คำถามที่คนเกาหลีสงสัย เกี่ยวกับประเทศไทย ภาค2
Вставка
- Опубліковано 7 вер 2024
- 🍒 ติดตามช่องของยอนได้ที่ : / @yeoninbangkok
❥ Instagram: / yeoninbangkok
❥ Facebook: /
❥ TikTok: www.tiktok.com/@yeoninbangkok
ช่องทางการติดต่อ /Business Inquiries 💌 or DM (ig : @yeoninbangkok)
yeoninbangkok@gmail.com
_____________________________________________
Music provided by BGM President
Track : Kid's Room 4 - • [편안하고 밝은 음악] Kid's Roo...
Track : Mochanova - • 따뜻한 모카로 만든 보사노바 한 잔☕
[Video Source Support]
UA-cam channel "freeticon" : / freeticon
#thailandlife #태국살이 #คนเกาหลี #คนเกาหลีพูดไทย #태국문화 #thailandculture #cultureshock #태국문화충격
เสียงยอนอาจจะเบาไปหน่อย ขออภัยด้วยนะค้า😢🙏🏻
คนไทยชิลอยู่บ้านจนใกล้จะไปทำงานสายแล้ว ก็เลยต้องรีบขับรถ เลยไม่ชิลบนถนน พอไปถึงที่ทำงานก้ไปชิลที่ทำงาน 😅
ผมจบcreativeมาคับ ผมช่วยทำงานคิดคอนเท้น ได้นะคับ
อย่าลืมมากินข้าวมันไก่ซอยสุขุมวิท 24 นะครับ
ไม่เบานะคะ กำลังฟังสบายเลย
ดูคลิป Yeon มาหลายครั้ง สนุกดี ชอบครับ 😊
ผู้ชายไม่ใช้คลิปหนีบกระดาษมาหนีบเข็มขัดเพราะชุดนักเรียนตั้งแต่เด็กยันกางเกงแสลคมหาลัยมันมีหูร้อยเข็มขัดครับ ส่วนกระโปรงของผู้หญิงมันไม่มี
+1 ผมกำลังจะ comment ประมาณนี้เลย แล้วเลื่อนมาเจอ comment นี้พอดี ยังอดสงสัยต่อไม่ได้เลย แล้วถ้ากางเกงผู้ชายไม่มีหูร้อยเข็มขัด จะใช้คลิปหนีบเหมือนผู้หญิงมั้ย? 🤔
ใช่ครับ บวกเม้นนี้
สมัยก่อนใช้ครับ.. หนีบปลายเข็มขัด
ไม่เข้าใจทำไมไม่มีหูร้อยเข็มขัดชุดผู้หญิง งงอยู่นะมีมันก็ไม่เห็นแย่ตรงไหนมันมีประโยชน์มากกว่าอย่ารู้ว่าใครออกกฏห้ามมีประโยชน์อะไร
ผช.ตอนที่มีปลายเหลือก็เคยใช้ครับ น่าจะแล้วแต่คน แต่ก็เป็นคลิปหนีบดำธรรมดาอันเล็กๆ
ชอบคุณซีที่ตอบว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ สิ่งที่พุทธศาสนาสอนคือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ใช่การอ้อนวอนร้องขอจากสิ่งใด เซ่นไหว้ เช่นสรวงบูชาล้วนแต่ไม่ใช่พุทธ
ดีใจที่คนรุ่นใหม่ รู้และเข้าใจศาสนาพุทธจริงๆ 👍
ที่จริงแล้วคนไทยไม่ได้นับถือพุทธ 100% แต่ยังคงนับถือผีด้วย จึงเป็นพุทธ+ผี การเชื่อเรื่องเทวดา เทพ อะไรพวกนี้มันจึงปนอยู่ในชีวิตคนไทย
การขอหวย ไปขูดต้นไม้อันนี้คือศาสนาผี มันเป็นศาสนาที่อยู่คู่กับคนระแวกนี้(ไม่ใช่แค่ไทย)มาก่อนที่ศาสนาพุทธจะเข้ามาอีก ศาสนาพุทธในไทยมันเลยผสมกับ ศาสนาผี พราหมณ์ ฮินดูมั่วซั่วไปหมด
ใช่ครับ พุทธจริงไม่ได้สอนให้งมงาย ให้ไม่เบียดเบียนใคร เดินทางสายกลาง เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า
พุทธตามค่านิยมปัจจุบันคือพุทธ + พราห์ม
@@rockung8728เพี่มเติมครับศาสนาผีด้วย
เรื่อง“ความหวาน” เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน พอรู้สึกร้อนมากๆก็อยากดื่มอะไรที่หวานๆเย็นๆแล้วมันจะชื่นใจ ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้ค่ะ
ขอบคุณยอนที่ชวนผมกับซีไปออกช่องน้า ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-เกาหลี แล้วเปิดโลก เปิดมุมมองมากกกก
ยอนทำคลิปดีเสมออ เป็นกำลังใจน้า ไม่อยากให้ยอนเลิกทำเลยย :))
แอด.
ผู้หญิง เกาหลี ทำไมเอา ที่ม้วนผม ใส่หน้าม้า แล้วยังไปไหนต่อไหนได้
ซึ่งผู้หญิงไทย ไม่ทำแน่นอน
ยอนกับทีมหน้าคล้ายกัน
เรื่องเข็มขัดกับที่หนีบกระดาษ ผู้ชายไม่ทำเพราะกางเกงผู้ชายมันมีหูกางเกง เวลาใส่มันสามารถเก็บปลายได้ แต่กระโปรงผู้หญิงไม่มีหู เลยต้องหาอะไรมาหนีบไว้ครับ
ผมใข้อะ ตอนเเรกใช้ยางรัดผมของแฟน พอมันยืดบ่อยๆ เลยใช้คลิปหนีบ เฮ้ยดีเว่อร์ เวลาจะเก็บชีทก็เอามาหนีบชีทเลย ชาบูคนริเริ่มเลยครับพ้ม
@@wichaiarpanon-on1ke+1 ครับ
@@wichaiarpanon-on1keคงต้องย้อนไป30-40ปีเลยสำหรับคนรึเริ่ม
@@wichaiarpanon-on1ke สำหรับผม แทบไม่เจอที่ผู้ชายทำ เพราะมีหูกางเกง แต่ผญ.ร้อยละ90%
เข็มขัดของมหาวิทยาลัยมันห่วยครับ แป๊บเดียวตัวล็อกมันก็พัง แล้วสายเข็มขัดก็ไม่เคยพอดีกับหัวเข็มขัดเลย🤣🤣🤣🤣
ถ้าใครที่เป็นนักเรียนรุ่นเก่าที่เคยเรียนประถมหรือมัธยมซักสี่ถึงห้าสิบปีที่แล้ว หรือเคยเป็นครูสมัยนั้น จะเข้าใจครับว่าทำไมการตอบถึงต้องกากบาทในกระดาษคำตอบตรงข้อที่ถูกต้อง เหตุผลคือเพื่อความสะดวกของครูในการตรวจคำตอบ โดยครูสมัยนั้นจะเอาบุหรี่หรือก้านธูปที่จุดแล้ว มาเจาะรูเป็นรูปวงกลมที่ข้อที่ถูกต้องบน Answer sheet (กระดาษคำตอบ)เปล่า แล้วเวลาตรวจก็เอามาทาบกับกระดาษคำตอบของนักเรียน พอเห็นรูปกากบาทผ่านรูในข้อไหน ครูก็เอาปากกาติ๊กทับลงไป ตอนจบก็สรุปนับจำนวนปากกาที่ติ๊กเป็นคะแนน ทำให้ตรวจได้เร็ว หากนักเรียนเขียนคำตอบเป็นวงกลม มันอาจวงใหญ่กว่ารูที่ครูเจาะ ทำให้มองไม่เห็น อาจทำให้การนับคะแนนผิดพลาดได้ ถือเป็นความคิดสร้างสรรค์แบบไทยๆของครูในสมัยนั้น น่าจะเป็นที่มาที่ทำให้การออกข้อสอบรุ่นต่อๆมาของโรงเรียนไทย มีคำสั่งให้ "จงกากบาทข้อที่ถูกต้องลงบนกระดาษคำตอบ" มาจนถึงทุกวันนี้...
อันนี้ใช่เลยค่ะ เราเป็นลูกครู เคยช่วยแม่ตรวจกระดาษคำตอบนักเรียน
ความเห็นส่วนตัว เฉพาะตัวผมคนเดียว ผมว่า คุณยอนมาถูกทางแล้ว คอนเทนต์แบบนี้แหล่ะที่ผมอยากดู เราได้เรียนรู้ทั้งวัฒนธรรมความเชื่อของตัวเอง และได้เห็นมุมมองวัฒนธรรมความเชื่อของเกาหลีอีกด้วย เป็นการเรียนรู้ที่ได้ความรู้ไปทั้งสองฝ่าย ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นการคุยกันสามคนแบบนี้ไปทุกครั้ง แม้แต่การออกไปนอกบ้าน ไปทานข้าว การไปเที่ยวกับเพื่อน ก็อาจสอดแทรกความรู้ เกี่ยวกับความเชื่อ ธรรมเนียมปฎิบัติของคนเกาหลี หรือไปเจออะไรมา มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเชื่อ ธรรมเนียมไทยให้แฟนคลับมีส่วนร่วม ช่วยตอบอะไรแบบนี้ก็ได้ครับ
1. คนไทยไม่ได้เอาแม่ไปเที่ยวด้วยทุกคนนะคะ คือถ้าเพื่อนจะพาไป ต่อหน้าเพื่อนอาจจะไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ แต่ลับหลัง มีเม้าแน่นอน เพราะมันจะทำให้ฟีลการเที่ยวเปลี่ยนไปเลย จากที่จะกิน ดื่มเต็มที่ อาจจะมีคำหยาบหลุดมาด้วย ถ้าเอาแม่ไป เราก็ต้องสงบเสงี่ยมกัน ทำให้ไม่สนุก
2. การทำเครื่องหมาย แล้วแต่โจทย์ค่ะ บางที่ต้องอ่านโจทย์ก่อนว่าให้ทำอะไร เช่น จงกากบาทในข้อที่ถูก ถ้าคุณทำเครื่องหมายถูก คุณก็ไม่ได้คะแนน
เพราะงั้น เครื่องหมาย X เวลาเลือก ของไทยเป็นแค่การเทำเครื่องหมายเฉยๆค่ะ ไม่ได้หมายถึงว่าอันนั้นถูกหรือผิด แต่ถ้าตรวจข้อสอบ แล้วคุณได้ X ใหญ่ๆ ก็คือ ข้อนั้นคุณทำผิดค่ะ
3. ผู้ชายไม่ใช้คลิปหนีบ เพราะผู้ชายยังมีหูกางเกงค่ะ เอาเข็มขัดสอดในหูกางเกงได้ ถ้าห่วงมันหาย แต่กระโปรงผู้หญิง ไม่มีหูกระโปรง ถ้าห่วงหาย เข็มขัดมันจะห้อยเลย ใช้คลิปหนีบสะดวกดี ไม่ค่อยหาย ต่อมาคนเลยเอามาทำเป็น accessories ให้มันน่ารัก
เรื่องเอาแม่ไปเที่ยวด้วยจริงๆก็อย่างที่บอกคือส่วนใหญ่จะเป็นแม่ที่มีความคิดวัยรุ่น เช่น แม่ที่คุยคำหยาบกับเราได้บางที หยอกล้อกันได้อย่างสนิทสนมอะไรแบบนี้ เวลาไปเพื่อนก็จะไม่อึดอัดอะไร ส่วนใหญ่จะเจอแค่กับกลุ่มเพื่อนมัธยมนะที่เพื่อน ๆ จะใกล้ชิดกับพ่อแม่ของเพื่อนกันเอง แต่วัยมหาลัยนี่ไม่เห็นค่อยจะสนิทกับครอบครัวเพื่อนเท่าไหร่แฮะ น่าจะเพราะมารู้จักกันในตอนที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอครอบครัวของกันและกัน
สงสัยเรื่องเกาหลีค่ะยอน
1. ทำไมผช.กับผญ เกาหลีเป็นเพื่อนกันไปเที่ยวด้วยกันไม่ได้เหรอ ถ้าไม่ได้จีบกันอ่ะ
2. ทำไมผช.เกาหลีเวลาไปเที่ยวกับรุ่นพี่ รุ่นพี่ต้องจ่ายตลอด แบบนี้รุ่นพี่ก็จนตายพอดี
3. ทำไมผช.เกาหลีเวลาไปเที่ยวอ่ะ ทำไมเอาแฟนไปด้วยไม่ได้อ่ะ ทำไมต้องไปกับเพื่อนผช.ทั้งหมด ถ้าผญ.เป็นสายลุยๆ สายคุยสนุกทำไมไปด้วยไม่ได้
เสริมคุยยอนเรื่องคลิปหนีบเข็มขัดนะครับ ผู้ชายสวมกางเกง กางเกงมันมีหูกางเกงรอบตัวอยู่แล้วปลายของเข็มขัดจึงสอบเข้าไปไม่ห้อยออกมาเกะกะ ส่วนกระโปรงของผู้หญิง ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นแบบไม่มีหูร้อยเข็มขัด มันจึงจำเป็นต้องมี อะไรมาหนีบๆไว้ให้อยู่ทรงไม่เกะกะครับ
เรื่องวงกลมกับกากบาท คิดว่าไทยเราไม่ได้ยึดติดกับความหมายสัญลักษ์ค่ะ แต่จะดูที่โจทย์คำสั่งมากกว่า ถ้าเป็นช่องว่างสี่เหลี่ยม การกากบาทจะทำให้เห็นชัดเจนมากกว่าค่ะ ส่วนเวลาเลือกชอยส์ การวงกลมจะไม่ทับคำศัพท์ ทำให้เห็นคำตอบที่เราเลือกง่ายๆค่ะ ✨
เรื่องคลิปหนีบกระดาษกับเข็มขัดตอนมัธยมเลยคือ กระโปรงผู้หญิงไม่มีหูใส่เข็มขัดแบบผู้ชาย+ห่วงหาย เลยเอาของใกล้ตัวมาใช้ ที่เห็นเป็นพวงกุญแจบ้าง กำไร ของกุ๊กกิ๊กคือเพิ่งจะมีกระแสแฟชั่นไม่กี่ปีเองเพราะกฏไม่ได้เคร่งครัดเรื่องแต่กายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ที่คุณยอนถามว่า ถ้ายาวก็ตัดสิ เป็นเมื่อนก่อนอาจจะโดนว่าแต่งกายไม่เรียบร้อยได้
ขออธิบายเรื่องตัวเลขเพิ่มนะครับ
โดยพื้นฐานแล้วคนไทยดูดวงด้วยตัวเลขครับ เช่น วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด เอามาแปลงเป็นตัวเลขแล้วค่อยทำนาย เพราะอย่างนั้นทำให้มีความเชื่อว่าอะไรที่เกี่ยวกับตัวเลขจะส่งผลกับดวงไปด้วย
ทำให้ชีวิตคนไทยผูกพันอยู่กับตัวเลขมากกว่าคนเกาหลี
เพราะฉะนั้น สิ่งของรอบตัว เหตุการณ์ ความฝัน อายุ อะไรก็ตามที่มีตัวเลขเป็นส่วนประกอบหรือสามารถแปลงเป็นตัวเลขได้ก็นิยมนำมาใช้เสี่ยงดวง
ศาสตร์น่าจะมาจากทั้งไทยและจีน
กาแฟไทยสมัยก่อนมันเริ่มมาจากโอเลี้ยง กาแฟโบราณ คือหวานมากๆ เบสความเข้าใจกาแฟในไทยเลยเป็นรสหวาน พอยุคหลังรับอิทธิพลการกินกาแฟมาจากตะวันตกมากขึ้น คนสนใจกาแฟเชิงลึกมากขึ้นก็จะกินแบบไม่หวานกัน รวมถึงคนไม่กินหวานกับคนรักสุขภาพด้วย เราคิดว่าคนรุ่นใหม่ ในเมืองจะกินกาแฟ กินเครื่องดื่มหวานน้อยมากขึ้นเพราะเรื่องสุขภาพนี่แหละ
ชอบ " ยอนชวนคุย " ฟังเพลิน เสียงไม่พูดทับกัน
คำถาม ก็ทำให้ได้เพิ่มมุมมองของ ยอน ด้วยเช่นกัน
ทำได้ดีแล้ว ทำต่อไปนะ ให้กำลังใจ , ขอบคุณ ที่กลับมาทำวีดีโออีกครั้ง
ชอบคอนเทนต์แบบนี้มาก ชอบความแตกต่างระหว่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่ประเทศไทยฮาสุด55😆
ที่หนีบเข็มขัด นอกจากแฟชั่นใส่พวงตุ๊กตาแล้ว เราจะใช้ที่หนีบเพื่อไม่ให้มันหลุดจากขอบกระโปรงค่ะ เพราะ เสื้อนักเรียนเป็นสีขาว แล้วเข็มขัดนักเรียนมัธยมเป็นหนังที่ทาแว๊กซ์สีดำ ถ้าปล่อยมันออกมาสีกับเสื้อ สีดำมันจะติดเสื้อซักไม่ออกค่ะ เนื่องจากกระโปรงไม่มีหูเข็มขัดแบบกางเกงนักเรียนชาย จึงหาอะไรมาล็อคไว้ไม่ให้มันขึ้นไปทำเสื้อเลอะค่ะ
เป็นคำถามที่ลึกและดีครับ ไม่ใช่คำถามระดับนักท่องเที่ยว
จริงครับ ต้องคนอยู่นาน และช่างสังเกตจริง
คนไทยกินหวานมากค่ะ คนสมัยก่อนกินหวานมากกว่าสมัยนี้มาก เช่น ฝอยทอง ทองหยอด หวานชนิดที่ว่ากินเข้าไปแล้วเสียวฟันทันทีเลย พอเริ่มรู้ว่ากินหวานมากไม่ดีกับสุขภาพก็เลยลดการกินหวานลงแต่ก็ยังหวานมากเมื่อเทียบกับคนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี
คนไทยเป็นสังคมที่เปิดรับคนนอกกลุ่มได้ง่าย เคยมีเพื่อนเกาหลีสังคมเขาจะไม่รับคนนอกเข้ากลุ่มง่ายๆ ต้องใช้เวลานานผิดกับคนไทย ไปรู้จักกันตอนไปเที่ยวเลยก็มีบ่อย
การที่คนไทยใช้กากบาทในข้อที่ถูก อีกเหตุผลนึงเพราะ เวลาสอบข้อสอบที่เป็น choice
การที่กากบาทข้อที่ถูกในกระดาษคำตอบ (answer sheet)แล้ว เวลาครูสมัยก่อนจะตรวจข้อสอบแบบนี้
จะใข้ธูปมาเจาะรูในกระดาษคำตอบของครูแล้วเอามาทาบกับกระดาษคำตอบของนักเรียน ดังนั้นถ้าเป็นกากบาท
ครูก็จะเห็นว่านักเรียนคนนั้นตอบถูก แต่ถ้าเป็นวงกลมรอบข้อที่ถูกแล้ว ถ้านักเรียนวงกลมใหญ่กว่ารอยเจาะในกระดาษคำตอบที่ครูเอามาทาบ ครูอาจไม่เห็นว่านักเรียนตอบข้อนั้นถูกได้
ชอบสีหน้ายอนตอนช็อค ถึงจะไม่ได้พูด แต่สีหน้าตะโกนออกมาเลยว่า "อิหยังวะ!!" 5555 สนุกดีครับ
เรื่องตัวเลขนี่จริงมากค่ะ ล่าสุดยายกับย่าเพิ่งเสียชีวิต เอาเลขแกไปซื้อ แม่เราได้เงินจากเลขอายุ/ปีเกิดยายรวมๆเป็นหมื่น ส่วนของเราถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 5 จากปีเกิดย่า เพื่อนรู้ก็แซวว่าเป็นหลานรักย่อ ย่าให้โชค อะไรแบบนี้ค่ะ 😂
คนไทยขับรถถือเรื่องระเบียบหากช่วงคับขัน แล้วจะมาแทรกไม่มีใครยอม ทุกคนต้องรู้ว่าจะไปไหน แล้วอยู่เลนนั้นเขาเรียงคิวกันมาแล้วคุณมาแซงคิว คุณมักง่ายแบบนั้นใครจะยอม วิ่งเลนซ้ายผ่านตลอดแล้วมาเบียดขวาเขาเรียกมักง่่ายเห็นแก่ตัว คุณรีบแล้วคนอื่นไม่รีบเหรอไปต่อคิวท้ายแถวโน่นเลย😅
เกิดหมดครับอย่าว่าแค่ กทม ถ้าได้อยู่บนถนนเมือไหร่ ความใจเย็น ใจดีหายไปหมดเลย เหมือนคนละคน 5555
😂😂😂
เรื่องที่หนีบเข็มขัด ที่ผู้ชายไม่ทำเพราะที่กางเกงของผู้ชายจะมีห่วงผ้าที่รัดเข็มขัดเย็บติดอยู่ที่กางเกงแล้ว ส่วนกระโปรงนักศึกษาของผู้หญิงจะไม่มีอะไรที่ขอบเลย
คนไทยส่วนใหญ่ชอบกินรสเข้ม
.....หวานเค็มมันต้องถึง
......อีกอย่างนะ ที่กาแฟเย็นทำหวานเกิน
.....เพราะเผิ่อน้ำแข็งละลายด้วย
.....คนไทยส่วนใหญ่ดูดทีละนิด กว่าจะหมด นานเลย
เรื่องความหวาน
..ประเทศนี้เป็นแหล่งผลิตน้ำตาลมาตั้งแต่โบราณ...คนไทยทำน้ำตาลเป็นก่อนที่จะรู้จักวิธีทำนาเกลือด้วยซ้ำ..และน้ำตาลให้พลังงานสูงซึ่งจำเป็นกับคนยุคโบราณที่ต้องทำงานใช้แรงเยอะ.
เลยไม่แปลกที่จะติดหวานกัน
เรื่องที่คนไทยไม่ยอมให้มีการขับชิลล์ แบบกินลมชมวิว โดยเฉพาะในกรุงเทพ เพราะรถมันติด ทุกคนต้องแข่งกับเวลา ขับรถเร็วไม่มีใครว่า ขับรถช้า จะถูกรถคันอื่นกดดัน อย่ามาขวางทาง เจอเข้าบ่อยๆ ทุกคนก็รู้ จะเปลี่ยนพฤติกรรมไปเองอัตโนมัติ เช่นเดียวกับขับช้าชิดซ้าย ขับเร็วชิดขวา
เป็นตำราโหราศาสตร์ของไทยค่ะนายทีม จากพื้นฐานเลข7 ตัว 4 ฐาน ( และยังมี 9 ฐานอีกแล้วยังมีแบบละเอียดกว่าที่สมัยโบราณเขาจะวาดเป็นกลมๆกันค่ะที่ชอบเห็นในละครสมัยโบราณ ต้องเรียนทีละอย่างมันจะเข้าใจเรียงกันไป )
จริงๆเมื่อผลรวมกันแล้วต้องไปดูแต่ละคนส่วนตัวอีกว่าคนนั้นเกิดวันอะไร จันทร์ อังคาร พุธหรืออะไรอย่างงี้ แล้วต้องนับอีกว่าเลขอะไรต้องห้ามสำหรับ วัน เดือน ปี ของเราตอนลง 4 ฐาน แล้วถ้าจะละเอียดต้องนับปี พ.ศ.ด้วย เขาจะมีวิธีนับว่า ปีพ.ศ.นั้นเลขอะไรต้องห้าม เลขจะบอกสี
แต่ที่ลงในเนตคือลงรวมๆ แล้วคนที่เอาเบอร์มาขายเขาก็ขายตามใจเขาหมายถึงผลรวมแต่ไม่ใช่แยกแต่ละคน แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ แต่ไม่ต้องซีเรียส เลขไม่ได้บังคับหรือส่งผลไม่ดี ส่วนมากเป็นความชอบ คนที่เขานับเองเป็นเขาเลือกแบบสนุกๆมากกว่า แต่คนไม่รู้โหราศาสตร์อาจจะเครียด จริงๆไม่มีผลอะไร เหมือนประมาณว่าเราแต่งบ้านชอบแบบนี้แล้วสวยแล้วสบายใจมากกว่า ของโหราศาสตร์ไทยเขาจะมีสถาบันเป็นสมาคมหลักๆใหญ่ประมาณ 2 ที่ค่ะในประเทศ ใครก็ไปเรียนได้ เขาจะมีประกาศนียบัตรให้ค่ะ เรานับเป็นแต่บอกเลยว่าอย่าไปเครียดหรือเสียตังค์เยอะเพราะมันนับง่ายมากเรื่องจริง 🤗 แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบ โหราศาสตร์เหมาะกับหลายๆสายเช่นเด็กนิเทศศาสตร์ เด็กอักษรศาสตร์ค่ะ
เพิ่มเติม คนไทยที่ติ่งศิลปินเกาหลีใต้บางคน ก็ซื้อหวยตามเลขวันเกิดศิลปินช่วงวันเกิด หรือ เลขที่เกี่ยวกับศิลปินเวลามาจัดคอนเสิร์ตที่ไทย หรือ เลขทะเบียนรถที่ศิลปินนั่งช่วงมาไทย รวมไปถึงตัวเลขที่ผลุบๆโผล่ๆตาม mv ออกใหม่ หรือสุดแล้วแต่จะตีกันได้ด้วยครับ 😅
ส่วนเรื่อง เครื่องดื่ม ขนม เห็นด้วยกับทั้งทางคุณยอนและทีมไทย เนื่องด้วยเป็นคนชอบเครื่องดื่ม และขนม แต่ไม่ชอบหวาน ขอเพิ่มเติมคือ ผมว่าเครื่องดื่ม ขนม เกาหลีใต้ ก็ติดหวานมากอยู่ 😅 ต้องใช้ papago ช่วย แต่ก็ยัง degree น้อยกว่าไทยแหละครับ
พื้นฐานคนไทยชอบหวานครับ
แต่สำหรับเครื่องดื่มจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คนวัยทำงาน ทำงานออฟฟิชมักจะดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ ฯลฯ เพื่อให้ตื่นตัวไม่ง่วงตอนทำงาน
คนกลุ่มนี้เลยจะดื่มแบบหวานน้อยหรือไม่หวาน แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนที่ทำงาน
กลางแจ้ง ทำงานหนักๆ ก็จะกินแบบหวานเพื่อให้รู้สึกสดชื่นมีแรง
พอดื่มบ่อยๆก็จะติดรสชาติแบบนั้นไปเลย เวลาปกติที่ไม่ได้ทำงานก็มักจะดื่มเหมือนตอนทำงาน
เรื่องหวานปัจุบันอ้างสุขภาพ ส่วนเมื่อก่อนทำไม่หวานเค้าจะว่าแม่ค้าขี้เหนียวคนรุ่นเก่าติดหวาน ปากต้องหวานด้วยแม้ไม่มีใครเคยชิม❤
คนไทยส่วนใหญ่จะชอบให้ชีวิตของตัวเอง รวมถึงคนในครอบครัวมีความเป็น "มงคลชีวิต" หรือแปลง่ายๆ คือให้ชีวิตมีความสุขสมบูรณ์ ก็เลยหาสิ่งต่างๆ รอบตัวมาเสริมดวงครับ 😊😊 🎉🎉🎉
ทำคลิปบ่อยๆนะครับ รอชม 😊
คุยกันสามคนสนุกน่ารักมาก
คุณยอนกลับมาแล้ว คิดถึงมากๆ เลย
เราเรียนภาษาเกาหลีอยู่ เจอแบบฝึกหัด ก็จะงง ๆ เหมือนกันค่ะ ให้เลือกตอบว่า ถูกให้เขียนวงกลม ถ้าผิดให้กากบาท ทางนี้ ถ้าถูก เราเขียนเครื่องหมายถูกตลอดเลย พอมาอ่านคำสั่งใหม่ก็แบบ เอาอีกแล้วน้าาา อยากตีมือตัวเอง
1. ทำไมภาษาไทย ทำไมมีคำว่าใจเยอะเช่น เข้าใจ สนใจ มั่นใจ จริงใจ
2. ทำไมพอแยกคำกัน เข้า+ใจ ถึงไม่แปลว่าเข้าไปในใจ จริง+ใจ=หัวจริงจริงๆ
3. ดีใจ=happy แต่ ใจดี=kind หรือ จริงใจ=honest, sincere แต่ ใจจริง=be willing to มีคำเหมือนกัน2คำแต่สลับที่กันแล้วความหมายไม่ใกล้เคียงกัน
5:17 อันนี้ขอเถียงครับ ต้องมาเจอการขับรถที่ภูเก็ตครับ ทั้งเร็ว รีบ จี้ ขับช้าชิดขวา และก็อีกเยอะครับ
ตัวหนีบเข็มขัด ใช้หนีบเข็มขัดกับขอบกระโปรงคะ เพราะเวลานั่ง ยืน เปลี่ยนท่าทาง เข็มขัดจะขึ้นมาเหนือกระโปรง และเป็นแฟชั่นด้วยจิงๆคะ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราน่ารัก😊😊😊😊😊😊
ของหวานนี้มาตราฐานตั้งแต่สมัยก่อน ชา กาแฟโบราณ ขนมไทยจะหวานมากกก สูตรตายตัวเลยหวาน สมัยนี้วัยรุ่นจะไม่กินขนาดนั้นเลยมีการปรับสูตร แต่ภาพจำคือดั้งเดิม
เมืองไทยอากาศร้อนเหงื่อออกเยอะทำให้เหนื่อยง่าย การกินน้ำหวานเย็นๆช่วยให้สดชื่น เลยนิยมกินหวานค่ะ
ช่วงปลายยุค 1970's แม่เล่าถึงตอนเรียนมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปแบบกลุ่มใหญ่เลย แม่เล่าว่าสนุกมาก เพราะบ้านเพื่อนที่นั่นทำไร่สัปปะรด ไปช่วยเขาทั้งเก็บทั้งปลูก แล้วมื้อเย็นก็ได้กินอาหารคาวหวานที่มีสัปปะรดเป็นส่วนประกอบ 😊
มาถึงยุคลูก ช่วงต้นยุค 2010's ลูกติดบ้านติดหอพักมาก ถ้าเที่ยวคือทริปใหญ่ไปกันเป็น 100+ คนของมหาวิทยาลัย 😅
เราชอบคำตอบที่ค่อนข้างเคลียมากๆ ทำให้คุณยอนที่สงสัยจะได้รู้จักและเข้าใจคนไทยมากขึ้น เพราะเรื่องศาสนาและวัฒนธรรมทำให้เราและคุณไม่เหมือนกัน และเรื่องเหล่านี้ต้องศึกษามากกว่านั้น มันเป็นเรื่องของอดีตและวัฒนธรรม
เรื่องการไปเที่ยวเป็นกลุ่ม -
คนไทยส่วนใหญ่ชอบความสนุกสนาน เฮฮา
เที่ยวกับเพื่อนเยอะๆแล้วมันสนุก(ไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้)
หลายครั้งที่เพื่อนอีกกลุ่ม เข้ากับเพื่อนเราอีกกลุ่มไม่ได้ ทะเลาะกัน
"ถ้าเพื่อนคนนี้มาอีก ฉันไม่ไป" แบบนี้ก็มี
มีข้อดีข้อเสีย แต่ถ้าเพื่อนเข้ากันได้ดีเลย ก็คือจบ สนุก ได้เพื่อนเพิ่ม
เรื่องการขับรถ -
ก็อย่างที่บอกไปในคลิป คนในเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพ
อยู่ในเมืองแออัด รถติด และ คนบ้า และ คนเห็นแก่ตัวเยอะ
จนสังคมมันหล่อหลอมให้คนกรุงเทพส่วนใหญ่มีนิสัยการขับรถแบบนั้น
ถ้าเป็นในกรุงเทพ ส่วนใหญ่ พี่รถบรรทุก รถพ่วง จะมารยาทดีมากๆ
อีกหนึ่งความเชื่อคือ คนไทยพอเห็นเขาเปิดไฟเลี้ยวแล้ว ก็จะรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที
เหมือนฟีลประมาณว่า "ขอฉันไปก่อน!!" แล้วรถข้างหลังก็ตามมาเป็นขบวน
สุดท้ายไอ้คันที่เปิดไฟเลี้ยวก็ไม่ได้ไป
เรื่องการทำข้อสอบ -
ค่อนข้างซับซ้อน คนไทยติดการกากะบาดมานาน ดังนั้นมักจะบังคับในข้อสอบว่า
ข้อไหนคือข้อที่ถูก ที่ต้องการกา ให้กากะบาด ซึ่งในความเป็นจริง
จะเป็นเครื่องหมายอะไรก็ได้ จะวงกลมก็ได้ เพียงแต่จะตอบได้ข้อเดียว
แต่ ผู้ตรวจข้อสอบ จะวงกลมเป็นสัญลักษณ์ว่าตรงนี้ผิด ให้รู้ว่าผิดตรงไหน แล้วจะกากะบาดที่ข้อนั้นทับไปอีกแสดงว่าผิด (อ่านแล้วน่าจะงง ต้องลงทำเองดูไม่งั้นไม่เข้าใจ)
เรื่องคนไทยกินหวาน -
วัฒนธรรมคนไทยในสมัยก่อน กินหวานกันมาตั้งแต่ในรั้วในวัง
ทุกอย่างหวาน ยกเว้นอาหาร จะมีรสกลมกล่อม ไม่เค็ม ไม่เผ็ด ไม่หวาน ไม่เปรี้ยว
ปัจจุบันคนไทยกินเผ็ดกันมากขึ้น หรือ จะเรียกว่ากินรสจัดในทุกๆรสชาดเลย
และการกินหวาน ก็มาจากน้ำในสมัยก่อนที่เป็นน้ำหวานทั้งหลาย
มักใส่น้ำแข็ง มันเลยต้องเพิ่มความหวานเข้าไปอีก พอกินหวานมากๆ ลิ้นมันก็ปรับสภาพตาม
หวานของคนไทย และ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน เลยไม่เหมือนกัน
ถ้าเทียบ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น คนไทยจะบอกว่าจืดไปเลย เพราะลิ้นเราเป็นแบบนี้
การกินรสจัด ทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว รวมถึงเผ็ดที่ไม่ใช่รสชาดด้วยมากเกินไปทำให้คนไทย
เป็นโรคเบาหวาน และ โรคไตกันเยอะมากๆ
แต่พอหลังๆกระแสรักสุขภาพมีมากขึ้น คนเลยหันมาทานจืดกันมากขึ้น
(ลิ้นคนเราการรับรสจะปรับสภาพตามสิ่งที่กินเป็นประจำตามหลักชีวะวิทยา ดังนั้นลิ้นของคนแต่ละคน แต่ละชาติก็จะรับรสได้ไม่เท่ากันอีก)
เรื่องWallpaper หน้าจอโทรศัพท์เสริมดวง -
ที่ไทยเราเริ่มมีการเสริมดวงเรื่อง Wallpaper มากซัก 5-6 ปีก่อน
แล้วกระแสภาพหน้าปกจอโทรศัพท์ของ Lisa มาแรงซักราวๆ 3 ปีก่อน
มันเลยเป็นที่นิยมมากขึ้นกว่าเดิม
เรื่องตัวเลข -
เบอร์โทร ชื่อ นามสกุล ต่างๆมันเอามาตีเป็นตัวเลขได้หมด
แต่ต้องเกริ่นก่อนว่า ศาสตร์นี้ไม่ใช่ของคนไทย แต่มันของฝรั่งที่เราไปรับมา
(ของไทยก็มีแต่เราไม่ค่อยใช้กัน) ย้ำศาสตร์เบอร์โทรที่ใช้อยู่ปัจจุบันไม่ใช่ของไทย
ศาสนาทำให้เราเชื่อเรื่องพวกนี้ไหม -
ไม่ครับ ศาสนาพุทธ ไม่สอนให้คนเชื่อเรื่องพวกนี้ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
แต่สังคมของคนไทยเป็นสังคมหลากหลายวัฒนธรรม ความเชื่อมันเลยรวมๆปนๆกัน
ตัวอย่างเช่น พระแก้บน พระทำนายดวง แบบนี้ก็ผิดหลักศาสนามากๆแล้ว แต่เดิมไม่มี
เป็นความกดดันของชาวบ้านสมัยก่อนที่ไปกดดันให้พระช่วยเพราะคิดว่าจะช่วยได้
กลายเป็นวัฒนธรรมผิดๆ เป็นต้น
ถูกต้องอย่างที่คุณซีอธิบายค่ะ จริงๆ ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้เชื่อเรื่องงมงาย หรือไม่ได้สอนให้เชื่อในตัวบุคคล หรือยึดติดกับอะไรเลย แม้แต่ความคิด เพราะจะทำให้เป็นทุกข์ ความเชื่อเรื่องมู หรือการนับถือเทพ ต่างๆของคนไทยบางกลุ่มเป็นเพราะไม่ได้ศึกษาแนวคิดอย่างจริงจัง แต่อาศัยส่งต่อความเชื่อ ซึ่งน่าจะมีส่วนนึงที่ศาสนาพุทธมีต้นกำเนินจากอินเดีย ที่เริ่มมาจากการมิกซ์ของศาสนาต่างๆ เช่น พราหมณ์ ฮินดู ฯลฯ เลยมีความเชื่อบางอย่างผสมๆมาด้วย อย่างเช่นเรื่องวิญญาณ ผี ป๊ศาจ ก็ไม่มีความเชื่อนี้ หรือศาลพระภูมิที่เกือบทุกบ้าน หรือทุกตึกตั้งอยู่หน้าบ้าน หรือตึกต่างๆ ก็ไม่ได้มาจากความเชื่อทางศาสนาพุทธค่ะเป็นของพราหมณ์🙂
ชอบตอนนี้มากกกกก เอาอีกค่ะ จะได้รู้จักวัฒนธรรมเกาหลีมากขึ้นด้วย😂😂😂
ชอบมากคลิปนี้ บางอย่างที่เราทำจนชิน อาจเป็นเรื่องแปลกในสายตาชาวต่างชาติ
ใช้xในการเลือกข้อสอบข้อที่ถูก เพราะครูบางคนตรวจข้อสอบโดยใช้แผ่นคำตอบที่ถูกมาวางทาบจะได้เห็นว่สข้อไหนเลือกถูกตาม แต่ถ้าวงกลมข้อสอบเวลาทาบกระดาษคำตอบอาจจะมองไม่เห็นข้อที่เลือก
ถ้าทำข้อสอบ เมื่อก่อนก็ใช้วงกลม เช่นให้วงกลมข้อที่ถูก แต่พอหลังๆ มีการเปลี่ยนให้ตามคำสั่ง โดยเค้าจะใช้ตามคำสั่งที่เขียนกำกับมา เช่นให้กากบาทข้อที่ถูก และพอเจอคำสั่งนี้บ่อยก็เลยเป็นความเคยชิน ส่วนเครื่องหมายถูกก็เช่นกัน แล้วด้วยความเคยชินจึงใช้กากบาทเป็นเครื่องหมายในการมาคขีดเลือก ไม่ใช้การระบุว่า ถูกหรือผิด แต่ถ้าไม่ได้ไปติกกับตัวอะไร เครื่องหมาย ถูก-ผิด จะใช้สำหรับการติกตรวจสอบเท่านั้น
ประเทศที่มีอากาศหนาวควรกินเค็มค่ะเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย ประเทศที่อากาศร้อนควรกินหวานค่ะไม่งั้นจะเป็นลมร่างกายต้องการพลังงานความสดชื่น
พื้นฐานกาแฟที่กินกันมาแต่โบราณเป็นกาแฟถุงเท้าแบบจีนที่ใส่นมข้นเยอะๆ พึ่งจะมีวัฒนธรรมกาแฟสดเข้ามาได้ซัก 20 ปีและพึ่งจะ Educate เรื่องมาตรฐานกาแฟ ได้ซัก 10 กว่าปีมานี่ หลังๆมา ถ้าเป็นกาแฟร้อนก็เริ่มเข้าแสตนดาร์ดแล้วครับ คือ No sugar แต่ถ้าเป็นกาแฟเย็น ก็ยังต้องบอกอยู่ดี เพราะคนไทยกินเครื่องดื่มเย็นเป็นของหวานด้วย ออกแนวหวานเย็น
เรื่องขับรถนี่เราว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างชิวเหมือนกันประเทศอื่นๆครับ จากที่เห็นที่มีเรื่องกันส่วนมากจะเกิดตามเมืองใหญ่ๆคนเยอะๆ พอคนเยอะเลยมีโอกาสพบเจอเหตุการณ์แบบนั้นมากขึ้นตามจำนวนประชากรในบริเวณนั้นแหล่ะ สาเหตุที่คิดว่าน่าจะทำให้หัวร้อนใส่กันน่าจะเพราะเรื่องอากาศกับความเครียด ณ เวลานั้นนะครับ ส่วนเรื่องคลิปหนีบกระดาษหนีบเข็ดขัดนี่ผมก็ทำนะเพราะชอบทำที่รัดเข็มขัดหายแล้วสายเข็มขัดมันแกว่งทำให้เสียบุคลิกครับ แต่จะใช้อันที่เล็กมากๆเพื่อไม่ให้มันเด่นและใช้เฉพาะตอนที่มีเสื้อคลุมทับเท่านั้น
ใช้กากบาทข้อสอบเพราะสมัยก่อนไม่มีเครื่องตรวจข้อสอบใช้ กระดาษเจาะรูทาบดูว่าข้อใดถูก ถ้าวงกลมเจอกระดาษเจาะรู เวลาเอามาทาบเพื่อตรวจข้อสอบ บางข้ออาจจะไม่เห็นคำตอบ นักเรียนมักจะไม่รู้เรื่องนี้ อาชีพครูถึงจะรู้
อยู่กรุงเทพเวลาเร่งรีบต้องรีบไปทำงานให้ทัน แต่ถ้าเป็นช่วงไม่เร่งรีบก็ให้ทางเหมือนกัน อยู่ที่ตัวบุคคลเหมือนกัน
คอนเทนต์น่าสนใจดีค่ะ หลายเรื่องคิดแล้วก็แบบ เออ...จริง ต้องคนไทยถึงเข้าใจค่ะ ขอนอกเรื่องนิดนึงนะคะ คุณยอนมีพิกัดเสื้อที่ใส่ไหมคะ สวยค่ะ
ตกใจกับคำถาม เพราะคนไทยชินกับเรื่องนี้ จนได้ฟังคำถามยอนถึงรู้ ยิ่งคำถามกากกาบาทเพราะคิดว่าเหมือนกันทั่วโลก😆
สิ่งที่ชอบในคลิปนี้คือคุณผู้หญิงที่อธิบายว่าศาสนาพุทธไม่สอนให้เชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่ด้วยความเป็นคนไทยก็จะนับถือหมดในสิ่งที่เรานับถือแล้วสบายใจ อันนี้คือเข้าใจง่ายกระชับและถูกต้องเลยครับ การอธิบายหลายๆเรื่องค่อนข้างที่จะคลอบคลุมดีมากๆเลยครับ
ผมอาชีพขับรถเจอหมดทุกอย่าง บางครั้งก็รีบบางครั้งก็ชิล พร้อมให้ทางขอแค่อยู่ในระยะเบรกชะลอให้ได้ ส่งสัญญานมา ผมก็จะให้สัญญานให้ออก แล้วต้องเร่งๆหน่อย
คิดถึงน้องยอน นึกว่าหนีกลับเกาหลีไปแล้ว เพราะไม่เห็นทำคลิปเลย
เค้าก็ทำคลิปประกาศอยู่ว่าหยุดทำชั่วคราว
ส่วนตัวเราไม่กินกาแฟเลยไม่รู้ว่าความหวานที่เกาหลีเป็นยังไง แต่เรากินโกโก้ และชาไข่มุกที่เกาหลี จะบอกว่าที่เกาหลีไม่มีโกโก้ แต่มีเป็นช็อกโกแลตแทน ซึ่งมันหวานมากกกกกกกก หวานกว่าเราสั่งโกโก้ปกติที่ไทยอีก หรือบางร้านสั่งหวานน้อยก็กลายเป็นจืดและผงช็อกโก้ไม่เข้มข้นไปด้วย และร้านชาไข่มุกอยากกินบราวชูก้าก็ไม่มีระดับความหวานให้เลือก หวานขึ้นตากว่าไทยอีกจ้า
อยากให้พี่ยอนช่วยทำซับเกาหลี เพิ่มให้ทุกคลิปที่เป็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมแบบนี้จังเลยค่ะ
เรื่องคลิปหนีบกระดาษที่หนีบกระโปรงมันไม่ได้ทำเพราะแฟชั่นหรือความสวยงามเป็นหลักหลักการจริงๆที่ทำกันก็คือส่วนใหญ่กระโปรงนักศึกษาจะไม่ค่อยมีหูหนีบเวลาใส่เข็มขัดแล้วเราก้มหรือเราทำกิจกรรมเข็มขัดมักจะเลื่อนขึ้นลงจากกระโปรงทำให้รำคาญและเสียบุคลิกเราถึงต้องบีบตัวหนีบเอาไว้เพื่อให้เข็มขัดนั้นติดกับกระโปรงมันจะดูสวยและมั่นคงมากกว่า แต่ด้วยเพราะกลัวว่าบางคนจะมองว่ามันไม่โอเคก็เลย create ด้วยการติดตุ๊กตาหรือว่าอะไรลงไปด้วยทำให้มันดูน่ารักขึ้นแต่หลักการจริงๆเป็นไปเพื่อความสะดวกและเรียบร้อยค่ะ
ส่วนเรื่องการนำตัวเลขมาซื้อหวยถ้าคิดให้ลึกซึ้งมันอยู่ที่โครงสร้างของประเทศเลยค่ะที่ประเทศไทยเป็นเมืองที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีชนชั้นรากหญ้าก็จะเยอะชนชั้นรากหญ้าที่ว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีต้นทุนชีวิตเป็นคนทำงานหาเช้ากินค่ำและไม่มีทางที่จะร่ำรวยขึ้นมาได้จากการทำงานประจำวันจากการประกอบอาชีพของตัวเอง ความหวังเดียวที่จะทำให้มีเงินหรือลืมตาอ้าปากได้ก็คือการซื้อหวย เพราะฉะนั้นเลขอะไรก็ตามที่เป็นตัวเลขทุกคนสามารถหยิบยกมาซื้อหวยได้หมดถ้าไม่ถูกหวยก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าถูกหวยขึ้นมามันก็จะดีมากใช่ไหมล่ะคะมันเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ
การที่คนไทยชอบเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่
เพราะอยากมีโมเม้นต์ร่วมกัน มีคนช่วยคิดช่วยตัดสินใจ
เพราะเวลามีปัญหาในการท่องเที่ยวจะแก้ปัญหาได้เร็ว
การที่ผู้ใหญ่ไปด้วย ถ้ากรณีเป็นวัยรุ่นมากๆ
การมีผู้ใหญ่ไปด้วยทำให้สามารถช่วยได้ในหลายกรณี
และผู้ปกครองคนอื่นสามารถฝากดูแลให้อยู่ในกรอบด้วย
พวกลูกหลานทั้งสามคุยกันสนุกดีค่ะ
เรื่องเที่ยว แล้วแต่คนค่าาา เราไม่ใช่ประเภทชอบไปกลุ่มใหญ่ ชอบไปแค่2-3คน
เรื่องรถ น่าจะเพราะรู้สึกไม่อยากถูกเอาเปรียบ รีบด้วยบางครั้งถ้าให้ไปมันจะนานไม่จบแค่คันเดียว อีกกรณียิ่งถ้าเราต่อแถวต่อคิวอยู่แล้วมีรถมาเปิดไฟขอแทรกเบียดนี่ไม่ยอมเด็ดขาดค่ะ แย่มาก มาทีหลังก็ไปต่อแถวค่ะ
แต่ไม่ใช่ทุกคันทุกคนอยู่ดี มันแล้วแต่สถานการณ์ค่ะ ถ้าออกจากซอย เปลี่ยนเลนเฉยๆที่ไม่ใช่การเบียดเราให้ไปก่อนประมาณ80%เลยค่ะ
แล้วถ้าคุณยอนเป็นฝ่ายจะถูกเบียด มีรถขอเข้า ขอแทรกตอนเราต่อคิวอยู่คุณยอนให้รถเข้ามาตลอดไหมคะ??
นี่ก็งงคนเกาหลีเหมือนกันรีบขับรถแบบ เหยียบเบรคจึ๊กๆบ่อยมาก จนเวียนหัว
ทำเหมือนเร็วแต่มันไม่ได้ทำให้เร็วขึ้นเลย เคยเจอ3-4คันแล้ว
สงสัยเรื่องของคนเกาหลีเหมือนกันทำไมชอบถุยน้ำลายทิ้งไปทั่วตามพื้น
ทำไมชอบใส่แต่เสื้อผ้าสีเดียวกัน ไม่กล้าที่จะไม่เหมือนคนอื่น
สนุกดี ต่อจาก พาร์ทที่นานมาแล้ว 😁❎✅
เรื่องขับรถเปิดไฟเลี้ยวแล้วไม่ได้ไป น่าจะเป็นอุปนิสัยส่วนตัวของคนขับรึเปล่า ส่วนตัวถ้าใครเปิดไฟเลี้ยว แล้วตัวเองเห็นว่าระยะให้ได้ ก็ให้ออกมา แต่ถ้าเขาเปิดไฟเลี้ยวในระยะที่เรากับคันหน้าและหลัง อยู่ในระยะที่ตามกันมา ก็ไม่ให้ เพราะถ้าตัวเองเบรค คันหลังอาจจะชนได้
เกาหลีใต้ไม่มีเรียนวิชาลูกเสือ เนตรนารี สมัยประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย เพราะวิชาลูกเสือ เนตรนารี จะมีการออกแคมป์ปิ้ง กางเต็นท์หลายครั้งตลอดวัยเด็ก วัยรุ่น มีกลุ่มเพื่อนที่สนิทสนม จนถึงมหาลัย..มันเป็นวัฒนธรรมการรวมแก๊งค์ และลามไปถึงเพื่อนร่วมงานในบริษัท.😂😂😂
เกาหลีก็มูเหมือนกัน ขนาดชื่อลูกยังต้องไปให้หมอดูตั้งและจ่ายตังส์เลยไม่ใช่เหรอคะ แต่ไทยส่วนใหญ่พ่อแม่ตั้งเองมากกว่าเกาหลีอีกนะ
ดีใจที่ได้ดูยอนอีกค่ะ ❤
😂 เคยเห็นเพื่อนขับเรื่อยๆเอื่อยๆ พอมีรถเปิดไฟเลี้ยวมันเหยียบคันเร่งไม่ให้เขาเข้า แล้วเป็นตลอดทางด้วย คนแบบนี้มีจริงๆค่ะ 555555
ที่เราคิดนะ เมื่อก่อนคนไทยกินหวาน แต่สมัยนี้เปลี่ยน ไม่ค่อยกินหวานกัน แล้วคือระดับความหวานมันก็คงเดิมไม่ได้เปลี่ยนตามความนิยมของคน
เราคนนึงละ เมื่อก่อนไม่เคยสั่งหวานน้อยเลย พอโตมาก็ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นเลยสั่งหวานน้อยตลอด
คุณยอนในเกมrovมาแล้วนะ(หยอกๆนะครับซื้อคุณเหมืนยอนในเกมrovนะ)แต่คุณยอนก็หล่อนนะน่ารักเลย😊😊😊
ตบไฟเลี้ยวแล้วไม่ให้ไปประมาณ กทม ในเมืองเชียงใหม่เหมือนกันนนนะ
จริงๆต่างจังหวัดก็ขับรถไม่ชิลเหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเร่งรีบ ช่วงเช้าเข้างาน ตอนเย็นเลิกงาน ส่วนนอกนั้นชิลมากค่ะ
พี่ทีมดังมาก หนูดูคลิปทุกวันค่ะ 😊
ดีใจที่ได้ดูคลิปน้องดายอนอีกนะคะ😍
15:43 คนสั่งกาแฟหวานน้อยคือคนที่อยู่ใน city center , คนชั้นกลาง, คนห่วงสุขภาพค่ะ
คนไทยส่วนใหญ่ต่างจังหวัดสั่งหวาน 100% เผลอๆบางร้านมี หวาน120% -150% ค่า กินเสร็จเตรียมตัดขาได้เรย😂
ฉะนั้นเรายังเชื่อมั่นว่า Majority ของชาติ กินหวานปกติ แบบที่ร้านกาแฟทำนั่นแหละ
ยอนมาแล้ว🎉 รอคลิปยอนตลอดเลย
เมืองไทยเมืองร้อน พอได้กินหวานแล้วสดชื่นค่ะ
น้องยินช่างสังเกตุ้เนาะ เครื่องหมายกากะบาดโดยทั่วไปคือไม่เอาไม่ใช้หรือไม่ใช่ แต่ในบางกรณีไทยเอาไปใช้ในความหมายว่าเอาว่าใช่ แต่จะบอกไว้ก่อนเสมอว่าในกรณีถ้าถูกถ้าใช่ให้ทำเครื่องหมายกากะบาด เช่นทำข้อสอบแบบปรนัยถ้าตรวจข้อสอบโดยเครื่องจะให้ใช้ดินสอ3บีฝนสีให้เต็มวงกลม กาบัตรเลือกตั้งเพื่อให้ดูชัดเจน
ถ้าพวกไปสร้างเลนใหม่ไม่ต่อคิวแล้วมาเปิดไฟเลี้ยวขอแทรกทางนี้ก็จะไม่ให้ค่ะ แต่ถ้าขอดีๆมาตามรูทีนที่ไม่ได้มาแทรกมาแซงกันก็ให้ค่ะ แล้วแต่สถานการณ์ค่ะ
14:20 คือ จริง ๆ แล้วคนไทยเพิ่งจะมากินหวานน้อย หรือ ไม่กินหวานกันก็เมื่อ 10 ปีหลังนี้เอง ด้วยคนไทยเดี๋ยวนี้มีความรู้มากขึ้น จากโซเชียลต่าง ๆ แล้ววัยรุ่นก็ยิ่งเติบโตขึ้น กลายเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ รู้ถึงพิษภัยของการกินหวาน ทำให้คนไทยเดี๋ยวนี้กินหวานกันน้อยลง แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว คนไทยไม่รู้ถึงพิษภัยของการกินหวาน เวลาสั่งกาแฟคนไทยแทบทุกคน สั่งหวานมันเท่านั้น คือเน้นอร่อยอย่างเดียว ไม่มีเหมือนสมัยนี้ที่เลือกระดับความหวานได้ กินก๋วยเตี๋ยวก็เหมือนกัน น้ำตาลนี่ใส่กันให้แบบ อืมหือ คือเน้นอร่อยจริง กินก๋วยเตี๋ยวทีนึงต้องมี 4 รส เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ปรุงกันเข้าไป แม้แต่น้ำหวานในเซเว่น ก็มีแต่น้ำที่หวาน ๆ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีน้ำตาล 0% หรือ น้ำหวานต่าง ๆ ที่ลดน้ำตาลลง สมัยก่อนนี่คือ หวานอย่างเดียว ทำให้พื่นฐานของคนไทยตั้งแต่อดีตมาคือ กินหวานก็เพราะเน้นอร่อยอย่างเดียว ซึ่งถามว่าเดี๋ยวนี้ยังมีมั้ย ก็ยังมีคนไทยที่กินหวาน แต่ผมว่าน้อยลงกว่าแต่ก่อนเยอะ เยอะมาก ๆ เพราะคนเดี๋ยวนี้รักสุขภาพกันมากขึ้น มีความรู้เรื่องโภชนาการกันมากขึ้น และผมคิดว่าต่อไปคนไทยจะกินหวานกันน้อยลงไปอีก เพราะ คนที่ยังกินหวานกันอยู่นั้น ก็มีแต่พวกคนสมัยก่อน หรือ คนที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องโภชนาการอะไร ซึ่งคนพวกนี้อีกหน่อยก็ล้มหายตายจากไป กลายเป็นคนรุ่นใหม่เกินขึ้นมาทดแทน คนพวกนี่นี้แหละ จะเป็นเจนต่อไปที่จะนำเทรนใหม่ ให้คนไทยกินหวานกันน้อยลง
พื้นฐานคนไทยชอบหวานครับ แต่ช่วงหลังคือรักสุขภาพเริ่มเยอะขึ้นครับ เลยจะเห็นคนที่ดื่มกาแฟแบบหวานน้อยหรือไม่หวานจะเยอะขึ้นครับ บางคนสั่งกาแฟยังกำกับว่าขอหวานตัดขาก็ยังมีครับ
ขอแย้งเรื่องการขับรถจากพี่ทีมนะครับ ผมว่าไม่ใช่แค่ในกทม.หรอก โอเคแหละกทม. ปริมณฑลเจอบ่อยสุด แต่การขับรถแบบนี้มีทุกที่ครับ 😂 นอกจากจะเป็นถนนสายรองที่อยู่ต่างจังหวัด หรือตามชานเมืองจริงๆ อันนี้ชิลจริง บางทีก็ชิลเกิ๊น 😅
คนในเมืองส่วนมากชอบกินรสหวานกว่า
คนอยู่ต่างจังหวัด คับ
ผมเป็นคนต่าง จังหวัดบ้านนอกบ้านนาเขาชอบกินรสไม่หวาน และไม่เปรี้ยวมาก แต่เน้นรสเผ็ดจัดจ้านมากกว่า
จิงๆ อยากให้หาข้อมูลหลายๆด้านมาตอบนะคะ จะได้ความเห็นกว้างๆ บางอันฟังแล้วไม้น่าจะใช่ทั้งหมด อาจทำให้คนเข้าใจผิดบางอย่าง บางอันอาจจะไม่ใช่ซักทีเดียว
เช่น ขับรถ ถึงแม้ตจว.จะขับชิว แต่ไม่เสมอไปนะค่ะ มีความหงุดหงิดบ้างเหมือนกัน และขับแบบไม่เป็นระเบียบ จะจอดคุยกันก็จอด จะเลี้ยวจะอะไร มักจะทำตามใจ แต่กท.จะขับเป็นระเบียบมากกว่ามากๆๆ เลยอยากให้หาข้อมูลหลายๆด้านมาจะดีกว่าเฉพาะของตัวเองค่ะ
เข็มขัด เพราะกระโปรงไม่มีห่าง มันเลยชอบหลุดลงมา เลยใช้ที่หนีบกัน
คนจะได้เข้าใจได้มากกว่า
หลายคำถามทั้งภาค 1และ2 น้องทีมและน้องซีเป็นเจน Y ที่ใช้ชีวิตในเมืองกรุงมาตังแต่เด็ก และในการทำงานก็คงไม่ค่อยได้สัมผัสวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกมามากนัก บางคำถามที่ยอนตั้งขึ้นเป็นเรื่องที่เขาเคยพบเห็นในวัฒนธรรมของเขามาจนชินแต่ไม่ใช่ที่ไทย ดังนั้นจึงมีความแปลกใจและไม่เข้าใจพฤติกรรมเหล่านั้น ผู้ตอบเองก็เข้าใจไม่ทั้งหมด ดังนั้นก็อยากจะเสริมในส่วนของคำตอบให้นะครับ
สิ่งที่เป็นพื้นฐานของคำถามเหล่านี้ บอกเลยว่ามันคือความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่หล่อหลอมมานานนมกันเลย...
- เกาหลี ทำสิ่งใดจริงจังมีความตั้งใจมุ่งมั่นแน่วแน่ มีขนบเคร่งครัดด้านลำดับขั้นอาวุโส ขนบเรื่องชายเป็นใหญ่ ขนบด้านการแบ่งชนชั้้นสังคมที่เปลี่ยนจากไพร่กับขุนนางมาเป็นด้านวัตถุนิยมวัดความสำเร็จจากอำนาจบารมีและสิ่งของที่ครอบครอง มีอัตตาสูงดังนั้นการพูดแสดงความคิดจึงตรงไปตรงมาไม่ค่อยสนใจจิตใจผู้อื่น การวางตัวจะระมัดระวังและสงวนท่าทีอยู่เสมอ
- ไทย ทำสิ่งใดจริงจังมีความตั้งใจมุ่งมั่นแต่ก็ถอดใจไม่ยาก มีขนบด้านลำดับขั้นอาวุโสหรือชายเป็นใหญ่แต่ไม่รุนแรง ขนบด้านการแบ่งชนชั้้นสังคมที่เปลี่ยนจากไพร่กับขุนนางมาเป็นด้านวัตถุนิยมวัดความสำเร็จจากการมีอำนาจบารมี รักศักดิ์ศรีหยิ่งทะนงตนแต่ไม่สงวนตัวตน คบหาง่ายยิ้มง่าย ยอมรับผู้มีความรู้ความสามารถ พูดจาสงวนท่าทีที่อาจสุภาพแต่ไม่ตรงกับใจ ชอบเล่นสนุกสนานงานรื่นเริง ถ้าเป็นชาวพุทธก็มักมีความเชื่อผูกโยงหลากหลายศาสนา
1.ทำไมคนไทยไปเที่ยวกันกลุ่มใหญ่และบางคนไม่คุ้นเคยกันมาก่อนก็พาไปด้วย
เพราะคนไทยไม่มีวัฒนธรรมเคร่งครัดด้านความเป็นส่วนตัวหรือการวางตัวตามลำดับชั้นทางสังคมหรือไว้ใจคนยาก ดังนั้นการไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ที่แม้ไม่ได้สนิทสนมกันทุกคนจึงเกิดขึ้นได้ ทุกคนมีมารยาททางสังคมที่จะประคองบรรยากาศของกลุ่มให้มีความสนุกไปด้วยกัน การยิ้้มง่ายคุยง่ายจึงสามารถสร้างเพื่อนใหม่ได้ไม่ยากด้วยเช่นกัน ซึ่งแตกต่างจากเกาหลีมากในการเลือกคบเพื่อนหรือสังคม
2.ทำไมเวลาขับรถแล้วใจร้อน ไม่ค่อยมีน้ำใจ
เพราะทุกคนต้องการเดินทางอย่างรวดเร็วและคนไทยเกลียดการถูกเอาเปรียบ เมื่อมีคนที่เริ่ม"ขับรถเอาเปรียบคนอื่น"แต่เรากลับแย้งหรือตำหนิไม่ได้(เพราะอยู่ในรถ) ดังนั้นมันจึงค่อยๆหล่อหลอมให้มีพฤติกรรม"ป้องกันไว้ก่อน" ขับขี่แบบไม่ยอมแพ้ ไม่ให้ทาง ไม่เปิดไฟสัญญาณล่วงหน้า เมื่อทำกันเกือบทุกคนจึงเป็นความบ้าคลั่งบนท้องถนนนอย่างที่เห็น บีบแตรเตือนสั้นๆยังจะหัวร้อนกันเลย ไม่ต้องถึงบีบแตรยาวด่าหรอก
3.ทำไมคนไทยใช้ X ในการกาเลือกตอบตัวเลือก แต่เกาหลีใช้เฉพาะ O เท่านั้น
Mutual understanding ของแต่ละวัฒนธรรม เกาหลี ญี่ปุ่น (จีนด้วยมั้ย?)ใช้สัญลักษณ์ O เพื่อเลือกและชี้บ่งว่านี่คือคำตอบ นี่คือถูกต้อง ส่วนของไทยใช้สัญลักษณ์ ✅ X บอกถูกหรือผิดตามแบบฝรั่งตะวันตก แต่เป็นกฏไม่ตายตัว ปัจจุบันหากมีช่องว่างให้เลือกคำตอบ สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ใช้ ✅ หรือ X เพื่อเลือกตัวเลือกนั้น การเลือกตั้งก็กำหนดให้ใช้กา X ให้เต็มช่องจึงจะเป็นบัตรดีนับเสียงได้
4.ทำไมคนไทยเอาเลขทะเบียนรถใหม่ไปซื้อหวย
ตอบเคลียร์ดีแล้ว เสริมว่าคนที่จะซื้อหวยเขาจะสามารถเชื่อมโยงหาเลขได้จากทุกเรื่องรอบๆตัว
5.ทำไมเครื่องดื่มเย็นของไทยทำรสหวานเสมอ
ตอบเคลียร์ดีแล้ว
6.ทำไมคนไทยตั้งภาพหน้าจอเกี่ยวกับการเสริมดวง(Horoscope)
สิ่งที่ยอนเจอเยอะจนมาตั้งคำถาม เป็นเฉพาะผู้เกี่ยวข้องรอบๆตัวไม่ใช่บรรทัดฐานคนไทย แต่ก็อธิบายได้ตามที่น้องๆตอบ รวมถึงเรื่องเลขมงคลต่างๆนั่นด้วย เป็นได้ทั้งความสนุกและเชื่ออย่างจริงจัง
7.ทำไมนักเรียนนักศึกษาหญิงนิยมใช้คลิปตัวใหญ่หนีบเข็มขัด
ตอบเคลียร์ดีแล้ว เสริมว่าที่คนเกาหลีไม่ทำเพราะเป็นเรื่องที่จะถูกล้อเลียนได้ง่าย ถ้าเข็มขัดชำรุดก็ซ่อมหรือซื้อใหม่เลย
ไปเที่ยวเป็นกลุ่มเวลากินจะได้สั่งได้หลายๆเมนู จะได้กินเยอะๆหลากหลาย อร่อยและสนุกกว่าเยอะและได้รู้จักเพื่อนใหม่ด้วย เพื่อนของเพื่อนก็น่าจะสนิทกันง่ายเพราะถ้าเขาเป็นเพื่อนกับเพื่อนเราได้ ศีลก็น่าจะเสมอกัน
รู้สึกว่าคุณซีตอบคำถามตรงมากค่ะ อย่างน้อยก็ตรงกับเรา5555555
จริงๆ ที่หนีบกระดาษหนีบเพราะกระโปรงไม่มีหูกางเกงไว้ใส่เข็มขัดนะคะ ถ้าไม่หนีบไว้เข็มขัดจะเคลื่อน หัวเข็มขัดจะไม่อยู่ด้านหน้า อาจจะไปอยู่ข้างๆ หรือวนไปด้านหลังเลย เลยต้องหนีบเอาไว้
มีเรื่องกาแฟมาแลกเปลี่ยนครับ
สมัยก่อนกาแฟที่คนไทยดื่ม จะเป็นคั่วเข้ม smoky มาก ๆ รสชาติจะขมมาก ๆ แต่อมเปรี้ยวหน่อย ๆ
ก็เลยต้องใส่นมข้นเยอะ เพิ่มน้ำตาล เพราะคนไทยติดรสหวาน
กาแฟโบราณก็เลยจะมีกลิ่นไหม้แต่หวาน เป็นรสชาติของคนไทยวัย babyboom genX และ ต้น genY บางส่วนจะเข้าใจครับ
คุณยอนน่ารักขึ้นนะ
ผู้หญิงไทยตอบดีมาก เรื่องดวง ศาสนาพุทธไม่สอนให้เชื่อเรื่องพวกนี้
กาแฟหวาน ใส่ไซรัป ส่วนมากเมนูเย็นจะใส่ให้เลย ส่วนกาแฟร้อนที่เป็นร้านกาแฟแบบคาเฟ่ เค้าจะไม่ใส่
โตขึ้นนิดนึง ดูเป็นสาวมากขึ้นเลยน้าา
แม่เพื่อนก็เหมือนแม่เรา ในกลุ่มเขาจะเรียกแม่กันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแม่ใครของเพื่อน