[HD] ผู้ฝึกสมาธิต้องฟัง
Вставка
- Опубліковано 15 жов 2024
- ติดตามอัพเดท Live สด ได้ในเวลาตี4/ 7 โมงเช้า/1ทุ่ม/และ2ทุ่มทุกวัน(ไม่มีโฆษณาคั้น)
เลขบัญชีสำหรับทำบุญและทานกับท่านหลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม
ธ.กรุงไทย 660-7-29192-9 พระสินทรัพย์ สีรัง
(ถ้ายังลังเลสงสัยอย่าเพิ่งทำ ถ้าพร้อมจะสละเพื่อจาคะแล้วค่อยทำ)
ติดต่อแอดมิน 083-929-1932 หรือ Facebook : น็อต เด็กวัดป่าละะเมาะ
แนะนำให้ลองฟังครูบาฉ่ายเทศ ของวันที่ 22/6 แล้วมาฟังคลิปนี้ต่อ จะมีความต่อเนื่องกันจากเรื่องของสภาวะจิต ดุเดือดเข้มข้นมากครับ
เทศน์กัณฑ์นี้ชัดที่สุดครับ กราบสาธุ🙏
คริปนี้เป็นกำลังใจให้ผมมากเลยครับ
น้อมกราบครูบาด้วยหัวใจ🙏🙏🙏
ยิ่งฟังยิ่งใช่ ยิ่งฟังยิ่งสนุกในพระธรรมครับ
🙏🙏🙏สาธุ สาธุ สาธุ🙂🙂🙂
🙏
แจ่มชัดจริงหนอสาธุเจ้าค่า พระคุณเจ้า เจริญในธรรมยิ่งๆ
พระอาจารย์ฉาย อธิบายธรรม อธิบาย พุธ / โท ได้ดีมากๆ เป็นขั้น เป็นตอน เป็นลำดับ เป็นการรู้ ถึงอารมณ์ ถึงการเปลี่ยนแปลง ของ จิต ของสำผัด ละเอียดอ่อนๆ อนุโมทนาสาธุๆๆครับท่าน
น้อมกราบนมัสการครูบาฉ่าย ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง🙏🙏🙏
ท่านสอนจากการที่ท่านปฏิบัติผ่านขบวนการมาทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วถึงนำมาสอนกราบสาธุอย่างสนิทใจ
ปฎิบัติ+ใคร่ครวญตามความเป็นจริง จะรู้ว่า ไม่ใช่ครับ
จิตอยู่ที้ไหน สติก็อยู่ตรงนั้นแหละ " จงมีสตื ให้ทันจิต "
จริงอย่างที่ครูบอกล้าน%เลยครับ
🙏🙏🙏
นมัสการ พระอาจารย์ครูบาฉ่าย อนุโมทนาบุญด้วย สาธุ สาธุ สาธุ
ทราบซึ่งพระธรรมคะ..ยังไปไม่ถึงไหนเลยคะจิตจับเวทนาตลอดคะ ..ขออนุโมทนากับท่านครูบาฉ่ายด้วยคะ
สาธุ เวลาจิตปิติสุข จิตมันจะดิ่งรวมวูป ไปร๊อคอยู่ข้างใน รู้แต่ไม่มีความคิด ก็เพ่งไปจนมีแสงสีขาวเป็นดวงเล็ก ตามเพ่งไปดู จนเหมือนเป็นอันเดียวกัน สว่างไสว รู้เด่น ไม่มีร่างกาย แต่ทำมาหลายปี่ ได้แค่ครั้งเดียว แต่เข้าพะวังได้บาง ทำตอนเป็นฆราวาสนะคับ ..ตอนนี้บวชละ มาเริ่มต้นใหม่คับ..ขออนุโมทนาครูบาอาจารย์สาธุ
นมัสการครับ ท่านพระอาจารย์ใช้คำบริกรรม อะไรครับ หรือ ใช้ทริคอะไรกำหนดรู้ครับ
พุทโธ ไปกับลมเขาลมออกนี่ละคับ เล่นกับลมเบาๆ ตรงหน้าผาก จนเกิดแสงดล็กๆ ตอนนั้นเป็นเป็นฆราวาสนะครับผ่านเวทนาได้ ข้ามได้ นั้งได้ครั้งละ2ชัวโมง ตอนนี้มาเริ่มต้นไหม หยุดไป2ปีคับ ยังมีปิติอยู่ในลมหายใจคับ
@@ธรรมะสว่างใจ-ค7งารบริกรรมพุทโธไป กับ ลม
สิ่งที่เกิดคือวิญญาณทำงานหนักมากนะครับ
เกิดดับอยู่กับรูปและสัญญา ไม่ได้อยู่กับกายสม่ำเสมอ
จิตจะปรุงแต่งอารามณ์อื่นตามมาได้มากมาย
จนเห็นเป็นแสงหรือหรือใดๆที่เกิดปรากฎรอบๆความคิด
พระศาสดาตรัสสอน สิ่งใดเกิดเป็นธรรม ย่อมดับไปเป็นธรรมดา
ฉะนั้น จึงมองว่านั่นไม่ใช่สาระของการฝึกปฎิบัติครับ
ธรรมวินัยนี้สอนให้รูัว่า ตาหูจมูกลิ้นกายใจ เป็นทุกข์
สิ่งใดไม่เคยมีก็มีมา สิ่งใดดับไปแล้วก็ดับไป
นั่นต้องพิจารณให้เห็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตาครับ
เห็นความไม่เที่ยงของสิ่งที่เกิดขึ้น
และเมื่อเกิดแล้ว ย่อมจางคลายและแตกสลายในที่สุด
เมื่อไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
มันควรที่จะตามเห็นหรือว่านั่น ตัวเราของเรา ??
โยนิโสมนสิการดีๆนะครับ
สาธุ ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านเคยสอนไว้ว่าทำสมถะและวิปัสสนาญาณทั้งสองอย่างได้เป็นการดี จิตจะมีกำลังมาก วิปัสสนาญาณทำตรงไหนก็ได้จะเดินจะนั่ง ทำงานใดๆก็ทำได้ ขอบคุณพระอาจารย์ครับผมสาธุ
จิตถึงอัปนาสมาธิ อัปนาฌาน ร่างกายตัวตนหายหมด เหลือจิตดวงเดียว กับความสว่างและควสมสุขที่ไม่มีประมาณ ถึงซึ่งสมถะ แต่จิตที่อยุ่ในฌาน4นี้ไม่สารถพิจรนาวิปัสนาใด้ถอยจิตมาที่อุปจาระมีตัวมีตนพิจรนาวิปัสนาใด้ทั้งขัน5และอาการ32 พิจรนาจนจิตมันเบื่อหน่ายคลายกำหนัด
ขอน้อมจิตน้อมกายกราบบูชาธรรมเจ้าค่ะ ข้าน้อยฟังครูบามาเกือบจะครบสิบคลิปแล้ว แต่เลือกฟังเฉพาะเกี่ยวกับหลักการทำสมาธิเท่านั้นเจ้าค่ะ ท่านครูบาเทศได้ตรงตามที่ปฏิบัติมาทุกขั้นตอน สุดท้ายพูดถึงการบวช ถ้าเช่นนั้นการโหยหาตั้งแต่ ยังเด็กอยู่ก็คือได้เคยทำสมาธินี้มาในดีตชาติใช่ไหมเจ้าค่ะ เพราะรู้สึกตัวว่าใจไม่มีความผูกพันธุ์ในครอบครัวญาติพี่น้องมาตั้งแต่เด็กๆเจ้าค่ะ ยิ่งพอทำสมาธิถึงตอนสุดท้ายแล้วรอจิตถอนออกมาเอาสมาธิที่คายนั้นมาพิจารณากายตามที่องค์หลวงตามหาบัวสอนแล้ว ยิ่งห่างออกอีกเยอะเลยเจ้าค่ะ และยิ่งมาฟังเทศท่านครูบาเทศนี่ยิ่งได้แนวทางมากขึ้นเจ้าค่ะ รอฟังเทศแบบนี้มานานเพิ่งมาได้ฟังเจ้าค่ะ น้อมกราบสาธุๆๆในธรรมเจ้าค๊ะ
แอดคะขอเอาโฆษณาเป็นก่อน และหลังได้มั้นยคะ เพราะฟังธรรมเพลินๆเดี๋ยวโฆษณาๆๆๆ จะได้มั้ยคะขอบคุณค่ะ
กราบสาธุเจ้าคะ
น้อมกราบในธรรมของท่านครูบาทุยสาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ทุกขัง ความทนได้ยาก ต้องกำหนดรู้ สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ต้องละ นิโรธ ความดับทุกข์ ควรทำให้แจ้ง มรรค ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ควรทำให้เกิดขึ้น อนิจจัง ความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ทุกขัง ความทนได้ยาก อนัตตา ความไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในมัน มันไม่มีในเรา เพราะมี อวิชชา จึงมีตัณหา เพราะมี ตัณหา จึงมีอุปาทาน เพราะมี อุปาทาน จึงมีภพ เพราะมี ภพ จึงมีชาติ เพราะมี ชาติ จึงมี ชรา , มรณะ , โสกะ , ปริเทว , อุปายาส ถูกใหมครับ
นะมัสการครับ ขออนุญาตครับ ภาวนาไปถึงจุดหนึ่งแล้วมันเหมือนฝัน ได้เจอกับพระภิษุชรา คลายๆหลวงปู่ทวด ลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็รู้นะครับว่ากำลังนั่งสมาธิอยู่ สักพักขนลุกซู่ขึ้นไปบนศรีษะรู้สึกขนลุกแรงมากจนกลายเป็นสายรุ้งกินน้ำพุ้งออกมาจากหัวขึ้นไปบนฟ้าทางที่พระภิกษุชราอยู่ เหมือนตัวจะลอยขึ้นไปตามสายรุ้งนั้น ในใจก็เกิดอาการกลัว กลัวลอยขึ้นไปสูงๆแล้วจะตก เลยออกจากสมาธิโดยการใช้มือปัดสายรุ้งที่กำลังพุ่งออกจากศรีษะ มีเสียงแตกเหมือนแก้วแตกเสียงดัง สายรุ้งทั้งหมดแตกหายไปออกจากสมาธิ หูได้เสียงผู้คนคุยกัน เสียงรถลาได้ยินปกติ ไม่เหมือนตอนอยู่ในภวังค์ แต่รู้สึกเสียดายที่ทำรุ่งกินน้ำที่กำลังจะพาตัวลอยขึ้นไปหาพระภิษุชรารูปนั้น ปิติมาก แต่ยังเสียดายอยู่ แต่ถ้าไปถึงจุดนั้นอีกก็คง ไม่กล้าลอยตัวขึ้นไปอยู่ดี กลัวจะตกกลางอากาศ 😂😂😂 ช่วงหลังๆมานี้ไม่ค่อยได้ทำเลยครับ เพราะทำแล้ว ไม่เคยไปถึงจุดนั้นอีกเลย
สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา
ฉะนั้น นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ รู้ได้ แต่ต้องวางครับ ไม่ใช่ตาม
จิตนี้ ไม่ใช่ตัวเราของเรา ระวังถูกหลอกได้ง่ายๆ
น้อมกราบครูบาฉายสาธุ
น้อมกราบ.. บูชาธรรมองค์ครูบาฉ่าย
ด้วยเศียรเกล้า ขออนุโมทนาบุญ สาธุธรรมครับ
สาธุๆๆคะธรรมมะครูบาฉ่ายโยมจะนำไปฝึกปฏิบัติต่อคะ..สาธุๆๆๆ
น้อมกราบสาธุครับ
ผมชอบฟังหลวงตาสินทรัพย์ท่านสนทนาธรรมท่านพูดไปหัวเราะไปแต่ธรรมมะนั้นลึกซึ้งนะครับ ขอกราบเท้าสาธุในคำสอนแบบเรียบง่ายครับ
กราบสาธุๆๆ
เจ้าค่ะ🙇♀️🙇♀️🙇♀️
โมทนาธรรม🙏😅
โมทนาบุญ🙏
น้อมกราบ ครูบาฉ่าย(ตนบุญ)
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
แปลกครับ..ผมฟังไม่รู้เรื่องตกใจ.!!
สักวันคงได้กราบเท้าครูบา หากมีบุญ
🙏🙏🙏
อาจหาญเด็ดเดี่ยวฟาดกันเต็มที่
🙏🙏🙏
ครูบา สับสนภาษาพยัญชนะอัฏฐะกะ ชัดเจนจ๊ะ จะอานาปานสติหรือสมถะ มันก็ถามสติเดียวกันอย่าไปหลง ภาษาสิจ๊ะ ก็ครูบานี่แหละ ที่ทำให้คณะสงฆ์เดือดร้อนเรื่องพระธาตุ หลวงพ่อสิ้นคิด ต้องตอบโต้ กับพวกที่เอาพระธาตุไปพิสูจน์ ก่อนหน้าก็ท้าทายแต่ผลไม่เป็นอย่างที่หมาย นี่แหละจึงวุ่นวาย คำว่าอาปานสติคำว่าปล่อยวาง จึงเป็นปัญหาทั้งสำนักหรือผู้กล่าวไม่เชื่อ จึงเถียงกันไปมาเหมือนตาบอดคลำช้าง ใครเห็นหางใครเห็นหูใครเห็นขาใครเห็นลำตัวก็ว่าไปตามแนวทาง ที่ผัสสะ มันจึงไม่ครบบริบทเหมือนอาชีพคน ความชำนาญความถนัด จึงมีหลายอาชีพแต่ผลก็คือ ความมั่นคงเงินตราและครอบครัว ภาษา อัตถะพยัญชนะ นักวิปัสสนา มักจะเป็นอย่างนี้กันล่ะจ๊ะคนฟังก็งงไปงงมา คิดว่าอย่างนั้นนะจ๊ะ
สาธุ อนุโมทนา
น้อมกราบสาธุในคำสอนครับ สาธุ สาธุ สาธุ
กราบนมัสการพระเดชพระคุณ ครับ🙏🙏🙏
กราบสาธุเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
สาธุ ครับ
สาธุครับ
ขอบพระคุณลละเอียดเข้าไจง่ายเจ้าคะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
กราบสาธุในธรรมครับ...พระคุณเจ้า
ละเอียดมากครับเรื่องทิ้งคำบริกรรม
บุญแท้ๆเพิ่งรู้ครั้งนี้เองครับ สาธุ สาธุ สาธุ
🙏🙏🙏
ปัญญาเกิดทุกถ้อยคำธรรมะของครูบา
🙏🙏🙏
กราบคูรบาฉ่ายสาธุๆๆๆค่ะ
น้อมกราบสาธุค่ะ
น้อมกราบสาธุค่ะครูบา
กราบสาธุๆค่ะครูบา
สาธุๆๆ🙏🙏🙏
กราบสาธุครับ❤
กราบสาธุสาธุสาธุค่ะ
กราบสาธุ
สาธุสาธุสาธุ แจ่มแจ้งแล้วหนอ
สาธุๆในธรรมครับผม
รับฟังดุดันดี😊😊😊
รักครูบาด้วยหัวใจ🙏🙏🙏
ขอจองคริปนี้นำไปปฏิบัติให้รู้แจ้ง
🙏🙏🙏
สาธุๆค่ะๆ
ใช่
FC
กราบสาธุสาธุสาธุต่ะ
น้อมกราบ 🙏🙏🙏 สาธุ สาธุ สาธุ ครับผม
น้อมกราบนมัสการครูบา ฉ่ายครับ
กราบนมัสการจร้า
🙏🙏🙏♥️สาธุสาธุสาธุครับ
สาธุสาธุสาธุ
🙇♂️🙇♂️🙇♂️🙏🙏🙏
เป็นนักปฎิบ้ติธรรมเขาไม่พูดมากมันจะก่อให้จิตฟุ้งซ่านให้ปฏิบัติให้ทะลุเหมือนหลวงตาสิ้นคิดก่อนผมว่าจิตของหลวงตาสิ้นคิดท่านมีมหาสติแล้ว นักปฎิบัติมักไม่พูดหรือพูดน้อยที่สุด จิตที่เจริญเมตตาจะทำให้ได้สมาธิไวนะครับ เฮ้อ!อเหนื่อยท่านพูดดุดันแบบนี้คงอีกนาน พูดเบาๆก็ได้ครับ
นาที 30 คำบริกรรม
ศิลห้าปราบผีไม่ได้
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
[๒๓๖] ที่ชื่อว่า อุตตริมนุสสธรรม ได้แก่ ๑. ฌาน ๒. วิโมกข์ ๓. สมาธิ ๔. สมาบัติ ๕. ญาณทัสสนะ ๖. มัคคภาวนา ๗. การทำให้แจ้งซึ่งผล ๘. การละกิเลส ๙. ความเปิดจิต ๑๐. ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า
ที่ชื่อว่า ฌาน ได้แก่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน
ที่ชื่อว่า วิโมกข์ ได้แก่ สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิหิตวิโมกข์
ที่ชื่อว่า สมาธิ ได้แก่ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิตสมาธิ
ที่ชื่อว่า สมาบัติ ได้แก่ สุญญตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ
ที่ชื่อว่า ญาณ ได้แก่ วิชชา ๓
ที่ชื่อว่า มัคคภาวนา ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘
ที่ชื่อว่า การทำให้แจ้งซึ่งผล ได้แก่การทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล การทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล การทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล การทำให้แจ้งซึ่งอรหัตตผล
ที่ชื่อว่า การละกิเลส ได้แก่การละราคะ การละโทสะ การละโมหะ
ที่ชื่อว่า ความเปิดจิต ได้แก่ความเปิดจิตจากราคะ ความเปิดจิตจากโทสะ ความเปิด
จิตจากโมหะ
ที่ชื่อว่า ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า ได้แก่ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่าด้วยปฐมฌาน ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่าด้วยทุติยฌาน ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่าด้วยตติยฌาน ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่าด้วยจตุตถฌาน.
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
[๙๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระสารีบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านพระสารีบุตรว่า ดูกรสารีบุตร กำลังของภิกษุขีณาสพมีเท่าไรหนอ ที่ภิกษุขีณาสพประกอบแล้ว ย่อมปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายว่า อาสวะของเราสิ้นแล้ว ฯ
ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กำลังของภิกษุขีณาสพมี ๑๐ ประการ ที่ภิกษุขีณาสพประกอบ แล้วปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายว่า อาสวะของเราสิ้นแล้ว กำลัง ๑๐ ประการเป็นไฉน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุขีณาสพในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้พิจารณาเห็นสังขารทั้งปวงโดยความเป็นของไม่เที่ยง ด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญแม้ข้อที่ภิกษุขีณาสพเป็นผู้พิจารณาเห็นสังขารทั้งปวงโดยความเป็นของไม่เที่ยงด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของภิกษุขีณาสพ ที่ภิกษุขีณาสพได้อาศัยปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายว่า อาสวะของเราสิ้นแล้ว ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้พิจารณาเห็นกามทั้งหลาย เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อที่ภิกษุขีณาสพเป็นผู้พิจารณาเห็นกามทั้งหลาย เปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง ด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง นี้ก็เป็นกำลังของภิกษุขีณาสพ ...
อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้มีจิตโน้มไป น้อมไป โอนไปในวิเวก ยินดียิ่งในเนกขัมมะ เป็นจิตสิ้นไปจากธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะโดย
ประการทั้งปวง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อที่ภิกษุขีณาสพเป็นผู้มีจิตโน้มไปน้อมไป โอนไปในวิเวก ตั้งอยู่ในวิเวก ยินดีในเนกขัมมะ เป็นจิตสิ้นไปจากธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะโดยประการทั้งปวง นี้ ก็เป็นกำลังของภิกษุขีณาสพ ...
อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔ เจริญดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อที่ภิกษุขีณาสพเจริญสติปัฏฐาน ๔ เจริญดีแล้วนี้ ก็เป็น
กำลังของภิกษุขีณาสพ ...
อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญสัมมัปปธาน ๔ เจริญดีแล้ว ...
อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญอิทธิบาท ๔ เจริญดีแล้ว ...
อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญอินทรีย์ ๕ เจริญดีแล้ว ...
อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญพละ ๕ เจริญดีแล้ว ...
อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญโพชฌงค์ ๗ เจริญดีแล้ว ...
อีกประการหนึ่ง ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘เจริญดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อที่ภิกษุขีณาสพเป็นผู้เจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ เจริญดีแล้วนี้ ก็เป็นกำลังของภิกษุขีณาสพ ที่ภิกษุขีณาสพอาศัยปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายว่า อาสวะของเราสิ้นแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กำลังของภิกษุขีณาสพมี ๑๐ ประการนี้แล ที่ภิกษุขีณาสพประกอบแล้ว ปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายว่า อาสวะของเราสิ้นแล้ว ฯ
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๐ สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
[๕๘๖] ครั้งนั้นแล นายจัณฑคามณีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้บุคคลบางคนในโลกนี้ ถึงความนับว่า เป็นคนดุ เป็นคนดุ ก็อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้บุคคลบางคนในโลกนี้ถึงความนับว่า เป็นคนสงบเสงี่ยม เป็นคนสงบเสงี่ยมพระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรนายคามณี คนบางคนในโลกนี้ยังละราคะไม่ได้เพราะเป็นผู้ยังละราคะไม่ได้ คนอื่นจึงยั่วให้โกรธ คนที่ยังละราคะไม่ได้คนอื่นยั่วให้โกรธ ย่อมแสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่าเป็นคนดุ คนบางคนในโลกนี้ยังละโทสะไม่ได้ เพราะเป็นผู้ยังละโทสะไม่ได้ คนอื่นจึงยั่วให้โกรธ คนที่ยังละโทสะไม่ได้คนอื่นยั่วให้โกรธ ย่อมแสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่าเป็นคนดุ คนบางคนในโลกนี้ยังละโมหะไม่ได้ เพราะเป็นผู้ยังละโมหะไม่ได้ คนอื่นจึงยั่วให้โกรธ คนที่ยังละโมหะไม่ได้อันคนอื่นยั่วให้โกรธ ย่อมแสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่าเป็นคนดุ ดูกรนายคามณี นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้คนบางคนในโลกนี้ถึงความนับว่าเป็นคนดุ เป็นคนดุ ฯ
[๕๘๗] ดูกรนายคามณี อนึ่ง คนบางคนในโลกนี้ละราคะได้แล้ว เพราะเป็นผู้ละราคะได้ คนอื่นจึงยั่วไม่โกรธ คนที่ละราคะได้แล้วอันคนอื่นยั่วให้โกรธก็ไม่แสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่า เป็นคนสงบเสงี่ยม คนบางคนในโลกนี้ละโทสะได้แล้ว เพราะเป็นผู้ละโทสะได้ คนอื่นจึงยั่วไม่โกรธ คนที่ละโทสะได้แล้วอันคนอื่นยั่วให้โกรธ ก็ไม่แสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่า เป็นคนสงบเสงี่ยม คนบางคนในโลกนี้ละโมหะได้แล้ว เพราะเป็นผู้ละโมหะได้ คนอื่นจึงยั่วไม่โกรธ คนที่ละโมหะได้แล้วอันคนอื่นยั่วให้โกรธ ก็ไม่แสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่า เป็นคนสงบเสงี่ยม ดูกรนายคามณี นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้คนบางคนในโลกนี้ถึงความนับว่า เป็นคนสงบเสงี่ยมเป็นคนสงบเสงี่ยม ฯ
[๕๘๘] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว นายจัณฑคามณีได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก พระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกหนทางให้แก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูปฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาค กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะจนตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ
อารายจ๊ะ😩
@@dughyusyeue6659 ทรงนี้อธิบายไปก็เท่านั้น
@@user-bi4vp6lg1r คนละโลก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๕
มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
มรรคปฏิปทาเครื่องละสังโยชน์
[๑๕๖] ดูกรอานนท์ ข้อที่ว่า #บุคคลจักไม่อาศัยมรรคปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ #แล้วจักรู้ จักเห็น #หรือจักละ #โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ได้นั้น #ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้. ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนข้อที่ว่า ไม่ถากเปลือก ไม่ถากกระพี้ของต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นมีแก่น แล้วจักถากแก่นนั้น ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันใด ข้อที่ว่า บุคคลจักไม่อาศัยมรรคปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ แล้ว จักรู้ จักเห็น หรือจักละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ได้นั้นก็ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันนั้น. ดูกรอานนท์ ข้อที่ว่า บุคคลอาศัยมรรคปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ แล้ว จักรู้ จักเห็น และจักละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ นั้นได้ เป็นฐานะที่จะมีได้. ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนข้อที่ว่า ถากเปลือก ถากกระพี้ของต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นมีแก่น แล้วจึงถากแก่นนั้น เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันใด ข้อที่ว่า บุคคลอาศัยมรรคปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ แล้ว จักรู้ จักเห็น หรือจักละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ได้นั้น ก็เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันนั้น. ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนแม่น้ำคงคาน้ำเต็มเปี่ยมเสมอขอบฝั่ง กาก้มลงดื่มได้ ครั้งนั้น บุรุษผู้มีกำลังน้อย พึงมาด้วย หวังว่า เราจักว่ายตัดขวางกระแสน้ำแห่งแม่น้ำคงคานี้ ไปให้ถึงฝั่งโดยสวัสดี ดังนี้เขาจะไม่อาจว่าย ตัดขวางกระแสน้ำแห่งแม่น้ำคงคา ไปให้ถึงฝั่งโดยสวัสดีได้ ฉันใด เมื่อธรรมอันผู้แสดงๆ อยู่แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง เพื่อดับความเห็นว่า กายของตน จิตของผู้นั้นไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่มั่นคง ไม่พ้น ฉันนั้นเหมือนกัน. บุรุษผู้มีกำลังน้อยนั้น ฉันใด พึงเห็นบุคคลเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกัน. ดูกรอานนท์เปรียบเหมือนแม่น้ำคงคา น้ำเต็มเปี่ยมเสมอขอบฝั่ง กาก้มลงดื่มได้ ครั้งนั้นบุรุษมีกำลัง พึงมาด้วยหวังว่า เราจักว่ายตัดขวางกระแสน้ำแห่งแม่น้ำคงคานี้ ไปให้ถึงโดยสวัสดี ดังนี้ เขาอาจจะว่ายตัดขวางกระแสแห่งแม่น้ำคงคา ไปให้ถึงฝั่งโดยสวัสดีได้ ฉันใด ดูกรอานนท์ เมื่อธรรมอันผู้แสดงๆ อยู่แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเพื่อดับความเห็นว่า กายของตน จิตของตน จิตของผู้นั้นแล่นไปเลื่อมใส มั่นคง พ้น ฉันนั้นเหมือนกันแล. บุรุษมีกำลังนั้นฉันใด พึงเห็นบุคคลเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกัน.
(ส่วนต่อจากพระสูตรด้านบน)
#รูปฌาน ๔
[๑๕๗] #ดูกรอานนท์มรรคปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ เป็นไฉน?ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมเพราะอุปธิวิเวก เพราะละอกุศลธรรมได้ เพราะระงับความคร้านกายได้โดยประการทั้งปวง บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจารมีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขารวิญญาณ ซึ่งมีอยู่ในภายในสมาบัตินั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก เป็นไข้ เป็นอื่น เป็นของทรุดโทรม เป็นของสูญเป็นของมิใช่ตัวตน. เธอย่อมเปลื้องจิตจากธรรมเหล่านั้น ครั้นเธอเปลื้องจิตจากธรรมเหล่านั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตไปในอมตธาตุว่า ธรรมชาตินี้สงบ ธรรมชาตินี้ประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบสังขารทั้งปวง เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิท เป็นที่ดับกิเลส และกองทุกข์ดังนี้. เธอตั้งอยู่ในวิปัสสนา อันมีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์นั้น ย่อมบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้ายังไม่บรรลุธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายย่อมเป็นโอปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะความยินดี ความเพลิดเพลินในธรรมนั้น และเพราะสิ้นไปแห่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ทั้ง ๕ ดูกรอานนท์ มรรคแม้นี้แล ปฏิปทาแม้นี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕.
ดูกรอานนท์ อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่.
ดูกรอานนท์ อีกประการหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข.
ดูกรอานนท์ อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่. เธอพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งมีอยู่ในภายในสมาบัตินั้น ฯลฯเพื่อละสังโยชน์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
#ฌานสูตร
[๒๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายเพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง ทุติยฌานบ้าง ตติยฌานบ้าง จตุตถฌานบ้าง อากาสานัญจายตนฌานบ้าง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เพราะอาศัยเนวสัญญานาสัญญายตนฌานบ้าง ฯ
ก็ข้อที่เรากล่าวว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง ดังนี้นั้น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมี
อยู่ในขณะแห่งปฐมฌานนั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร ไม่มีสุข เป็นอาพาธ เป็นของผู้อื่น เป็นของชำรุดว่างเปล่า เป็นอนัตตา เธอย่อมยังจิตให้ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้น ครั้นแล้ว เธอย่อมโน้มจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่นประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ความคลายกำหนัดความดับ นิพพาน เธอตั้งอยู่ในปฐมฌานนั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้ายังไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เธอย่อมเป็นอุปปาติกะจักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป ด้วยความยินดีเพลิดเพลินในธรรมนั้นๆ ดูกรภิกษุทั้งหลายเปรียบเหมือนนายขมังธนู หรือลูกมือของนายขมังธนู เพียรยิงรูปหุ่นที่ทำด้วย
หญ้าหรือกองก้อนดิน ต่อมาเขาเป็นผู้ยิงได้ไกล ยิงไม่พลาด และทำลายร่างใหญ่ๆได้แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกันแล สงัดจากกาม ฯลฯ #บรรลุปฐมฌาน #เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ #อันมีอยู่ในขณะแห่งปฐมฌานนั้น #โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ... ว่างเปล่าเป็นอนัตตา เธอย่อมยังจิตให้ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้น ครั้นแล้วย่อมน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่นประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง ... นิพพาน เธอตั้งอยู่ในปฐมฌานนั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้ายังไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เธอย่อมเป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป ด้วยความยินดีเพลิดเพลินในธรรมนั้นๆ ข้อที่เรากล่าวว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายเพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง ดังนี้นั้น เราอาศัยข้อนี้กล่าวแล้ว ฯ
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
[๒๓๖] ที่ชื่อว่า อุตตริมนุสสธรรม ได้แก่ ๑. ฌาน ๒. วิโมกข์ ๓. สมาธิ ๔. สมาบัติ ๕. ญาณทัสสนะ ๖. มัคคภาวนา ๗. การทำให้แจ้งซึ่งผล ๘. การละกิเลส ๙. ความเปิดจิต ๑๐. ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า
ที่ชื่อว่า ฌาน ได้แก่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน
ที่ชื่อว่า วิโมกข์ ได้แก่ สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิหิตวิโมกข์
ที่ชื่อว่า สมาธิ ได้แก่ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิตสมาธิ
ที่ชื่อว่า สมาบัติ ได้แก่ สุญญตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ
ที่ชื่อว่า ญาณ ได้แก่ วิชชา ๓
ที่ชื่อว่า มัคคภาวนา ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘
ที่ชื่อว่า การทำให้แจ้งซึ่งผล ได้แก่การทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล การทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล การทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล การทำให้แจ้งซึ่งอรหัตตผล
ที่ชื่อว่า การละกิเลส ได้แก่การละราคะ การละโทสะ การละโมหะ
ที่ชื่อว่า ความเปิดจิต ได้แก่ความเปิดจิตจากราคะ ความเปิดจิตจากโทสะ ความเปิด
จิตจากโมหะ
ที่ชื่อว่า ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า ได้แก่ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่าด้วยปฐมฌาน ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่าด้วยทุติยฌาน ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่าด้วยตติยฌาน ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่าด้วยจตุตถฌาน.
อารายจ๊ะ😁
@@dughyusyeue6659 งงไปดิ
ใคร่ครวญเรื่องการภาวนาในคำกับลมหายใจดีๆนะครับ
คำบริกรรม จิตมันไปเกาะขันธ์ไหน แล้วลมคือขันธ์ไหน
สิ่งนี้คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่า มันคืออันเดียวกัน
ทั้งๆที่มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในลมและคำบริกรรม
"นึก" กับ "รู้" ก็ต่างกันแล้วนะครับ แยกแยะธรรมกันดีๆ
และภาวนาพุทโธ พระศาสดาก็ไม่ได้มีสอนเลย
เรากำลังทำตามคำของใครกันหรือครับ ??
ถ้าจะอ้างว่าเป็นพุทธานุสสติ กลับไปศึกษาดีๆก่อนนะครับ
ว่าพุทธานุสสติจริงๆมันคืออย่างไรกันแน่
ท่านใดเห็น ก็ใคร่ครวญในคอมเม้นนี้มากๆหน่อยนะครับ
อย่ามองเพียงเป็น อคติ นะครับ นี่คือติ เพื่อให้ใคร่ครวญ
ไม่งั้นก็ก้มหน้าก้มตาสาธุกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้ปัญญาใดๆ
เป็นเทคนิคของครูบาอาจารย์ครับสำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ๆที่ใช้คำบริกรรมผูกไปกับลมหายใจเพื่อให้ใจสงบง่ายขึ้นไม่ไช่จะภาวนาเพื่อเอาคำบริกรรม เเต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสอานาปานสติไว้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก เอามาใช้ร่วมกันก็ไม่เป็นการผิดอะไร
เเล้วเเต่คนถนัดคับ
@@banknithipat2711 เข้าใจครับ แต่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไหมครับ
คนส่วนใหญ่ไปไม่ถึงคำสอนพระพุทธเจ้า
และเข้าใจยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะอ้างว่า ยากเกิน
ไม่ใช่แค่ฆารวาสนะ แม้แต่ภิกษุเอง ยังพลาดเรื่องนี้
ถ้าใคร่ครวญดีกว่านี้ จะเห็นลมกับคำภาวนาคนละตัวกัน
มันผูกกันไม่ได้ เปรียบเหมือนเทน้ำมันบนน้ำสะอาด
ยังไงน้ำมัน มันก็ลอยแยกจากน้ำ ฉันใดก็ฉันนั้นเลย
จะเอาหรือไม่เอาคำภาวนา หลักการมันคือ "คิด"
คิดคำภาวนานั้นออกมาแล้ว เพื่ออ้างว่า ผูกกับลม
หลักการก็คนละอย่างแล้วครับ ลม คือ รูป(กาย)
ความคิด คือ สังขาร และ สัญญา
คำบริกรรมพุทโธ คุณคิดได้ จำได้ มันคือ สัญญา
ใคร่ครวญในธรรมข้อนี้ให้ดีๆนะครับ
เรื่องพวกนี้เราฝืนทำกันมานาน ผมก็เคย
ปรุงย้ำๆบ่อยๆจนกลายเป็นทำให้เราเชื่อว่า มันผูกกัน
ซึ่งความเป็นจริงอย่างที่ผมอธิบาย มันคนละตัวเลย
และมันไม่เกี่ยวกับถนัดหรือไม่ถนัดครับ
ลมหายใจ มนุษย์ทุกคนรู้สึกถึงมันได้หมดครับ
แค่ "รู้" ไม่ใช่ "คิดว่า" รู้อยู่
โยมขอน้อมกราบสาธุสาธุเจ้าค่ะพระอาจารย์
กราบสาธุเจ้าค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญสาธุๆ
ครับ
น้อมกราบครูบาสาธุคับ
🙏🙏🙏🙏
🙏🙏🙏
สาธุครับ
สาธุๆๆ❤❤❤
ขอน้อมกราบสาธุค่ะ
สาธุๆๆครับ
ขอน้อมกราบสาธุครับ
กราบสาธุค่ะ 🙏
สาธุค่ะ
ในทัศนะผมถ้าท่านครูบาฉ่ายเจริญเมตตามากๆจะบรรลุในสิ่งที่ท่านพูดมาเสียเยอะเลยด้วยความปรารถนาดีครับมิได้มีเจตนาไม่ดีต่อท่านครับ
สาธุๆๆค่ะ
น้อมกราบสาธุค่ะ
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏
สาธุค่ะ
พบแลัวครูบาบรรยายธรรมเรื่องจิตทื่ติดหยู่ฟ้งแล้วกระจ่างขืนมากสาธุ
สาธุท่านอธิบายได้แจ่มแจ้งเข้าใจง่ายมีกำลังใจฝึกเจ้าค่ะ
กระผมขอนับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์อีกองค์หนึ่ง
🙏🙏🙏
ทำซ้ำๆซากๆ🙏🙏🙏✔กดข่มไว้ด้วยสมถะ🙏✔ยางตายออกเพราะของดีเลยตายไปนิดเดียว😀สถานที่นั่งก็สำคัญ✔ท่านปฏิบัติได้ละเอียดมากสมเป็นลูกพระพุทธเจ้าในยุด2566🙏
ในหนังจับถ่ายทอดวิชาให้กันได้พระต้องทำได้ซิ
มึงหัดอยู่กับโลกความมีจิงบ้างนะ