นี่คือตัวอย่างของ หนังที่ดี ไม่ต้องเป็นหนังที่สนุกก็ได้ เหมือนหนัง 127hours คนติดซอกหิน หนังน่าเบื่อที่ได้รางวัล ภาคนี้หนังสื่อกับคนดูได้ครบทุกมุมมองของตัวละคร เป็นบทและการลำดับเหตุการณ์ได้เข้ากับความรู้สึกของตัวละคร ทุกการตัดสินใจของตัวละครตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นมนุษย์ในชีวิตจริง ไม่มีภาพความเป็นตัวละครคอมิคเหลืออยู่เลย ทุกเพลงที่ตัดเข้ามาคือแสดงถึงความคิดในหัวของตัวละครตอนนั้นเลย ฉากที่ลีคุยกับอาเธอร์ผ่านกระจกแล้วร้อง close to you ขึ้นมาได้เหมาะมาก กับฉากที่ Arthur หมดความอดทนแล้วร้อง The joker ขึ้นมา นี่ขนลุกเลย แบบ Prince of crime มาแล้ว กับฉากสุดท้ายของ Arthur ตอนร้องท่อนสุดท้ายของ Gonna build a mountain ว่า “I want a fine young son to take my place” แล้วตัดภาพมาที่ปัจจุบันนี่คือนึกถึง เจอโรม จากซีรี่ย์ Gotham เลย Joker legacy คือ son of madness ที่จะขยายต่อไปเป็น the clown,the comedian,the criminal ได้ด้วย คือท็อด ฟิลลิป เข้าใจ lore ของตัวละคร joker มากๆ แล้วยังสื่อออกมาได้ครบถ้วนเลย “ในโลกนี้มันไม่มี joker หรอก ที่มีก็แพงแต่คนธรรมดาคนนึงตรงนี้ที่โลกผลักใสให้เขาเป็นตัวตลกเพื่อจะปิดบังทุกสิ่งที่เลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับคนๆนึงให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมที่ทำให้เกิดฆาตกรขึ้นมาก็เท่านั้น” 👏🏻💯♦️♠️
ภาคนี้คะแนนให้ 8/10 ครับโดยรวมถ้าทุกคนไม่คาดหวังจากภาคแยกไว้เยอะก็สนุกและดูเพลินครับ ตัวละครเอกของเรื่อง Arthur และ Lee ถือว่าชอบและเคมีดูโรแมนติกเลยครับ ฉากไต่สวนถือว่าชอบและลุ้นมากในแต่ละคำพูดของตัวละคร เพลงดนตรีถือว่าชอบและเข้ากับตัวหนังเลยครับ
Harvey Dent เวอร์ชั่นนี้ที่แสดงโดย Harry Lawtey บทบาทและคาแรคเตอร์ถือว่าชอบดีเลยครับดูเป็นอัยการและคนมีความรู้ดี ถ้ามีภาคต่อคงเป็น Two Face เพราะฉากที่เห็นว่าไม่เสียชีวิตหน้าตามีผลจากการระเบิดด้วย
หนังจบผมอึ่นและมึนงงไม่เข้าใจหนังจะสื่ออะไร ระหว่างทางกลับบ้านได้คุยกับเพื่อน และได้พบเมสเสจสำคัญบางอย่างของหนังและมันทำผมชอบหนังเรื่องนี้มาก เป็นความเห็นส่วนตัว ผมว่าผู้กำกับเล่นท่ายาก ถ้าภาคแรกคือหนังที่มอบความต้องการของผู้คนให้คนดู และภาพสองคือหนังที่ตั้งคำถามถึงความต้องการของคนดูแทน พวกคุณกำลังเป็นสาวกโจ๊คเกอร์หรือป่าว อยากได้โจ๊คเกอร์หรือป่าว ทั้งที่อาเธอร์ไม่ได้ต้องการเป็นเลย มือที่ยื่นเข้ามาในช่วงที่อาเธอร์เจ็บปวดที่สุดคือโจ็คเกอร์ และมันพาเขามาอยู่ตรงนี้ มันไม่ใช่ตัวตนเขา ทุกครั้งที่หนังกำลังบิ้วอารมณ์จากซีนความเจ็บปวดของอาเธอร์ แต่หนังก็ตัดไปเป็นเพลง เป็นมิสเคิล ทำคนดูรู้สึกอารมณ์มันไม่สุด เพราะนั้นอาจเป็นความต้องการของผู้กำกับ ที่จะสะท้อนว่าอาเธอร์ไม่ต้องการรู้สึกเจ็บปวด เขาจึงต้องนึกเพลงเพื่อปกปิดแทนการให้โจ็คเกอร์ออกมา อาเธอร์เขาแค่อยากเป็นคนปกติ อยากมีรัก มีครอบครัวที่ดีและมอบความรักให้กันและกัน มันตั้งคำถามถึงคนดูว่าคุณต้องการอะไร อยากให้อาเธอร์เจ็บปวดหรอ อยากเห็นเขาแบบนั้นหรอ อยากให้โจ็คเกอร์ออกมาฆ่าคนเพื่อสนองความต้องการของคุณเองหรอ และเมื่อคุณผิดหวังคุณก็เกลียดเขา และจะทำกับเขาแบบตอนจบของหนังไหม ท๊อด ฟิลลิป ทำโจ็คเกอร์ 2 เป็นหนังปรัชญาที่ตั้งคำถามถึงความต้องการของคนดู
สรุปได้ดีครับ
เห็นด้วยครับ เราว่า ผู้กำกับพยายามจะเอา คงามเป็นมิวสิคอล มาแสดงแทนความรู้สึกมากเกินไปหน่อย
ใช่คุณเข้าใจถูกแล้วแหละ
(สปอย) คิดเหมือนกันเลยครับคือตอนจบที่ไปเจอลี แล้วพออาเทอร์บอกศาลว่าไม่ได้เป็น Joker อีกแล้ว ลีก็ไม่ได้สนใจในตัวอาเธอร์อีกเลย แล้วร้องเพลงให้กับอาเธอร์ชื่อเพลง ว่า "That's Entertianment" คือแม่ง เราชอบโจ๊กเกอร์กันเพราะความบันเทิงจริง ๆ เว้ย ลีคือตัวละครที่สื่อถึงเราตลอดทั้งเรื่อง ทั้งการนั่งลุ้นในศาลว่าเมื่อไรโจ้กเกอร์จะออกมาจากตัวอาเธอร์ แล้วแม่งก็ไม่ออกมาทั้งเรื่องจริง ๆ จนเรา(คนดู) ผิดหวังกันไปหมด เหมือนลีที่ผิดหวังในตัวอาเธอร์ตอนสุดท้าย ส่วนตัวผมว่าหนังแม่งสุดยอดมาก 555
คิดเหมือนกันค่ะ รู้สึกเหมือนผู้กำกับเค้าเปรียบตัวเราทุกคน (ในฐานะแฟนคลับโจ๊กเกอร์) กับพวกที่ออกมาประท้วงเพื่อโจ๊กเกอร์ จริงๆแล้วคนที่ออกมาประท้วงอาจไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าตัวตนของอาร์เธอร์จริง ๆ เป็นอย่างไร เขาสนแค่ว่าโจ๊กเกอร์ต้องได้ถล่มเมือง จะต้องไล่ฆ่าคน จะต้องได้จัดการพวกรัฐบาล เป็นเหมือนสะพานเชื่อมให้ทุกคนได้ทำทุกอย่างที่คิดอยากจะทำแต่ทำไม่ได้ มันก็นับเป็นความต้องการของพวกเขาทั้งนั้น เหมือนแฟนคลับนอกจอหลายคนที่ “คาดหวัง” ให้โจ๊กเกอร์ได้เป็นเจ้าพ่ออาชญากรรมและมีอำนาจเหนือทุกคน ทั้งที่จริงแล้วตัวอาร์เธอร์เองก็บอกไว้ตั้งแต่ภาคแรกแล้วว่าเขาไม่เชื่อในเรื่องการเมือง การประท้วงอะไรนั่น เขาไม่เชื่อในอะไรทั้งนั้น เขาเป็นแค่คนธรรมดาที่ต้องการความรักและความสนใจจากสังคมที่หันหลังใส่เขามาตลอด เขาไม่ได้อยากฆ่าใครด้วยซ้ำ เพราะตัวตนแท้จริงของเขาคือคนดีคนหนึ่ง (เหมือนกับที่เพื่อนคนแคระบอกในศาล) ยอมรับว่าส่วนตัวตอนแรกก็คาดหวังให้เขาเป็นอีกแบบ แต่ถ้านึกถึงชีวิตความเป็นจริง ชีวิตเรามันก็ต้องมีขึ้นมีลง ดังได้ก็ดับได้ เหมือนเนื้อเพลง “That’s life” นั่นแหละ สรุปคือทำออกมาได้ดีค่ะภาคนี้ แต่อาจไม่ถูกใจใครหลายคนเพราะมีร้องเพลงเยอะเกิน แต่อยากให้ทุกคนลองตั้งใจฟังเนื้อร้องดี ๆ มันจะมีเรื่องราว ความหมาย ที่สำคัญบางอย่าซ่อนอยู่ และมันสื่อถึงอารมณ์ตัวละครได้ดีมาก
ที่หลายๆคนให้คะแนนน้อยเพราะ มันไม่ใช่ Joker แบบที่ทุกคนคิดถึง อาเธอร์ เฟล็ก แค่อยากเป็นตัวของตัวเอง แต่สังคมพยานามยัดเยียดความเป็น Joker ให้อาเธอร์ เขาแค่อยากมี อิสระ อยากมีความรัก
และอาเธอร์ก็เป็น nobody เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนตัวให้ 7/10 เป็นหนังจิตวิทยาโจ๊กเกอร์วายร้ายที่ทุกคนหวังให้เป็น แต่ข้างในความเป็น อาเธอร์อยู่ จึงมีความเป็นคนธรรมดา หนังอธิบายภูมิหลังว่าทำไมเค้าจึงเป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กจึงมีความรู้สึกรัก รู้สึกเกลียดรู้สึกกลัว บางคนถึงขนาดใช้ความรักมาหลอกลวง เพื่ออยากได้ในความเป็นโจ๊กเกอร์ ทำให้ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เพลงเพราะอยู่ครับถ้าชอบเพลงชอบเลดี้ กาก้า ก็ควรไปดูแต่ถ้าชอบบู๊ล้างผลาญสไตล์ต้องมีฉากแอ็กชั่นข้ามไปได้เลยครับ
ถึงไม่ใช่jokerยังไง ก็ต้องยอมรับนะครับ ว่ามันหนังทำออกมาเเย่จริงๆ
โดยเฉพาะความต่อเนื่องจากภาค1นี่ ไม่มีเลย กลายเป็นว่าเหตุการณ์ตอนจบภาค1โดนฉีกทิ้ง
หมอยังไม่ตาย เเละjokerก็อยู่ในคุกที่คนละสภาพกับภาคเเรก เเถมโทรมขึ้นเยอะ
@@justascratchbuild7471ผมเพิ่งดูจบสดๆหงุดหงิดมาก
เออจริง...สุดท้ายเมื่อโจ๊กเกอร์เป็นคนดีผู้หญิง อย่างฮาลี่ ควินส์ก็ไม่รักอาเธอร์ เพราะเธอรักโจ๊กเกอร์ รักฆาตกรโรคจิต ไม่ได้รักคนธรรมดากระจอก กระจอกอย่างอาเธอร์...
ดราม่าทั้งเรื่อง แต่เพลงเพราะ
อยากให้มีหนังแบบนี้อีก หนังที่แสดงด้านมืดในจิตใจ ส่วนใหญ่มีแต่ด้านสว่าง คนที่เป็นโรคจิตโรคซึมเศร้ามากขึ้น การบูลี่ การทำร้าย คนสมาธิสั้น
เป็นหนังแนว จิตวิทยา ถ้าคนไม่ได้เข้าใจทางด้านนี้ จะมึนงง และเกลียดเลยก็ได้ แต่สต ชอบมาก ทุกอย่าง มี Clues ซ่อนอยู่ทุกฉากที่อธิบายแทนการ พูดอธิบาย เช่น ฉาก Musical เพลงที่ตัวเอกจะชอบร้อง ถ้าฟังดีๆ มันนื่อความหมายเชิงจิตวิทยา
สำหรับผมคือเหมือนหนังจะสื่อในตอนจบว่า อาเทอร์ไม่ได้ต้องการจะเป็นโจ๊กเกอร์ เขาต้องการจะเป็นตัวเอง เขาอยากจะพอกับเรื่องนี้สักที แล้วการที่ผู้คนในเรื่องไม่พอใจที่ตัวเขานั้นไม่ใช่โจ๊กเกอร์ ก็เหมือนจะเปรียบเทียบเหมือนพวกเราที่เป็นคนดูหลายๆคนที่ไม่พอใจ กับเรื่องนี้หรืออาเทอร์ที่ไม่ยอมเป็นโจ๊ก โดยที่ไม่ได้สนใจตัวเขาเลยว่าเขาเป็นใครหรืออยากเป็นอะไร ทั้งพวกเรา ทั้งตัวละครในหนัง รักและชอบโจ๊กเกอร์ แต่ไม่มีใครสนใจ ( อาเทอร์ ) เลย ผกก. แกเก่งนะครับ เหมือนเป็นการตอกย้ำคนดูนอกจอเลยว่า คนนอกจอก็เหมือนในจอ อยากจะให้เขาเป็นใคร แต่ไม่สนว่าเขาอยากเป็นตัวเอง แค่อยากหาใครสักคนที่รับรู้ตัวตนของเขาและยอมรับในตัวเขา😊
ผมเข้าใจนะ หนังจะสื่อแบบนั้น
แต่โจ๊กเกอร์ ที่เรารู้จัก มันไม่หลงเหลือเลย
วายร้ายที่คาดเดาไม่ได้ กลายเป็นอะไรไม่รู้
ส่วนตัวผมไม่ชอบเลย
หนังดี ดีมากกก ...ผมน้ำตาไหล ไป 3 รอบ อิน จัด เหมือนผม เข้าไปอยู่ภายในจิตใจของอาเธอร์ .. หนังทำได้ไง เพราะด้วยเพลงรึเปล่า... ผมว่าน่าจะใช่ เสียงเพลง น้ำเสียง สำเนียงของ ทั้งคู่..ผมเข้าใจแล้ว ว่าทำไม เค้าถึงเลือกใช้เพลงเป็นสื่อเล่าความรู้สึกอยู่ตลอด ...ส่วนตัวผม เลยอิน อินเพราะเสียงร้อง...ก็เหมือนเราฟังนักร้องร้องเพลงแล้วเราร้องตามได้ ร้องไห้น้ำตาคลอตาม...พอกล่อมเราด้วยเสียงเสียงเพลงแล้ว ก็เล่าผ่านแต่ละเหตุการณ์ที่ใส่ลงมาในหนัง แบบที่ มีความหมาย มันกระแทกใจ ทุกครั้ง ..และได้คำตอบว่า อาเธอร์ ไม่ได้เป็นคนสองบุคคลิก อย่างที่ทนาย(ที่จะช่วยให้รอด)ได้กล่าวอ้างกับศาล แต่ก็ไม่ได้เป็นโจ๊กเกอร์ อย่างที่ใครๆ เรียกร้องสรรเสริญ ...อาเธอร์แค่อยาก เป็นคนธรรมดา ที่มีความรัก มีครอบครัว ไม่ได้อยากสร้างอาณาจักร ภูเขา อย่างเช่นที่ ฮาลีควิีน วาดฝัน เค้าแค่ อยากมีลูก ตอนรู้ว่ามีลูก ผมช็อคน้ำตาแตกไปพร้อมกันกับอาเธอร์...ร้องซึมน้ำตาคลอหลายช่วงเลย ทั้งตอนที่ พูดกร่างในศาล แต่พอกลับไปคุก อาเธอร์รู้เลย ว่าซวย งานเข้าแล้ว ซึ่งฉากนั้น แสดงดีมาก หดหู่ใจมากกๆๆๆ แล้วก็ฉาก ตอนที่เพื่อนตัวน้อย มาให้ปากคำในศาล...เค้ามาเป็นพยานชี้ เพื่อนคนเดียวของเค้า ที่เค้ามี..เพื่อนที่ทำให้เค้ารู้สึกดูมีตัวตนในสังคม แต่ก็เป็นเพื่อนคนเดียวกันที่ทำให้เค้าหวาดกลัวจนนอนไม่หลับฝันร้ายมาตลอดเช่นกัน...ตอนนั้น ผมเข้าใจความรู้สึกของอาเธอร์เลย ว่าเพื่อน ที่เค้าไม่คิดจะทำร้าย ... กลับมาชี้หน้าชี้ตัวเค้า(ในเวอร์ชั่นโจ๊กเกอร์คนกล้าที่เป็นฆาตรกร) แต่...ในอีกด้าน เค้าก็คงอยากเป็นแค่อาเธอร์ คนธรรมดาทั่วไป ที่มีความรัก สร้างครอบครัวในวิมานฝัน ...แค่นั้นเอง 8.5/10 สำหรับผม ..ภาคแรกเป็นการให้กำเนิดโจ๊กเกอร์...แต่ ภาคนี้ โจ๊กเกอร์คือตัวร้ายในจิตใจของอาเธอร์ อย่างแท้จริง .."เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ"
หนังไม่มีอิมแพคใดๆไม่รู้หนังจะสื่ออะไร เสียดายมากกก ภาคแรกทำไว้ดีมาก ภาคนี้คือไม่ไหวจริงๆ แล้วร้องเพลงทั้งเรื่องจนไม่จำเป็น ไม่จำเป็นแบบจริงๆ
ใช่รำคาญมากร้องทุก3-4นาทีเลย
เอาหน่าา ชาตินี้จะได้เห็นโจ๊กเกอร์แบบนี้สักกี่ครั้ง ปกติเห็นแต่บ้าดีเดือด แต่เห็นด้วยที่ว่านี่คือ Lala Land เวอร์ชั่นมืดหม่น😅
ภาคนี้ผู้กำกับตั้งใจทำเป็น musical film ครับ
@@Classic_1916 ส่วนตัวว่าไม่ผิดเลยยครับที่ผู้กำกับจะมาแนวนี้ แต่ปัญหาคือผู้กำกับทำไม่ถึงครับ ไม่สามารถทำให้คนดูอินได้และเชื่อได้ว่าการทำโจ๊กเกอร์ให้เป็นแนว musical flim คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของหนัง คนดูเกิดความรู้สึกเฉยๆระหว่างดูและรู้สึกไม่อินตาม ตรงนี้เราคิดว่าคือความล้มเหลวที่ผู้กำกับไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ครับ
@@Norsd.in.Downtown มืดหม่นมากจริงๆครับ555
ส่วนตัวรู้สึกว่ามันไม่ดีเท่าภาคแรก แต่ชอบมากที่เอาฮาร์ลีย์ควินน์มาตีความใหม่แบบนี้ การแสดงของวาคีนสุดยอดเหมือนเดิม ระหว่างตอนเป็นอาเธอร์กับโจ๊กเกอร์คือแตกต่างชัดเจน แต่ตอนจบก็แอบหักหลังคนดูจริงๆ ไม่คิดว่าจะมาเวย์นี้เลย
ตอนจบเป็นยังไงบอกหน่อยครับ
@@หิหิ_อิคึอิไต๊โดนแทง แล้วตุ่ย ตาไม่หลับ จบ งง
@@หิหิ_อิคึอิไต๊โดนหลอกให้ฟังเรื่องตลกละแทงตายผมดูไปละหงุดหงิดมากๆเพิ่งดูจบเมื่อกี้นี้เลยวันที่9ตุลาคม2024เวลา4ทุ่ม
นี่คือตัวอย่างของ หนังที่ดี ไม่ต้องเป็นหนังที่สนุกก็ได้ เหมือนหนัง 127hours คนติดซอกหิน หนังน่าเบื่อที่ได้รางวัล ภาคนี้หนังสื่อกับคนดูได้ครบทุกมุมมองของตัวละคร เป็นบทและการลำดับเหตุการณ์ได้เข้ากับความรู้สึกของตัวละคร ทุกการตัดสินใจของตัวละครตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นมนุษย์ในชีวิตจริง ไม่มีภาพความเป็นตัวละครคอมิคเหลืออยู่เลย ทุกเพลงที่ตัดเข้ามาคือแสดงถึงความคิดในหัวของตัวละครตอนนั้นเลย ฉากที่ลีคุยกับอาเธอร์ผ่านกระจกแล้วร้อง close to you ขึ้นมาได้เหมาะมาก กับฉากที่ Arthur หมดความอดทนแล้วร้อง The joker ขึ้นมา นี่ขนลุกเลย แบบ Prince of crime มาแล้ว กับฉากสุดท้ายของ Arthur ตอนร้องท่อนสุดท้ายของ Gonna build a mountain ว่า “I want a fine young son to take my place” แล้วตัดภาพมาที่ปัจจุบันนี่คือนึกถึง เจอโรม จากซีรี่ย์ Gotham เลย Joker legacy คือ son of madness ที่จะขยายต่อไปเป็น the clown,the comedian,the criminal ได้ด้วย คือท็อด ฟิลลิป เข้าใจ lore ของตัวละคร joker มากๆ แล้วยังสื่อออกมาได้ครบถ้วนเลย “ในโลกนี้มันไม่มี joker หรอก ที่มีก็แพงแต่คนธรรมดาคนนึงตรงนี้ที่โลกผลักใสให้เขาเป็นตัวตลกเพื่อจะปิดบังทุกสิ่งที่เลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับคนๆนึงให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมที่ทำให้เกิดฆาตกรขึ้นมาก็เท่านั้น” 👏🏻💯♦️♠️
เห็นด้วยมาก
4:32 นาที เริ่มเข้าเนื้อหา
เอาแต่โฆษณามากเกิน
@@MrAnan2008 จริงค่ะ
ผมไม่เคยเม้นเกี่ยวกับหนังเลย แต่ผมชอบโจ๊กเกอร์เวอร์ชั่นนี้มาก การแสดงให้เต็มกราฟ ตัวละคร พอตเรื่อง ตีความหมายออกมาแล้วขนลุกจริงๆครับ แอบเสียดายตอนจบเพราะผมเชียร์ให้ตัวละครเลือกโจ๊กเกอร์ แต่มองอีกมุมนึงคือจริงๆแล้วอาเทอร์เป็นตัวละครที่มีปมแต่พยายามซ่อนไว้ใต้เงาโจ๊กเกอร์ เพราะตัวโจ๊กเกอร์มีตัวตนและเป็นที่ยอมรับในความบ้าระห่ำ แต่ไม่มีใครที่เข้ามายืนอยู่จุดเดียวกับโจ๊กเกอร์ จนเกือบจะทิ้งตัวตนนั้นไปแล้ว แต่พอน้องลีได้เข้ามายืนอยู่ข้างโจ๊กเกอร์ ทำให้อาเทอร์ดึงตัวละครนั้นมาสวมอีก แต่พอมาเห็นคนที่รักในตัวโจ๊กเกอร์ตาย(คนที่โดนฆ่าในคุก) + ความเป็นพ่อที่ไม่อยากให้ลูกตัวเองมาเจอแบบตัวเอง ทำให้เรึ่มคลายปมในใจ ทิ้งตัวตนโจ๊กเกอร์ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมาตายเพราะ สิ่งที่คนอยากเห็นและยอมรับคือโจ๊กเกอร์เลวๆ ไม่ใช่อาเทอร์ เฟลค ซึ่งมันก็สะท้อนชีวิตจริงตรงที่ตอนแรกผมก็เชียร์ให้ตัวละครเลือกเป็นโจ๊กเกอร์ สรุปแล้ว เรื่องนี้ 9/10 ครับ กลมกล่อมทุกอย่าง
ชอบความที่เวอร์ชั่นนี้โจ๊คเกอร์คลั่งรักฮาร์ลีย์ ควีนน์ ขั้นสุด ซึ่งแต่ละเวอร์ชั่นอะไรต่างๆที่ผ่านมาฮาร์ลีย์รักและถวายชีวิตให้ตาโจ๊ค
7/10 เต็มครับ ภาคแรกผมให้ 10 เต็ม ภาคแรกมันดีมากทั้งเนื้อเรื่องและนักแสดงมันโชว์ของหมดแล้ว ภาค 2 ความรู้สึกผมคือมันฝืนๆ อย่างทุกคนคาาดการไว้เพราะแรกจบดีแล้ว แต่ข้อดีมันก็มีอยู่ การแสดง 2 พระนางที่ได้ตามบทที่ได้ให้และเพลงเพราะมากและมีความอลังการงานสร้างมากขึ้น ส่วนนอกที่ไม่กล่าวคือสู้ภาคแรกไม่ได้เลย แต่มันคนดู
@@thibetthomjan5628 โหห 7 เลยหรอครับ การดำเนินเรื่อง ช้า อืด ไม่มีอะไรแปลกใหม่ บทแย่ ดีอย่างเดียวเลยคือนักแสดงดีแค่นั้น ถึงจะมีปรัชญาห่าเหวอะไรก็ตามเถอะ
ผมให้5/10โคตรรำคาญ+อารมณ์เสียตอนจบ😂
ผมว่าเค้าตีความตัวตนโจ๊กเกอร์ได้แปลกใหม่ดีออก ถ้าเป็นโจ๊กเกอร์ปกติ มันเองนั่นแหละที่จะเป็นคนระเบิดศาล ไม่ก็ตอนท้ายมันชักมืดแทงสวนไอหนุ่มนั่นไปแล้ว น่าเบื่อจะตาย 😅
4/10 เสียดายตัวละครมาก ร้องทั้งเรื่อง แนะนำใครจะไปดูซื้อขนมเข้าไปเยอะๆหมดแน่นอน และปวดฉี่อย่าอั้นไปเข้าห้องน้ำเลยเสียเวลามาก
3/10 ครับ พูดตรงเกลียดภาคนี้ไปเลย
เพิ่งว่างไปดูเมื่อวาน ส่วนตัวชอบมากกก มันเหมือนเอาคนดูเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่ในหนัง เหมือนขยายเรื่องราวในหนังให้ออกมาสู่โลกความจริง ว่า คนดู.. คุณเลือกฝั่งไหน ฝั่งต้องการ Joker? ฝั่งต้องการ Arthur? คุณเข้าใจจริงๆแน่หรือเปล่า ว่าจริงๆแล้ว ทั้ง Joker และ Arthur ก็คือคนคนเดียวกันนั่นแหล่ะ
ถ้าตั้งชื่อหนังอีกแบบนึง ส่วนตัวผมจะให้ภาคแรกชื่อ Joker ส่วนภาคสองชื่อ Arthur Fleck ผมชอบเมสเสจของหนังมากเลย มันไม่ใช่หนังภาคต่อ แต่เป็นหนังภาคคู่ขนาน เป็นหนังคู่ที่เล่าเรื่องราวสองด้านของคนคนเดียวกัน ภาคแรกมีไว้สำหรับคนรัก Joker อยากได้ความเดือด ความสะใจ ความดิบเถื่อน ส่วนภาคสองมีไว้สำหรับคนรัก Arthur Fleck ซึ่งเป็นแค่คนธรรมดาน่าสงสาร เป็น loser เป็นคนแปลกๆฟุ้งๆ ชอบใจลอย สมาธิสั้น (ก็เลยมีดนตรีในหัวโผล่มาอยู่เรื่อย) พอมองแบบนี้แล้ว ผมกลับมองว่าทุกอย่างมันคลิก เข้ากันหมดเลย ทั้งความแฟนตาซี ความมิวสิเคิล และส่วนประกอบต่างๆในหนังภาคนี้ และหนังทั้งสองภาคก็เติมเต็มซึ่งกันและกันได้ดีมาก
สุดท้ายแล้ว พวก loser ในหนังที่ออกมาประท้วงก็แค่ชอบ Joker อยากเห็น Arthur Fleck ที่เป็น Joker คนพวกนี้ก็เป็นแค่พวกที่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ได้กล้าหือกับระบบอย่าง Joker แต่ก็ต้องการให้ Joker แสดงความดิบเถื่อนสนองความต้องการตัวเอง โดยตัวเองเชียร์อยู่ข้างนอก หรือแม้แต่อยู่แค่หน้าจอด้วยซ้ำ (เหมือนอย่าง Lee ที่ idolize ความดิบเถื่อน แต่จริงๆ ตัวเองก็ไม่ได้เคยเผาบ้าน พ่อไม่ได้ตาย ชีวิตไม่ได้บัดซบอย่างที่โกหก ชีวิตก็ปกติสุขดี แค่เบียว Joker) ในทางกลับกัน ทนายกับเพื่อนคนแคระ ก็ต้องการแค่ Arthur Fleck ไม่ต้องการ Joker โดยเฉพาะทนายนี่ พยายามจะสรุปว่า Arthur เป็นโรคสองบุคลิกเสียให้ได้ ทุกคนเลือกไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง (Joker หรือ Arthur) แต่ไม่มีสักคนที่จะมองความต้องการที่แท้จริงของ Arthur ว่าจริงๆแล้ว Joker และ Arthur ก็คือคนเดียวกันนั่นแหล่ะ คนที่บอบช้ำถูกกระทำจากสังคมจนเก็บกด จนระเบิดความบ้าคลั่งออกมา และสุดท้ายแล้วก็ยังเป็นคนไร้พลัง ที่ต้องอยู่ภายใต้ระบบ ต้องมาเข้าคุกถูกคุมขังจากความผิดที่ตัวเองก่อไม่ต่างจากคนอื่น เป็นคนธรรมดาที่ก็แค่ต้องการความรัก ต้องการการยอมรับ ต้องการครอบครัว ต้องการเพื่อน ต้องการชีวิตที่ปกติ ฉากสุดท้ายในศาลที่บอกว่า "ไม่มี Joker หรอก" กับฉากอกหักที่บันไดที่บอกว่า "ผมก็คือผมคนเดิม คนที่เป็นฆาตกร" ทั้งหมดมันสื่อว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็คือเขานี่แหล่ะ คนเดิมและคนเดียว มนุษย์ธรรมดาๆที่มีรัก มีโลภ มีโทสะ ไม่ต่างจากคนอื่น Joker และ Arthur ไม่ใช่สองร่างหรือสองบุคลิก แต่เป็นคนคนเดียวกัน
ฉากจบสุดท้ายที่ปิดฉากความเป็นหนังภาคคู่ขนานได้อย่างสมบูรณ์ก็คือ คนที่เป็น idol (ภาคที่แล้วคือ Murray พิธีกร ส่วนภาคนี้คือ Joker) เมื่อความจริงเปิดเผยว่า จริงๆแล้ว คุณก็ไม่ได้เป็นอย่างที่สาวกแฟนคลับคุณอยากให้เป็น "คุณก็จะได้รับสิ่งที่คุณสมควรได้รับ!" "You get what you deserve!" นั่นคือความตาย เป็นฉาก climax ของทั้งสองภาค ที่เป็นฉากเดียวกันจากมุมมองที่แตกต่างกัน
ภาคแรกสุดแล้ว แต่ไม่มีปัญหา ดูได้อยู่ ภาคนี้นำเสนอว่าจริงๆเค้าก็อยากเป็นคนธรรมดานั่นหล่ะ จบ ผมชอบเพลงแจ๊สอยู่แล้ว เข้าทางครับ ร้องตามได้เกือบทุกเพลง 😊
เป็นหนังที่ปรัชญาแบบสุดๆ การตีความ การทำความเข้าใจ Joker แบบแปลกจนให้คะแนนยาก คนชอบคือชอบเลย คนเกลียดคือเกลียดเลย
คนชอบน้อยอ่ะดิครับ ดูแค่คะแนน imdb ตอนนี้ได้แค่ 5.5/10 ถ้าจะใช้คำว่า "คนชอบก็ชอบ เกลียดก็เกลียดไปเลย" ต้องเรื่อง me before you ครับ เรื่องนี้มันยังได้ 7.5/10 สรุปเอาแบบปลายปิดดีกว่า มีใครชอบบ้าง กี่คน 5555
นี่คะแนนวันแรกนะ รอดูผ่านไปเดือนนึ่ง ผมว่าคะแนน ต่ำกว่า 5 แน่นอน5555
@@esanindii7575 ส่วนตัวผมให้ 8/10ครับ การตีความคนทั่วไป อาจไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แต่คนที่ผ่านเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า โรคอาการทางจิตจะเข้าใจหลายๆมุม หลายสถานการ์ณของหนัง ทำให้โครตเข้าใจในตัวละครและการที่ตัวหนังจะสื่อเราออกมา ไม่เหมือนภาคแรกแต่คืออีกแนวทางของ Joker ทำให้เราสลัด joker แบบก่อนหน้าหมดจด เดาทางไม่ออกว่าตัวตนเป็นยังไงกันแน่ ชอบครับ
ผมให้ 8.5/10 โดยรวมชอบและสนุกภาคนี้ สิ่งที่ชอบ เนื้อเรื่องที่ต่อจากภาคแรกแบบตรงเลยและเล่าได้ดาร์ค ฉากไต่สวนในศาลทำออกมาดีและลุ้นในแต่ละคำพูดของตัวละคร Arthur / Joker ภาคนี้ยังบทบาทชอลโรคจิตบ้าและน่าสงสารไปด้วย Lady Gaga บทบาท Harley Quinn อาจจะไม่เด่นมากแต่ก็สวยและเคมีเข้ากับ Joker ตัวละครอื่นบทบาทดีและชอบครับ ดนตรีประกอบฉากทำออกมาดี เพลงประกอบที่ร้องโดย Joker และ Harley Quinn ถือว่าเพราะและความหมายดี ดราม่าของอาเธอร์ถือว่าน่าสงสารและหดหู่เลย สิ่งที่ไม่ชอบ ตอนจบที่จบง่ายไปหน่อย เนื้อหาบางเรื่องเล่าน้อย
เป็นหนังเรื่องแรกที่ดูแล้ว เต็ม 10 ให้ -10ขอบคุณ จาบ้าา ทั้งเรื่องคือดูดบุหรี่ แล้วก็ร้องเพลง จบการรีวิว
จริงครับ โคตรน่าเบื่อ ดูแล้วจะหลับ
ทนดูได้แค่ 1ช.ม@@mercedespam
เสียเวลามากหลังจากที่ดูจบ เหมือนดูหนังภาราตะ ร้องเพลงและเต้นทั้งเรื่อง พวกฝรั่งมันชอบเหรอหนังแนวนี้ ผมนี่บ่นเลยกูทนดูจนจบได้ยังไงวะ
ดูหนังจาก พจน์ อานนท์ ต่อไป
จริงผมไม่อินเลยกับภาคนี้
เป็นโจ๊กเกอร์ ที่เป็นทาส ไม่ใช่ราชา
ที่เคยรู้จัก โครตทำร้ายคนดู
ควินน์คือตัวแทนของคนดู ที่พยายามยัดเยียดให้เฟลคเป็นโจ๊กเกอร์ แต่เมื่อตัวเอกยอมแพ้ทุกคนก็พากันทอดทิ้ง แต่ตอนจบก็มีความพีคที่สนองให้คนดูอยู่
เราเป็นฝั่งคนชอบเรื่องนี้ เพราะตีความผู้ป่วยออกมาได้ตรงจุดว่าป่วยจากการโดยครอบครัว สังคมทำร้าย มากกว่ายัดเหยียดให้สุดโต่งว่าต้องบ้าคลั่ง ซึ่งผู้ป่วยไม่ทำกันแบบนั้น แบบที่ฝ่ายใส่ร้ายที่พยายามให้อาเธอร์ยอมรับผิดซะ
ตอนแรกที่หนังเปิดมาเรารู้สึกเลยว่า ตัวหนังตั้งคำถามใส่อาเธอร์ซ้ำๆว่า หมดมุกแล้วหรอ ไม่มีมุกตลกมาเล่าแล้วใช่มั้ย มันเหมือนคำถามที่คนตั้งคำถามนี้ใส่ผู้กำกับเช่นกัน ซึ่งเราดู 2 ชั่วโมงกว่าเรารู้สึกว่าไม่มีช่วงไหนที่เบื่อเลย เรารู้สึกว่าทุกอย่างมันมีความหมายนัยยะเมสเสจหมดเลย ผู้คนที่สรรเสริญโจ๊กเกอร์ในหนัง ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ชอบหนังภาคแรกที่ดิบ เถื่อน รุนแรง บ้าคลั่ง เต็มไปด้วยดารเสียดสีและคิดว่า สิ่งที่โจ๊กเกอร์ทำในภาคแรกมันถูก แต่ในตอนท้ายที่อาเธอร์ทิ้งตัวตนโจ๊กเกอร์แบ้วบอกว่าโลกนี้มันไม่มีโจ๊กเกอร์ มันเหมือนกับการที่ตั้งคำถามกับคนดูว่า แล้วคุณล่ะ ชอบโจ๊กเกอร์ หรือ อาร์เธอร์ เฟลค ซึ่งเราบอกเลยว่าเรารักตัวตน อาร์เธอร์เช่นกัน เรารักในความคิดของเขาที่ไม่โทษใครเลย ยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วสังเกตในซีนท้ายๆมุมกล้องการวิ่งมันคือการย้อนทางกลับไปในจุดเริ่มต้นของภาคแรกหมดเลย มันคือการอำลาที่สวยงามมาก
ถ้าถามว่าอะไรที่เราไม่ชอบในภาคนี้ คือจุดเดียวเลยที่แฟนๆคอมมิคอาจจะชอบแต่เราไม่ชอบ คือการที่ทิ้งปมเรื่อง อาจมีโจ๊กเกอร์คนถัดไปเหมือนกับจะขายเฟรนไชน์นี้ต่อ ซึ่งคงไม่ใช่วาคีนฟีนิกซ์แล้วแน่ๆ เรารู้สึกว่าถ้าทำต่อเราคงเปิดใจยากถ้ายังอยากเล่าอะไรต่อจากบทสรุปนี้ แต่ถ้าเป็นการทิ้งท้ายเพื่อให้แฟนๆสร้างทฤษฎีต่อ เราก็ไม่มีข้อติเลย ส่วนละครเพลงเราว่ามันไม่เหมือนกับหนังดิสนีย์หรืออะไรแบบนั้นเลย มีคลาสสิคดิบ สื่อความหมายไม่ใช่แค่อยากร้องก็ร้องแต่เข้าใจที่ภาคนี้จะไม่ได้ขายตลาดทั่วไปได้ทุกคนเหมือนภาคแรก
Westside story /Lalaland
เนื้อเรื่องอยู่ในรพ. กับในศาล 🤣🤣 ที่เหลือจินตนาการ
สปอย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ทุกรักjoker…แต่ไม่มีใครรักarthur…อาเธอร์เลยอยากมีใครสักคนที่รักตัวเขาจริงๆรักในตัวเขาที่ไม่ใช่joker
Arthurคิดว่าharlyรักเขาจริงๆแต่ปรากฏว่าHarlyก็ดันรักเขาที่เขาเป็นjokerไม่ได้รักarthur
ไม่มีใครรักตัวตนจริงๆของเขาเลย😢 เท่านี้ที่ผมจับใจความได้
พวกฉากร้องเพลงช่วงแรกๆก็พอได้…แต่หลังๆมันมีเยอะมันน่าเบื่อๆๆผมจะหลับหลายรอบมาก
ส่วนตัวผมชอบนะ เป็นหนังที่มาเติมเต็มภาคแรกสำหรับชีวิตอาเทอร์ เฟล็กได้อย่างสมบูรณ์ ดูจบผมต้องใช้เวลาตกตะกอนสักพักถึงเข้าใจ แต่คนไม่ชอบก็เข้าใจได้ครับ หนังเรื่องนี้มีหลายเหลี่ยมหลายมุมมองที่จะตีความ
.สปอย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมไม่แน่ใจความคิดผู้กำกับรึเปล่าที่ทำอย่างนี้ เหมือนใครที่เกลียดหนังเรื่องนี้ เท่ากับคุณต้องการโจ๊กเกอร์ หรือใครที่ชอบหนังเรื่องนี้ เท่ากับคุณเข้าใจในตัวอาเทอร์ เฟล็ก ชายที่ถูกสังคมทำร้าย
@@nightemperror667 จะไปพูดเรื่องการตีความไปทำไมครับ ในเมื่อบทหนัง การเล่าเรื่อง มันแทบไม่มีอะไรเลย อืด ช้า มันฝืนไปหมด มันไม่มีพล็อตอะไรใหม่ หรือลูกเล่นเลย
@@esanindii7575 ไม่พูดเรื่องตีความได้ไงล่ะครับ ในเมื่อหนังนำเสนอออกมา แล้วเราเป็นคนรับสาร ผมเข้าใจอย่างนี้ ผมถึงได้แสดงความคิดเห็นอย่างนี้ครับ
ที่คุณไม่ชอบ ก็เป็นหนึ่งในการรับสารเป็นการตีความหนังจากคุณ คุณก็ไม่ชอบก็เป็นสิทธิ์ของคุณครับ ที่หนังไม่ถูกจริตคุณแค่นั่นเองครับ
@@esanindii7575 เค้าจะชอบก็เรื่องของเค้าดิ ไปเสือกอะไรด้วย
@@esanindii7575 การตีความมันก็คือการรับสารของแต่ละคนไงครับ ผมชอบ คุณไม่ชอบก็เป็นความรู้สึกของแต่ละคนครับ
ภาคแรกมันคือหยังล่ารางวัลโดยแท้จริง คนกลับหวังให้มันเป็นจักรวาลหนึ่งของหนัง dc
อยากให้พี่หมีรีวิว the substance มันดีย์มากกก
ภาคนี้คะแนนให้ 8/10 ครับโดยรวมถ้าทุกคนไม่คาดหวังจากภาคแยกไว้เยอะก็สนุกและดูเพลินครับ ตัวละครเอกของเรื่อง Arthur และ Lee ถือว่าชอบและเคมีดูโรแมนติกเลยครับ ฉากไต่สวนถือว่าชอบและลุ้นมากในแต่ละคำพูดของตัวละคร เพลงดนตรีถือว่าชอบและเข้ากับตัวหนังเลยครับ
เห็นในแอพลงไว้ว่าแนว drama musical แถมมีlady gaga มาเล่นด้วย ก็เตรียมใจอยู่ละก็ต้องร้องเพลงเยอะ แถมเป็นเพลงที่คุ้นหูมาก่อน ไม่ได้ฟังมานานมากละ สำหรับเราให้ผ่านนะคงเพราะชอบmusical มันเพลินๆดี ก็สงสารอาเธอร์ทั้งเรื่องเป็นนักโทษกับจำเลย แถมตอนจบนั่นคือโดนทิ้งอีก อยากรู้ว่าเพลงที่นักโทษร้องรวมชื่อเพลงไรอะ ทำนองมันคุ้นมาก
ภาคนี้คะแนน 8/10 โดยรวมชอบมากอยู่ครับแต่ไม่เท่าภาคแรก เนื้อเรื่องก็เล่ามีความดาร์คและหดหู่เหมือนเดิมสำหรับตัว Joker เพลงประกอบมิวสิคก็ถือว่าเพราะและความหมายสื่อถึง Arthur และ Lee ดีเลยครับ ฉากในความฝันของ Arthur ก็ถือว่าชอบเลยครับสำหรับทุกฝัน หัก 2 คะแนนตรงที่ 1.เนื้อเรื่องน่าจะเล่าสถานที่ให้เยอะกว่านี้ 2.ตอนจบที่ไม่เข้าดีและดูง่ายมาก
เนื้อเรื่องภาคแรกทำดีครับ แต่มันยังไม่ใช่โจ๊กเกอร์หรือเศษเสี้ยวของความเป็นโจ๊กเกอร์ แค่หนังของคนป่วยจิตเวช แพ้ภูมิสังคม หลอกคนรักโจ๊กเกอร์เข้าไปเสพว่ามันคือโจ๊กเกอร์เรียลๆ
มาภาคสองได้แต่ร้องเฮ้อจะกินบุญเก่า จะหลอกคนรักโจ๊กเกอร์ กับคนที่อยากเข้าใจโจ๊กเกอร์ คนรักฮาร์ลี่ควิ้น เข้าไปปลูกฝังความเข้าใจตัวละครผิดๆ
ผมยกให้เป็นภาคแรกหนังจิตเวชดีๆเรื่องนึงที่มีนักแสดงเก่งๆเข้าถึงเนื้อหาจิตเวช แต่ไม่ใช่ หนังโจ๊กเกอร์ ซักนิด แค่เอาชื่อมาอ้าง.... ส่วนภาคสอง ไม่อยากจะคิด
อ่านคอมเมนต์คนไปดู เข้าใจว่าภาคสอง จะทำมาเพื่อจบเคลียๆว่า ก็แค่ โจ๊กเกอร์เพียงชื่อ แล้วก็รูปลักษณ์ กินบุญเก่าอิ่มๆ
จบได้เห้มาก ปูภาค 1 มาซะให้คนดูเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงมาเป็น joker ชีวิตของอาเธอร์มันชีวิตที่เศร้าที่สุด มาถึงจุดที่เค้าเป็นโจ๊กเกอร์แล้วได้รับการยอมรับจากคนเป็นครั้งแรก แล้วสุดท้ายคือคนที่บอกว่ารักเค้า ทั้งควิน ทั้งแฟนคลับ คือรักที่เค้าเป็น joker ไม่ใช่ตัวตนจริงๆของเค้าที่เป็น อาเธอร์ ตอนจบคืออย่างน้อยให้เค้าได้ทำอะไรที่สนุกก่อนตายก็ยังดี แม่งให้ตายแบบอาเธอร์ ไม่ใช่ joker
ผมว่าภาคนี้เข้าใจง่ายกว่าภาคแรก การแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไหนอาเธอร์ ไหน joker ยิ่งมีการ์ตูนต้นคลิปอธิบายเปรยๆไว้แล้วด้วย ที่ส่วนใหญ่หลายคนไม่ชอบเพราะมันไม่มีฉากแอคชั่นเลย แทบจะ 0% มันเป็นแนว misical ที่ส่วนใหญ่คนไม่ค่อยชอบ
@@owensaharat2733 ที่คนบ่นหลักๆเลยคือบทหนัง การดำเนินเรื่อง ไม่มีความสนุกเลย เทียบกับ lalaland ยังไม่ได้เลย
@@esanindii7575 มันก็คงเหมือนอาหารครับ ไม่ได้ถูกปากทุกคน แต่สำหรับผม 9/10 ติดแค่ musical เยอะไปนิด
@@owensaharat2733 ผมก็แฟนดีซี แต่ไม่ไหวจริงๆ ใน imdb โดนสับเละเลยได้คะแนนแค่ 5.5/10 ส่วนตัวผมให้ 5/10 ไม่ไหวจริงๆ แย่สุดของหนังดีซี ที่เคยดูในโรง
เคยดู 127 hours ที่ทั้งเรื่องติดแต่ซอกหินยังครับ ไม่ได้สนุกอะไรเลย แต่ได้รางวัล เรื่องนี้ก็เหมือนกันครับ “หนังที่สำรวจความเป็นมนุษย์” ไม่ได้มีบ่อยๆ
ภาคเเรกเข้าใจง่ายกว่าเยอะครับ ถ้าจะตีความเเบบระเอียด
“มองดูรอบตัวซิ ทุกคนที่อยู่ข้างนอกนั่น มองดูกล้องนี่ซิ คิดว่าทุกคนเห็นใคร”
สถานการณ์ตอนนี้ หลายคนที่ดูหนังก็ยังคงเห็นและคาดหวัง ให้เขาเป็น joker อยากให้เขาระเบิดมันออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่ เพราะเขาเลือกที่จะเป็นอาเธอร์ สุดท้ายผู้ชมหลายคนก็คือตัวลครสุดท้ายที่ลงมือกับอาเธอร์
แพดเดิล หนึ่งคนที่เข้าใจว่าเขาคืออาเธอร์ ไม่ใช่โจ๊กเกอร์
ตอนทีเซอร์ออกแรกๆแอบตื่นเต้น พอออกมาเรื่อยๆความน่าสนใจมันลดลงเรื่อยๆ รู้สึกถึงความไร้เส้นเรื่องและพยายามให้มองตัวตนของอาเธอร์มากเกินไป เอาจริงๆตัวหนังมันชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วนะ ไม่มีใครสนใจตัวตนของอาเธอร์เฟลคหรอก สิ่งที่คนสนใจคือโจ๊กเกอร์ พอนำเสนอออกมาแบบนี้กับตัวละครที่มีสเน่ห์มากๆกลายเป็นปัง ปิ นาศ
ดูเเล้วอึดอัดมาก เครียด เเต่ชอบมากด้วยเช่นกัน เป็นหนังที่ไม่เหมือนที่คาดไว้จริงๆ แอบชอบมุมที่เพ้อฝันของโจ๊ก เพราะตัวผมเองก็แอบเป็นเหมือนกัน
มาแบบอินดี้ … ไปแบบอินดี ❤️ สู้ๆครับทั้งหนังทั้งแอดมิน เป็นกำลังใจกำลังดันๆๆๆ ให้ครับ 🙏🏻
นิทานเรืองนี้ 😅😅😅ยุกนี้ การแสดงและการตราด😅😅😅❤❤❤ขอบใจ ที่ให้ชม อุย กา กา มายังไงวะ ในแบบหนังอินเดีย 😅😅😅
ใจเย็นๆ พิมพ์ภาษาไทยให้ถูกก่อน
หลายคนอาจจะงงว่าทำไมจบแบบนี้
ผมมองว่านี่คือประเด็นตั้งแต่ภาคแรก เพราะว่ามีคนออกมาประท้วงนู่นนี่นั่น ภาคนี้เหมือนเค้าพยายามทำให้มันหักลบกัน จบแบบนี้ไม่ต้องมีก็ได้มั้งภาคนี้
ผมว่ามีอ่ะดีอยู่เพราะตอนจบมันต่อยอดได้ตอนที่โดนแทงตายโจ๊กคนใหม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะไอคนแทงกีดหน้าตัวเองหน้าเหมือนในเรื่องแบทแมนมาก
100/10❤ ชีวิต Arthur fleck น่าหดหู่มาก, เขาแค่อยากเป็นคนธรรมดาทั่วไปเหมือนกับคนอื่นๆ มีแค่พวกคุณเท่านั้นที่คาดหวังอยากเค้าเป็นอย่างที่พวกคุณต้องการ, เป็นหนังที่เล่นกับจิตใจคนดูได้ดีมาก ลึกซึ้งจริงๆ
ผิดหวังมาก😢
กั๊กไปหมดเลยภาคนีั
ให้ภาค1เป็นที่สุดในดวงใจ
แม่งถึงใจมากๆ❤
ผมชอบตรงความแตกต่างสุดขั้ว ระหว่างภาคแรก กับภาค2 แต่ตอนจบภาค2พีคจริงๆครับ❤
Fc ช่องนี้ หมีมูฟวี่
ผมว่าภาคนี้ เฉยไม่ควรมีภารต่อเลย
จริงครับ มันไม่ควรมีภาคต่อ มันเป็นละครคุณธรรมเลย ขนาดไม่คาดหวัง แต่มันเกินไป เอา joker มาปู้ยี้ ปู้ยำแบบนี้ เป็นไอ้ขี้แพ้แบบนี่ รับไม่ได้จริงๆๆๆ
รอเม้นเหยียดคนไม่ชอบ=พวกดูหนังไม่เป็น😂😂
ทำรีวิว The substance หน่อยคับ
คนที่มาจิ้มจุ่มตอนสุดท้าย คือโจ๊กเกอร์ของเวอร์ชั่น แบ๊ตแมน โรเบิร์ด
ผมคิดว่ามันต้องมีอะไร
คนเรานี่ก็แปลก พอภาคแรกทำไว้ดีมากๆ ก็อยากให้มีภาคสอง พอภาคสองทำได้ไม่ถูกใจ ก็จะบอกว่าไม่ควรทำ หนังมันจบไปตั้งแต่ภาคแรกแล้ว
ภาคแรกชอบมาก แต่ภาคนี้บอกได้เลยว่าผิดหวังมากๆ (สำหรับผมนะ)
พึ่งดูจบมา ค่อนข้างผิดหวังกับภาคนี้เพราะยังมีความเป็นอาเธอร์ เฟล็คอยู่
อยากให้สติแตกกลายเป็นjokerแบบเต็มตัวเลยมากกว่า ไม่งั้นจะให้หนังชื่อว่าjokerทำไม คนดูเขาอยากดูjokerไง😅
ก็อาจจะเป็นปมต่อให้มีโจ๊กเกอร์ที่ได้รับแรงบัลดาลใจจากอาเธอร์ ที่ตายตอนจบแสดงว่าโจ๊กเกอร์ที่เป็นวายร้ายของแบทแมนที่ยังไม่กำเนิดตอนนี้แล้วได้อาเธอร์เป็นinspiration จนลุกขึ้นมาก่ออาชญากรรม มั้งคับ
ภาคเเรกลงตัวสุด เเต่การเเสดงของวาคีน ฟินิกซ์ เป็นการเเสดงที่ดีตลอดมา
ส่วนตัวคิดว่าตอนจบจะปูไปหาแบทแมน2 มีตั้งโจ๊กต่อและ ฮาวี่ที่โดนหน้าไปละ
ชอบภาคแรก แต่ ภาค2 ก็โอเคไม่แย่ขนาดนั้นคะ ดูได้❤ ชอบเจ้ กาก้า
การที่มีคนไม่เกลียดก็ชอบหนังภาคนี้มากๆเหมือนเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายเลยค่ะ ก็เหมือนในหนังนั่นแหละคุณเห็นตัวอาร์เธอร์ เฟล็ค หรือคุณชอบโจ๊กเกอร์ สต.ชอบมากค่ะ เห็นด้วยในส่วนที่มันยืดไปในบางตอนแต่พอนั่งเอาใจไปใส่ไปคิดตามแล้วมันimpact จริงๆ🥹
ถ้ามองอีกมุมฮาลีย์ คือโจ๊กเกอร์นี่แหละที่พยายามชักนำ อาเธอร์ ให้เป็นโจ๊กเกอร์ในแบบที่ทุกคนต้องการพยายามสร้างโชว์ให้อาเธอร์เป็นโจ๊กเกอร์ จะมีโจ๊กเกอร์ได้ 2 ตัว คือคนที่อยู่ในตอนจบกับลูกของฮาลีย์ที่อาจจะท้องจริงๆ
ภาค2คือหนังธรรมดาๆ (ที่ภาพสวยและเป็นมิวสิคัล)ที่ให้เราดูผลกรรมของjoker
เสียดายดูไม่จบต้องออกก่อน😢
มันไม่ได้สนุกอะเพราะพึ่งดูโจ๊กภาคนี่เป็นภาคแรกแต่มันดูได้เรื่อยๆสำหรับผม
แต่ชอบเพลงในเรื่องมากก
ภาค 2 ถ้าทำสไตล์เดียวกับภาคแรก เนื้อเรื่องก็ต่อจากภาคแรก ภาคนี้กลายเป็นโจ๊กเกอร์แบบเต็มตัว ถ้าอยากจะแทรกเพลงก็แทรกเข้าไปให้มันพอดี ผมว่าคนดูส่วนใหญ่จะชอบมากกว่านี้นะ
คุยกับเพื่อนไม่ได้เลย หลับๆตื่นๆ ทั้งเรื่อง 😂 ตื่นมาตอนระเบิดแล้ว
Harvey Dent เวอร์ชั่นนี้ที่แสดงโดย Harry Lawtey บทบาทและคาแรคเตอร์ถือว่าชอบดีเลยครับดูเป็นอัยการและคนมีความรู้ดี ถ้ามีภาคต่อคงเป็น Two Face เพราะฉากที่เห็นว่าไม่เสียชีวิตหน้าตามีผลจากการระเบิดด้วย
ส่วนตัวมองว่า ไม่มีจุดที่ทำให้โจ๊กเกอร์จะไปเป็นจอมโหด จอมวางแผนได้ยังไง ไม่มีเลย ออกจะสำนึกได้ตอนจบด้วยซ้ำ
ชอบนักแสดง การแสดง แต่ดูละดาวน์ไปตอนท้าย
ตอนท้ายที่โดนแทงมีเฉลยว่าจะมีภาค3ต่อคนที่แทงนี่แหละจะเป็นโจ๊กเกอร์คนต่อไป เพราะว่ามีการขำอย่างบ้าครั่งพร้อมกับกรีดปากตัวเองและถูกอาเทอร์ทำร้ายความรู้สึกว่าตัวเองเคยอยู่ในสังคมที่ตัวตนเป็นโจ๊คเกอร์แต่ต้องยอมแพ้ จนต้องฆ่าอาเทอร์แล้วสวมบทบาทโจ๊กเกอร์เข้าตัวเองแทนแล้วพ่อที่กรีดปากโจ๊กเกอร์ในภาค2008คือ อาเทอร์ เอาเป็นว่าผมชอบภาคนี้ครับทั้งแนวคิดเนื้อเรื่องต่างๆ
อารมณ์แบบ Chicago เลยครับ เพลงนึกจะโผล่ก็โผล่ แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องนั้นมันอยู่หมัดกว่า Joker มากๆ ยิ่งฉากศาลคือหยั่งกะแรงบันดาลใจ แถมเพลงกะแสงสีนี่จัดจ้านกว่า Joker เห็นๆเลย
งง นึกว่า Lalaland 😂
ตอนจบผมว่าผมชอบนะครับ เซอร์ไพรซ์มากเลยล่ะ
โจ็กเกอร์ หนึ่งในใจผม คือ ฮีธ เพราะบทมันมีทั้งความเฉลียวฉลาดในการวางแผนปั่น + บุคคลิกที่นักแสดง สร้างขึ้นมา มันเหมาะสมที่สุดแล้ว
เป็นหนังที่ดีมาก มากมากเลย มันแฝงปรัชญาในทุกบท สภาพแวดล้อม คำพูด เพลง และการมองของตัวละคร ผมมองในหลายแง่มุมจนรู้สึกขนลุกเลย แต่พอมามองในมุมของตัวเอง มันแอบน่าหัวเราะจริงๆ โจ๊กเกอร์คือหน้ากากที่ถูกสวมจริงๆหรือเป็นแค่คนคนหนึ่ง ถ้าบอกว่าเป็นแค่หน้ากากตอนท้ายของศาลที่บอกว่า"ในโลกนี้ไม่มีโจ๊กเกอร์" แล้วตั้งแต่แรกคืออะไร แล้วถ้าบอกว่าโจ๊กเกอร์เป็นแค่คนคนหนึ่งแล้วคนคนนั้นเป็นใคร เป็นแค่นักแสดงตลกที่ขายไม่ออก เป็นแค่คนที่พยายามดิ้นรนเพื่ออิสระภาพ
คำพูดที่ว่า"เกเบรียลมารับฉัน"หมายถึงอิสระภาพหรอ ผมคิดว่ามันอาจหมายถึงการปล่อยบทบาทของโจ๊กเกอร์ออกไป การปฏิเสธบทบาทและตัวตนของโจ๊กเกอร์ คือฉากจบเดียวเพื่อหยุดวังวนนี้ หยุดผู้คนมากมายแต่งตัวเลียนแบบเพื่อเป็นโจ๊กเกอร์
ก็เหมือนการร้องเพลง ยิ่งผู้คนร้องตามก็ยิ่งเกิดการผลักดัน เราต้องดิ้นรนขึ้นไป ต้องแสดงในสิ่งที่เขาต้องการ โจ๊กเกอร์แสดงคนเดียวเสมอมา มีแค่คนคนเดียวแสดงให้ทุกคนเห็นถึงมุขตลกที่มันไม่ตลก เสียงหัวเราะเกิดจากตัวเขาไม่ใช่มุขตลกที่ถูกเล่าออกมา
สิ่งที่ทำให้ตลกไม่ใช่มุขหรือเนื้อหาที่ถูกเล่า แต่เป็นตัวบุคคลต่างหากที่ทำให้เราเชื่อว่ามันตลก คนเราไม่เคยถอดหน้ากาก สุดท้ายถ้ามันมีสีสันแห่งความบันเทิงเพราะโจ๊กเกอร์
คำพูดของนักโทษที่กล่าวในตอนท้ายนั้นง่ายมากแค่ "ว้าวผมดูตลกของคุณเสมอมามันตลกมาก แต่แล้วคุณก็บอกว่าคุณไม่ใช่นักแสดงตลก เพราะงั้นผมเลยจะเซอร์ไพรส์คุณด้วย..การทำให้คุณเป็นเรื่องตลกจริงๆ"
มันเป็นฉากที่ตลกมาก เป็นมุขตลกที่น่าตลกจริงๆ เพราะมันไม่มีเนื่องไหนจะตลกเท่ากับคนที่สร้างเสียงหัวเราะและความบันเทิง ได้กลายเป็นมุขตลกจริงไหม😂😂😂😂😂
ผมว่าหนังมันดีมากเลยนะ ทำเอาอยากรู้เลยว่าความรู้สึกของนักเเสดงกับผู้กำกับตอนสร้างเรื่องนี้เขาจะรู้สึกยังไง
ส่วนตัวไปดูแล้ว และหามาก่อน เลยรู้ก่อนว่าเป็นมิวสิคคัลที่ตัวเอกจะมีการร้องเพลงในอารมณ์ที่รู้สึก deep จริงๆ พอไปดูไม่ได้ผิดหวังมาก เพราะบางฉากก็ deep จริงถึงมีเพลง แต่บางฉากที่ไม่ต้องใส่ก็ได้กลับมีเพลง แต่มันก็ไม่ได้ทำใผ้เนื้อหาไม่สนุก เพราะลุ้นตลอดว่าจะจบยังไง สรุปจบออกมาดีเลย และการที่เค้าปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นโจ๊กเกอร์ แล้วทำให้เรารู้สึกว่าไม่พอใจเลย ทำไมเป็นงั้น ก็สามารถตอบได้แล้วว่าเรานี่แหละโจ๊กเกอร์ 🃏
เข้าใจมี่เขาจะสื่อนะ ประมาณว่าอาเธอช่วงท้ายคงจะอยากให้คนยอมรับเขาที่ตัวเขาจริงๆแหละ แต่สุดท้ายเขาก็ได้รู้ว่าทุกคนมองแค่โจ๊คเกอร์ก่อนตายจึงเป็นฉากโจ๊คเกอร์ออกมาจะสื่อว่าสุดท้ายเขาก็กลับไผเป็นโจ๊คเกอร์ แต่บอกตรงคำแรกหลังดูจบคือจะสร้างมาเพื่อ ไม่อินเลย ไม่มีก็ได้อะภาคนี้
นักแสดงดี ถ้าคิดถึง joker bank heist ทุกนักแสดงทำดีครับ
The entertainers ครับหนังเรื่องนี้ พอผมเก็ตตรงนี้แล้วดูไปขนลุกไปครับ เลดี้กาก้าน่ากลัวมากในเรื่องนี้
โจ๊กเก้อ เบ๊อะบะเอ๋อเหลอ
ภาค 1: วาคีน ฟีนิกซ์ แสดงได้ "สะดุดอารมณ์" (ในบาง/หลายฉาก...?) แต่ ส่วนตัวคือ รู้สึกว่าหนังมันอืด, อืดดดซะจนผมรู้สึกสยอง+อึดอัดใจทุกครั้งที่คิดจะกลับไปหาดูใหม่
ภาค 2: ถ้านักวิจารณ์หลายคนทั้ง ไทย/เทศ ออกมาแพมๆว่า หนังมันเดินเรื่องไปในทางตะต่อนยอนชะเอิงเอย กว่าภาคแรก ส่วนตัวผมฟันธงเลยคือ "ไม่ดู" ทั้งนี้ก็รวมถึงหนังที่เกี่ยวข้องอย่าง The Batman ด้วย คือไม่ปลื้มสุดๆ ใครจะว่าผมดูหนังไม่เป็นก็ช่างเหอะ
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้มีปัญหากับหนังจำพวก Slow Burn นะ แต่ทั้งโจ๊ก,เดอะแบท มันไม่ใช่แนวจริงๆ และส่วนตัวก็ไม่ได้มีรสนิยมตามกระแสด้วย
อารมณ์รู้สึกเหมือนอาเทอร์แค่ต้องการคนที่เข้าใจในตัวเขาในสิ่งที่เขาเป็น(ในฐานะอาเทอร์ไม่ใช่โจ๊กเกอร์) แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเข้าใจอยู่ดี
แล้วพากไทยนี่ตอนร้องเพลงเค้าร้องไทนหรือขึ้นsub ครับ
ซับครับ
เราชอบตอนจบนะ แต่ไม่ชอบการเล่าเรื่องที่ทำให้เป็นแบบมิวสิคัล
ชอบมากครับ หนังดูจิตดี
เรียบไป ไม่มีไรครับ แต่ก็จริงนะ มีภาคต่อทำไมนี่
ผมดูแล้วผมร้องไห้…คุ้มแล้วครับ
ฟิลแบบผู้กำกับไม่ได้อยากทำภาคต่อ แต่ ทางค่ายอยากให้ทำ ก็เลยทำให้จบๆไป แต่ไม่แย่นะ แค่ภาคแรกมันจบไปแล้ว ภาคนี้เลยกลายเป็นว่า โจ๊คเกอร์เปรียบเหมือนศาสนาโจ๊กเกอร์ ที่มีฐานสาวกสานต่อ
หลังจากดูภาคสองไปผมตบหน้าผากตัวเองไปทั้งหมด 18 ครั้งได้ครับ อึดอัดสุดๆจิกจอนเก้าอี้ขาดเมื่อไหร่จะจบ มันไม่ควรมีภาคสองจริงๆ 4/10
หนังตั้งใจให้นายรู้สึกแบบนั้น และมันก็ทำได้ดีด้วย😊
หนังมันทำให้นายรู้สืกเหมือน ปชช ในเมืองก็อดแทมนั้นและ ทุกคนในเมืองรอดู joker มันก็เหมือนเรารอดูนั้นละ
ผมสรุปได้แค่ว่าภาคแรกทำให้เราต้องการ joker แล้วภาคสองเขาแค่อยากเป็นตัวเองแต่เราที่ไม่พอใจเพราะเราไม่ได้ joker หรือหนังพยายามบอกว่าตัวเราเนี่ยแหละที่ยัดความเป็น joker ให้เหมือนสังคมที่สร้าง joker
ไม่รู้จะฉากร้องเพลงจะเยอะอะไรนักหนา ดูแล้วหงุดหงิด (เหมือนอยากใช้ตัวกาก้าให้คุ้ม) 😂
มีไม่มี ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆๆ คือ ควรมีต่อไปแระต่อๆ ไป เพราะ คนรุ่นหลัง ยังไงก็สานต่อ ซึ่งอันนั้น เราไม่สามารถ ยังยั้งไว้ได้
ซึ่งวันนึงเราตายไป คนรุ่นต่อๆ ไปเขาก็ทำต่อไป แล้ว มันได้อะไรล่ะ ??? ไม่รู้ คิดเอา
หนังรัก จิตวิทยา เวอร์ชั่นนักโทษ ที่เป็นมิวสิคคอล กึ่งอาร์ต ปรัชญา จบแปลก ๆ ครบ
เซ็งเลยครับเพิ่งออกมาจากโรงภาพยนตร์ ดูโรง1ด้วย
จริงๆเรื่องนี้มันเป็นโจ๊กเกอร์ที่ป่วยมาแต่แรกๆเรื่อง คนก็มักหงุดหงิดได้เสมอเห็นในสังคมยังมี ที่หงุดหงิดการกระทำของผู้ป่วยซึมเศร้า หรือป่วยสองบุคลิก ยังไงก็ทำให้คนดูหงุดหงิดอยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับตัวโรคจริงๆ แม่งแสดงออกมาเหมือนคนป่วย อันนี้สิน่ายกย่อง เรากลับชอบเรื่องนี้มากๆในรอบปี มันแล้วแต่คนจริงๆ การร้อง แสดงอารมณ์ ให้เข้าใจตัวตนของอาเธอร์จริงๆ ฉากที่เริ่มอธิบายในศาลคนอาจจะไม่เข้าใจ แต่เราเข้าใจดีเลยว่าคนโดนกระทำจากครอบครัวมันรู้สึกยังไง ค่อนข้างเข้าใจยากหน่อยเพราะเป็นการวินิจฉัยทางการแพทย์ พระเอกคือแสดงดีเหมือนเดิมในเรื่องการป่วย เหมือนป่วยในรพ จริงๆ การร้องคือเน้นสื่ออารมณ์มาก ทุกคำที่ร้องแปลเป็นบทด้วย ร้องไห้ทุกฉาก บทอาจจะบ้งติดผญไปนิด แต่เข้าใจได้เพราะขาดความรักและไม่มีใครรักโจ๊กเกอร์เลย ใดใดเราชอบที่อาเธอร์เป็นตัวเขา ไม่ใช่โจ๊กเกอร์แต่แรก คนอาจจะคาดหวังให้เป็นโจ๊กเกอร์ จะเฟลหน่อย เนื้อหาคือดราม่าตามเดิม แบบไม่พีค เล่าชีวิตการตัดสินตามปกติของศาล เรียล
สิ่งที่น่ารำคาณตรงที่มันร้องเพลงเยอะจนน่ารำคาณ บางทีกำลังทำความเข้าใจกับเรื่องที่จะไหลไปตามบริบท แต่เอาเพลงมาขัดอารมณ์ตรงนั้น เหมือนขับรถจากจุดนึงไปจุดนึงมีวิวสวยๆแต่ลูกระนาดตลอดทาง น่าหงุดหงิด
มันจบแต่ภาคแรกละครับ แต่ ภาคนี้ เพลงเพราะนะ แต่ผมอยากให้ เค้าเป็น โจ๊กเกอร์ แบบใน dc มากกว่า แต่ก้นะ นี้คือโจ๊กเกอร์ ในแบบ ฉบับ ของ วาคิน ฟีนิกซ์ ละ แต่ โจ๊กเกอร์ ที่ดีที่สุด สำรับผม ยกให้ ฮีท เลทเจอร์ครับ
หนังสนุกนะ ตอนดูไม่มีง่วงเลย แต่ก็แล้วแต่ละคน ❤
พึ่งดูจบ เลดี้ ก้าก้า สวยมากกกก จบแบบจึ้งเลย
ผมคิดว่าอาเธอร์ มีอาการ2บลุกคลิก
จริงๆ ช่วงที่อาเธอร์คิดก่อนจะเป็นทนายตัวเอง
คือช่วงที่ มีอาการนั้นขึ้นมาจริงๆแล้วหลังจากช่วงนั้นที่กลับจากศาล สังเกตุดีๆเราจะเห็น
ช่วงเวลาที่อาเธอร์ นึกย้อนถึงตอนที่เค้า
อ่อนเเอ เหมือนจะกลับมาเป็นอาเธอร์ปกติ
ผมคิดในมุมของผมนะ
คนที่ชอบเพลงคลาสสิกแบบผมชอบมาก
Joker 2 : Folie à Deux = ความบ้าคลั่งของสองคน
เกร็ดความรู้จากหนัง
Joker 2 Folie à Deux (ฟอลีอาเดอ)
กลุ่มอาการจิตเวชที่บุคคลหนึ่งส่งผ่านอาการหลงผิดไปยังอีกบุคคลหนึ่ง
ฟอลีอาเดอ (ฝรั่งเศส: folie à deux; "ความบ้าของสองคน") โรคจิตร่วม (อังกฤษ: shared psychosis) หรือ โรคหลงผิดร่วม (อังกฤษ: shared delusional disorder, SDD) เป็นกลุ่มอาการจิตเวชพบได้ยาก
ที่ผู้ป่วยมีอาการหลงผิดและประสาทหลอนในบางครั้ง ซึ่งผู้ป่วยสามารถ "ส่งผ่าน" อาการไปยังอีกคนได้
ใช่เลย ร้องเพลงจนน่าเบื่อ บทงงๆ 6.5/10
อืมผมมองว่าหนังมันยัดบทให้เลดี้กาก้ามากเกินไปจนผมมองว่ามันเยอะเกิน จริงๆนักแสดงดีมากแต่ผมว่าบทไม่ดีเท่าไหร่
รู้สึกเซอร์ไพรส์นะครับ ที่ได้เห็น ฮาฟวี่เดน และ ฮาลี่ย์ รอดูภาค 3 ต่อเลยครับ ว่าจะมาแนวไหนอีก รอตอนแหกคุก ❤❤ แต่นักแสดงทุกคน โคตรเข้าถึงบท ยิ่งไอ้คนโรคจิต ยิ่งอินจัด โคตรเหมือนจริงๆ ❤❤
เมื่อคืนนี้ผมดูtransformers one โคตรมันส์โคตรดีโคตรอิน
ที่แน่ๆ หนีออกโรงไป อย่างน้อย 2 คู่
อันนี้จริง555555 มีจริงๆครับเมื่อวาน
ส่วนตัวดูเข้าใจและรับรู้ถึงสิ่งที่หนังสื่อออกมา แต่หนังมันทำร้ายกันเกินไป รู้สึกเจ็บปวดไปกับโจ้กเกอร์ มิวสิคเคิ้ลก็ทำได้ดี เพลงดีมากๆ แต่อยากดูแบบดราม่าล้วนๆมากกว่า อยากดำดิ่งไปโดยไม่โดนกระชากโดยเพลง (แม้เพลงจะดีมากๆ)
ผมเห็นด้วยนะที่ว่าถ้าไม่รักก็เกลียดเลย แต่ส่วนตัวผมชอบนะ