Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
เณร ทำลายสัญญาไปหมดแล้ว. ไม่มีสัญญา จิตก็ไม่มีวัตถุดิบในการปรุงแต่ง. สาธุๆๆ
ท่านเณรดูสงบเยือกเย็น สาธุๆค่ะ
จิตของเณรตั้งอยู่ในปัจจุบันมาก เหมือนพูดมาแล้วก็จบเลย สาธุๆๆๆ
เพชรน้ำหนึ่งแห่งภาคอิสานรูปต่อไปในอนาคต สาธุๆๆ❤
สาธุครับ เดียงสามากไม่มีปรุงแต่งเลย🙏🙏🙏
ครูบาเณรนี้ไม่ธรรมดาท่านมีดีแน่นอนครับ
ด้วยความเคารพครับ ผมมองว่ายังไม่ควรนำมาออกสื่อเยอะๆครับ ให้อยู่กับครูบาอาจารย์สักระยะหนึ่งก่อน
เณรแทรกเตอร์ท่านทำให้ดูอยู่ให้เห็นในปัจจุบันเลย สาธุ ครับ
กราบสาธุเณรเจ้าค่ะ
ท่านนิ่งมากๆๆค่ะ รับฟังหลวงตาวันนั้นนึกว่าเป็นพระที่วัดบ่อน้ำพระอินทร์ พระอุปัฐากหลวงตาค่ะ
เณรต้อง อยู่ครูบาอาจารย์ ก่อนนะครับปิดตัวเองให้มากๆ การเปิดเผยตัวเองมีอันตรายมากนะครับ จะลำบาก ยุ้งยากจนจะ อยู่ใน สมณไม่ได้ ผู้ศรัทธาจะเสียใจภายหลัง
ไม่ต้องหาก็มาเองถ้าปฏิบัต! สาธุๆๆ
ทำเองก็รู้เอง สาธุๆๆ
ถูกของเณรความทุกข์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตอบไม่ได้ ต้องรู้ด้วยตนเอง คำตอบของเณรมาจากจิตตสิกขาทั้งหมด เณรไม่ตอบว่าชอบหรือไม่ชอบแต่ตอบว่ามันมีหลากหลายอารมณ์สาธุค่ะเณร
สภาวะของเณรที่นำมาเล่าให้ฟัง ผู้ที่จะเข้าใจในสภาวะที่เณรเล่านั้น ต้องเจอกับตนด้วยขณะทำกรรมฐานเณรไม่ได้เล่าเรื่องการปฏิบัติทั้งหมด ตอนที่เณรบอกว่า เดินจงกรมก่่อน แล้วนั่ง ใช้เวลาเท่าไหร่หรือว่าเดินจงกรมก็ส่วนเดินจงกรม เช่นเดินกลางวัน กลางคืนนั่งอย่างเดียวปริยัติที่เณรพูดมานั้นเกิดจากความจำ จะจากใครพูดก็ตาม แล้วจำแล้วไว้ในใจ จึงเว้นไปก่อน รวมทั้งการเห็นความดับที่มีเกิดขึ้นขณะดำเนินชีวิต ยกเว้นไปก่อน เพราะสามารถมีเกิดขึ้นจากจิตเป็นสมาธิขณะนั้นๆการจะดูตัวสภาวะขณะทำกรรมฐานเป็นหลักหากนั่ง แล้วไม่สามารถรู้ชัดผัสสะ เวทนาที่มีเกิดขึ้น พอจะบอกได้ว่า จิตที่เป็นสมาธิที่มีอยู่ของเณรยังเป็นมิจฉาสมาธิลักษณะสัมมาสมาธิจะมีสตินทรีย์มีเกิดขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่กรณีที่มีแสงสว่างเจิดจ้ากับใจที่รู้อยู่ ก็ยังเป็นมิจฉสมาธินี่คือลักษณะสัมมาสมาธิที่มีเกิดขึ้น ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ยุคนัทธวรรค ยุคนัทธกถาภิกษุมีใจนึกถึงโอภาสอันเป็นธรรมถูกอุทธัจจะกั้นไว้สมัยนั้น จิตย่อมตั้งมั่นสงบอยู่ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่นอยู่ มรรคย่อมเกิดแก่ภิกษุนั้น ภิกษุนั้นเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคนั้น เมื่อภิกษุนั้นเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคนั้นอยู่ ย่อมละสังโยชน์ได้ อนุสัยย่อมสิ้นไป "โอภาสอันเป็นธรรมถูกอุทธัจจะกั้นไว้"คำว่า อุทธัจจะ คือ ความคิดฟุ้งซ่าน สามารถถูกดับด้วยสมาธิคือการทำกรรมฐานคำว่า โอภาส ได้แก่ แสงสว่าง ยิ่งสว่างเจิดจ้ากับใจที่รู้อยู่ แต่ไม่รู้กาย นี่เป็นลักษณะของอรูปฌานสามารถมีเกิดขึ้นในมิจฉาสมาธิและสัมมาสมาธิหากเป็นสัมมาสมาธิจะเริ่มจากรูปฌาน เห็นความเกิดดับขณะจิตเป็นสมาธิในรูปฌาน เมื่อเสพเนืองๆ จิตจะเข้าสู่อรูปฌานโดยไม่ต้องอยากได้ สตินทรีย์ที่มีเกิดขึ้น ทำให้รู้ชัดความเกิดและความดับในอรูปฌานคือจะมีแสงสว่างเจิดเจ้ากับใจที่รู้อยู่ เมื่อเสพเนืองๆ หากเข้าถึงเนวสัญญาฯ จะมีสภาวะความเกิดและความดับในนิโรธ นี่คือลักษณะของคำว่านิโรธ ที่เกิดจากรูปฌาน อรูปฌาน นิโรธ มีเกิดขึ้นเฉพาะสัมมาสมาธิเท่านั้นความรู้ความเห็นและความเกิดดับ จะรู้ตามลำดับ ไม่ใช่มีเกิดขึ้นเฉพาะอรูปฌานเพียงอย่างเดียวสำหรับผู้ที่มีมิจฉาสมาธิ ความรู้ความเห็นตรงนี้จะไม่มีเกิดขึ้นเพราะสตินทรีย์ ไม่มีเกิดขึ้นลักษณะสัมมาสมาธิที่มีเกิดขึ้นตามจริง"จิตย่อมตั้งมั่นสงบอยู่ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่นอยู่ มรรคย่อมเกิดแก่ภิกษุนั้น"
ยกตย.ของการปฏิบัติของน้องคนหนึ่ง เดินจงกรมระยะที่ ๓ ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอวันที่ 8/6/23 เดิน 60/91 ตั้งเวลานั่ง 70 นาทียืนหนอ 5 ครั้งรู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อนรู้เท้าขวาเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งหยุดก่อนบริกรรมยก พร้อมยกฝ่าเท้าขึ้นช้าๆ สูงพอประมาณ บริกรรมหนอ หยุดฝ่าเท้าค้างไว้รู้สึกที่ฝ่าเท้ามีแรงดัน บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งบริกรรมย่าง พร้อมเคลื่อนเท้าไปข้างหน้า บริกรรมหนอ หยุดเท้าที่กำลังเคลื่อนสักพักบริรรมเหยียบหนอ ฝ่าเท้าเหยียบพื้นเต็มฝ่าเท้า เย็นๆนิดหน่อย บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วเท้าซ้ายชัดขึ้นเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งที่เท้าซ้ายแล้วหยุดก่อนค่อยบริกรรมยก พร้อมยกฝ่าเท้าขึ้นเหนือพื้นช้าๆสูงพอประมาณ บริกรรมหนอ หยุดค้างไว้ รู้สึกฝ่าเท้ามีแรงดัน บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อนค่อยบริกรรมย่างพร้อมเคลื่อนเท้าไปข้างหน้า บริกรรมหนอ หยุดเท้าบริกรรมเหยียบหนอ ฝ่าเท้ากระทบพื้นเย็นๆ บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน …(ช่วงที่เดินเวลามีภาพแทรกหรือเวลายืนมีภาพแทรกจะหลับตาบริกรรมรู้หรอถี่ๆแล้วหายใจเข้าออกลึกๆตามหลังหยุดคิดแล้วค่อยเดินต่อหรือกำหนดยืนต่อ)เดินสุดทาง บริกรรมรู้หนอที่ฝ่าเท้า 2 ข้างแล้วกำหนดยืนหนอ 5 ครั้ง รู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อนรู้เท้าขวาเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งที่เท้าขวา แล้วหยุดก่อน ค่อยกลับเท้ากลับเสร็จเท้าเย็นๆ บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งหยุดก่อนเท้าซ้ายชัดขึ้นเองตึงๆ บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งหยุดก่อน ค่อยกลับเท้าซ้ายกลับเสร็จจะเย็นๆ บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อนกลับเท้าแบบนี้ต่อจนจบ ค่อยบริกรรมรู้หนอที่ฝ่าเท้า 2 ข้าง 3 ครั้งแล้วกำหนดยืนหนอ 5 ครั้งรู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อนรู้เท้าขวาเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน ค่อยเริ่มกำหนดเดินต่อจนจบยืนหนอ 5 ครั้งรู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเองนั่งลง จิตพูดหรือคิดคลอๆ รู้ว่ามีกายนั่ง รู้ลมหายใจแต่ไม่ต่อเนื่อง นั่งไปเรื่อยๆ ช่วงหลังๆ รู้สึกนาน นั่งจนหมดเวลาแผ่เมตตาอธิษฐานจิต มีเหมือนจิตกำลังจะไหลแต่รู้ตัวก่อนเลยดึงกลับมาแผ่เมตตาต่อจนจบ พยายามนั่งต่อไปอีกเรื่อยๆ จนรู้สึกพอค่อยลืมตา
คุณส่ง สภาวะวันนี้ที่หมูส่งมาให้อ่าน ครั้งนี้หมูเขียนสภาวะที่มีเกิดขึ้นได้ชัดเจนกว่าเมื่อวันก่อน การกำหนดได้แม่นยำ ซึ่งมีผลสภาวะที่มีเกิดขึ้นต่อเวลานั่งPiggy หนูเห็นว่ามันรู้สึกนาน เลยคิดว่ากำหนดได้ไม่ดี แต่พยายามนั่งต่อไปอีกค่ะคุณส่ง สมาธิคลายน่ะ สมาธิจะเกิดแล้วคลายตัวได้ จะบอกถึงว่ากำลังสมาธิตอนนี้มีแค่ไหน ตั้งมั่นอยู่ได้นานแค่ไหนPiggy อ่อค่ะพี่คุณส่ง พอสมาธิคลายตัว เวทนาจะเกิดขึ้น หากจิตยังเป็นสมาธิอยู่ จะไม่่รู้สึกว่านานPiggy ค่ะพี่ ค่ะบางครั้งไม่เป็น นานเป็นบางครั้งคุณส่ง หากพอใจแค่นั้น แล้วเลิกนั่ง จิตจะเสพจนคุ้นเคย พอถึงจุดนี้ สภาวะเวทนาจะเกิดทันทีPiggy พอถึงจุดนี้ มันคือช่วงจังหวะไหนหรือคะคุณส่ง คือจิตจะจดจำตัวสภาวะที่มีเกิดขึ้นน่ะประมาณว่า พอคิดว่านาน แล้วคิดว่าพอ ไม่นั่งต่อ จิตจะบันทึกไว้จะแตกต่างจากที่พยายามนั่งต่อ ไม่เลิกนั่งเวทนาจะมีเกิดขึ้น สภาวะจะเป็นแบบนี้แหละตราบใดที่ยังมีกายปรากฏ เวทนาย่อมมีPiggy ค่ะพี่น้ำ /\คุณส่ง เวทนานี่ไม่ใช่นาน พี่หมายถึงเวทนากล้าน่ะตัวสภาวะจะเป็นแบบนี้ สลับเกิดไปมาPiggy ค่ะพี่คุณส่ง หากผ่านเวทนากล้าตรงนี้ไปได้ สภาวะจะก้าวไปข้างหน้าแต่หมูยังกลัว ก็ผ่านไม่ได้ สภาวะจะเป็นแบบนี้ ไม่ไปไหนPiggy ค่ะพี่น้ำคุณส่ง สภาวะที่มีเกิดขึ้นขณะนั่ง จะมีแค่นี้ นี่คือข้อดีของสัมมาสมาธิ จะรู้อยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรม ไม่มีนิมิต ไม่ไปเที่ยวนอกตัวPiggy ไม่มีจริงๆค่ะคุณส่ง ปฏิบัติจะรู้ด้วยตน แล้วจะเข้าใจคำเรียกเหล่านี้มากขึ้น ทำให้ไม่หลงทาง ไม่หลงคำเรียกPiggy ค่ะพี่
9/6/23 เดิน 60/87 ตั้งเวลานั่ง 70 นาทียืนหนอ 5 ครั้ง รู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน รู้เท้าขวาเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน บริกรรมยกพร้อมยกฝ่าเท้าขึ้นช้าๆสูงพอประมาณ บริกรรมหนอหยุดฝ่าเท้า รู้สึกที่ฝ่าเท้าตึงๆบริกรรมรู้หนอ3 ครั้ง บริกรรมย่างพร้อมเครื่อนฝ่าเท้าไปข้างหน้า แล้วบริกรรมหนอหยุดฝ่าเท้าที่เคลื่อน รู้สึกตึงๆใต้ฝ่าเท้าบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้ง บริกรรมเหยียบหนอ ฝ่าเท้ากระทบพื้น เย็นนิดหน่อย บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อนเท้าซ้ายชัดขึ้นเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งที่เท้าซ้ายแล้วหยุดก่อน บริกรรมยกพร้อมยกฝ่าเท้าขึ้นช้าๆสูงพอประมาณ บริกรรมหนอหยุดฝ่าเท้า รู้สึกฝ่าเท้าตึงๆบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน บริกรรมย่างเคลื่่อนเท้าไปข้างหน้า บริกรรมหนอหยุดเท้าค้างไว้ รู้สึกฝ่าเท้าตึงๆบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้ง บริการเหยียบหนอฝ่าเท้ากระทบพื้นเต็มฝ่าเท้าแล้วเย็นนิดหน่อยบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน บางรอบเวลาเท้ากระทบพื้นฝั่งซ้ายจะยังรู้สึกที่เท้าซ้ายตึงๆอยู่นานก็จะบริกรรมรู้หนอ เกิน 3 ครั้งบริกรรมรู้หนอเป็น 6 ครั้งหรือ 9 ครั้งพอเท้าขวาชัดขึ้นค่อยย้ายไปกำหนดข้างขวาต่อเดินสุดทางรู้เท้าสองข้างเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งที่ฝ่าเท้า 2 ข้างแล้วกำหนดยืนหนอ 5 ครั้งแล้วรู้เท้าสองข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน เท้าขวาชัดขึ้นเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน ค่อยกลับเท้ากลับเสร็จเย็นนิดหน่อยบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน เท้าซ้ายชัดขึ้นเองตึงๆ บริกรรมรู้หน่อ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน ค่อยกลับเท้ากลับเสร็จเท้าเย็นนิดหน่อยบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้ง กลับเท้าแบบนี้จนจบค่อยยืนหนอ 5 ครั้งรู้เท้าสองข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน รู้เท้าขวาเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน ค่อยกำหนดเดินต่อจนจบ (ตอนเดินมีภาพหรือคิด หยุดเดินหลับตาบริกรรมรู้หนอถี่ๆ ตามด้วยหายใจเข้าออกลึกๆ หยุดคิดค่อยกำหนดเดินต่อ)ยืนหนอ 5 ครั้งรู้เท้าสองข้างเองนั่งลง นั่งขัดสมาธิไม่เอาผ้ารอง ปวดขาขวาบริกรรมรู้หนอถี่ๆรู้ท้องขยับด้วย จิตมีพูดอะไรของมันเองแต่ไม่รู้รายละเอียด มีความง่วงนิดๆข้างใน ตัวเอียง 2 ครั้งแล้วเด้งกลับมา บางช่วงมีสีม่วงนิดหน่อยนั่งจนหมดเวล า แผ่เมตตาอธิษฐานจิตแล้วนั่งต่อไปอีกมีปวดขาแต่ไม่มากบริกรรมรู้หนอ ถี่ๆ ไม่ปวดแบบเดิมแล้วค่อยลืมตาอธิบาย---------ตราบใดที่ยังมีกายอยู่ เวทนาย่อมมี สภาวะจะเกิดสลับไปมา เมื่อยังไม่ยอมปล่อยวาง ยังมีความกลัว ไม่กำหนดสภาวะที่มีเกิดขึ้นตามจริง คือตายเป็นตาย ให้มันตายไปเลย เพราะเวทนาที่มีเกิดขึ้นนี้จะเจ็บปวดแสนสาหัส อธิบายได้ยาก จึงเรียกว่าเวทนากล้า เป็นอันเพื่อให้เข้าใจตรงกันในคำที่เรียกว่า เวทนากล้าเมื่อความกลัวมากกว่า สามารถใช้คำบริกรรมมาช่วย เพื่อให้จิตมาอยู่กับปัจจุบัน ขณะจิตจดจ่อกับคำบริกรรมถี่ๆ เวทนาเหมือนจะหายไป เป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ยังมีกายปรากฏ เวทนาย่อมมีสำหรับผู้ปฏิบัติ คำว่า ฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔ คำเรียกเหล่านี้ ตัดทิ้งไปก่อน ให้ดูรูปคือผัสสะ และเวทนา เป็นหลัก จะเหลือเพียงรูปฌาน อาจจะเป็นฌาน ๑ หรือฌาน ๒ หรือฌาน ๓ หรือฌาน ๔ แค่ดูองค์ฌานแค่นั้นเอง ด้วยเหตุนี้จึงบอกว่าให้ตัดทิ้งคำเรียกไปก่อน อย่าไปสนใจ ให้สนใจเฉพาะสภาวะที่มีเกิดขึ้นขณะกำหนดยืน ขณะกำลังเดินจงกรม ขณะนั่ง เมื่อนั่ง ยังรู้กายปรากฏขณะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ บางครั้งมีโอภาส บางครั้งไม่มี เป็นเรื่องปกติ โอภาสมีเกิดขึ้นจากกำลังสมาธิ จึงถูกเรียกว่ารูปฌาน เพื่อละความยึดมั่นถือมั่นในคำเรียกต่างๆ
พระเณรที่ยังไม่บ่มสุกเพียงพอ ให้ท่านปฏิบัติธรรมให้ยิ่งยวดมากกว่านี้จะดีกว่าไหมครับ
ສາທຸ
กราบสาธุครับ
สาธุๆค่ะ❤❤❤
🙏🙏🙏 สาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
สาธุๆๆ ครับ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุบขอเจริญในธรรม
กราบสาธุๆๆ
สาธุคะ
กราบสาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
ขอบคุณครับ
สาธ
สาธุครับ
สาธุด้วยครับเณรแทรกเตอร์ครับ🙏🏻🙏🏻❤
เณรมีนิสัยของปัจเจก
เณรเริ่มจากการฟังเสียง(เสียงของความคิด)
🙏🙏🙏
ไม่มีเรื่องบังเอิญหรอก...ขออยากให้ลูกเณรอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์เยอะๆ ...เณรพูดแบบรักษาตนมากกลัวเขาจับประเด็น
✌✌👌👍
สาธุ ครับ
กราบสาธุๆครับ
สาธุๆๆๆคาะ
มีช่วงที่เณรสนทนาธรรมกับหลวงตาไหมครับ
ยังไม่มีครับช่วงนี้หลวงตาให้เณรงดพูดก่อนครับ
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ดูเหมือนท่านจะยังเรียบเรียงคำพูดยังไม่ถุก
เฮ้อน่าสงสารพระเณรมัยมีอันสงบหรอกตราบดัยที่ยังหลงลาภสักการะที่มันเข้ามา
ท่านยังอยุ่ในการเปลี่ยนท่านพูดไม่เก่งอธิบายไม่เก่งอย่าฟ้าวถาม
เหมือนสัญญาท่านดับไปแล้วท่านไม่เอาอดีต
สาธุธรรมค่ะอนุโมทาเณรแทรกเตอร์อธิบายธรรมะระลึกซึ้งฟังเป็นธรรมชาติดีมากเลยสาธุค่ะ
เณร ทำลายสัญญาไปหมดแล้ว. ไม่มีสัญญา จิตก็ไม่มีวัตถุดิบในการปรุงแต่ง. สาธุๆๆ
ท่านเณรดูสงบเยือกเย็น สาธุๆค่ะ
จิตของเณรตั้งอยู่ในปัจจุบันมาก เหมือนพูดมาแล้วก็จบเลย สาธุๆๆๆ
เพชรน้ำหนึ่งแห่งภาคอิสานรูปต่อไปในอนาคต สาธุๆๆ❤
สาธุครับ เดียงสามากไม่มีปรุงแต่งเลย🙏🙏🙏
ครูบาเณรนี้ไม่ธรรมดาท่านมีดีแน่นอนครับ
ด้วยความเคารพครับ ผมมองว่ายังไม่ควรนำมาออกสื่อเยอะๆครับ ให้อยู่กับครูบาอาจารย์สักระยะหนึ่งก่อน
เณรแทรกเตอร์ท่านทำให้ดูอยู่ให้เห็นในปัจจุบันเลย สาธุ ครับ
กราบสาธุเณรเจ้าค่ะ
ท่านนิ่งมากๆๆค่ะ รับฟังหลวงตาวันนั้นนึกว่าเป็นพระที่วัดบ่อน้ำพระอินทร์ พระอุปัฐากหลวงตาค่ะ
เณรต้อง อยู่ครูบาอาจารย์ ก่อนนะครับ
ปิดตัวเองให้มากๆ การเปิดเผยตัวเองมี
อันตรายมากนะครับ จะลำบาก ยุ้งยาก
จนจะ อยู่ใน สมณไม่ได้ ผู้ศรัทธาจะเสียใจภายหลัง
ไม่ต้องหาก็มาเองถ้าปฏิบัต! สาธุๆๆ
ทำเองก็รู้เอง สาธุๆๆ
ถูกของเณรความทุกข์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตอบไม่ได้ ต้องรู้ด้วยตนเอง คำตอบของเณรมาจากจิตตสิกขาทั้งหมด เณรไม่ตอบว่าชอบหรือไม่ชอบแต่ตอบว่ามันมีหลากหลายอารมณ์สาธุค่ะเณร
สภาวะของเณรที่นำมาเล่าให้ฟัง ผู้ที่จะเข้าใจในสภาวะที่เณรเล่านั้น ต้องเจอกับตนด้วยขณะทำกรรมฐาน
เณรไม่ได้เล่าเรื่องการปฏิบัติทั้งหมด ตอนที่เณรบอกว่า เดินจงกรมก่่อน แล้วนั่ง ใช้เวลาเท่าไหร่
หรือว่าเดินจงกรมก็ส่วนเดินจงกรม เช่นเดินกลางวัน กลางคืนนั่งอย่างเดียว
ปริยัติที่เณรพูดมานั้นเกิดจากความจำ จะจากใครพูดก็ตาม แล้วจำแล้วไว้ในใจ จึงเว้นไปก่อน
รวมทั้งการเห็นความดับที่มีเกิดขึ้นขณะดำเนินชีวิต ยกเว้นไปก่อน เพราะสามารถมีเกิดขึ้นจากจิตเป็นสมาธิขณะนั้นๆ
การจะดูตัวสภาวะขณะทำกรรมฐานเป็นหลัก
หากนั่ง แล้วไม่สามารถรู้ชัดผัสสะ เวทนาที่มีเกิดขึ้น
พอจะบอกได้ว่า จิตที่เป็นสมาธิที่มีอยู่ของเณรยังเป็นมิจฉาสมาธิ
ลักษณะสัมมาสมาธิจะมีสตินทรีย์มีเกิดขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่กรณีที่มีแสงสว่างเจิดจ้ากับใจที่รู้อยู่ ก็ยังเป็นมิจฉสมาธิ
นี่คือลักษณะสัมมาสมาธิที่มีเกิดขึ้น ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้
ยุคนัทธวรรค ยุคนัทธกถา
ภิกษุมีใจนึกถึงโอภาสอันเป็นธรรมถูกอุทธัจจะกั้นไว้
สมัยนั้น จิตย่อมตั้งมั่นสงบอยู่ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่นอยู่ มรรคย่อมเกิดแก่ภิกษุนั้น
ภิกษุนั้นเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคนั้น
เมื่อภิกษุนั้นเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคนั้นอยู่ ย่อมละสังโยชน์ได้ อนุสัยย่อมสิ้นไป
"โอภาสอันเป็นธรรมถูกอุทธัจจะกั้นไว้"
คำว่า อุทธัจจะ คือ ความคิดฟุ้งซ่าน สามารถถูกดับด้วยสมาธิคือการทำกรรมฐาน
คำว่า โอภาส ได้แก่ แสงสว่าง ยิ่งสว่างเจิดจ้ากับใจที่รู้อยู่ แต่ไม่รู้กาย นี่เป็นลักษณะของอรูปฌาน
สามารถมีเกิดขึ้นในมิจฉาสมาธิและสัมมาสมาธิ
หากเป็นสัมมาสมาธิจะเริ่มจากรูปฌาน เห็นความเกิดดับขณะจิตเป็นสมาธิในรูปฌาน
เมื่อเสพเนืองๆ จิตจะเข้าสู่อรูปฌานโดยไม่ต้องอยากได้ สตินทรีย์ที่มีเกิดขึ้น ทำให้รู้ชัดความเกิดและความดับในอรูปฌาน
คือจะมีแสงสว่างเจิดเจ้ากับใจที่รู้อยู่ เมื่อเสพเนืองๆ หากเข้าถึงเนวสัญญาฯ จะมีสภาวะความเกิดและความดับในนิโรธ
นี่คือลักษณะของคำว่านิโรธ ที่เกิดจากรูปฌาน อรูปฌาน นิโรธ มีเกิดขึ้นเฉพาะสัมมาสมาธิเท่านั้น
ความรู้ความเห็นและความเกิดดับ จะรู้ตามลำดับ ไม่ใช่มีเกิดขึ้นเฉพาะอรูปฌานเพียงอย่างเดียว
สำหรับผู้ที่มีมิจฉาสมาธิ ความรู้ความเห็นตรงนี้จะไม่มีเกิดขึ้น
เพราะสตินทรีย์ ไม่มีเกิดขึ้น
ลักษณะสัมมาสมาธิที่มีเกิดขึ้นตามจริง
"จิตย่อมตั้งมั่นสงบอยู่ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่นอยู่ มรรคย่อมเกิดแก่ภิกษุนั้น"
ยกตย.ของการปฏิบัติของน้องคนหนึ่ง เดินจงกรมระยะที่ ๓ ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ
วันที่ 8/6/23 เดิน 60/91 ตั้งเวลานั่ง 70 นาที
ยืนหนอ 5 ครั้งรู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
รู้เท้าขวาเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งหยุดก่อน
บริกรรมยก พร้อมยกฝ่าเท้าขึ้นช้าๆ สูงพอประมาณ บริกรรมหนอ หยุดฝ่าเท้าค้างไว้
รู้สึกที่ฝ่าเท้ามีแรงดัน บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้ง
บริกรรมย่าง พร้อมเคลื่อนเท้าไปข้างหน้า บริกรรมหนอ หยุดเท้าที่กำลังเคลื่อน
สักพักบริรรมเหยียบหนอ ฝ่าเท้าเหยียบพื้นเต็มฝ่าเท้า เย็นๆนิดหน่อย บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้ง
แล้วเท้าซ้ายชัดขึ้นเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งที่เท้าซ้ายแล้วหยุดก่อน
ค่อยบริกรรมยก พร้อมยกฝ่าเท้าขึ้นเหนือพื้นช้าๆสูงพอประมาณ บริกรรมหนอ หยุดค้างไว้
รู้สึกฝ่าเท้ามีแรงดัน บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
ค่อยบริกรรมย่างพร้อมเคลื่อนเท้าไปข้างหน้า บริกรรมหนอ หยุดเท้า
บริกรรมเหยียบหนอ ฝ่าเท้ากระทบพื้นเย็นๆ บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน …
(ช่วงที่เดินเวลามีภาพแทรกหรือเวลายืนมีภาพแทรกจะหลับตาบริกรรมรู้หรอถี่ๆแล้วหายใจเข้าออกลึกๆตามหลังหยุดคิดแล้วค่อยเดินต่อหรือกำหนดยืนต่อ)
เดินสุดทาง บริกรรมรู้หนอที่ฝ่าเท้า 2 ข้าง
แล้วกำหนดยืนหนอ 5 ครั้ง รู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
รู้เท้าขวาเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งที่เท้าขวา แล้วหยุดก่อน ค่อยกลับเท้า
กลับเสร็จเท้าเย็นๆ บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งหยุดก่อน
เท้าซ้ายชัดขึ้นเองตึงๆ บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งหยุดก่อน ค่อยกลับเท้าซ้าย
กลับเสร็จจะเย็นๆ บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
กลับเท้าแบบนี้ต่อจนจบ ค่อยบริกรรมรู้หนอที่ฝ่าเท้า 2 ข้าง 3 ครั้ง
แล้วกำหนดยืนหนอ 5 ครั้งรู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
รู้เท้าขวาเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน ค่อยเริ่มกำหนดเดินต่อจนจบ
ยืนหนอ 5 ครั้งรู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเองนั่งลง จิตพูดหรือคิดคลอๆ รู้ว่ามีกายนั่ง รู้ลมหายใจแต่ไม่ต่อเนื่อง นั่งไปเรื่อยๆ ช่วงหลังๆ รู้สึกนาน นั่งจนหมดเวลาแผ่เมตตาอธิษฐานจิต มีเหมือนจิตกำลังจะไหลแต่รู้ตัวก่อนเลยดึงกลับมาแผ่เมตตาต่อจนจบ พยายามนั่งต่อไปอีกเรื่อยๆ จนรู้สึกพอค่อยลืมตา
คุณส่ง สภาวะวันนี้ที่หมูส่งมาให้อ่าน ครั้งนี้หมูเขียนสภาวะที่มีเกิดขึ้นได้ชัดเจนกว่าเมื่อวันก่อน
การกำหนดได้แม่นยำ ซึ่งมีผลสภาวะที่มีเกิดขึ้นต่อเวลานั่ง
Piggy หนูเห็นว่ามันรู้สึกนาน เลยคิดว่ากำหนดได้ไม่ดี แต่พยายามนั่งต่อไปอีกค่ะ
คุณส่ง สมาธิคลายน่ะ สมาธิจะเกิดแล้วคลายตัวได้
จะบอกถึงว่ากำลังสมาธิตอนนี้มีแค่ไหน ตั้งมั่นอยู่ได้นานแค่ไหน
Piggy อ่อค่ะพี่
คุณส่ง พอสมาธิคลายตัว เวทนาจะเกิดขึ้น หากจิตยังเป็นสมาธิอยู่ จะไม่่รู้สึกว่านาน
Piggy ค่ะพี่ ค่ะบางครั้งไม่เป็น นานเป็นบางครั้ง
คุณส่ง หากพอใจแค่นั้น แล้วเลิกนั่ง จิตจะเสพจนคุ้นเคย พอถึงจุดนี้ สภาวะเวทนาจะเกิดทันที
Piggy พอถึงจุดนี้ มันคือช่วงจังหวะไหนหรือคะ
คุณส่ง คือจิตจะจดจำตัวสภาวะที่มีเกิดขึ้นน่ะ
ประมาณว่า พอคิดว่านาน แล้วคิดว่าพอ ไม่นั่งต่อ จิตจะบันทึกไว้
จะแตกต่างจากที่พยายามนั่งต่อ ไม่เลิกนั่ง
เวทนาจะมีเกิดขึ้น สภาวะจะเป็นแบบนี้แหละ
ตราบใดที่ยังมีกายปรากฏ เวทนาย่อมมี
Piggy ค่ะพี่น้ำ /\
คุณส่ง เวทนานี่ไม่ใช่นาน พี่หมายถึงเวทนากล้าน่ะ
ตัวสภาวะจะเป็นแบบนี้ สลับเกิดไปมา
Piggy ค่ะพี่
คุณส่ง หากผ่านเวทนากล้าตรงนี้ไปได้ สภาวะจะก้าวไปข้างหน้า
แต่หมูยังกลัว ก็ผ่านไม่ได้ สภาวะจะเป็นแบบนี้ ไม่ไปไหน
Piggy ค่ะพี่น้ำ
คุณส่ง สภาวะที่มีเกิดขึ้นขณะนั่ง จะมีแค่นี้ นี่คือข้อดีของสัมมาสมาธิ
จะรู้อยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรม ไม่มีนิมิต ไม่ไปเที่ยวนอกตัว
Piggy ไม่มีจริงๆค่ะ
คุณส่ง ปฏิบัติจะรู้ด้วยตน แล้วจะเข้าใจคำเรียกเหล่านี้มากขึ้น ทำให้ไม่หลงทาง ไม่หลงคำเรียก
Piggy ค่ะพี่
9/6/23 เดิน 60/87 ตั้งเวลานั่ง 70 นาที
ยืนหนอ 5 ครั้ง รู้ฝ่าเท้า 2 ข้างเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
รู้เท้าขวาเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
บริกรรมยกพร้อมยกฝ่าเท้าขึ้นช้าๆสูงพอประมาณ บริกรรมหนอหยุดฝ่าเท้า รู้สึกที่ฝ่าเท้าตึงๆบริกรรมรู้หนอ3 ครั้ง
บริกรรมย่างพร้อมเครื่อนฝ่าเท้าไปข้างหน้า แล้วบริกรรมหนอหยุดฝ่าเท้าที่เคลื่อน รู้สึกตึงๆใต้ฝ่าเท้าบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้ง
บริกรรมเหยียบหนอ ฝ่าเท้ากระทบพื้น เย็นนิดหน่อย บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
เท้าซ้ายชัดขึ้นเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งที่เท้าซ้ายแล้วหยุดก่อน
บริกรรมยกพร้อมยกฝ่าเท้าขึ้นช้าๆสูงพอประมาณ บริกรรมหนอหยุดฝ่าเท้า รู้สึกฝ่าเท้าตึงๆบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
บริกรรมย่างเคลื่่อนเท้าไปข้างหน้า บริกรรมหนอหยุดเท้าค้างไว้ รู้สึกฝ่าเท้าตึงๆบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้ง
บริการเหยียบหนอฝ่าเท้ากระทบพื้นเต็มฝ่าเท้าแล้วเย็นนิดหน่อยบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
บางรอบเวลาเท้ากระทบพื้นฝั่งซ้ายจะยังรู้สึกที่เท้าซ้ายตึงๆอยู่นาน
ก็จะบริกรรมรู้หนอ เกิน 3 ครั้งบริกรรมรู้หนอเป็น 6 ครั้งหรือ 9 ครั้ง
พอเท้าขวาชัดขึ้นค่อยย้ายไปกำหนดข้างขวาต่อ
เดินสุดทางรู้เท้าสองข้างเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งที่ฝ่าเท้า 2 ข้าง
แล้วกำหนดยืนหนอ 5 ครั้งแล้วรู้เท้าสองข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
เท้าขวาชัดขึ้นเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน ค่อยกลับเท้า
กลับเสร็จเย็นนิดหน่อยบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
เท้าซ้ายชัดขึ้นเองตึงๆ บริกรรมรู้หน่อ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน ค่อยกลับเท้า
กลับเสร็จเท้าเย็นนิดหน่อยบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้ง กลับเท้าแบบนี้จนจบ
ค่อยยืนหนอ 5 ครั้งรู้เท้าสองข้างเอง บริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
รู้เท้าขวาเองบริกรรมรู้หนอ 3 ครั้งแล้วหยุดก่อน
ค่อยกำหนดเดินต่อจนจบ (ตอนเดินมีภาพหรือคิด หยุดเดินหลับตาบริกรรมรู้หนอถี่ๆ ตามด้วยหายใจเข้าออกลึกๆ หยุดคิดค่อยกำหนดเดินต่อ)
ยืนหนอ 5 ครั้งรู้เท้าสองข้างเองนั่งลง นั่งขัดสมาธิไม่เอาผ้ารอง ปวดขาขวาบริกรรมรู้หนอถี่ๆรู้ท้องขยับด้วย
จิตมีพูดอะไรของมันเองแต่ไม่รู้รายละเอียด มีความง่วงนิดๆข้างใน ตัวเอียง 2 ครั้งแล้วเด้งกลับมา บางช่วงมีสีม่วงนิดหน่อยนั่งจนหมดเวล า แผ่เมตตาอธิษฐานจิตแล้วนั่งต่อไปอีกมีปวดขาแต่ไม่มากบริกรรมรู้หนอ ถี่ๆ ไม่ปวดแบบเดิมแล้วค่อยลืมตา
อธิบาย
---------
ตราบใดที่ยังมีกายอยู่ เวทนาย่อมมี สภาวะจะเกิดสลับไปมา เมื่อยังไม่ยอมปล่อยวาง ยังมีความกลัว ไม่กำหนดสภาวะที่มีเกิดขึ้นตามจริง คือตายเป็นตาย ให้มันตายไปเลย เพราะเวทนาที่มีเกิดขึ้นนี้จะเจ็บปวดแสนสาหัส อธิบายได้ยาก จึงเรียกว่าเวทนากล้า เป็นอันเพื่อให้เข้าใจตรงกันในคำที่เรียกว่า เวทนากล้า
เมื่อความกลัวมากกว่า สามารถใช้คำบริกรรมมาช่วย เพื่อให้จิตมาอยู่กับปัจจุบัน ขณะจิตจดจ่อกับคำบริกรรมถี่ๆ เวทนาเหมือนจะหายไป เป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ยังมีกายปรากฏ เวทนาย่อมมี
สำหรับผู้ปฏิบัติ คำว่า ฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔ คำเรียกเหล่านี้ ตัดทิ้งไปก่อน ให้ดูรูปคือผัสสะ และเวทนา เป็นหลัก จะเหลือเพียงรูปฌาน อาจจะเป็นฌาน ๑ หรือฌาน ๒ หรือฌาน ๓ หรือฌาน ๔ แค่ดูองค์ฌานแค่นั้นเอง
ด้วยเหตุนี้จึงบอกว่าให้ตัดทิ้งคำเรียกไปก่อน อย่าไปสนใจ ให้สนใจเฉพาะสภาวะที่มีเกิดขึ้นขณะกำหนดยืน ขณะกำลังเดินจงกรม ขณะนั่ง เมื่อนั่ง ยังรู้กายปรากฏขณะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ บางครั้งมีโอภาส บางครั้งไม่มี เป็นเรื่องปกติ โอภาสมีเกิดขึ้นจากกำลังสมาธิ จึงถูกเรียกว่ารูปฌาน เพื่อละความยึดมั่นถือมั่นในคำเรียกต่างๆ
พระเณรที่ยังไม่บ่มสุกเพียงพอ ให้ท่านปฏิบัติธรรมให้ยิ่งยวดมากกว่านี้จะดีกว่าไหมครับ
ສາທຸ
กราบสาธุครับ
สาธุๆค่ะ❤❤❤
🙏🙏🙏 สาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
สาธุๆๆ ครับ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุบขอเจริญในธรรม
กราบสาธุๆๆ
สาธุคะ
กราบสาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
ขอบคุณครับ
สาธ
สาธุครับ
สาธุด้วยครับเณรแทรกเตอร์ครับ🙏🏻🙏🏻❤
เณรมีนิสัยของปัจเจก
เณรเริ่มจากการฟังเสียง(เสียงของความคิด)
🙏🙏🙏
ไม่มีเรื่องบังเอิญหรอก...ขออยากให้ลูกเณรอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์เยอะๆ ...เณรพูดแบบรักษาตนมากกลัวเขาจับประเด็น
✌✌👌👍
สาธุ ครับ
กราบสาธุครับ
กราบสาธุๆครับ
สาธุๆๆๆคาะ
🙏🙏🙏
มีช่วงที่เณรสนทนาธรรมกับหลวงตาไหมครับ
ยังไม่มีครับช่วงนี้หลวงตาให้เณรงดพูดก่อนครับ
สาธุครับ
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ดูเหมือนท่านจะยังเรียบเรียงคำพูดยังไม่ถุก
🙏🙏🙏
เฮ้อน่าสงสารพระเณรมัยมีอันสงบหรอกตราบดัยที่ยังหลงลาภสักการะที่มันเข้ามา
ท่านยังอยุ่ในการเปลี่ยนท่านพูดไม่เก่งอธิบายไม่เก่งอย่าฟ้าวถาม
🙏🙏🙏
เหมือนสัญญาท่านดับไปแล้วท่านไม่เอาอดีต
สาธุธรรมค่ะอนุโมทาเณรแทรกเตอร์อธิบายธรรมะระลึกซึ้งฟังเป็นธรรมชาติดีมากเลยสาธุค่ะ