Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
แปล อิมินาแผ่บุญ อิมินา ปุ๋ญญะกั๋มเมนะ ด้วยเต๋จะผลบุญ อันผู้ข้า ได้หื้อตานในวันนี้ (ได้สังวาดสวดธิยายธรรมไปในวันนี้) ขอหื้อได้ก้ำจูอุดหนุน ผู้ที่มี จีวิตอยู่ และล่วงลับไป คือ ปิตต๋ามารดา ลูกเต้าหลานเหลน และญา-ติก๋าอาจารย์เจ้า พระมหากษัตริย์ และมิตรตี่ฮัก เปื่อนเกิดแก่เจ็บตาย และสัตต๋าน้อยใหญ่ ขอจุ่งได้เป็นดั่งสะเปาคำ ลำใหญ่กว้าง ข้ามต่าต๊างกงกา คือโอฆะสงสาร โลกหล้า อัสสา ขอจุ่งเป็นม้าแก้วตัวนึ่ง จื่อว่าอาจานัย ผาถะหรั๋ยปัจจัยเข้าห่อ มัคกะยายานแก้วกว้างต่อเนรปาน สุวัณณะปันลังกะโต ขอหื้อเป็นแผ่นแป้นกระดานคำ นำปิดอบายตังสี่ ขอหื้อผู้ข้า อย่าได้ฮู้หัน อัตถะลักขณะแปดแห่ง อย่าได้ตกแต่งต๋นตัว กือ ปะจันตะโจ อะรูปะโจ๋ อะสะยิโก วิสาลังโก เปโต วิริโย มิจฉาทิฏฐิโก ติรัจฉาจาโต ในตี่ดั่งอั้นก็ดี อันว่าพุทธะลักขณะถ้วนเก้า อันพระเจ้าไว้ศาสนา พุทโธอุปปันโน ธัมโมอุปปันโน สังโฆอุปปันโน ในมนทลและเมืองเตส ตี่วิเศษลือ ขอหื้อได้ปบพุทธศาสนาอันสักสวาด หื้อได้ปบพุทธบาทตี่คนยำ หื้อได้ตะรงศีลธรรม จำโอวาท หื้อได้เป็น เจ้าธนจาดติขะปัญญา หื้อมีผะหญ๋าปัญญาอันกล้าแก่น ฮู้อาจแม่นธรรมพระเจ้า แปดหมื่นสี่ปันขันนั้นแด่เต๊อะสัพเป สัตตา สัตว์ตังหลายตังมวล อะเวราโหนตุ เป็นผู้บ่มีเวรเต๊อะ อัพพะยา ปัชชาโหนตุ เป็นผู้บ่เบียดเบียนกันเต๊อะ อะนีฆา โหนตุ เป็นผู้บ่มีตุกข์ก๋ายตุกข์ใจ๋เต๊อะ สุขี อัตตานัง ปะริหารันตุ เป็นผู้มีสุขฮักษาต๋นเต๊อะ สัพเป สัตตา สัตว์ตังหลายตังมวล ตุกขาปะมุญจันตุ จุ่งป้นจากตุกข์เต๊อะ สัพเป สัตตา สัตว์ตังหลายตังมวล มะรัตถะสัมปัตติโต วิคัจฉันตุ อย่าได้ผาสะจากสมบัติอันต๋นได้แล้วนั้นเต๊อะปุ๋ญญัง อันว่าบุญ อันผู้ข้าได้ไหว้และปู่จา ได้ตานมาหลายสิ่ง ขอหน้าบุญอันนี้ยิ่งแผ่ผาย ยายรอดจอดปิตต๋ามารดา ครูบาอาจารย์และญา-ติก๋ามวลมาก ปี่น้องแสนหากตังหลาย และยังสัตต๋ามวลหมู่ อันอยู่ในน้ำและเหนือดิน สัตว์สี่ตีนสองตีน สัตว์บินบนโหนอากาศ แม่นผู้ข้าได้ปาณาติบาต ได้อาฆาตต๋ายไป ด้วยใจเจตนาก็ดี และหาเจตนาบ่ได้ก็ดี สัพเพสัตตา ยังสัตว์นานาน้อยใหญ่ หื้อได้หมดลมหายใจ อันได้กินจิ้นเลือดเนื้อ ลาบอ่อมต้มสุกล้มปิ้งจี่ ขอหน้าบุญตังหลายเหล่านี้ จุ่งหื้อไปเถิงแด่เต๊อะ ปุญญัง อันว่าบุญ อันผู้ข้าได้ไหว้และปู่จา ได้ตานมาหลายแหล่ ขอจุ่งไปฮอดแผ่ดวงวิญญาณ ตังผีสางต่ำใต้ ตุ๊กยากไร้ลำบาก ตายละพรากกายา สัพเปสัตต๋า อันว่าสัตว์ตังหลาย อันได้ต๋ายไปเป็นสัมพะเวสีผีเปรต ทุกขะเวตตะนา เจ้าป่าเจ้าภู เจ้ากู่เจ้าตาง ผีสางดงใหญ่ เจ้าป่าไม้ดงดำ เจ้ากรรมและนายเวร เจ้าตุ๊กแสนเข็ญเศร้าโศก สัตว์ต้อง ตุ๊กโต๊ดอบาย อันมีหลายมวลมาก ได้ตะรงวิบากนานา อันกรรมปามาตกแต่ง มีนรกแปดแห่งปูนกลัว ตายแล้วกับเป็นตั๋วดั่งเก่า ไฟฟองเอ่าอยู่คืนวัน เป็นหมอกควันฮ้อนไหม้ อุสุตะนารกใจ่สามานย์ โลหะกุมปีหาญใจ่จ้า วะระณีไฟลุกกล้าแดงเขียว สังคะตะนรก เป็นเปี๋ยวไหม้เดือด อเวจีลุกเฮือดดั่งฟองไฟ โรรุวะนรกหื้อเป็นไปหลายเยื่อง สัตตะนรกอันเป็นเครื่องก๋งจักร วิริยะอันหนักบ่เส้า ลวดเถิงแม่เจ้าธรณี สะหรีกุตตะอำมาตย์ ต๋นจำบุญจำบาป ต๋นจำเส้นก้านน้ำหยาดหมายตาน ต้าวภูบาลตังสี่ เถิงเจ้าตี่เจ้าแดน สุดแสนสูงยิ่งโยชน์ โผดเถิงนวก๊าตตั้งเก้า เจ้านักขัตกฤษ์สามสิบสองตั๋ว อันตวนเตียวไปมา ในจักกะราศีแห่งผู้ข้า เถิงหกจั้นฟ้ารอดถึงมหาพรหม สุดลวงกลม ขอบจักขะวาล อะนันตะกาล หลายแสนตื้อโกฏิ ขอจุ่งมาผายโผด รับเอายังกุศลบุญตาน และบุญภาวนาของผู้ข้าแด่เต๊อะ ฯ
บทสวดปูจาอะหัง อันว่าข้า คะเหตั๋ว ก็ถือเอาแล้ว อัคคิ คือไฟ ปุปผัง ยังดอก ราจัง ยังเข้าตอก พาหุ อันมากนัก ปัจจะห้าโกฐาก ปูจัง ยังปูจา จิเน ในพระแก้วเจ้าทั้งห้าจำพวก ยะทิ ก็มีอะหังอันว่าข้า อภิรูโป จุ่งหื้อมีรูปโฉมโนมพรรณวรรณะอันงาม มหาปัญโญ จุ่งหื้อมีผะหญ๋าปัญญาอันใหญ่กว้าง ธาเรนโต จุ่งหื้อได้ตะโรง ปิฏะกัตตะเย ยังปิฏะกะตั้งสาม โดยมีแต้แล อานิสังสา อันว่าอานิสงค์ตั้งหลาย ยะทิ ก็มีอะหังอันว่าข้า อะสีติโกฏิโย อันว่าแปดสิบโกฏิ นิพปานัง ตะหราบต่อเต้า เถิงพระนิพปานเจ้า ปะระมัง อันยิ่ง สุขัง ขอหื้อได้อยู่เย็นเป็นสุข นั้นแด่เต๊อะ ฯคำไหว้ลำดับสังขารชะรา ธัมโมมหิ เฮามีความเฒ่าแก่ เป็นธรรมดา ชะรังอะนาตีโต เฮาบ่ล่วงป้นความเฒ่าแก่ไปได้ พะยาธิ ธัมโมมหิ เฮามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา พะยาธิง อะนาตีโต เฮาบ่ล่วงป้นความเจ็บไข้ไปได้ มะระณะ ธัมโมมหิ เฮามีความต๋าย เป็นธรรมดา มะระณัง อะนาตีโต เฮาบ่ล่วงป้น ความต๋ายไปได้ สัพเพปิ เยหิ มะณาเป๋หิ นานาภาโว วินาภาโว เฮาจักได้ละเว้นเป็นไปต่างๆ คือ จักได้พลัดพรากจากของอันรัก อันจ๋ำเริญใจ๋ ตังหลายตังมวลนั่นแล ฯกั๋มมัสสะโกมหิ เฮามีกรรมหากเป็นของๆ ต๋น กั๋มมะทายาโท เฮามีกรรมหากสืบเจื้อ กั๋มมะโยนิ เฮามีกรรมหากเป็นกำเนิด กั๋มมะพันธุ เฮามีกรรมหากเป็นเผ่าพันธุ์ ปี่น้อง กั๋มมะปะฏิสะระโน เฮามีกรรมหากเป็นตี่เปิ่งตี่อาสะรั๋ย ยัง กัมมังกะริสสามิ เฮาตังหลายจักกระตำกรรมอันใดไว้ กัลยาณัง วา อันเป็นบุญก็ดี ปาปะกังวา หรืออันเป็นบาป ตัสสะตายาโต ภะวิสสามิ เฮาตังหลายจักได้สืบเจื้อผละของกรรมแห่งต๋น เอวังอัมเหหิ อะภิณหังปัจจะเวกขิตตัพปัง เฮาตังหลายเปิงปิจจาระณา ดังนี้ จุวัน จุวันแล นามะรูปัง อันว่ารูปและนาม คือว่าต๋นและใจอันนี้ อะนิจจั๋ง ก็บ่เตี่ยง ขะยัตเถนะ รู้แตกรู้ม้างรู้ดับรู้เกิด นิพปานัง อันว่า พระนิพปานเจ้า นิจจั๋ง เป็นอันหมั้นเตี่ยง วัฏฏะ ด้วยมีแต้แล นามะรูปัง อันว่ารูปและนาม คือว่าต๋นและใจอันนี้ ตุกขัง ก็เป็นตุ๊กข์ ภะยัตเถนะ เป็นตี่เกิดแห่งภัยยะตังหลายตังมวล นิพปานัง อันว่า พระนิพปานเจ้า สุขัง ก็เป็นสุขอันยิ่ง วัฏฏะด้วยมีแต้แล นามะรูปัง อันว่ารูปและนาม คือว่าต๋นและใจ๋อันนี้ อะนัตต๋า บ่ใจ่ต๋น อัสสาระกัตเถนะ เหตุหาแก่นหาสารบ่ได้ นิพปานัง อันว่าพระนิพปานเจ้า สารัง เป็นแก่นเป็นสาร หมั้นเตี่ยงยิ่งนัก วัฏฏะ ด้วยมีแต้แล ฯนัตถิ ขันธา สะมา ทุกขา ทุกข์ตังหลายฝูงใด จักเสมอด้วยขันธะ ตัง ๕ นั้นก็หาบ่ได้แล นัตถิ สันติ ปะระมัง สุขัง สุขตังหลายฝูงใดจักเสมอด้วยความระงับกิเลส คือพระนิพปานเจ้านั้นก็หาบ่ได้แล สีลัง ยาวะ ชะรา สาธุ ศีลเป็นของดีวิเศษ กระตำผะโย-จะนะหื้อสำเร็จ ตราบต่อเต๊าจ๋นแก่เฒ่าชะราลง สัทธา สาธุ ปะติฏฐิตา ความเป็นตี่ตั้งหื้อสำเร็จ ผะโยจะนะอันดี ปัญญา นะรานัง ระตะนัง ปัญญาความรู้แจ้งทั่วไปนั้น เป็นเครื่องจำระใจอันวิเศษ ปุญญัง โจเรหิ ทุหะรัง บุญกุศลเป็นเครื่องจำระใจ โจรตังหลาย จักลักปาไปบ่ได้ อัตต๋าหิ อัตตะโน นาโถ คือ ต๋นของต๋นย่อมเป็นตี่เปิ่งแก่ต๋น โกหิ นาโถ ปะโรสิยา บ่มีไผผู้ใด จักมาเป็นตี่เปิ่งในตางดับตุกข์ได้ อัตตะ นาวะ สุตันเต๋นะ คือต๋นของต๋น ทรมานต๋นดีแล้ว ย่อมเป็นตี่เปิ่งแก่ต๋น นาถัง นะลัพภะติ ทุลละภัง เฮาตังหลาย จักกระตำต๋น เป็นตี่เปิ่งได้ด้วยยากนัก อัปปะมาโท อะมะตั๋ง ปะทัง ความบ่มัวเมา คือ มีสะติ ย่อมเป็นหนทาง แห่งความบ่ฮู้ต๋าย คือ พระนิพปานเจ้านั้นแล ปะมาโท มัจจุโน ปะทัง ความมัวเมา คือความโหล้มหลง ย่อมเป็นหนตางแห่งความต๋าย ฉิบหาย อัปปะมัตต๋า นะมิ ยันติ เป็นผู้บ่ประมาท แม่นว่าต๋ายแล้ว ก็เหมือนดั่งมีจีวิตอยู่ เย ปะมัตตา ยะถา มัตตา คนฝูงใดประมาท แม่นว่ามีจีวิตอยู่ ก็เหมือนดั่งต๋ายแล้วนั้นแล ฯ
กำไหว้พระเจ้า ๑๐ จาติ เต๋มิโย นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุธโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา ชะนะโก นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา สุวัณณะสะหยาโม นาโม นามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา เนมิโร นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา มะโหสัตโถ นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา ภูริทัตโต นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา จั๋นต๊ะกุมาโร นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา นาระตะโต นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา วิธุโร นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา เวสสันตะโร นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา สิทธัตโถ นาโมนามะ ภะคะวา เสฏฐัง วัฏฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทธโธ อิติปิโส ภะคะวา
กราบมนัสการ สาตุ สาตุ สาตุจ้าว
คำแผ่เมตต๋า (พรหมตา) พรัหมะตา อันว่าพรหมตังหลายก็ดี เตวา อันว่าเตวะดาตังหลาย ก็ดี อาก๋าสะถาจะ อันอยู่ในอากาศกล๋างหาวก็ดี นาก๊ะราจา อันว่าพระยานาคตังหลายก็ดี มะหิทธิกา อันมีฤทธีอานุภาวะ อะนุโมทันตุ จุ่งอนุโมตะนา ปุ๋ญญังโน ยังบุญแห่งตู๋ตังหลาย รักขันตุ จุ่งฮักษา สาสะนัง ยังศาสะนา อะนุรักขันตุ จุ่งต๋ามฮักษา สาสะนัง ยังศาสะนา จิรัง เสี้ยงก๋าละอันนานนักเต๊อะ เตวะต๋า อันว่าเตวะดาตังหลาย รักขันตุ จุ่งฮักษา อัมเหยัง ผู้ข้าตังหลายเต๊อะ โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี เตวะต๋า แก่เตวะดา ตังหลายเต๊อะ โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี (มะยังอันว่าตู๋ข้าตังหลาย ได้มาหื้อตานนี้เต๊อะ) (มะยัง อันว่าตู๋ข้าตังหลาย ได้มาสังวาสสวดธิยายธรรมอันนี้เต๊อะ) โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี ญาตะก๋า แก่ญา-ติปี่น้องตังหลายเต๊อะ โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี อะญาตะก๋า อันบ่ใจ่ญาติปี่น้องนั้นเต๊อะ โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี ป๋าณีโณ แก่สัตว์ตังหลายเต๊อะ โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี โน แก่เฮาตังหลายศรัทธาตุกเมื่อเต๊อะ ฯกำไหว้อะหังอันว่าข้า (กำไหว้ผ๋าถะนา) อะหัง อันว่าข้า ป๋าปุ๋ณเยมหิ จุ่งหื้อได้เถิง นิพปานัง ยังนิพปานเจ้า อิมัสมิง พุทธะสาสะเน ในศาสะนาพระพุทธเจ้าโคตะมะนี้ (อิมินา สัพพะตาเนนะ ด้วยอันผู้ข้าได้มา หื้อตานนี้) (อิมินา ธัมมะสาฌาเยนะ ด้วยอันผู้ข้าได้มาสังวาสสวดธิยายธรรมอันนี้) มาอุปัจชากา อย่าได้กาก้าด อะนุเวรด้วยแต้เตอะ อะหัง อันว่าข้า สัจเจ๋นะทิกะเสยยัง ผิและบ่ได้เถิง นิพปานัง ยังนิพปานเจ้า อิมัสมิง พุทธะสาสะเน ในศาสะนาพระพุทธเจ้า โคตะมะนี้ สังสา รันโต ปิ แม่นต่วนเตียวไปมาในวัฏฏะสงสาร จาโตอันเกิดมา กุเล ใน ขะกุล อุตตะมะเก อันประเสริฐ ปัญญาวะ อันผะกอบไปด้วยผะหย๋าปัญญาอันมากนัก วิสาระโต อันประกอบไปด้วย วิสาระตะอันกล้าคม อิมัสมิง จุ๋งจักมี (อิมินา สัพพะตาเนนะ ด้วยอันผู้ข้าได้มาหื้อตานนี้เตอะ) (อิมินา ธัมมะสาฌาเยนะ ด้วยอันผู้ข้าได้มาสังวาสสวดธิยายธรรมนี้เตอะ) ยะตา ในก๋าละเมื่อใด อะริยะเมตตั๋ย โย อันว่าพระอะริยะเมตตั๋ยเจ้า พุทโธ โหติ และได้มาเป็นพระพุทธเจ้า อะนาคะเต ในอะนาคะตะก๋าละอันจักมาปายหน้าดั่งอั้น อะหัง อันว่าข้า จานุ จุ่งจักหื้อได้เกิด สาสะเน ในศาสะนา ตัสสะ ภะคะวะโต แห่งพระพุทธเจ้าต๋นนั้น ปัพพะชิชัง แล้วจุ่งจักหื้อได้บวช สันติเก ในสำนักพระพุทธเจ้าต๋นนั้น ปัญญาวะ อันผะกอบไปด้วย ผะหยาปัญญาอันมากนัก อิทธิสัมปันโน จุ่งหื้อประกอบไปด้วยอิทธิฤทธี ป๋ากะโต๋ จุ่งหื้อปรากฏ อิวะจันทิมา เป็นประดุจจะดั่งมณฑล พระจันทร์เป็งอันปราศจากกีบผ้าเมฆะน้ำค้าง ในก๋าละเมื่อ โสตทะกาล อันปรากฏแก่โลกตังมวลนั้น ทาเรยยะ จุ่งหื้อได้ตะรง ปิฎะกะตะเย ยังปิฎะกะตัง ๓ สาสะนิยานิเก๋หิ อันเป็นกับด้วยนำต๋น ออกจากตุกข์ อัมหิ จุ่งมี สาสะเนในศาสะนา ตัสสะภะคะวะโต๋ แห่งพระพุทธเจ้าต๋นนั้นแด่เต๊อะ ฯ
วันทาวันทั้ง ๗นาโถ อันว่าพระพุทธเจ้า ต๋นประเสริฐ โอกกันโต ลงมาเอาปฏิสนธิ คะรุวาเร ในวันผัด ( พฤหัสบดี ) นิกขะมิ ออกจากต้องแม่ สุกกะวาเร ในวันศุกร์ นิกขันโต ออกไปบวช จันตะวาเร ในวันจันทร์ สัมพุทเธนะ ได้ถะรัสผะญ๋าสัพปัญญูตัญญาณ วุธะวาราเก ในวันพุธ เตเสสิ ก็เมื่อเตสะนาธรรม ธัมมะจักกัง ยังธรรมจักร โสระวาเร ในวันเสาร์ วะเรสิโน อันว่าพระพุทธเจ้าต๋นประเสริฐ ได้ผะจ๋นแป้มาร ห้าประการ ปรินิพพุติง ก็ปรินิพปาน ภุมมะวาเร ในวันอังคาร อัคคิเตโช อันว่าเตโจธาตุไฟ ระวิวาเร ในวันอาทิตย์ อิเม สัตตา อันว่าวันตังหลายเจ็ดวันนี้ แห่งพระพุทธเจ้า ต๋นประเสริฐ อะหัง อันว่าข้าวันทามิก็ไหว้ ทุกค่ำเจ้าแล ฯสูมาแก้วตัง ๓กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วาพุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยังอันว่ากรรมอันใด อันบ่ดี อันผู้ข้า ได้กระตำแล้วในพระพุทธเจ้า ด้วยต๋นก็ดี ด้วยปากก็ดี ด้วยใจก็ดีพุทโธ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตังขอพระพุทธเจ้าจุ่งยกโต๊ด อันเป็นไป ล่วงแล้วนั้น กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธเพื่อจักได้ สำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้า ต่อไปนั้นแลกาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วาธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยังอันว่ากรรมอันใด อันบ่ดี อันผู้ข้า ได้กระตำแล้วในพระสัทธรรมเจ้า ด้วยต๋นก็ดี ด้วยปากก็ดี ด้วยใจก็ดีธัมโม ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตังขอพระสัทธรรมเจ้าจุ่งยกโต๊ด อันเป็นไป ล่วงแล้วนั้น กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเมเพื่อจักได้ สำรวมระวัง ในพระสัทธรรมเจ้า ต่อไปนั้นแลกาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วาสังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยังอันว่ากรรมอันใด อันบ่ดี อันผู้ข้า ได้กระตำแล้วในพระสังฆะเจ้า ด้วยต๋นก็ดี ด้วยปากก็ดี ด้วยใจก็ดีสังโฆ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตังขอพระสังฆะเจ้า จุ่งยกโต๊ด อันเป็นไป ล่วงแล้วนั้น กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆเพื่อจักได้ สำรวมระวัง ในพระสังฆะเจ้า ต่อไปนั้นแลวันตาหลวงวันทามิ พุทธัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.วันทามิ ธัมมัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.วันทามิ สังฆัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.วันทามิ คะรุ อุปัชฌายะ จะริเย สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.วันทามิ กัมมัฏฐานัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.วันทามิ อาราเม พัทธะสีมายัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.วันทามิ เจติงยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเนสุ ปะติฏฐิตา สะรีระธา-ตุมะหาโพธิง พุทธะรูปัง สะกะรัง สะทา นาคะโลเก เทวะโลเก พรัหมะโลเก ชัมพูทีเป ลังกาทีเป สะรีระ ธา-ตุโย อะระหันตาธา-ตุโย เจติยัง คันธะกุฏิง จะตุระสีติสะหัสเส ธัมมักขันเธ สัพเพสัง ปาทะเจติยัง อะหังวันทามิ สัพพะโสฯ.วันตาน้อย วันตามิ ภันเต๋ สัพปังอะปาราธัง ขะมะถะเม ภันเต๋ มะยากะตั๋ง ปุ๋ญญัง สามินา อะนุโมทิตัพปัง สามินากะตั๋ง ปุ๋ญญัง มัยหังตา ตัพปัง สาธุ สาธุ อะนุโมตามิ ฯ * ภันเต๋ ข้าแด่เจ้ากู อะหัง อันว่าข้า วันตามิ ก็ไหว้ ป๋าเต ยังตี๋นตังสอง ตุ๋มหากั๋ง แห่งเจ้ากู ตุ๋มเห อันว่าเจ้ากู ขะมะถะ จุ่งอด สัพปังอะปาราธัง ยังสัพพะโต๊ด ตังมวล เม แก่ข้า ปุญยัง อันว่าบุญ มะยา อันข้า กะตั๋ง หากได้กระตำแล้ว สามินา อันเจ้ากู อะนุโมทิตัพปัง เปิงจมจื่นยินดี ซึ่งบุญอันนี้ ปุ๋ญญัง อันว่าบุญ สามินา อันเจ้ากู กะตั๋ง หากได้กระตำแล้ว ตาตัพปัง เปิงหื้อ มัยหัง แก่ข้าแล สาธุ สาธุ ด้วยดี อะหัง อันว่าข้า อะนุโมตามิ ก็ยินดี เซิ่งอาก๋าร อันเจ้ากูอดโต๊ด เม แก่ข้านั้นแล ฯ
กำไหว้ป๋าระมีทานะปาระมีสัมปันโน , ทานะอุปะปารมีสัมปันโน , ทานะปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาสีละปาระมีสัมปันโน , สีละอุปะปารมีสัมปันโน ,สีละปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวาเนกขัมมะปาระมีสัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาปัญญาปาระมีสัมปันโน , ปัญญาอุปะปารมี สัมปันโน , ปัญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาวิริยะปาระมีสัมปันโน , วิริยะอุปะปารมีสัมปันโน , วิริยะปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาขันตีปาระมีสัมปันโน , ขันตีอุปะปารมีสัมปันโน , ขันตีปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาสัจจะปาระมีสัมปันโน , สัจจะอุปะปารมีสัมปันโน , สัจจะปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาอะธิฏฐานะปาระมีสัมปันโน , อะธิฏฐานะอุปะปารมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาเมตตาปาระมีสัมปันโน , เมตตาอุปะปารมีสัมปันโน , เมตตาปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาอุเปกขาปาระมีสัมปันโน , อุเปกขาอุปะปารมีสัมปันโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาทะสะปาระมีสัมปันโน , ทะสะอุปะปารมีสัมปันโน , ทะสะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวาพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมังสะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหัง
❤
แปล อิมินาแผ่บุญ
อิมินา ปุ๋ญญะกั๋มเมนะ ด้วยเต๋จะผลบุญ อันผู้ข้า ได้หื้อตานในวันนี้ (ได้สังวาดสวดธิยายธรรมไปในวันนี้) ขอหื้อได้ก้ำจูอุดหนุน ผู้ที่มี จีวิตอยู่ และล่วงลับไป คือ ปิตต๋ามารดา ลูกเต้าหลานเหลน และญา-ติก๋าอาจารย์เจ้า พระมหากษัตริย์ และมิตรตี่ฮัก เปื่อนเกิดแก่เจ็บตาย และสัตต๋าน้อยใหญ่ ขอจุ่งได้เป็นดั่งสะเปาคำ ลำใหญ่กว้าง ข้ามต่าต๊างกงกา คือโอฆะสงสาร โลกหล้า อัสสา ขอจุ่งเป็นม้าแก้วตัวนึ่ง จื่อว่าอาจานัย ผาถะหรั๋ยปัจจัยเข้าห่อ มัคกะยายานแก้วกว้างต่อเนรปาน สุวัณณะปันลังกะโต ขอหื้อเป็นแผ่นแป้นกระดานคำ นำปิดอบายตังสี่ ขอหื้อผู้ข้า อย่าได้ฮู้หัน อัตถะลักขณะแปดแห่ง อย่าได้ตกแต่งต๋นตัว กือ ปะจันตะโจ อะรูปะโจ๋ อะสะยิโก วิสาลังโก เปโต วิริโย มิจฉาทิฏฐิโก ติรัจฉาจาโต ในตี่ดั่งอั้นก็ดี อันว่าพุทธะลักขณะถ้วนเก้า อันพระเจ้าไว้ศาสนา พุทโธอุปปันโน ธัมโมอุปปันโน สังโฆอุปปันโน ในมนทลและเมืองเตส ตี่วิเศษลือ ขอหื้อได้ปบพุทธศาสนาอันสักสวาด หื้อได้ปบพุทธบาทตี่คนยำ หื้อได้ตะรงศีลธรรม จำโอวาท หื้อได้เป็น เจ้าธนจาดติขะปัญญา หื้อมีผะหญ๋าปัญญาอันกล้าแก่น ฮู้อาจแม่นธรรมพระเจ้า แปดหมื่นสี่ปันขันนั้นแด่เต๊อะ
สัพเป สัตตา สัตว์ตังหลายตังมวล
อะเวราโหนตุ เป็นผู้บ่มีเวรเต๊อะ
อัพพะยา ปัชชาโหนตุ เป็นผู้บ่เบียดเบียนกันเต๊อะ
อะนีฆา โหนตุ เป็นผู้บ่มีตุกข์ก๋ายตุกข์ใจ๋เต๊อะ
สุขี อัตตานัง ปะริหารันตุ เป็นผู้มีสุขฮักษาต๋นเต๊อะ
สัพเป สัตตา สัตว์ตังหลายตังมวล ตุกขาปะมุญจันตุ จุ่งป้นจากตุกข์เต๊อะ สัพเป สัตตา สัตว์ตังหลายตังมวล มะรัตถะสัมปัตติโต วิคัจฉันตุ อย่าได้ผาสะจากสมบัติอันต๋นได้แล้วนั้นเต๊อะ
ปุ๋ญญัง อันว่าบุญ อันผู้ข้าได้ไหว้และปู่จา ได้ตานมาหลายสิ่ง ขอหน้าบุญอันนี้ยิ่งแผ่ผาย ยายรอดจอดปิตต๋ามารดา ครูบาอาจารย์และญา-ติก๋ามวลมาก ปี่น้องแสนหากตังหลาย และยังสัตต๋ามวลหมู่ อันอยู่ในน้ำและเหนือดิน สัตว์สี่ตีนสองตีน สัตว์บินบนโหนอากาศ แม่นผู้ข้าได้ปาณาติบาต ได้อาฆาตต๋ายไป ด้วยใจเจตนาก็ดี และหาเจตนาบ่ได้ก็ดี สัพเพสัตตา ยังสัตว์นานาน้อยใหญ่ หื้อได้หมดลมหายใจ อันได้กินจิ้นเลือดเนื้อ ลาบอ่อมต้มสุกล้มปิ้งจี่ ขอหน้าบุญตังหลายเหล่านี้ จุ่งหื้อไปเถิงแด่เต๊อะ
ปุญญัง อันว่าบุญ อันผู้ข้าได้ไหว้และปู่จา ได้ตานมาหลายแหล่ ขอจุ่งไปฮอดแผ่ดวงวิญญาณ ตังผีสางต่ำใต้ ตุ๊กยากไร้ลำบาก ตายละพรากกายา สัพเปสัตต๋า อันว่าสัตว์ตังหลาย อันได้ต๋ายไปเป็นสัมพะเวสีผีเปรต ทุกขะเวตตะนา เจ้าป่าเจ้าภู เจ้ากู่เจ้าตาง ผีสางดงใหญ่ เจ้าป่าไม้ดงดำ เจ้ากรรมและนายเวร เจ้าตุ๊กแสนเข็ญเศร้าโศก สัตว์ต้อง ตุ๊กโต๊ดอบาย อันมีหลายมวลมาก ได้ตะรงวิบากนานา อันกรรมปามาตกแต่ง มีนรกแปดแห่งปูนกลัว ตายแล้วกับเป็นตั๋วดั่งเก่า ไฟฟองเอ่าอยู่คืนวัน เป็นหมอกควันฮ้อนไหม้ อุสุตะนารกใจ่สามานย์ โลหะกุมปีหาญใจ่จ้า วะระณีไฟลุกกล้าแดงเขียว สังคะตะนรก เป็นเปี๋ยวไหม้เดือด อเวจีลุกเฮือดดั่งฟองไฟ โรรุวะนรกหื้อเป็นไปหลายเยื่อง สัตตะนรกอันเป็นเครื่องก๋งจักร วิริยะอันหนักบ่เส้า ลวดเถิงแม่เจ้าธรณี สะหรีกุตตะอำมาตย์ ต๋นจำบุญจำบาป ต๋นจำเส้นก้านน้ำหยาดหมายตาน ต้าวภูบาลตังสี่ เถิงเจ้าตี่เจ้าแดน สุดแสนสูงยิ่งโยชน์ โผดเถิงนวก๊าตตั้งเก้า เจ้านักขัตกฤษ์สามสิบสองตั๋ว อันตวนเตียวไปมา ในจักกะราศีแห่งผู้ข้า เถิงหกจั้นฟ้ารอดถึงมหาพรหม สุดลวงกลม ขอบจักขะวาล อะนันตะกาล หลายแสนตื้อโกฏิ ขอจุ่งมาผายโผด รับเอายังกุศลบุญตาน และบุญภาวนาของผู้ข้าแด่เต๊อะ ฯ
บทสวดปูจา
อะหัง อันว่าข้า คะเหตั๋ว ก็ถือเอาแล้ว อัคคิ คือไฟ ปุปผัง ยังดอก ราจัง ยังเข้าตอก พาหุ อันมากนัก ปัจจะห้าโกฐาก ปูจัง ยังปูจา จิเน ในพระแก้วเจ้าทั้งห้าจำพวก ยะทิ ก็มีอะหังอันว่าข้า อภิรูโป จุ่งหื้อมีรูปโฉมโนมพรรณวรรณะอันงาม มหาปัญโญ จุ่งหื้อมีผะหญ๋าปัญญาอันใหญ่กว้าง ธาเรนโต จุ่งหื้อได้ตะโรง ปิฏะกัตตะเย ยังปิฏะกะตั้งสาม โดยมีแต้แล อานิสังสา อันว่าอานิสงค์ตั้งหลาย ยะทิ ก็มีอะหังอันว่าข้า อะสีติโกฏิโย อันว่าแปดสิบโกฏิ นิพปานัง ตะหราบต่อเต้า เถิงพระนิพปานเจ้า ปะระมัง อันยิ่ง สุขัง ขอหื้อได้อยู่เย็นเป็นสุข นั้นแด่เต๊อะ ฯ
คำไหว้ลำดับสังขาร
ชะรา ธัมโมมหิ เฮามีความเฒ่าแก่ เป็นธรรมดา
ชะรังอะนาตีโต เฮาบ่ล่วงป้นความเฒ่าแก่ไปได้
พะยาธิ ธัมโมมหิ เฮามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา
พะยาธิง อะนาตีโต เฮาบ่ล่วงป้นความเจ็บไข้ไปได้
มะระณะ ธัมโมมหิ เฮามีความต๋าย เป็นธรรมดา
มะระณัง อะนาตีโต เฮาบ่ล่วงป้น ความต๋ายไปได้
สัพเพปิ เยหิ มะณาเป๋หิ นานาภาโว วินาภาโว เฮาจักได้ละเว้นเป็นไปต่างๆ คือ จักได้พลัดพรากจากของอันรัก อันจ๋ำเริญใจ๋ ตังหลายตังมวลนั่นแล ฯ
กั๋มมัสสะโกมหิ เฮามีกรรมหากเป็นของๆ ต๋น
กั๋มมะทายาโท เฮามีกรรมหากสืบเจื้อ
กั๋มมะโยนิ เฮามีกรรมหากเป็นกำเนิด
กั๋มมะพันธุ เฮามีกรรมหากเป็นเผ่าพันธุ์ ปี่น้อง
กั๋มมะปะฏิสะระโน เฮามีกรรมหากเป็นตี่เปิ่งตี่อาสะรั๋ย
ยัง กัมมังกะริสสามิ เฮาตังหลายจักกระตำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา อันเป็นบุญก็ดี ปาปะกังวา หรืออันเป็นบาป
ตัสสะตายาโต ภะวิสสามิ เฮาตังหลายจักได้สืบเจื้อผละของกรรมแห่งต๋น เอวังอัมเหหิ อะภิณหังปัจจะเวกขิตตัพปัง เฮาตังหลายเปิงปิจจาระณา ดังนี้ จุวัน จุวันแล
นามะรูปัง อันว่ารูปและนาม คือว่าต๋นและใจอันนี้ อะนิจจั๋ง ก็บ่เตี่ยง ขะยัตเถนะ รู้แตกรู้ม้างรู้ดับรู้เกิด นิพปานัง อันว่า พระนิพปานเจ้า นิจจั๋ง เป็นอันหมั้นเตี่ยง วัฏฏะ ด้วยมีแต้แล
นามะรูปัง อันว่ารูปและนาม คือว่าต๋นและใจอันนี้ ตุกขัง ก็เป็นตุ๊กข์ ภะยัตเถนะ เป็นตี่เกิดแห่งภัยยะตังหลายตังมวล นิพปานัง อันว่า พระนิพปานเจ้า สุขัง ก็เป็นสุขอันยิ่ง วัฏฏะด้วยมีแต้แล
นามะรูปัง อันว่ารูปและนาม คือว่าต๋นและใจ๋อันนี้ อะนัตต๋า บ่ใจ่ต๋น อัสสาระกัตเถนะ เหตุหาแก่นหาสารบ่ได้ นิพปานัง อันว่าพระนิพปานเจ้า สารัง เป็นแก่นเป็นสาร หมั้นเตี่ยงยิ่งนัก วัฏฏะ ด้วยมีแต้แล ฯ
นัตถิ ขันธา สะมา ทุกขา ทุกข์ตังหลายฝูงใด จักเสมอด้วยขันธะ ตัง ๕ นั้นก็หาบ่ได้แล
นัตถิ สันติ ปะระมัง สุขัง สุขตังหลายฝูงใดจักเสมอด้วยความระงับกิเลส คือพระนิพปานเจ้านั้นก็หาบ่ได้แล
สีลัง ยาวะ ชะรา สาธุ ศีลเป็นของดีวิเศษ กระตำผะโย-จะนะหื้อสำเร็จ ตราบต่อเต๊าจ๋นแก่เฒ่าชะราลง
สัทธา สาธุ ปะติฏฐิตา ความเป็นตี่ตั้งหื้อสำเร็จ ผะโยจะนะอันดี
ปัญญา นะรานัง ระตะนัง ปัญญาความรู้แจ้งทั่วไปนั้น เป็นเครื่องจำระใจอันวิเศษ
ปุญญัง โจเรหิ ทุหะรัง บุญกุศลเป็นเครื่องจำระใจ โจรตังหลาย จักลักปาไปบ่ได้
อัตต๋าหิ อัตตะโน นาโถ คือ ต๋นของต๋นย่อมเป็นตี่เปิ่งแก่ต๋น
โกหิ นาโถ ปะโรสิยา บ่มีไผผู้ใด จักมาเป็นตี่เปิ่งในตางดับตุกข์ได้
อัตตะ นาวะ สุตันเต๋นะ คือต๋นของต๋น ทรมานต๋นดีแล้ว ย่อมเป็นตี่เปิ่งแก่ต๋น
นาถัง นะลัพภะติ ทุลละภัง เฮาตังหลาย จักกระตำต๋น เป็นตี่เปิ่งได้ด้วยยากนัก
อัปปะมาโท อะมะตั๋ง ปะทัง ความบ่มัวเมา คือ มีสะติ ย่อมเป็นหนทาง แห่งความบ่ฮู้ต๋าย คือ พระนิพปานเจ้านั้นแล
ปะมาโท มัจจุโน ปะทัง ความมัวเมา คือความโหล้มหลง ย่อมเป็นหนตางแห่งความต๋าย ฉิบหาย
อัปปะมัตต๋า นะมิ ยันติ เป็นผู้บ่ประมาท แม่นว่าต๋ายแล้ว ก็เหมือนดั่งมีจีวิตอยู่
เย ปะมัตตา ยะถา มัตตา คนฝูงใดประมาท แม่นว่ามีจีวิตอยู่ ก็เหมือนดั่งต๋ายแล้วนั้นแล ฯ
กำไหว้พระเจ้า ๑๐ จาติ
เต๋มิโย นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุธโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา
ชะนะโก นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา
สุวัณณะสะหยาโม นาโม นามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา เนมิโร นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา
มะโหสัตโถ นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา
ภูริทัตโต นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา
จั๋นต๊ะกุมาโร นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา
นาระตะโต นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา
วิธุโร นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา
เวสสันตะโร นาโมนามะ ภะคะวา เสฎฐัง วัฎฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา สิทธัตโถ นาโมนามะ ภะคะวา เสฏฐัง วัฏฏะกัง อารัมมะณัง ธุวังโสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละตา ธัมเมสัมมาสัมพุทธโธ อิติปิโส ภะคะวา
กราบมนัสการ สาตุ สาตุ สาตุจ้าว
คำแผ่เมตต๋า (พรหมตา)
พรัหมะตา อันว่าพรหมตังหลายก็ดี เตวา อันว่าเตวะดาตังหลาย ก็ดี อาก๋าสะถาจะ อันอยู่ในอากาศกล๋างหาวก็ดี นาก๊ะราจา อันว่าพระยานาคตังหลายก็ดี มะหิทธิกา อันมีฤทธีอานุภาวะ อะนุโมทันตุ จุ่งอนุโมตะนา ปุ๋ญญังโน ยังบุญแห่งตู๋ตังหลาย รักขันตุ จุ่งฮักษา สาสะนัง ยังศาสะนา อะนุรักขันตุ จุ่งต๋ามฮักษา สาสะนัง ยังศาสะนา จิรัง เสี้ยงก๋าละอันนานนักเต๊อะ
เตวะต๋า อันว่าเตวะดาตังหลาย รักขันตุ จุ่งฮักษา อัมเหยัง ผู้ข้าตังหลายเต๊อะ
โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี เตวะต๋า แก่เตวะดา ตังหลายเต๊อะ
โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี (มะยังอันว่าตู๋ข้าตังหลาย ได้มาหื้อตานนี้เต๊อะ) (มะยัง อันว่าตู๋ข้าตังหลาย ได้มาสังวาสสวดธิยายธรรมอันนี้เต๊อะ)
โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี ญาตะก๋า แก่ญา-ติปี่น้องตังหลายเต๊อะ
โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี อะญาตะก๋า อันบ่ใจ่ญาติปี่น้องนั้นเต๊อะ
โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี ป๋าณีโณ แก่สัตว์ตังหลายเต๊อะ
โสตถี อันว่าความสวัสดี ภะวันตุ จุ่งจักมี โน แก่เฮาตังหลายศรัทธาตุกเมื่อเต๊อะ ฯ
กำไหว้อะหังอันว่าข้า (กำไหว้ผ๋าถะนา)
อะหัง อันว่าข้า ป๋าปุ๋ณเยมหิ จุ่งหื้อได้เถิง นิพปานัง ยังนิพปานเจ้า อิมัสมิง พุทธะสาสะเน ในศาสะนาพระพุทธเจ้าโคตะมะนี้ (อิมินา สัพพะตาเนนะ ด้วยอันผู้ข้าได้มา หื้อตานนี้) (อิมินา ธัมมะสาฌาเยนะ ด้วยอันผู้ข้าได้มาสังวาสสวดธิยายธรรมอันนี้) มาอุปัจชากา อย่าได้กาก้าด อะนุเวรด้วยแต้เตอะ อะหัง อันว่าข้า สัจเจ๋นะทิกะเสยยัง ผิและบ่ได้เถิง นิพปานัง ยังนิพปานเจ้า อิมัสมิง พุทธะสาสะเน ในศาสะนาพระพุทธเจ้า โคตะมะนี้ สังสา รันโต ปิ แม่นต่วนเตียวไปมาในวัฏฏะสงสาร จาโตอันเกิดมา กุเล ใน ขะกุล อุตตะมะเก อันประเสริฐ ปัญญาวะ อันผะกอบไปด้วยผะหย๋าปัญญาอันมากนัก วิสาระโต อันประกอบไปด้วย วิสาระตะอันกล้าคม อิมัสมิง จุ๋งจักมี (อิมินา สัพพะตาเนนะ ด้วยอันผู้ข้าได้มาหื้อตานนี้เตอะ) (อิมินา ธัมมะสาฌาเยนะ ด้วยอันผู้ข้าได้มาสังวาสสวดธิยายธรรมนี้เตอะ) ยะตา ในก๋าละเมื่อใด อะริยะเมตตั๋ย โย อันว่าพระอะริยะเมตตั๋ยเจ้า พุทโธ โหติ และได้มาเป็นพระพุทธเจ้า อะนาคะเต ในอะนาคะตะก๋าละอันจักมาปายหน้าดั่งอั้น อะหัง อันว่าข้า จานุ จุ่งจักหื้อได้เกิด สาสะเน ในศาสะนา ตัสสะ ภะคะวะโต แห่งพระพุทธเจ้าต๋นนั้น ปัพพะชิชัง แล้วจุ่งจักหื้อได้บวช สันติเก ในสำนักพระพุทธเจ้าต๋นนั้น ปัญญาวะ อันผะกอบไปด้วย ผะหยาปัญญาอันมากนัก อิทธิสัมปันโน จุ่งหื้อประกอบไปด้วยอิทธิฤทธี ป๋ากะโต๋ จุ่งหื้อปรากฏ อิวะจันทิมา เป็นประดุจจะดั่งมณฑล พระจันทร์เป็งอันปราศจากกีบผ้าเมฆะน้ำค้าง ในก๋าละเมื่อ โสตทะกาล อันปรากฏแก่โลกตังมวลนั้น ทาเรยยะ จุ่งหื้อได้ตะรง ปิฎะกะตะเย ยังปิฎะกะตัง ๓ สาสะนิยานิเก๋หิ อันเป็นกับด้วยนำต๋น ออกจากตุกข์ อัมหิ จุ่งมี สาสะเนในศาสะนา ตัสสะภะคะวะโต๋ แห่งพระพุทธเจ้าต๋นนั้นแด่เต๊อะ ฯ
วันทาวันทั้ง ๗
นาโถ อันว่าพระพุทธเจ้า ต๋นประเสริฐ โอกกันโต ลงมาเอา
ปฏิสนธิ คะรุวาเร ในวันผัด ( พฤหัสบดี ) นิกขะมิ ออกจากต้องแม่ สุกกะวาเร ในวันศุกร์ นิกขันโต ออกไปบวช จันตะวาเร ในวันจันทร์ สัมพุทเธนะ ได้ถะรัสผะญ๋าสัพปัญญูตัญญาณ วุธะวาราเก ในวันพุธ เตเสสิ ก็เมื่อเตสะนาธรรม ธัมมะจักกัง ยังธรรมจักร โสระวาเร ในวันเสาร์ วะเรสิโน อันว่าพระพุทธเจ้าต๋นประเสริฐ ได้ผะจ๋นแป้มาร ห้าประการ ปรินิพพุติง ก็ปรินิพปาน ภุมมะวาเร ในวันอังคาร อัคคิเตโช อันว่าเตโจธาตุไฟ ระวิวาเร ในวันอาทิตย์ อิเม สัตตา อันว่าวันตังหลายเจ็ดวันนี้ แห่งพระพุทธเจ้า ต๋นประเสริฐ อะหัง อันว่าข้าวันทามิก็ไหว้ ทุกค่ำเจ้าแล ฯ
สูมาแก้วตัง ๓
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
อันว่ากรรมอันใด อันบ่ดี อันผู้ข้า ได้กระตำแล้ว
ในพระพุทธเจ้า ด้วยต๋นก็ดี ด้วยปากก็ดี ด้วยใจก็ดี
พุทโธ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
ขอพระพุทธเจ้าจุ่งยกโต๊ด อันเป็นไป ล่วงแล้วนั้น
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ
เพื่อจักได้ สำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้า ต่อไปนั้นแล
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
อันว่ากรรมอันใด อันบ่ดี อันผู้ข้า ได้กระตำแล้ว
ในพระสัทธรรมเจ้า ด้วยต๋นก็ดี ด้วยปากก็ดี ด้วยใจก็ดี
ธัมโม ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
ขอพระสัทธรรมเจ้าจุ่งยกโต๊ด อันเป็นไป ล่วงแล้วนั้น
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม
เพื่อจักได้ สำรวมระวัง ในพระสัทธรรมเจ้า ต่อไปนั้นแล
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
อันว่ากรรมอันใด อันบ่ดี อันผู้ข้า ได้กระตำแล้ว
ในพระสังฆะเจ้า ด้วยต๋นก็ดี ด้วยปากก็ดี ด้วยใจก็ดี
สังโฆ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
ขอพระสังฆะเจ้า จุ่งยกโต๊ด อันเป็นไป ล่วงแล้วนั้น
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ
เพื่อจักได้ สำรวมระวัง ในพระสังฆะเจ้า ต่อไปนั้นแล
วันตาหลวง
วันทามิ พุทธัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.
วันทามิ ธัมมัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.
วันทามิ สังฆัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.
วันทามิ คะรุ อุปัชฌายะ จะริเย สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.
วันทามิ กัมมัฏฐานัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.
วันทามิ อาราเม พัทธะสีมายัง สัพพังเม โทสัง ขะมะถะเม ภันเต.
วันทามิ เจติงยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเนสุ ปะติฏฐิตา สะรีระธา-ตุ
มะหาโพธิง พุทธะรูปัง สะกะรัง สะทา นาคะโลเก เทวะโลเก พรัหมะโลเก ชัมพูทีเป ลังกาทีเป สะรีระ ธา-ตุโย อะระหันตาธา-ตุโย เจติยัง คันธะกุฏิง จะตุระสีติสะหัสเส ธัมมักขันเธ สัพเพสัง ปาทะเจติยัง อะหังวันทามิ สัพพะโสฯ.
วันตาน้อย
วันตามิ ภันเต๋ สัพปังอะปาราธัง ขะมะถะเม ภันเต๋ มะยากะตั๋ง ปุ๋ญญัง สามินา อะนุโมทิตัพปัง สามินากะตั๋ง ปุ๋ญญัง มัยหังตา ตัพปัง สาธุ สาธุ อะนุโมตามิ ฯ
* ภันเต๋ ข้าแด่เจ้ากู อะหัง อันว่าข้า วันตามิ ก็ไหว้ ป๋าเต ยังตี๋นตังสอง ตุ๋มหากั๋ง แห่งเจ้ากู ตุ๋มเห อันว่าเจ้ากู ขะมะถะ จุ่งอด สัพปังอะปาราธัง ยังสัพพะโต๊ด ตังมวล เม แก่ข้า ปุญยัง อันว่าบุญ มะยา อันข้า กะตั๋ง หากได้กระตำแล้ว สามินา อันเจ้ากู อะนุโมทิตัพปัง เปิงจมจื่นยินดี ซึ่งบุญอันนี้ ปุ๋ญญัง อันว่าบุญ สามินา อันเจ้ากู กะตั๋ง หากได้กระตำแล้ว ตาตัพปัง เปิงหื้อ มัยหัง แก่ข้าแล สาธุ สาธุ ด้วยดี อะหัง อันว่าข้า อะนุโมตามิ ก็ยินดี เซิ่งอาก๋าร อันเจ้ากูอดโต๊ด เม แก่ข้านั้นแล ฯ
กำไหว้ป๋าระมี
ทานะปาระมีสัมปันโน , ทานะอุปะปารมีสัมปันโน , ทานะปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
สีละปาระมีสัมปันโน , สีละอุปะปารมีสัมปันโน ,สีละปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา
เนกขัมมะปาระมีสัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
ปัญญาปาระมีสัมปันโน , ปัญญาอุปะปารมี สัมปันโน , ปัญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
วิริยะปาระมีสัมปันโน , วิริยะอุปะปารมีสัมปันโน , วิริยะปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
ขันตีปาระมีสัมปันโน , ขันตีอุปะปารมีสัมปันโน , ขันตีปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
สัจจะปาระมีสัมปันโน , สัจจะอุปะปารมีสัมปันโน , สัจจะปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
อะธิฏฐานะปาระมีสัมปันโน , อะธิฏฐานะอุปะปารมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
เมตตาปาระมีสัมปันโน , เมตตาอุปะปารมีสัมปันโน , เมตตาปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
อุเปกขาปาระมีสัมปันโน , อุเปกขาอุปะปารมีสัมปันโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมีสัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
ทะสะปาระมีสัมปันโน , ทะสะอุปะปารมีสัมปันโน , ทะสะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมังสะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหัง
❤