ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น "จิต&จักรวาล" EP.2

Поділитися
Вставка
  • Опубліковано 5 вер 2024
  • "จิต&จักรวาล"
    เป็นเรื่องราวที่อ่านจากบทความในหนังสือ
    "ไอสไตล์พบ พระพุทธเจ้าเห็น II"
    ที่เขียนโดย ทัตแพทย์สม สุจารี

КОМЕНТАРІ • 8

  • @user-xg6jw7nl5h
    @user-xg6jw7nl5h 10 місяців тому +1

    ขอบคุณที่ได้เรียนรู้คะ

  • @lanlan_lanla
    @lanlan_lanla 4 місяці тому

    ขอบคุณค่ะ🎉

  • @wutbass
    @wutbass 3 місяці тому

    ขอบคุณครับ❤

  • @user-wl4jw7224
    @user-wl4jw7224 Рік тому +2

    ดีมากขอบคุณมากครับ

  • @user-yx9bd9zx1d
    @user-yx9bd9zx1d Рік тому +3

    ไอสไตน์สามารถคิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษและทั่วไป อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์สามารถคิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม ดังนั้นจึงมีการค้นพบศิลาจารึกของพระพุทธองค์ กล่าวคือ ศิลาจารึกเหตุผลเกี่ยวเนื่องเป็นลูกโซ่ แท้จริงแล้ว ศิลาจารึกดังกล่าวนี้คือ ทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามนั่นเอง นอกจากนี้แล้ว พระพุทธองค์ทรงมีความรู้เรื่องเอกภพเชิงคณิตศาสตร์เรียบง่าย ซึ่งนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า เวลาไร้ขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามนั้นทำให้มีความรู้เรื่องจิตเชิงวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ ความรู้เรื่องจิตเชิงวิทยาศาสตร์คือ ความรู้เรื่องโปรแกรมจิต ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการทางจิตเชิงคณิตศาสตร์เรียบง่ายตามทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามเพื่อบรรลุเวลาไร้ขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์สามารถคิดค้นกระบวนการทางจิตดังกล่าว เรียกว่า การทำสมาธิ แท้จริงแล้ว การทำสมาธิคือ ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา ดังนั้นในที่สุดแล้ว พระพุทธองค์ทรงบรรลุเวลาไร้ขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม ผู้ที่บรรลุเวลาไร้ขีดจำกัด สำหรับศาสนาพุทธเรียกอีกนัยหนึ่งว่า ผู้ที่บรรลุนิพพาน ส่วนศาสนาฮินดูเรียกอีกนัยหนึ่งว่า ผู้ที่บรรลุอมตะ อย่างไรก็ตาม การทำสมาธิที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้คือ การทำสมาธิที่เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงขอกล่าวถึงประเด็นการทำสมาธิและข้อจำกัดการทำสมาธิ สำหรับประเด็นการทำสมาธิคือ การทำสมาธินั้นมีสูตรเชิงคณิตศาสตร์เรียบง่ายตามทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม ส่วนข้อจำกัดการทำสมาธินั้นคือ การทำสมาธินั้นจะขึ้นอยู่กับผู้ที่มีพันธุกรรมตามทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามและเป็นผู้ที่เรียนรู้ให้เข้าใจอย่างแท้จริงเกี่ยวกับวิทย์,คณิต,ทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม แต่น่าเสียดายที่ผู้เขียนมิได้มีพันธุกรรมดังกล่าว ดังนั้นจึงหวังไว้ในอนาคตอันใกล้บางทีอาจมีเทคโนโลยีที่จะมาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมได้ ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นการย่อความเอามาจากหนังสือ2เล่ม 1.ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา 2.ทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม ซึ่งเป็นหนังสือที่ผู้เขียนได้เขียนขึ้นเอง ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ซึ่งเป็นการกล่าวถึงศาสนาพุทธเชิงคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โดยสมบูรณ์แบบย่อ

    • @user-pg3kf6hq6u
      @user-pg3kf6hq6u Рік тому +1

      *_คุณคิดได้อย่างไร_*

    • @user-yx9bd9zx1d
      @user-yx9bd9zx1d Рік тому

      สิ่งที่จะก่อให้เกิดพัฒนาทางความคิดมีอยู่มากมาย เช่น หมากรุก สำนวนภาษา เรียงความ นิทานอีสป ปรัชญา เหล่านี้เป็นต้น สิ่งต่างๆดังที่กล่าวมานี้รวมเรียกว่า กระบวนการทางความคิด อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้กระบวนการทางความคิดจนสามารถคิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม เรียกว่า การบรรลุกระบวนการทางความคิด ดังนั้นผู้ที่จะบรรลุกระบวนการทางความคิดดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เวลาที่ยาวนาน ซึ่งผมอยู่ในกรณีดังกล่าวนี้ แต่ถ้าหากต้องการทางลัดที่จะนำไปสู่การบรรลุกระบวนการทางความคิดก็ยังมีอยู่ กล่าวคือ คณิตศาสตร์แขนงต่างๆ อย่างไรก็ตาม สถาบันการศึกษาจะต้องบรรจุหนังสือทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามเข้าสู่ระบบการศึกษาม.3-ม.6 ดังนั้นจึงจะทำให้บุคลากรสามารถบรรลุกระบวนการทางความคิด อย่างไรก็ตาม ถ้าหากหนังสือดังกล่าวถูกบรรจุเข้าสู่ระบบการศึกษาทั่วโลก ดังนั้นก็จะก่อให้เกิดปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลาดังเช่นอดีตกาลอีกครั้งหนึ่งในดินแดนแห่งพระเยซูคริสต์ แต่ว่า ผมคงไม่มีพลังพอที่จะผลักดันหนังสือดังกล่าวให้เข้าสู่ระบบการศึกษาได้

  • @7NewOk
    @7NewOk Рік тому +1

    ขอบคุณครับ