ทฤษฎีที่น่ากลัวที่สุดที่นักวิทยาศาสตร์ไม่อยากพูดถึง
Вставка
- Опубліковано 31 січ 2024
- ในคลิปนี้ เราจะมาพูดถึงทฤษฎีความโกลาหล (Chaos Theory) ซึ่งเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่อธิบายว่าระบบที่กำหนดโดยกฎตายตัว สามารถแสดงพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ ตัวอย่างเช่น การกระพือปีกของผีเสื้อตัวเล็กๆ ในบราซิล อาจส่งผลต่อสภาพอากาศในเท็กซัส และทำให้เกิดพายุทอร์นาโดได้
ทดลอง เล่น Chaos Game
www.geogebra.org/m/yr2XXPms
ทฤษฎีความโกลาหลยังเกี่ยวข้องกับ "ความสุ่ม" (Randomness) ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น ผลลัพธ์ของการโยนลูกเต๋า
ทฤษฎีความโกลาหลยังอธิบายถึง "แฟร็กทัล" (Fractal) ซึ่งเป็นรูปทรงที่บิดเบี้ยวและซ้ำๆ ที่เรขาคณิตแบบดั้งเดิมมองว่ายุ่งเหยิง แต่แฟร็กทัลมีประโยชน์มากมาย เช่น สามารถใช้เพื่อวัดความยาวของชายฝั่งจำลอง การจำลองการแตกแขนงของต้นไม้ที่ซับซ้อน และเข้าใจการไหลของของเหลวที่ปั่นป่วน - Розваги
ทฤษฎีนี้เคยเอาไปนิยามเรื่อง ใครคือผู้สร้างโลก ที่หน้าท้ายๆได้พูดถึงว่า "ไม่มีทั้งพระเจ้า และผู้สร้างโลก ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากความเป็นไปได้ ถ้าเปรียบเทียบว่าโอกาสที่โลกจะเหมาะเจาะต่อสิ่งมีชีวิตได้ ก็เหมือนการทอยลูกเต๋า100ลูกโดยให้ทุกๆลูกออกมาหน้าเดียวกัน แน่นอนว่าถ้าทอยแค่ครั้ง2ครั้ง หรือ1,000 ครั้ง โอกาสก็น้อยมาก แต่ถ้าทอยเป็นจำนวนอนันต์ครั้ง โอกาสที่จะมีแน่นอนว่าไม่ใช่ 0 แน่นอน เช่นเดียวกับที่โลกจะเหมาะเจาะต่อสิ่งมีชีวิตได้ ก็ต้องมีดาวเป็นอนันต์ แล้วค่อยมีน้อยกว่า 0% ที่จะต้องมีสภาวะเหมาะต่อสิ่งมีชีวิต"
😂😂😂🎉แสดงว่ารถยนต์ที่วิ่งเเล่นอยู่บนถนนมันเกิดขึ้นมาเองโดยไม่มีผู้สร้าง สิ่งแวดล้อมทั้งโลกและจักรวาลนั้น มันมีความเป็นระบบระเบียบเรียบร้อยมีความสมดุล
( ภูติผีปีศาจคุณคิดว่าไม่มีอยู่จริง?)
*คุณคิดว่านรกสวรรค์ไม่มีจริง?
*บาปกรรมไม่มีจริง?
*จากประสบการณ์ชีวิตผู้คนมากมายที่พบเจอเรื่องพิศวงคุณคิดว่าเขาโกหก?
*ถ้าคิดว่าเขาโกหกเเสดงว่าคุณดูถูกพวกเขาเเละคุณดูถูกพระเกจิอาจารย์หลายคน😂😂😂
คนเรานี่บางทีก็ตลกเเละไร้สาระเพราะมักจะคิดอะไรย้อนเเย้ง🎉🎉😅
คุณคิดได้แค่นั้นจริงๆเหรอต่อให้ลูกเต๋าให้ออกเลข 4 แล้วให้ไปลงอยู่ในแก้วพอดี ติดต่อกัน 4 ครั้ง
และแก้วนั้นก็ ขยับไปตำแหน่งที่เหมาะเจาะ แล้วมันก็แตกออกเป็น 4 ส่วนแต่ละส่วนจากแก้วน้ำจะกลายร่างเป็นลูกเต๋า
ถ้าคุณคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมาจากความบังเอิญถ้าคุณคิดว่านรกสวรรค์ไม่มีจริงบาปกรรมไม่มีจริงแสดงว่าคุณนั้นอวดรู้และอวดฉลาดและมั่นใจเกินร้อยเพราะไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนที่มั่นใจเหมือนคุณ
นักวิทยาศาสตร์เขายึดหลักฐานเขายึดความเป็นจริงอะไรที่เขามั่นใจเขาไม่พูดแต่คุณคุณไม่มั่นใจแต่คุณแสร้งทำเป็นว่ามั่นใจ
คุณเขียนรายงานยื่นรับรางวัลโนเบลได้เลยครับเรื่องต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตแล้วก็คัดค้านเรื่องนรกสวรรค์นั้นไม่มีอยู่จริงบาปกรรมไม่มีจริงแล้วแสดงหลักฐานแล้วคุณก็จะรวยทันทีมีแต่คนเข้ามาขอพบ
ขนาดนักวิทยาศาสตร์เขาเรียนมาทั้งชีวิตเขาไม่ได้มีความมั่นใจเหมือนคุณแต่คุณมั่นใจเกินร้อยมั่นใจและอคติอะไรๆจนเกินไป
คุณมั่นใจแต่ไม่มีหลักฐานอะไรมาแสดงมายืนยัน
ถ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์อะไรที่เขาไม่มั่นใจเขาก็ไม่กล้าพูดไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนที่กล้าพูดกันได้เต็มปากเต็มคำว่านรกสวรรค์ไม่มีจริงบาปกรรมไม่มีจริง
อย่าทำเป็นรู้มากกว่าคนที่เขาทุ่มเทในสายงานอาชีพนั้นๆทุกคนมีความเชี่ยววชาญต่างกันอะไรที่เราไม่เชี่ยววชาญอย่าไปอวดรู้มากกว่าเขา
@@SUNDAYLEGENDARY ตีความแตกมั้ย? ฉันพูดถึงในหนังสือที่เคยอ่าน ฉันไม่ได้เอาความคิดตัวเองมาเม้นท์ อ่านดีๆก่อนเม้นท์ แล้วสิ่งที่คุณบอกว่าฉันคิดได้แค่นี้ คุณมีวุฒิภาวะพอรึยัง เอาความเชื่อของตัวเองเป็นศูนย์จักรวาล ถ้าจะบอกว่าไม่เชื่อ ก็พิมพ์ดีๆ อย่ามาต่อว่าคนอื่น มันบ่งบอกว่าคุณถูกเลี้ยงดูมายังไง
@@Meramie-dx3td
จัดไปครับยาวไปผมชอบการสนทนาที่เเบบต้องปะทะคารมมีสีสันบ้างไม่งั้นน่าเบื่อครับขอบพระคุณที่เสียเวลามาคุยกันกับผมเด้อครับจุ้ปๆๆรักนะครับ
ใช่ ต่อให้เราคาดเดาอนาคตได้อย่างถูกต้องทั้งหมด อนาคตก็จะเปลี่ยนไปเพราะเราทราบถึงอนาคตนั้นๆ นั่นหมายความว่าเราได้เพิ่มตัวแปรที่ไม่มีในการคำนวณแรก แปลว่าต่อให้เราคำนวณซ้ำอีกกี่ครั้งอนาคตก็จะเปลี่ยนไปทุกครั้ง เพราะหากเราสามารถใส่ตัวแปรเล็กๆนี้เข้าไปได้แต่แรก เราจะจำเป็นต้องคำนวณอีกต่อไปทำไม ในเมื่อคำตอบของความยุ่งเหยิงทั้งหมดของอนาคตอยู่ในตัวแปรนี้แล้ว
ครับด็อกเตอร์สเตรนท์
ตัวแปรมันมีเยอะมาก มีค่าแวเรียน ค่าอิทธิพลมากน้อยต่างกัน แถมตัวแปรมีหลายประเภท ตัวแปรควบคุม ตัวแปรส่งผ่าน สารพัดตัวแปร
แค่การขยับตัวต่างกันอนาคตก็น่าจะเปลี่ยนแล้ว
อนาคต ทุกคนรู้ว่าต้องตาย แต่ไม่รู้ว่าตายวันไหน รู้แล้วว่าเกิดมาต้องตาย แต่ไม่สามารถแก้ใขหรือเปลี่ยนมันได้
ผมมีคำถามครับพี่ๆ...ทำไมเวลาผมอยู่ในที่ลับตาและสภาพอากาศเหมาะสม..ผมจะใช้มือข้างถนัดจับkวยแล้วขยับขึ้นลงโดยใช้เวลาพอประมาณ...ผมไม่เข้าใจว่ามันเป็นกฏของธรรมชาติหรือเป็นอำนาจลี้ลับบางอย่าง..และทุกครั้งมันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลย
ขอบคุณกับคลิปที่ดีๆนะครับ🙏
ได้ทั้งความรู้😇 และ ได้ความสนุกในการจินตนาการที่เหนือขอบเขตของความรู้สึก 👼 💖
3:18 มันอาจจะเป็นความเป็นระเบียบของความรู้สึก สัมพันธ์กับความเป็นไปได้ที่จุดถูกวาง มันอาจจะถูกสะกดจิตถึงสามเหลี่ยมโดยทั้ฃหมดของตัวมันเอง ในฐานะสิ่งมีชีวิต ว่าเเต่ระบบสุ่มมีความรู้สึกเป็นเเบบไหน
ทุกอย่างวนซ้ำ เส้นทางทั้งหมดถูกกำหนดไว้แล้ว อดีตคืออนาคต อนาคตคือปัจจุบัน และปัจจุบันคืออดีต สำหรับตัวฉันเอง.
ฟังคำบรรยายแล้วปวดหัวมากครับ
รบกวน ทำคลิปเกี่ยวกับ Psychedelic ไสตล์แอดให้หน่อยได้มั้ยครับ ชอบมาก 🥦
สุดยอด ผมคิดไม่ถึงมาก่อน จนมาฟังคุณ ติดตามเลยครับแบบนี้
วิทยาศาสตร์..พูดถึง "ความมีอยู่และวัดได้" ส่วนพุทธศาสน์...พูดถึง "ความไม่มีอยู่และไร้ขอบเขต" ซึ่งที่จริงแล้ว สองทฤษฎีนี้คือสิ่งเดียวกัน ที่ตั้งอยู่บนฐานของการสังเกตและการหยุดสังเกตแค่นั้นเอง มันคือธรรมชาติในความหมายของวิทยาศาสตร์และสัจจธรรมของพุทธะ...อริยสัจจ 4 และทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์...คือเรื่องเดียวกัน...😇😇😇
เหมือนที่เวลาเป็นตัวแสดงว่าสิ่งของนั้นมีอยู่จริงล่ะ
@@user-zc8fl6ds7k เวลามีอิทธิพลต่อสิ่งๆนึงให้ เกิด-ตั้งอยู่-ดับไป
ความบังเอิญ มันไม่มีอยู่จริงหรอกครับทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวของมันเอง
สุดท้ายไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ความรู้สึก ความคิด และความจำ
ความน่ากลัวเกิดจากความคิดเราเอง
บางทีความคิดเราที่เราคิดว่าเราคิดมันขึ้นมาเองไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก มันก็ไม่เป็นแบบนั้น ความคิดของเรามันก็มาจากการรับรู้ประสบการณ์ของเรา เช่น ถ้าโลกนี้ไม่มีช้าง เราก็ไม่สามารถคิดถึงช้างในหัวได้
@@gaviel5750ถึงไม่มีช้าง ก็สามารถคิดอย่างอื่นได้ อย่างเช่นจิตนาการณ์ หนังภาพยนต์ สัตว์ประหลาดต่างๆเป็นต้น
ก็อย่าคิดเพลินๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ละงับบบบ😂😂😂😂😂😂
ชิบหายแล้วผมฟังไม่รู้เรื่องเรยแต่ไปอ่านดูเม้นท์อื่นเขาทำไมรู้เรื่อง😅
555 ไม่จำเป็นต้องไปรู้ไรหรอกค่ะ จริงๆนะ ช่างมันเถอะ
ไม่หรอกๆๆๆๆๆ ผมเองก็ งง.......
จับใจความไม่ได้เลย ผีเสื้อ🦋 มันก็ปกติของเขานิ ในการเคลื่อนไปข้างหน้า ถ้า🦋ไม่บินนี้ มันน่าสงสายยยยยยยยนะ😮😮😮😮😮😮😮😮
เข้าใจนะแปลก
คอมเม้นท์ก็สะเปะสะปะไปคนละทิศคนละทาง เหมือนเดินหลงเข้าไปในโรงพยาบาลคนบ้า
คุณคือคนปกติครับ 😂
อิมัส๎มิง สะติ อิทัง โหติ
- เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี
อิมัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชะติ
- เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
อิมัส๎มิง อะสะติ อิทัง นะ โหติ
- เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี
อิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ
- เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
อิโซเก
สาธุ สาธุ สาธุ 🙇🙇🙇
อนุโมทามิ บุญ 🙏🕯️🤍
ดีๆ
ดูคลิปหรือยัง
อะไรป้า เขาอธิบายทฤษฎีวิทยาศาสตร์
น่าศึกษามากมายยยย เย้ 🎉🎉🎉
ชอบคำว่านักด่นสด...
กราบอนุโมทามิ สาธุขอรับ
ท่านผู้เจริญๆยิ่งขอรับ
กราบทำไมครับ😂นี่คลิปความรู้ครับไม่ใช่คลิปสวด
ขอบคุณครับ กดติมตามแล้วครับ
เราฟังถึงสองรอบอย่างตั้งใจ เพื่อพยายามเชื่อมโยงว่า ทั้งแบบที่เริ่มจากคาดเดาไม่ได้แต่รูปแบบกว้างๆถูกครอบไว้ด้วยระบบ กับ แบบที่เริ่มจากระบบแต่จะไปสู่ความคาดเดาไม่ได้ที่ทำลายระบบในที่สุด จริงๆแล้วไม่ว่าเริ่มจากอะไรก็เหมือนการวนลูปกลายเป็นวงจรเดียวกัน ที่เป็นอนันต์ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด และไมีมีจุดเริ่มต้น ทุกอย่างอยู่ในวงจรเดียวกัน พัฒนาการของทุกสิ่งบนโลกก็อยู่ในรูปแบบนี้ แม้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดสุดท้ายก็ถูกครอบด้วยแพทเทิร์อนเดียวกัน ต่างกันคือจะมองหรืออธิบายในแง่ของทฤษฎีทางวิทยาศาสต์หรือทางจิตวิญญาณ อันนี้แค่ข้อสรุปตามความเข้าใจของเราเองค่ะ
ยอมรับตรงๆเลยว่าเห็นหัวข้อแล้วทำให้อยากรู้และกดเข้ามาดู และก็ต้องยอมรับอีกจริงๆเลยคือ ไม่เข้าใจอะไรเลย เข้าไม่ถึงในเรื่องนี้จริงๆ 😅😅 เท่าที่คิดว่าจับใจความได้คือ เหมือนเรื่องมีอยู่นิดเดียว แต่เปรียบเทียบยาวเลย 😅😅
อย่าไปเอาอะไรเลยครับสุดท้าย มันไม่ได้อยู่ในมือคุณครับ😅😅
@@KeattisakSantipoommong ห้ะ เกือบจะเข้าใจละ มางงตรงที่ไม่ได้อยู่ในมือคุนนี่แหละ 🤣🤣
@@bellalabels3330 ก็ประมาณว่าชีวิตที่คุณคิดว่าคุณทำคุณเลือกใช่รึแน่🥴🥴ขำๆครับแต่ผมว่าคุณก็รู้😁😁
ที่บอกว่านอกเหนือกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
***ความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า มันก็คือเหตุการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เพียงแต่ วิทยาศาสตร์ที่เรารู้เราเข้าใจในปัจจุบันยังไม่พอที่จะใช้อธิบายปรากฏการณ์ยุ่งเหยิงที่ว่านี้ นักวิทยาศาสตร์ จึงยังคงศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ (ที่ โลกวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยมีความรู้มาก่อน) ต่อไป เช่น โครงการเซิน ที่ ยุโรป (สวิสเซอร์แลนด์) เป็นต้น
ทฤษฎีความยุ่งเหยิง ก็ คือ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ที่รอความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของโลกอนาคตมาอธิบายให้กระจ่าง ตอไป 👶
ก็เพราะสิ่งที่เรารับรู้ตอนนี้ มันแหกกฏเกณฑ์ที่เรารู้ไงครับ เพราะสิ่งที่เรานำมาใส่ในสมการเพื่อวัดผลจนเป็นทฤษฎีรึสมการ เรามีความรู้แค่สิ่งรอบกายเรา แต่ข้างนอกนั้นบางปรากฏการมันเหนือจินตนาการ จนบางทีมันก็ทำให้เราน่าคิดว่าบางที ข้างนอกนั้นอาจเกิดขึ้นมาเหนือกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
เหมือนทฤษฎี entrophy ล่ะ
มันคาดเดาได้ แต่มนุษณ์แค่ไม่มีข้อมูลได้มากพอ ทำใมเรารุ้ว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นกี่โมง รู็ว่าดวงจันทร์จะเต็มดวงวันไหน ทุกอย่างมันวางไปตามแบบแผนของมันอยู่แล้ว แม้แต่ตัวมนุษย์เอง จะตายวันไหน ด้วยอะไรก็คาดได้ และยังไงมันก็จะจบที่ตรงนั้นแน่นอน เพียวแค่เราไม่รู้ข้อมูลที่มากพอ ย้อนเวลากลับไป 100 ครั้งผมก็จะมาเม้นแบบนี้แหละ เพราะฟังคลิปแล้วมีความคิดแบบนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะไม่เข้ามาฟังคลิปนี้ ทั้งที่30นาทีก่อนผมหลับอยุ่ แต่มีพัสดุโทรมาปลุก ย้อนกลับไปล้านครั้ง เชื่อเถอะถึงช่วงเวลานั้นเมื่อไหร่พัสดุมันโทรมาแน่ มันอีกยาวเข้าใจยาก เราไม่ได้คิดเองทุกอย่างที่เราตัดสินทำลงไปมากจากอดีตที่เราไปรับรู้มา ทามไลชีวิตมันเขียนว่าตายยังไงตั้งแต่เราเกิดลืมตามาแล้ว ถ้าเข้าใจที่ผมอธิบายมันไม่ใช่งมงาย แต่มันคือเหตุผล
มันเป็นแบบนั้นแน่นอนเสมอหรอ ? ตัวแปลจะเพิ่มไทม์ไลน์ใหม่ๆ สมมุตินายท้องผูกอึยาก แล้วนายอ่านเจอว่ากินผลไม้ชนิดนึงในตอนเช้ามืดมากๆ จะขับถ่ายสะดวก แล้วนายก็กินมันทุกเช้า ไปทุกวัน แต่ถ้ารู้ล่วงหน้าว่า มันจะกระตุ้นสารบางชนิดออกมาในปริมานที่มากจนทำให้นายชอค ยังจะกินผลไม้ชนิดนั้นอยู่มั๊ย ก็คงไม่ แต่ถ้ารู้เพิ่มก่อนอีกว่าถ้ากินคู่กับเครื่องดื่มนี้ จะระงับการหรั่งสารที่ว่า แล้วได้ผลลัพถ่ายคล่องเหมือนเดิม แต่ผลในเครื่องดื่มจะทำลายระบบย่อยอาหาร ผลลัพยังจะเป็นแบบเดิมมั๊ย ยิ่งข้อมูลมากขึ้น ยิ่งตัวแปลมากขึ้น ผลลัพจะยิ่งเปลี่ยนไปมากขึ้น สมการ ที่เขา ว่าหมายถึงแบบนี้ การที่เรารู้ว่า ดวงอาทิตขึ้น 8 โมงก็เป็นเรื่องสมมุติ มันไม่เคยขึ้นเวลาเดิม ตัวแปลในการหมุนรอบตัวเองขอฝโลกคือตัวกำหนดของเวลาในการขึ้นต่างหาก เช่น มวลของโลก แรงดึงดูดจากดวงอาทิตย์ หรือ แม้แต่โน้มถ่วงของตัวโลกเอง ดวงจันที่หมุนรอบมันอีกที และ ทั้งหมดนี้ คือตัวแปลในการขึ้นของดวงอาทิต ที่นายว่า แต่ ตัวแปลเหล่านั้น ก็ดำเนินไปโดย เอฟเฟคจากตัวแปลของตัวเอง เช่น มวลของดวงอาทิตที่ลดลงเรื่อยๆ จนเกิดการขยายตัว ทำให้ขนาดใหญ่ขึ้น กลางวันก็นานขึ้น 1รอบของโลกก็เร็วขึ้นได้ การที่ดวงอาทิตจะใหญ่ขึ้น อาจจะเกิดจาก วิวัฒนาการของมนุษย์ที่ก้าวหน้าจน สามารถดึงเอาพลังงานของดวงอาทิตมาใช้ท่องจักรวาล ตัวแปลของสิ่งนี้ ก็ อาจจะเป็นเพียงมนุษย์ เพียงคนนนึง ที่เป็นเด็กอัจฉริยะ คิดค้นการดึงพลังงานจากดวงอาทิตย์ เด็กคนนั้น เกิดจาก ชาย และ หญิง ธรรมดา ที่ตัดสินใจ ไปพักร้อน ในที่แห่งนึง จนพบกัน แต่ เหตผลที่ทำให้ทั้งคู่ สนใจในตัวกันอาจจะเป็น ชาย เห็นหนังสือที่ หญิง อ่าน แล้วเป็นเรื่องที่ชอบตรงกัน จึงติดต่อ และ แต่งงานกัน ตัวแปลของ การที่ชายได้ไปพักน้อยอาจจะมาจากแค่การซื้อรางวัลที่ 1 เอาไว้ แล้วคนประกาศรางวัลดัน จับเลขสุดท้าย เป็นเลข 2 เพราะ เขาดัน เห็นมันที่แก้วกาแฟของคนข้างๆ ยังต่อไปได้อีก เพราะการได้มาซึ่งกาแฟแก้วนั้น มันก็มีตัวแปลต่อไปอีก ซึ่งทั้งหมดอาจจะต่อไปไเ้จนถึงเกิดจากการชยับปีกของผีเสื้อก็ได้
สุดท้าย การที่โลกหมุนเร็วขึ้นก็จะนำไปสู่ไปสู่การด้บของดวงอาทิต และจุดจบของมนุษย์ชาติ butterfly effect มันทำงานแบบนี้ หากนายดึงตัวแปลบางตัวออกแม้จะเล็กน้อยแค่ไหนก็อาจจะส่งผลใหญ่หลวงได้ เช่น คนพิมเลขแก้วกาแฟ ดันเผลอพิมแต่ เลข 3 แก้วกาแฟร้านนั้นเลยมีแค่เบข 3 ก็จะทำให้ไม่มีการถูกรางวัล ไม่มีการพักร้อน ไม่มีการพบรัก ไม่มีนักประดิษอัจฉริยะ แบะหม่เกิดการดึงพลังงานมาใช้ หมายถึงการไม่สูญสินเผ่าพันของมนุษย์ด้วย ส่วนเรื่องของข้อมูลที่ถ้าหากมนุษย์มีมากพอนั้น ผลลัพจะเปลี่ยนไปแบบเป็นอนันเลย ถ้ารู้เพิ่ม นายก็จะเลือกอีกทางไปเรื่อยๆ เหมือนเรื่อง ท้องผูกช่วงต้น
@@dxchbork4214 คำตอบก็อยู่ในคำถามแล้วไงคับ เหตุการทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าคุณเป็นคนแบบนี้แล้วจะมีเหตุการเข้าไปอ่านหนังสื่อ ผมสมมุติจากเหตุการทกลองละกันมีการจัดห้องให้โน้มน้าวสภาวะจิตใจให้เลือกแอปเปิลสีแดง ทุกคนเดินเขามาหยิบแอปเปิ้ลสีแดงทุกคน แม้บางคนรู้ว่าต้องเป็นการทดลองแน่ๆ และเขาคิดก็หยิบแอปเปิ้ลสีแดง สมองเราอ่ะ อย่าคิดว่านั่นคือสิ่งที่เราคิด มันเป็นเพียงการปั้นแต่งจากสิ่งแวดล้อมที่ผ่านเข้ามา ทุกอย่างมาจากเหตุและผล มันต้องมีเหตุให้คุณไปอ่านหนังสือ แม้แต่การเม้นของคุณมันก็ต้องมีเหตุ ย้อนไปสิบครั้งคุณก็จะมาเม้นอย่างนี้ เพราะสิ่งที่คุณเจอ
ขึ้นอยู่ที่เหตุปัจจัย
เหตุปัจจัยเปลี่ยน ผลก็เปลี่ยน
ไม่มีอะไรแน่นอน
ถึงเวียนวนเป็น วัฏฎะไงคะ^^
ชอบแนวคิดคนนี้ เรียนมาด้านนี้รึเปล่าครับ @@dxchbork4214
@@dxchbork4214อ่านแล้วดูคุณเข้าใจทฤษฎีนี้อย่างลึกซึ้งเลยค่ะ
ฟังแล้วดูสับสบวุ่นวาย
ดั่งที่ อาจารย์อูเกวบอกไว้ "เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง"
ส.เสือ พี่ฟังแล้วแสบหูมากครับ
ฟังเพลินดี
หมายความว่าถ้าเราค้นพบตัวดึงดูดแปลก ๆในเรื่องอะไรก็ตามที่คนทั่วไปมองว่าไร้ระเบียบไม่สามารถคาดการณ์ได้ มันก็จะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การไขปริศนา หรือความลับของเรื่องนั้น ๆ ใช่ไหม?
สิ่งมีชีวิตไดๆล้วนแต่มีเหตุผลของธรรมชาติอยู่ เชื่อมโยงกันอยู่ไม่ทางไดก็ทางหนึ่ง เพราะสิ่งมีชีวิตไดๆ 1เดียว ไม่สามารถจะอยู่ได้ด้วยตัวเองได้
ทุกอย่างอยู่ในระบบ
และ ถูกกำหนดไว้แล้ว
"แต่ถึงจะพูดแบบนั้น การที่เป็นนั้นมันก็ขัดแย้งกับหลักเหตุผลและไร้เหตุผล อยู่ดี เพราะมันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไง" ไม่งั้นมันคงน่าเบื่อแย่เลย 😊
ทำให้นึกถึง "อนาคต-ประวัติศาสตร์" ของไอแซ็ค อาซิมอฟ
เล่าให้ฟังหน่อย
ได้ครับ ผีเสื้อกระพือปีก ต้องใช้ผีเสื้อนับล้าน นับไม่ถ้วน หรือผีเสื้อตัวใหญ่ ชนิดพิเศษ (บางเรื่องคิดมากไปไม่ได้อะไร สมองเสียเปล่าๆ)
ในเรื่อง Mirai Nikki ก็เคยอธิบายการเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน ส่งผลถึงอนาคต ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอนาคตขึ้นอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง อนาคตจึงปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของตัวมันเอง แต่มนุษย์มิอาจเข้าใจได้ทั้งหมด จึงเรียกมันว่าความยุ่งเหยิง และการคาดเดาไม่ได้
กฎของจักรวาลคือกฎแห่งกรรม...กฎของเหตุและผล ผีเสื้อกะพรือปีกก็ส่งผลต่อสิ่งต่างๆมากมาย เราทำอะไรก็ส่งผลต่อสิ่งต่างๆและเราก็จะต้องรับผลของการกระทำนั้นๆเช่นกัน กฏแห่งกรรมคือเราทำอะไรไป...สิ่งเรานั่นก็จะตามย้อนถึงเรา ‼️ ยกตัวอย่าง เราฆ่าหมูมากิน หมูต้องตายด้วยความเจ็บปวด หมูอาจโกรธและอาฆาตเรา ด้วยการกระพริอปีกนี้ในสักวันเราก็จะต้องมารับกรรมในสิ่งที่เราทำกับหมู
สิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ วิทยาศาสตร์กำลังพบเจอไปทีละส่วน และจะเข้าใจในคำสอนตอนที่สายไป สุดท้ายก้อเข้าใจตอนอยู่ในจุดที่จะศึกษาต่อไปไม่ได้แล้ว หนังสือไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็นเล่มแรก น่าสนใจมากครับลองหาอ่านดู😅😅😅
#ขอแนะนำ แอ๊ดครับ ผมมีสิ่งนึงในแทบทุกคลิปเลย ผมฟังผ่านหูฟังอินเอียร์เปิดค่อนข้างดัง และทุกครั้งที่แอ๊ด #ออกเสียง สิ่ง ทฤ.. สุ่ม ฯลฯ เสียงมันจะแหลมมากๆจนเจ็บแก้วหูเลยครับ แต่คำอื่นๆนุ่มมากๆ ทุกอย่างเพอร์เฟคท์สุดๆแล้วละครับ แอ๊ดลองหาวิธีปรับตัวซับเสียงสูงดูนะครับ
(เจตนาติเพื่อให้แอ๊ดเพอร์เฟคมากขึ้นจากเพอร์เฟคอยู่แล้วน่ะครับ ถ้าขัดใจใครหรือ Fcคนใด กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคร๊าฟ🙏🙏🙏)
แทบทุกคลิป ไม่ใช่ เทียบทุกคลิป
ขอบพระคุณมากๆครับ มีค่ามากๆครับ 🙏😅
@@0LittleChild0 5555 นี้ขนาดอ่านทวนก่อนเม้นแล้วนะเนี่ย😅😅😅
18:16 นึกถึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักฟุตบอลระดับโลก นั่งแถลงข่าวการแข่งขัน ซึ่งบนโต๊ะมีน้ำโค้กสปอนเซอร์รายการนั้นตั้งอยู่ พี่โด้ขยับขวดโค้กออกจากโต๊ะ แล้วก็โชว์ขวดน้ำของเขา แล้วพูดว่า "อารกัว" แปลว่าน้ำเปล่า นัยยะว่าน้ำโค้กไม่ดีต่อร่างกาย เขาทำแค่ทำเพียงเท่านี้เอง แต่ส่งผลใหญ่หลวงมาก หุ้นของโค้กมีราคาซื้อขายลดลงไปแล้ว 0.9% ในช่วง 9.30 - 9.44 น. คิดเป็นมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์ 😂😅
ผมว่าปกตินะครับ เพราะคำสั่งมันเรียงจาก a ไป c ดังนั้นมันก็จะเรียงกันเป็นสามเหลี่ยมอยู่แล้วครับ ไม่เชื่อลองใช้สี่จุดสิครับ มันก็จะเหมือนกันเลย มันยุที่คำสั่งครับ
เเละนั่นเป็นเหตุผลที่กรมอุตุนิยมวิทยา ไม่สามารถforecastได้มากระดับเดือน ต่อให้ได้ก็ผิดเพี้ยนเหลือเกิน เพียงทศนิยมตำเเหน่งที่10ก็ตาม😂
ความลับอันน่ากลัวของจักวาล ถูกเปิดเผยแล้วเมื่อ 2500 กว่าปีที่แล้ว
เราทั้งหมดทุกๆๆๆคน พวกเราสรรพสัตว์ทั้งหมดตกอยู่ใต้กฎเหล็กสุดโหดของจักวาลทั้งสิ้น
ใครกระโดดหนีได้จะสงบสุขนิรันดรกาล
@@suriyanpoobun-op6226นั่นคือการตาย สู่สายพานครับ😂
@@user-du7pw6mj6t ไปหาบรรพบุรุตยุมีหลอ😆
บางทีการวนเวียนตายเกิด อาจเป็นหนึ่งในปรากฎการณ์ของทฤษฎีความโกลาหล (Chaos theory) ก็ได้ครับ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าหลังความตายเราจะไปไหน จะเกิดที่ใด เราทำได้ดีที่สุดคือการกำหนดค่าตั้งต้นไว้เพื่อคาดหวังผลลัพธ์ในอนาคตให้ออกมาดีที่สุด (ซึ่งก็คือการทำบุญ สร้างความดี มีศีล สมาธิ ปัญญา)
ซื้อแอร์มาติดสิครับ
การย้อนกลับของ entropy แม่นบ่
กฏแห่งความดิ้นรน คือ ผลตกกระทบ
กติกาคือความวุ่นวาย กติกาที่ดีคือความวุ่นวายที่น้อยลง
ผลตกกระทบของสิ่งนั้นจะไม่หยุดนิ่ง
นั่นล่ะการมีชีวิต และมันคือทางออกของทุกเรื่อง// ผลตกกระทบ
ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนมีศาสตร์ และศิลในตัวมันเสมอ แม้แต่การบีบสิว บีบยังไงไห้ออก ต้องดูยันทิศทางของรูขุมขนเลยนะ ใช้แรงแค่ไหน บีบแรงมากไปหน้าก็ถลอกอีก จริงศาสตร์นี้ผมได้ตอนดีดครับ บีบสิวไปพิจารณาไป จนแบบบรรลุวิชาบีบสิวไปเลย😅😅😅
อันนี้คล้าย การขยับปีกผีเสื้อแห่งโชคชะตาก็เหมือนการคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตแล้วไปพยายามแก้ไขมัน
เช่นรู้ว่าเพื่อนกำลังโดนคนไม่ดีหลอก แล้วเรามีตัวเลือกว่าจะนิ่งเฉย ชะตาก็เหมือนเดิม เพื่อนยังคงโดนหลอกทางใดทางหนึ่ง
แต่หากเราไปขยับปีกผีเสื้อ พยายามช่วย ตักเตือน แก้ไข คาดหวังให้ต่างออกไปมากเท่าไหร่
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมหนักๆ เรายังโดนเอฟเฟคจากการขยับปีกผีเสื้อแทนเพื่อนด้วยซ้ำ
เหมือนในพล็อตหน้งเรื่อง Marry my husband ไหมคะ เหตุการณ์นี้ต้องเกิด/ แต่จะไปตกอยู่กับใครที่ได้รับผลลัพธ์ของตัวแปรที่เปลี่ยนไปนั้น
อะไรคือสิ่งอยู่เบื้องหลังระบบทั้งหมดครับ ถ้าเอาคำว่าธรรมชาตินะครับ อยากฟังมุมอื่นๆครับ.
ใช้อธิบายกฏแห่งกรรมได้เลย
เมื่อรู้แจ้งถึงภาวะในจิตใจตัวเองแล้ว ความจริงหรือกฎต่างๆๆที่มีอยู่ในโลกหรือจักรวาลและหรือแม้แต่กาแลกซี่ ก็ล้วนไม่มีความหมาย เพราะการรู้แจ้งภายในจิตนั้น มันทำให้เกิดสภาวะที่พอดีในจิตใจ ไม่ฟุ้งซ่านไปตามความอยากรู้ หรือความไม่อยากรู้ คือ พอดี พอเหมาะ พอแล้ว นั้นเองครับ😊😊😊
จิตดีขึ้นแต่ไม่ได้ทำให้รอดชีวิต ถ้าไม่มีความอยากรู้ ทุกวันนี้เราก็คงอยู่ในป่า😢 พูดไม่ได้ คิดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้
ฟังเพลินมาก แต่สรุป มันคือทฤษฎีอะไร
ทฤษฎีความยุ่งเหยิงเหรอครับ
การค้นพบความจริงแท้ ที่แม้แต่จิต ก็ไม่สามารถบิดเบือนได้ นั้นคือความจริงของทุกสรรพสิ่ง ที่มีความเสมอกัน และตกอยู่ใต้อำนาจเดียวกันคือความไม่มั่นคงไม่แน่นอนดำเนินถูกบีบคั้นไปสู่การเสื่อมดับสลาย และ ไม่มีเจ้าของ และ เส้นทางการค้นพบนี้ จะนำไปสู่ อิสระภาพสันติ โดยแท้
รักแอดช่องนี้จัง🎉
การเปลี่ยนแปลงในระบบโกราหน
ก็คือการเลือกที่เราจะจุดลงไป1จุดในกรอบที่เรากำกับไว้ไงครับ
คุณสามารถเลือกที่ตะจุดได้
ตำแหน่งของแต่ละจุดในกรอบที่ตั้งไว้จะแตกต่างกันอย่างสินเขิง
แต่ภาพรวมจะออกมาเหมือนกัน
โกลาหล ไม่ใช่ โกราหน
ทุกอย่างคือสิ่งที่พระเจ้ากำหนดไว้แล้วแม้กระทั่งการกระพือปีกของผีเสื้อ และผลที่ตามมา
โดนชื่อคลิปหลอกเข้ามาดู เล่าเข้าใจยาก นึกว่าจะสนุกสะอีก
สิ่งนี้เรียกว่า อนิจจัง ครับ
เอาตรงๆผมไม่รู้เรื่องเลยครับ
จักรวาลเรามีรูปแบบที่จำกัด คำตอบเดียวกันแต่สามาหาได้หลายวิธี การเอารูปแบบเดิมมาต่อยอดเป็นรูปแบบใหม่
มันเริ่มต้นที่จุด 1 ใช่ไหมจิ๊บๆมาก ต้องเจออริยสัจ 4 เนี่ยทีเดียวจบครบทุกอย่างเริ่มจากอะไรจบที่อะไร😊ต่อที่อะไรใช้ได้ทั้งทางจิตวิญญาณแล้วก็ทางโลก
จิตคือวัฏฏะ
วิญญาณนัง
สังขาร
สัญญา
เวทนา
รูป
จิตอยู่เหนือกาย
จิตอาศัยกายจึงมีอยู่ของจิต
รับรู้ผ่านวิญญานังความรู้สึก
ก่อภพก่อชาติ
ความวุ่นวายที่ว่า เรียกว่า Entropy ครับ ซึ่ง Entropy มันมีในทุกอย่าง แน่นอนว่า เราสามารถทำนายได้ในระดับนึง แต่ก็ไม่แม่นยำเป๊ะ 100% เพราะในความเป็นจริงมันมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้เกิด/ไม่เกิดบางอย่างขึ้นได้ ดังนั้น สิ่งเล็กน้อยจากในคลิป มันสามารถเป็นส่วนหนึ่งใน Entropy ได้เช่นกัน แต่ผมขอแย้งอย่างนึงคือ สิ่งที่มันเล็กน้อยมากๆ มันไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล ในทางวิทยาศาสตร์ ถ้ามันเล็กน้อยมากๆ เราจะถือว่าให้มันถูก Neglect เพราะแทบไม่มีผล แต่การเกิดบางอย่างที่เหนือความคาดหมายทั้งๆ ที่เราคิดว่าคำนวนมาดีแล้ว มันไม่ได้มีสาเหตุมาจากสิ่งเล็กน้อยอย่างเดียว มันมีปัจจัยใหญ่ประกอบ แต่เรา/ผู้คำนวน ยังไม่ได้นึกถึง
.ทฤษฎี มันก็เป็นแค่ความคิดดีๆ นี่แหล่ะ การปฏิบัติ ก็คือทำตามแนวทางของทฤษฎี ผิดถูกหรือบังเอิญสุดแล้วแต่ผลจะออกมา
ปัญญาต่างหากที่เห็นและเข้าใจความจริงโดยปฏิเสธแทบไม่ได้ เช่น เรารู้เองด้วยปัญญาว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา มีธาตุทั้งสี่มาประชุมกันและแตกสลายไปเองได้ด้วยกฏของไตรลักษณ์ หรือธรรมชาติ จิตก็ไม่ใช่ของเรามีการเกิดดับทุกขณะจิต สรุปย่อๆ กายและจิตไม่ใช่ของเรา ที่เป็นเราขึ้นมาเพราะมีความเห็นที่ไม่ถูกต้อง พูดง่ายๆคือความไม่รู้
ผมขอเติมด้วยพระสูตรนี้
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมทำไว้ในใจโดยแยบคาย เป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้ว่า “เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี; เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น. เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี; เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป : ข้อนี้ได้แก่สิ่งเหล่านี้
เพราะ อวิชชา(ความไม่รู้ใน อริยสัจ 4) เป็นปัจจัย จึงมีสังคาร
เพราะสังคารเป็นปัจจัย จึงมี … จนไปถึง ภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ (ความเกิดปรากฎ)
เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ(ความโศกเศร้า) … ทุกข์ โทมนัส อุปยาสะ จึงเกิดขึ้น
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.
- พระพุทธเจ้า
เหมือนจะสุ่ม แต่จริงๆถูกคำนวนไว้แล้ว
ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นถ้าหากมนุษย์ไม่อยากรุ้ อยากเห็น อยากไม่มีที่สิ้นสุด ระบบทุกอย่างเกิดขึ้นมาได้ร้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาจากมนุษย์ มีทั้งข้อดีแล้วข้อเสีย😢
ผมเคยได้ยินวลีหนึ่งตั้งแต่ยังเด็กๆจนวันนั้จะ60ปีแล้ว คำว่า เด็ดดอกไม้ดอกเดียว สะเทือนไปถึงดวงดาว ความคิดผมเองนะ คล้ายๆดั่งพระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ ทุกๆสิ่งล้วนอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
โคตรเสร่อ โยงศาสนา
ทนฟังได้แค่ครึ่งคลิป หัวจะระเบิด 😂
ความวุนวาย แบบมีระเบียบ /เพราะมีสารมืด ทุกอย่างต้องการพืนที/ดูจากระยะสุรียะ ต่างคนต่างเดิน แต่ระยะห่างกับมวลและขนาดจะแบ่งพืนทีซื่งกันและกัน ระยะเศษดาวคือจุดทีรอวันเสถียน
กำลังสปอย Matrix อยู่หรอครับ😆
ทุกๆสิ่งในโลกนี้ย่อมตั้งอยู่ภายไต้กฏแห่งกรรมหรือทางวิทยาศาตร์ก็คือกฎแห่งจักรวาลต่างๆแต่แล้วเหตุผลต่างๆเหล่านี้มันก็จะวนลูปกลับเข้ามาหากฏแห่งกรรมอีกจนใด้คิดงา่ยๆเมื่อมีเหตุย่อมต้องมีผลหรือหากคิดย้อนกลับถ้าถ้าไม่มีผลลัพธ์ก็ย่ อมไม่มีเหตุก่อนหน้าดั่งเช่น1ต้องมาก่อน2345.......เสมอจะนับอย่างใงก้อช่างทุกอย่างทุกเหตุการณ์ไม่มีคำว่าบังเอิญเป็นแต่กรรมใหม่กรรมเก่าแล้วส่งผลต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าว่าไครหรือคนๆนั้นจะเข้าสู่นิพพานจึงจะรุ้แจ้งแห่งกฏต่างๆเหล่านี้สาธุ
เข้าใจครับเพราะมีพื้้นฐานของปฎิจสมุป..และอิทัปปัจจะยะตาและท.ควันตั้ม
การปรุงแต่งของจักรวาล คือ อินฟินิตี้ จะมีมากแค่ไหนก็ได้ จะแปลกแค่ไหนก็ได้
เมือผมดูคลิปนี้จบผมก็กลายเป็นอรหันทันทีครับ😂
อย่าคิดซับซ้อนนั้นเลยครับเอาง่ายๆเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคนสองคน ใครชอบกินรสหวาน แต่สุดท้ายก็จะมีเครื่องดื่มที่ทุกคนโอเคในท้องตลาด
อยากได้รูปประกอบปกคลิปครับ
คาดเดาไม่ได้❌
มนุษย์ยังไม่สามารถคาดเดาได้✅
ปัญหาอยู่ที่ความซับซ้อนเช่นการที่ลิงไม่สามารถซ่อมชิงช้าของตัวเองได้ มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจความนึกคิดได้
สิ่งที่ฉลาดที่สุดอาจเป็นสิ่งที่
เข้าใจ คาดการณ์ ควบคุมความกลหน ซึ่งถ้าเข้าใจถึงที่สุดอาจจะรู้สึกเหมือนการโยนหินลงน้ำเพื่อให้น้ำสะเทือน
สามารถขยับเล็กน้อยเพื่อสร้างปรากฏการณ์ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับเวลาด้วยเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องพลังงาน
สรุปตามความเข้าใจผมนะ
เนื้อหาในคลิปพยายามจะบอกว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลก หรือ แม้แต่ในจักรวาล ล้วนมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่อง มีผลกระทบ ซึ่งกันและกัน ไม่มากก็น้อย และไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
มันดูเหมือนไร้รูปแบบ(โกลาหล)
แต่มันก็ทำให้เกิด หรือ มี
รูปแบบ
แม้จะคาดเดาไว้ว่าเหตุอย่างนี้ จะให้ผลลัพธ์แบบนี้ แต่ ผลลัพธ์สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ก่อให้เกิดผลที่หลากหลายและไม่แน่นอน
ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเกิดจากตัวแปรที่เข้าไปส่งผล
กระทบกับเหตุ แม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แตกต่างไปจากเดิม
ในแบบที่เราไม่สามารถคาดเดาได้
คงจะประมาณนี้มั้งครับ 😆
พิมพ์ไปพิมพ์มา รู้สึกมันดันออกไปแนวปรัชญาเฉยเลย 😅
มันคงเป็นทฤษฎีที่เรายังไม่สามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้และอธิบายมันให้ออกมาเป็นคำง่ายๆ+ชัดเจนในตอนนี้ ล่ะมั้งครับ 😂
บทความนี้ ดึงสมองที่เงียบสงบของฉันให้เกิดความวุ่นวายได้ดีทีเดียว กำ
เขาเรียกว่า ความขัดแย้ง ที่ ลงตัว ครับ
ผมฟังไม่เข้าใจ แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกได้คือ การเวลามีพลังอำนาจมาก
#จิต.ที่ระเอียด.จะไปได้ทุกมิติ🙏🇹🇭💛💜
ตั้งแต่เกิดมานี้เป็นคริปที่ฟังแล้วปวดหัวที่สุดเลย พยายามตั้งใจฟังแต่หัวเหมือนจะวระเบิด
คล้ายโลกนี้ มีมนุษย์เกิดขึ้นแบบวุ่นวาย จากสิ่งมีชีวิตเล็กไปสู่มนุษย์ที่พัฒนาึวามฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เเล้วล่มสลายหายไป แล้วเริ่มเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ..วนลูปมาหลายรอบจนนับไม่ได้ เป็นส่วนนึงในคำสอนของศาสนาพุทธ
การทำนายอนาคตทำได้แค่80% อากาศอืมครืมทั้งปีมีแดด อบอ้าว เพราะโลกร้อนอยูแลเวทำให้อากาศมีไอ้น้ำมากก็คงอืมคืม ส่วนฝนจะมี5วัน 10เมย สค ธค 2567 /และฤดูฝน กพ 2568
กฎอิทัปปัจยตา เมื่อสิ่งนี้มื สิ่งนั้นย่อมมี
สิ่งที่ถูกเห็นมันไม่ได้พูดไม่ได้คิดไม่ได้รู้ว่ามันเป็นอะไร
มีคำคมศาสนาอิสลามเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ยครับ มีพุทธ มีคริสต์เเล้ว
ที่น่ากลัวที่สุดคือ เขมรคือต้นกำเนิดจักรวาลและทุกสรรพสิ่ง
พวกเรามีเผ่าพันธ์และอารยธรรมธรรมที่สุงส่งในจักรวาลความตายคือการเริ่มต้นของชีวิตใหม่.
😮คุนคิอ..ไผ.หยากรู้
ไป ศึกษา พุทธศาสนา จะ เข้า ใจ เรื่อง ราว ทั้ง หมด 😊
กรรมของมนุษย์ก็เป็นแบบนี้
ฟังแล้วงงจับใจความได้ว่าความโกลาหลความคุมไม่ได้แต่เชื่อมโชงทุกอย่างอย่างเป็นระเบียง งงจัด ทฤษฎี สามเหลี่ยม เพราะคุณกำหนดขอบเขตเอาไว้มันเลยโกลาหลในกรอบไม่ใช่หรือซึ่งความเป็นจริงจะมีผู้ใดกำหนดขอบเขตของโชคชะตาได้ละ แต่ถ้าในโลกมนุษย์ก็แค่คนมีเงินและอำนาจสามารถกำหนดความโกลลาหลในขอบเขตที่เขากำหนดได้
อินฟินีตี้ เป็นอนัน ไม่มีจุดจบ วนลูป เกิด ดับอยู่อย่างนั้น
จิบๆๆครับเหตุการณ์แค่นี้..นักวิทยาศาสตร์รู้มั้ยว่าพวกเราทุกคนเคยเจอเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้เป็นล้านๆเท่ามาแล้ว..คือ อาณาเขต 10000 จักรวาลตั้งแต่ใต้พรมชั้นอาภัสราลงมาทั้งหมื่นจักรวาลนั่นแหละเคยถูกทำลายจนกลายเป็นฝุ่นละอองธุลีล่องลอยไปในอากาศมาแล้ว นับครั้งไม่ได้ นั่นแหละที่ผมพูดว่า สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พูดถึงนั้นเป็นเรื่อง..จิ๊บๆ..
บางทีสิงที่เราอาจจะไม่เป็นความจริงก็ได้
น่ากล้วมากครับ
มันมีหลายอย่างเลยที่มนุษย์ยังไม่เข้าใจ ถ้าใครเข้าถึงความรู้นั้น โลกเราคงเปลี่ยนไปอีกเยอะเลย
เหมือนเรารู้อนาคตที่จะเกิด แต่พอเรารู้แล้ว อนาคตมันจะเบี้ยวไป เพราะเหตุปัจจุบันถูกรู้ไป แล้ว อนาคตจะถูกแรนดอมไปเป็นผลแบบอื่นแทนในอนาคต เช่นเราหนีกรรมในปัจจุบันด้วยการเสริมบุญไปเรื่อยๆ (มาทางศาสนาและความเชื่อนะคะ)😅😅😅 เมื่อเรารู้แล้วเราก็ตัด ไม่ดึงดูดสิ่งที่อาจจะทำให้เหตุนั้นเกิดขึ้นได้ เราคิดแบบนี้ค่ะ ฟังไม่เข้าใจเหมือนกัน 😂😂😂
ผมเริ่มกลัวแล้วครับ 55
รูปแบบแฟร็กทัล โครงสร้างของธรรมชาติ แสงแฟร็กทัลเห็นตอนสมาธิครับ
เห็นชัดเจน พูดให้ใครฟังไม่ได้ อธิบายไปก็เริ่มยังไงหล่ะ คนฟังคงงง มันดูขัดแย้งและย้อนแย้ง ไม่มีในโลกมนุษย์ เลยเกิดข้อคิดง่ายๆ ก่อนตายเรื่องสะสมผลบุญคงไม่ช่วยอะไรได้ คิดอย่างเดียว สติปัญญาความรู้ประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดชีวิต อยากนำติดตัวไปด้วยตอนตาย นี่คือผลจากการทำสมาธิ ผมก็คิดได้แค่นี้ในขณะนี้ แต่วันข้างหน้าไม่รู้จะเป็นรูปแบบใหนไม่ทราบ แต่จากที่สังเกตุคนภายนอก คนบ้า คนเมากัญชา น่าจะเป็นกลุ่มที่เห็นอะไรแปลกๆ มากกว่าใคร เหมือนทางลัดสู่นิพพานเลยก็ว่าได้ไม่ต้องมานั่งทำสมาธิ
@@user-ls4yi1mo9i ผมนั่งสมาธิแล้วเห็นแสงนี้วนไปวนมาไม่รู้จบ สักพักมีเสียงนกร้องดังขึ้นว่า เกิด ดับๆๆๆ ผมตระหนักได้ถึงบางอย่าง เห็นวัฏจักรและสิ่งง่ายๆภายใต้สิ่งซับซ้อน แต่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้หรอกครับ
@@user-ls4yi1mo9i ผมเห็นแสงนี้ตอนแรกผมก็ไม่รู้อะไรคนอื่นก็ว่านิมิตบ้างบ้าบ้างแต่มันก็เห็นมาตลอด มีวันนึงทำสมาธิเห็นแสงนี้วนเวียน มีนกร้องดังขึ้น เกิดดับๆ ซ้ำๆทำให้ผมตระหนักบางอย่างที่เกินคำพูด
บอกไม่เชิงเส้น ก็บอก non-linear theory ก็ได้มั่งครับ ผมว่าคำบางคำใช้ภาษาอังกฤษ มันเข้าใจง่ายละจำง่ายกว่า
ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าทฤษฎีจักวาลย้อนกลับหรอก
เคยสนใจเรื่องพวกนี้อยู่ มีข้อสงสัยมากมาย แต่ตอนนี้เริ่มมีความเข้าใจ (ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน) นี่คือสมการ สารตั้งต้นแห่งความเข้าใจที่อาจไม่เข้าใจในอนาคต สุดท้ายก็ต้องยอมรับและอยู่มุมเล็ก ๆ ที่สร้างกฎแห่งความเข้าใจ ที่เราไม่ต้องไปเติมความวุ่นวายให้ทั้งตัวเองและบุคคลอื่น.... เข้าใจกันไหมเนี้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
มันเป็นระบบของจักรวาลถูกเซ็ทติ่งมาแบบนี้ แล้ว มนุษย์พยายามจะเรียนรู้มัน