินิจฉัยยืนยันเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 ว่าคำชี้ขาดอนุญาโต
ตุลาการที่ให้ประเทศไทยแพ้คดี "ค่าโง่ทางด่วนดอนเมือง" นั้น กฎหมายสหรัฐฯให้การรับรองได้
ที่มา:
topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2012/08/P12512944/P12512944.html
oknation.nationtv.tv/blog/nun2504/2011/07/28/entry-8
www.isranews.org/isranews-article/76497-megaproject.html
th.wikipedia.org/wiki/ทางยกระดับอุตราภิมุข
www.thairath.co.th/content/465035
สรุปเรื่องเกี่ยวกับดอนเมืองโทลล์เวย์
โครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ มีอายุสัมปทาน 25 ปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 สิ้นสุดสัมปทานปี พ.ศ. 2557
พ.ศ. 2537 เปิดให้บริการช่วงดินแดง-หลักสี่
พ.ศ. 2539 รัฐบาลขยายอายุสัมปทานเพิ่มอีก 7 ปี โดยจะสิ้นสุดสัมปทานปี 2564 จากเดิมปี 2557 เพราะ
ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ตามกำหนดเนื่องจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่ยอมส่งมอบพื้นที่ให้
พ.ศ. 2541 เปิดให้บริการช่วงหลักสี่-อนุสรณ์สถานแห่งชาติและช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต
พ.ศ. 2549 วอลเตอร์ บาว ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศภายใต้
ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทย-เยอรมนี ปี พ.ศ. 2545 โดยคณะอนุญาโต
ตุลาการมีที่ตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ แต่กระบวนการไต่สวนดำเนินการในฮ่องกง โดยอ้างว่า
ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลไทยผิดสัญญาในโครงการก่อสร้างโทลล์เวย์หลายประเด็น เช่น
1) ไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าผ่านทางตามกำหนดในปี 2542 และ ปี 2547
2) ขอให้ลดค่าผ่านทางตามนี้
- 20 บาทตลอดสาย (สำหรับรถ 4 ล้อ) และ 50 บาท (สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป) ในปี 2548
- 30 บาทตลอดสาย (สำหรับรถ 4 ล้อ) และ 50 บาท (สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป) ในปี 2549-2550
- 35 บาท (สำหรับรถ 4 ล้อ) และ 65 บาท (สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป) ในปี 2550-2552
(รัฐบาลสมัยนั้นไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าผ่านทางในปี 2547 และขอให้ลดค่าผ่านทางในปี 2548-2552
ตามรายละเอียดด้านบน พูดง่ายๆคือเพิ่งลดราคาได้ไม่ถึง 2 ปี ทาง วอลเตอร์ บาว ก็ยื่นฟ้องในปี 2549)
ผลพวงจากการที่รัฐเข้ามาแทรกแซงการปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางครั้งนั้น ไม่เพียงแต่จะกลายมาเป็นมูลเหตุ
ให้บริษัทนำเรื่องขึ้นร้องต่อศาลปกครองและตั้งอนุญาโตตุลาการเพื่อเจรจาชดเชยความเสียหายหลายระลอก
เท่านั้น แต่กรณีดังกล่าวยังทำให้รัฐบาลต้องแก้ไขสัญญาให้อีกครั้งในปี 2550
พ.ศ. 2550 รัฐบาลแก้ไขสัญญาขยายอายุสัมปทานเพิ่มอีก 13 ปี โดยสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี 2577
โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องถอนฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการทุกกรณี แต่สุดท้าย วอลเตอร์ บาว ก็ไม่ได้ถอนฟ้อง
ทั้งๆที่รัฐบาลเยียวยาให้แล้ว
พ.ศ. 2552 อนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ระบุว่าประเทศไทยผิดพันธกรณีภายใต้
ความตกลงและต้องชำระค่าชดเชยจำนวน 29.21 ล้านยูโร พร้อมดอกเบี้ยคำนวณตามอัตราดอกเบี้ยระหว่าง
ธนาคารในกลุ่มยูโร (6 month successive Euribor) ในอัตรา 2% ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2549
จนกว่าถึงวันชำระเงินพร้อมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีของฝ่ายวอลเตอร์ บาว จำนวน 1,806,560 ยูโร
รวมทั้งดอกเบี้ยตามอัตราเดียวกับค่าชดเชยความเสียหาย
(ในสำนักข่าวอิศราระบุไว้ว่า เป็นค่าโง่ 1.2 พันล้านบาทที่ต้องจ่ายให้ทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ เหตุเพราะรัฐ
ไม่ยอมให้เขาปรับขึ้นค่าทางด่วนตามข้อตกลง ถ้าย้อนขึ้นไปดูด้านบนก็คือปี 2542 กับปี 2547)
ประเด็นสำคัญก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เยียวยาจากที่โทลล์เวย์เรียกค่าชดเชยไปแล้ว เช่น ขยายสัมปทานออกไป
อีกถึงปี 2577 (ตามสัญญาที่แก้ไขปี 2550) ให้ปรับค่าผ่านทางได้ตามสัญญาเดิม รวมถึงการปรับค่าผ่านทาง
ขึ้นรถยนต์ 4 ล้อ จาก 55 บาทเป็น 85 บาท (22 ธันวาคม 2552) ส่วนค่าชดเชยรายได้จากการให้ลดค่าผ่าน
ทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย กรมทางหลวงจ่ายชดเชยไปแล้ว 30 ล้านบาท เป็นต้น
ถึงแม้จะมีคำชี้ขาดจากอนุญาโตตุลาการออกมาแล้วในปี 2552 แต่รัฐบาลไทยไม่ยอมจ่ายเงินให้กับกลุ่มเจ้าหนี้
ของ วาลเทอร์ เบา ซึ่งล้มละลาย กลุ่มเจ้าหนี้เหล่านั้นก็พยายามตามยึดทรัพย์สินแทนหนี้ ลามปามไปจนขอให้
ศาลเยอรมนีสั่งอายัด "เครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์"
พ.ศ. 2554 ศาลเยอรมนี มีคำพิพากษาให้ดำเนินการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2554
ต่อมาศาลเยอรมนีได้ถอนอายัดแต่ให้วางเงินประกัน 20 ล้านยูโร
พ.ศ. 2555 ศาลอุทธรณ์ในสหรัฐฯ (US 2nd Cir.) วินิจฉัยยืนยันเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 ว่าคำชี้ขาดอนุญาโต
ตุลาการที่ให้ประเทศไทยแพ้คดี "ค่าโง่ทางด่วนดอนเมือง" นั้น กฎหมายสหรัฐฯให้การรับรองได้
ที่มา:
topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2012/08/P12512944/P12512944.html
oknation.nationtv.tv/blog/nun2504/2011/07/28/entry-8
www.isranews.org/isranews-article/76497-megaproject.html
th.wikipedia.org/wiki/ทางยกระดับอุตราภิมุข
www.thairath.co.th/content/465035
@@Sankalakiri เงินแค่ 1,200 ล้านบาท ไม่มีปัญญาจ่าย แต่ไปต่อสัญญาสัมปทานให้เขาอีก 13 ปี เป็นอะไรที่โง่ยิ่งกว่าโง่หรือเปล่าครับ เวลา 13 ปีถ้าเขาขึ้นเป็นเที่ยวละ 500 บาทต่อคัน เขาจะได้เงินแค่ไหนครับ ความสามารถในการต่อรองเป็น 0 หรือเปล่าถึงไก้กลายเป็นค่าโง่สัมปทาน 13 ปี คิดดีๆใครโง่กันแน่ครับ เพราะรัฐก็มีหน้าที่ต้องดูแลประชาชนของตัวเอง ถ้าต้องจ่ายเงินย้อนหลังก็แค่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมองได้ว่าทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่นิ่งดูดายปล่อยประชาชนตามยถากรรม ซึ่งตอนนั้นเพิ่งผ่านวิกฤติต้มยำกุ้ง คุณจะให้ประชาชนแบกรับภาระมากมายขนาดไหน
และแน่จริงก็อย่าแก้ไขข้อความที่ปรักปรำคนอื่นเขา
เงิน 1,200 ล้านบาทไม่มีปัญญาจ่าย แต่ไปจ่ายเป็นค่าโง่สัมปทาน 13 ปี ไม่รู้ว่าใครโง่กันแน่ ถ้าเขาขึ้นเป็นเที่ยวละ 500 บาทต่อคัน ประชาชนจะเดือดร้อนขนาดไหน เป็นปกติของรัฐอยู่แล้วที่ต้องเขามาดูแลสุขทุกข์ของประชาชน เงิน 1,200 ล้านบาทถ้าจ่ายไปก็มองได้ว่าทำเพื่อประชาชน ซึ่งณ ขณะนั้นเพิ่งผ่านวิกฤติต้มยำกุ้ง ทุกคนมีปัญหารัฐจึงเข้ามาแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือประชาชนของตน ถ้ารัฐไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยจะปล่อยให้ประชาชนเผชิญกับความยากลำบากตามยถากรรมหรือ รัฐบาล พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัฒน์ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด มันควรจะเป็นคำขอบคุณมากกว่า คนที่น่าด่าก็พวกที่ร่างสัญญาสัมปทานให้เค้าอีก 13 ปี ที่ให้เขาสามารถปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางได้โดยไม่ต้องขออนุม้ติ
แน่จริงก็อย่าแก้ไขข้อความที่ปรักปรำคนอื่น และอย่าลบข้อความผมอีก ขี้เกียจพิมพ์ใหม่
(2 ข้อความเหมือนกัน)
เหมือนคุยใต้โต๊ะมาแล้ว ค่อยมาแสดงละครต่อหน้านักข่าว
ประเทศนี้ขูดรีดกับประชาชนทุกอย่าง!
แม่ง ขึ้นราคา ทุกปี
ขอให้ท่านรัฐมนตรี เห็นใจประชาชน อย่าเอื้อภาคเอกชนมากนักท่านมาจากประชาชน ท่านไม่ได้มาจากเอกชน หรือจะให้ประชาชนคิดเป็นอย่างอื่นในสมัยท่านดำรงตำแหน่ง
กำไรหักค่าขยายสัญญาที่ตัองจ่าย ลมต รึยังล่ะ
พยายาม ทุกรูปแบบ ให้ ถนนพื้นราบ รถติดคอขวด.....ช่วงเร่งด่วน บางครั้งเลยต้องขึ้นทางด่วน ทำไง ชนชั้นล่าง ต้อง ทน จำยอม
เป็นเส้นที่เลี่ยงได้จะเลี่ยงครับแพงมากๆ
แล้วที่ขึ้นราคา?
ถ้าไม่รีบจริงๆ จะไม่ขึ้นครับ
พึ่งกฎหมาย พึ่งใครไม่ได้ พึ่งโซเชี่ยลกดดันดูจะมีความหวังกว่า สื่อเพลาๆเรื่อง มโนสาเร่บ้าง มาช่วยกันเล่นตระกูลนี้ด้วยเถอะ หน้าเงินมาก พานิชชีวะ
โซเชียลก็ทำอะไรไม่ได้ครับ ไม่สนไม่แคร์ ไม่อยากขึ้นก็เชิญตามสบาย
ยอมปล่อยให้หมดสัมปทาน เรารักเก็บเงินเองไปเลยยาวๆดีกว่าครับ หรือไม่ก็ให้ประชาชนใช้ฟรีไปเลย
ไม่ควรขยายสัมปทาน หมดสัญญาควรยึดมาเป็นของรัฐ
กำไรมันไม่พอใช้ ต้องแบ่งหลายฝ่าย หลายก๊ก หลายก๊วน
เมื่อไม่นานมีพณฯกล่าวว่า "ถ้าแพงก็วิ่งข้างล่างได้"
ปีนี้จะต่อสัมประทานให้เขาอีกมั้ยท่านรัฐมนโท หลังจากเขาประกาศจะขึ้นราคาอีก ต่อสัมประทาตไปเรื่อยทางออกที่รวย
ลงทุนเท่าไหร่ บอกข้อมูลลด้วยดิ
แบบนี้..เราไม่ขยายสัมปทานได้มั้ยครับ😂😂😂
เขาแลกการขยายสัมปทานกับการไม่ยอมให้ขึ้นราคา ทำมาหลายรัฐบาล มันเลยยืดจากปี 64 ไปอีกสิบกว่าปี
พอมายุค คสช ตัดสินใจไม่ขยายสัมปทานให้อีกแล้ว เอกชนก็กอดสัญญาขึ้นราคาอย่างเต็มที่
ประชาชนได้อะไรบ้าง
ลงทุนไปเท่าไร แล้วได้มาเท่าไรแล้ว ยังไม่คุ้มอีกหรอ.
มันขูดเลือดจากปู !
รัฐบาลไทยรักไทยยุคทักษิณ เจรจากับดอนเมืองโทลล์เวย์ ลดค่าผ่านทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย เรื่องแบบนี้ก้าวไกลมีปัญญาคิดไหม หรือในหัวมีแต่เรื่องแก้ 112 และนิรโทษกรรมพวกหมิ่นสถาบัน
กำลังจะหาเรื่องขยายสัมปทานรอบใหม่ ถ้ารัฐมนตรีไม่โกง และมีสมองควรจะคำนวนได้ว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม อย่าเอาประชาชนมาเป็นข้ออ้าง "ทำแบบสำรวจความคิดเห็นเหมือนกรณี ทับลานสิ"
แล้วมันยังมีหน้าจะขึ้นราคาอีกนะ
ไม่ต้องต่อสัมปทานเลยนะ
ใครเอื้อต่อสัญญาให้นึกไว้ก่อนเลยว่ากินใต้โต๊ะ
ทำไมต้องคกใจวะ ก็เขาทำธุรกิจ
เค้าบังคับให้ปาชนคนใช้รถใช้ขึ้นรึปล่าว