Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะ ผู้บำเพ็ญธรรมจริงทั้งหลาย เมื่อเข้าใจต่อการบำเพ็ญธรรม อย่างถูกต้องตรงต่อหลักสัจธรรมนั้น จะต้องอาศัยไตรรัตน์ทั้งสามหลอมรวมเป็นหนึ่งที่จุดญาณทวารสู่การบำเพ็ญจิตที่ถูกต้องตรงต่อหลักสัจธรรม เพื่อมุ่งสู่การรู้แจ้งธรรมให้เร็วที่สุด ฉุดช่วยตนพร้อมฉุดช่วยผู้อื่นให้เข้าสู่การบำเพ็ญจริงให้มากที่สุด กาลเวลาคับขันแล้วรีบเร่งฝึกฝนตนสัมผัสรู้ให้ได้จริงก่อนจะสายไป บรรพชนรอเราอยู่ค่ะ
กราบสาธุ เบื้องบนเมตตาค่ะ
ขอบคุณสิ่งสักสิดเมตาสาธุสาธุๆๆ
เซี่ยเซี่ยกั่นเอินซือเต๋อสาธุธรรมครับ
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะเมื่อรับรู้ประตูจิตญาณแล้วใช้ไตรรัตน์ทั้งสามนำพาเข้าสู่จิตพุทธะภายในให้ได้จริง จะต้องรีบเร่งฝึกฝนบำเพ็ญที่จิตตรงจุดญาณทวารให้ได้ทุกขณะจิตแล้วปฏิบัติออกสู่ภายนอกตามเหตุปัจจัยดำเนินธรรมประคองรักษาสติรู้ตั้งมั่นอยู่ทุกขณะเท่านั้น นำพาจิตญาณเข้าสู่หนทางหลุดพ้นแท้จริง ไม่บำเพ็ญที่จิตกลับคืนไม่ได้จริงค่ะ
🙏🙏🙏สาธุค่ะ
สาธุ ขอขอบคุณฟ้าเบื้องบน ขอขอบคุูณ อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม สมหวัง เตี่ยนฉวนซืเมตตา ในยามปกติทุกคนควรฝึกฝนแรงไฟสุขุมอยู่เสมอ หากทุ่มเทบำเพ็ญมาทั้งชีวิต แต่กลับพลาดพลั้งตกอยู่ในวังวนของเรื่องราวถูกผิดดีชั่ว จิตใจยังคงถือสาหาความ ไม่สามารถก้าวกระโดดออกไปได้ ที่ทุ่มเทไปทั้งหมดย่อมสูญเปล่าช่นนี้น่าเสียดายยิ่งนัก
ขอบอาจารย์ บรรยายธรรมค่ะ เมื่อรู้จุดสถิตแล้ว เร่งรีบบำเพ็ญเข้าจุดนี่ ให้เร็วค่ั
ขอบคุณเบื้องบนที่เมตตาครับ เซี่ยเซี่ย สมหวัง เตี่ยนฉวนซือ ฉือเปย
จิต = สัตว์ - มโน -ใจ - จิตเดิมแท้ เพียงสมมุติบัญญัติหมาย"รู้"มาถึงนะบัดนี้ "ธรรมะ"ไม่ใช่ของยากเลย ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และง่ายด้วย แล้วไม่ต้องกังวล ศีล-สมาธิ-ปัญญา ให้ยุ่งยาก มาเริ่มเลย ใครที่เคยร้องเพลง ฝึกร้องเพลง อินน์ในเพลง เป็นอย่างเดียวกันเลย แต่ให้เปลี่ยนจากเพลงเป็นอันนี้"ปฏิจจสมุปบาท"ท่องให้ได้ ท่องให้ขึ้นใจ ท่องให้เข้าใจ แล้วหาดูซิ "กู"อยู่ตรงใหน เมื่อไม่มี"กู" มันก็คือ"อนิจัง" ของไม่เที่ยง มันเกิดๆดับของมันอยู่อย่างนั้น ดังนั้นเมื่อมีความรู้สึกอะไร รัก-โลภ-โกรธ คืออาการของคำว่า”ทุกข์”ก็ท่องปฏิจจสมุปบาทนี่แหละให้มันฟัง แรกๆจะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตใจ ทำไปเรื่อยๆทำบ่อยๆ ให้เป็นความเคยชิน ให้เป็นนิสัย การปล่อยวางที่เรียกว่า"ขันติ-อุเบกขา"ก็จะค่อยๆซึมซับของมันเอง สติก็จะตั้งเร็วขึ้น "ศีล"ก็จะวิ่งมาเอง จนเกิดอาการวูบๆวาบๆขนลุกขนพอง"สมาธิ-ฌาน"ก็มาเอง "ปัญญา"ไม่ต้องหา ก็มาเอง จะรู้ด้วยตัวเอง แต่หากจะเข้มข้นขึ้น ก็สวดมนต์ไหวพระก่อน หรือเมื่อทำสมาธิก็ท่องไปเรื่องๆ ท่องทุกครั้งให้สังเกตลมหายใจไปด้วย ดูความรู้สึกของหัวใจ จะเห็นเมื่อโกรธมันจะค่อยๆหายไปเองโดยไม่ต้องบังคับมันจึงเรียกว่าเป้นอนิจจัง ระลึกในใจให้เข้าสู่ระดับจิตสังขาร=ความนึกคิดวิญญาณ=การรับรู้นามรูป= ธาตุ4 ขันธ์5สฬายตนะ=ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจผัสสะ=การกระทบถูกเวทนา=ความรู้สึกตัณหา=ความอยากอุปปาทาน=ความต้องการภพ=การเข้าไปยึดติดอยู่ชาติ=ความเกิดเป็นอย่างอื่น(โกรธแล้วตบ ตบคือชาติ)ชรา-มรณะ=ค่อยๆหมดไปหรือดับไป(หายโกรธ)*****************บริกรรมกลับไปกลับมา ขึ้น-ลง สลับไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็น"ฌาน"บริกรรมในฌานจะเกิด"ญาณ"เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารทั้งหลายจึงมีเพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมีเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมีเพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมีเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมีเพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมีเพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมีเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมีเพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมีเพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมีความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี……………………….ความทุกข์ จะดับไปได้เพราะ ชาติ ดับชาติ จะดับไปได้เพราะ ภพ ดับภพ จะดับไปได้เพราะ อุปาทาน ดับอุปาทาน จะดับไปได้เพราะ ตัณหา ดับตัณหา จะดับไปได้เพราะ เวทนา ดับเวทนา จะดับไปได้เพราะ ผัสสะ ดับผัสสะ จะดับไปได้เพราะ สฬายตนะ ดับสฬายตนะ จะดับไปได้เพราะ นามรูป ดับนามรูป จะดับไปได้เพราะ วิญญาณ ดับวิญญาณ จะดับไปได้เพราะ สังขาร ดับสังขาร จะดับไปได้เพราะ อวิชชา ดับความดับไปแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้จึงมีอย่างนี้*ระลึก"อนิจัง" ระลึกถึง"ความทุกข์ที่เคยมี"แล้วลง"อนัตตา"แล้วปล่อยวาง
ถ้าทำแบบนี้ ทั้งจุดชี้ และรหัสคาถา จะเป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวเรา)ไปในตัวด้วย จะเกิดความรู้รวบยอดในใจเลย ว่าไม่มีเราในจุดชี้ ไม่มีรหัสคาถา เป็นสิ่งสมมุติ เหลือแต่รู้และไม่มีใครยึดรู้มาเป็นตัวเราใด้อีก ไม่งั้นปฏิจจสมุปบาทจะเริ่มกระบวนการทำงานออกไปเป็น ภพ ชาติ ชรา มรณะ ไม่จบสิ้น
กั่นเซี่ยเทียนเอินซือเต๋อเซี่ยๆสมหวังต.ฉ.ซ.ฉือเปยเซี่ยๆเก้อเวิ่ยเฉียนเสียน
เป็นบุครากรฟ้าควรฝึกตนอย่างไร สุดยอดค่ะ ส่าธุอนุโมทนาค่ะ
กั่นเซี๊ยะเทียนเอินชือเต๋อ
เบื้องบนเมตตาปรกโปรดเวไนยทั่วโลกให้รู้จุดหนึ่งชี้ หนทางบำเพ็ญจิตกลับคืนนิพพาน ผู้ที่มีบุญได้รับแล้วไม่ควรพลาดรีบเร่งศึกษาการบำเพ็ญไตรรัตน์วิถีจิต เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นวัฏฏะค่ะ
ถราบขอบพระคุณเบื้ยงบนเมตตาค้ะสาธุสาธุ
ขอข
สุคชรัฐ..ฐันจู่ขอบคุณสมหวังเตี่ยนฉวนซือมากๆครับ
ยุคนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะได้รับถ่ายทอดไตรรัตน์อย่างง่ายดาย เมื่อรับแล้วให้รีบเร่งบำเพ็ญจิตบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์พุทธะให้งอกงาม ด้วยการบำเพ็ญจิตตนทุกขณะประคองรักษาจนที่สุดของชีวิตนี้ค่ะ
🙏🙏🙏
กราบขอบพระพระคุณฟ้าเหลาหมู่ฉือเปยเตี่ยนฉวนซือฉือเป่ย
กั่นเชี่ยเทียนเอินชือเต๋อ
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาเชียๆสมหวังเตียนฉวนชือเมตตาค่ะ
ขอบพระคุณตฉซมากมายว้าวๆๆกระจ่างแจ้ง
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะ ผู้บำเพ็ญธรรมจริงทั้งหลาย เมื่อเข้าใจต่อการบำเพ็ญธรรม อย่างถูกต้องตรงต่อหลักสัจธรรมนั้น จะต้องอาศัยไตรรัตน์ทั้งสามหลอมรวมเป็นหนึ่งที่จุดญาณทวารสู่การบำเพ็ญจิตที่ถูกต้องตรงต่อหลักสัจธรรม เพื่อมุ่งสู่การรู้แจ้งธรรมให้เร็วที่สุด ฉุดช่วยตนพร้อมฉุดช่วยผู้อื่นให้เข้าสู่การบำเพ็ญจริงให้มากที่สุด กาลเวลาคับขันแล้วรีบเร่งฝึกฝนตนสัมผัสรู้ให้ได้จริงก่อนจะสายไป บรรพชนรอเราอยู่ค่ะ
กราบสาธุ เบื้องบนเมตตาค่ะ
ขอบคุณสิ่งสักสิดเมตาสาธุสาธุๆๆ
เซี่ยเซี่ยกั่นเอินซือเต๋อสาธุธรรมครับ
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะ
เมื่อรับรู้ประตูจิตญาณแล้ว
ใช้ไตรรัตน์ทั้งสามนำพาเข้าสู่จิตพุทธะภายในให้ได้จริง จะต้องรีบเร่งฝึกฝนบำเพ็ญที่จิตตรงจุดญาณทวารให้ได้ทุกขณะจิตแล้วปฏิบัติออกสู่ภายนอกตามเหตุปัจจัยดำเนินธรรมประคองรักษาสติรู้ตั้งมั่นอยู่ทุกขณะเท่านั้น นำพาจิตญาณเข้าสู่หนทางหลุดพ้นแท้จริง ไม่บำเพ็ญที่จิตกลับคืนไม่ได้จริงค่ะ
🙏🙏🙏สาธุค่ะ
สาธุ ขอขอบคุณฟ้าเบื้องบน ขอขอบคุูณ อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม สมหวัง เตี่ยนฉวนซืเมตตา ในยามปกติทุกคนควรฝึกฝนแรงไฟสุขุมอยู่เสมอ หากทุ่มเทบำเพ็ญมาทั้งชีวิต แต่กลับพลาดพลั้งตกอยู่ในวังวนของเรื่องราวถูกผิดดีชั่ว จิตใจยังคงถือสาหาความ ไม่สามารถก้าวกระโดดออกไปได้ ที่ทุ่มเทไปทั้งหมดย่อมสูญเปล่าช่นนี้น่าเสียดายยิ่งนัก
ขอบอาจารย์ บรรยายธรรม
ค่ะ เมื่อรู้จุดสถิตแล้ว เร่งรีบบำเพ็ญเข้าจุดนี่ ให้เร็วค่ั
ขอบคุณเบื้องบนที่เมตตาครับ เซี่ยเซี่ย สมหวัง เตี่ยนฉวนซือ ฉือเปย
จิต = สัตว์ - มโน -ใจ - จิตเดิมแท้ เพียงสมมุติบัญญัติหมาย"รู้"
มาถึงนะบัดนี้ "ธรรมะ"ไม่ใช่ของยากเลย ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และง่ายด้วย แล้วไม่ต้องกังวล ศีล-สมาธิ-ปัญญา ให้ยุ่งยาก มาเริ่มเลย ใครที่เคยร้องเพลง ฝึกร้องเพลง อินน์ในเพลง เป็นอย่างเดียวกันเลย แต่ให้เปลี่ยนจากเพลงเป็นอันนี้"ปฏิจจสมุปบาท"ท่องให้ได้ ท่องให้ขึ้นใจ ท่องให้เข้าใจ แล้วหาดูซิ "กู"อยู่ตรงใหน เมื่อไม่มี"กู" มันก็คือ"อนิจัง" ของไม่เที่ยง มันเกิดๆดับของมันอยู่อย่างนั้น ดังนั้นเมื่อมีความรู้สึกอะไร รัก-โลภ-โกรธ คืออาการของคำว่า”ทุกข์”ก็ท่องปฏิจจสมุปบาทนี่แหละให้มันฟัง แรกๆจะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตใจ ทำไปเรื่อยๆทำบ่อยๆ ให้เป็นความเคยชิน ให้เป็นนิสัย การปล่อยวางที่เรียกว่า"ขันติ-อุเบกขา"ก็จะค่อยๆซึมซับของมันเอง สติก็จะตั้งเร็วขึ้น "ศีล"ก็จะวิ่งมาเอง จนเกิดอาการวูบๆวาบๆขนลุกขนพอง"สมาธิ-ฌาน"ก็มาเอง "ปัญญา"ไม่ต้องหา ก็มาเอง จะรู้ด้วยตัวเอง แต่หากจะเข้มข้นขึ้น ก็สวดมนต์ไหวพระก่อน หรือเมื่อทำสมาธิก็ท่องไปเรื่องๆ ท่องทุกครั้งให้สังเกตลมหายใจไปด้วย ดูความรู้สึกของหัวใจ จะเห็นเมื่อโกรธมันจะค่อยๆหายไปเองโดยไม่ต้องบังคับมันจึงเรียกว่าเป้นอนิจจัง
ระลึกในใจให้เข้าสู่ระดับจิต
สังขาร=ความนึกคิด
วิญญาณ=การรับรู้
นามรูป= ธาตุ4 ขันธ์5
สฬายตนะ=ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ผัสสะ=การกระทบถูก
เวทนา=ความรู้สึก
ตัณหา=ความอยาก
อุปปาทาน=ความต้องการ
ภพ=การเข้าไปยึดติดอยู่
ชาติ=ความเกิดเป็นอย่างอื่น(โกรธแล้วตบ ตบคือชาติ)
ชรา-มรณะ=ค่อยๆหมดไปหรือดับไป(หายโกรธ)
*****************
บริกรรมกลับไปกลับมา ขึ้น-ลง สลับไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็น"ฌาน"
บริกรรมในฌานจะเกิด"ญาณ"
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารทั้งหลายจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี
ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี
……………………….
ความทุกข์ จะดับไปได้เพราะ ชาติ ดับ
ชาติ จะดับไปได้เพราะ ภพ ดับ
ภพ จะดับไปได้เพราะ อุปาทาน ดับ
อุปาทาน จะดับไปได้เพราะ ตัณหา ดับ
ตัณหา จะดับไปได้เพราะ เวทนา ดับ
เวทนา จะดับไปได้เพราะ ผัสสะ ดับ
ผัสสะ จะดับไปได้เพราะ สฬายตนะ ดับ
สฬายตนะ จะดับไปได้เพราะ นามรูป ดับ
นามรูป จะดับไปได้เพราะ วิญญาณ ดับ
วิญญาณ จะดับไปได้เพราะ สังขาร ดับ
สังขาร จะดับไปได้เพราะ อวิชชา ดับ
ความดับไปแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้จึงมีอย่างนี้
*ระลึก"อนิจัง" ระลึกถึง"ความทุกข์ที่เคยมี"แล้วลง"อนัตตา"แล้วปล่อยวาง
ถ้าทำแบบนี้ ทั้งจุดชี้ และรหัสคาถา จะเป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวเรา)ไปในตัวด้วย จะเกิดความรู้รวบยอดในใจเลย ว่าไม่มีเราในจุดชี้ ไม่มีรหัสคาถา เป็นสิ่งสมมุติ เหลือแต่รู้และไม่มีใครยึดรู้มาเป็นตัวเราใด้อีก ไม่งั้นปฏิจจสมุปบาทจะเริ่มกระบวนการทำงานออกไปเป็น ภพ ชาติ ชรา มรณะ ไม่จบสิ้น
กั่นเซี่ยเทียนเอินซือเต๋อเซี่ยๆสมหวังต.ฉ.ซ.ฉือเปยเซี่ยๆเก้อเวิ่ยเฉียนเสียน
เป็นบุครากรฟ้าควรฝึกตนอย่างไร สุดยอดค่ะ ส่าธุอนุโมทนาค่ะ
กั่นเซี๊ยะเทียนเอินชือเต๋อ
เบื้องบนเมตตาปรกโปรดเวไนยทั่วโลกให้รู้จุดหนึ่งชี้ หนทางบำเพ็ญจิตกลับคืนนิพพาน ผู้ที่มีบุญได้รับแล้วไม่ควรพลาดรีบเร่งศึกษาการบำเพ็ญไตรรัตน์วิถีจิต เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นวัฏฏะค่ะ
ถราบขอบพระคุณเบื้ยงบนเมตตาค้ะสาธุสาธุ
ขอข
สุคชรัฐ..ฐันจู่ขอบคุณสมหวังเตี่ยนฉวนซือมากๆครับ
ยุคนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะได้รับถ่ายทอดไตรรัตน์อย่างง่ายดาย เมื่อรับแล้วให้รีบเร่งบำเพ็ญจิตบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์พุทธะให้งอกงาม ด้วยการบำเพ็ญจิตตนทุกขณะประคองรักษาจนที่สุดของชีวิตนี้ค่ะ
🙏🙏🙏
กราบขอบพระพระคุณฟ้าเหลาหมู่ฉือเปยเตี่ยนฉวนซือฉือเป่ย
กั่นเชี่ยเทียนเอินชือเต๋อ
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาเชียๆสมหวังเตียนฉวนชือเมตตาค่ะ
ขอบพระคุณตฉซมากมายว้าวๆๆกระจ่างแจ้ง