Розмір відео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показувати елементи керування програвачем
Автоматичне відтворення
Автоповтор
กราบสาธุๆๆค่ะ
❤ ความว่างมันมึเป็นชั้นๆ / คือสัญญามันเก็บสะสมหมักดองสมมุติซ้อนๆกันไว้ ❤ สัญญาไม่มึความโกรธ ก็เรียกว่าว่างจากปฏิฆะ , ไม่หลงยึดสมมุติ ก็เรียกว่า ว่างจากโมหะ , ว่างจากอุปาทาน❤ ไม่ยึดเอาว่าสมมุติเป็นของเรา คือว่างจากสักกายะทิฐิ❤ ความรู้สึกว่าเป็นเรา หายไปจากสัญญา ก็เรียกว่าว่างจากมานะตัวตน❤ กิเลสอาสวะ รูปนามสมมุติในสัญญาดับหมด / คือจิตว่าง อย่างยิ่ง หรือสุญญตา
❤ รู้อยู่ เข้าใจแล้วว่านั่นไตรลักษณ์ / จึงวางเฉย ต่อสมมุติอยู่ ไม่เช้าไปยินดี ยินร้าย.......ว่าง....ไม่มีตัวไม่มีตน
ดิฉันเคยอยู่ปฎิบัติธรรมที่เขาสวน6เดือนค่ะ ตั้งแต่ผี36 ท่านก.ท่านละสังขารในปี2521ค่ะแต่คุณยายวัลย์ยังอยู่
🙏🙏🙏
SATU🙏🌷 SATU 🙏🌷SATU 🙏🌷
ขออนุโมทนาบุญด้วยเจ้าค่ะ...สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุๆ
@ ง่วงก็ออกไปเดินเล่นให้หายง่วง / แล้วค่อยกลับมานั่งภาวนาใหม่ / ความง่วงก็คือนิวรณ์ห้า เป็นเครื่องขวางกั้นไม่ให้จิตหลุดพ้น @ เจริญสติให้มาก....จิตจึงตั้งมั่นภายในได้ดี ...ไม่ส่งออกนอก (ดับตวามคิดฟุ้งซ่าน)@ จิตตั้งมั่นภายในได้ดีแล้ว...การรู้แจ้งภายใน ..การรู้เองเห็นเอง จึงเกิดขึ้นมาของมันได้เอง โดยไม่ต้องนึกคิด คือเกิดการลุกโพลง หรือการโพล่งสว่างอยู่ในใจ ( ไม่ได้เป็นไปเพราะคิดคำนวนเอาตามหลักเหตุผล หรือ ตรรกะ / แต่เป็นไปเพราะจิตตั้งมั่นอยู่ภายในได้ดีแล้ว )@ ดับอุปาทาน ไม่ให้ยึดถือทั้งสังขาร ทั้งวิสังขาร / ว่าเป็นเรา เป็นของเรา (ดับมานะ)
สาธุ.. ..
พุทโธกัมมัฏฐาโมกรรมมะจุติสัมพุทโธ
@ ขณะทีรู้แจ้ง เกิดความสว่างโพล่งภายใน / พอลืมตาขึ้น ปรากฏว่าภายในมุ้งมันสว่างไสวเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ / เปิดมุ้งเดินออกไปดูนอกห้องก็มีแต่ความมืดมิด พอกลับมาที่มุ้ง ความสว่างก็หายไปแล้ว / อันนี้เกิดจากความสงสัย มันทำให้จิตที่ตั้งมั่นภายในหายไป แสงสว่างจึงหายไป / คือนิวรณ์ห้ามันเป็นเครื่องปิดกั้นการรู้แจ้งนั่นเอง@ ขณะรู้แจ้ง / ได้เข้าใจความเกิดขึ้น - ตั้งอยู่-ดับของรูปนามอันเป็นไตรลักษณ์ ( สังขตะธรรม หรือธรรมฝ่ายเกิดดับ) และเห็นสภาพธรรมภายในที่ไม่เกิดไม่ดับ พ้นจากการเกิดการตาย ปราศจากความคิดปรุงแต่ง (อสังขตะธรรม)
@ ขณะภาวนา ไม่ให้ยึดสังขาร , วิสังขาร ว่าเป็นตัวกู ของกู / จะทำให้ใจสงบจากกิเลสอาสวะได้เร็ว( ใจสงบ ก็คล้ายน้ำขุ่น ถูกกวนด้วยสารส้มแล้วตกตะกอนนอนก้น / รอการแยกตะกอนทิ้งในลำดับต่อไป )
@ การเที่ยวดูการเล่นละคร ร้องรำทำเพลง , การเที่ยวกลางคืน / ก็คือเที่ยวดูการแสดงอารมณ์ของมนุษย์ / มันไม่ทำให้จิตหลุดพ้น / มันขัดแย้งกันกับหลักการฝึกจิต จึงหยุดพฤติกรรมดังกล่าว แล้วหันมาสวดมนต์ , เจริญสมถะวิปัสสนา / เริ่มภาวนาพุทโธในอิริยาบถนั่ง เดิน ยืน / จิตเริ่มตั้งมั่นภายใน ไม่ส่งออกนอก , ขณะจิตนั้นมันไม่มีกิเลสอาสวะมาครอบงำเสียดแทง เกิดความปิติเบิกบานในใจ ตลอดเวลาที่ทำความเพียร , ภาวนาทั้งคืนมันไม่รู้สึกง่วงนอน
กราบสาธุๆๆค่ะ
❤ ความว่างมันมึเป็นชั้นๆ / คือสัญญามันเก็บสะสมหมักดองสมมุติซ้อนๆกันไว้
❤ สัญญาไม่มึความโกรธ ก็เรียกว่าว่างจากปฏิฆะ , ไม่หลงยึดสมมุติ ก็เรียกว่า ว่างจากโมหะ , ว่างจากอุปาทาน
❤ ไม่ยึดเอาว่าสมมุติเป็นของเรา คือว่างจากสักกายะทิฐิ
❤ ความรู้สึกว่าเป็นเรา หายไปจากสัญญา ก็เรียกว่าว่างจากมานะตัวตน
❤ กิเลสอาสวะ รูปนามสมมุติในสัญญาดับหมด / คือจิตว่าง อย่างยิ่ง หรือสุญญตา
❤ รู้อยู่ เข้าใจแล้วว่านั่นไตรลักษณ์ / จึงวางเฉย ต่อสมมุติอยู่ ไม่เช้าไปยินดี ยินร้าย.......ว่าง....ไม่มีตัวไม่มีตน
ดิฉันเคยอยู่ปฎิบัติธรรมที่เขาสวน6เดือนค่ะ ตั้งแต่ผี36 ท่านก.ท่านละสังขารในปี2521ค่ะแต่คุณยายวัลย์ยังอยู่
🙏🙏🙏
SATU🙏🌷 SATU 🙏🌷SATU 🙏🌷
ขออนุโมทนาบุญด้วยเจ้าค่ะ...สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุๆ
@ ง่วงก็ออกไปเดินเล่นให้หายง่วง / แล้วค่อยกลับมานั่งภาวนาใหม่ / ความง่วงก็คือนิวรณ์ห้า เป็นเครื่องขวางกั้นไม่ให้จิตหลุดพ้น
@ เจริญสติให้มาก....จิตจึงตั้งมั่นภายในได้ดี ...ไม่ส่งออกนอก (ดับตวามคิดฟุ้งซ่าน)
@ จิตตั้งมั่นภายในได้ดีแล้ว...การรู้แจ้งภายใน ..การรู้เองเห็นเอง จึงเกิดขึ้นมาของมันได้เอง โดยไม่ต้องนึกคิด คือเกิดการลุกโพลง หรือการโพล่งสว่างอยู่ในใจ ( ไม่ได้เป็นไปเพราะคิดคำนวนเอาตามหลักเหตุผล หรือ ตรรกะ / แต่เป็นไปเพราะจิตตั้งมั่นอยู่ภายในได้ดีแล้ว )
@ ดับอุปาทาน ไม่ให้ยึดถือทั้งสังขาร ทั้งวิสังขาร / ว่าเป็นเรา เป็นของเรา (ดับมานะ)
สาธุ.. ..
พุทโธกัมมัฏฐาโมกรรมมะจุติสัมพุทโธ
@ ขณะทีรู้แจ้ง เกิดความสว่างโพล่งภายใน / พอลืมตาขึ้น ปรากฏว่าภายในมุ้งมันสว่างไสวเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ / เปิดมุ้งเดินออกไปดูนอกห้องก็มีแต่ความมืดมิด พอกลับมาที่มุ้ง ความสว่างก็หายไปแล้ว / อันนี้เกิดจากความสงสัย มันทำให้จิตที่ตั้งมั่นภายในหายไป แสงสว่างจึงหายไป / คือนิวรณ์ห้ามันเป็นเครื่องปิดกั้นการรู้แจ้งนั่นเอง
@ ขณะรู้แจ้ง / ได้เข้าใจความเกิดขึ้น - ตั้งอยู่-ดับของรูปนามอันเป็นไตรลักษณ์ ( สังขตะธรรม หรือธรรมฝ่ายเกิดดับ) และเห็นสภาพธรรมภายในที่ไม่เกิดไม่ดับ พ้นจากการเกิดการตาย ปราศจากความคิดปรุงแต่ง (อสังขตะธรรม)
@ ขณะภาวนา ไม่ให้ยึดสังขาร , วิสังขาร ว่าเป็นตัวกู ของกู / จะทำให้ใจสงบจากกิเลสอาสวะได้เร็ว( ใจสงบ ก็คล้ายน้ำขุ่น ถูกกวนด้วยสารส้มแล้วตกตะกอนนอนก้น / รอการแยกตะกอนทิ้งในลำดับต่อไป )
@ การเที่ยวดูการเล่นละคร ร้องรำทำเพลง , การเที่ยวกลางคืน / ก็คือเที่ยวดูการแสดงอารมณ์ของมนุษย์ / มันไม่ทำให้จิตหลุดพ้น / มันขัดแย้งกันกับหลักการฝึกจิต จึงหยุดพฤติกรรมดังกล่าว แล้วหันมาสวดมนต์ , เจริญสมถะวิปัสสนา / เริ่มภาวนาพุทโธในอิริยาบถนั่ง เดิน ยืน / จิตเริ่มตั้งมั่นภายใน ไม่ส่งออกนอก , ขณะจิตนั้นมันไม่มีกิเลสอาสวะมาครอบงำเสียดแทง เกิดความปิติเบิกบานในใจ ตลอดเวลาที่ทำความเพียร , ภาวนาทั้งคืนมันไม่รู้สึกง่วงนอน