Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
ขออธิบายเพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจง่ายๆ หลักการจะคล้ายๆ กับจำนวนเชิงซ้อน ที่เราเรียนตอน ม. ปลาย (x= 2+3i) คือ มีแกนจริง มีจำนวนจริง คือเลข 2 และแกนจินภาพมีจำนวนจินตภาพคือ 3i หลักการเดียวกันพุทธเราก็มี 2 Multiverse อันแรกมันก็คือ โลกธาตุ มันคือโลกและจักรวาลที่เราเห็นๆ ด้วยตานี่แหล๊ะ อีก Multiverse นึงเป็น Multiverse จินตภาพ หรือที่เรียกว่า โลกทิพย์ แดนนิพพาน บ้างแล้วแต่คนจะเรียกMultiverse จินตภาพนี้จะเป็นที่อยู่ของดวงจิตเรา มีสถานที่ ที่เรียกว่า ภพภูมิ มีสิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่น เทวดา เปรต สัตว์นรก มีกลศาสตร์และชีววิทยาเฉพาะตัว เช่น สิ่งมีชีวิตสามารถเกิดขึ้นเป็นตัวได้เลย โดยไม่ต้องมีพ่อแม่ และ Multiverse จินตภาพนี้เป็น Multiverse สากล ไม่ว่าจะมีศาสนาหรือไม่มีศาสนา รวมถึงสัตว์ต่างๆ ดวงจิตของพวกเขาอยู่ใน Multiverse จินตภาพ ทั้งหมด โดยธรรมดา มนุษย์ตอนมีชีวิต ดวงจิตที่อยู่ใน Multiverse จินตภาพ จะเชื่อมโยงกันกับกายหยาบใน Multiverse โลกธาตุ ถ้ากายหยาบกับดวงจิตพากันทำกิจกรรมที่เป็น อกุศล ดวงจิตก็จะมีสภาพแบบนึง ถ้าพากันทำกิจกรรมที่เป็นกุศล ดวงจิตก็จะมีสภาพอีกแบบนึง เมื่อเสียชีวิต ดวงจิตกับกายหยายหลุดจากกัน ดวงจิตก็จะถูกกลศาสตร์ของ Multiverse จินตภาพกระทำให้ไปอยู่ภพภูมิต่างๆ ตามสภาพของดวงจิตนั้น จะคล้ายๆ กับหอกลั่นน้ำมันที่แยก พวกก๊าซน้ำมันกับยางมะตอยออกจากกัน Multiverse จินตภาพก็จะแยกดวงจิตต่างๆ ให้ไปเป็น เทวดา สัตว์นรกเปรตตามสภาพและคุณสมบัติของดวงจิตนั้น สรรพสัตว์ทั้งหลายใน Multiverse จินตภาพนี้ จะมีความเป็นอยู่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายก็จะถูกกลศาสตร์และชีววิทยา ทำให้ดวงจิตนี้กลับมา เชื่อมต่อกับกายหยาบอีกครั้งนึง ซึ่งมันก็คือการกลับชาติมาเกิดนั่นเอง ทีนี้มาถึง สภาวะนิพพาน ซึ่งก็คือ เมื่อเสียชิวิตจิตกับกายหยาบหลุดจากกัน ดวงจิตที่ถูกฝึกจนมีสภาพที่ กลศาสตร์ของ Multiverse จินตภาพกระทำอะไรไม่ได้ พาไปยังภพภูมิต่างๆ ไม่ได้ และดวงจิตนี้ก็ไม่มีเชื้อพันธ์ทางชีววิทยา ที่จะไปเกิดเป็นอะไรได้เลย จะไปเกิดเป็น เทวดาหรือเป็นเปรตไม่ได้ จึงถือว่าดวงจิตนี้ หลุดจากวัฎจักร การเวี่ยน ว่าย ตายเกิด เพิ่มเติมนิดนึง ตอนเราฝัน มันจะเกิดการเชื่อมโยงกัน ของ 3 Multiverse และสุดท้ายขอฝากคำพูดของไอน์สไตน์ ซึ่งเขาก็น่าจะศึกษาพุทธศาสนามาพอสมควร คำพูดนั้นก็คือ "จินตนาการสําคัญกว่าความรู้"
นิพพานเป็นดินแดน ทิพย์ละเอียด
แดนพระนิพพานมีดินแดนอยู่จริง
แดนพระนิพพานไม่มีเพราะพระนิพพานคือไม่มีอีกแล้ว😊
@คนตื่นนอน-ฤ7ป ไม่มีสำหรีบคนปฎิบัติไม่ถึงนิพพาน มีสำหรับคนที่เข้าสู่โคตรภูญาน ปฏิบัตือารมณ์พระโสดาบันได้แล้ว เจ้าสู่กระแสพระนิพพาน จะเกิดอีก 7,3 และชาติเดียวแล้วเข้านิพพาน
@@คนตื่นนอน-ฤ7ป ถ้านิพพานเป็นเหตุการณ์ เหตุการณ์ย่อมต้องการสถานที่ให้เกิดเหตุการณ์ ส่วนที่บอกว่านิพพานแล้ว จะไม่กลับมาเกิดอีกไม่ค่อยจะถูกต้องนัก ถ้าบอกนิพพานแล้วไม่กลับมาเกิด 100% มันจะไปขัดแย้งกับหลักอนิจจัง ซึ่งหลักอนิจจัง หลักความไม่เที่ยง มันเป็นแกนหลักของพุทธ ถ้าจะไม่ให้สองสิ่งนี้ขัดแย้งกัน นิพพานแล้วจะต้องมีโอกาสกลับมาเกิดได้ แต่โอกาสน่าจะน้อยมากๆๆ ที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
เยี่ยมครับนี้เป็นฆารวาส.ถ้าบวชก็สุดยอด.สาธุครับท่าน
เดี๋ยวนะคุณตั้งสติก่อน อาจารย์เบียร์นับวันท่านจะสอนเรื่องราวอะไรที่มันเกินความสามารถของตัวเอง แทนที่จะสอนธรรมะในส่วนที่ตัวเองรู้ หรือเข้าใจจริงๆ สวดธรรมะอะไรที่มันอยู่ในระดับชั้นสูง ธรรมะสภาวะละเอียด ธรรมะที่เป็นเรื่องปัจจัตตังและอจินไตย อย่าเพิ่งไปสอน เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องเป็นอริยบุคคลเท่านั้น ลองไปฟังพ่อแม่ครูบาอาจารย์ยกตัวอย่าง สายหลวงปู่มั่น ถือหลวงพ่อฤาษีลิงดำก็เคยอธิบาย เกี่ยวกับเรื่องนิพพาน ไม่ใช่เอาตำรามาพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ใครมันก็พูดได้ แต่ผลแห่งการปฏิบัตินั้นของจริง
แค่มันมีความเกิด มันก็มีทุกข์แล้วค่ะ ถ้าไม่อยากทุกข์ก็อย่าให้มีความเกิดสิคะ
พุทธะจะอุบัติขึ้นมาหรือไม่ ธรรมธาตุและกฏอิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาทก็มีอยู่ก่อนแล้ว ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคตจริงๆ ครับ
เห็นด้วย จริง
😅..@@NnNn-m3f
พุทธะจะอุบัติมาหรือไม่ไม่รู้แต่พระปัจเจกพุทธเจ้า เกิดขึ้นได้ทุกเวลา 😊
สิ่งๆหนึ่งฃึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง สิ่งๆนั้นไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีสิ้นสุด แต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้นมีอยู่ สิ่งๆนั้น ดินน้ำ ไฟ ลม เล็ก ใหญ สั้น ยาว งามไม่งามไม่อาจหยั่งถึงลงได้ สิ่งๆนั้นนามรูปดับสนิท นามรูปดับสนิทเพราะวิญญาณดับสนิทไม่มีเหลือ สื่งๆนั้นไม่มีวิญญาณและนามรูป สิ่งๆนั้นเอเสวันโตทุขสัจที่สุดแห่งทุกข์(ภาวะอมตะนิพพาน)
อยากเข้าใจพระนิพพาน ต้องศึกษาจากท่านที่เป็นพระอรหันต์ครับ ถ้าเราศึกษาจากท่านที่ยังไม่ถึง โอกาสผิดพลาดมีอยู่ครับ
ท่านที่เป็นพระอรหันต์???
@ ท่านที่จบกิจในเขตพระพุทธศาสนา ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดแล้วครับ ซึ่งก็หายาก และเราไม่สามารถรู้ได้ว่าท่านไหนเป็นหรือไม่เป็น ในเบื้องต้น อาจจะศึกษาจากพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายๆองค์ ที่สอนไปในทิศทางเดียวกันหมดก่อนก็ได้ครับ
@@MrPa6986 เห็นความจริงในโลกะโลกียะ ก็เห็นธรรมชาติ เองได้ด้วยตนเอง(พทธะ)=เห็นตถาคต จริงใน กถาตถาคต ครับ มีสติ(รู้สึกระลึกได้ในปัจจุบัน)+ชอบแล้วในมรรคทั้ง8จึงเห็นชอบในความเห็นชอบ จึงได้ในสัมมาสมาธิ(เห็นได้ด้วยตนเอง=เข้าถึงธรรม=เห็นธรรมเข้าใจรู้ถึงเหตุเกิดเหตุดับในสัจจะธรรมจึงรู้ได้ในญานะ ธรรมธาตุทั้งหลายเป็นเช่นนี้ ในธรรม โมทนาสาธุการ
จะมาฟัง มาอ่าน มาดูโทรศัพย์ก็แค่ทฤษฎีแค่ความจำและความคิดเห็นครับ ต้องแก้ที่การปฎิบัติคือต้องไปบวชเพื่อเปลื่อนสถานะ ไปแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ดีดี ไปแสวงหาสถานที่ดีดี วัดดีดีและไปฝึกอยู่ป่า เพื่อรักษาศีลให้สูง สมาธิให้สูง ทำปัญญาให้สูงก่อนถึงจะไปนิพพานได้ จะมาอยู่เป็นฆราวาสเป็นคนธรรมดาก็ยังคงติดอยู่กับสมบัติ ลูก เมีย ตำแหน่งหน้าที่การงาน รถยนต์ และอย่างอื่นอีกมากมายจึงทำให้จิตเป็นทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด ดูพระพุทธเจ้าเราเป็นตัวอย่างพระองค์เป็นถึงกษัตริย์ มีสมบัติมหาศาล มีสนมรับใช้เป็นหมื่นหมื่นคน ก็ยังต้องหนีออกจากวังมานั่งอยู่ที่แม่น้ำอโนมา แล้วตัดมวยผมออกและอธิฐานบวชก่อน แล้วก็มาแสวงหาครูบาอาจารย์ หาสถานที่ปฎิบัติ แล้วพระพุทธเจ้าจึงเข้าถึงนิพพานได้ครับ
ฟังพระปราโมทย์ฟังท่านง่ายเริ่ม จะเข้าใจมันง่ายที่จะทำ อ.เบียก็ง่ายเข้าใจพูดถูก
ที่ผมนับถืออ.เบียร์เพราะสิ่งนี้เลย เขาเอาธรรมพระพุทธเจ้ามาอธิบาย ไม่ใช่คิดเอาเองเข้าใจเอาเอง ซึ่งผมฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์ หลวงพ่อหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ มาตลอด ได้ยินได้ฟังอ.เบียร์แกไม่ขัดแย้งเลย ไปในทางเดียวกัน ไม่มีขัดข้องอะไร ฟังแล้วลงใจจากที่ได้เคยได้ยินได้รู้มาตลอด
อ.เบียร์เป๊ะมาก สอนแบบเดียวกับ อ.อุดร สอนดูจิต สอนแบบพอจ.สมทบ พอจ.คึกฤทธิ์ สอนแบบท่านพุทธทาสภิกขุ
สาธุครับ ที่ฟังมาอาจารย์พูดไม่มีอะไรผิดเพี้ยน ครับ(ตามที่ผมรู้ด้วยข้อจำกัดทางปัญญาของผมเอง)
พวกคุณธรรมะ มันตอแหล....
สถาพธรรมะมันเกิดขึ้นของมันโดยปกติเมื่อมีเหตุมีปัจจัยมันก็ทำงานของมันเมื่อธรรมะต่างมากระทบกับจิตเราโดยผ่านอายะตนะต่างๆมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเมื่อกระทบกับใจเราแล้วเราสามารถปล่อยวางได้ไม่สามารถกรทบจิตใจเราได้มองสภาวะธรรมมันเป็นไปอย่างนั้นของมันเองเพียงเราไม่ยึดก็จบเมื่อไม่ยึดใจก็ไม่เดือดร้อนเมื่อไม่เดือดร้อนมันก็ไม่มีทุกข์ครั้นจะประปรุงแต่งอะไรก็ปรุงแต่งไปในทางสัมมา....นี่ไม่ใช่อวดตริแต่เป็นความเข้าใจของผมเอง...มันไม่ได้มาง่ายถ้าจะละความโกรธได้เราต้องรู้ว่าโกรธคืออะไรและจะแก้มันยังไงมันต้องใช้ความอดทนสร้างความเข้าฝึกฝนอยู่บ่อยๆจนชำนาญกว่าจะได้มา....ผมก็แค่ปุถุชนธรรมดาดีๆนี้เอง.
หลวงพ่อปราโมทย์น่ะท่านเป็นพระดี
ไม่ชอบการพูดจาของคุณเบียร์ในบางครั้ง แต่สิ่งที่คุณเบียร์สอนและพยายามจะสื่อถึงเพื่อให้ดับทุกข์มันเข้าใจได้ง่ายจริง ตามนั้นจริง อันนี้เข้าใจได้ สาธุค่ะ 😊
ธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนทูกแล้ว อยากออกจากโลกใบนี้ก็ทำตาม(ธรรมของพระพุทธเจ้า แต่ยังไม่อยากออกก็ฟังธรรมทำตามมรรค์มีองค์แปด การปฏิบัติตนในโลกใบนี้ ) แต่ท่านที่ไม่เชื่อในธรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นเหมือนความเชื่ออื่นนั้นเอง
ละขันต์5ได้ก็เข้าถึงวิมุตหรือนิพพาน สาธุธรรมครับพระอาจารย์คึกฤทธิ์
ถ้ารู้สึกตัวไม่เป็น จะไม่รู้ว่าตัวเองหลง
ทุกข์ที่พระพุทธเจ้าท่านได้สอนเอาไว้คือทุกข์ขอ อริยสัจสี่คือความจริงของจิตที่เป็นธรรมชาติสาธุธรรมค่ะ🙏🙏🙏
ช่องนี้สุดยอดรายการดีๆทั้งนั้น
ขอขอบพระคุณ ที่รวบรวมธรรมะพระพุทธเจ้า จากหลายๆครูบาอาจารย์นะคะ🪷🙏🙏🙏🪷
สุดยอดอาจารย์เบียร์
เรื่องนิพพานมันเป็นธรรมะระดับละเอียดเป็นธรรมะสำหรับ ผู้มีอภิญญาญาณและบารมีเท่านั้นถึงจะกล่าวได้อย่างละเอียด ปุถุชนที่ศึกษาตำราเอามาพูดนั้นมีโอกาสผิดเพี้ยนได้มากกว่า
@@วาดจันทร์-ง5ฮปัญหาคือเราไม่มีความสามารถพอจะไปรู้ ว่าใครมีอภิญญาถึงมั้ยนี่แหละครับ จะรู้ได้ก็ต้องเท่ากันหรือสูงกว่า แต่ถึงแม้จะเท่ากันหรือสูงกว่า พระพุทธเจ้าก็บอกไว้ว่า อย่าไปประเมินอยู่ดี เพราะเราไม่ได้เก่งเหมือนท่าน เรามีโอกาศผิดเพี้ยน การเทียบเคียงที่ดีที่สุดคือการเทียบเคียงกับคำสอนที่มีว่าสอดรับกันมั้ยขัดแย้งกันมั้ย การจะตัดสินว่าไม่ไช้อรหันต์ไม่มีอภิญญา ฉันไม่ฟัง มั่วทั้งหมด แบบนี้คงไม่ถูกครับ อย่ายึดติดที่ตัวผู้พูดจะดีกว่า 🙏 ถ้าจะรอฟังเฉพาะ พระอรหันต์เท้านั้น ไม่รู้จะได้ฟังเมื่อไหร่ เพราะเราไม่มีทางรู้แน่นอนว่าใครใช่หรือไม่ไช่ ได้แค่เดา ซึ่งถูกมั้ยก็ไม่รู้ เพราะเราไม่ไช่ผู้มีญานระดับพระพุทธเจ้า
ทำให้มากปฏิบัติให้มากแล้วจึงรู้ และรู้ได้เฉพาะตน
สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาขอมีส่วนร่วมในบุญของหลวงพ่อทุกรูปด้วย ขอกราบนมัสการ ครับ
อย่าพึ่งไป ถึงนิพพานเลย มนุษย์ทั้งหลาย ดับทุกข์ ที่เกิดขึ้นในทุกๆวันให้ได้ก่อน พระพุทธเจ้า เริ่มต้น จากการมองเห็นทุกข์ และหาหนทางดับทุกข์ ก็เท่านั้นเอง ดับแล้วดับจริงไหม ดับจริงในทุกๆเรื่องได้ นั้นแล นิพพาน
ทูกข์ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนคือทุกข์ของอริยสัจ คือความจริงของจิตที่เป็นธรรมชาติค่ะ
รับรู้ เข้าใจ ปล่อยวาง ไร้ความคิด ไร้ตัวตน จากที่ผมมีชีวิตจนอายุ31ปีผมเห็นแต่คนที่พูดคำนี้ทำได้แค่ รับรู้ เข้าใจ แล้วปล่อย วางได้ ยังไม่เคยเจอคนที่ทำถึง ไร้ความคิด ได้เลย เข้าใจจนไร้ความคิดไร้ความรู้สึกไร้ทุกอย่างแม้แต่ตัวเองไม่ใช่สภาพก่อนตายนะครับ😅มันไกล้กัน ทั้งผมนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวผมนะครับไม่ได้อ้างอิงมาจากไหนมันคือความรู้ความเข้าใจของผมในคำสอนนั้นแหละครับก่อนนับ10ให้ไปนับ1ก่อนครับนิพพานอยู่บนจุดสูงสุดของวงจร ในยุคแบบนี้ก็เหมือนงมเข็มในทะเล
ดีแต่พูด
สาธุสาธุสาธุ ครับ
-บาลี ทุก. อํ. ๒๐/๙๒/๒๙๒.ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่เป็นคำ�ร้อยกรองประเภทกาพย์กลอนมีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตรเป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำ�กล่าวของสาวกเมื่อมีผู้นำ�สุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึงและจักไม่สำ�คัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.ส่วนสุตตันตะเหล่าใดที่เป็นคำของตถาคตเป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้งเป็นชั้นโลกุตตระว่าเฉพาะเรื่องสุญญตาเมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึงและย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
สาธุขออนุโมทนาคะ
ใช่..ถ้าไปบวช..แล้วมีข้อห้ามเยอะแยะไปหมด..โดยเฉพาะ..พวกอิจฉาเราจะไม่ให้เราพูด..ถ้าขืนพูดไป..ถูกปรับอาบัติ..อวดอุตริ...แน่นอนครับ
กายเรานี้คือประตูสู่วิมุตหลุดพ้นไ-ด้...
แค่คำว่า นิพพาน เรากันเองยังตีความไม่เหมือนกันเลย... เเต่ผมเชื่อพระอาจารย์สุชาติครับ
ชอบมาก อ.เบียร์อธิบายขยายความทางธรรม ทำให้คนฟัง.. สว่างทางความคิด
สาธุค่ะอาจารย์เบียร์ ขอบพระคุณค่ะ
กินพาราก็แค่หายปวดชั่วคราว แต่มะเร็งไม่ได้หายนะครับถ้าไม่ได้ตัดทิ้ง กบอยู่แต่ในหนอง จะรู้จักแม่น้ำและมหาสมุทรได้ยังไง แค่พระโสดาบัน สังโยชน์ 3 ก็ยังทำไม่ได้
ถ้าแค่คิด รู้สึกและสมองส่วนประมวลผล ว่านิพพานน่าจะเป็นยังไง ผมก็คิดว่า ไม่มีใครอธิบายได้100% พุทธองค์ ตรัสเอง ว่า อธิบายยากมาก … คำถามคือ เรามีแต่ฟังๆๆจำๆๆ แล้วเอามาคิดไป ผมเองก็เช่นกัน อยากมีสภาวะนิพพาน แบบตลอดเวลา 100% เพราะเคยได้ยินพระอริยเจ้าท่านบอกว่า ต่อให้ได้ ก็ต้องไม่ประมาท มีเครื่องอยู่ของสติเสมอจน ตาย อ้าว แล้วตกลง คืออะไร ….ผมเลยคิดไปเองว่า ในระหว่างที่จิตมีสติสูงสุด เราจะเข้าใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นของธรรมชาติ เหมือนหุ่นยนต์ที่ เข้าใจแล้วว่า ตูเป็นแค่หุ่นยนต์ เหล็กสายไฟและโประแกรม ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเท่านั้น และ สติจะไปจับช่องว่าง ระหว่างการเปลี่ยนแปลง ในจิต อุปมาเหมือนเป็นหนึ่งเดียวในช่องว่างระหว่างแผ่นฟิล์มหนังโรงเรื่องชีวิตสัตว์โลกเรื่องหนึ่ง ..หรือเหมือน เป็นอากาศ ระหว่างที่ลิง(สันตติ) ลอยผ่านอากาศกระโดดจากกิ่งไม่หนึ่ง ไปอีกกิ่งไม้หนึ่งก็เท่านั่น สภาวะว่างคือ สภาวะละเอียด ไม่ใช่ลิง ไม่ใช่กิ่งไม่ แต่อยู่รอบๆ เท่านั้น….ผมก็ไม่รู้เพราะผมก็ยังไม่ได้เลย
ขอบคุณมากคะ่อยากรู้มานาน
สาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
สาธุในธรรมค่ะ
สาธุๆๆในธรรมค่ะ กับท่านผู้รู้ค่ะ
เส้นผมบังภูเขา สาธุคะ🙏🙏
ทุกคนบําเพ็ญได้ โดยขัดเกลาจิตใจ แค่ให้ทดลอง 1 วันคุณทำได้ไหม ไม่โกรธไม่ด่าไม่นินทาไม่พูดไม่มองในสิ่งที่ไม่ดี ไม่ผิดศีลธรรมใดๆ ไม่ง่ายและก็ไม่ยาก ไม่ต้องออกท่องธุดงค์ เพื่อตามหาพระภิกษุอาจารย์ ชี้นำทางเมื่อวิญญาณออกจากร่าง มีสายทอง หย่อนลงมา ให้เหล่าวิญญาณ ได้พบหนทางกลับบ้านเก่า รีบไปสถานธรรม ซะ ทุกอย่างที่นั่นมีคำตอบ
ตอนนี้เราอยู่สังขตะ จะเอาสังขตะอธิบายอสังขตะไม่ได้เพราะถ้าเรามีวิชชาเข้านิพพานเราไม่กลับมาสังขตะอีกแล้ว ...ปิติสุขที่ได้จากความว่างในการทำสมาธิในสังขตะยังสุขขนาดนี้พระพุทธเจ้าให้น้อมนึกเอานิพพานว่างอย่างยิ่ง
สังขต ลักษณะ / อสังขต ลักษณะ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ คำสอนจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ลองพิจารณาดูในคำสอนของพระพุทธเจ้าสังขต ลักษณะ / อสังขต ลักษณะเมื่อเห็น ธรรมที่เป็นเหตุ เห็น กฏอิทัปปัจจวตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท ใน สังขต ลักษณะ / อสังขต ลักษณะ ก็จะรู้ว่า พระพุทธเจ้าท่านทรงบอกสอนไว้ให้รู้ตามแล้วแบบนี้นั่นเองค่ะ
สาธุคะ
🙏🙏🙏 ครับ
อยู่ตรงหน้าจริง แต่ว่าใครจะเห็นเมื่อ กิเลสตัณหา อวิชชา บังตา ถึงจะเห็น ก็ยากแก่การจับต้อง ถึงจับต้องได้ก็ถูก กิเลสตัณหา อวิชชาทั้งหลาทั้งปวงมัดเอาไว้อีก ถึงจะมีจิตที่อยากจะปฏิบัติให้หลุดพ้น ถ้าไม่ "เบื่อหน่ายอย่างสุดๆ" ก็ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา
กราบสาธุในธรรมะครูบาอาจารย์เจ้าค่ะ🙏🙏🙏
อาจารย๋พูดด้านตำราได้ดีมาก แค่ผมขอถามว่าอาจารย็บรรลนิพพานหรือยัง? ใครเป็นลูกศิษย็ลูกหาช่วนให้ท่านมาตอยด้วย ผมไม่เก่งตำราแต่ผมปฏิบัติมาตั้งแต่เด็ก ตำราผมศึกษาเอาภายหลัง ผมจบ ป. 6 นะ ใครก็ได้ช่วยช่วยนำพาเจอคนเหล่านี้หน่อย ดูซิว่าใครจะเอาการปฏิบัติมากกว่ากัน เรื่องตำราผมก็มีนะ ขอร้องสื่อด้วยเรื่องมันจะไห้จบไวๆ เพราะเรื่องพวกนี้มันคือของง่าย แต่คนทั้วไปไม่ยอมปฏิบัติเอง
นิพพาน คือนอนหลับไม่ฝันอธิบายง่ายๆ
พระพุทธเจ้า ก็ นิพพานแต่ มีคนเคยถาม พระพุทธเจ้า ว่า หลับแล้วมีฝัน ไหมพระพุทธเจ้า ตอบว่า ก็ผัน อะนะ !!!
@@ampolflashdrive7299นิพพานไม่แล้วใครมาถามได้อ่า😮
นิพพาน_เป็นตัวพื้นที่และเวลา
ทุกคน ได้เรียนรู้ได้ฟังมาพูดได้ถึงหายใจสบาย สบาย แต่เรายังคุมสติไม่ได้ตลอดเวลาหรือไม่ ถ้าคุมสติความคิดไม่ได้ก็ยังไม่เข้าถึงนิพพาน เราพูดได้แต่ยังคุมธาตุขันธ์ ดับกิเลสไม่ได้ก็ยังถึงนิพพาน ตัดกิเลศตัณหาจากขันธ์5 ไม่ได้ก็ยังไม่เข้านิพพาน ถ้าง่ายอย่างที่พูด ทุกคนก็เป็นพระอรหันต์ หมดพระสัมมาสัมพุทธ คงนั่งปฏิบัติธรรมจนได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างที่ทุกคนพูดง่ายๆเรียนแบบอย่างที่เข้าใจกัน ถ้าง่ายอย่างที่ทุกคนพูดปรุงแต่งคำพูดสวยหรู คงเป็นพระอรหันต์หมดทุกคนสิครับ
พระอรหันต์ของแท้ ท่านจะไม่สอนให้ลุ่มหลงอยู่ในโลกธรรม 8 ประการ หรือสอนให้เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ของศาสนาอื่นแต่อย่างใด เพราะจะเข้าข่ายเป็นอัญญะสัตถุเทสเข้ารีตเดียรถีย์ อยู่ในอภิฐานะ 6 หมายถึง กรรมที่เด่นยิ่งกว่ากรรมอื่นๆ หรือเป็นอนันตริยกรรม คือกรรมอันหนัก ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน แต่ไม่ห้ามนรก พระอรหันตเจ้าของแท้ ท่านตรัสรู้อริยสัจ4 และปฏิจจสมุปบาท ท่านก็จะสอนแต่เรื่องทุกข์และการดับทุกข์ที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะเกิดญาญหยั่งรู้ในอริยสัจ 4 และปฏิจจสมุปบาท อยู่ในปลายห้วงของความดับ หรือปลายห้วงขององค์ฌานนิโรธสมาบัติโดยสภาวะ ไม่ใช่โดยอรรถ และก็จะมีญาณหยั่งรู้ภายนอกเรื่องกฎแห่งจินไตย ซึ่งอยู่ในญาณวิสัยของพระอรหันตเจ้า สามารถอธิบายเรื่องลี้ลับที่นักวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ (หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล) ดังนั้น ก่อนจะเชื่อว่าพระองค์ใดบรรลุพระอรหันต์จริง ก็ให้ดูที่คำสอนของท่าน ว่าท่านตรัสรู้วัน เดือน ปี เวลาใด และตรัสรู้ได้โดยวิธีใด แล้วได้บันลือสีหนาทปฏิจจสมุปบาทยอดพระธรรมกรรมฐาน และอริยสัจ 4 เป็น กิจ4 ญาณ 3 ได้หรือไม่ ถึงแม้เราจะได้พบพุทธคำสอนที่แท้จริงจากพระอริยสาวกยุคกึ่งพุทธกาลแล้ว ก็ยังไม่จัดอยู่ในฐานะผู้ที่จะเชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า นอกจากผู้นั้นจะได้บรรลุธรรมถึงชั้นพระอรหันตผลเท่านั้น จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในฐานะที่จะเชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นผู้มาสอบอธิกรณ์พระที่อ้างว่าตนเป็นพระอรหันต์ได้ จึงจะต้องเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน จะเอาพระปุถุชนมาสอบไม่ได้ เพราะบัณฑิตจะรู้บัณฑิตได้ก็ด้วยการสนทนาพาที ในเรื่องสภาวะธรรม หรือผลขององค์ฌานนิโรธสมาบัติ ท่านจะรู้ได้ทันทีว่าบรรลุจริงหรือไม่ พระพุทธองค์จึงได้ตรัส“กาลามสูตร” ไว้ 10 ประการ 1.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆ กันมา 2.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา 3.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ 4.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำรา 5.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรก หรือเห็นว่าเป็นเหตุเป็นผลกัน 6.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดคาดคะเนอนุมานเอา 7.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดเอาตามอาการที่ปรากฏ 8.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตนหรือเข้ากับทฤษฎีที่มีอยู่ 9.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะว่าผู้พูดควรเชื่อได้ 10.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา คำว่าอย่าเพิ่งเชื่อหมายถึงว่าไม่ใช่ปฏิเสธเลยทีเดียว ให้ท่านนำวิธีปฏิบัติเพื่อให้ถึงความพ้นทุกข์ ที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนไปปฏิบัติให้มีสภาวะรองรับเหมือนพระอรหันตผลเสียก่อน จึงจะอยู่ในฐานะที่จะเชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  การที่พระพุทธองค์ทรงตรัส “กาลามสูตร” ไว้ก็เพราะพระพุทธองค์ทรงรู้ด้วยอนาตังสญาณแล้วว่า  กาลต่อไปภายหน้าจะมีผู้บิดเบือนพุทธคำสอน หรือมีภัยสงครามเผาคัมภีร์พระไตรปิฎก จึงได้ตรัสไว้ไม่ให้เชื่อตามตำรา เพราะผู้ที่ไม่มีสภาวะรองรับจะสังคายนาไปตามความคิดเห็นของตน และตีปริศนาธรรมของพระอริยบุคคลที่ทำปฐมสังคายนาไว้ไม่ได้ พระมหากัสสปะเถระเจ้าท่านจารึกไว้เฉพาะหัวข้อเท่านั้น ท่านไม่ได้จารึกสภาวะธรรมไว้ กาลต่อไปภายหน้าถ้ามีพระอริยสาวกอุบัติบังเกิดขึ้นมาท่านก็จะอธิบายได้โดยสภาวะ
พิธีกรคนนี้พูดถูกครับ
นิพพานคือการตายไม่ปรากฎ
กล้าพูดเลยว่า รูปที่ขึ้นหน้าปกทุกๆองค์ ยังไม่ถึงที่สุดแห่งธรรมยังหลงอยู่ แล้วพายังพาคนหลงอีกเยอะ . ชี้ทางสว่างให้ ตัวจบ อยู่ที่ อาจารย์ อสิระ ฉับพลัน .
สาธุครับ
หมดกิเลสเเล้ว
โอ้นี่ช่างมั่นใจถึงยกมือขึ้น จำแนกแสดง ธรรมสภาวะนิพพานเลย สำเร็จอรหันตอนไหนครับวางท่า เหมือนนอาจารย์เจ้าสำนักเลย อรหันต์เสือในแผ่นกระดาษ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญญาไตรสิกขา ไร้ความหมายไปเลย อ่านหนังสือวจนะ เล่มเดียว บรรลุ ฉับพลัน
😂
เขาไม่เคยบอกว่าเขาเป็นอะไรนิพพานเเบบไหนนะ เขาก้อยกตัวอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนมา ถ้าไม่เข้าใจก็ลองเปิดใจเเละตั้งใจฟังใหม่นะคะ
ภิกษุทั้งหลาย สิ่งๆหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้เเจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สิ้นสุด เเต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้นมีอยู่..ในสิ่งนั้นเเหละ ความกว้างยาวเล็กสั้นใหญ่ งามไม่งามไม่หยั่งลงได้ ในสิ่งนั้นเเหละ นามรูป ดับสนิทโดยไม่มีเศษเหลือ..นามรูปดับสนิทในสิ่งนี้..เพราะความดับสนิทของวิญญาณ.
สังขต ลักษณะ / อสังขต ลักษณะ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ คำสอนจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ
ผมเคยคิดแบบนี้ถูกผิดก็ขออภัยไว้ก่อนครับผมเคยเชื่อว่าภพภูมิต่างๆและสภาวะนิพพานคล้ายๆกระบวนการกลั่นน้ำมันยิ่งกิเลสหนาและทำความชั่วมากๆก็ยิ่งหนักเปรียบเหมือนยางมะตอยยิ่งหนักยิ่งหนืด....ส่วนภพภูมิที่เราเห็นมนุษย์และเดรฉานนั้นเหมือนดั่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่เราใช้กันน้ำมันเบ็นซิลดีเซลแบ่งไปตามหนักเบาและค่าอ๊อกเทนเช่นกัน....ส่วนสวรรค์ก็เปรียบคล้ายๆแก็สก๊าซก็แบ่งตามความหนักเบาเช่นกัน....สุดท้ายสภาวะนิพพานนั้นคือ เราหลุดออกจากกระบวนการกลั่นทั้งหมดไม่กลับเข้าระบบอีกแล้ว...
🙏🙏🙏
คนส่วนมากบรรยายนิพพานตามความคิดและความรู้ของตนเอง บางทีอาจทำให้คนฟังงงไม่เข้าใจ แต่ถ้านำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพูดทุกคนจะเข้าใจ “ฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล” เพียงท่อนเดียวก็เข้าใจนั่นคือพุทธวจน (ละอุปทานจากขันธ์ 5)
พูดเรื่องปลาให้เต่าฟังเพราะไม่รู้จึงเกิดมโนเหตุไม่คิดไม่เกิดโลภ โกรธ หลงล้วนมีมโนเป็นที่ตั้ง
ต้องแยกให้ชัดนะครับในวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ นั้นคือ ท่านได้สัมผัส สถาวะนิพพาน แต่ยังไม่ได้เข้าสู่นิพพาน สิ่งที่ได้คือ รสชาติแห่งนิพพาน(และทางเดิน)ใครจะอธิบายรสชาติแห่งนิพพานได้ บุคคลนั้นต้องเข้าถึง และรู้กัน ถึงแม้จะอุปมาอุปไม ก็มีความใกล้เคียงอันสูงสุด หรือแม้ไม่พูดแต่ที่จะพยายามบรรยายออกมาได้ ก็ทำให้เห็นสิ่งที่ตรงกันได้เช่นกันและไม่มีใครพยากรณ์ได้100%ว่านั้นใช่ มีเพียงตนเท่านั้นที่ รู้ว่าใช่--------อธิบาย เพิ่ม ถ้านิพพานเสมือนรสชาติ มะนาว1ชนิด เราจะพยายามบอกรสชาติสิ่งนั้นได้เช่นไร ความยากก็เป็นเช่นนั้น ดังนั้น อุปไมให้ใกล้ที่สุดจนคนนั้นถึงได้และ ชิมรสเท่านั้นแต่ถ้าจะพูด ยกตัวอย่างอุปมาอุปไม ก็ ถามไปรู้จัก มะยมไหม เคยทานมะยมไหม ใกล้เคียงแต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี แค่เริ่มอธิบายก็เคลื่อนออกจากความจริงแล้ว ดังนั้น มะยม ก็ไม่ใช่ เปรี้ยวก็ไม่ใช่ อะไรก็ไม่ใช่ แต่คนที่เคย กับเคย ย่อมเห็นตรงกันว่า รสมะนาวเป็นเช่นนี้-----สมมุติมากนิพพานก็แตกออกมามาก เราเพียงสัมผัส สถาวะเพียง ขณะจิต ส่วน นิพพานจริงๆ ต้องรอ ขันธ์5ดับ จึงเข้าสู่นิพพานอยากให้ลองพิจารณาสถาวะอย่างละเอียด ลองถามหาผู้รู้แจ้งจริง เล่าให้ท่านฟังและฟังจากท่าน พิจารณาลงใหม่ มิใช่ในรูปแบบแต่ให้เข้าถึง
ฉันรู้แต่กิเลสตัณหามันเยอะสงบจิตใจปลงไม่ได้ . 😅 อยากมาก
นิพพานอยุ่ในตัวของเราทุกคนแต่เราลิมไปเพราะความรักโกดหลงมาครอบทำให้เราไม่รู้จรา
ความคิดเห็น น่าจะจัดอยู่ในกลุ่ม เพ้อเจ้อ เรื่อยลอย พูดไปตามประสาความเข้าใจตัวเอง...คนที่รู้มากกว่ามีข้อมูลมากกว่าเขาไม่คุย...
น่าสงสารใกล้บ้าเข้าไปทุกทีแล้วครับ เมตตาๆๆๆ บาปกรรมกำลังทำงาน ปลวกแทะตำราหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย(เฉพาะเบียร์,พระต้น,พระคึกฤทธิ์) ลพ.พุทธทาส ลพ.ปราโมทย์ ของแท้แน่นอนครับ
งงมากหลายอง
@@น้ําหวานรุ่งเรือง เม้นท์ไม่จบครับ โทษทีครับ
รู้นะคุณจบแล้ว
:นิพพาน พระพุทธเจ้าได้ตรัสบอกสอนไว้อย่างนี้ครับ "สิ่ง" สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง. เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด แต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้น มีอยู่; ใน"สิ่ง"นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ ; ใน"สิ่ง"นั้นแหละ ความยาว-ความสั้น ความเล็ก-ความใหญ่ ความงาม-ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้; ใน "สิ่ง"นั้นแหละ นาม-รูป ย่อมดับสนิท ไม่มีเหลือ ; นาม-รูป ดับสนิทใน"สิ่ง"นี้เพราะการดับสนิท ของวิญญาณ ดังนี้ แล. อ้างอิง บาลี สั.ที.๙/๒๘๙/๓๔๘.
🙏🙏🙏ນ້ອມກາບ ຣ່ວມອນຸໂມທະນາສາທຸ ໃນສ່ວນບຸນດ້ວຍ ສາທຸ🙏🙏🙏
คนส่วนใหญ่เห็นนิพพานได้ ตอนเห็นจิตประภัสสร มันเป็นจิตที่พ้นขันธ์ 5 ชั่วคราว(ที่คนส่วนใหญ่หลงคิดว่าบรรลุธรรมแล้ว แต่ไม่ใช่) จิตจะเป็นอุเบกขา ไม่มีเกิดดับ ไม่เคลื่อนไปรู้ นิ่งสงบเย็นอยู่อย่างนั้น ดังนั้น นิพพานก็คือ “จิตที่เป็นอุเบกขา”นั่นแหละ เมื่อจิตมันไม่ไปยึดในขันธ์ 5 มันก็มาอยู่กับตัวเอง ตัวจิตมันมีความว่าง จึงเห็นแต่จิตว่าง เหมือนตอนเข้าฌาณ 4 ไม่ใช่ความว่างจากความคิด ว่างจากอารมณ์โลภโกรธหลง ว่างเพราะหมดรู้ ไม่เห็นว่ามีจิต ที่คนส่วนใหญ่เห็น ของจริง!!เขาว่างจาก“จิตผู้รู้”
เริ่มที่ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน ศีล สมาธิ เมื่อ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เกิดปรากฏขึ้นมา ก็คือ พ้นแล้วจาก กาม พยาบาท เบียดเบียนเริ่ม ดำริออกจาก รูปภพเริ่ม ดำริออกจาก อรูปภพมาสู่ กามภพ ซึ่งเป็น มนุษย์ เท่านั้นเมื่อพระ ผัคคุณณะ ไปเกิดเป็น เทวดารูปภพอริยมรรคมีองค์แปด ก็จะเกิดปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก็จะมีการ ดำริออกจาก รูปภพดำริออกจาก อรูปภพ มาสู่ กามภพ มนุษย์ ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ (นิพพาน)ต้องเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ เท่านั้นถึงจะ นิพพาน
แล้วยังมีผู้รู้ว่าไฟดับ ผู้รู้ในการดับคือ.....ช่วยขยายความ...กราบอนุโมธนาครับ
เป็นพระอรหันต์ตัดกิเลสหมดใกล้ตายไม่กี่นาที ก็เข้าสู่พระนิพพานได้ลองคิดดูร่างกายกําลังใกล้ตายคงไม่มีอารมย์ทางเพศหรือโลภโกรธเกลียดใคร.จับพระนิพพานเป็นอารมย์หรืออุปสมานุสติกรรมฐานกับเป็นพระอรหันต์ทรงดํารงขันธ์.นิพพานปรมัง สุขขัง.นิพพานดวงจิตไม่ดับสูญ ถ้าดับสูญจะไม่รู้สึกถึงความสุข.เลยสูงกว่าชั้นนิพพานพรหมหรือชั้นสุทธาวาส การปฏิบัติไม่มีอะไรตายตัวว่าปฏิบัติแบบนี้แบบโน้นถึงเข้าสู่นิพพานได้.อรหันต์ยังมี4สายเลย สติปัฏฐานสี่อย่างเดียวยังนิพพานได้ถ้าปฏิบัติจริงเติมที่ไม่เกิน7ปีองค์คุลีมาลยังเป็นพระอรหันต์หรือโจรเคราแดงยังขึ้นสวรรค์หรือพระโคธิกะยังสู่นิพพาน
อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมา เป็นเส้นทางเจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ก็จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ (นิพพาน)ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียนดำริออกจาก รูปภพดำริออกจาก อรูปภพมาสู่ กามภพ มนุษย์ คือ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธในสังสารวัฏมี สามภพ กามภพ รูปภพ อรูปภพ
พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่าคนที่ไม่รู้จักนิพพานก็อย่ามาเที่ยวสอนนิพพาน อันนี้ก็เป็นเพียงการอ่านมาจากตัวหนังสือเท่านั้นเป็นการถ่ายทอดคำตรัสของพระพุทธเจ้ามาจากตัวหนังสือที่แปลมาให้แล้วจากพระบาลี
น่ากลัวว่าจะสอนเข้ารกเข้าพง แต่ถ้าเขาฝึกถึงขั้นนั้นแล้วก็สาธุด้วย
ถึงแม้จะหลุดพ้นแล้ว (นิพพาน) ก็ยังต้องอาศัยสมมุติอยู่เพื่อสื่อสารเพื่อความเข้าใจแก่บุคคลผู้ใฝ่ธรรม เพื่อไห้เข้าใจความเป็นจริง เข้าใจมรรค8 เพื่อเดินทางสู่การดับทุกข์ และเรียนรู้ อริยสัจ4 ตามความเป็นจริง (ถึงหลุดพ้นแล้วก็ยังมีขันธ์ห้าอยู่ครับ(ขันธ์5 เป็นทุกข์) (สิ่งที่จะพาหลุดพ้นจากความทุกข์คือการปฏิบัติ สติปัฏฐาน4 )
ดีแต่พูด.
ใช่ หมายถึงมึงนะ
การเกิดเป็นทุกข์ ถ้าเราไม่อยากเกิด ไม่อยากทุกข์ เราต้องปฏิบัติยังไงคะ พยายามจะปฏิบัติแต่ใจยังไม่หลุดพ้น ต้องทำยังไงมันถึงจะหลุดพ้นคะ
ฝึกละสังโยชน์ 10 ครับในขั้นต้น อาจจะฝึกละ สังโยชน์ 3 ก่อนก็ได้ครับ ซึ่งเป็นอารมณ์ของพระโสดาบันลองหาใน google ได้ครับหมั่นฟังธรรมจากพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ไปครับ จะทำให้พบหนทางครับ
นิพพาน. มีสถานที่. มีต้วตนนะครับ. แต่ลงมาเกิดไม่ได้. เพราะไม่มีกำหนด. ให้ลงมาเกิด จืงต้องอยู่สถานที่นั้น. ตลอดไป ช้วนิร้นดร
อ.เบียร์ ยังไม่เข้าสู่สภาวะนิพพาน แต่พูดเรื่องนิพพาน, จิตที่ว่างคือจิตไม่ยึดมั่นในตัวตน ไม่มีตัวตนแล้วนั่นแหละคือหมดกิเลส ไม่มีตัวตนแล้วอะไรจะอยาก !!!
นิพพานมีลักษณะ5 ประการผู้รู้ รู้ไม่แจ้งแจกแจงไม่ถูก
สภาวะนิพพาน พูดเวลาไหนก็เป็นมงคลสูงสุดในเวลานั้น คนที่มีสุตะมากฟังแล้วก็ปล่อยวางได้ ส่วนคนที่มากไปด้วยทิฏฐิมานะที่เห็นว่า คนสอนไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ก็โง่ต่อไป ไม่ได้ประโยชน์
พูดถึงนิพพานแล้วเป็นมงคลยังไง มาจากพระสูตรไหน บอกหน่อย
อ.เบียร์ไม่บวชก็เหมือนยิ่งกว่าบวช จิตท่านสว่างแล้วท่านไม่บวชก็ได้เป็นฆราวาส สะดวกในการสอนพระธรรมที่สุดสาธุ🙏🙏🙏
นิพพาน ไม่ใช่สภาวะ ไม่มีลักษณะ ไม่ใช่สังคมตะ หรือ อสังคตะเป็นเพียงจิตเดิแท้ สักว่ารู้ สักว่าเห็น เหมือน กิเลสดับไปแล้ว จิตจะไปอยู่ที่ใหน มันว่างยิ่งกว่าว่าง ไม่มีการเกิด ไม่มีการเคลื่อนไป ถูกไหมค❤🎉รับ
อยู่อย่างนี้ อย่าไปบวชเลย กัว จะไปทำให้วงในป่วนมากขึ้นไปอีก อยู่วงนอกถ้าดัง คนติดตามฟังมาก คนชอบ ก็อยู่ไปแบบนี้ แระ
นิพพานมีดินแดนถ้าไม่มีดินแดนก็เป็นอรูปพรหม แล้วกิเลสเต็มตัวจะมาสอนนิพพานได้ไงสอนเกินภูมิต้วเอง นิพพานจะมานั่งคิดเอาตามความเข้าใจตัวเองไม่ได้ ที่เห็นคนตื่นธรรมสอนแม้สะเก็ดความดีของพระองค์ยังไม่ได้เลย จะมาสอนเรื่องนิพพาน คนที่เขาจิตละเอียดเขาดูนายคนตื่นธรรมออก คิดเองเออเอง
ธรรมะร้อนๆ😂
ต่อให้ ไม่เกิด ก้เสี่ยงมา อีก เหมือนคนใกล้ๆถูก 3 ตัวตรง แต่มันก็ยังโต๊ดอยู่ ถ้านิพพาน มันต้องเป๊ะมากนะ ใสจริงๆ ไม่มีสีมาเจือ
10:53 ท่านนี้ชื่ออะไรครับ ขอผู้รู้บอกด้วยครับ
0+0=00-0=00หาร0=00คูณ0=0มีสูตรวิธีทำปฏิบัติอยู่ พระองค์ได้บอกไว้แล้วในพระไตรปิฏก 🙏🙏🙏
นิพพานเป็นอนัตตาตัวผู้เข้าถึงนิพพานเป็นอัตตา
ปล่อยวาง 555 กรูบรรลุแล้ว
รอให้คนที่เข้าถึง นิพพานมาอธิบายให้ฟังครับ น่าจะ ดีกว่า เราเเค่มาเเชร์ ประสพการณ์ ที่เจอ กัน เเค่ นั้นเอง อย่าไปยึดติดหลักการอะไรทั้งหมด เเต่ให้ลงมือทำ เเล้วประตูบานนั้นจะเปิดออก
พูดมาได้คิดบ้างไหมนิ ไม่เคยมีใครเข้าถึงนิพพานแล้วกลับมาบอกแม้แต่คนเดียวแม้แต่พรหมชั้นสุทธาวาสที่เป็นอริยะบุคคลทั้งหมดรอสิ้นอายุเพื่อนิพพานยังกลับมาบอกไม่ได้เลยแล้วพระหรือคนในคลิปพูดก็มาก็มาจากคำสอนพระพุทธเจ้า แค่เปลี่ยนคำศัพท์ให้เข้าใจง่าย
@โจ๊กเกอร์-ฌ5ต เเล้วคนที่นั่งสมาธิ โดยใช้ อารมณ์ของจิตเกิดไม่ปรากฏ เขาเรียกว่าไรครับ
@@สมชัย-ภ4อ ถ้าจะหมายถึงพระอรหันต์ นั้นผมก็พูดได้สิ พระพุทธเจ้าเหนือกว่าอรหันต์ด้วยซ้ำ ตัวอย่างพระคึกฤทธิ์เนี่ยเอาในพุทธวจนมาพูดที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ แต่คุณมาเม้นว่าให้คนเข้าถึงนิพพานมาอธิบาย มันขัดแย้งกันไหมละ พระพุทธเจ้าตรัสแต่ยังไม่เชื่อแล้วจะเชื่อใครได้อีก แล้วคุณอะมีญาณมีฌานหรอถึงรู้ว่าใครเป็นเป็นอรหันต์
@@โจ๊กเกอร์-ฌ5ตนิพพานสามารถเป็นอารมณ์ของจิตขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่ขั้นพระโสดาบันขึ้นไป ส่วนที่ท่านเข้าใจนั้นเป็นนิพพานเช่นกัน แต่เรียกว่าดับขันธ์ปรินิพพาน อันนี้ไม่สามารถกลับมาบอกได้ครับ
นิพพานไม่ใช่สถานที่ แต่มันคือธรรมชาติของการไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด
เคยไปหรือพ่อคุณ
นิพพาน เป็น อารมณ์เข้าใจ อารมณ์หรือไม่???ตรงนี้ต้องเข้าใจ นะ ถ้าไม่เข้าใจ อธิบายโดยคิดเอง อ่อเอง ผิดแน่นอน!!! เป็นอารมณ์ ของ มรรคจิตและ เป็น อารมณ์ ของผลจิต อธิบาย กันไปให้พิสดาร*** ตัด +เพิ่มเติม คำสอนจะเข้ามา ถ้าไม่เรียน พระไตรปิฎก อรรถกถา เกิดตอนไหนละ นิพพานเกิดตอน มรรคมีองค์ 8สมังคี ประหารกิเลสและ ตอนเสวย ผลจิตสำคัญ มรรค ใน สังสารวัฏอันยาวไกล สัตว์ทุกตัวตน จะเกิด มรรคจิตได้ 4ครั้ง เท่านั้น 1 โสดาปัตติมรรค 2สกคามีมรรค 3 อนาคามีมรรค 4 อรหันตมรรคและ ผลจิตดังนั้น ในเวลาอื่นจะไม่สามารถ เอานิพพานมาเป็นอารมณ์ของจิตได้เลย คนตาบอดครำช้างไม่รู้จักอารมณ์ของ จิต เรียนอภิธรรม ชั้นต้นแล้ว ศึกษาพระไตรปิฎก เรื่องง่ายมันจะได้ไม่อธิบาย จน เพิ่มเติมคำสอน ของพระพุทธเจ้าขึ้นมาใหม่ ...ยุคเรา กาล วิบัติมากแล้วจริง😊
อจ เบียร์ ปฏิบัติธรรมถึงขั้นบรรลุหรือยัง รู้กับการปฏิบัติแตกต่างกันอย่างไร
อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมา ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติการปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปดไปปฏิบัติแล้ว แต่ อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา ก็แสดงว่า ไม่ได้ปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้า ท่านทรงบัญญัติไว้ นั่นเองค่ะ
ไปปฏิบัติแล้ว แต่ อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา ยังคงเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ เหมือนเดิม แบบนี้ไม่ได้ปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้นั่นเองค่ะ
การนำคำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกต่อ คือ การเจริญ อริยมรรคมีองค์แปดอริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว อย่างนี้นั่นเองค่ะ
นำทางล่วงหน้าก่อนเลย
รู้มากเพราะอ่านจากจอคอมพิวเตอร์555
😂😂😂
ขออธิบายเพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจง่ายๆ หลักการจะคล้ายๆ กับจำนวนเชิงซ้อน ที่เราเรียนตอน ม. ปลาย (x= 2+3i) คือ มีแกนจริง มีจำนวนจริง คือเลข 2 และแกนจินภาพมีจำนวนจินตภาพคือ 3i หลักการเดียวกันพุทธเราก็มี 2 Multiverse อันแรกมันก็คือ โลกธาตุ มันคือโลกและจักรวาลที่เราเห็นๆ ด้วยตานี่แหล๊ะ อีก Multiverse นึงเป็น Multiverse จินตภาพ หรือที่เรียกว่า โลกทิพย์ แดนนิพพาน บ้างแล้วแต่คนจะเรียก
Multiverse จินตภาพนี้จะเป็นที่อยู่ของดวงจิตเรา มีสถานที่ ที่เรียกว่า ภพภูมิ มีสิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่น เทวดา เปรต สัตว์นรก มีกลศาสตร์และชีววิทยาเฉพาะตัว เช่น สิ่งมีชีวิตสามารถเกิดขึ้นเป็นตัวได้เลย โดยไม่ต้องมีพ่อแม่ และ Multiverse จินตภาพนี้เป็น Multiverse สากล ไม่ว่าจะมีศาสนาหรือไม่มีศาสนา รวมถึงสัตว์ต่างๆ ดวงจิตของพวกเขาอยู่ใน Multiverse จินตภาพ ทั้งหมด
โดยธรรมดา มนุษย์ตอนมีชีวิต ดวงจิตที่อยู่ใน Multiverse จินตภาพ จะเชื่อมโยงกันกับกายหยาบใน Multiverse โลกธาตุ ถ้ากายหยาบกับดวงจิตพากันทำกิจกรรมที่เป็น อกุศล ดวงจิตก็จะมีสภาพแบบนึง ถ้าพากันทำกิจกรรมที่เป็นกุศล ดวงจิตก็จะมีสภาพอีกแบบนึง เมื่อเสียชีวิต ดวงจิตกับกายหยายหลุดจากกัน ดวงจิตก็จะถูกกลศาสตร์ของ Multiverse จินตภาพกระทำให้ไปอยู่ภพภูมิต่างๆ ตามสภาพของดวงจิตนั้น จะคล้ายๆ กับหอกลั่นน้ำมันที่แยก พวกก๊าซน้ำมันกับยางมะตอยออกจากกัน Multiverse จินตภาพก็จะแยกดวงจิตต่างๆ ให้ไปเป็น เทวดา สัตว์นรกเปรตตามสภาพและคุณสมบัติของดวงจิตนั้น สรรพสัตว์ทั้งหลายใน Multiverse จินตภาพนี้ จะมีความเป็นอยู่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายก็จะถูกกลศาสตร์และชีววิทยา ทำให้ดวงจิตนี้กลับมา เชื่อมต่อกับกายหยาบอีกครั้งนึง ซึ่งมันก็คือการกลับชาติมาเกิดนั่นเอง
ทีนี้มาถึง สภาวะนิพพาน ซึ่งก็คือ เมื่อเสียชิวิตจิตกับกายหยาบหลุดจากกัน ดวงจิตที่ถูกฝึกจนมีสภาพที่ กลศาสตร์ของ Multiverse จินตภาพกระทำอะไรไม่ได้ พาไปยังภพภูมิต่างๆ ไม่ได้ และดวงจิตนี้ก็ไม่มีเชื้อพันธ์ทางชีววิทยา ที่จะไปเกิดเป็นอะไรได้เลย จะไปเกิดเป็น เทวดาหรือเป็นเปรตไม่ได้ จึงถือว่าดวงจิตนี้ หลุดจากวัฎจักร การเวี่ยน ว่าย ตายเกิด
เพิ่มเติมนิดนึง ตอนเราฝัน มันจะเกิดการเชื่อมโยงกัน ของ 3 Multiverse และสุดท้ายขอฝากคำพูดของไอน์สไตน์ ซึ่งเขาก็น่าจะศึกษาพุทธศาสนามาพอสมควร คำพูดนั้นก็คือ "จินตนาการสําคัญกว่าความรู้"
นิพพานเป็นดินแดน ทิพย์ละเอียด
แดนพระนิพพานมีดินแดนอยู่จริง
แดนพระนิพพานไม่มีเพราะพระนิพพานคือไม่มีอีกแล้ว😊
@คนตื่นนอน-ฤ7ป ไม่มีสำหรีบคนปฎิบัติไม่ถึงนิพพาน มีสำหรับคนที่เข้าสู่โคตรภูญาน ปฏิบัตือารมณ์พระโสดาบันได้แล้ว เจ้าสู่กระแสพระนิพพาน จะเกิดอีก 7,3 และชาติเดียวแล้วเข้านิพพาน
@@คนตื่นนอน-ฤ7ป ถ้านิพพานเป็นเหตุการณ์ เหตุการณ์ย่อมต้องการสถานที่ให้เกิดเหตุการณ์ ส่วนที่บอกว่านิพพานแล้ว จะไม่กลับมาเกิดอีกไม่ค่อยจะถูกต้องนัก ถ้าบอกนิพพานแล้วไม่กลับมาเกิด 100% มันจะไปขัดแย้งกับหลักอนิจจัง ซึ่งหลักอนิจจัง หลักความไม่เที่ยง มันเป็นแกนหลักของพุทธ ถ้าจะไม่ให้สองสิ่งนี้ขัดแย้งกัน นิพพานแล้วจะต้องมีโอกาสกลับมาเกิดได้ แต่โอกาสน่าจะน้อยมากๆๆ ที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
เยี่ยมครับนี้เป็นฆารวาส.ถ้าบวชก็สุดยอด.สาธุครับท่าน
เดี๋ยวนะคุณตั้งสติก่อน อาจารย์เบียร์นับวันท่านจะสอนเรื่องราวอะไรที่มันเกินความสามารถของตัวเอง แทนที่จะสอนธรรมะในส่วนที่ตัวเองรู้ หรือเข้าใจจริงๆ สวดธรรมะอะไรที่มันอยู่ในระดับชั้นสูง ธรรมะสภาวะละเอียด ธรรมะที่เป็นเรื่องปัจจัตตังและอจินไตย อย่าเพิ่งไปสอน เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องเป็นอริยบุคคลเท่านั้น ลองไปฟังพ่อแม่ครูบาอาจารย์ยกตัวอย่าง สายหลวงปู่มั่น ถือหลวงพ่อฤาษีลิงดำก็เคยอธิบาย เกี่ยวกับเรื่องนิพพาน ไม่ใช่เอาตำรามาพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ใครมันก็พูดได้ แต่ผลแห่งการปฏิบัตินั้นของจริง
แค่มันมีความเกิด มันก็มีทุกข์แล้วค่ะ ถ้าไม่อยากทุกข์ก็อย่าให้มีความเกิดสิคะ
พุทธะจะอุบัติขึ้นมาหรือไม่ ธรรมธาตุและกฏอิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาทก็มีอยู่ก่อนแล้ว ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคตจริงๆ ครับ
เห็นด้วย จริง
😅..@@NnNn-m3f
พุทธะจะอุบัติมาหรือไม่ไม่รู้แต่พระปัจเจกพุทธเจ้า เกิดขึ้นได้ทุกเวลา 😊
สิ่งๆหนึ่งฃึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง สิ่งๆนั้นไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีสิ้นสุด แต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้นมีอยู่ สิ่งๆนั้น ดินน้ำ ไฟ ลม เล็ก ใหญ สั้น ยาว งามไม่งามไม่อาจหยั่งถึงลงได้ สิ่งๆนั้นนามรูปดับสนิท นามรูปดับสนิทเพราะวิญญาณดับสนิทไม่มีเหลือ สื่งๆนั้นไม่มีวิญญาณและนามรูป สิ่งๆนั้นเอเสวันโตทุขสัจที่สุดแห่งทุกข์(ภาวะอมตะนิพพาน)
อยากเข้าใจพระนิพพาน ต้องศึกษาจากท่านที่เป็นพระอรหันต์ครับ ถ้าเราศึกษาจากท่านที่ยังไม่ถึง โอกาสผิดพลาดมีอยู่ครับ
ท่านที่เป็นพระอรหันต์???
@ ท่านที่จบกิจในเขตพระพุทธศาสนา ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดแล้วครับ ซึ่งก็หายาก และเราไม่สามารถรู้ได้ว่าท่านไหนเป็นหรือไม่เป็น ในเบื้องต้น อาจจะศึกษาจากพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายๆองค์ ที่สอนไปในทิศทางเดียวกันหมดก่อนก็ได้ครับ
@@MrPa6986 เห็นความจริงในโลกะโลกียะ ก็เห็นธรรมชาติ เองได้ด้วยตนเอง(พทธะ)=เห็นตถาคต จริงใน กถาตถาคต ครับ
มีสติ(รู้สึกระลึกได้ในปัจจุบัน)+ชอบแล้วในมรรคทั้ง8
จึงเห็นชอบในความเห็นชอบ จึงได้ในสัมมาสมาธิ(เห็นได้ด้วยตนเอง=เข้าถึงธรรม=เห็นธรรมเข้าใจรู้ถึงเหตุเกิดเหตุดับในสัจจะธรรมจึงรู้ได้ในญานะ ธรรมธาตุทั้งหลายเป็นเช่นนี้ ในธรรม โมทนาสาธุการ
จะมาฟัง มาอ่าน มาดูโทรศัพย์ก็แค่ทฤษฎีแค่ความจำและความคิดเห็นครับ ต้องแก้ที่การปฎิบัติคือต้องไปบวชเพื่อเปลื่อนสถานะ ไปแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ดีดี ไปแสวงหาสถานที่ดีดี วัดดีดีและไปฝึกอยู่ป่า เพื่อรักษาศีลให้สูง สมาธิให้สูง ทำปัญญาให้สูงก่อนถึงจะไปนิพพานได้ จะมาอยู่เป็นฆราวาสเป็นคนธรรมดาก็ยังคงติดอยู่กับสมบัติ ลูก เมีย ตำแหน่งหน้าที่การงาน รถยนต์ และอย่างอื่นอีกมากมายจึงทำให้จิตเป็นทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด ดูพระพุทธเจ้าเราเป็นตัวอย่างพระองค์เป็นถึงกษัตริย์ มีสมบัติมหาศาล มีสนมรับใช้เป็นหมื่นหมื่นคน ก็ยังต้องหนีออกจากวังมานั่งอยู่ที่แม่น้ำอโนมา แล้วตัดมวยผมออกและอธิฐานบวชก่อน แล้วก็มาแสวงหาครูบาอาจารย์ หาสถานที่ปฎิบัติ แล้วพระพุทธเจ้าจึงเข้าถึงนิพพานได้ครับ
ฟังพระปราโมทย์ฟังท่านง่ายเริ่ม จะเข้าใจมันง่ายที่จะทำ อ.เบียก็ง่ายเข้าใจพูดถูก
ที่ผมนับถืออ.เบียร์เพราะสิ่งนี้เลย เขาเอาธรรมพระพุทธเจ้ามาอธิบาย ไม่ใช่คิดเอาเองเข้าใจเอาเอง ซึ่งผมฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์ หลวงพ่อหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ มาตลอด ได้ยินได้ฟังอ.เบียร์แกไม่ขัดแย้งเลย ไปในทางเดียวกัน ไม่มีขัดข้องอะไร ฟังแล้วลงใจจากที่ได้เคยได้ยินได้รู้มาตลอด
อ.เบียร์เป๊ะมาก สอนแบบเดียวกับ อ.อุดร สอนดูจิต สอนแบบพอจ.สมทบ พอจ.คึกฤทธิ์ สอนแบบท่านพุทธทาสภิกขุ
สาธุครับ ที่ฟังมาอาจารย์พูดไม่มีอะไรผิดเพี้ยน ครับ(ตามที่ผมรู้ด้วยข้อจำกัดทางปัญญาของผมเอง)
พวกคุณธรรมะ มันตอแหล....
สถาพธรรมะมันเกิดขึ้นของมันโดยปกติเมื่อมีเหตุมีปัจจัยมันก็ทำงานของมันเมื่อธรรมะต่างมากระทบกับจิตเราโดยผ่านอายะตนะต่างๆมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเมื่อกระทบกับใจเราแล้วเราสามารถปล่อยวางได้ไม่สามารถกรทบจิตใจเราได้มองสภาวะธรรมมันเป็นไปอย่างนั้นของมันเองเพียงเราไม่ยึดก็จบเมื่อไม่ยึดใจก็ไม่เดือดร้อนเมื่อไม่เดือดร้อนมันก็ไม่มีทุกข์ครั้นจะประปรุงแต่งอะไรก็ปรุงแต่งไปในทางสัมมา....นี่ไม่ใช่อวดตริแต่เป็นความเข้าใจของผมเอง...มันไม่ได้มาง่ายถ้าจะละความโกรธได้เราต้องรู้ว่าโกรธคืออะไรและจะแก้มันยังไงมันต้องใช้ความอดทนสร้างความเข้าฝึกฝนอยู่บ่อยๆจนชำนาญกว่าจะได้มา....ผมก็แค่ปุถุชนธรรมดาดีๆนี้เอง.
หลวงพ่อปราโมทย์น่ะท่านเป็นพระดี
ไม่ชอบการพูดจาของคุณเบียร์ในบางครั้ง แต่สิ่งที่คุณเบียร์สอนและพยายามจะสื่อถึงเพื่อให้ดับทุกข์มันเข้าใจได้ง่ายจริง ตามนั้นจริง อันนี้เข้าใจได้ สาธุค่ะ 😊
ธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนทูกแล้ว อยากออกจากโลกใบนี้ก็ทำตาม(ธรรมของพระพุทธเจ้า แต่ยังไม่อยากออกก็ฟังธรรมทำตามมรรค์มีองค์แปด การปฏิบัติตนในโลกใบนี้ ) แต่ท่านที่ไม่เชื่อในธรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นเหมือนความเชื่ออื่นนั้นเอง
ละขันต์5ได้ก็เข้าถึงวิมุตหรือนิพพาน สาธุธรรมครับพระอาจารย์คึกฤทธิ์
ถ้ารู้สึกตัวไม่เป็น จะไม่รู้ว่าตัวเองหลง
ทุกข์ที่พระพุทธเจ้าท่านได้สอนเอาไว้คือ
ทุกข์ขอ อริยสัจสี่
คือความจริงของจิตที่เป็นธรรมชาติ
สาธุธรรมค่ะ🙏🙏🙏
ช่องนี้สุดยอดรายการดีๆทั้งนั้น
ขอขอบพระคุณ ที่รวบรวมธรรมะพระพุทธเจ้า จากหลายๆครูบาอาจารย์นะคะ🪷🙏🙏🙏🪷
สุดยอดอาจารย์เบียร์
เรื่องนิพพานมันเป็นธรรมะระดับละเอียดเป็นธรรมะสำหรับ ผู้มีอภิญญาญาณและบารมีเท่านั้นถึงจะกล่าวได้อย่างละเอียด ปุถุชนที่ศึกษาตำราเอามาพูดนั้นมีโอกาสผิดเพี้ยนได้มากกว่า
@@วาดจันทร์-ง5ฮปัญหาคือเราไม่มีความสามารถพอจะไปรู้ ว่าใครมีอภิญญาถึงมั้ยนี่แหละครับ จะรู้ได้ก็ต้องเท่ากันหรือสูงกว่า แต่ถึงแม้จะเท่ากันหรือสูงกว่า พระพุทธเจ้าก็บอกไว้ว่า อย่าไปประเมินอยู่ดี เพราะเราไม่ได้เก่งเหมือนท่าน เรามีโอกาศผิดเพี้ยน การเทียบเคียงที่ดีที่สุดคือการเทียบเคียงกับคำสอนที่มีว่าสอดรับกันมั้ยขัดแย้งกันมั้ย การจะตัดสินว่าไม่ไช้อรหันต์ไม่มีอภิญญา ฉันไม่ฟัง มั่วทั้งหมด แบบนี้คงไม่ถูกครับ อย่ายึดติดที่ตัวผู้พูดจะดีกว่า 🙏 ถ้าจะรอฟังเฉพาะ พระอรหันต์เท้านั้น ไม่รู้จะได้ฟังเมื่อไหร่ เพราะเราไม่มีทางรู้แน่นอนว่าใครใช่หรือไม่ไช่ ได้แค่เดา ซึ่งถูกมั้ยก็ไม่รู้ เพราะเราไม่ไช่ผู้มีญานระดับพระพุทธเจ้า
ทำให้มากปฏิบัติให้มากแล้วจึงรู้ และรู้ได้เฉพาะตน
สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาขอมีส่วนร่วมในบุญของหลวงพ่อทุกรูปด้วย ขอกราบนมัสการ ครับ
อย่าพึ่งไป ถึงนิพพานเลย มนุษย์ทั้งหลาย ดับทุกข์ ที่เกิดขึ้นในทุกๆวันให้ได้ก่อน พระพุทธเจ้า เริ่มต้น จากการมองเห็นทุกข์ และหาหนทางดับทุกข์ ก็เท่านั้นเอง ดับแล้วดับจริงไหม ดับจริงในทุกๆเรื่องได้ นั้นแล นิพพาน
ทูกข์ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนคือทุกข์ของอริยสัจ คือความจริงของจิตที่เป็นธรรมชาติค่ะ
รับรู้ เข้าใจ ปล่อยวาง ไร้ความคิด ไร้ตัวตน จากที่ผมมีชีวิตจนอายุ31ปีผมเห็นแต่คนที่พูดคำนี้ทำได้แค่ รับรู้ เข้าใจ แล้วปล่อย วางได้ ยังไม่เคยเจอคนที่ทำถึง ไร้ความคิด ได้เลย เข้าใจจนไร้ความคิดไร้ความรู้สึกไร้ทุกอย่างแม้แต่ตัวเองไม่ใช่สภาพก่อนตายนะครับ😅มันไกล้กัน ทั้งผมนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวผมนะครับไม่ได้อ้างอิงมาจากไหนมันคือความรู้ความเข้าใจของผมในคำสอนนั้นแหละครับก่อนนับ10ให้ไปนับ1ก่อนครับนิพพานอยู่บนจุดสูงสุดของวงจร ในยุคแบบนี้ก็เหมือนงมเข็มในทะเล
ดีแต่พูด
สาธุสาธุสาธุ ครับ
-บาลี ทุก. อํ. ๒๐/๙๒/๒๙๒.
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้
สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่
เป็นคำ�ร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน
มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร
เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำ�กล่าวของสาวก
เมื่อมีผู้นำ�สุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่
เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง
และจักไม่สำ�คัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
ส่วนสุตตันตะเหล่าใดที่เป็นคำของตถาคต
เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง
เป็นชั้นโลกุตตระว่าเฉพาะเรื่องสุญญตา
เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่
เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง
และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
สาธุขออนุโมทนาคะ
ใช่..ถ้าไปบวช..แล้ว
มีข้อห้ามเยอะแยะไปหมด
..โดยเฉพาะ..พวกอิจฉาเรา
จะไม่ให้เราพูด..
ถ้าขืนพูดไป..ถูกปรับอาบัติ
..อวดอุตริ...แน่นอนครับ
กายเรานี้คือประตูสู่วิมุตหลุดพ้นไ-ด้...
แค่คำว่า นิพพาน เรากันเองยังตีความไม่เหมือนกันเลย... เเต่ผมเชื่อพระอาจารย์สุชาติครับ
ชอบมาก อ.เบียร์อธิบายขยายความทางธรรม ทำให้คนฟัง.. สว่างทางความคิด
สาธุค่ะอาจารย์เบียร์ ขอบพระคุณค่ะ
กินพาราก็แค่หายปวดชั่วคราว แต่มะเร็งไม่ได้หายนะครับถ้าไม่ได้ตัดทิ้ง กบอยู่แต่ในหนอง จะรู้จักแม่น้ำและมหาสมุทรได้ยังไง แค่พระโสดาบัน สังโยชน์ 3 ก็ยังทำไม่ได้
ถ้าแค่คิด รู้สึกและสมองส่วนประมวลผล ว่านิพพานน่าจะเป็นยังไง ผมก็คิดว่า ไม่มีใครอธิบายได้100% พุทธองค์ ตรัสเอง ว่า อธิบายยากมาก … คำถามคือ เรามีแต่ฟังๆๆจำๆๆ แล้วเอามาคิดไป ผมเองก็เช่นกัน อยากมีสภาวะนิพพาน แบบตลอดเวลา 100% เพราะเคยได้ยินพระอริยเจ้าท่านบอกว่า ต่อให้ได้ ก็ต้องไม่ประมาท มีเครื่องอยู่ของสติเสมอจน ตาย อ้าว แล้วตกลง คืออะไร ….ผมเลยคิดไปเองว่า ในระหว่างที่จิตมีสติสูงสุด เราจะเข้าใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นของธรรมชาติ เหมือนหุ่นยนต์ที่ เข้าใจแล้วว่า ตูเป็นแค่หุ่นยนต์ เหล็กสายไฟและโประแกรม ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเท่านั้น และ สติจะไปจับช่องว่าง ระหว่างการเปลี่ยนแปลง ในจิต อุปมาเหมือนเป็นหนึ่งเดียวในช่องว่างระหว่างแผ่นฟิล์มหนังโรงเรื่องชีวิตสัตว์โลกเรื่องหนึ่ง ..หรือเหมือน เป็นอากาศ ระหว่างที่ลิง(สันตติ) ลอยผ่านอากาศกระโดดจากกิ่งไม่หนึ่ง ไปอีกกิ่งไม้หนึ่งก็เท่านั่น สภาวะว่างคือ สภาวะละเอียด ไม่ใช่ลิง ไม่ใช่กิ่งไม่ แต่อยู่รอบๆ เท่านั้น….ผมก็ไม่รู้เพราะผมก็ยังไม่ได้เลย
ขอบคุณมากคะ่อยากรู้มานาน
สาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
สาธุในธรรมค่ะ
สาธุๆๆในธรรมค่ะ กับท่านผู้รู้ค่ะ
เส้นผมบังภูเขา สาธุคะ🙏🙏
ทุกคนบําเพ็ญได้ โดยขัดเกลาจิตใจ แค่ให้ทดลอง 1 วันคุณทำได้ไหม ไม่โกรธไม่ด่าไม่นินทาไม่พูดไม่มองในสิ่งที่ไม่ดี ไม่ผิดศีลธรรมใดๆ ไม่ง่ายและก็ไม่ยาก ไม่ต้องออกท่องธุดงค์ เพื่อตามหาพระภิกษุอาจารย์ ชี้นำทางเมื่อวิญญาณออกจากร่าง มีสายทอง หย่อนลงมา ให้เหล่าวิญญาณ ได้พบหนทางกลับบ้านเก่า รีบไปสถานธรรม ซะ ทุกอย่างที่นั่นมีคำตอบ
ตอนนี้เราอยู่สังขตะ จะเอาสังขตะอธิบายอสังขตะไม่ได้เพราะถ้าเรามีวิชชาเข้านิพพานเราไม่กลับมาสังขตะอีกแล้ว ...ปิติสุขที่ได้จากความว่างในการทำสมาธิในสังขตะยังสุขขนาดนี้พระพุทธเจ้าให้น้อมนึกเอานิพพานว่างอย่างยิ่ง
สังขต ลักษณะ / อสังขต ลักษณะ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ คำสอนจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท
ลองพิจารณาดูในคำสอนของพระพุทธเจ้า
สังขต ลักษณะ / อสังขต ลักษณะ
เมื่อเห็น ธรรมที่เป็นเหตุ เห็น กฏอิทัปปัจจวตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท ใน สังขต ลักษณะ / อสังขต ลักษณะ ก็จะรู้ว่า พระพุทธเจ้าท่านทรงบอกสอนไว้ให้รู้ตามแล้วแบบนี้นั่นเองค่ะ
สาธุคะ
🙏🙏🙏 ครับ
อยู่ตรงหน้าจริง แต่ว่าใครจะเห็นเมื่อ กิเลสตัณหา อวิชชา บังตา ถึงจะเห็น ก็ยากแก่การจับต้อง ถึงจับต้องได้ก็ถูก กิเลสตัณหา อวิชชาทั้งหลาทั้งปวงมัดเอาไว้อีก ถึงจะมีจิตที่อยากจะปฏิบัติให้หลุดพ้น ถ้าไม่ "เบื่อหน่ายอย่างสุดๆ" ก็ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา
กราบสาธุในธรรมะครูบาอาจารย์เจ้าค่ะ
🙏🙏🙏
อาจารย๋พูดด้านตำราได้ดีมาก แค่ผมขอถามว่าอาจารย็บรรลนิพพานหรือยัง? ใครเป็นลูกศิษย็ลูกหาช่วนให้ท่านมาตอยด้วย ผมไม่เก่งตำราแต่ผมปฏิบัติมาตั้งแต่เด็ก ตำราผมศึกษาเอาภายหลัง ผมจบ ป. 6 นะ ใครก็ได้ช่วยช่วยนำพาเจอคนเหล่านี้หน่อย ดูซิว่าใครจะเอาการปฏิบัติมากกว่ากัน เรื่องตำราผมก็มีนะ ขอร้องสื่อด้วยเรื่องมันจะไห้จบไวๆ เพราะเรื่องพวกนี้มันคือของง่าย แต่คนทั้วไปไม่ยอมปฏิบัติเอง
นิพพาน คือนอนหลับไม่ฝันอธิบายง่ายๆ
พระพุทธเจ้า ก็ นิพพาน
แต่ มีคนเคยถาม พระพุทธเจ้า ว่า หลับแล้วมีฝัน ไหม
พระพุทธเจ้า ตอบว่า ก็ผัน
อะนะ !!!
@@ampolflashdrive7299นิพพานไม่แล้วใครมาถามได้อ่า😮
นิพพาน_เป็นตัวพื้นที่และเวลา
ทุกคน ได้เรียนรู้ได้ฟังมาพูดได้ถึงหายใจสบาย สบาย แต่เรายังคุมสติไม่ได้ตลอดเวลาหรือไม่ ถ้าคุมสติความคิดไม่ได้ก็ยังไม่เข้าถึงนิพพาน เราพูดได้แต่ยังคุมธาตุขันธ์ ดับกิเลสไม่ได้ก็ยังถึงนิพพาน
ตัดกิเลศตัณหาจากขันธ์5 ไม่ได้ก็ยังไม่เข้านิพพาน ถ้าง่ายอย่างที่พูด ทุกคนก็เป็นพระอรหันต์ หมดพระสัมมาสัมพุทธ คงนั่งปฏิบัติธรรมจนได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างที่ทุกคนพูดง่ายๆเรียนแบบอย่างที่เข้าใจกัน ถ้าง่ายอย่างที่ทุกคนพูดปรุงแต่งคำพูดสวยหรู คงเป็นพระอรหันต์หมดทุกคนสิครับ
พระอรหันต์ของแท้ ท่านจะไม่สอนให้ลุ่มหลงอยู่ในโลกธรรม 8 ประการ หรือสอนให้เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ของศาสนาอื่นแต่อย่างใด เพราะจะเข้าข่ายเป็นอัญญะสัตถุเทสเข้ารีตเดียรถีย์ อยู่ในอภิฐานะ 6 หมายถึง กรรมที่เด่นยิ่งกว่ากรรมอื่นๆ หรือเป็นอนันตริยกรรม คือกรรมอันหนัก ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน แต่ไม่ห้ามนรก
พระอรหันตเจ้าของแท้ ท่านตรัสรู้อริยสัจ4 และปฏิจจสมุปบาท ท่านก็จะสอนแต่เรื่องทุกข์และการดับทุกข์ที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะเกิดญาญหยั่งรู้ในอริยสัจ 4 และปฏิจจสมุปบาท อยู่ในปลายห้วงของความดับ หรือปลายห้วงขององค์ฌานนิโรธสมาบัติโดยสภาวะ ไม่ใช่โดยอรรถ และก็จะมีญาณหยั่งรู้ภายนอกเรื่องกฎแห่งจินไตย ซึ่งอยู่ในญาณวิสัยของพระอรหันตเจ้า สามารถอธิบายเรื่องลี้ลับที่นักวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ (หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล)
ดังนั้น ก่อนจะเชื่อว่าพระองค์ใดบรรลุพระอรหันต์จริง ก็ให้ดูที่คำสอนของท่าน ว่าท่านตรัสรู้วัน เดือน ปี เวลาใด และตรัสรู้ได้โดยวิธีใด แล้วได้บันลือสีหนาทปฏิจจสมุปบาทยอดพระธรรมกรรมฐาน และอริยสัจ 4 เป็น กิจ4 ญาณ 3 ได้หรือไม่
ถึงแม้เราจะได้พบพุทธคำสอนที่แท้จริงจากพระอริยสาวกยุคกึ่งพุทธกาลแล้ว ก็ยังไม่จัดอยู่ในฐานะผู้ที่จะเชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า นอกจากผู้นั้นจะได้บรรลุธรรมถึงชั้นพระอรหันตผลเท่านั้น จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในฐานะที่จะเชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 
ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นผู้มาสอบอธิกรณ์พระที่อ้างว่าตนเป็นพระอรหันต์ได้ จึงจะต้องเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน จะเอาพระปุถุชนมาสอบไม่ได้ เพราะบัณฑิตจะรู้บัณฑิตได้ก็ด้วยการสนทนาพาที ในเรื่องสภาวะธรรม หรือผลขององค์ฌานนิโรธสมาบัติ ท่านจะรู้ได้ทันทีว่าบรรลุจริงหรือไม่
พระพุทธองค์จึงได้ตรัส“กาลามสูตร” ไว้ 10 ประการ
1.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆ กันมา
2.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
3.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
4.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำรา
5.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรก หรือเห็นว่าเป็นเหตุเป็นผลกัน
6.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดคาดคะเนอนุมานเอา
7.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดเอาตามอาการที่ปรากฏ
8.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตนหรือเข้ากับทฤษฎีที่มีอยู่
9.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะว่าผู้พูดควรเชื่อได้
10.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา
คำว่าอย่าเพิ่งเชื่อหมายถึงว่าไม่ใช่ปฏิเสธเลยทีเดียว ให้ท่านนำวิธีปฏิบัติเพื่อให้ถึงความพ้นทุกข์ ที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนไปปฏิบัติให้มีสภาวะรองรับเหมือนพระอรหันตผลเสียก่อน จึงจะอยู่ในฐานะที่จะเชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 
การที่พระพุทธองค์ทรงตรัส “กาลามสูตร” ไว้ก็เพราะพระพุทธองค์ทรงรู้ด้วยอนาตังสญาณแล้วว่า  กาลต่อไปภายหน้าจะมีผู้บิดเบือนพุทธคำสอน หรือมีภัยสงครามเผาคัมภีร์พระไตรปิฎก จึงได้ตรัสไว้ไม่ให้เชื่อตามตำรา เพราะผู้ที่ไม่มีสภาวะรองรับจะสังคายนาไปตามความคิดเห็นของตน และตีปริศนาธรรมของพระอริยบุคคลที่ทำปฐมสังคายนาไว้ไม่ได้ พระมหากัสสปะเถระเจ้าท่านจารึกไว้เฉพาะหัวข้อเท่านั้น ท่านไม่ได้จารึกสภาวะธรรมไว้ กาลต่อไปภายหน้าถ้ามีพระอริยสาวกอุบัติบังเกิดขึ้นมาท่านก็จะอธิบายได้โดยสภาวะ
พิธีกรคนนี้พูดถูกครับ
นิพพานคือการตายไม่ปรากฎ
กล้าพูดเลยว่า รูปที่ขึ้นหน้าปกทุกๆองค์ ยังไม่ถึงที่สุดแห่งธรรมยังหลงอยู่ แล้วพายังพาคนหลงอีกเยอะ . ชี้ทางสว่างให้ ตัวจบ อยู่ที่ อาจารย์ อสิระ ฉับพลัน .
สาธุครับ
หมดกิเลสเเล้ว
โอ้นี่ช่างมั่นใจถึงยกมือขึ้น จำแนกแสดง ธรรมสภาวะนิพพานเลย สำเร็จอรหันตอนไหนครับวางท่า เหมือนนอาจารย์เจ้าสำนักเลย อรหันต์เสือในแผ่นกระดาษ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญญาไตรสิกขา ไร้ความหมายไปเลย อ่านหนังสือวจนะ เล่มเดียว บรรลุ ฉับพลัน
😂
เขาไม่เคยบอกว่าเขาเป็นอะไรนิพพานเเบบไหนนะ เขาก้อยกตัวอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนมา ถ้าไม่เข้าใจก็ลองเปิดใจเเละตั้งใจฟังใหม่นะคะ
ภิกษุทั้งหลาย สิ่งๆหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้เเจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สิ้นสุด เเต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้นมีอยู่..ในสิ่งนั้นเเหละ ความกว้างยาวเล็กสั้นใหญ่ งามไม่งามไม่หยั่งลงได้ ในสิ่งนั้นเเหละ นามรูป ดับสนิทโดยไม่มีเศษเหลือ..นามรูปดับสนิทในสิ่งนี้..เพราะความดับสนิทของวิญญาณ.
สังขต ลักษณะ / อสังขต ลักษณะ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ คำสอนจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ
ผมเคยคิดแบบนี้ถูกผิดก็ขออภัยไว้ก่อนครับ
ผมเคยเชื่อว่าภพภูมิต่างๆและสภาวะนิพพานคล้ายๆกระบวนการกลั่นน้ำมัน
ยิ่งกิเลสหนาและทำความชั่วมากๆก็ยิ่งหนักเปรียบเหมือนยางมะตอยยิ่งหนักยิ่งหนืด....ส่วนภพภูมิที่เราเห็นมนุษย์และเดรฉานนั้นเหมือนดั่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่เราใช้กันน้ำมันเบ็นซิลดีเซลแบ่งไปตามหนักเบาและค่าอ๊อกเทนเช่นกัน....ส่วนสวรรค์ก็เปรียบคล้ายๆแก็สก๊าซก็แบ่งตามความหนักเบาเช่นกัน....สุดท้ายสภาวะนิพพานนั้นคือ เราหลุดออกจากกระบวนการกลั่นทั้งหมดไม่กลับเข้าระบบอีกแล้ว...
🙏🙏🙏
คนส่วนมากบรรยายนิพพานตามความคิดและความรู้ของตนเอง บางทีอาจทำให้คนฟังงงไม่เข้าใจ แต่ถ้านำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพูดทุกคนจะเข้าใจ “ฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล” เพียงท่อนเดียวก็เข้าใจนั่นคือพุทธวจน (ละอุปทานจากขันธ์ 5)
พูดเรื่องปลาให้เต่าฟังเพราะไม่รู้จึงเกิดมโนเหตุไม่คิดไม่เกิดโลภ โกรธ หลงล้วนมีมโนเป็นที่ตั้ง
ต้องแยกให้ชัดนะครับ
ในวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ นั้นคือ ท่านได้สัมผัส สถาวะนิพพาน แต่ยังไม่ได้เข้าสู่นิพพาน สิ่งที่ได้คือ รสชาติแห่งนิพพาน(และทางเดิน)
ใครจะอธิบายรสชาติแห่งนิพพานได้ บุคคลนั้นต้องเข้าถึง และรู้กัน ถึงแม้จะอุปมาอุปไม ก็มีความใกล้เคียงอันสูงสุด หรือแม้ไม่พูดแต่ที่จะพยายามบรรยายออกมาได้ ก็ทำให้เห็นสิ่งที่ตรงกันได้เช่นกัน
และไม่มีใครพยากรณ์ได้100%ว่านั้นใช่ มีเพียงตนเท่านั้นที่ รู้ว่าใช่
--------
อธิบาย เพิ่ม ถ้านิพพานเสมือนรสชาติ มะนาว1ชนิด เราจะพยายามบอกรสชาติสิ่งนั้นได้เช่นไร ความยากก็เป็นเช่นนั้น ดังนั้น อุปไมให้ใกล้ที่สุดจนคนนั้นถึงได้และ ชิมรสเท่านั้นแต่ถ้าจะพูด ยกตัวอย่างอุปมาอุปไม ก็ ถามไปรู้จัก มะยมไหม เคยทานมะยมไหม ใกล้เคียงแต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี แค่เริ่มอธิบายก็เคลื่อนออกจากความจริงแล้ว ดังนั้น มะยม ก็ไม่ใช่ เปรี้ยวก็ไม่ใช่ อะไรก็ไม่ใช่ แต่คนที่เคย กับเคย ย่อมเห็นตรงกันว่า รสมะนาวเป็นเช่นนี้
-----
สมมุติมากนิพพานก็แตกออกมามาก เราเพียงสัมผัส สถาวะเพียง ขณะจิต ส่วน นิพพานจริงๆ ต้องรอ ขันธ์5ดับ จึงเข้าสู่นิพพาน
อยากให้ลองพิจารณาสถาวะอย่างละเอียด ลองถามหาผู้รู้แจ้งจริง เล่าให้ท่านฟังและฟังจากท่าน พิจารณาลงใหม่ มิใช่ในรูปแบบแต่ให้เข้าถึง
ฉันรู้แต่กิเลสตัณหามันเยอะสงบจิตใจปลงไม่ได้ . 😅 อยากมาก
นิพพานอยุ่ในตัวของเราทุกคนแต่เราลิมไปเพราะความรักโกดหลงมาครอบทำให้เราไม่รู้จรา
ความคิดเห็น น่าจะจัดอยู่ในกลุ่ม เพ้อเจ้อ เรื่อยลอย พูดไปตามประสาความเข้าใจตัวเอง...คนที่รู้มากกว่ามีข้อมูลมากกว่าเขาไม่คุย...
น่าสงสารใกล้บ้าเข้าไปทุกทีแล้วครับ เมตตาๆๆๆ บาปกรรมกำลังทำงาน ปลวกแทะตำราหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย(เฉพาะเบียร์,พระต้น,พระคึกฤทธิ์) ลพ.พุทธทาส ลพ.ปราโมทย์ ของแท้แน่นอนครับ
งงมากหลายอง
@@น้ําหวานรุ่งเรือง เม้นท์ไม่จบครับ โทษทีครับ
รู้นะคุณจบแล้ว
:นิพพาน พระพุทธเจ้าได้ตรัสบอกสอนไว้อย่างนี้ครับ
"สิ่ง" สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง.
เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด แต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้น มีอยู่;
ใน"สิ่ง"นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ ;
ใน"สิ่ง"นั้นแหละ ความยาว-ความสั้น ความเล็ก-ความใหญ่ ความงาม-ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้;
ใน "สิ่ง"นั้นแหละ นาม-รูป ย่อมดับสนิท ไม่มีเหลือ ;
นาม-รูป ดับสนิทใน"สิ่ง"นี้เพราะการดับสนิท ของวิญญาณ ดังนี้ แล.
อ้างอิง
บาลี สั.ที.๙/๒๘๙/๓๔๘.
🙏🙏🙏ນ້ອມກາບ ຣ່ວມອນຸໂມທະນາສາທຸ ໃນສ່ວນບຸນດ້ວຍ ສາທຸ🙏🙏🙏
คนส่วนใหญ่เห็นนิพพานได้ ตอนเห็นจิตประภัสสร มันเป็นจิตที่พ้นขันธ์ 5 ชั่วคราว(ที่คนส่วนใหญ่หลงคิดว่าบรรลุธรรมแล้ว แต่ไม่ใช่) จิตจะเป็นอุเบกขา ไม่มีเกิดดับ ไม่เคลื่อนไปรู้ นิ่งสงบเย็นอยู่อย่างนั้น ดังนั้น นิพพานก็คือ “จิตที่เป็นอุเบกขา”นั่นแหละ เมื่อจิตมันไม่ไปยึดในขันธ์ 5 มันก็มาอยู่กับตัวเอง ตัวจิตมันมีความว่าง จึงเห็นแต่จิตว่าง เหมือนตอนเข้าฌาณ 4 ไม่ใช่ความว่างจากความคิด ว่างจากอารมณ์โลภโกรธหลง ว่างเพราะหมดรู้ ไม่เห็นว่ามีจิต ที่คนส่วนใหญ่เห็น ของจริง!!เขาว่างจาก“จิตผู้รู้”
เริ่มที่ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน ศีล สมาธิ เมื่อ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เกิดปรากฏขึ้นมา ก็คือ พ้นแล้วจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน
เริ่ม ดำริออกจาก รูปภพ
เริ่ม ดำริออกจาก อรูปภพ
มาสู่ กามภพ ซึ่งเป็น มนุษย์ เท่านั้น
เมื่อพระ ผัคคุณณะ ไปเกิดเป็น เทวดารูปภพ
อริยมรรคมีองค์แปด ก็จะเกิดปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ก็จะมีการ ดำริออกจาก รูปภพ
ดำริออกจาก อรูปภพ มาสู่ กามภพ มนุษย์ ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ (นิพพาน)ต้องเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ เท่านั้นถึงจะ นิพพาน
แล้วยังมีผู้รู้ว่าไฟดับ ผู้รู้ในการดับคือ.....ช่วยขยายความ...กราบอนุโมธนาครับ
เป็นพระอรหันต์ตัดกิเลสหมดใกล้ตายไม่กี่นาที ก็เข้าสู่พระนิพพานได้ลองคิดดูร่างกายกําลังใกล้ตายคงไม่มีอารมย์ทางเพศหรือโลภโกรธเกลียดใคร.จับพระนิพพานเป็นอารมย์หรืออุปสมานุสติกรรมฐานกับเป็นพระอรหันต์ทรงดํารงขันธ์.นิพพานปรมัง สุขขัง.นิพพานดวงจิตไม่ดับสูญ ถ้าดับสูญจะไม่รู้สึกถึงความสุข.เลยสูงกว่าชั้นนิพพานพรหมหรือชั้นสุทธาวาส การปฏิบัติไม่มีอะไรตายตัวว่าปฏิบัติแบบนี้แบบโน้นถึงเข้าสู่นิพพานได้.อรหันต์ยังมี4สายเลย สติปัฏฐานสี่อย่างเดียวยังนิพพานได้ถ้าปฏิบัติจริงเติมที่ไม่เกิน7ปีองค์คุลีมาลยังเป็นพระอรหันต์หรือโจรเคราแดงยังขึ้นสวรรค์หรือพระโคธิกะยังสู่นิพพาน
อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมา เป็นเส้นทางเจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ก็จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ (นิพพาน)
ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน
ดำริออกจาก รูปภพ
ดำริออกจาก อรูปภพ
มาสู่ กามภพ มนุษย์ คือ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ
ในสังสารวัฏมี สามภพ กามภพ รูปภพ อรูปภพ
พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่าคนที่ไม่รู้จักนิพพานก็อย่ามาเที่ยวสอนนิพพาน อันนี้ก็เป็นเพียงการอ่านมาจากตัวหนังสือเท่านั้นเป็นการถ่ายทอดคำตรัสของพระพุทธเจ้ามาจากตัวหนังสือที่แปลมาให้แล้วจากพระบาลี
น่ากลัวว่าจะสอนเข้ารกเข้าพง แต่ถ้าเขาฝึกถึงขั้นนั้นแล้วก็สาธุด้วย
ถึงแม้จะหลุดพ้นแล้ว (นิพพาน) ก็ยังต้องอาศัยสมมุติอยู่เพื่อสื่อสารเพื่อความเข้าใจแก่บุคคลผู้ใฝ่ธรรม เพื่อไห้เข้าใจความเป็นจริง เข้าใจมรรค8 เพื่อเดินทางสู่การดับทุกข์ และเรียนรู้ อริยสัจ4 ตามความเป็นจริง (ถึงหลุดพ้นแล้วก็ยังมีขันธ์ห้าอยู่ครับ(ขันธ์5 เป็นทุกข์) (สิ่งที่จะพาหลุดพ้นจากความทุกข์คือการปฏิบัติ สติปัฏฐาน4 )
ดีแต่พูด.
ใช่ หมายถึงมึงนะ
การเกิดเป็นทุกข์ ถ้าเราไม่อยากเกิด ไม่อยากทุกข์ เราต้องปฏิบัติยังไงคะ พยายามจะปฏิบัติแต่ใจยังไม่หลุดพ้น ต้องทำยังไงมันถึงจะหลุดพ้นคะ
ฝึกละสังโยชน์ 10 ครับ
ในขั้นต้น อาจจะฝึกละ สังโยชน์ 3 ก่อนก็ได้ครับ ซึ่งเป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน
ลองหาใน google ได้ครับ
หมั่นฟังธรรมจากพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ไปครับ จะทำให้พบหนทางครับ
นิพพาน. มีสถานที่. มีต้วตนนะครับ. แต่ลงมาเกิดไม่ได้. เพราะไม่มีกำหนด. ให้ลงมาเกิด จืงต้องอยู่สถานที่นั้น. ตลอดไป ช้วนิร้นดร
อ.เบียร์ ยังไม่เข้าสู่สภาวะนิพพาน แต่พูดเรื่องนิพพาน, จิตที่ว่างคือจิตไม่ยึดมั่นในตัวตน ไม่มีตัวตนแล้วนั่นแหละคือหมดกิเลส ไม่มีตัวตนแล้วอะไรจะอยาก !!!
นิพพานมีลักษณะ
5 ประการ
ผู้รู้ รู้ไม่แจ้ง
แจกแจงไม่ถูก
สภาวะนิพพาน พูดเวลาไหนก็เป็นมงคลสูงสุดในเวลานั้น
คนที่มีสุตะมากฟังแล้วก็ปล่อยวางได้ ส่วนคนที่มากไปด้วยทิฏฐิมานะที่เห็นว่า คนสอนไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ก็โง่ต่อไป ไม่ได้ประโยชน์
พูดถึงนิพพานแล้วเป็นมงคลยังไง มาจากพระสูตรไหน บอกหน่อย
อ.เบียร์ไม่บวชก็เหมือนยิ่งกว่าบวช จิตท่านสว่างแล้วท่านไม่บวชก็ได้เป็นฆราวาส สะดวกในการสอนพระธรรมที่สุดสาธุ🙏🙏🙏
นิพพาน ไม่ใช่สภาวะ ไม่มีลักษณะ ไม่ใช่สังคมตะ หรือ อสังคตะเป็นเพียงจิตเดิแท้ สักว่ารู้ สักว่าเห็น เหมือน กิเลสดับไปแล้ว จิตจะไปอยู่ที่ใหน มันว่างยิ่งกว่าว่าง ไม่มีการเกิด ไม่มีการเคลื่อนไป ถูกไหมค❤🎉รับ
อยู่อย่างนี้ อย่าไปบวชเลย กัว จะไปทำให้วงในป่วนมากขึ้นไปอีก อยู่วงนอกถ้าดัง คนติดตามฟังมาก คนชอบ ก็อยู่ไปแบบนี้ แระ
นิพพานมีดินแดนถ้าไม่มีดินแดนก็เป็นอรูปพรหม แล้วกิเลสเต็มตัวจะมาสอนนิพพานได้ไงสอนเกินภูมิต้วเอง นิพพานจะมานั่งคิดเอาตามความเข้าใจตัวเองไม่ได้ ที่เห็นคนตื่นธรรมสอนแม้สะเก็ดความดีของพระองค์ยังไม่ได้เลย จะมาสอนเรื่องนิพพาน คนที่เขาจิตละเอียดเขาดูนายคนตื่นธรรมออก คิดเองเออเอง
ธรรมะร้อนๆ😂
ต่อให้ ไม่เกิด ก้เสี่ยงมา อีก เหมือนคนใกล้ๆถูก 3 ตัวตรง แต่มันก็ยังโต๊ดอยู่ ถ้านิพพาน มันต้องเป๊ะมากนะ ใสจริงๆ ไม่มีสีมาเจือ
10:53 ท่านนี้ชื่ออะไรครับ ขอผู้รู้บอกด้วยครับ
0+0=0
0-0=0
0หาร0=0
0คูณ0=0
มีสูตรวิธีทำปฏิบัติอยู่ พระองค์ได้บอกไว้แล้วในพระไตรปิฏก 🙏🙏🙏
นิพพานเป็นอนัตตา
ตัวผู้เข้าถึงนิพพานเป็นอัตตา
ปล่อยวาง 555 กรูบรรลุแล้ว
รอให้คนที่เข้าถึง นิพพานมาอธิบายให้ฟังครับ น่าจะ ดีกว่า เราเเค่มาเเชร์ ประสพการณ์ ที่เจอ กัน เเค่ นั้นเอง อย่าไปยึดติดหลักการอะไรทั้งหมด เเต่ให้ลงมือทำ เเล้วประตูบานนั้นจะเปิดออก
พูดมาได้คิดบ้างไหมนิ
ไม่เคยมีใครเข้าถึงนิพพานแล้วกลับมาบอกแม้แต่คนเดียว
แม้แต่พรหมชั้นสุทธาวาสที่เป็นอริยะบุคคลทั้งหมดรอสิ้นอายุเพื่อนิพพาน
ยังกลับมาบอกไม่ได้เลย
แล้วพระหรือคนในคลิปพูดก็มาก็มาจากคำสอนพระพุทธเจ้า แค่เปลี่ยนคำศัพท์ให้เข้าใจง่าย
@โจ๊กเกอร์-ฌ5ต เเล้วคนที่นั่งสมาธิ โดยใช้ อารมณ์ของจิตเกิดไม่ปรากฏ เขาเรียกว่าไรครับ
@@สมชัย-ภ4อ ถ้าจะหมายถึงพระอรหันต์ นั้นผมก็พูดได้สิ พระพุทธเจ้าเหนือกว่าอรหันต์ด้วยซ้ำ
ตัวอย่างพระคึกฤทธิ์เนี่ยเอาในพุทธวจนมาพูดที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
แต่คุณมาเม้นว่าให้คนเข้าถึงนิพพานมาอธิบาย มันขัดแย้งกันไหมละ
พระพุทธเจ้าตรัสแต่ยังไม่เชื่อแล้วจะเชื่อใครได้อีก
แล้วคุณอะมีญาณมีฌานหรอถึงรู้ว่าใครเป็นเป็นอรหันต์
@@โจ๊กเกอร์-ฌ5ตนิพพานสามารถเป็นอารมณ์ของจิตขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่ขั้นพระโสดาบันขึ้นไป ส่วนที่ท่านเข้าใจนั้นเป็นนิพพานเช่นกัน แต่เรียกว่าดับขันธ์ปรินิพพาน อันนี้ไม่สามารถกลับมาบอกได้ครับ
นิพพานไม่ใช่สถานที่ แต่มันคือธรรมชาติของการไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด
เคยไปหรือพ่อคุณ
นิพพาน เป็น อารมณ์
เข้าใจ อารมณ์หรือไม่???
ตรงนี้ต้องเข้าใจ นะ ถ้าไม่เข้าใจ อธิบายโดยคิดเอง อ่อเอง ผิดแน่นอน!!!
เป็นอารมณ์ ของ มรรคจิต
และ เป็น อารมณ์ ของผลจิต
อธิบาย กันไปให้พิสดาร
*** ตัด +เพิ่มเติม คำสอน
จะเข้ามา ถ้าไม่เรียน พระไตรปิฎก อรรถกถา
เกิดตอนไหนละ นิพพาน
เกิดตอน มรรคมีองค์ 8
สมังคี ประหารกิเลส
และ ตอนเสวย ผลจิต
สำคัญ มรรค ใน สังสารวัฏอันยาวไกล สัตว์ทุกตัวตน จะเกิด มรรคจิตได้ 4ครั้ง เท่านั้น 1 โสดาปัตติมรรค
2สกคามีมรรค
3 อนาคามีมรรค
4 อรหันตมรรค
และ ผลจิต
ดังนั้น ในเวลาอื่นจะไม่สามารถ เอานิพพานมาเป็นอารมณ์ของจิตได้เลย
คนตาบอดครำช้าง
ไม่รู้จักอารมณ์ของ จิต เรียนอภิธรรม ชั้นต้นแล้ว ศึกษาพระไตรปิฎก เรื่องง่ายมันจะได้ไม่อธิบาย จน เพิ่มเติมคำสอน ของพระพุทธเจ้าขึ้นมาใหม่
...ยุคเรา กาล วิบัติมากแล้วจริง😊
อจ เบียร์ ปฏิบัติธรรมถึงขั้นบรรลุหรือยัง รู้กับการปฏิบัติแตกต่างกันอย่างไร
อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมา ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ
การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด
ไปปฏิบัติแล้ว แต่ อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา ก็แสดงว่า ไม่ได้ปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้า ท่านทรงบัญญัติไว้ นั่นเองค่ะ
ไปปฏิบัติแล้ว แต่ อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา ยังคงเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ เหมือนเดิม แบบนี้ไม่ได้ปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้นั่นเองค่ะ
การนำคำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกต่อ คือ การเจริญ อริยมรรคมีองค์แปด
อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว อย่างนี้นั่นเองค่ะ
นำทางล่วงหน้าก่อนเลย
รู้มากเพราะอ่านจากจอคอมพิวเตอร์555
😂😂😂