Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
2:21
คนมีเงินมีฐานะซื้อได้แน่ๆ...เราซื้อไม่ได้ซื้อเทปคาสเซทฟังแทน
ไม่มีอะไรตกยุค แค่ไม่นิยม
เล่นแผ่นเสียงไม่ยากครับ เครื่องเริ่มต้นราคาไม่แพง งานจีนมีขายอยู่ประมาณพันกว่าบาท แต่ปัญหาใหญ่คือตัวแผ่นเสียงที่จะเอามาฟังแผ่นเพลงไทยที่ผลิตออกมาใหม่ราคาหลักพัน แผ่นไหนวัยรุ่นนิยมก็จะไปถึง 3,000 - 4,000แผ่นงานเก่าถ้าเป็นแผ่นเพลงไทยยุค 90 ยังไม่ไหม้ก็ต้องมี 400-500 ถ้าเป็นเพลงที่เราคุ้นหูอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นแผ่นหัวหัวที่นักเล่นสะสมกัน บางแผ่นราคาเป็นพันแผ่นร้อยกว่าบาทก็พอมี อยากจะเจอกับเพลงที่คุณไม่ได้อยากฟัง ฟังแล้วไม่ชอบ พวกเพลงลูกทุ่ง เนื้อเพลงฝรั่งที่ไม่ได้เป็นที่นิยมอย่างแรกควรต้องดูก่อนว่าเราชอบฟังเพลงแนวไหน ศึกษาราคาตลาดเอาไว้สักหน่อย จะได้เตรียมใจหาเงินมาซื้อแผ่นครับเข้าวงการนี้ ยังไงค่าแผ่นทะลุแซงค่าเครื่องแน่นอน
แผ่นเสียงคือของเล่นคนมีอันจะกินครับ จบ
เพราะเเผ่น 80s เเละ 90s มีทุกรีมิกซ์ ซึ่งใน spotify มีไม่ครบ อันนี้น้าหมายถึงเเผ่น ซิ่งเกิ้ล12 inch นะ ไม่ใช่ LP คนชอบคิดว่าชิ้งเกิ้ล12นิ้วเฉพาะดีเจเล่น ไม่ใช่ คนฟังเพลงที่ชอบมือรีมิกส์ชอบโปรดิวเซอร ก็จะชอบตามเก็บ ข้อคิดคือเเผ่น อัลบั้ม Longplay reissue ตลอด เเต่เเผ่นชิ้งเกิ้ลเเทบจะไม่เคยรีเรย
ไม่ตก เเต่เเผ่นที่ฝลิตออกมารุ่นไหม่ เสียง เฮียกมากกก ยกเว้นเเผ่น mofi เเละ audiofile cd สิ ทุกคนมองข้าม ต่างปเทส remaster กันกะจุย เสียงดีมากกก
เสียงเฮียกเพราะเอา mp3 128kbps 16bit 44.1Khz มาตัดแผ่นใช่ป่าว เพลงเก่าตัดจากเทปรีลดีสุด เพลงใหม่ต้อง pcm 24bit 96Khz เป็นอย่างน้อย
มันเหมือนกล้องฟิล์ม😅😅😅
ไม่ใช่ครับ แผ่นเสียงเป็นระบบอนาลอค การถ่ายทอดเสียงต้องระบบนี้เท่านั้นเสียงถึงดีไม่มีตกยุคแต่คนเล่นน้อยเพราะแผ่นแพง เครื่องเสียงแพง มีความจำกัดด้านราคา ส่วนนักฟังเพลงจริงๆเขาไม่สนใจเรื่องราคา
ฟิล์มคือ อนาลอค แผ่นเสียงก็อนาลอค แต่ต้นฉบับที่มาอัดแผ่นก็ต้องอนาลอคด้วย จึงจะดีที่สุด
ต้องใช้คำว่ากระแดะนั่นแหละครับ ลองฟังแผ่นเสียง คุณภาพเสียงแย่มาก ทนฟังไม่ยังไง
ยังไงครับ คุณภาพแผ่นเสียงดีกว่าเยอะครับ
มีคนบอกว่าแผ่นเสียงเสียงเฮียก ทนฟังกันได้ไง แสดงว่าเขายังไม่เคยฟังปั๊มแรก ด้วยเครื่องเสียงดีๆ เพราะเฮียกไม่เฮียก มันอยู่ที่....-มาสเตอร์ที่ใช้ เสียงดีเป็นธรรมชาติมั้ย ถ้าเจอเอาไฟล์ mp3 ประเทืองมาตัดแผ่นเสียง ก็เสียงแย่กว่าฟัง mp3 โดยตรงครับ มาสเตอร์ดีที่สุดจะเป็นเทปรีลอนาลอค สปีด 15นิ้ว/วิ 30นิ้ว/วิ -สภาพแผ่นสวยสะอาด ไร้รอยมั้ย -สปีดหมุน ยิ่งมากยิ่งเสียงดี 45 รอบต่อนาที เสียงดีกว่า 33 1/3 รอบต่อนาที -คุณภาพหัวเข็ม คุณภาพเทิร์น คุณภาพสายสัญญาณ คุณภาพปรีแอมป์ เพาเวอร์แอมป์ ลำโพง ห้องฟัง ทุกอย่างมีผลหมด-เดินสายหัวเข็มแบบ Balanced และใช้ Differential ปรีแอมป์ จะไร้น๊อยส์และให้ความสะอาดของเสียงดีกว่าแบบ Unbalance ธรรมดา
มันดีกว่า sacd dsd ไหม
ถ้าหากอ้างอิง รายละเอียดเสียง ทั้งระดับความดัง แผ่นเสียงมันมีข้อจำกัดในการทำ ถ้าหากเพลงมีเสียงดังมากเกินไป(ส่งผลให้ระดับเสียงเบาสุดกับมากสุดมีหลายระดับมากเกินไป) เพลงเร็วมากไป ก็ทำลงแผ่นเสียงได้ยาก แม้ทำได้ แต่รายละเอียดอาจหายไป เพราะ ข้อจำกัดการบันทึกลงในแผ่นเสียง ดังนั้น เพลงที่มีปัญหาที่ว่า ถ้าเทียบแผ่นเสียง กับพวก dsd จะเห็นว่า dsd จะดีกว่า ในส่วนรายละเอียดเสียง แต่ถ้ากรณี เพลงช้า ๆ และระดับเสียง ที่มีในเพลงไม่ดังมากไป แบบแผ่นเสียง อาจจะฟังได้สบายหูกว่า เพราะ แผ่นเสียงเป็น analog แต่รายละเอียดเสียง อาจจะไม่สู้พวก dsd แต่หูมนุษย์อาจจะแยกไม่ออกถ้าเทียบหลาย ๆ อย่างDSD มีข้อดีกว่า คือ สามารถอัดเพลงที่มีคุณสมบัติตามนี้ได้- รายละเอียดเสียงเยอะมาก ๆ - ระดับเสียงที่แตกต่างกันหลายระดับ อย่างเพลงที่มีเสียงดังมาก ๆ และ ค่อยมาก ๆ ในเพลงเดียว- เพลงเร็วDsd มีข้อเสีย คือ หากตัว DAC ที่ใช้ไม่ดีพอ หากไปเทียบกับแผ่นเสียงในเพลง ที่เหมาะกับการบันทึกลงแผ่นเสียง ผลลัพธ์ที่ได้ เสียงที่ได้ยินจากแผ่นเสียงอาจจะดีกว่าก็ได้ สรุป dsd นั้นมีขีดจำกัดในการบันทึกรายละเอียดเสียง รวมถึงระดับความดังสูงกว่า แผ่นเสียงแน่ ๆ ทำให้สามารถบันทึกเสียงได้ทุกแบบ ไม่มีข้อจำกัดแบบแผ่นเสียง แต่หากเพลงที่บันทึก ไม่เกินขีดจำกัดของแผ่นเสียง เสียงที่ได้ยินจากแผ่นเสียง เมื่อเทียบกับเสียงที่มาจาก dsd อาจจะไม่เห็นความแตกต่างชัดเจน อารมณ์แบบ สมมติรถ DSD มีความเร็วสูงสุด 400 km/hrรถ แผ่นเสียง มีความเร็วสูงสุด 200 km/hrกำหนดให้ทั้ง 2 คันมี spec ทุกอย่างเหมือนกัน ต่างกันแค่ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ พอ 2 คันนี้ไปแข่งกัน บนถนนที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 80 km/hr สุดท้าย ทั้ง 2 คันก็ถึงเส้นชัยพร้อมกัน เพราะ ถึงแม้ รถ dsd จะมีความเร็วสูงสุด มากกว่าก็จริง แต่ดันโดนจำกัดความเร็ว มันเลยรัดเอาประสิทธิภาพสูงสุดของ รถ dsd มาไม่ได้
digital ต่อให้เพิ่มความละเอียดมากมายขนาดไหน ก็ยังไม่พ้นการต้องใช้ความถี่พัลส์แซมปลิ้ง สุ่ม(44.1-48-96-192) Khz ซอยแบ่งรูปคลื่นเสียงอนาลอกออกมาเป็นชิ้นส่วน เพื่อวัดระดับแรงดันของแต่ละชิ้นส่วนว่าจะ 0 หรือ +12 หรือ -10 แล้วนำค่าที่วัดแปลงออกมาเป็นเลขฐาน2 (16-24-32-64)Bits ก็ยังมีความผิดเพี้ยนจากการซอยแบ่งนี้ แต่อนาลอคไม่ต้องซอยแบ่ง การบันทึกและเล่นกลับเสียงอนาลอคให้ได้คุณภาพสูง จะขึ้นอยู่กับความเร็วแทร็ก (เทป/ร่องไวนีล) และความกว้างแทร็กบนเทป ยิ่งกว้าง ความเข้มข้นของฟลั๊กแม่เหล็กที่บันทึกยิ่งมาก รวมถึงสารแม่เหล็กที่ใช้ฉาบบนเส้นเทป (อ๊อกไซด์สนิม-โครม-เมทัล ) สารที่ให้เสียงดีที่สุดคือ เมทัล รองลงมาคือโครมเมี่ยม ส่วนสนิมจะให้คุณภาพเสียงด้อยสุด(เทปเพลงที่ขายตามท้องตลาด จะเป็นชนิดอ๊อกไซสนิมธรรมดา มีบางค่ายที่ทำอัลบั้มเทปโครมเมี่ยม และเมทัลออกมา) ส่วนความเร็วแทร็ก ก็จะมีผลต่อคุณภาพเสียง โดยเทป หรือแผ่นเสียง ยิ่งวิ่งเร็ว ก็ยิงให้เสียงที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็ต้องไม่เร็วมากเกินจนทำให้สิ้นเปลืองต้นทุนการผลิต เราคงไม่โอเค หากจะต้องซื้อแผ่นเสียง 12 นิ้ว แต่บันทึกได้เพียวหน้าละ 1 เพลงเท่านั้น เพียงเพื่อแลกกับคุณภาพเสียงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งความเร็วรอบ 33 1/3 rpm ก็ให้คุณภาพเสียงดีกว่าเทปคาสเซ็ทแบบเมทัล แบบรู้สึกได้ มันรองรับบีทเพลงเร็วๆได้สบายมาก (ขนาดเทปคาสเซ็ทวิ่งช้าๆ ยังบันทึกเพลงจังหวะเร็วมากๆได้เลย) มียุคหนึ่งที่ห้องอัดมิกซ์ดาวน์ 2แทร็กใส่ในเทปดิจิตัล DAT (24Bit 48Khz) คุณภาพเสียงของ DAT ดีกว่า CD ไม่มากนัก ใช้ DAT อยู่ประมาณ 5 ปี จากนั้นStudioก็เข้าสู่ยุคของ PCM 24Bit 192Khz เป็นไฟล์Masterเสียง Stereo ไม่บีบอัด ให้เสียงที่ดีกว่า DAT หลายเท่า มาจนปัจจุบัน แต่ต้นฉบับที่ดีที่สุด ธรรมชาติที่สุด ก็คือเทปรีลอนาลอค สปีด 30 นิ้ว/วินาที
อนาลอค แผ่นเสียงปั๊มแรก หรือ เทปรีลสปีด 15นิ้ว หรือ 30นิ้ว ดีกว่าดิจิตอลทุกตัวครับ
ไม่มีทาง เทคโนโลยียุคนี้ทำไห้เสียงดีกว่ามาก ใช่ถ้าเป็นชีดียุคเก่าเก่าสักสิบห้าปีที่เเล้ว เสียงเเห้งไม่มีได้เมนชัุ่น
ซีดีดีกว่า
แสดงว่ายังไม่เคยฟังแผ่นกับเครื่องดีๆ ลำโพงดีๆ
2:21
คนมีเงินมีฐานะซื้อได้แน่ๆ...เราซื้อไม่ได้ซื้อเทปคาสเซทฟังแทน
ไม่มีอะไรตกยุค แค่ไม่นิยม
เล่นแผ่นเสียงไม่ยากครับ เครื่องเริ่มต้นราคาไม่แพง งานจีนมีขายอยู่ประมาณพันกว่าบาท แต่ปัญหาใหญ่คือตัวแผ่นเสียงที่จะเอามาฟัง
แผ่นเพลงไทยที่ผลิตออกมาใหม่ราคาหลักพัน แผ่นไหนวัยรุ่นนิยมก็จะไปถึง 3,000 - 4,000
แผ่นงานเก่าถ้าเป็นแผ่นเพลงไทยยุค 90 ยังไม่ไหม้ก็ต้องมี 400-500 ถ้าเป็นเพลงที่เราคุ้นหูอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นแผ่นหัวหัวที่นักเล่นสะสมกัน บางแผ่นราคาเป็นพัน
แผ่นร้อยกว่าบาทก็พอมี อยากจะเจอกับเพลงที่คุณไม่ได้อยากฟัง ฟังแล้วไม่ชอบ พวกเพลงลูกทุ่ง เนื้อเพลงฝรั่งที่ไม่ได้เป็นที่นิยม
อย่างแรกควรต้องดูก่อนว่าเราชอบฟังเพลงแนวไหน ศึกษาราคาตลาดเอาไว้สักหน่อย จะได้เตรียมใจหาเงินมาซื้อแผ่นครับ
เข้าวงการนี้ ยังไงค่าแผ่นทะลุแซงค่าเครื่องแน่นอน
แผ่นเสียงคือของเล่นคนมีอันจะกินครับ จบ
เพราะเเผ่น 80s เเละ 90s มีทุกรีมิกซ์ ซึ่งใน spotify มีไม่ครบ อันนี้น้าหมายถึงเเผ่น ซิ่งเกิ้ล12 inch นะ ไม่ใช่ LP คนชอบคิดว่าชิ้งเกิ้ล12นิ้วเฉพาะดีเจเล่น ไม่ใช่ คนฟังเพลงที่ชอบมือรีมิกส์ชอบโปรดิวเซอร ก็จะชอบตามเก็บ ข้อคิดคือเเผ่น อัลบั้ม Longplay reissue ตลอด เเต่เเผ่นชิ้งเกิ้ลเเทบจะไม่เคยรีเรย
ไม่ตก เเต่เเผ่นที่ฝลิตออกมารุ่นไหม่ เสียง เฮียกมากกก ยกเว้นเเผ่น mofi เเละ audiofile cd สิ ทุกคนมองข้าม ต่างปเทส remaster กันกะจุย เสียงดีมากกก
เสียงเฮียกเพราะเอา mp3 128kbps 16bit 44.1Khz มาตัดแผ่นใช่ป่าว เพลงเก่าตัดจากเทปรีลดีสุด เพลงใหม่ต้อง pcm 24bit 96Khz เป็นอย่างน้อย
มันเหมือนกล้องฟิล์ม😅😅😅
ไม่ใช่ครับ แผ่นเสียงเป็นระบบอนาลอค การถ่ายทอดเสียงต้องระบบนี้เท่านั้นเสียงถึงดีไม่มีตกยุคแต่คนเล่นน้อยเพราะแผ่นแพง เครื่องเสียงแพง มีความจำกัดด้านราคา ส่วนนักฟังเพลงจริงๆเขาไม่สนใจเรื่องราคา
ฟิล์มคือ อนาลอค แผ่นเสียงก็อนาลอค แต่ต้นฉบับที่มาอัดแผ่นก็ต้องอนาลอคด้วย จึงจะดีที่สุด
ต้องใช้คำว่ากระแดะนั่นแหละครับ ลองฟังแผ่นเสียง คุณภาพเสียงแย่มาก ทนฟังไม่ยังไง
ยังไงครับ คุณภาพแผ่นเสียงดีกว่าเยอะครับ
มีคนบอกว่าแผ่นเสียงเสียงเฮียก ทนฟังกันได้ไง แสดงว่าเขายังไม่เคยฟังปั๊มแรก ด้วยเครื่องเสียงดีๆ เพราะเฮียกไม่เฮียก มันอยู่ที่....
-มาสเตอร์ที่ใช้ เสียงดีเป็นธรรมชาติมั้ย ถ้าเจอเอาไฟล์ mp3 ประเทืองมาตัดแผ่นเสียง ก็เสียงแย่กว่าฟัง mp3 โดยตรงครับ มาสเตอร์ดีที่สุดจะเป็นเทปรีลอนาลอค สปีด 15นิ้ว/วิ 30นิ้ว/วิ
-สภาพแผ่นสวยสะอาด ไร้รอยมั้ย
-สปีดหมุน ยิ่งมากยิ่งเสียงดี 45 รอบต่อนาที เสียงดีกว่า 33 1/3 รอบต่อนาที
-คุณภาพหัวเข็ม คุณภาพเทิร์น คุณภาพสายสัญญาณ คุณภาพปรีแอมป์ เพาเวอร์แอมป์ ลำโพง ห้องฟัง ทุกอย่างมีผลหมด
-เดินสายหัวเข็มแบบ Balanced และใช้ Differential ปรีแอมป์ จะไร้น๊อยส์และให้ความสะอาดของเสียงดีกว่าแบบ Unbalance ธรรมดา
มันดีกว่า sacd dsd ไหม
ถ้าหากอ้างอิง รายละเอียดเสียง ทั้งระดับความดัง แผ่นเสียงมันมีข้อจำกัดในการทำ ถ้าหากเพลงมีเสียงดังมากเกินไป(ส่งผลให้ระดับเสียงเบาสุดกับมากสุดมีหลายระดับมากเกินไป) เพลงเร็วมากไป ก็ทำลงแผ่นเสียงได้ยาก แม้ทำได้ แต่รายละเอียดอาจหายไป เพราะ ข้อจำกัดการบันทึกลงในแผ่นเสียง
ดังนั้น เพลงที่มีปัญหาที่ว่า ถ้าเทียบแผ่นเสียง กับพวก dsd จะเห็นว่า dsd จะดีกว่า ในส่วนรายละเอียดเสียง
แต่ถ้ากรณี เพลงช้า ๆ และระดับเสียง ที่มีในเพลงไม่ดังมากไป แบบแผ่นเสียง อาจจะฟังได้สบายหูกว่า เพราะ แผ่นเสียงเป็น analog
แต่รายละเอียดเสียง อาจจะไม่สู้พวก dsd แต่หูมนุษย์อาจจะแยกไม่ออก
ถ้าเทียบหลาย ๆ อย่าง
DSD มีข้อดีกว่า คือ สามารถอัดเพลงที่มีคุณสมบัติตามนี้ได้
- รายละเอียดเสียงเยอะมาก ๆ
- ระดับเสียงที่แตกต่างกันหลายระดับ อย่างเพลงที่มีเสียงดังมาก ๆ และ ค่อยมาก ๆ ในเพลงเดียว
- เพลงเร็ว
Dsd มีข้อเสีย คือ หากตัว DAC ที่ใช้ไม่ดีพอ หากไปเทียบกับแผ่นเสียงในเพลง ที่เหมาะกับการบันทึกลงแผ่นเสียง ผลลัพธ์ที่ได้ เสียงที่ได้ยินจากแผ่นเสียงอาจจะดีกว่าก็ได้
สรุป dsd นั้นมีขีดจำกัดในการบันทึกรายละเอียดเสียง รวมถึงระดับความดังสูงกว่า แผ่นเสียงแน่ ๆ ทำให้สามารถบันทึกเสียงได้ทุกแบบ ไม่มีข้อจำกัดแบบแผ่นเสียง
แต่หากเพลงที่บันทึก ไม่เกินขีดจำกัดของแผ่นเสียง เสียงที่ได้ยินจากแผ่นเสียง เมื่อเทียบกับเสียงที่มาจาก dsd อาจจะไม่เห็นความแตกต่างชัดเจน
อารมณ์แบบ สมมติ
รถ DSD มีความเร็วสูงสุด 400 km/hr
รถ แผ่นเสียง มีความเร็วสูงสุด 200 km/hr
กำหนดให้ทั้ง 2 คันมี spec ทุกอย่างเหมือนกัน ต่างกันแค่ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้
พอ 2 คันนี้ไปแข่งกัน บนถนนที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 80 km/hr
สุดท้าย ทั้ง 2 คันก็ถึงเส้นชัยพร้อมกัน เพราะ ถึงแม้ รถ dsd จะมีความเร็วสูงสุด มากกว่าก็จริง แต่ดันโดนจำกัดความเร็ว มันเลยรัดเอาประสิทธิภาพสูงสุดของ รถ dsd มาไม่ได้
digital ต่อให้เพิ่มความละเอียดมากมายขนาดไหน ก็ยังไม่พ้นการต้องใช้ความถี่พัลส์แซมปลิ้ง สุ่ม(44.1-48-96-192) Khz ซอยแบ่งรูปคลื่นเสียงอนาลอกออกมาเป็นชิ้นส่วน เพื่อวัดระดับแรงดันของแต่ละชิ้นส่วนว่าจะ 0 หรือ +12 หรือ -10 แล้วนำค่าที่วัดแปลงออกมาเป็นเลขฐาน2 (16-24-32-64)Bits ก็ยังมีความผิดเพี้ยนจากการซอยแบ่งนี้ แต่อนาลอคไม่ต้องซอยแบ่ง การบันทึกและเล่นกลับเสียงอนาลอคให้ได้คุณภาพสูง จะขึ้นอยู่กับความเร็วแทร็ก (เทป/ร่องไวนีล) และความกว้างแทร็กบนเทป ยิ่งกว้าง ความเข้มข้นของฟลั๊กแม่เหล็กที่บันทึกยิ่งมาก รวมถึงสารแม่เหล็กที่ใช้ฉาบบนเส้นเทป (อ๊อกไซด์สนิม-โครม-เมทัล ) สารที่ให้เสียงดีที่สุดคือ เมทัล รองลงมาคือโครมเมี่ยม ส่วนสนิมจะให้คุณภาพเสียงด้อยสุด(เทปเพลงที่ขายตามท้องตลาด จะเป็นชนิดอ๊อกไซสนิมธรรมดา มีบางค่ายที่ทำอัลบั้มเทปโครมเมี่ยม และเมทัลออกมา) ส่วนความเร็วแทร็ก ก็จะมีผลต่อคุณภาพเสียง โดยเทป หรือแผ่นเสียง ยิ่งวิ่งเร็ว ก็ยิงให้เสียงที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็ต้องไม่เร็วมากเกินจนทำให้สิ้นเปลืองต้นทุนการผลิต เราคงไม่โอเค หากจะต้องซื้อแผ่นเสียง 12 นิ้ว แต่บันทึกได้เพียวหน้าละ 1 เพลงเท่านั้น เพียงเพื่อแลกกับคุณภาพเสียงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งความเร็วรอบ 33 1/3 rpm ก็ให้คุณภาพเสียงดีกว่าเทปคาสเซ็ทแบบเมทัล แบบรู้สึกได้ มันรองรับบีทเพลงเร็วๆได้สบายมาก (ขนาดเทปคาสเซ็ทวิ่งช้าๆ ยังบันทึกเพลงจังหวะเร็วมากๆได้เลย) มียุคหนึ่งที่ห้องอัดมิกซ์ดาวน์ 2แทร็กใส่ในเทปดิจิตัล DAT (24Bit 48Khz) คุณภาพเสียงของ DAT ดีกว่า CD ไม่มากนัก ใช้ DAT อยู่ประมาณ 5 ปี จากนั้นStudioก็เข้าสู่ยุคของ PCM 24Bit 192Khz เป็นไฟล์Masterเสียง Stereo ไม่บีบอัด ให้เสียงที่ดีกว่า DAT หลายเท่า มาจนปัจจุบัน แต่ต้นฉบับที่ดีที่สุด ธรรมชาติที่สุด ก็คือเทปรีลอนาลอค สปีด 30 นิ้ว/วินาที
อนาลอค แผ่นเสียงปั๊มแรก หรือ เทปรีลสปีด 15นิ้ว หรือ 30นิ้ว ดีกว่าดิจิตอลทุกตัวครับ
ไม่มีทาง เทคโนโลยียุคนี้ทำไห้เสียงดีกว่ามาก ใช่ถ้าเป็นชีดียุคเก่าเก่าสักสิบห้าปีที่เเล้ว เสียงเเห้งไม่มีได้เมนชัุ่น
ซีดีดีกว่า
แสดงว่ายังไม่เคยฟังแผ่นกับเครื่องดีๆ ลำโพงดีๆ