Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
สาธุค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
น้อมกราบพระอาจารย์เจ้าคะ
น้อมกราบรับฟังคำสอนเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
น้อมกราบสาธุค่ะ🙏🙏🙏💐💐💐
❤🪷🙏🙏🙏🪷❤️
น้อมกราบพระอาจารย์ครับ
จะกล่าวถึงสิ่งที่ท่านแสดงเรื่องลมหายใจที่ไม่ใช่ดังที่เข้าใจกันที่ไปเอาเรื่องลมหายใจมาทำสมาธิ สมาธิคือสิ่งต้องเจริญต่างหากจนเป็นวสี(รูปฌาน)จากนั้นจึงกำหนดสติ ถ้าไม่กำหนดสติเราจะไม่มีสิ่งใดเฝ้าดูผัสสะและกิเลสที่เกิดขึ้นเลยเพราะสติจะถูกฌานกดทับเอาไว้ แต่การทำสติฌานที่กดสติอยู่ตลอดนั้นไม่ง่ายจึงมีโยนิโสมนสิการด้วยการกำหนดการนับลมนั่นเองทำให้สติถูกผูกไว้กับลมหายใจได้ สติก็จะพ้นจากการกดของฌานและเมื่อสติตั้งได้ดีจนกล้าแข็งจะเรียกว่า"ชาคระ"สติแบบนี้จะตามรู้แม้กระทั่งลักษณะลมหายใจทุกอาการตามที่ท่านอธิบายนั่นแหละนั่นจึงหมายถึงสติต้องกล้าแข็งแล้วก็จะสามารถใช้ในการกำจัดผัสสะและกิเลสได้อย่างดีเลิศ .. ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องสมาธิว่าทำไมจึงต้องทำฌานก็เพราะฌานจะให้กำลังในการกำจัดผัสสะและกิเลสได้อย่างเด็ดขาด อีกทั้งฌานจะสงบระงับนิวรณ์5ในขณะการทำปัญญาต่างๆนั้นด้วย ซึ่งสมาธิในลักษณะอื่นจะไม่ให้ผลสุดท้ายเช่นนี้
ท่านอาจารคะโยมดุพระอาจารพึ่งเลิ่จะรุ้เรื่องการทำสมาธิค้าเป็นประโยชน์เหลือเกินเจ้่ค้า
ได้เคยฟังท่านแสดงธรรมมาน้ำเสียงดี แต่บทนี้ท่านแสดงไม่ตรงแล้ว.. สมาธิก็คือสมาธิ สติก็คือสติ จะแยกจากกัน ท่านแสดงเรื่องปิติคืออุพเพงคาปิติว่าไม่ใช่ฌานนี่ยิ่งไม่ถูกต้อง ท่านกลับไปพิจารณาด้วยปัญญาเท่าที่มีให้ดี .. จะให้ท่านทราบว่าสมาธิคือการทำรูปฌานให้มีให้เกิดการนำกรรมฐาน5มาใช้ในการทำสมาธินี่เป็นวิธีหนึ่ง หรือการทำมโนมยิทธินี่ก็ใช่สมาธิ ส่วนรูปฌานจะเกิดลักษณะใดให้ศึกษาให้ดีเพราะเป็นของไม่ใช่ง่ายที่จะเกิดขึ้น ส่วนคำว่าอาณาปานสติชื่อก็บอกอยู่แล้วคือการใช้ลมหายใจเป็นที่ตั้งของสติ เป็นการทำให้สติมีที่ตั้งเพื่อใช้ในการเฝ้ามองผัสสะต่างๆที่เป็นเหตุของกิเลสและเราจะใช้กำจัดกิเลสนั่นเอง ทีนี้สตินั้นไม่ใช่ของจะตั้งได้ตลอดเวลาจึงมีวิธีหลากหลายให้ทำตามจริตตนเช่นกายคตาสติ พุทธานุสติฯลฯ อย่านำเรื่องของสติมาใช้ทำสมาธิเหมือนอย่างทั่วๆไปทำกัน ความไม่รู้ไม่เข้าใจไม่เคยเข้าถึงมันจะเลอะเทอะ
สาธุค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
น้อมกราบพระอาจารย์เจ้าคะ
ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
น้อมกราบรับฟังคำสอนเจ้าค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
น้อมกราบสาธุค่ะ🙏🙏🙏💐💐💐
ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
❤🪷🙏🙏🙏🪷❤️
น้อมกราบพระอาจารย์ครับ
ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
จะกล่าวถึงสิ่งที่ท่านแสดงเรื่องลมหายใจที่ไม่ใช่ดังที่เข้าใจกันที่ไปเอาเรื่องลมหายใจมาทำสมาธิ สมาธิคือสิ่งต้องเจริญต่างหากจนเป็นวสี(รูปฌาน)จากนั้นจึงกำหนดสติ ถ้าไม่กำหนดสติเราจะไม่มีสิ่งใดเฝ้าดูผัสสะและกิเลสที่เกิดขึ้นเลยเพราะสติจะถูกฌานกดทับเอาไว้ แต่การทำสติฌานที่กดสติอยู่ตลอดนั้นไม่ง่ายจึงมีโยนิโสมนสิการด้วยการกำหนดการนับลมนั่นเองทำให้สติถูกผูกไว้กับลมหายใจได้ สติก็จะพ้นจากการกดของฌานและเมื่อสติตั้งได้ดีจนกล้าแข็งจะเรียกว่า"ชาคระ"สติแบบนี้จะตามรู้แม้กระทั่งลักษณะลมหายใจทุกอาการตามที่ท่านอธิบายนั่นแหละนั่นจึงหมายถึงสติต้องกล้าแข็งแล้วก็จะสามารถใช้ในการกำจัดผัสสะและกิเลสได้อย่างดีเลิศ .. ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องสมาธิว่าทำไมจึงต้องทำฌานก็เพราะฌานจะให้กำลังในการกำจัดผัสสะและกิเลสได้อย่างเด็ดขาด อีกทั้งฌานจะสงบระงับนิวรณ์5ในขณะการทำปัญญาต่างๆนั้นด้วย ซึ่งสมาธิในลักษณะอื่นจะไม่ให้ผลสุดท้ายเช่นนี้
ท่านอาจารคะโยมดุพระอาจารพึ่งเลิ่จะรุ้เรื่องการทำสมาธิค้าเป็นประโยชน์เหลือเกินเจ้่ค้า
ได้เคยฟังท่านแสดงธรรมมาน้ำเสียงดี แต่บทนี้ท่านแสดงไม่ตรงแล้ว.. สมาธิก็คือสมาธิ สติก็คือสติ จะแยกจากกัน ท่านแสดงเรื่องปิติคืออุพเพงคาปิติว่าไม่ใช่ฌานนี่ยิ่งไม่ถูกต้อง ท่านกลับไปพิจารณาด้วยปัญญาเท่าที่มีให้ดี .. จะให้ท่านทราบว่าสมาธิคือการทำรูปฌานให้มีให้เกิดการนำกรรมฐาน5มาใช้ในการทำสมาธินี่เป็นวิธีหนึ่ง หรือการทำมโนมยิทธินี่ก็ใช่สมาธิ ส่วนรูปฌานจะเกิดลักษณะใดให้ศึกษาให้ดีเพราะเป็นของไม่ใช่ง่ายที่จะเกิดขึ้น ส่วนคำว่าอาณาปานสติชื่อก็บอกอยู่แล้วคือการใช้ลมหายใจเป็นที่ตั้งของสติ เป็นการทำให้สติมีที่ตั้งเพื่อใช้ในการเฝ้ามองผัสสะต่างๆที่เป็นเหตุของกิเลสและเราจะใช้กำจัดกิเลสนั่นเอง ทีนี้สตินั้นไม่ใช่ของจะตั้งได้ตลอดเวลาจึงมีวิธีหลากหลายให้ทำตามจริตตนเช่นกายคตาสติ พุทธานุสติฯลฯ อย่านำเรื่องของสติมาใช้ทำสมาธิเหมือนอย่างทั่วๆไปทำกัน ความไม่รู้ไม่เข้าใจไม่เคยเข้าถึงมันจะเลอะเทอะ