คำตอบคือ: หน้าสัมผัสจะทำการตัดต่อตามปกติเลยครับ จากการรับไปที่เข้ามาที่คอยล์รีเลย์ ขา13-14 แต่จะไม่มีแหล่งจ่ายที่จะส่งแรงดัน ไปถึงขา NO และ NC ครับ โหลดก็จะไม่สามารถทำงานได้ตามเงื่อนไขครับ เราต้องหาแหล่งจ่าย (จะเป็น AC หรือ DC ขึ้นอยู่กับโหลดที่จะนำไปต่อใช้) เข้าไปที่ขา common ด้วยครับ
ขึ้นอยู่กับชนิดของรีเลย์ครับ ว่าเป็นรีเลย์ชนิด ac หรือ dc แต่ชนิดที่สอนในคลิปเป็น รีเลย์ชนิด 220v ac และสำหรับ AC นั้นก็จะมีอีก 12vac / 24vac ครับ นิยมใช้กับโหลดที่อยู่ในพื้นที่ชื้น และเสี่ยงต่อการเกิดไฟรั่ว จึงจำเป็นต้องลดแรงดันลงเพื่อความปลอดภัยครับ
หากเป็นประโยชน์ ขอกำลังใจให้คนละ 1Like👍 1Subscibe นะครับ เพื่อให้ผมทำเนื้อหาที่มีประโยชน์มาให้ความรู้เรื่อยๆนะครับ 🙏
ขอบคุณมากครับ
ยินดีครับ
อธิบายเข้าใจง่ายมากครับพี่ สุดยอด
ขอบคุณครับ
ทำเรื่อยๆน่ะครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับพี่ ได้ความรู้ก่อนเข้าห้องเรียนครับ วันนี้ผมกำลังจะเรียนเรื่องนี้อยู่พอดีครับ😊
ยินดีครับ
เข้าใจง่าย ขอบคุณครับ
ยินดีครับ❤
เยี่ยมเลยครับ
ขอบคุณครับ
Thank you ❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
ยินดีครับ
ขอชื่นชมอาจารย์ในการเตรียมอุปกรณ์ในการสอน และคำอธิบายชัดเจน.. ครับ
อาจารย์ครับ.. การนำรีเลย์ไปต่อกับแมกเนติกคอนแทคเตอร์คอนแทคเตอร์ในวงจรสลับไฟสองแหล่งจ่าย ขอคำแนะนำว่าควรใช้ Omron รุ่นใด.. ครับ
อุปกรณ์ที่จะเลือกใช้ หมายถึง รีเลย์ หรือ แมคเนติค ครับ
ถ้าใช้ C9 แล้วหลอดเขียว ใช้ NO(5)
แล้วหลอดแดง เราใช้ NC(1) ได้มั้ยครับ ไม่ต้องย้ายไป NC(3)
หากต่อขา com ที่ขั้ว 9 ก็สามารถใช้ nc ขั้ว1 ได้เลยครับ
ที่ตัวอย่าง ต่อหลอดแดงที่ nc 3 เพราะว่าผมต่อ com ที่ขั้ว11 ไว้แล้วครับ สังเกตดูผมพ่วงจากขั้ว9 มาครับ 😊
ไม่ต่อไฟ(L) เข้า Common , ต่อไฟเข้าที่จุด 13(L) ,14(N) อย่างเดียว , เมื่อเปิดปิดสวิทช์จ่ายไฟ (13) , การตัดต่อของหน้าสัมผัส NO และ NC ยังทำงานได้ตามปรกติหรือเปล่าครับ (ในกรณีนี้ เพื่อต้องการใช้ relay เฉพาะในการตัดต่อวงจร โดยไม่ต้องการกระแสไฟฟ้า เช่น การกดเปิดปิดประตูรั้วรีโมท)
คำตอบคือ: หน้าสัมผัสจะทำการตัดต่อตามปกติเลยครับ จากการรับไปที่เข้ามาที่คอยล์รีเลย์ ขา13-14
แต่จะไม่มีแหล่งจ่ายที่จะส่งแรงดัน ไปถึงขา NO และ NC ครับ โหลดก็จะไม่สามารถทำงานได้ตามเงื่อนไขครับ เราต้องหาแหล่งจ่าย (จะเป็น AC หรือ DC ขึ้นอยู่กับโหลดที่จะนำไปต่อใช้) เข้าไปที่ขา common ด้วยครับ
ต้องป้อนไฟac หรือdc เมื่อเทสดีเสรยครับ เป็นประโยน์ชมาก สำหรีบผู้เรียนรู้แรกเริ่มคีบ
ขึ้นอยู่กับชนิดของรีเลย์ครับ ว่าเป็นรีเลย์ชนิด ac หรือ dc แต่ชนิดที่สอนในคลิปเป็น รีเลย์ชนิด 220v ac และสำหรับ AC นั้นก็จะมีอีก 12vac / 24vac ครับ
นิยมใช้กับโหลดที่อยู่ในพื้นที่ชื้น และเสี่ยงต่อการเกิดไฟรั่ว จึงจำเป็นต้องลดแรงดันลงเพื่อความปลอดภัยครับ
สอนแบบนี้เข้าใจง่ายดีครับ
เบคเกอขาวอีกตัวคืออะไรสังเกตุเห็นต่อเข้าทังเมนหลักและลีเร
ลูกเซอร์กิตสีขาว จะเป็นการเปรียบเทียบ เมนอีกชุดหนึ่งที่จ่ายเข้าขา com เพื่อควบคุมชุด "หน้าสัมผัส" ของรีเลย์ครับ ไปออก no/nc (ที่จ่ายไปหลอดไฟ)
ส่วนเบรกเกอร์ลูกดำ ควบคุม "ชุดคอยล์" ของรีเลย์ครับ
ผมจะแยกเป็น2ส่วนควบคุม เพื่อให้เขาใจว่า รีเลย์มี2ส่วน นั่นก็คือ
1. หน้าสัมผัสคอยล์
2. เข้าขา com และไปออก NO / NC เพื่อไปหลอด (โหลด) นั่นเองครับ
อาจารย์ครับถ้าเราใช้ ดีประ้ภทชนิดเดียวกัน รวม2 ตัวต่อขนานกัน ได้ไหมครับ..เพราะว่าไฟขาเข้าที่ไปเลี้ยงคอยนั้น😊..มีมา 36-40 โวล ครับ
สามารถทำได้ครับ เหมือนเป็นการเพิ่มหน้าคอนแทค ให้นำไปใช้กับโหลดได้ได้จำนวนที่มากขึ้น แต่ต้องใช้รีเลย์ให้ถูกประเภท และขนาดด้วยนะครับ และต้องดูแหล่งจ่ายด้วย ว่ากี่ vac และรีเลย์ที่จะต่อ คอยล์ของมันนั้น ทนแรงดัน กี่ vac ครับ ให้ถูกประเภทกัน
สามารถทำได้ครับ
สุดยอดครับพี่อธิบายได้เข้าใจมากเลยครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ได้ทวนความรู้ไปสอบบรรจุพนักงานไฟฟ้าพอดีเลย
ขอให้สำเร็จตามที่มุ่งหวังตั้งใจนะครับ ❤
รีเลย์หลักและรีเลย์ช่วยต่างกันอย่างไรครับ
ต่างกันที่ตำแหน่งการจัดวางในวงจร หรือ ขนาดของตัวรีเลย์ และ จุดประสงค์ของ การที่เราเลือกจะที่จะ นำมันไปใช้ควบคุมอะไร หรือ จะให้มันไปเป็นตัวช่วยเพิ่มหน้าสัมผัสของอุปกรณ์ตัวใดๆ ตามต้องการครับ แต่กลไกต่างๆเหมือนกันเกือบทั้งหมดครับผม
@@MrTSP-mr2dl ขอบคุณครับ
@@user-et9vb4ht1z ยินดีครับ