Відео

กราบสาธุค่ะฟังมา5ปีแล้วค่ะ

00:28

กราบสาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

สาธุๆค่ะ

สาธุ

สาธุๆๆค่ะ

สาธุ อนุโมทามิ 🙏🙏🙏

ກາບນະມັສການພະອາຈານສາທຸໆໆໆ

อนุโมทนาสาธุค่ะ🙏🏽

อนุโมทนาสาธุครับ

สาธุๆๆ

ฟังทุกวัน

สาธุ สาธุ สาธุ

ยายคิดไปคิดมาก็กัวผิดยายจะเอาตามที่พระคุณเจ้าว่าไว้ในข้อไม่เที้ยงอนิจังทุกข์ขังอนัตตาต่ออนัตตาเนตังมะมะเนโสอมัทสมินะเมโสอัตตาสาธุๆๆค่ายมยายขออภัยนะคะยมเขียนไปมากๆก็เพราะทบทวนความจำต่อไปยมจะไม่เขียนแล้วสาธุๆเจ้าค่า

กราบขอบพระคุณพระภิกขุเอเออธิจิตโตผู้อา่นปฎิจจสมุปบาทฟังมาแล้วหลายพระสุตร์ๆการหลุดพ้นเมื่อเห็นตัยลักณ์ยมยายยังจำได้จนทุกวันนี้ได้ฟังแต่ปีแรกปีต่อมาไม่ได้ยิงอิกเลยแต่ยมยายยังจำได้อยู่๕ปีแล้วที่เหืลออยู่มีเนตังมะมะเนโสอมัทสมินะเมโสอัตตาถ่อนปลายขันร๕รุปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณอยู่ในทุกๆขันรยมยายจะถามว่ายายสวดแต่ต้นจนจบผิดไหมค่ะสาธุๆค่า

ว่าปฎิจจสมุปบาทที่พระศาสดาตัรสไว้ว่า อริยสัจ๔ในข้อ๒ข้อสมุทัยข้อ๓ข้อนิโรธที่พระัตถาคตบอกพวกเราพี่น้องพ่อแม่ทุกๆท่านก็คงรู้แล้วกันทุกๆคนนะค่ะสาธุๆเจ้าค่า

ด้วยความศรัทธา

สาธุคับ

ข ออนุโมทนาสาธุคับผมๆ🙏🙏🙏

สาธุค่ะ

🙏สาธุ

น้อมจิตกราบสาธุการคะ

กราบสาธุ สาธุ สาธุค่ะ

สาธุค่ะ

กราบสาธุสาธุสาธุค่ะ

เปิดฟังแล้วนอนหลับสบาย

กราบสาธุคะ ผัคคุณสูตร เป็น ตถาคตภาษิต คือ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต ผัคคุณสูตร มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้นที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ จนมาถึง การเกิดปรากฏขึ้นของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน ละสังโยชน์ห้าเบื้องต่ำได้แล้ว เป็น อนาคามี คือ เป็นผู้ไม่ต้องกลับมาใน กามภพ แล้วนั่นเองคะ เป็นผู้ที่หลุดพ้นด้วย ฌาน4 คือ ไปเกิดใน รูปภพ อีก 1 คราว ก็ปรินิพพานนั่นเองคะ

สาธุครับ

ขอกราบนมัสสาธุค่ะ 🙏🙏🙏

สาธุคะ

ขออนุโมทนาบุญ

กราบอนุโมทนาสาธุครับภันเตกราบนมัสการครับ

🙏🙏🙏

ข้าพเจ้าก็ฟังบ่อยๆพระสูตรนี้และสุตตะอื่นๆพร้อมกับการทำอานาปานสติด้วยพึ่งตนพึ่งธรรมตามคำสอนพระตถาคตเตรียมตัวให้พร้อมรอทำการะที่จะมาถึง สาธุ ๆ

เข้าดูไม่ได้เกิดอะไรขึ้นคะ🙏

น้อมกราบ สาธุ สาธุ สาธุครับ

(ตอนที่3)ปัจจยาการ12 เป็นธรรมฝ่าย “ทุกข์และสมุทัย”ในอริยสัจ4 มีสมุทัยเป็นเหตุ ได้แก่ 1อวิชชา 2สังขาร(เจตจำนงเพื่อเกิด) 8ตัณหา 9อุปาทาน มีทุกข์เป็นผล ได้แก่ 4นามรูป 5สฬายตนะ 6ผัสสะ 7เวทนา 10ภพ(โครงสร้างชาติใหม่) 11ชาติใหม่ 12ชรามรณะของชาติใหม่ ทั้งทุกข์และสมุทัยหรือปัจจยาการ12 พาจิตต์ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏพบกับ “ชาติ ชรา มรณะ”ไม่จบสิ้น เป็นของทุกคนที่ยังไม่บรรลุ “โสดาปัตติผล”..*ส่วนนิโรธกับมรรค เป็นธรรมถ่ายถอน”จิตต์”ออกจาก”ทุกข์และสมุทัย”ด้วยการเจริญญาณอริยสัจ 4 หรือกิจญาณ เป็นของพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป

.(ตอนที่2)ปัจจยาการ12เมื่อน้อมใส่ตน มี 3 กาลสืบต่อกัน คือ (1)ปัจจัยที่1-3 เป็นอดีตกาลก่อนมาเกิดในครรภ์ (2)ปัจจัยที่ 4-9 เป็นชาติปัจจุบัน เกิดมาทำกรรมดี-กรรมชั่วตลอดชีวิต จึงเกิดผลกรรมหรือวิบากกรรมเป็นภพโครงสร้างชาติใหม่ในจิตต์ (3)ปัจจัยที่10-12 เป็นอนาคตกาลเรื่องของชาติหน้าที่วิบากกรรมซัดพาไป **ท่านจึงว่า กายนี้เกิดจากกรรมเก่า เมื่อยังมี “อวิชชา ตัณหา อุปาทาน และกรรม”ประยุกต์จิตต์อยู่ ก็ต้องไปเกิดอีก ฉะนั้น ปฏิจจสมุปบาทจึงเป็นคำตอบให้กับตัวเองว่า “เราเกิดมาเป็นคนได้อย่างไร เกิดมาทำอะไร ตายแล้วเกิดอีกไหม”

(ตอนที่1)ปฏิจจสมุปบาทหรือปัจจยาการ12น้อมนำใส่ตน เป็นดังนี้ ๑.อวิชชา-ความไม่รู้อริยสัจ4และปฏิจจสมุปบาท จึงถูกปัจจยาการ12พาท่องเที่ยวเกิดตายนับชาติไม่ถ้วนมาจนบัดนี้ ๒.สังขาร-เจตจำนงเพื่อเกิด ๓.วิญญาณ คือวิญญาณหรือจิตต์ที่หยั่งลงสู่ครรภ์ไปตั้งอาศัยในกายทารก(รูป) ๔.นามรูป-จิตต์กับกาย(รูป)ทำงานร่วมกันคือขันธ์ 5 ๕.สฬายตนะ-สื่อรับอารมณ์ ได้แก่ อายตนะภายใน ๖(ทวาร 6) ๖.ผัสสะคือผัสสะ6 เช่น กายผัสสะ มโนผัสสะ ๗.เวทนา-ความรู้สึกรสของผัสสะเช่น สุขเวทนา ๘.ตัณหา-ความอยาก ความติดใจ ได้แก่ กามตัณหา รูปตัณหา(ติดใจรูปฌาน4-เกิดเป็นรูปพรหม) อรูปตัณหา(ติดใจอรูปฌาน4-เกิดเป็นอรูปพรหม) ๙.อุปาทาน-ความยึดมั่นไม่ปล่อยวางตัณหา ๑๐.ภพ-แดนเกิดโครงสร้างชาติใหม่ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ๑๑.ชาติ-การเกิดชาติหน้า ๑๒.ชรามรณะของชาติหน้า

สาธุคะ

สาธุ🎅🙏🙏🙏

จงมีแต่ความสุขอย่าได้มีความทุกข์นิพพานะปัจโยโหตุสาธุสาธุสาธุ

ขอความนอบน้อม กราบนมัสการ พระธรรมอันประเสริฐ อนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

น้อมอนุโมทนา สาธุ ในบุญกุศลทั้งหลายกับทุกท่านด้วยครับ นิพพานังปัจจโยโหตุ

...ธัมมะใดๆในพุทธศาสนา พระองค์ทรงบัญญัติเฉพาะเรื่องทุกข์และการดับไม่เหลือแห่งทุกข์... ในร่างกายนี้ที่หนาคืบยาววาที่มีสัญญาและใจ...การอธิบายธรรมจึงต้องสามารถหยิบมาวางหรือประทับรู้ได้ด้วยใจในร่างกายนี้...พระองค์ทรงชี้แนะแล้ว มนุษย์แค่นำมาปฏิบัติให้เกิดความรู้แจ้งด้วยตนเองจึงจะเรียกว่า ปัญญาเฉพาะตน ความเห็นแจ้งในหลักธรรมตนเองต้องพิสูจน์ทดลองให้รู้และเห็นเช่นนั้นจริง ...แม้การฟังก็สามารถบรรลุธรรมได้หากผู้ฟังน้อมระลึกด้วยการทำในใจให้แยบคายและเห็นจริงอยู่ขณะฟังธรรม เหมือนเช่น องคุลีมาร ที่บรรลุธรรมของพระองค์ด้วยการฟังมาแล้ว....เราหยุดแล้วแต่ท่านยังไม่หยุด.....สาธุในธรรมครับ

Sadhu

กราบสาธุครับ

สาธุคะ

สาธุคะ

กราบสาธุค่ะ