เปิดประวัติเฮดโค้ชทีมชาติไทย มาซาทาดะ อิชิอิ อดีตพนักงานโรงอาหาร สู่การพาทีมชาติไทยสานฝันฟุตบอลโลก
Вставка
- Опубліковано 2 жов 2024
- @InspiredStyleท่านอ๋อง
สำหรับวันนี้ครับ ผมจะพาเพื่อนๆทุกท่านไปทำความรู้จักแบบเจาะลึกจัดเต็ม เจาะประวัติกับหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยของเราคนปัจจุบันครับ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น อาโน...มาซาทาดะ อิชิอิ คนนี้แหละครับ ซึ่งใครจะไปคิดครับว่าเฮดโค้ชผู้เคยประสบความสำเร็จมาอย่างมากมายทั้งในประเทศญี่ปุ่น และในประเทศไทยผู้นี้ จะเคยผ่านประสบการณ์อันน่าทึ่ง ด้วยการเคยไปทำงานเป็นพนักงานในโรงอาหารประจำเมือง เพื่อส่งอาหารไปตามโรงเรียนต่างๆอยู่พักหนึ่ง ซึ่งเหตุผลที่ไปทำก็คือ เพื่อที่จะได้อยู่ดูแลครอบครัวและใช้เวลากับลูกสาวให้มากที่สุด แปลกมั้ยล่ะครับ ไปๆมาๆครับตอนนี้กลับกลายมาเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทยคนปัจจุบันกันได้
สำหรับมาซาทาดะ อิชิอิ ได้ลืมตาดูโลกถือกำเนิดขึ้นที่เมืองอิจิฮาระ จังหวัดชิบะ ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 1967 ปัจจุบันก็อายุได้ 57 ปี ครับ หลังจากที่ได้เรียนจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ในปี 1989 ก็ได้เริ่มเส้นทางอาชีพเป็นนักฟุตบอลกับสโมสรแรกในชีวิต อย่าง สโมสร เอ็นทีที คันโต ในศึกเจแปนซอคเกอร์ลีก ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทัพ ทีมสโมสร ซูมิโตโมะ เมทัล ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น สโมสรคาชิม่า แอนท์เลอร์ส (Kashima Antlers) ก่อนที่จะเริ่มได้รับโอกาสลงสนามน้อยลง จึงตัดสินใจอำลาทีมคาชิม่า แอนท์เลอร์สไปอยู่กับสโมสรอวิสป้า ฟุกุโอกะ ในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะตัดสินใจยุติบทบาทในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ แขวนสตั๊ดในปี 1998 ด้วยวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามครับ ในปี 2002 มาซาทาดะ อิชิอิ ได้เลือกผันตัวเองเข้าสู่การเป็นโค้ชอย่างเต็มตัว โดยที่ตำแหน่งแรกที่เลือก ก็คือ โค้ชฟิตเนส ครับ และสโมสรที่เค้าเลือกทำงานด้วย ก็คือ สโมสรคาชิม่า แอนท์เลอร์สอีกนั่นเองนะครับ และโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของอิชิอิก็มาถึงครับ เพราะทางสโมสรเลือกที่จะดันมาซาทาดะ อิชิอิ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมอยู่ในเวลานั้น ให้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีม ซึ่งถือว่าเป็นคนญี่ปุ่นคนแรก ในรอบ 21 ปี ของสโมสรเลยทีเดียวครับ ในฐานะผู้จัดการทีม เพราะเพียงแค่ฤดูกาลแรกเท่านั้นครับ อิชิอิก็พาทีมคาชิม่า แอนท์เลอร์ส สโมสรที่เขารักอย่างยิ่ง คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย ลูวานคัพ ฟุตบอลถ้วยของประเทศญี่ปุ่น ได้สำเร็จ และต่อด้วยฤดูกาลต่อมาพาทีมคว้าแชมป์เจลีก ญี่ปุ่น ได้สำเร็จในรอบ 7ปีของสโมสรเลยทีเดียวครับ พร้อมกับฟุตบอลถ้วยเอ็มเพอร์เรอร์ คัพในปีเดียวกันนั้นเองด้วย พ่วงด้วยความสำเร็จส่วนตัวอีกรางวัลกับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของเจลีกญี่ปุ่นในปี 2016 นั้นแหละครับ
และแน่นอนครับ เรื่องราวที่ทำให้มาซาทาดะ อิชิอิ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และโด่งดังที่สุด คงจะหนีไม่พ้นการพาทีมคาชิม่า แอนท์เลอร์สเข้าไปลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกในปี 2016 และเข้าไปดวลกับสโมสรเรอัล มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศ
แต่อย่างว่าแหละครับ ชีวิตของคนเราก็มีขึ้นมีลงเสมอ ในฤดูกาลต่อมาครับฝันร้ายของโค้ชอิชิอิก็เกิดขึ้น เมื่อเขาพาทีมคาชิม่า แอนท์เลอร์สพ่ายแพ้ 5 นัดจาก 12 นัดแรกในเจลีกฤดูกาลนั้น จึงทำให้เขาถูกสโมสรปลดเขาออกในที่สุด
อย่างไรก็ตามนะครับ สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เพราะมาซาทาดะ อิชิอิเลือกที่จะวางมือจากการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล และหันไปครุ่นคิดถึงชีวิตที่เขารู้สึกว่า เขาห่างเหินจากครอบครัวไปมาก และทุ่มเทชีวิตให้กับฟุตบอลมาโดยตลอด จนไม่มีเวลาเหลือให้กับครอบครัว เขานึกถึงลูกสาวตัวน้อยๆของเขาซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่ชั้น ป.6 และอยากที่จะอยู่ใกล้ลูกสาว ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีและพ่อที่ดีเวลาเดียวกัน เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเลือกที่จะสมัครเข้าทำงานเป็นพนักงานของโรงอาหารประจำเมืองคาชิม่า ที่มีหน้าที่ส่งอาหารให้โรงเรียนต่างๆในเมือง
แต่แล้วคนเราครับ ก็มักจะชอบทำอะไรตามที่เป็นตัวเราเองหรือทำในสิ่งที่เรารักอยู่เสมอครับ ซึ่งนั่นทำให้มาซาทาดะ อิชิอิ หันกลับเข้าสู่วงการฟุตบอลอีกครั้งในปี 2019 แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะหันไปมองทางเลือกที่ต่างประเทศดูบ้าง ก็คือประเทศไทยของเรานี่เองครับ กับสโมสร สมุทรปราการ ซิตี้ ที่ตัดสินใจเซ็นต์สัญญามาซาทาดะ อิชิอิเข้ามาคุมทีม และโค้ชอิชิอิก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงทีมสโมสรสมุทรปราการไปอย่างมากมาย ผิดหูผิดตา ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน เพรสซิ่งใส่คู่แข่งตามสไตล์ฟุตบอลญี่ปุ่น และปลุกปั้นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากมาย ในทีมสมุทรปราการ ซิตี้ ในเวลานั้น ทั้ง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ปฏิวัติ คำไหม, จักรพันธ์ ไพสุวรรณ, ศุภนันท์ บุรีรัตน์ และอีกหลายๆคนเลยนะครับ ที่โด่งดังและติดทีมชาติไทยอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกครั้งก็เกิดขึ้น เมื่อสโมสรยักษ์ใหญ่ของไทยลีกอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของโค้ชอิชิอิ จึงประกาศดึงตัวไปคุมทีมสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2021 ช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง นับแต่นั้นเป็นต้นมา และโค้ชอิชิอิ ก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง สามารถรีดศักยภาพของทีม รีดศักยภาพของนักเตะในทีมออกมาได้อย่างเต็มที่ และพาทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย คว้าทริปเปิ้ลแชมป์2 ฤดูกาลติดต่อกัน รวมทั้งสิ้น 6 แชมป์ ระหว่างฤดูกาล 2021 ถึง ฤดูกาล 2023
อย่างไรก็ตามครับ สิ่งที่แฟนบอลชาวไทยรอคอยก็มาถึง เมื่อถึงเดือนธันวาคมปี 2023 ที่ผ่านมา ข่าวดีก็ปรากฏชัดขึ้นมาทันที เมื่อมาดามแป้ง คุณนวลพรรณ ล่ำซ่ำได้ติดต่อไปหาโค้ชอิชิอิอีกครั้ง เพื่อขอให้มาคุมทีมชาติไทย แทนที่โค้ชมาโน่ โพลกิ้งที่ประกาศลาออกออกไป เมื่อโค้ชอิชิอิได้รับการติดต่อเข้ามาก็ไม่รอช้า ตัดสินใจรับเซ็นต์สัญญาระยะสั้นเข้ามาคุมทีมชาติไทย สร้างความปลาบปลื้มและยินดีให้กับแฟนบอลทีมชาติไทยกันไม่น้อยเลยล่ะครับ
สุดท้ายนี้ ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้เฮดโค้ชมาซาทาดะ อิชิอิ สามารถพาทีมชาติไทยของเราไปลุยศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2026 ให้สำเร็จนะครับ
#อิชิอิ #ทีมชาติไทย #ฟุตบอล #ฟุตบอลไทย #วอลเลย์บอลหญิง #บุรีรัมย์ #thailand #ฟุตบอลโลก #ไทยลีก #ไทย
❤❤❤❤❤ทีมชาติไทย
สุดท้ายนี้ ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้เฮดโค้ชมาซาทาดะ อิชิอิ สามารถพาทีมชาติไทยของเราไปลุยศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2026 ให้สำเร็จนะครับ
สำหรับมาซาทาดะ อิชิอิ ได้ลืมตาดูโลกถือกำเนิดขึ้นที่เมืองอิจิฮาระ จังหวัดชิบะ ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 1967 ปัจจุบันก็อายุได้ 57 ปี ครับ หลังจากที่ได้เรียนจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ในปี 1989 ก็ได้เริ่มเส้นทางอาชีพเป็นนักฟุตบอลกับสโมสรแรกในชีวิต อย่าง สโมสร เอ็นทีที คันโต ในศึกเจแปนซอคเกอร์ลีก ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทัพ ทีมสโมสร ซูมิโตโมะ เมทัล ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น สโมสรคาชิม่า แอนท์เลอร์ส (Kashima Antlers) ก่อนที่จะเริ่มได้รับโอกาสลงสนามน้อยลง จึงตัดสินใจอำลาทีมคาชิม่า แอนท์เลอร์สไปอยู่กับสโมสรอวิสป้า ฟุกุโอกะ ในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะตัดสินใจยุติบทบาทในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ แขวนสตั๊ดในปี 1998 ด้วยวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น
@InspiredStyleท่านอ๋อง
สำหรับวันนี้ครับ ผมจะพาเพื่อนๆทุกท่านไปทำความรู้จักแบบเจาะลึกจัดเต็ม เจาะประวัติกับหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยของเราคนปัจจุบันครับ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น อาโน...มาซาทาดะ อิชิอิ คนนี้แหละครับ ซึ่งใครจะไปคิดครับว่าเฮดโค้ชผู้เคยประสบความสำเร็จมาอย่างมากมายทั้งในประเทศญี่ปุ่น และในประเทศไทยผู้นี้ จะเคยผ่านประสบการณ์อันน่าทึ่ง ด้วยการเคยไปทำงานเป็นพนักงานในโรงอาหารประจำเมือง เพื่อส่งอาหารไปตามโรงเรียนต่างๆอยู่พักหนึ่ง ซึ่งเหตุผลที่ไปทำก็คือ เพื่อที่จะได้อยู่ดูแลครอบครัวและใช้เวลากับลูกสาวให้มากที่สุด แปลกมั้ยล่ะครับ ไปๆมาๆครับตอนนี้กลับกลายมาเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทยคนปัจจุบันกันได้
รอเชียร์ แมตช์เกาหลีครับ
ไทยแลนด์สู้ๆ
😍😍😍😍
🥰🥰🥰🥰
ดีค่ะ ผลิตเนื้อหาดีๆออกมาเรื่อยๆนะคะ
ติดตามอยู่นะครับ
สรุปได้ดีมากๆ
ไทย 1-0 เกาหลี
เชียร์อิชิอิ และทีมชาติไทยเสมอ
ยอดเยี่ยมครับ